เอกสารประกอบการเรียน
ประกอบการสอนแบบโครงงานเป็นฐาน (PjBL)
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
รายวิชาชีววิทยา 3 รหสั วชิ า ว30248 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง การสงั เคราะหด์ ้วยแสง
เล่มที่ 5 : ปัจจยั บางประการทม่ี ผี ลตอ่ การสงั เคราะหด์ ้วยแสง
นางบญุ ลอ้ ม แกว้ ดอน
ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชำนาญการพเิ ศษ
โรงเรยี นเบต็ ตด้ี ูเมน 2 ช่องเมก็ อำเภอสิรนิ ธร จังหวดั อบุ ลราชธานี
สังกัดองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดอบุ ลราชธานี
ก
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
คำนำ
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ าชวี วทิ ยา 3 รหสั วิชา ว30248 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5
เรื่อง การสงั เคราะหด์ ้วยแสง กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบดว้ ยเอกสาร
ประกอบการเรียนทงั้ หมด 5 เลม่ ผู้สอนจัดทำขึน้ เพ่ือให้ผู้เรยี นใช้ประกอบกจิ กรรมการเรียนการสอน
และสามารถเรียนรดู้ ้วยตนเอง หรือนำไปใช้ในการเรยี นการสอนซ่อมเสริมได้ หรอื ใชใ้ นการสอนแทน
ได้เปน็ อยา่ งดี เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนมคี วามรู้ ความเข้าใจในเรื่องกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง อย่างคงทน
และนำผลไปสู่การยกระดบั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นไดด้ ียิ่งข้นึ
ภายในเล่มประกอบด้วย คำชี้แจงในการใช้เอกสารประกอบการเรียนสำหรับครู
คำชี้แจงในการใช้เอกสารประกอบการเรียนสำหรับนักเรียน แผนภูมิลำดับขั้นการใช้เอกสาร
ประกอบการเรียน มาตรฐานการเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน ใบความรู้ แบบฝึกหัด ใบงาน
แบบทดสอบหลังเรียน เฉลยแบบฝึกหัด เฉลยใบงาน เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
นกั เรยี นจงึ สามารถใช้เอกสารประกอบการเรียน เล่มนี้ได้ด้วยตนเอง ซ่ึงก่อนใช้นักเรียนจะต้องศึกษา
คำชี้แจงการใช้ให้เข้าใจ หากมีข้อสงสัยให้สอบถามครูผู้สอนจนเกิดความเข้าใจก่อนลงมือปฏิบัติ
กจิ กรรมเพอื่ ให้เกิดประสิทธิภาพสงู สุด
ผจู้ ัดทำหวงั เปน็ อยา่ งยิ่งว่าเอกสารประกอบการเรียน เร่ือง กระบวนการสังเคราะห์ด้วย
แสง นี้จะทำให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่อง กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ได้เป็นอย่างดี
และมผี ลสัมฤทธทิ์ างการเรียนสงู ขน้ึ สามารถใชเ้ พอ่ื ศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง เปน็ ส่ือท่มี ปี ระสิทธิภาพ
สามารถอำนวยประโยชนต์ ่อการเรยี นการสอนให้บรรลุวตั ถปุ ระสงค์ของหลักสูตรได้
บญุ ล้อม แกว้ ดอน
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
ข
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
สารบัญ
เรือ่ ง หน้า
คำนำ ก
สารบญั ข
คำชแ้ี จงเกยี่ วกับเอกสารระกอบการเรยี น ค
คำแนะนำในการใช้เอกสารประกอบการเรยี นสำหรบั ครู ง
คำแนะนำในการใช้เอกสารประกอบการเรยี นสำหรบั นักเรยี น จ
แผนภมู ิลำดับขน้ั การใช้เอกสารประกอบการเรียน ฉ
สาระการเรียนร้แู ละผลการเรียนรู้ 1
ใบความรู้ เร่อื ง ปจั จัยบางประการทม่ี ีผลตอ่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 3
ใบงาน เร่ือง ปัจจยั บางประการทมี่ ีผลต่อการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 25
แบบฝกึ หดั เรอื่ ง ปัจจยั บางประการทม่ี ผี ลตอ่ การสังเคราะหด์ ้วยแสง 30
แบบทดสอบยอ่ ยหลังเรยี น เรือ่ ง ปจั จัยบางประการทม่ี ีผลต่อการสังเคราะห์ดว้ ยแสง 32
กระดาษคำตอบแบบทดสอบยอ่ ยหลังเรียน 35
บรรณานุกรม 36
ภาคผนวก 38
เฉลยใบงาน เรื่อง ปจั จัยบางประการทม่ี ีผลตอ่ การสังเคราะหด์ ้วยแสง 39
เฉลยแบบฝึกหัด เรือ่ ง ปจั จยั บางประการทมี่ ผี ลตอ่ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง 46
เฉลยแบบทดสอบย่อยหลังเรยี น เรื่อง ปัจจัยบางประการทมี่ ีผลตอ่ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง 48
ประวตั ิยอ่ เจ้าของผลงาน 49
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
ค
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
คำชี้แจงเกย่ี วกับเอกสารประกอบการเรียน
1. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยา 3 รหัสวิชา
ว30248 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ประกอบดว้ ยเอกสารประกอบการเรียน ท้ังหมด 5 เล่ม ดงั นี้
เลม่ ที่ 1 การศึกษาที่เกย่ี วกับการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง เวลา 4 ช่วั โมง
เล่มที่ 2 กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื เวลา 4 ชั่วโมง
เล่มที่ 3 โฟโตเรสไพเรชัน เวลา 4 ชว่ั โมง
เลม่ ท่ี 4 การเพิม่ ความเขม้ ของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เวลา 4 ช่วั โมง
เลม่ ท่ี 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง เวลา 4 ช่วั โมง
2. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ รายวิชาชีววิทยา 3
รหสั วิชา ว30248 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ประกอบด้วย
- คำชีแ้ จงเกีย่ วกับเอกสารประกอบการเรยี น
- คำแนะนำสำหรบั ครู
- คำแนะนำสำหรบั นกั เรียน
- หนว่ ยการเรียนรู้ / สาระการเรียนรู้ / ผลการเรียนรู้
- จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ / สาระสำคัญ
- ใบความรู้ / ใบงาน / แบบฝึกหัด
- แบบทดสอบยอ่ ยหลังเรยี น
- เฉลยใบงาน / แบบฝกึ หัด
- เฉลยแบบทดสอบยอ่ ยหลังเรยี น
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
ง
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
คำแนะนำในการใชเ้ อกสารประกอบการเรยี นสำหรบั ครู
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยา 3
รหัสวิชา ว30248 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ครูผู้สอนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการดำเนินการจัดการ
เรียนร้ขู องนกั เรยี นให้บรรลุวตั ถุประสงค์ ครูผูส้ อนควรปฏบิ ตั ิ ดงั นี้
1. จดั เตรียมเอกสารประกอบการเรยี นใหพ้ ร้อมและเพยี งพอสำหรบั นักเรยี น
2. ใหน้ กั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพอื่ ประเมนิ ความรู้เดมิ ของนักเรียน
3. แจ้งจุดประสงค์การเรยี นรสู้ ู่ตัวชีว้ ดั ให้นักเรียนทราบ
4. แจกเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ ให้นักเรียน
ศึกษาและแนะนำวิธใี ช้เอกสารประกอบการเรยี นเพ่ือนกั เรียนจะได้ปฏิบัตไิ ด้อยา่ งถูกต้อง
5. ดำเนนิ การสอนตามกิจกรรมการเรียนรูท้ ่ีกำหนดไว้ในแผนการจดั การเรยี นรู้
6. หากมนี ักเรียนบางคนเรียนไม่ทนั ครคู วรใหค้ ำแนะนำ หรอื อาจมอบหมายงาน
หรอื เอกสารใหศ้ ึกษาเพมิ่ เติมในเวลาว่าง
7. หลังจากนักเรียนศึกษาเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ความหลากหลายทาง
ชวี ภาพ เรยี บรอ้ ยแล้ว ครแู ละนกั เรียนควรช่วยกันสรุป พร้อมทงั้ ใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหัดและทำ
แบบทดสอบหลงั เรยี น
8. ครูเฉลยแบบฝึกหัด แบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน และบันทึกคะแนนของ
นักเรียนแตล่ ะคนไว้ เพอ่ื ประเมนิ การพัฒนาและความก้าวหน้า หากมีนกั เรียนไมผ่ ่านเกณฑค์ รูควร
จดั สอนซ่อมเสริม
9. ครูสังเกตความตัง้ ใจของนักเรยี น ความสนใจในการเรยี น การทำงานร่วมกันเป็น
กลมุ่ ของนกั เรยี นทกุ กลุ่มอย่างใกล้ชิด ถา้ กลมุ่ ใดมปี ญั หาครูทำหนา้ ท่ีใหค้ ำแนะนำ
10.การตรวจนับคะแนนแบบทดสอบหลังเรียน ตอบถูกได้คะแนนข้อละ 1 คะแนน
โดยใชเ้ กณฑก์ ารผ่านร้อยละ 80 ถ้านักเรียนทำคะแนนไดน้ ้อยกว่าร้อยละ 80 ควรจดั ให้มีการสอน
ซ่อมเสริม
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
จ
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
คำแนะนำในการใชเ้ อกสารประกอบการเรยี นสำหรบั นกั เรียน
ในการศึกษาเอกสารประกอบการเรียน เรอื่ ง กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง รายวิชา
ชีววิทยา 3 รหัสวิชา ว30248 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการ
สงั เคราะห์ด้วยแสง นักเรียนควรปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำ ดงั น้ี
1. อา่ นคำชแี้ จงเก่ยี วกับเอกสารประกอบการเรยี นและคำแนะนำสำหรับนักเรียนให้
เข้าใจก่อนที่จะลงมือศึกษาเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการ
สงั เคราะห์ดว้ ยแสง
2. นกั เรยี นศกึ ษาสาระ/มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ จุดประสงค์
การเรยี นร้ขู องเรือ่ งท่ีเรยี นให้เข้าใจ
3. ศึกษาเอกสารประกอบการเรียนจากใบความรู้ที่ครูจัดเตรียมไว้ด้วยความตั้งใจ
โดยปฏิบตั ิตามข้นั ตอนท่กี ำหนดไวใ้ นกรอบคำสงั่
4. เมื่อนักเรียนศึกษาสาระการเรียนรู้เสร็จเรียบร้อย ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท่คี รู
จัดเตรียมไว้ หากนักเรียนไม่เข้าใจสาระการเรียนรู้ใดให้กลับไปศึกษาอีกครั้ง และให้นักเรียน
ปฏบิ ตั ติ ามข้นั ตอนเพ่อื ให้เกดิ ความเข้าใจมากยงิ่ ขึน้
5. ทำแบบทดสอบย่อยหลังเรียน เพื่อเปรียบเทียบความก้าวหน้าในการเรียนของ
นกั เรียน
6. นักเรียนศึกษาและทำกิจกรรมร่วมกับครูหรือร่วมกับกลุ่มตามที่กำหนดไว้ใน
แบบฝกึ หดั และใบงาน
7. นักเรียนควรมีความซื่อสัตย์และวินัยในการทำกิจกรรมการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ใน
เอกสารประกอบการเรียน
8. ในการทำแบบฝึกหัด แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนให้นักเรียนทำด้วย
ความตั้งใจและมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองให้มากที่สุด โดยไม่ดูเฉลยก่อนทำแบบฝึกหัดและ
แบบทดสอบ
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
ฉ
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
แผนภมู ิลำดับขัน้ การใช้เอกสารประกอบการเรยี น
อ่านคำชแี้ จงและคำแนะนำในการใช้เอกสารประกอบการเรยี น
ศึกษาจดุ ประสงค์การเรียนรูส้ ู่ตวั ชีว้ ัด เสริมพื้นฐาน
ทดสอบกอ่ นเรียน ผ้มู ีพน้ื ฐาน
ศึกษาบทเรยี นและฝึกปฏบิ ัตติ ามขัน้ ตอน ต่ำ
ประเมนิ ผลการทำเอกสารประกอบการเรียน
ไม่ผ่าน ทดสอบหลังเรยี น
การทดสอบ ผ่านการทดสอบ
c[ศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียนเร่ืองต่อไป
เลม่ ท่ี 5 ปจั จยั บางประการที่มผี ลตอ่ การสงั เคราะหด์ ้วยแสง
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
1
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
เล่มที่ 5 ปจั จัยบางประการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของ
พชื
สาระการเรยี นร้แู ละผลการเรยี นรู้
สาระชีววทิ ยา
3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของ
พืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพชื
รวมทงั้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ผลการเรยี นรู้
4. สืบคน้ ข้อมลู อภปิ รายและสรปุ ปัจจยั ความเขม้ ของแสง ความเขม้ ขน้ ของคารบ์ อนไดออกไซด์
และอุณหภมู ิ ที่มีผลตอ่ การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
2
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. สืบค้นข้อมูล และระบุปัจจัยบางประการที่มีผลต่ออัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
(K)
2. ทดลอง อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับปัจจัยบางประการที่มีผลต่ออัตราการสงั เคราะห์ด้วย
แสงของพืช (P)
3. วิเคราะห์ และอธิบายเกี่ยวกับความเข้มแสง ความเข้มข้นของ CO2 และอุณหภูมิที่มีผล
ต่ออตั ราการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื (P)
4. สามารถสร้างนวัตกรรมที่ใช้ในการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนด้วยกิจกรรมการ
เรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานไปสู่การปฏิบัติจริง พัฒนาสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน และทักษะใน
ศตรวรรษท่ี 21 ได้ (P)
5. รบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ีและงานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย (A)
สาระสำคัญ
ปัจจัยของสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่ออัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงซึ่งทำาให้อัตราการสังเคราะห์
ด้วยแสงไม่อยู่ในระดับสูงสุด เรียกปัจจัยนั้นว่าเป็นปัจจัยจำากัด หากปัจจัยจำากัดนั้นมีปริมาณมาก
ขึ้นจนเพียงพอจะไม่ใช่ปัจจัยจำากัดอีกต่อไป แต่อาจมีปัจจัยอื่นที่กลายเป็นปัจจัยจำากัดที่มีผลต่อ
อตั ราการสงั เคราะหด์ ้วยแสง
ความเข้มแสง ความเข้มข้นของ CO2 อุณหภูมิ ปริมาณน้ำา และธาตุอาหาร เป็นปัจจัยที่มี
ผลต่ออัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ซึ่งเมื่อพืชได้รับปัจจัยต่างๆ เหล่านี้อย่างเหมาะสมจะ
ส่งผลใหม้ ีการเจริญเตบิ โตได้ดี
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
3
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
ใบความรู้ท่ี 5
เร่ือง ปัจจยั บางประการทีม่ ีผลตอ่ การสังเคราะห์ดว้ ยแสง
ปัจจัยบางประการทม่ี ผี ลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง
ในปัจจุบันประชากรมนุษย์เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ความต้องการอาหารทั้งเนื้อสัตว์ พืช
ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากพืชให้ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น ดังนั้นการศึกษา
เกย่ี วกับปจั จยั ทีม่ ีผลตอ่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงจึงเป็นแนวทางหน่งึ ที่จะสามารถนำความรู้มาประยุกต์
กับการเกษตรเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงตามที่ต้องการได้ดียิ่งขึ้น สภาพแวดล้อมของพืชมีผลต่อการ
สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงอยา่ งไร และปจั จัยใดบ้างท่สี ่งผลต่ออตั ราการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื
รูปที่ 5.1
ทีม่ า : คลงั ภาพ อจท.
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
4
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
1. ความเขม้ ของแสง
ถ้ามีความเข้มของแสงมาก อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อุณหภูมิกับ
ความเข้มของแสง มีผลต่ออตั ราการสังเคราะห์ด้วยแสงร่วมกนั คือ ถา้ อุณหภมู สิ งู ขึน้ เพียงอย่างเดียว
แต่ความเข้มของแสงน้อยจะไม่ทำให้อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงเพิ่มขึ้น อัตราการสังเคราะห์ด้ วย
แสงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขีดหนึ่งแล้วอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะลดต่ ำลงตามอุณหภูมิ
และความเข้มของแสงที่เพิ่มขึ้นอุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในชว่ ง 0-35 °C หรือ 0-40 °C ถ้าอุณหภูมิสงู
กว่านี้ อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะลดลง ทั้งนี้เนื่องจากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเป็น
ปฏิกริ ิยาทม่ี เี อนไซม์ควบคุม และการทำงานของเอนไซม์ขึน้ อยู่กับอุณหภมู ิ
ถ้าความเข้มของแสงน้อยมาก จนทำให้การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชเกิดขึ้นน้อยกว่า
กระบวนการหายใจ น้ำตาลถูกใช้หมดไป พืชจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสง
ของพืชไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับความยาวคลื่น (คุณภาพ) ของแสง
และช่วงเวลาทีไ่ ด้รับ เช่น ถ้าพืชได้รับแสงนานจะมีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงดขี ึน้ แต่ถ้าพืชได้
แสงที่มีความเข้มมากๆ ในเวลานานเกินไป จะทำให้กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงชะงัก หรือหยุด
ลงได้ทั้งนี้เพราะคลอโรฟิลล์ถูกกระตุ้นมากเกินไป ออกซิเจนที่เกิดขึ้นแทนที่จะออกสู่บรรยากาศ
ภายนอก
แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมายงั โลกมีปริมาณแตกตา่ งกันไปขึ้นกับตำแหน่งบนพื้นโลกและฤดูกาล
แสงบางส่วนจะถูกดูดและสะท้อนโดยบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลก แสงที่สามารถผ่านบรรยากาศ
และผ่านมากระทบผิวโลก พืชสามารถดูดกลืนไว้ได้เพียงร้อยละ 40 ในร้อยละ 40 นี้ จะเกิดการ
สะท้อนและส่องผ่านไปร้อยละ 8 และสูญเสียไปในรปู ความร้อนร้อยละ 8 มีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้นท่ี
พืชนำไปใชส้ ร้างคาร์โบไฮเดรตดว้ ยกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง สว่ นอกี ร้อยละ 19 น้ัน สูญเสยี ไป
ในกระบวนการเมแทบอลิซึมของพืช
มีผู้ศึกษาความเข้มข้นของแสงกับอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช 3 ชนิด โดยวัดจาก
อัตราการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ ดังกราฟ
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
5
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
รูปที่ 5.2
ทีม่ า : คลังภาพ อจท.
จากการศึกษายังพบว่าในที่มืดอัตราการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นลบ นั่นคือ
คาร์บอนไดออกไซด์ถูกปล่อยออกมาเนื่องจากการหายใจเมื่อความเข้มของแสงเพิ่มขึ้นจนกระทั่ง
อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการหายใจเท่ากับอัตราการตรึงคารบ์ อนไดออกไซด์จากการ
สังเคราะห์ด้วยแสงเรียกจุดที่ความเข้มแสงนี้ว่าไลท์คอมเพนเซชันพอยท์ (light compensation
point) เมือ่ ให้ความเขม้ ขน้ ของแสงเพ่ิมข้ึนอตั ราการตรึงคารบ์ อนไดออกไซดส์ ุทธิจะเพ่ิมขึน้ และเมื่อ
เพิ่มความเข้มข้นของแสงมากขึ้นเร่ือยๆ จะถึงจุดหนึ่งที่เมื่อเพิ่มความเข้มข้นของแสงแล้วอัตราการ
ตรึงคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิจะไม่เพิ่มขึ้น เราเรียกค่าความเข้มข้นของแสง ณ จุดนี้ว่า จุดอิ่มตัวของ
แสง
เ น ื ่ อ ง จ า ก พ ื ช ใ น ท ี ่ ร ่ ม ม ี อ ั ต ร า ก า ร ห า ย ใ จ ต ่ ำ ก ว ่ า พ ื ช ท ี ่ อ ย ู ่ ก ล า ง แ จ ้ ง จ ึ ง ม ี ก า ร ต รึ ง
คาร์บอนไดออกไซด์สทุ ธิ เป็นศนู ยไ์ ดท้ ร่ี ะดับความเขม้ แสงตำ่ ดงั นัน้ พืชในที่รม่ จงึ มีไลทค์ อมเพนเซชัน
พอยท์ต่ำกว่าพืชที่อยู่กลางแจ้ง ในพืชส่วนใหญ่จะมีจุดอิ่มตัวของแสงในช่วงแสงประมาณ 300 –
1000 ไมโครmol ของโฟตอน
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
6
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
2. ความเขม้ ข้นของคาร์บอนไดออกไซด์
ถ้าความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพิ่มขึ้นจากระดับปกติที่มีในอากาศ
อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย จนถึงระดับหนึ่งถึงแม้ว่าความเข้มข้นของ
คาร์บอนไดออกไซด์จะสูงขึ้น แต่อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงไม่ได้สูงขึ้นตามไปด้วย และถ้าหากว่า
พชื ได้รับคารบ์ อนไดออกไซด์ ที่มีความเข้มข้นสูงกว่าระดับน้ำแลว้ เป็นเวลานานๆ จะมีผลทำให้อัตรา
การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงลดต่ำลงได้
จากการศึกษาของภาควิชาพชื ไร่นา คณะเกษตร มหาวิยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่าอตั รา
การตรึงตารบ์ อนไดออกไซดข์ องข้าว ข้าวโพด และอ้อย ดงั กราฟ
รปู ท่ี 5.3
ท่มี า : คลังภาพ อจท.
จะเห็นว่าที่ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำมากพืชจึงสังเคราะห์ด้วยแสงได้น้อย
เพราะขาดคาร์บอนไดออกไซด์ แต่เมื่อความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเพิ่มขึ้น พืชจะ
สามารถตรงึ คารบ์ อนไดออกไซด์ไดม้ ากข้นึ
ถ้าอัตราการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ดว้ ยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงน้อยกวา่ อัตราการ
ปล่อยคารบ์ อนไดออกไซด์จากกระบวนการหายใจ อตั ราการตรึงคาร์บอนไดออกไซดส์ ทุ ธิจะเป็นลบ
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
7
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการทีม่ ผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
แต่เมือ่ เพิ่มความเข้มข้นของคารบ์ อนไดออกไซด์ไปถงึ ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ระดับหนึ่ง
ที่ทำให้อัตราการตรึงคารบ์ อนไดออกไซดด์ ว้ ยกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงเท่ากับอัตราการปลอ่ ย
คาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการหายใจเรียกความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ ณ จุดนี้ว่า
คาร์บอนไดออกไซด์คอมเพนเซชันพอยท์ ซึ่งเป็นจุดที่พืชมีอัตราการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ
เท่ากับศูนย์และเมื่อเพิ่มความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น อัตราการตรึง
คาร์บอนไดออกไซด์จะมากกว่าอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการหายใจ นั่นก็คืออัตรา
การตรึงคาร์บอนไดออกไซดส์ ทุ ธเิ ปน็ บวก
ในพืชพวกข้าวโพดและอ้อย ซึ่งเป็นพืช C4 จะมีคาร์บอนไดออกไซด์คอมเพนเซชันพอยท์
ที่ระดับความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าพืช C3 เช่น มะม่วง และข้าว เนื่องจากพืช C4
มีกลไกเพิ่มความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในเซลล์บันเดิลชีททำให้การสูญเสีย
คาร์บอนไดออกไซด์โดยกระบวนการโฟโตเรสไพเรชันมีน้อยมาก อย่างไรก็ดีในสภาพที่มีออกซิเจน
น้อยโฟโตเรสไพเรชันในพืช C3 เกิดขึ้นได้น้อย ทำให้ค่าคาร์บอนไดออกไซด์คอมเพนเซชันพอยท์
ระหวา่ งพชื C3 และ C4 จะมีความแตกตา่ งกนั น้อยมาก
เมื่อความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเพิ่มมากขึ้น อัตราการตรึง
คาร์บอนไดออกไซด์ก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน แต่เมื่อความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ
เพิ่มมากขึ้นถึงจดุ หนึ่งอัตราการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์สทุ ธิจะไม่เพิม่ ขึ้นเรียกว่าค่าความเข้มข้นของ
คาร์บอนไดออกไซด์ ณ จดุ นีว้ า่ จดุ อิ่มตัวของคาร์บอนไดออกไซด์ เนือ่ งจากคารบ์ อนไดออกไซด์ไม่ใช่
ปัจจัยจำกัดแล้วแต่ในระยะนี้ อัตราการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิถูกกำจัดด้วยกระบวนการสราง
RuBP ขน้ึ มาใหม่ โดยวฏั จักรคลั วนิ
อัตราการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิในข้าวโพด และอ้อย ซึ่งเป็นพืช C4 เข้าสู่ช่วงระยะ
อิ่มตัว ระดับความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศต่ำกว่าข้าว ซึ่งเป็นพืช C3 เนื่องจากท่ี
ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศระดับปกติ ประมาณ 350 ppm พืช C4 มีกลไก
เพม่ิ ความเขม้ ข้นของคารบ์ อนไดออกไซด์ในเซลลบ์ ันเดลิ ชที ได้ดีจนเอนไซม์รบู สิ โกสามารถทำงานได้ดี
จึงทำให้อัตราการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเข้าสู่ระยะอิ่มตัวทำให้กราฟเริ่มจะคงที่ ในขณะท่ี
เอนไซม์รูบิสโกของพืช C3 ต้องการความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศสูงถึง 650
ppm จึงจะทำให้อตั ราการตรึงคารบ์ อนไดออกไซด์สุทธิเขา้ สู่ช่วงระยะอ่ิมตัว
อย่างไรก็ดีที่อัตราการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ที่เท่ากันระหว่างพืช C3 และพืช C4 พบว่า
พืช C4 ต้องสูญเสียพลังงานมากข้ึนกว่าพืช C3 ในกลไกการเพิ่มความเข้มขน้ ของคาร์บอนไดออกไซด์
ในเซลล์บันเดิลชีท
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
8
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
3. อณุ หภูมิ
อุณหภูมิ นับว่าเป็นปัจจัยท่ีมีผลต่อการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืช โดยทั่วไปอัตราการ
สังเคราะห์ด้วยแสงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น 10-35 °C ถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นกว่านี้อัตราการ
สังเคราะห์ดว้ ยแสงจะลดต่ำลงตามอุณหภูมิทเ่ี พ่ิมขนึ้ อตั ราการสงั เคราะห์ด้วยแสงที่อุณหภูมิสูงๆ ยัง
ข้นึ อยูก่ บั เวลาอีกปัจจัยหนึ่งด้วย กลา่ วคือ ถา้ อุณหภมู สิ ูงคงท่ี เช่น ที่ 40 °C อัตราการสังเคราะห์ด้วย
แสงจะลดลงตามระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพราะเอนไซม์ทำงานได้ดีในช่วงอุณหภูมิพอเหมาะ ถ้าสูง
เกิน 40 °C เอนไซม์จะเสื่อมสภาพทำให้การทำงานของเอนไซม์ชะงักลง ดังนั้นอุณหภูมิจึงมี
ความสมั พนั ธต์ อ่ การสังเคราะห์แสงด้วย
รูปท่ี 5.4
ทีม่ า : คลังภาพ อจท.
ได้มีผู้ทำการทดลองเกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วยแสงของยางพารา โดยการวัดปริมาณ
แก๊สออกซิเจนทเ่ี กดิ ขน้ึ ปรากฏวา่ เมอ่ื อณุ หภูมิเพ่ิมข้ึน อตั ราการสงั เคราะหด์ ้วยแสงจะเป็นดังกราฟ
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
9
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
รูปที่ 5.5
ท่ีมา : https://sites.google.com/site/sophaphan1234/-paccay-tx-kar-sangkheraah-
saeng
จากกราฟจะเห็นว่า อุณหภูมิมีอิทธิพลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช เนื่องจาก
อุณหภูมิมีอิทธิพลต่อการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ดังนั้นถ้าอุณหภูมิเหมาะสมต่อการทำงานของ
เอนไซมจ์ ะทำใหพ้ ชื มีอตั ราการสังเคราะห์ด้วยแสงสูงสดุ
นอกจากนี้ยังพบว่าเมื่ออุณหภูมิสู.ขึ้นถึงระดับหนึ่ง มีผลต่ออัตราการสังเคราะห์ด้วย
แสง ดงั น้ี
1. อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงลดลงเนื่องจากอัตราการหายใจและอัตราโฟโตเรสไพเรชัน
เพ่ิมขึน้ การตรึงคาร์บอนไดออกไซด์จงึ ลดลงดว้ ย
2. เมอ่ื ณุ หภูมสิ งู หรือต่ำกว่าอุณหภูมิท่เี หมาะสมต่อการสังเคราะห์ดว้ ยแสงมากๆ จะมีผลทำ
ให้สมบัตกิ ารเปน็ เยอ่ื เลือกผ่านของเย่ือหมุ้ ออร์แกเนลลต์ ่างๆ ทีจ่ ำเปน็ ต่อการทำงานของกระบวนการ
สงั เคราะห์ดว้ ยแสงสูญเสยี ความสามารถไปด้วยทำให้อัตราการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงลดลง
3. เมื่ออุณหภูมิสูงจะทำให้เอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเสยี สภาพ
ไปได้มีผู้ศึกษาพืชเศรษฐกิจที่อายุสั้น เช่น ข้าวโพด ฝ้าย และถั่วเหลือง ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีใน
ภูมิอากาศเขตร้อน พบว่าต้องการอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงสูงกว่าพืชท่ี
เจริญเติบโตในภูมิอากาศเขตหนาว เช่น มันฝรั่ง ข้าวสาลี และข้าวบาเลย์ ส่วนพืชที่เจริญใน
ทะเลทรายสามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ในที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ส่วนพืชที่เจริญเติบโตใน
เขตหนาวของโลกที่มีอุณหภูมิต่ำสามารถสังเคราะห์ด้วยแสงที่อุณหภูมิใกล้ 0 องศาเซลเซียส ถ้า
พิจารณาอุณหภูมิที่เหมาะสมในช่วงวันหนึ่งๆ พบว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง
ของพืชจะใกล้เคียงกับอุณหภูมิของอากาศช่วงเวลากลางวันในบริเวรที่พืชนั้นๆ เจริญเติบโต
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
10
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
ยกเว้นในเขตหนาวอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง ของพืชอาจสูงกว่าอุณหภูมิ
อากาศ และอุณหภูมขิ องใบพชื ขณะทีไ่ ด้รับแสงกม็ ักจะสงู กว่าอณุ หภมู ิของอากาศดว้ ย
สำหรับพืชท่อี ยู่ในเขตเดยี วกนั ของโลก โดยท่วั ไปอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการสังเคราะห์ด้วย
แสงของพชื C3 จะตำ่ กวา่ อณุ หภมู ิทเ่ี หมาะสมตอ่ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื C4
ในการทดลองให้พืช C3 อยู่ในสภาพที่มีความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ถึงจุดอิ่มตัว
จะทำให้โฟโตเรสไพเรชนั เกดิ ได้น้อยมาก จึงพบว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมตอ่ การสังเคราะห์ด้วยแสงสูง
มากขนึ้ กว่าท่พี บในสภาพทีม่ ีความเขม้ ข้นของคารบ์ อนไดออกไซด์ระดบั ปกติ
นอกจากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ใบพืชที่เพิ่งผลิออกขากต้นพืชที่เจริญเติบโตน่าจะมี
กระบวนการแมเทบอลิซึมในใบต่างกัน ดังนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่าอายุของใบก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผล
ตอ่ การสังเคราะหด์ ้วยแสง
4. อายุของใบ
ใบจะต้องไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป ซึ่งในใบอ่อนคลอโรฟิลล์ยังเจริญไม่เต็มที่ ส่วนใบท่ี
แก่มากๆ คลอโรฟิลลจ์ ะสลายตัวไปเป็นจำนวนมาก
ในพืชที่อ่อนหรือแก่เกินไปจะมีความสามารถในการสังเคราะห์ด้วยแสงต่ำกว่าใบพืชท่ี
เจริญเตบิ โตเต็มที่เพราะว่าใบที่อ่อนเกินไปการพัฒนาของคลอโรพลาสต์ยังไมเ่ จริญเตม็ ที่ส่วนใบท่แี ก่
เกินไปจะมีการสลายตวั ของกรานุมและคลอโรฟิลล์มีผลทำให้การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชลดลงไป
ดว้ ย
จากที่ได้ศึกษมาแล้วว่าปริมาณน้ำในดินและความชื้นในอากาศมีผลต่อการปิเเปิดปาก
ใบของพืชการปิดเปิดปากใบจะมีผลต่อการแพร่ของแก๊สออกซิเจนแ ละแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
ทแี่ พรเ่ ข้าออกจากปากใบดงั นน้ั ปริมาณนำ้ ทพ่ี ืชได้รบั น่าจะมีผลต่อการสงั เคราะห์ด้วยแสงดว้ ย
5. น้ำ
น้ำ (H2O) ถือเป็นวัตถุดิบที่จำเป็นต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (แต่ต้องการ
ประมาณ 1% เท่านั้น จึงไม่สำคัญมากนักเพราะพืชมีน้ำอยู่ภายในเซลล์อย่างเพียงพอ) อิทธิพลของ
น้ำมีผลต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงในส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ให้ปฏิกิริยา
เกิดข้ึนอยา่ งสมบูรณ์
เมื่อพชื ขาดน้ำอตั ราการสังเคราะห์ดว้ ยแสงจะลดลง เนอ่ื งจากปากใบของพชื จะปิดเพื่อ
ลดการคายน้ำซง่ึ ทำให้แก๊สคาร์บอนไดออกไซดแ์ พร่เขา้ สู่ปากใบไดย้ าก
สำหรับในสภาพน้ำท่วมหรือดินชุ่มไปด้วยน้ำ ทำให้รากพืชขาดแก๊สออกซิเจนที่ใช้ใน
การหายใจซงึ่ มีผลกระทบต่ออัตราการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
11
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
รูปท่ี 5.6
ทม่ี า : คลังภาพ อจท.
6. กา๊ ซออกซเิ จน
ในสว่ นของก๊าซออกซิเจนมผี ลในด้านปริมาณ ถ้าก๊าซออกซเิ จนลดลงจะมผี ลทำให้อัตรา
การสังเคราะห์ด้วยแสงสูงขึ้น แต่ถ้ามีมากเกินไปจะทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ของสารต่างๆ
ภายในเซลล์ โดยเป็นผลจากพลังงานแสง (Photorespiration) รุนแรงขึ้น การสังเคราะห์ด้วยแสงจึง
ลดลง
7. เกลือแร่
ธาตุแมกนีเซียม (Mg), และไนโตรเจน (N) ของเกลือในดิน มีความสำคัญต่ออัตราการ
สังเคราะห์ด้วยแสง เพราะธาตุดังกล่าวเป็นองค์ประกอบอยู่ในโมเลกุลของคลอโรฟิลล์ ดังนั้น ถ้าใน
ดินขาดธาตุทั้งสอง พืชก็จะขาดคลอโรฟิลล์ ทำให้การสังเคราะห์ด้วยแสงลดลงด้วย นอกจากนี้ยัง
พบวา่ เหล็ก (Fe) จำเปน็ ตอ่ การสร้างคลอโรฟิลล์ และสารไซโตโครม (ตัวรบั และถ่ายทอดอเิ ล็กตรอน)
ถา้ ไม่มีธาตุเหลก็ ในดินเพยี งพอ การสงั เคราะหค์ ลอโรฟิลล์กจ็ ะเกิดขน้ึ ไม่ได้
จากที่ศึกษามาแล้วจะทราบว่า สิ่งมีชีวิตที่สังเคราะห์ด้วยแสงจะต้องมีมารมีที่ใช้ใน
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยเฉพาะคลอโรฟิลล์และยังต้องมีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อ
กระบวนการสงั เคราะห์คลอโรฟลิ ล์
ธาตุแมกนีเซียมและไนโตรเจนเป็นธาตุสำคัญในองค์ประกอบของคลอโรฟิลล์ การขาด
ธาตุเหล่านี้ส่งผลให้พืชเกิดอาการใบเหลืองซีดที่เรียกว่า คลอโรซิส (chlorosis) เนื่องจากใบขาด
คลอโรฟิลล์
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
12
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
ธาตุเหล็กจำเป็นต่อการสร้างคลอโรฟลิ ล์และเปน็ องค์ประกอบของไซโทโครมซ่ึงเป็นตัว
ถ่ายอิเล็กตรอนส่วนธาตุแมงกานีสและคลอรีนจำเป็นต่อกระบวนการแตกตัวของน้ำในปฏิกิริยาการ
สังเคราะห์ด้วยแสงการขาดธาตุอาหารต่างๆ ที่กล่าวมานี้จะมีผลให้อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสง
ลดลงด้วย
ปจั จยั จำกัดในกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง
โดยทั่วไปเมื่อเพิ่มความเข้มแสงให้พืชจะทำให้อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงเพิ่มขึ้น
แสดงว่าความเข้มแสงเป็นปัจจัยที่มีผลในการจำกัดอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงในขณะนั้น จึงกล่าว
ได้ว่าความเข้มแสงเป็นปัจจัยจำกัด (limiting factor) แต่เมื่อเพิ่มความเข้มแสงขึ้นจนถึงระดับหน่ึง
อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะคงที่ แม้ว่าจะเพิ่มความเข้มแสงต่อไปก็ไม่ทำให้อัตราการสังเคราะห์
ด้วยแสงเพิ่มขึ้น แสดงว่าความเข้มแสงไม่ใช่ปัจจัยจำกัดแล้ว แต่มีปัจจัยอื่นเป็นปัจจัยจ ำกัดแทน
และถ้าต้องการใหอ้ ัตราการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงเพิ่มขึน้ อีกกต็ อ้ งพิจารณาว่าในขณะนัน้ ปัจจัยใดที่เปน็
ปัจจัยจำกัดแทนความเข้มแสง เช่น ความเข้มข้นของ CO2 ซึ่งถ้าเพิ่มขึ้นก็จะทำให้อัตราการ
สงั เคราะหด์ ้วยแสงเพิ่มขึ้น
จากการทดลองเพิ่มความเข้มแสงแล้ววัดอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชชนิดหน่ึง
นำขอ้ มูลมาเขียนกราฟได้ ดงั รูปท่ี 5.1
รปู 5.7 ผลของความเข้มแสงต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
ทมี่ า : หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ ชวี วิทยา เล่ม 3 (หน้า 167)
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
13
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
เมื่อทดลองเพิม่ ความเข้มข้นของ CO2 ใหม้ ากขึน้ แล้ววดั อัตราการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง นำ
ข้อมูลมาเขียนกราฟ ไดด้ ังรปู ท่ี 5.2
รปู 5.8 ผลของความเขม้ ของแก๊สคาร์บอนไดออกไซดต์ ่อการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืช
ท่มี า : หนังสือเรียนรายวิชาเพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ ชวี วิทยา เล่ม 3 (หนา้ 168)
สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ
การวัดอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงสามารถวัดได้จากการตรึง CO2 สุทธิ ซึ่งเป็นปริมาณ
CO2 ที่พืชตรึงได้ทั้งหมดโดหักลบปริมาณ CO2 ที่เกิดขึ้นจากการหายใจระดับเซลล์และโฟโตเรส
ไพเรชันในพืช นอกจากนี้อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงยังสามารถวัดได้ด้วยวิธีการอื่น เช่น วัดจาก
ปรมิ าณ O2 ทเี่ กดิ ขึน้ หรอื มวลแห้ง (dry mass) ของพืชทีเ่ พม่ิ ขน้ึ
ปจั จยั ของสิ่งแวดลอ้ มทมี่ ีผลตอ่ อัตราการสงั เคราะหด์ ้วยแสง
ความเขม้
จากที่ได้ศึกษาข้างต้นพบว่าความเข้มแสงมีความสัมพันธ์กับอัตราการสังเคราะห์ด้วย
แสงแลว้ พืชแต่ละชนดิ ตอ้ งการแสงทม่ี ีความเขม้ ข้นแตกตา่ งกนั
ในการศึกษาผลของความเข้มข้นแสงกับอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช 3 ชนิด
โดยวัดจากอัตราการตรงึ CO2 สทุ ธิ ไดผ้ ลลัพธ์ ดงั รูปที่ 5.3
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
14
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
รูปที่ 5.9 ผลของความเข้มแสงตอ่ การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช 3 ชนดิ
ทม่ี า : หนังสอื เรียนรายวชิ าเพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ ชีววิทยา เล่ม 3 (หนา้ 169)
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ
เมื่อให้ความเข้มแสงเพิ่มขึ้น อัตราการตรึง CO2 สุทธิจะเพิ่มขึ้น และเมื่อเพิ่มความเข้มแสง
มากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่งท่ีเม่ือเพ่ิมความเข้มแสงแล้วอตั ราการตรึง CO2 สุทธิจะไม่เพิ่มขึ้น เรียก
คา่ ความเข้มแสงทจี่ ดุ น้ีวา่ จุดอมิ่ ตัวของแสง (light saturation point)
ในขณะที่พืชมีการตรึง CO2 พืชก็มีการหายใจระดับเซลล์และปล่อย CO2 โดยในที่มืดจะ
พบว่า อัตราการตรึง CO2 สุทธิเป็นลบเนื่องจาก CO2 ที่ถูกตรึงในการสังเคราะห์ด้วยแสงน้อยกว่า
CO2 ที่ปล่อยจากการหายใจระดับเซลล์ และเมื่อลดความเข้มแสงจนกระทั่งอัตราการปล่อย CO2
เท่ากับอัตราการตรึง CO2 เรียกค่าความเข้มแสงที่จุดนี้ว่า ค่าชดเชยแสง หรือไลต์คอมเพนเซชัน
พอยต์ (light compensation point) ซ่งึ เปน็ จุดตดั ของเสน้ กราฟบนแกน X
ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นละออง เขม่าควัน หากมีปริมาณมากจนทำ
ให้ความเข้มแสงน้อยกว่าค่าไลต์คอมเพนเซชันพอยต์ อัตราการตรึง C02 สุทธิจะเป็นลบ นั่นคือ
ความเข้มแสงไม่เพยี งพอสำหรบั พชื ในการดำรงชีวิตอยู่ได้
ความเขม้ ข้นของแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ในอากาศ
จากการศึกษาของภาควิชาพืชไรน่ า คณะเกษตร มหาวิทยาลันเกษตรศาสตร์ พบว่าอัตรา
การตรึง CO2 สุทธขิ องข้าวและอ้อย เปน็ ดังรูปที่ 5.4
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
15
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
รูปที่ 5.10 ผลของความเข้มขน้ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ตอ่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช 2 ชนดิ
ทม่ี า : หนังสอื เรียนรายวิชาเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ชวี วิทยา เล่ม 3 (หนา้ 170)
สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร
เมื่อความเข้มข้นของ CO2 ในอากาศเพิ่มขึ้น อัตราการตรึง CO2 จะสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
จนถึงจุดหนึ่งที่อัตราการตรึง CO2 สุทธิจะไม่เพิ่มขึ้น เรียกค่าความเข้มข้นของ CO2 ที่จุดนี้ว่า
จดุ อ่มิ ตวั ของคารบ์ อนไดออกไซด์ (carbon dioxide saturation point)
เมอ่ื ลดความเข้มข้นของ CO2 จนถึงระดบั หนง่ึ ทีท่ ำให้อัตราการตรึง CO2 ของการสังเคราะห์
ด้วยแสงเท่ากับอัตราการปล่อย CO2 จากการหายใจระดับเซลล์ เรียกค่าความเข้มขน้ ของ CO2 ที่จดุ
นี้ว่าค่าชดเชยคาร์บอนไดออกไซด์ หรือคาร์บอนไดออกซด์คอมเพนเซซันพอยต์ ( carbo
compensation point) ซ่ึงเป็นจดุ ตดั ของเสน้ กราฟบนแกน X
จากรูปที่ 5.4 จะเห็นได้ว่าอ้อยซึ่งเป็นพืช C4 เข้าสู่ระยะอิ่มตัวของ CO2 ก่อนข้าวซึ่งเป็นพชื
C3 เนื่องจากพืช C4 มีกลไกเพิ่มความเข้มข้นของ CO2 ในเซลล์บันเดิลชีท ทำให้อัตราการตรึง
คาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเข้าสู่ระยะอิ่มตัว กราฟจึงเร่ิมคงที่ ในขณะที่พืช C3 ต้องกาความเขม้ ข้นของ
CO2 ในนบรรยากาศสงู กว่า จึงจะทำให้อัตราการตรึง CO2 สุทธเิ ข้าสู่ระยะอิม่ ตัว
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
16
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
อณุ หภมู ิ
โดยทัว่ ไปอณุ หภมู ิทเี่ หมาะต่อการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืชประมาณ 10-30 oC เพราะเป็น
ช่วงที่เอนไซม์ทำงานได้ดีถ้าอุณหภูมิสูงเกินไปจะทำให้เอนไซม์เสียสภาพไม่สามารถทำงานได้
หรืออุณหภูมิต่ำเกินไปก็อาจทำให้ประสทิ ธิภาพการทำงานของเอนไซม์ลดลงได้เช่นกัน เมื่ออุณหภูมิ
สูงขึ้นถึงระดับหนึ่งการหายใจระดับเซลล์และโฟโตเรสไพเรชันจะเพิ่มขึ้น ทำให้การตรีง CO2 สุทธิ
ลดลง ดงั รปู ที่ 5.5
รูปที่ 5.11 อุณหภูมิทเ่ี หมาะสมต่อการสังเคราะหด์ ้วยแสงของยางพารา
ท่ีมา : หนังสอื เรยี นรายวิชาเพิม่ เตมิ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ ชวี วิทยา เล่ม 3 (หนา้ 171)
สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร
นอกจากนี้อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไปมีผลทำให้เยื่อหุ้มออร์แกเนลล์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการ
ทำงานของกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงมีสมบัติเป็นเย่ือเลอื กผ่านลดลง
ได้มีผู้ศึกษาพืชเศรษฐกิจที่อายุสั้น เช่น ข้าวโพด ฝ้าย ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนพบว่า
ต้องการอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงสูงกว่าพืชที่เจริญเติบโตในเขตอบอุ่น เช่น
มันฝรั่งและข้าวบาร์เลย์ ดังนั้นโดยทั่วไปอุณหภูมิที่หมาะสมต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงใกล้เคียงกับ
อุณหภูมิของอากาศในช่วงเวลากลางวันในบริเวณที่พืชนั้น ๆ เจริญเติบโต และถ้าต้องการให้พืชใน
เขตอบอุ่นบางชนิดสามารถนำมาปลกู ในเขตร้อนได้ อาจตอ้ งมกี ารปรับปรงุ พันธเ์ุ พื่อใหส้ ามารถทนต่อ
อุณหภูมิทสี่ ูงขนึ้ ได้
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
17
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
สำหรับพืชที่เจริญในเขตภูมิอากาศเดียวกันของโลกจะพบว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการ
สงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช C3 จะตำ่ กว่าพชื C4
ปริมาณน้ำ
เมื่อพืชเริ่มขาดน้ำจะทำให้รูปากใบแคบลงเพื่อลดการสูญเสียน้ำซึ่งส่งผลให้ CO2 ใน
บรรยากาศแพร่เข้าสใู่ บไดน้ ้อยลง อตั ราการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงจึงลดลง นอกจากนีก้ ารขาดน้ำทำให้รู
ปากใบแคบลงจนปากใบปิดซึ่งมีผลทำให้การคายน้ำลดลง นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิภายในใบ
ทำใหป้ ระสิทธภิ าพการทำงานของเอนไซม์ทเี่ กย่ี วขอ้ งกับการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืชลดลงอกี ด้วย
ธาตอุ าหาร
พืชต้องการธาตุอาหารหลายชนิด ธาตุอาหารมีความสำคัญต่อกระบวนการต่างๆ ของพืช
เช่น เป็นองค์ประกอบของโคแฟกเตอร์ท่ีจำเปน็ ตอ่ การทำงานของเอนไซม์ในกระบวนการสังเคราะห์
ด้วยแสง และปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่ต้องใช้เอนไซม์ ธาตุอาหารอะไรบ้างที่จำเป็นต่อการสังเคราะห์ด้วย
แสง
ธาตุแมกนีเซียมและไนโตรเจนเป็นธาตุอาหารที่เป็นองค์ประกอบของคลอโรฟิลล์ ส่วนธาตุ
เหล็กจำเป็นต่อการสรา้ งคลอโรฟลิ ล์ พชื ทข่ี าดธาตุเหลา่ น้ีจะมอี าการใบเหลอื งซีดท่เี รยี กวา่ คลอโรซิส
chlorosis) ดังรูปท่ี 5.6 สว่ นธาตแุ มงกานสี และคลอรนี จำเป็นตอ่ การแตกตัวของน้ำในปฏกิ ิริยาแสง
รปู ที่ 5.13 ลักษณะอาการคลอโรซิสของใบแตงกวา
ที่มา : หนังสอื เรยี นรายวชิ าเพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ ชีววิทยา เล่ม 3 (หนา้ 172)
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
18
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
นอกจากปัจจัยภายนอกดังกล่าวมาแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงอีก
เช่น อายุของใบโดยใบที่อ่อนหรือแก่เกินไปจะมีความสามารถในการสังเคราะห์ด้วยแสงต่ำกว่าใบ
ที่เจริญเติบโตเต็มที่ เพราะใบที่อ่อนเกินไปการพัฒนาของคลอโรพลาสต์ยังเจริญไม่เต็มที่ ส่วนใบ
ทแี่ ก่เกนิ ไปจะมกี ารสลายตวั ของกรานุมและคลอโรฟิลล์ มีผลทำใหก้ ารสงั เคราะห์ด้วยแสงลดลงดว้ ย
พืชบางชนิดยังสามารถปรับตัวในเรื่องใบให้อยู่รอดในปัจจัยจำกัดได้ เช่น ถ้าความเข้มแสง
มากขนึ้ เนือ้ เย่ือช้ันมีโซฟลิ ลจ์ ะหนาข้ึน แตถ่ า้ ความเข้มแสงน้อย ใบจะมีรปู รา่ งแบนบาง แผ่กว้าง การ
ปรับตัวดังกล่าวน้ีเกิดข้ึนในใบใหม่ที่ออกมา ไม่สามารถปรับโครงสร้างของใบเดิมท่ีมีอยู่แล้วได้ แต่ใน
ใบเดมิ อาจมีการปรับสดั ส่วนปริมาณของคลอโรฟิลลเ์ อ และคลอโรฟลิ ลบ์ ี ใหเ้ หมาะสมกับการดดู กลืน
แสงได้
เทคโนโลยีโรงงานผลิตพืช (plant factory) เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการปลูกพืช
ในระบบปิดหรือก่ึงปดิ โดยควบคุมปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเข้มแสง ปริมาณ CO2 อุณหภูมิ ความชื้น
ให้มีความเหมาะสมต่อการเจรญิ เติบโตของพชื หรือให้เหมาะสมตอ่ วัตถุประสงคท์ ี่ต้องการ เช่น เพิ่ม
คุณภาพของผลผลิต หรือควบคุมให้พืชสร้างสารที่ต้องการ เทคโนโลยีดังกล่าวนี้สามารถช่วยลดการ
ใชส้ ารเคมีกำจัดศัตรพู ืช รวมถึงลดการใชน้ ้ำและทรพั ยากรอ่ืน ๆ ได้ จงึ เป็นมติ รกบั สิ่งแวดล้อม
เทคโนโลยโี รงงานผลิตพชื นั้นสามารถทำได้ในพ้ืนท่ีจำกัด โดยได้มีการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์
และประสบความสำเร็จแล้วในประเทศญี่ปุ่น สำหรับในประเทศไทยซึ่งไม่ได้มีข้อจำกัดของพื้นที่
เพาะปลูก มีแนวโน้มที่จะนำเทคโนโลยีดงั กล่าวมาประยุกต์ใช้ในการปลูกพชื ในกลุ่มท่ีมมี ูลคา่ สูง เชน่
พืชสมุนไพร โดยควบคุมปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะปัจจัยแสงเพื่อให้พืชสมุนไพรสร้างสารออกฤทธิ์
ตามท่ตี อ้ งการ
ปัจจยั สำคญั สำหรบั การสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช ไดแ้ ก่
▪ แสง >> สว่ นใหญเ่ ปน็ แสงจากดวงอาทิตย์
▪ คลอโรฟิลล์ >> เป็นสารสีเขียวอยูใ่ นคลอโรพลาสต์ของเชลลพ์ ืช
▪ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ >> เป็นองคป์ ระกอบของอากาศ
▪ นำ้ >> รากพืชดูดข้นึ มาจากดิน
แสง เป็นปัจจยั ทส่ี ำคัญมากในการสร้างอาหารของพืช จงึ เรียกกระบวนการสร้างอาหารของ
พืชว่า “การสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis)” ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวที่นำพลังงานแสงมา
เปลี่ยนวัตถุดิบ คือ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ให้เป็นพลังงานเคมีในรูปของสารประกอบ
อนิ ทรียห์ รือสารประกอบทมี่ ีคารบ์ อนเป็นองค์ประกอบ
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
19
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
คลอโรฟิลล์ เป็นสารสีเขียวมีหน้าที่สำคัญในการดูดชับพลังงานแสงมาใช้ในกระบวนการ
สังเคราะห์ดว้ ยแสง ดังนน้ั ส่วนที่มีสเี ขียวของพชื เช่น ใบ กลบี เล้ียง ลำต้น ผลท่ีมเี ปลอื กสีเขียว หรือ
แม้แตร่ ากอากาศของกล้วยไม้ทมี่ สี ีเขยี วก็สามารถเกดิ การสังเคราะหด์ ้วยแสงได้
นอกจากคลอโรฟิลล์แล้ว ยังมีสารสีอื่น ๆ เช่น แคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารสีเหลือง ส้ม แดง
ที่สามารถดูดชับพลังงานแสงแล้วส่งต่อพลังงานแสงนัน้ ไปยงั คลอโรฟิลล์เพื่อใชใ้ นการสังเคราะหด์ ว้ ย
แสงตอ่ ไปผลผลิตทีไ่ ดจ้ ากการสังเคราะหด์ ้วยแสง คอื น้ำตาล และแก๊สออกซเิ จน ซึ่งพืชจะนำไปใช้ใน
กระบวนการหายใจเพ่ือสร้างพลงั งานใหก้ บั พืช
นอกจากนี้น้ำตาลยังเปน็ สารตั้งต้นในการสังเคราะห์เปน็ สารประกอบอินทรยี ์อืน่ ๆ ท่ีจำเป็น
ต่อการเจริญเดิบโตและการดำรงชีวิตของพืช เช่น แป้ง เซลลูโลส ไขมัน โปรตีน น้ำมันหอมระเหย
ซ่ึงสารบางอย่างเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างเซลล์ หรือใช้ในการซ่อมแซมเซลล์ สารบางอย่างพืช
สะสมน้ำตาลไว้ตามลำต้น ผล ราก ใบ เมล็ด บางส่วนกลายเป็นเนื้อไม้ สารบางอย่างที่พืชใช้ป้องกัน
ตนเอง หรอื ใชล้ ่อแมลง
นอกจากน้ำตาลและแก๊สออกซิเจนจะมีประโยชน์ต่อพืชแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิต
และสิ่งแวดล้อมอีกด้วยเพราะสารอินทรีย์ที่พืชสะสมไว้นี้เองที่เป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ
รวมทั้งมนุษย์ นอกจากกินเป็นอาหารแล้ว มนุษย์ยังใช้ประโยชน์จากพืชอีกหลายด้าน เช่น ใช้ทำ
กระดาษ สร้างที่อยู่อาศัย ใช้เป็นยารักษาโรค ส่วนแก๊สออกซิเจน มีความสำคัญในกระบวนการ
หายใจของสง่ิ มีชีวิตทกุ ชนดิ
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของพืช
และสิ่งมชี ีวิตชนิดอ่ืน ๆ รวมท้งั มผี ลต่อส่ิงแวดล้อม เพราะเป็นกระบวนการเดยี วที่นำพลังงานแสงมา
เปลี่ยนให้เปน็ พลงั งานเคมีเก็บไวใ้ นรูปของสารประกอบอินทรียท์ ีเ่ ป็นอาหารสำหรับส่ิงมีชีวติ ทุกชนดิ
บนโลก และยังช่วยลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศซ่ึงเปน็ สาเหตขุ องการเกิดภาวะโลก
ร้อน และช่วยรักษาสมดุลของปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สออกซิเจนในอากาศ ทำให้
สงิ่ มชี วี ิตชนิดต่าง ๆ สามารถดำรงชวี ิตอยู่ได้
ปจั จยั ที่มผี ลต่ออตั ราการสงั เคราะหด์ ้วยแสง
1) คาร์บอนไดออกไซด์ : ถา้ ความเขม้ ขน้ ของคาร์บอนไดออกไซด์ เพ่มิ ข้ึนจากระดับปกติท่ีมี
ในอากาศ อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย จนถึงระดับหนึ่งถึงแม้ว่าความ
เข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์จะสูงขึ้น แต่อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงไม่ได้สูงขึ้นตามไปด้วย
และถา้ หากว่าพืชได้รับคาร์บอนไดออกไซด์ ท่มี คี วามเข้มข้นสูงกว่าระดับน้ำแล้วเป็นเวลานานๆ จะมี
ผลทำให้อตั ราการสงั เคราะห์ด้วยแสงลดตำ่ ลงได้
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
20
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
คาร์บอนไดออกไซด์จะมีผลต่ออัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นด้วย
เช่น ความเขม้ ข้นสูงขึ้น แต่ความเขม้ ของแสงน้อย และอุณหภมู ิของอากาศก็ต่ำ กรณีเช่นน้ี อตั ราการ
สังเคราะห์ด้วยแสงจะลดต่ำลงตามไปด้วย ในทางตรงกันข้าม ถ้าคาร์บอนไดออกไซด์มีความเข้มข้น
สูงขึ้น ความเข้มของแสงและอุณหภูมิของอากาศก็เพิ่มขึ้น กรณีเช่นนี้อัตราการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงก็
จะสงู ขน้ึ ตามไปดว้ ย
นักชีววิทยาจึงมักเลี้ยงพืชบางชนิดไว้ในเรือนกระจกที่แสงผ่านเข้าได้มากๆ แล้วให้
คาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้นเปน็ พิเศษ ซึ่งมีผลทำให้พืชมีกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงเพิ่มมากข้ึน
อาหารเกิดมากขึ้น จึงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ออกดอกออกผลเร็ว และออกดอกออกผลนอก
ฤดูกาลกไ็ ด้
2) ความเข้มแสง : ถา้ มีความเข้มของแสงมาก อตั ราการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงจะเพมิ่ ข้ึนเรื่อยๆ
อุณหภูมิกับความเข้มของแสง มีผลต่ออัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงร่วมกัน คือ ถ้าอุณหภูมิสูงขึ้น
เพียงอย่างเดียว แต่ความเข้มของแสงน้อยจะไม่ทำให้อัตราการสงั เคราะห์ด้วยแสงเพิ่มขึ้น อัตราการ
สังเคราะห์ด้วยแสงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขีดหนึ่งแล้วอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะลดต่ำลงตาม
อุณหภมู ิและความเข้มของแสงท่ีเพ่ิมขน้ึ และยงั ข้ึนอยู่กับชนิดของพืชอีกดว้ ยเช่น C3 และ C4
ถา้ ไม่คิดถึงปัจจยั อืน่ ๆ เข้ามาเก่ียวข้อง อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื ส่วนใหญ่จะเพิ่ม
มากขึ้น เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นในช่วง 0-35 °C หรือ 0-40 °C ถ้าอุณหภูมิสูงกว่านี้ อัตราการสังเคราะห์
ด้วยแสงจะลดลง ท้งั นี้เนื่องจากกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงเป็นปฏกิ ริ ิยาทม่ี เี อนไซม์ควบคุม และ
การทำงานของเอนไซม์ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ดังนั้น เรื่องของอุณหภูมิจึงมีความสัมพันธ์กับอัตราการ
สังเคราะหด์ ว้ ยแสง เรียกปฏิกิรยิ าเคมีทีม่ ีความสัมพนั ธ์กับอณุ หภมู ิว่า ปฏกิ ริ ยิ าเทอร์โมเคมิคลั
ถ้าความเข้มของแสงวีดีน้อยมาก จนทำให้การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชเกิดขึ้นน้อยกว่า
กระบวนการหายใจ น้ำตาลถูกใช้หมดไป พืชจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสง
ของพืชไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับความยาวคลื่น (คุณภาพ) ของแสง
และช่วงเวลาทีไ่ ด้รับ เช่น ถ้าพืชได้รับแสงนานจะมีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงดขี ึน้ แต่ถ้าพืชได้
แสงที่มีความเข้มมากๆ ในเวลานานเกินไป จะทำให้กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงชะงัก หรือหยุด
ลงได้ทั้งนี้เพราะคลอโรฟิลล์ถูกกระตุ้นมากเกินไป ออกซิเจนที่เกิดขึ้นแทนที่จะออกสู่บรรยากาศ
ภายนอก พชื กลับนำไปออกซิไดส์สว่ นประกอบและสารอาหารตา่ งๆภายในเซลล์ รวมทั้งคลอฟิลล์ทำ
ให้สีของคลอโรฟิลล์จางลง ประสิทธิภาพของคลอโรฟลิ ล์และเอนไซม์เสื่อมลง ทำให้การสร้างน้ำตาล
ลดลง
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
21
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
3) อุณหภูมิ : เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช โดยทั่วไป
อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น 10-35 °C ถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นกว่านี้
อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงวีดีจะลดต่ำลงตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงท่ี
อุณหภูมิสูงๆ ยังขึ้นอยู่กับเวลาอีกปัจจัยหนึ่งด้วย กล่าวคือ ถ้าอุณหภูมิสูงคงที่ เช่น ที่ 40 °C อัตรา
การสังเคราะห์ด้วยแสงจะลดลงตามระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพราะเอนไซม์ทำงานได้ดีในช่วง
อุณหภูมิที่พอเหมาะ ถ้าสูงเกิน 40 °C เอนไซม์จะเสื่อมสภาพทำให้การทำงานของเอนไซม์ชะงักลง
ดังนั้นอุณหภูมิจึงมีความสัมพันธ์ต่อการสังเคราะห์แสงด้วย เรียกปฏิกิริยาเคมีที่มีความสัมพันธ์กับ
อณุ หภูมิวา่ ปฏิกริ ยิ าเทอรม์ อเคมิคอล (Thermochemical reaction)
4) อายุใบ : ใบพืชที่อ่อนหรือแก่เกินไป จะมีความสามารถในการสังเคราะห์ด้วยแสงต่ำกวา่
ใบพืชที่เจริญเติบโตเต็มที่ เพราะว่าใบที่อ่อนเกินไปการพัฒนาของคลอโรพลาสต์ยังไม่เจริญเต็มที่
ส่วนใบทแ่ี กเ่ กินไปจะมีการสลายตัวของกรานุมและคลอโรฟลิ ล์มผี ลทำให้การสังเคราะห์ด้วยแสงของ
พชื ลดลงไปด้วย
5) ปรมิ าณนำ้ ทีพ่ ชื ได้รบั : การปดิ เปดิ ปากใบจะมผี ลตอ่ การแพรข่ องแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์
และแก๊สออกซิเจนท่แี พร่เขา้ ออกจากปากใบ ดังนั้นปริมาณน้ำทพ่ี ืชไดร้ ับนา่ จะมีผลต่อการสังเคราะห์
ด้วยแสง เมื่อพืชขาดน้ำอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะลดลง เนื่องจากปากใบของพืชจะปิดเพื่อลด
การคายนำ้ ซึ่งทำให้แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์แพรเ่ ข้าสู่ปากใบไดย้ าก
6) สารอาหาร : ธาตุแมกนีเซียมและไนโตรเจนเป็นธาตุสำคัญขององค์ประกอบของ
คลอโรฟิลล์ การขาดธาตุเหล่านี้ส่งผลให้พืชเกิดอาการใบเหลอื งซีดที่เรียกว่า คลอโรซิส (Chlorosis)
เนือ่ งจากใบขาดคลอโรฟิลล์
ธาตุเหล็กจำเป็นต่อการสร้างคลอโรฟิลล์และเป็นองค์ประกอบของไซโทโครมคอมเพล็กซ์
ซึ่งเป็นตัวถ่ายทอดอิเล็กตรอน ส่วนธาตุแมกกานีสและคลอรีนจำเป็นต่อกระบวนการแตกตัวของน้ำ
ในปฏิกิริยาสังเคราะห์ด้วยแสง การขาดธาตุอาหารต่างๆ ที่กล่าวมานี้จะมีผลทำให้อัตราการ
สังเคราะห์ดว้ ยแสงลดลงด้วย
ในปัจจุบันประชากรมนุษย์เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ความต้องการอาหารทั้งเนื้อสัตว์ พืช
ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากพืชให้ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น ดังนั้นการศึกษา
เกี่ยวกบั ปัจจยั ทมี่ ีผลต่อการสงั เคราะห์ด้วยแสงจงึ เปน็ แนวทางหนึง่ ทจี่ ะสามารถนำความรู้มาประยุกต์
กับการเกษตรเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงตามที่ต้องการได้ดียิ่งขึ้น สภาพแวดล้อมของพืชมีผลต่อการ
สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงอย่างไร และปัจจัยใดบ้างทสี่ ่งผลต่ออัตราการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืช
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
22
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
กรณศี กึ ษา
ในการทดลองวัดอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงของสาหร่ายหางกระรอกที่ความเข้มแสง
ตา่ งกนั โดยจดั ชดุ การทดลอง ดังรูป
รปู ท่ี 5.14 ลกั ษณะอาการคลอโรซิสของใบแตงกวา
ทม่ี า : หนังสือเรยี นรายวชิ าเพิ่มเติมวิทยาศาสตรช์ ีวภาพ ชีววิทยา เล่ม 3 (หน้า 165)
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ
เมื่อวางโคมไฟห่างจากสาหร่ายหางกระรอกที่ระยะ 40 30 20 และ 10 cm ตามลำดับ
พบว่ามี O2 เกิดขึ้นจากการสังเคราะห์ด้วยแสงของสาหร่ายหางกระรอก ซึ่งจะดันให้น้ำสีในหลอด
คะปิลลารีเคลื่อนที่ไปทางด้านซ้าย และสามารถบันทึกระยะทางที่น้ำสีเคลื่อนที่ไปทุก ๆ 1 นาที
เป็นเวลา 5 นาที ไดผ้ ลดังตาราง
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
23
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
รูปที่ 5.15
ทม่ี า : หนังสือเรยี นรายวชิ าเพม่ิ เติมวทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ ชวี วิทยา เล่ม 3 (หนา้ 165)
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
นำข้อมูลจากตารางมาเขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างระยะทางที่น้ำสีเคลื่อนที่จาก
จดุ เริม่ ตน้ กบั เวลาเม่อื วางโคมไฟห่างจากสาหรา่ ยหางกระรอกทร่ี ะยะทางต่างๆ กัน
รปู ที่ 5.16
ทม่ี า : หนังสือเรียนรายวิชาเพม่ิ เตมิ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ชวี วิทยา เล่ม 3 (หน้า 166)
สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
24
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
การที่โคมไฟอยู่ห่างจากสาหร่ายหางกระรอกในระยะต่างกัน มีผลต่อความเข้มแสง
และสัมพนั ธ์กบั อตั ราการสังเคราะห์ดว้ ยแสงอย่างไร
ในการทดลองน้ี อัตราการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของสาหร่ายหางกระรอกวดั ไดจ้ ากสง่ิ ใด
ถ้าหลอดคะปิลลารีมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.2 cm อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงเมื่อวาง
โคมไฟหา่ งจากสาหรา่ ยหางกระรอก 40 cm มีค่าเทา่ ใด
การนำขวดทใ่ี ส่สาหรา่ ยหางกระรอกแชน่ ำ้ ในบีกเกอร์นัน้ มีวตั ถุประสงค์อะไร
ถา้ ตอ้ งการตรวจสอบวา่ แก๊สที่เกิดขนึ้ เป็น 0, หรอื ไม่ จะทำอย่างไร
นักเรยี นจะสรุปผลการทดลองนี้วา่ อย่างไร
ปัจจัยที่มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงที่พืชได้รับมีทั้งปัจจัยภายนอกท่ี เป็นสภาพแวดล้อม
เช่น แสง CO2 น้ำ อุณหภูมิ และธาตุอาหาร นอกจากนี้โครงสร้างของใบ อายุของใบ ก็เป็นปัจจัยที่มี
ผลต่อการสงั เคราะห์ด้วยแสงด้วย ถ้าต้องการเพิ่มอัตราการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงซึ่งเปน็ แนวทางหน่งึ ท่ี
ชว่ ยเพมิ่ ศกั ยภาพในการเพิ่มผลผลิตของพชื จึงจำเปน็ ต้องพิจารณาปัจจัยเหลา่ น้ีดว้ ย
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
25
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
ใบงานที่ 5.1
กจิ กรรม เรอ่ื ง ปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื
จดุ ประสงค์
1. ระบุปัจจยั ท่ีมผี ลตอ่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช
2. ทดลองและสรุปความสัมพันธร์ ะหวา่ งการสังเคราะห์ดว้ ยแสงกับปัจจยั ตา่ งๆ
วัสดแุ ละอปุ กรณ์
1. ใบไม้ทมี่ ีความหนาไมม่ าก เช่น ใบอะเมซอน ใบชบา ใบพลู เปน็ ต้น
2. หลอดกาแฟทแี่ ขง็ หรอื ท่เี จาะกระดาษ
3. หลอดฉดี ยา ขนาด 20 mL
นาฬกิ าจับเวลา
5. เครอ่ื งชั่ง
6. บีกเกอร์ ขนาด 250 mL
7. โคมไฟพร้อมขาต้งั ยดึ
8. แทง่ แกว้ คนสาร
9. ไมบ้ รรทดั
10. สารละลายโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต (NaHCO,) ความเขม้ ขน้ 1%
11. น้ำยาลา้ งจาน
12. น้ำ
วิธกี ารทำกจิ กรรม
1. หยดน้ำยาล้างจาน 2-3 หยดลงในบีกเกอร์ที่มีสารละลาย NaHCO, ความเข้มข้น 1%
ปริมาตร 200 ML และคนเบาๆ ระวังอย่าให้มฟี อง
2. นำใบไม้มาเจาะด้วยหลอดกาแฟที่แข็ง หรือที่เจาะกระดาษในตำแหน่งที่ไม่ตรงกับเส้น
กลางใบจนไดเ้ ป็นแผ่นกลมเล็ก ๆ จำนวน 50 แผ่น
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
26
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
3. นำหลอดฉีดยามา 2 หลอด ดึงก้านหลอดฉดี ยาออก นำแผ่นใบไมก้ ลม ๆ ทเี่ จาะได้จำนวน
20 แผ่น ใส่ในหลอดฉีดยาแต่ละหลอด (หลอดที่ 1 และ หลอดที่ 2) โดยให้แผ่นใบอยู่ด้านปลายสุด
หรอื ถ้าใชห้ ลอดกาแฟอาจใช้ปากเป่าแผน่ ใบไมใ้ ห้เขา้ ไปอยดู่ า้ นปลายสุด แลว้ ใส่ก้านหลอดฉดี ยาท้งั 2
อนั ให้เหมอื นเดมิ ระวงั อย่าใหโ้ ดนแผ่นใบไม้
4. นำหลอดฉีดยาที่มีแผ่นใบไม้ทั้ง 2 หลอด มาดูดสารละลาย NaHCO, ปริมาตร 15 ml
จากบีกเกอร์
5. ไล่อากาศออกจากแผ่นใบไม้ที่อยู่ในหลอดฉีดยาแต่ละหลอดโดยหงายหลอดฉีดยาข้ึน
ค่อยๆ ไล่อากาศด้วยการดันก้านหลอดฉีดยาเข้าไปเบา ๆ ใช้นิ้วมือปีดที่ปลายหลอดฉีดยาให้แน่น
จากนั้นดึงก้านหลอดฉีดยาแล้วดันกลับเข้าไปอีกครั้งเพื่อไล่อากาศออก จะสังเกตเห็นฟองอากาศถูก
ปล่อยออกจากแผ่นใบไม้ แผ่นใบไม้บางแผ่นจะเริม่ จมลง ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนแผ่นใบไม้ทกุ แผน่ จม
ลงสดู่ า้ นล่าง
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
27
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
6. นำหลอดฉีดยาหลอดที่ 1 ที่มีแผ่นใบไม้ที่จมอยู่ วางไว้ใต้โคมไฟโดยให้หลอดไฟห่างจาก
พื้น 20 cm และนำหลอดฉีดยาหลอดที่ 2 ที่มีแผ่นใบไม้ที่จมอยู่ วางไว้ในที่มีด สังเกตที่ผิวของแผ่น
ใบไม้ และบนั ทกึ จำนวนแผน่ ใบไม้ทล่ี อยขนึ้ มาในแตล่ ะหลอดทุก 1 นาที เปน็ เวลา 10 นาที
ผลการทดลอง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
สรปุ ผลการทดลอง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
28
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
คำถามท้ายกจิ กรรม
1. การใชส้ ารละลาย NaHCO, มวี ัตถุประสงค์อะไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ผลการทดลองทง้ั 2 ชุด เหมอื นหรอื แตกต่างกนั อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. เพราะเหตุใดจงึ ตอ้ งมีชดุ การทดลองในท่ีมืด
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. ถ้าต้องการศึกษาว่าความเข้มแสง อุณหภูมิ สารสีในใบ และอายุใบ มีผลต่ออัตราการ
สังเคราะห์ด้วยแสงหรือไม่ จะออกแบบการทดลองหรือเปลยี่ นแปลงวธิ ีการที่แตกต่างไป
จากเดิมอยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. ถา้ ต้องการวัดอตั ราการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช จะออกแบบการทดลองอย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
29
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
ใบงานท่ี 5.2
เรือ่ ง ปจั จยั บางประการท่ีมผี ลต่อการสงัเคราะหด์ ว้ ยแสง
คำช้แี จง
1. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำโครงงานวทิ ยาศาสตรป์ ระเภททดลอง เรอื่ ง ปจั จยั บางประการ
ท่มี ผี ลต่อการสงเั คราะห์ดว้ ยแสง
2. ตั้งชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อกา
รสงัเคราะหด์ ้วยแสง
3. และกำหนดจุดมุ่งหมายของโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง ปัจจัยบาง
ประการทมี่ ผี ลต่อการสงเั คราะหด์ ว้ ยแสง
4. วางแผนการจดั ทำโครงงานวิทยาศาสตรป์ ระเภททดลอง เร่ือง ปจั จัยบางประการที่มีผล
ตอ่ การสงเั คราะหด์ ้วยแสง
5. ระบุวิธีการนำเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง ปัจจัยบางประการที่มี
ผลต่อการสงัเคราะหด์ ว้ ยแสง
6. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มเขยี นรายงานโครงงานวทิ ยาศาสตร์
7. นักเรียนตัวแทนแต่ละกลุ่มนำเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง ปัจจัย
บางประการท่ีมผี ลต่อการสงัเคราะหด์ ้วยแสง
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
30
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
แบบฝึกหดั
เรอ่ื ง ปัจจยั บางประการทีม่ ผี ลต่อการสงเั คราะหด์ ว้ ยแสง
1. ปัจจยั จำกดั สำคญั ต่อการเจรญิ เตบิ โตของพชื อย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จุดอ่ิมตวั ของแสงและไลต์คอมเพนเซชนั พอยตแ์ ตกต่างกันอย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ในการศกึ ษาผลของอุณหภมู ิต่ออัตราการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื ชนดิ หนึง่ เมื่อไดร้ บั ความเขม้
แสงต่างๆ กนั ไดผ้ ลดงั กราฟ
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
31
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
3.1 ปัจจัยใดท่เี ป็นปัจจัยจำกัดของอัตราการสังเคราะห์ดว้ ยแสงทจี่ ุด A
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.2 ท่ีจดุ A และ จดุ B มปี จั จัยจำากดั เหมือนหรอื แตกตา่ งกันอยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.3 เพราะเหตุใดเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นจาก 20 °C เป็น 30 °C อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสง
ของพืชชนดิ นี้จงึ เพ่ิมขน้ึ ได้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.4 ถ้าเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ลักษณะของเส้นกราฟที่ได้จะมีลักษณะเหมือนหรือ
แตกต่างจากท่ีอณุ หภูมิ 30 °C อยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
32
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
แบบทดสอบย่อยหลงั เรียน
เรือ่ ง ปัจจยั บางประการท่มี ีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง
รายวิชาชีววิทยา 3 รหัสวชิ า ว30248 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5
คำช้แี จง 1. แบบทดสอบฉบับนี้ จำนวน 10 ขอ้ คะแนนเตม็ 10 คะแนน เวลาทีใ่ ช้ 10 นาที
2. จงเลอื กคำตอบทีถ่ ูกต้องทสี่ ุด แลว้ เขียนเครื่องหมาย ลงในกระดาษคำตอบ
ใช้ภาพตอ่ ไปน้ีสำหรับตอบคำถามข้อ 1 – 6
1. ในการทดลองนีใ้ ช้เพื่อพิสูจนว์ ่า ออกซเิ จนท่เี กดิ จากการสังเคราะห์ด้วยแสงนนั้ มาจากสงิ่ ใด
ก. CO2
ข. H2O
ค. อากาศ
ง. ท้ัง ก , ข , ค
2. การท่ีจะพสิ ูจนไ์ ดต้ ามขอ้ 1. นัน้ ออกซิเจนที่ออกมาจะเปน็ ข้อใด
ก. ออกซิเจนธรรมดา
ข. ออกซเิ จน 16
ค. ออกซเิ จน 17
ง. ออกซิเจน 18
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
33
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
3. หากตรวจพบว่าออกซิเจนที่เกิดขึ้นจากการสังเคราะห์ด้วยแสงในขวด ก. เท่านั้นที่เป็น O18
หมายความวา่ อยา่ งไร
ก. ออกซเิ จนที่ได้จากการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงมาจากน้ำ
ข. ออกซิเจนที่ไดจ้ ากการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงมาจากคารบ์ อนไดออกไซด
ค. ออกซเิ จนท่ีไดจ้ ากการสังเคราะหด์ ้วยแสงมาจากนำ้ และคาร์บอนไดออกไซด์
ง. ออกซเิ จนที่ได้จากการสงั เคราะห์ด้วยแสงมาจากนำ้ และคาร์บอนไดออกไซด์
4. สมมติว่าการทดลองน้ไี ดอ้ อกซิเจนท่ีเกดิ จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงในขวด ข. เท่านั้น
ท่เี ป็น O18 แสดงว่า
ก. ออกซเิ จนที่ได้จากการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงจากนำ้
ข. ออกซิเจนท่ีไดจ้ ากการสังเคราะห์ด้วยแสงมาจากคาร์บอนไดออกไซด์
ค. ออกซเิ จนที่ไดจ้ ากการสังเคราะห์ด้วยแสงมาจากนำ้ และคาร์บอนไดออกไซด์
ง. ออกซเิ จนท่ีไดจ้ ากการสังเคราะห์ดว้ ยแสงไม่ได้มาจากน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์
5. หากพบว่าออกซเิ จนท่ีเกดิ ขึ้นจากกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงเปน็ O18 ทัง้ สองขวด
จะหมายความวา่ อย่างไร
ก. ออกซิเจนท่ีไดจ้ ากการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงจากนำ้
ข. ออกซิเจนท่ีได้จากการสงั เคราะห์ด้วยแสงมาจากคารบ์ อนไดออกไซด์
ค. ออกซเิ จนท่ีได้จากการสังเคราะห์ดว้ ยแสงมาจากน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์
ง. ออกซเิ จนที่ได้จากการสังเคราะหด์ ้วยแสงไม่ได้มาจากนำ้ และคารบ์ อนไดออกไซด์
6. หากตั้งขวดทั้งสองให้ได้รับแสง สาหร่ายสามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ ออกซิเจนออกมาทั้ง
สองขวด แต่เมื่อนำออกซเิ จนที่เกดิ ข้นึ มาทดสอบ ปรากฏว่าออกซิเจนจากขวด ข. เปน็ ออกซิเจน
ธรรมดา จะสรุปผลการทดลองวา่ อย่างไร
ก. เป็นออกซเิ จนที่ไดจ้ ากการสังเคราะห์ด้วยแสงมาจากน้ำ
ข. ออกซเิ จนท่ีได้จากการสังเคราะห์ดว้ ยแสงมาจากคาร์บอนไดออกไซด์
ค. ออกซเิ จนท่ีไดจ้ ากการสงั เคราะหด์ ้วยแสงมาจากนำ้ และคาร์บอนไดออกไซด์
ง. ออกซเิ จนที่ได้จากการสังเคราะหด์ ้วยแสงไม่ได้มาจากนำ้ และคาร์บอนไดออกไซด์
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
34
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
7. จากการศึกษาอิทธิพลของอุณหภูมิและความเข้มแสงที่มีต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง ข้อใด
ต่อไปนถ้ี กู ตอ้ งท่สี ุด
ก. อทิ ธพิ ลของอณุ หภูมิมผี ลต่อการสังเคราะหแ์ สงมากกว่าอิทธพิ ลของแสง
ข. อิทธพิ ลของอณุ หภมู ิมผี ลต่อปฏิกริ ยิ าที่ใชแ้ สงมากกวา่ ปฏกิ ริ ิยาท่ไี ม่ใชแ้ สง
ค. อทิ ธพิ ลของอณุ หภูมิมผี ลตอ่ ปฏกิ ิรยิ าท่ไี ม่ใชแ้ สงมากกว่าปฏิกิรยิ าท่ีใชแ้ สง
ง. อทิ ธพิ ลของอณุ หภมู ิมีผลตอ่ ปฏกิ ริ ยิ าทไ่ี ม่ใช้แสงเทา่ ๆ กันกับปฏิกิรยิ าที่ใชแ้ สง
8. ในการทดลองเรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสง นักเรียนคนหนึ่งทดลองกับต้นชบา โดยการใช้
พาราฟินเหลวฉาบทั้งหน้าใบและหลังใบทั้งหมดทุกใบ จากนั้นนำไปรับแสงเป็นเวลาครึ่งวัน
แล้วเดด็ มาทดสอบแป้ง พบวา่ ไมม่ แี ปง้ ในใบ แสดงว่า
ก. ใบรับออกซเิ จนไม่ได้
ข. น้ำไม่สามารถเขา้ ไปในใบ
ค. ใบรบั คาร์บอนไดออกไซดไ์ มไ่ ด้
ง. คลอโรพลาสต์หมดสภาพที่จะรับแสง
9. Ribulose 1,5 Diphosphate carboxylase ทำหน้าท่ีอะไร
ก. จบั O2
ข. จบั CO2
ค. จับ H2O
ง. จบั O2 และ CO2
10. ข้อใดไมใ่ ช่ปัจจัยท่ีสำคัญตอ่ กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง
ก. อายุใบ
ข. อายุพชื
ค. อุณหภมู ิ
ง. ธาตอุ าหาร
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
35
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
กระดาษคำตอบแบบทดสอบย่อยหลงั เรียน
เลม่ ท่ี 5 เรอื่ ง ปจั จยั บางประการทมี่ ผี ลตอ่ การสงั เคราะหด์ ้วยแสง
ข้อที่ คำตอบ ข้อที่ คำตอบ
1 6
2 7
3 8
4 9
5 10
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
36
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
บรรณานกุ รม
กระทรวงศึกษาธกิ าร (2551). หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐานพุทธศักราช 2551.
กรงุ เทพมหานคร:ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กองปฐพีวทิ ยา กรมวิชาการเกษตร. (2543). ลกั ษณะอาการขาดธาตุอาหารของพืช (พิมพค์ ร้ังที่ 1)
กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย
จริ ัสย์ เจนพาณิชย์ (2558). ชวี วทิ ยาสำหรบั นกั เรียนมัธยมปลาย. กรุงเทพมหานคร :
หจก.สามลดา.
เชาวน์ ชิโนรักษ์ และพรรณี ชิโนรกั ษ์ (2552). ชีววทิ ยา 1. กรุงเทพมหานคร : โสภณการพมิ พ์
ซรี ์สตาร์ (2552). ชีววิทยา เล่ม 1. (แปลจาก Biology 1 Concepts and Applications
โดยทมี คณาจารย์ ภาควิชาชีววิทยามหาวทิ ยาลัยขอนแก่น, ผู้แปล). กรุงเทพมหานคร :
เจเอสที พับลชิ ช่ิง จำกดั .
ชมุ พล คุณวาส. (2551). สณั ฐานวิทยาเบ้อื งต้นในการระบชุ ่ือวงศพ์ ืชดอกสามัญ. กรุงเทพฯ :
สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
เทยี มใจ คมกฤส. (2546). กายวิภาคของพฤกษ์ (พิมพ์ครงั้ ท่ี 5). กรุงเทพฯ : สำนกั พิมพ์
มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
เธียร ธรี ะวรวงศ์ ชลินนั ท์ เพง็ สขุ และเอกรฐั วงศ์สวสั ดิ.์ (2565). หนังสือเรียนรายวชิ าเพม่ิ เตมิ
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชีววิทยา ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5 เลม่ 1. (พมิ พค์ ร้งั ที่ 4)
กรุงเทพฯ : ไทยรม่ เกล้า, บริษัทอกั ษรเจริญทัศน์ อจท. จำกดั
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี (2558). หนังสือเรียนรายวิชาเพมิ่ เติมชวี วทิ ยา
เลม่ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ตามหลกั สตู ร
แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 (พิมพ์ครัง้ ท่ี 9). กรงุ เทพฯ:
โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโลย.ี (2561). หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน
วทิ ยาศาสตร์วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4-6 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
วทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ัน
พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (พมิ พ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว.
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2564). หนงั สอื เรียนรายวชิ าชวี วทิ ยา
เพมิ่ เติม เล่ม 3. กรงุ เทพมหานคร : สกสค.
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
37
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
สำนกั งานราชบัณฑิตยสภา. (2560). พจนานุกรมศัพท์พฤกษศาสตร์ ฉบบั ราชบัณฑิตยสภา
(พมิ พ์ครั้งที่ 1). กรงุ เทพฯ : สำนกั พิมพ์คณะรฐั มนตรีและราชกจิ จานเุ บกษา.
แหล่งสบื ค้นข้อมูลออนไลน์
https://sites.google.com/site/cfphotosynthesis/rngkhwatthu-thi-chi-ni-kar-
sangkheraah-dwy-saeng
https://sites.google.com/site/sophaphan1234/-paccay-tx-kar-sangkheraah-saeng
https://www.ipst.ac.th/learning/21712/20220310-photosynthesis.html
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
38
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการที่มผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
39
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการทีม่ ผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
เฉลยใบงานที่ 5.1
กจิ กรรม เรอื่ ง ปจั จยั ทม่ี ผี ลต่อการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื
จุดประสงค์
1. ระบุปัจจยั ทีม่ ผี ลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
2. ทดลองและสรปุ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งการสังเคราะห์ดว้ ยแสงกับปัจจยั ต่างๆ
วัสดแุ ละอปุ กรณ์
1. ใบไม้ทีม่ คี วามหนาไมม่ าก เชน่ ใบอะเมซอน ใบชบา ใบพลู เปน็ ตน้
2. หลอดกาแฟท่ีแข็ง หรือทเ่ี จาะกระดาษ
3. หลอดฉีดยา ขนาด 20 mL
นาฬกิ าจับเวลา
5. เคร่อื งชั่ง
6. บีกเกอร์ ขนาด 250 mL
7. โคมไฟพร้อมขาตัง้ ยึด
8. แท่งแกว้ คนสาร
9. ไมบ้ รรทัด
10. สารละลายโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต (NaHCO,) ความเขม้ ข้น 1%
11. น้ำยาลา้ งจาน
12. นำ้
วธิ ีการทำกิจกรรม
1. หยดน้ำยาล้างจาน 2-3 หยดลงในบีกเกอร์ที่มีสารละลาย NaHCO, ความเข้มข้น 1%
ปรมิ าตร 200 ML และคนเบาๆ ระวังอย่าให้มีฟอง
2. นำใบไม้มาเจาะด้วยหลอดกาแฟที่แข็ง หรือที่เจาะกระดาษในตำแหน่งที่ไม่ตรงกับเส้น
กลางใบจนไดเ้ ปน็ แผน่ กลมเล็ก ๆ จำนวน 50 แผน่
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
40
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มผี ลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
3. นำหลอดฉีดยามา 2 หลอด ดึงก้านหลอดฉดี ยาออก นำแผ่นใบไมก้ ลม ๆ ทเี่ จาะได้จำนวน
20 แผ่น ใส่ในหลอดฉีดยาแต่ละหลอด (หลอดที่ 1 และ หลอดที่ 2) โดยให้แผ่นใบอยู่ด้านปลายสุด
หรอื ถ้าใชห้ ลอดกาแฟอาจใช้ปากเป่าแผน่ ใบไมใ้ ห้เขา้ ไปอยดู่ า้ นปลายสุด แลว้ ใส่ก้านหลอดฉดี ยาท้งั 2
อนั ให้เหมอื นเดมิ ระวงั อย่าใหโ้ ดนแผ่นใบไม้
4. นำหลอดฉีดยาที่มีแผ่นใบไม้ทั้ง 2 หลอด มาดูดสารละลาย NaHCO, ปริมาตร 15 ml
จากบีกเกอร์
5. ไล่อากาศออกจากแผ่นใบไม้ที่อยู่ในหลอดฉีดยาแต่ละหลอดโดยหงายหลอดฉีดยาข้ึน
ค่อยๆ ไล่อากาศด้วยการดันก้านหลอดฉีดยาเข้าไปเบา ๆ ใช้นิ้วมือปีดที่ปลายหลอดฉีดยาให้แน่น
จากนั้นดึงก้านหลอดฉีดยาแล้วดันกลับเข้าไปอีกครั้งเพื่อไล่อากาศออก จะสังเกตเห็นฟองอากาศถูก
ปล่อยออกจากแผ่นใบไม้ แผ่นใบไม้บางแผ่นจะเริม่ จมลง ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนแผ่นใบไม้ทกุ แผน่ จม
ลงสดู่ า้ นล่าง
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
41
เล่มที่ 5 ปัจจยั บางประการทีม่ ีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
6. นำหลอดฉีดยาหลอดที่ 1 ที่มีแผ่นใบไม้ที่จมอยู่ วางไว้ใต้โคมไฟโดยให้หลอดไฟห่างจาก
พื้น 20 cm และนำหลอดฉีดยาหลอดที่ 2 ที่มีแผ่นใบไม้ที่จมอยู่ วางไว้ในที่มีด สังเกตที่ผิวของแผ่น
ใบไม้ และบนั ทึกจำนวนแผน่ ใบไม้ท่ลี อยขนึ้ มาในแตล่ ะหลอดทุก 1 นาที เปน็ เวลา 10 นาที
ผลการทดลอง
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน
42
เล่มที่ 5 ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
สรุปผลการทดลอง
…………………จา…ก…ก…าร…ท…ำก…ิจ…ก…ร…รม……ผ…ล…กา…ร…ท…ด…ลอ…ง…พ…บ…วา่ …แ…ผ…่นใ…บ…ไม…้ช…ุด…ท…่ีได…้ร…ับ…แส…ง…ม…ีฟ…อง…แ…ก…๊ส…เก…าะ…อ…ย…ู่ท…ี่
…ผ…ิว…ใ…บ…แ…ละ…ป…ล…่อ…ย…แ…ก…๊ส…ออ…ก…จ…า…ก…ผิ…วใ…บ…ท…ำ…า…ให…้แ…ผ…่น…ใ…บ…ไม…้ล…อ…ย…ข…ึ้น…ผ…ิวน…้…ำา…ส…่ว…น…ช…ุด…ท…ี่แ…ผ…่น…ใบ…ไ…ม…้
…ไ…ม…่ได…้ร…ับ…แ…ส…งจ…ะ…ไม…่ม…ีฟ…อ…ง…แก…๊ส…เ…กา…ะ…ท…ี่ผ…ิวใ…บ…แ…ล…ะแ…ผ…่น…ใบ…ไ…ม…้จ…ม…อย…ู่ด…้า…น…ล…่าง…ด…ังเ…ด…ิม…น…ัก…เร…ีย…น…จ…ึงค…ว…ร…
…ส…ร…ุป…ได…้ว…่า…ใน…ท…่ีม…ีแ…ส…งแ…ผ…่น…ใบ…ไ…ม…้ส…าม…า…รถ…ผ…ล…ิต…แ…ก๊ส…ไ…ด…้แล…ะ…แ…ก…๊ส…นี้น…่า…จ…ะ…เป…็น…O…2…จ…า…ก…ก…าร…ส…ัง…เค…รา…ะ…ห…์
…ด…้ว…ย…แ…ส…งซ…ึ่ง…ถ…้า…ต้…อง…ก…า…รต…ร…ว…จ…สอ…บ…ว…่า…เป…็น……O…2 …ห…รือ…ไ…ม…่จ…ะต…้อ…ง…ห…า…วิธ…ีก…า…รเ…ก…็บ…แ…ก…๊สแ…ล…ะ…น…ำ…าแ…ก…๊ส…
…ม…า…ท…ด…สอ…บ…ก…า…รช…ว่ …ย…ให…ไ้ ฟ…ต…ดิ …ต…อ่ …ไป……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
คำถามทา้ ยกจิ กรรม
1. การใช้สารละลาย NaHCO, มวี ตั ถปุ ระสงค์อะไร
………………เ…พ่ือ…ใ…ห…เ้ ป…น็ …แ…ห…ล่ง…ค…าร…บ์ …อ…น…ท…แ่ี ผ…น่ …ใ…บไ…ม…้น…ำา…ไป…ใ…ช…้ใน…ก…าร…ส…ัง…เค…รา…ะ…ห…์ด…้วย…แ…ส…ง ………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
โดย : นางบุญลอ้ ม แกว้ ดอน