ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วิชา ว30104
ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 6
ชุดที่ 1 เรือ่ ง ข้อมลู ในการศึกษาและแบ่งช้นั
โครงสรา้ งโลก
นางมงคล จันทราภรณ์
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ
โรงเรยี นแก้งเหนือพทิ ยาคม อาเภอเขมราฐ จังหวดั อบุ ลราชธานี
องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั อบุ ลราชธานี
ชดุ ที่ 1 ข้อมูลในการศึกษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก ก
คำนำ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 จัดทาข้ึนเพ่ือเปน็ ส่ือนวัตกรรมประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104 เพื่อให้ผู้เรียนใช้ประกอบกิจกรรมการ
เรยี นการสอนและสามารถเรียนรดู้ ้วยตนเอง นาไปใช้ในการเรียนการสอนซ่อมเสรมิ ได้ หรือใช้ใน
การสอนแทนได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจและพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนของผู้เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดบทบาทของครูตาม
แนวทางการปฏิรปู การเรียนรู้ท่ียดึ ผู้เรยี นเป็นสาคญั เป็นกิจกรรม การเรียนรู้ที่สง่ เสรมิ ให้ผเู้ รียน
เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทาเป็น คิดเป็น แก้ปัญหาได้ สามารถพัฒนาตนเอง ได้เต็มตาม
ศักยภาพ ซึ่งสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ
ปรับปรุง พ.ศ.2560) ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทั้งด้านความรู้ กระบวนการคิด
กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา ความสามารถในการส่ือสาร การตัดสินใจ การนา
ความรไู้ ปใช้ในชวี ติ ประจาวัน ตลอดจนส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นมีจติ วิทยาศาสตร์คุณธรรมและคา่ นยิ มที่
ถกู ตอ้ งเหมาะสม
ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์นี้จะทาให้ผู้เรียน
มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องโลกและการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกได้เป็นอย่างดี มีทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และมผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงขึ้น สามารถใชเ้ พื่อศึกษาค้นคว้า
ด้วยตนเองเป็นส่ือท่ีมีประสิทธิภาพ สามารถอานวยประโยชน์ต่อการเรียนการสอนให้บรรลุ
วตั ถุประสงคข์ องหลักสูตรได้
มงคล จนั ทราภรณ์
โดย : นางมงคล จันทราภรณ์ ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พิทยาคม
ชุดที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชนั้ โครงสรา้ งโลก ข
สำรบญั
เรือ่ ง หนำ้
คำนำ ก
สำรบัญ ข
คำช้ีแจงเกยี่ วกับกำรใช้ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ ค
แผนภมู ลิ ำดบั ขน้ั ตอนกำรใชช้ ุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์ ง
คำชีแ้ จงกำรใช้ชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้วิทยำศำสตรส์ ำหรบั ครู จ
คำช้ีแจงกำรใชช้ ดุ กิจกรรมกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตรส์ ำหรบั นักเรียน ช
1
สาระการเรียนรู้ / มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ดั 1
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2
ลาดับความคดิ ต่อเน่ือง 3
สาระสาคญั 4
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 7
บัตรเน้อื หา ชุดที่ 1 เร่ือง ข้อมลู ในการศึกษาและแบ่งชน้ั โครงสร้างโลก 24
บัตรกิจกรรมที่ 1.1 เรอื่ ง การศึกษาคลื่นไหวสะเทอื นท่ผี า่ นโครงสรา้ งโลก 28
บัตรกิจกรรมท่ี 1.2 ผังมโนทัศน์ เรอ่ื ง ข้อมลู ในการศกึ ษาและแบ่งชนั้ โครงสร้างโลก 29
บัตรกจิ กรรมท่ี 1.3 ถอดบทเรียน เรอื่ ง ข้อมูลในการศกึ ษาและแบ่งชั้นโครงสร้างโลก 30
แบบฝกึ หัด เรอ่ื ง ข้อมูลในการศึกษาและแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 31
แบบทดสอบหลังเรียน 34
กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรียน 35
บรรณำนุกรม 36
ภำคผนวก 37
เฉลยบัตรกิจกรรมท่ี 1.1 42
เฉลยบตั รกิจกรรมท่ี 1.2 43
เฉลยบัตรกจิ กรรมท่ี 1.3 44
เฉลยแบบฝกึ หดั เร่ือง ข้อมลู ในการศึกษาและแบ่งชั้นโครงสรา้ งโลก 45
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียน 46
ประวัตยิ อ่ ผู้จดั ทำ
โดย : นางมงคล จันทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พิทยาคม
ชดุ ท่ี 1 ข้อมลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชน้ั โครงสร้างโลก ค
คำช้ีแจงเก่ยี วกบั ชดุ กิจกรรมกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง กระบวนการ
เปล่ียนแปลงภายในโลก กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อใช้ประกอบการ
จัดการเรียนรู้ รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6
โดยให้สอดคล้องตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. 2560) กระทรวงศกึ ษาธิการ หลักจิตวิทยาการเรียนรู้ ยึดแนวทางการฝกึ ทเี่ หมาะสมกบั ระดับ
และวัย เพ่ือให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้น มีความสุขในการทากิจกรรมการเรียนรู้ และเพื่อ
ส่งเสริมเจตคติท่ีดี นักเรียนจะได้พัฒนากระบวนการคิด กระบวนการตัดสินใจ กระบวนการ
แก้ปัญหาและสามารถนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้
เขา้ ใจหลักการทางวิทยาศาสตร์ เกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วธิ ีสารวจตรวจสอบข้อมูล
การคิดแก้ปัญหา ตลอดจนการเสริมสร้างจิตวิทยาศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้
จานวน 9 ชดุ ดังน้ี
ชดุ ที่ 1 เรื่อง ขอ้ มูลในการศึกษาและแบ่งช้ันโครงสร้างโลก
ชดุ ท่ี 2 เรื่อง แนวคดิ ของทฤษฎีทวปี เลื่อนและหลกั ฐานสนับสนนุ
ชดุ ท่ี 3 เรอ่ื ง แนวคิดของทฤษฎกี ารแผข่ ยายพ้ืนสมทุ รและหลกั ฐานสนบั สนนุ
ชดุ ที่ 4 เรอื่ ง การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี
ชุดที่ 5 เร่อื ง ธรณสี ัณฐานและโครงสร้างทางธรณีท่ีเกิดจากการเคล่ือนท่ขี องแผ่นธรณี
ชดุ ที่ 6 เรอ่ื ง ภูเขาไฟระเบิด
ชุดท่ี 7 เรอ่ื ง แผ่นดนิ ไหว
ชดุ ที่ 8 เรื่อง สนึ ามิ
2. ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตรน์ ้ีเปน็ ชุดที่ 1 เร่ือง ข้อมูลในกำรศึกษำและแบง่ ช้ัน
โครงสร้ำงโลก ใช้เวลำ 2 ชั่วโมง
3. ผ้ใู ช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์นคี้ วรศกึ ษาขนั้ ตอนการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้
อย่างละเอยี ดกอ่ นใช้
ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ชุดน้ี จะมีประโยชน์ต่อ
นักเรียนและผู้สนใจที่จะนาไปใช้สอนและฝึกเด็กในปกครองในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ให้มีคุณภาพมากยงิ่ ข้ึนตอ่ ไป
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ โรงเรียนแกง้ เหนอื พิทยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งช้นั โครงสร้างโลก ง
แผนภมู ิลำดับขน้ั ตอนกำรใชช้ ุดกิจกรรมกำรเรยี นร้วู ทิ ยำศำสตร์
อ่านคาชีแ้ จงและคาแนะนาในการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
ศึกษาตัวชว้ี ดั และจดุ ประสงค์การเรียนรู้ เสรมิ พนื้ ฐำน
ทดสอบก่อนเรียน ผมู้ ีพนื้ ฐำนตำ่
ศกึ ษาชุดกิจกรรมการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ตามขัน้ ตอน
ประเมนิ ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรจู้ ากชดุ กิจกรรม
ไมผ่ ่ำน ทดสอบหลงั เรยี น
กำรทดสอบ
ผำ่ นกำรทดสอบ
ศกึ ษาชุดกจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์เร่ืองตอ่ ไป
แผนภูมิลำดบั ข้นั ตอนกำรเรยี นโดยใช้ชดุ กิจกรรมกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์
ชุดที่ 1 เรื่อง เรอื่ ง ข้อมูลในกำรศึกษำและแบ่งชั้นโครงสรำ้ งโลก
โดย : นางมงคล จันทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พิทยาคม
ชุดท่ี 1 ข้อมลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชั้นโครงสรา้ งโลก จ
คำชีแ้ จงกำรใช้ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตรส์ ำหรับครู
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่ครูผู้สอนได้ศึกษาต่อไปนี้คือ ชุดท่ี 1 เรื่อง เร่ือง
ข้อมูลในกำรศึกษำและแบ่งชั้นโครงสร้ำงโลก ใช้เวลำในกำรทำกิจกรรม 2 ช่ัวโมง ซ่ึงนักเรียน
จะได้สารวจ สังเกตและรวบรวม ข้อมูลมาสรุปเป็นองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการ
สืบค้นข้อมูล กระบวนการทางสังคม ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการเผชิญ
สถานการณ์และแก้ปัญหา ผ่านทางกระบวนการกลุ่ม เพ่ือช่วยให้การดาเนินการจัดกิจกรรมการ
เรียนรบู้ รรลจุ ุดประสงคแ์ ละมีประสทิ ธิภาพ ครูผสู้ อนควรดาเนินการดังน้ี
1. ครูผู้สอนต้องศึกษาและทาความเข้าใจเก่ียวกับคาชี้แจงการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
สาหรับครู และแผนการจดั การเรียนรู้ เพ่อื ท่ีครูผู้สอนสามารถนาชดุ กิจกรรมการเรยี นรไู้ ปใช้ในการ
จัดกิจกรรมการเรียนรไู้ ดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ
2. ครผู สู้ อนเตรยี มส่อื การเรียนการสอนให้พรอ้ ม
3. ก่อนดาเนินการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ครูต้องเตรียมชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไว้
บนโต๊ะประจากลุ่มให้เรียบร้อยและเพียงพอกับนักเรียนในกลุ่มซึ่งนักเรียนจะได้รับคนละ 1 ชุด
ยกเว้นสื่อการสอนท่ตี อ้ งใช้รว่ มกัน
4. ครูต้องชี้แจงใหน้ ักเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของนักเรียนในการใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้
ดงั น้ี
4.1 ศกึ ษาบทบาทของนกั เรียนจากการปฏิบัติกิจกรรมให้เข้าใจก่อนการเรียนรู้โดยใช้
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้
4.2 ปฏิบัติกิจกรรมตามลาดับขั้นตอน อ่านคาช้ีแจงจากใบกิจกรรม เพื่อจะได้ทราบ
วา่ จะปฏิบัตกิ ิจกรรมอะไร อยา่ งไร
4.3 นักเรียนต้องตั้งใจปฏิบัติกิจกรรมอย่างเต็มความสามารถ ต้องให้ความร่วมมือ
ช่วยเหลือซึง่ กันและกัน ไม่รบกวนผูอ้ ืน่ และไม่ชกั ชวนเพ่อื นใหอ้ อกนอกลนู่ อกทาง
4.4 หลังจากปฏบิ ัติกจิ กรรมแล้ว นกั เรียนจะตอ้ งจัดเก็บอุปกรณ์ทุกชน้ิ ใหเ้ รียบร้อย
4.5 เมอ่ื มีการประเมินผลนกั เรยี นต้องปฏิบตั ติ นอยา่ งตัง้ ใจและรอบคอบ
5. การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7E) แบ่งออกเป็น
7 ขั้นตอน ดงั นี้
5.1 ขัน้ ที่ 1 ขัน้ ตรวจสอบความรเู้ ดิม
5.2 ขน้ั ที่ 2 ขั้นสร้างความสนใจ
5.3 ขัน้ ที่ 3 ขัน้ สารวจและค้นหา
โดย : นางมงคล จันทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ โรงเรียนแก้งเหนือพิทยาคม
ชดุ ที่ 1 ข้อมลู ในการศึกษาและการแบ่งชน้ั โครงสร้างโลก ฉ
5.4 ขนั้ ที่ 4 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป
5.5 ขน้ั ท่ี 5 ขั้นขยายความรู้
5.6 ขัน้ ท่ี 6 ขัน้ ประเมิน
5.7 ขน้ั ท่ี 7 ขัน้ นาความร้ไู ปใช้
6. ขณะที่นักเรียนทุกกลมุ่ ปฏิบตั ิกิจกรรม ครูไม่ควรพูดเสียงดัง หากมีอะไรจะพูดต้องพูด
เป็นรายกลุม่ หรอื รายบุคคล ตอ้ งไมร่ บกวนกจิ กรรมของนกั เรยี นกลุม่ อนื่
7. ครูผู้สอนต้องเดินดูการทางานของนักเรียนแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด หากมีนักเรียนคน
ใดหรือกลมุ่ ใดมีปัญหาควรเขา้ ไปให้ความชว่ ยเหลอื จนปญั หาน้นั คลคี่ ลายลง
8. การสรุปผลท่ีไดจ้ ากกิจกรรมการเรียนรู้ควรเป็นกิจกรรมร่วมของนักเรียนทุกกลุ่มหรือ
ตัวแทนของกลุ่มรว่ มกัน ครคู วรเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นแสดงออกใหม้ ากท่สี ุด
9. ประเมินผลการเรยี นรขู้ องนกั เรียน เพ่อื ตรวจสอบผลการเรียนร้ขู องนักเรียน
โดย : นางมงคล จันทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ โรงเรียนแกง้ เหนอื พิทยาคม
ชุดที่ 1 ข้อมูลในการศกึ ษาและการแบง่ ช้ันโครงสร้างโลก ช
คำชี้แจงกำรใช้ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตรส์ ำหรับนักเรียน
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่นักเรียนได้ศึกษาต่อไปนี้คือ ชุดที่ 1 เร่ือง ข้อมูลใน
กำรศึกษำและแบ่งช้ันโครงสร้ำงโลกซ่ึงนักเรียนจะได้สารวจ สังเกต และรวบรวมข้อมูลมาสรุป
เป็นองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการทางสังคม ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการเผชิญสถานการณ์ และแก้ปัญหา ผา่ นทางกระบวนการ
กลมุ่ เพอื่ ให้เกิดประโยชน์สงู สดุ นกั เรียนควรปฏบิ ตั ิตามคาช้ีแจง ดังตอ่ ไปน้ี
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชุดที่ 1 เร่ือง ข้อมูลในกำรศึกษำและแบ่งชั้น
โครงสร้ำงโลก ใชเ้ วลำในกำรทำกจิ กรรม 2 ชวั่ โมง
2. นักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น จานวน 10 ข้อ
3. นักเรยี นทากจิ กรรมเป็นรายกลมุ่ และศึกษาวิธีดาเนนิ กจิ กรรมให้เขา้ ใจ
4. นักเรียนปฏบิ ัตกิ ิจกรรมในชุดกิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
5. นักเรียนทากิจกรรมในชุดกิจกรรมการเรียนรใู้ ห้ครบ
6. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น จานวน 10 ขอ้
โดย : นางมงคล จันทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนือพิทยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งชนั้ โครงสรา้ งโลก 1
ชุดที่ 1
ข้อมูลในการศกึ ษาและแบง่ ชัน้ โครงสรา้ งโลก
มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชว้ี ดั
สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก
กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพบิ ัติ
ภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิศาสตร์โลก
รวมท้งั ผลตอ่ ส่งิ มชี วี ิตและส่งิ แวดลอ้ ม
ตวั ชีว้ ดั
ว 3.2 ม.6/1 อธบิ ายการแบ่งชน้ั และสมบัตขิ องโครงสร้างโลก พร้อมยกตวั อย่าง
ขอ้ มูลทีส่ นบั สนนุ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชนั้ โครงสรา้ งโลก 2
จุดประสงคก์ ารเรยี นรูส้ ู่ตัวชวี้ ัด
1. สบื ค้นและอธิบายขอ้ มูลที่สนับสนุนการแบ่งช้ันโครงสรา้ งโลก ตามองค์ประกอบทางเคมี
และการแบ่งชน้ั โครงสร้างโลกตามสมบัตเิ ชงิ กล
2. วเิ คราะหข์ ้อมลู คลน่ื ไหวสะเทือน และอธิบายการแบ่งช้ันโครงสร้างโลก และสมบัติเชงิ กล
ของโครงสร้างโลกแต่ละช้นั
3. สรา้ งแบบจา ลองโครงสรา้ งโลก และอธิบายสมบตั ขิ องโครงสร้างโลกในแตล่ ะช้ันได้
4. ประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเก่ียวกับข้อมูลในการศึกษาและแบ่งช้ัน
โครงสร้างโลก ในการร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนและนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน
(A)
5. มีความสนใจใฝ่เรียนรู้หรืออยากรู้อยากเห็น ทางานร่วมกับผู้อ่ืนอย่างสร้างสรรค์ ยอมรับ
ความคิดเหน็ ของผู้อนื่ ได้ (A)
ลาดับความคดิ ต่อเนอ่ื ง
โครงสรา้ งโลก
การศึกษาโครงสร้างโลกศกึ ษาจากข้อมูลหลายด้าน เช่น องค์ประกอบทางเคมีของหิน
และแร่ อุกกาบาตท่พี บบนโลก ข้อมลู คลนื่ ไหวสะเทือนที่เคลอื่ นทผี่ า่ นโลก
การศึกษาโครงสร้างโลกจากข้อมูลคลื่นไหวสะเทือนท่ีเคลื่อนที่ผ่านภายในโลกน้ันใช้
สมบัติของคล่ืนในตัวกลางเป็นหลัก ซึ่งแบ่งออกเป็น คล่ืนปฐมภูมิที่เคลื่อนท่ีผ่านตัวกลางได้
ทุกสถานะ และคล่ืนทุติยภูมิซ่ึงไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางที่มีสถานะเป็นของเหลวได้
โดยคล่ืนท้ังสองชนิดจะเปลยี่ นแปลงความเรว็ เมอ่ื เคล่ือนทผ่ี า่ นตวั กลางตา่ งชนดิ กนั
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลก 3
นักวิทยาศาสตร์ใช้ข้อมูลหาความหนาแน่นเฉลี่ยของโลกซ่ึงคานวณได้จากค่าความ
หนาแนน่ ของแร่เหล็กจากอุกกาบาตเหลก็ หินแข็งที่เคยอยู่ในระดับลึกใตเ้ ปลือกโลก และหิน
ท่ีพบบนโลก รวมทั้งข้อมูลความหนาของโครงสร้างโลกแต่ละช้ันท่ีได้จากการศึกษาคล่ืนไหว
สะเทือน จึงมีการแบ่งชั้นโครงสร้างโลกโดยใชท้ ้ังตามองคป์ ระกอบทางเคมี และสมบตั ิเชิงกล
เป็นเกณฑใ์ นการแบง่
การแบ่งโครงสรา้ งโลกโดยใช้องค์ประกอบทางเคมีแบง่ ไดเ้ ป็น 3 ชัน้ ได้แก่ เปลือกโลก
เนื้อโลก และแก่นโลก โดยเปลือกโลกมีองค์ประกอบหลักเป็นสารประกอบของซิลิกอน
และออกซิเจน เน้ือโลกมีองค์ประกอบหลักเป็นสารประกอบของเหล็กและแมกนีเซียม
แกน่ โลกมีองคป์ ระกอบหลกั เป็นสารประกอบของ เหลก็ และนิกเกลิ
การแบ่งโครงสร้างโลกตามสมบัติเชิงกลแบ่งได้เป็น 5 ช้ัน ได้แก่ ธรณีภาค ฐานธรณี
ภาค มชั ฌมิ ภาค แก่นโลกชั้นนอก และแก่นโลกช้ันใน ซึ่งแต่ละชั้นมีสมบตั ิเชิงกลแตกต่างกัน
ซึ่งวิเคราะห์ได้จากความเร็วของคลื่นไหวสะเทือนท่ีเปล่ียนไปในแต่ระดับความลึกเม่ือ
เคล่ือนทีผ่ ่านชั้นโครงสรา้ งโลก
สาระสาคญั
การศึกษาโครงสร้างโลกใช้ข้อมูลสาคัญในการสนับสนุนการแบ่งชั้นโครงสร้างโลกทั้งการ
แบ่งตามองค์ประกอบทางเคมีและการแบ่งตามสมบัติเชิงกล เช่น องค์ประกอบทางเคมีของหิน
และแร่ อุกกาบาตเหล็ก และข้อมูลคลื่นไหวสะเทือนที่เคล่ือนท่ีภายในโลก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวยัง
สามารถนามาใชอ้ ธบิ ายองคป์ ระกอบทางเคมแี ละสมบตั ิเชงิ กลของโครงสรา้ งโลกแต่ละชน้ั
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชนั้ โครงสรา้ งโลก 4
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
เรื่อง ข้อมูลในการศกึ ษาและแบ่งช้ันโครงสร้างโลก
รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6
คาชแี้ จง 1. แบบทดสอบฉบบั นี้ จานวน 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลาทใี่ ช้ 10 นาที
2. จงเลอื กคาตอบทีถ่ ูกต้องทส่ี ดุ แล้วเขยี นเครือ่ งหมาย ลงในกระดาษคาตอบ
1. ขอ้ ความในข้อใดไมถ่ ูกตอ้ ง
ก. ในปัจจบุ นั ยังไม่สามารถสรปุ ไดว้ า่ โลกเกดิ ข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร
ข. ทฤษฎีต่าง ๆ อาจถูกล้มเลกิ ได้ เมอ่ื มีขอ้ มลู ใหม่ทเ่ี ชื่อถือได้มากกว่า
ค. แนวความคิดตา่ ง ๆ อาจถูกล้มเลกิ ได้ เม่อื มีขอ้ มูลใหม่ทเ่ี ชือ่ ถอื ไดม้ ากกว่า
ง. กฎและทฤษฎเี ปน็ ส่ิงท่ีได้รบั การพสิ ูจน์และยอมรบั แลว้ วา่ เป็นจริงจึงล้มเลกิ ไมไ่ ด้
2. อายเุ ทียบสัมพันธ์ (Relative age) หมายถึงอะไร
ก. อายหุ นิ จริง
ข. อายหุ นิ เปรยี บเทียบ
ค. อายซุ ากดึกดาบรรพ์
ง. อายุหนิ ท่ีมีซากดึกดาบรรพ์
3. ช้ันเปลอื กโลก (Crust) มีส่วนประกอบใดบา้ ง
ก. เปลือกโลกภาคพื้นทวีป
ข. เปลอื กโลกภาคพนื้ มหาสมุทร
ค. เปลือกโลกใต้มหาสมุทร
ง. ทง้ั ข้อ ก. และ ค.
4. เปลือกโลกภาคพ้นื ทวีป ประกอบไปด้วยอะไรบา้ ง
ก. ซลิ คิ อนและซิลกิ า
ข. เหล็กและทองแดง
ค. ซลิ คิ อนและอะลมู ินา
ง. ซิลิคอนและแมกนเี ซียม
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 5
5. เปลอื กโลกแบ่งออกเป็น 2 บริเวณคือบริเวณใด
ก. เปลือกโลกชั้นนอกและเปลือกโลกช้ันใน
ข. เปลอื กโลกภาคพื้นดินและเปลอื กโลกภาคพนื้ นา้
ค. เปลอื กโลกภาคพ้ืนทวีปและเปลือกโลกภาคพ้นื น้า
ง. เปลอื กโลกภาคพืน้ ทวปี และเปลือกโลกใต้มหาสมุทร
6. ชัน้ เน้ือโลกสว่ นบนกับชัน้ เปลอื กโลกรวมกันเรยี กว่าอะไร
ก. แมนเทิล
ข. ธรณีภาค
ค. ธรณีภาคพ้ืนทวปี
ง. ธรณภี าคพื้นเปลอื กโลก
7. เปลือกโลกใต้มหาสมุทรประกอบด้วยธาตุอะไรบา้ ง
ก. ซิลิคอนและเหลก็
ข. ซิลิคอนและซลิ ิกา
ค. ซิลคิ อนและอะลูมนิ า
ง. ซิลิคอนและแมกนีเซยี ม
8. แก่นโลกช้นั ในประกอบด้วยส่วนใดบา้ ง
ก. โลหะเหลก็ และนกิ เกลิ แข็งร้อน
ข. โลหะเหลก็ และนิกเกิลเหลวรอ้ น
ค. โลหะเหล็กและแมกนเี ซยี มแข็งร้อน
ง. โลหะเหลก็ และแมกนเี ซยี มเหลวรอ้ น
9. ช้นั บนสดุ ของเน้อื โลกมีลักษณะอย่างไร
ก. เปน็ หนิ ท่ีเกดิ จากการเยน็ ตัวลงแลว้ บางส่วน
ข. เปน็ หินทีเ่ กิดจากการหลอมเหลวและกาลงั เปน็ หนิ หนดื
ค. เป็นหินทเ่ี กิดจากการอัดตัวมีรพู รนุ บางส่วนเป็นหินเปราะ
ง. เป็นหินทเี่ กดิ จากการอัดตวั จนแกรง่ แต่บางสว่ นเปน็ ชน้ั หินจงึ เกิดรอยแตก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 6
10. ทฤษฎใี ดนาไปอธิบายถึงการเกดิ แผ่นดินไหว มหาสมุทรและซากสิ่งมชี ีวติ ที่ทบั ถมในหิน
บนเปลือกโลก
ก. ทฤษฎกี ารแปรสณั ฐานแผ่นธรณภี าค
ข. ทฤษฎกี ารเลื่อนไหลของแผ่นทวีป
ค. ทฤษฎีการขยายตัวของแผ่นทวปี
ง. ทฤษฎกี ารหดตวั ของแผน่ ทวปี
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 7
บัตรเนอ้ื หา
ชุดกิจกรรมการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
ชุดท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก
ข้อมูลในการศกึ ษาและแบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลก
รูปท่ี 1.1 โครงสร้างโลก
ทม่ี า : หนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ (หน้า 88)
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
โลกของเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาทั้งบริเวณพ้ืนผิวโลกและภายในโลก ในช่วง
ระยะเวลาประมาณ 4,500 ล้านปีท่ีผ่านมา การเปล่ียนแปลงดังกล่าวส่งผลให้เกิดภูมิประเทศรูปท่ี
แบบตา่ ง ๆ และธรณีพิบัติภยั เชน่ แผ่นดนิ ไหว ภเู ขาไฟระเบิด ซึ่งปรากฏการณเ์ หล่าน้ีส่งผลทั้งท่ีเป็น
ประโยชน์และเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นมนุษย์จึงพยายามทาความเข้าใจ
ปรากฏการณต์ ่าง ๆ ทเ่ี กิดขึ้นบนโลก โดยเร่มิ จากการศึกษาลกั ษณะโครงสร้างภายในโลก
โลกเป็นดาวเคราะห์หิน ดวงหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4,500 ล้านปีก่อนในระบบ
สุริยะ โลกเร่ิมกาเนิดโดยการพอกพูนมวลจากการปะทะและหลอมรวมกันของวัตถุท่ีเหลือจากการ
ก่อตวั ของดวงอาทติ ย์ จนทาให้โลกมีขนาดใหญ่ข้ึนและมีมวลมากขึ้น ซ่งึ ในช่วงต้นของการกาเนดิ โลก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 8
น้ัน โลกมีอุณหภูมิสูงทาให้สสารต่าง ๆ หลอมเข้าด้วยกัน ต่อมาอุณหภูมิค่อย ๆ ลดลง สสาร
จึงแยกช้ันจากกันตามความหนาแน่น โดยสสารท่ีเป็นธาตุหนัก มีความหนาแน่นมาก เช่น เหล็ก
นิกเกิลจะรวมตัวอยู่บริเวณใจกลางโลก ส่วนธาตุท่ีน้าหนักเบากว่า มีความหนาแน่นน้อยกว่า เช่น
ซิลิกอน อะลูมิเนยี ม แมกนีเซียมมีการรวมตัวกันอยู่บริเวณรอบนอก ขณะเดียวกันอุณหภูมิของโลกมี
การลดลงอย่างช้า ๆ โดยที่ส่วนนอกสุดของโลกมีอุณหภูมิลดลงและแข็งตัวเร็วกว่าส่วนอ่ืน
กระบวนการทกี่ ลา่ วมาทงั้ หมดนที้ าใหโ้ ลกเกดิ การแบ่งชั้น ดังรูปที่ 1.2 นกั เรียนคิดว่านกั วิทยาศาสตร์
ใชข้ อ้ มลู หรอื หลกั ฐานใดบา้ งมาสนับสนุนการแบ่งชั้นโครงสร้างโลกแต่ละชน้ั
รปู ท่ี 1.2 กระบวนการกาเนิดโลกท่ที าให้โลกเกดิ การแบ่งชั้น
ท่ีมา : หนงั สอื เรยี นรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ (หน้า 89)
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ
(ก) ชว่ งต้นของการกาเนิดโลกท่ีเกิดจากการปะทะและหลอมรวมกันของวัตถุท่เี หลืออย่จู ากการ
กอ่ ตวั ของดวงอาทติ ย์
(ข) ช่วงทอ่ี ณุ หภมู ิของโลกเร่ิมลดต่าลงทาใหผ้ วิ ชนั้ นอกสดุ เกิดการแขง็ ตวั
(ค) โครงสรา้ งภายในโลกท่แี บ่งเป็นช้ัน ๆ
นักวิทยาศาสตร์สนใจทจ่ี ะศกึ ษาโครงสรา้ งโลกมาเปน็ เวลานาน เซอร์ไอแซค นิวต้น (Sir
Isaac Newton) เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีบทบาทสาคัญในการศึกษาโครงสร้างโลก จากการที่นิวตัน
ศึกษาความโน้มถ่วงของโลกในเวลาต่อมานักวิทยาศาสตร์ใช้กฎแรงโน้มถ่วงสากลของนิวตัน
คานวณหาความหนาแน่นเฉล่ียของโลก พบวา่ ความหนาแน่นเฉล่ียของโลกมีค่าเปน็ 2 เท่าของความ
หนาแน่นของหินบนผิวโลก จึงสันนิษฐานว่าโลกไม่ได้เป็นเนือ้ เดียวกันทั้งหมด และส่วนที่อยู่ลึกลงไป
ภายในโลกนา่ จะมีความหนาแน่นมากกว่าหินบนผิวโลก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 9
ต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้มีการสารวจหินบนเปลือกโลกและศึกษาหินท่ีเกิดจากการ
ระเบิดของภูเขาไฟ พบว่าสมบัติทางกายภาพและองค์ประกอบทางเคมีของหินบนเปลือกโลกคล้าย
กับหินท่ีเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ แต่เม่ือเทียบกับหินแปลกปลอม (xenolith) ที่ถูกพาขึ้นมา
พร้อมลาวา พบวา่ มีสมบัติทางกายภาพและองค์ประกอบทางเคมีแตกตา่ งออกไป นอกจากนจ้ี ากการ
เจาะสารวจทาให้ทราบวา่ โลกมีอุณหภูมิและความดันเพิ่มขึ้นตามระดับความลึก และจากการระเบิด
ของภเู ขาไฟทาให้ทราบว่าภายใต้ผวิ โลกลงไปบางสว่ นมีหนิ หลอมเหลว
รปู ท่ี 1.3 อกุ กาบาตเหลก็ แคมโป เดล เชยี โล (Campo del Cielo) ประเทศอาร์เจนตนิ า
ทม่ี า : หนังสือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ วชิ าวิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ (หนา้ 91)
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ
นักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษาการแบ่งช้ันโลกตามโครงสร้างโลก โดยการใช้คลื่นไหว
สะเทือน ซึ่งมี 2 ประเภทไดแ้ ก่ คลน่ื ปฐมภูมิ และคลน่ื ทุติยภูมิ
ประวัตลิ าดับการศกึ ษาโครงสรา้ งโลก
- นิวตัน (Newton) ค้นพบวิธีการคานวณค่าความหนาแน่นเฉล่ียของโลก และพบว่ามี
ค่าประมาณ 2 เทา่ ของความหนาแน่นของหินบนผวิ โลก
- นักวิทยาศาสตร์สารวจโครงสร้างโลก จากสิ่งท่ีระเบิดออกมาจากภูเขาไฟ ซึ่งแสดงว่า
บางบริเวณภายในโลกมคี วามรอ้ น และความดันท่ีหลอมเหลวหนิ ได้
- มกี ารวัดอุณหภูมใิ นบรเิ วณเหมืองลึก และภายในหลุมเจาะ พบว่าอุณหภมู ภิ ายในโลก
สงู ขึ้นตามระดับความลึกจากผวิ โลก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 10
ปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีใด ท่ีสามารถเก็บตัวอย่างและข้อมูลสภาพแวดล้อมภายใน
โลก ที่ระดับความลึกมากๆ ได้ แต่มนุษย์พยายามหาข้อมูลจากหลายๆ วิธี เช่น ศึกษาจากการเจาะ
สารวจ การศึกษาชุดหินโอฟิโอไลต์ การศึกษาหินภูเขาไฟ การศึกษาองค์ประกอบทางเคมี
ของอุกกาบาตท่ีตกบนโลก ตัวอย่างหินจากดวงจันทร์ เป็นต้น หรือศึกษาสมบัติภายในโลกทางอ้อม
จากคลื่นไหวสะเทือนท่ีเกิดจากแผ่นดินไหว คลื่นท่ีมนุษย์สร้างขึ้น และการวัดค่าแรงโน้มถ่วงบริเวณ
ผิวโลก เปน็ ตน้
รูปที่ 1.4 โครงสร้างภายในของโลก
ภาพ : shutterstock.com
ทม่ี า : https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/34151
นกั วทิ ยาศาสตร์ทราบลักษณะโครงสร้างโลกได้ จากการศึกษาข้อมลู คล่ืนแผ่นดินไหว หรือท่ี
เรียกว่า คล่นื ไหวสะเทือน และศึกษาขอ้ มลู ต่างๆ ทีไ่ ด้จากแผน่ ดนิ ไหวและภูเขาไฟระเบดิ
คลนื่ ไหวสะเทือนเปน็ คลื่นทเ่ี คล่ือนท่ีผ่านตัวกลาง และมีการสง่ ผ่านพลังงานผ่านอนุภาคของ
ตวั กลาง อนุภาคของตวั กลางมกี ารเคลอื่ นที่ แตไ่ ม่ไดเ้ คลอื่ นทตี่ ามคล่นื ไปด้วย
คลื่นไหวสะเทอื น แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ได้แก่
1. คลื่นในตัวกลาง (Body wave) เป็นคล่ืนทมี่ ีจุดกาเนดิ อยภู่ ายในโลก และเคล่ือนที่
ผา่ นโครงสร้างภายในโลก คลนื่ ในตวั กลางแบ่งเป็น 2 ชนดิ ได้แก่
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 11
- คลื่นปฐมภูมิ (Primary waves, P waves) มีลักษณะเป็นคล่ืนตามยาว อนุภาค
ตัวกลางเคลื่อนที่ไปแนวเดียวกับทิศทางการเคล่ือนท่ีของคลื่น สามารถเคลื่อนท่ีผ่านตัวกลางได้ทุก
สถานะ มคี วามเร็วมากกวา่ คลน่ื ทุติยภูมิ
- คล่ืนทุติยภูมิ (Secondary waves, S waves) มีลักษณะเป็นคล่ืนตามขวาง อนุภาค
ตัวกลางเคลื่อนท่ีในทิศทางต้ังฉากกับทิศทางการเคลื่อนท่ีของคลื่น เคล่ือนท่ีผ่านได้เฉพาะตัวกลางท่ี
เปน็ ของแขง็ เทา่ นนั้
2. คลื่นพ้ืนผิว (Surface wave) เป็นคลื่นท่ีเคล่ือนท่ีตามแนวผิวโลกหรือใกล้ผิวโลก
เม่ือคลื่นไหวสะเทือนเคลื่อนที่ผ่านส่วนต่างๆ ของโลก จะเกิดการหักเห สะท้อน บริเวณรอยต่อของ
ชั้นโครงสร้างโลก ท่ีประกอบด้วยหินหรือสารท่ีมีสมบัติแตกต่างกัน ทาให้สามารถแบ่งโครงสร้างโลก
เป็นชัน้ ได้
จากการศึกษาข้างต้นยังไม่ทาให้ทราบถึงข้อมูลของโครงสร้างโลกในระดับลึกได้
นักวทิ ยาศาสตร์จึงใช้ความรู้จากทฤษฎีกาเนดิ ระบบสุริยะ และสมบัติของคลื่นไหวสะเทือน (seismic
wave) มาชว่ ยในการศึกษา
จากการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีและความหนาแน่นของอุกกาบาตเหล็ก (iron
meteorite) ที่พบในระบบสุริยะดังรูปที่ 1.4 พบว่ามีองค์ประกอบหลักทางเคมีเป็นเหล็กและนิกเกิล
เม่ือนาคา่ ความหนาแน่นของอกุ กาบาตเหลก็ และหินบนเปลือกโลกไปคานวณและเปรียบเทยี บกับค่า
ความหนาแน่นของโลกที่ได้คานวณไว้ พบว่ามีค่าใกล้เคียงกันและเม่ือเช่ือมโยงทฤษฎีกาเนิดระบบ
สุริยะ ที่กล่าวว่า อุกกาบาตเป็นวัตถุที่เหลือจากการกาเนิดระบบสุริยะ จึงทาให้นักวิทยาศาสตร์
สันนิษฐานวา่ ส่วนหนึ่ง
ของวัสดุก่อกาเนิดโลกจะมีองค์ประกอบเป็นเหล็กและนิกเกิล จึงนามาสู่ข้อสรุปว่า
สว่ นหนึ่งภายในโลกมีองค์ประกอบหลักทางเคมเี ปน็ เหล็กและนิกเกิล
นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ได้นาสมบัติของคลื่นไหวสะเทือนมาศึกษาสมบัติเชิงกลของ
โครงสร้างโลก คล่ืนไหวสะเทือนเป็นคลื่นกลท่ีเกิดจากแรงส่ันสะเทือนจากแผ่นดินไหวหรือคล่ืนกล
ที่มนุษย์สร้างขึ้น คล่ืนไหวสะเทือนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ คลื่นในตัวกลาง (body wave)
และคลนื่ พืน้ ผิว (surface wave) ทง้ั นใ้ี นการศกึ ษาโครงสรา้ งโลกนั้นใชส้ มบัติของคล่ืนในตวั กลางเป็น
หลักซึ่งแบ่งออกเป็น คลื่นปฐมภูมิ (primary wave, P-wave) และ คลื่นทุติยภูมิ (secondary
wave, S-wave) โดยคล่ืนปฐมภูมแิ ละคลน่ื ทุติยภมู ิมสี มบตั ดิ งั นี้
คล่ืนปฐมภูมิ เป็นคลื่นตามยาว สามารถความแข็งแกร่ง (stiffness) ในที่นี้คือการ
เคลื่อนท่ีผ่านตัวกลางได้ทุกสถานะ เมื่อเคล่ือนที่ตอบสนองของโครงสร้างโลกแต่ละชั้นผ่านตัวกลาง
ทาให้อนุภาคของตัวกลางเกิดการอัดเม่ือคล่ืนไหวสะเทือนเคล่ือนท่ีผ่านและขยายในทิศทางเดียวกับ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 12
การเคลื่อนที่ของคล่ืนเทียบได้กับลักษณะการอัดและขยายของขดลวดสปริงไปตามแนวยาว ดังรูป
ที่ 1.5 นอกจากนี้
รปู ที่ 1.5 แสดงลกั ษณะการเคล่อื นท่ขี องคลืน่ ปฐมภูมเิ ทียบกับลักษณะการเคลอื่ นท่ีของคล่ืน
ทเี่ กิดจากขดลวดสปรงิ ถกู อัดขยาย
ที่มา : หนงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ (หนา้ 93)
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ
คลื่นปฐมภูมิยังเป็นคล่ืนไหวสะเทือนที่มีความเร็วมากท่ีสุด และเดินทางมาถึง
เคร่ืองตรวจวัดเป็นอันดับแรกคลื่นทุติยภูมิ เป็นคลื่นตามขวาง เคลื่อนท่ีผ่านได้เฉพาะตัวกลาง
ที่มีสถานะเป็นของแข็งเมื่อเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางทาให้อนุภาคของตัวกลางสั่นต้ังฉากกับทิศทางการ
เคลอ่ื นทขี่ องคลื่นเทียบได้กับลักษณะการสะบัดขดลวดสปริงไปทางซ้ายและขวาสลับกัน ดงั รูปที่ 1.6
คลื่นทุติยภูมิเคลื่อนท่ีได้ข้ากว่าคลื่นปฐมภูมิ จึงเป็นคล่ืนท่ีเดินทางมาถึงเคร่ืองตรวจวัดได้เป็ น
อนั ดับสอง
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 13
รปู ท่ี 1.6 แสดงลกั ษณะการเคลื่อนท่ีของคลนื่ ทตุ ยิ ภูมเิ ทยี บกบั ลักษณะการเคลอ่ื นที่ของคลืน่
ท่ีเกดิ จากการสะบดั สปริง
ท่ีมา : หนังสือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ วชิ าวิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ (หนา้ 93)
สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ
การศึกษาโครงสร้างโลกใช้ข้อมูลด้านต่าง ๆ เช่น องค์ประกอบทางเคมีของหินและแร่
องค์ประกอบทางเคมีของอุกกาบาต ข้อมูลคล่ืนไหวสะเทือนท่ีเคล่ือนท่ีผ่านโลก ทาให้แบ่งชั้น
โครงสร้างโลกได้ 2 แบบ คือ โครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทางเคมี จะแบ่งได้เป็น 3 ชั้น ได้แก่
เปลือกโลก เนื้อโลก และแก่นโลก และโครงสร้างโลกตามสมบัติเชิงกล จะแบ่งได้เป็น 5 ช้ัน ได้แก่
ธรณีภาค ฐานธรณีภาค มัชฌิมภาค แก่นโลกช้ันนอก และแก่นโลกชั้นใน โดยหากเปรียบเทียบการ
แบ่งช้ันโครงสรา้ งโลกตามเกณฑ์ทั้งสองแบบไดด้ ังรูปทีด่ ้านล่าง ส่วนของเปลือกโลกและเนื้อโลกตอน
บนสดุ คือธรณีภาค เน้ือโลกตอนบน คือฐานธรณีภาค เนอ้ื โลกตอนล่างคือ มชั ฌิมภาค และหาก แบ่ง
ตามสมบัติเชิงกลจะแบง่ แก่นโลกออกเปน็ แก่นโลกชน้ั นอก และแก่นโลกช้ันใน
การแบ่งช้ันโครงสร้างโลกโดยใช้ข้อมูลคล่ืนไหวสะเทือนเป็นเกณฑ์ สามารถนามาอธิบาย
ชั้นต่าง ๆ ของโครงสร้างโลกได้แตกต่างจากการใช้เกณฑ์องค์ประกอบทางเคมี นอกจากทาให้แบ่ง
ชั้นโครงสร้างโลกได้ละเอียดข้ึนแล้วยังเป็นข้อมูลพื้นฐานในการอธิบายเกี่ยวกับการเคลื่อนท่ีของ
แผ่นธรณี และการเกดิ ธรณีพิบตั ภิ ยั อีกดว้ ย
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 14
ข้อมูลในการศกึ ษาและแบง่ ชัน้ โครงสรา้ งโลก
โลกเป็นดาวเคราะห์หิน (terestrial planet) ดวงหนึ่งท่ีเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4,500 ล้านปี
ก่อนในระบบสุริยะโลกเริ่มกาเนิดโดยการพอกพูนมวลจากการปะทะและหลอมรวมกันของวัตถุที่
เหลือจากการก่อตัวของดวงอาทิตย์จนทาให้โลกมีขนาดใหญ่ข้ึนและมีมวลมากขึ้นซ่ึงในช่วงต้นของ
การกาเนิดโลกนั้นโลกมีอุณหภูมิสูงทาให้สสารต่าง ๆ หลอมเข้าด้วยกันต่อมาอุณหภูมิค่อย ๆ ลดลง
สสารมีการแยกจากกันตามความหนาแน่นโดยสสารท่ีเป็นธาตุหนักมีความหนาแน่นมากเช่นเหล็ก
นิกเกิลจะรวมตัวอยู่บริเวณใจกลางโลกส่วนธาตุท่ีน้าหนักเบากว่ามีความหนาแน่นน้อยกว่าเช่น
ซิลิกอนอะลูมิเนียมแมกนีเซียมมีการรวมตัวกันอยู่บริเวณรอบนอกขณะเดียวกันอุณหภูมิของโลกมี
การลดลงอย่างช้า ๆ โดยท่ีส่วนนอกสุดของโลกมีอุณหภูมิลดลงและแข็งตัวเร็วกว่าส่วนอ่ืน
กระบวนการท่ีกล่าวมาทัง้ หมดนี้ทาให้โลกเกิดการแบ่งชั้นดังรูปท่ี 1.7 นักวทิ ยาศาสตร์ใช้ข้อมูลหรือ
หลกั ฐานใดบ้างมาสนับสนุนการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลกแตล่ ะช้ัน
รปู ท่ี 1.7 โครงสร้างของโลก
ทม่ี า : https://ngthai.com/science/23866/structureofearth/
นักวิทยาศาสตร์มีความสนใจที่จะศึกษาโครงสร้างโลกมาเป็นเวลานานเซอร์ไอแซคนิวตัน
(Sir Isaac Newton) เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีบทบาทสาคัญในการศึกษาโครงสร้างโลกจากการท่ี
นิวตันศึกษาความโน้มถ่วงของโลก ซึ่งในเวลาต่อมานักวิทยาศาสตร์ใช้กฎแรงดึงดูดระหว่างมวลของ
นิวตันคานวณหาความหนาแน่นเฉลี่ยของโลกพบว่าความหนาแน่นเฉล่ียของโลกมีค่าเป็น 2 เท่าของ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชนั้ โครงสรา้ งโลก 15
ความหนาแน่นของหินบนผิวโลก จึงสันนิษฐาน วา่ โลกไมไ่ ด้เป็นเน้ือเดียวกันทง้ั หมดและส่วนที่อยู่ลึก
ลงไปภายในโลกน่าจะมีความหนาแน่นมากกวา่ หนิ บนผิวโลก
ต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้มีการสารวจหินบนเปลือกโลกและศึกษาหินท่ีเกิดจากการระเบิด
ของภูเขาไฟพบว่าสมบัติทางกายภาพและองค์ประกอบทางเคมีของหินบนเปลือกโลกคล้ายกับหินท่ี
เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ แต่เมื่อเทียบกับหินแปลกปลอม (xenolith) ที่ถูกพาขึ้นมาพร้อม
ลาวาพบว่ามีสมบัติทางกายภาพและองค์ประกอบทางเคมีแตกต่างออกไปนอกจากน้ีจากการเจาะ
สารวจทาให้ทราบว่าโลกมีอุณหภูมิและความดันเพิ่มขึ้นตามระดับความลึกและจากการระเบิด
ของภูเขาไฟทาใหท้ ราบวา่ ภายใตผ้ ิวโลกลงไปบางสว่ นมีหนิ หลอมเหลว
หินแปลกปลอมคืออะไร โดยท่ัวไปหินแปลกปลอมหมายถึงเศษของหินท้องท่ีที่เข้าไปอยู่ใน
แมกมาหรือลาวา แตข่ ้อมูลท่ีใชใ้ นการศกึ ษาโครงสร้างโลกน้ันหินแปลกปลอมนีเ้ ปน็ เศษหินแขง็ ท่ีมีต้น
กาเนิดอยู่ในระดับลึกใต้เปลือกโลกซึ่งพบปนอยู่ในเนื้อของมวลหินอัคนีที่เกิดจากการปะทุของลาวา
ขึน้ มาบนผิวโลกและประกอบด้วยแร่ท่มี ธี าตุเหลก็ และแมกนีเซียมปรมิ าณมากกวา่ หนิ บนเปลอื กโลก
จากการศึกษาข้างต้นยังไม่ทาให้ทราบถึงข้อมูลของโครงสร้างโลกในโลกระดับลึกได้
นกั วิทยาศาสตร์จึงใช้ความรู้จากทฤษฎีกาเนิดระบบสรุ ิยะและสมบัติของคลื่นไหวสะเทือน (Seismic
waves) มาชว่ ยในการศกึ ษา
รูปที่ 1.8 หินแปลกปลอม
ทีม่ า : หนงั สอื เรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรว์ ทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ (หนา้ 90)
สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ
จากการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีและความหนาแน่นของอุกกาบาตเหล็ก (iron
rneteorites) ที่พบในระบบสรุ ยิ ะดงั รูปท่ี 1.8 พบว่ามีองค์ประกอบหลักทางเคมเี ป็นเหล็กและนกิ เกิล
และเม่ือนาค่าความหนาแน่นของอุกกาบาตเหล็กและหินบนเปลือกโลกไปคานวณและเปรียบเทียบ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลก 16
กับค่าความหนาแน่นของโลกท่ีนักวิทยาศาสตร์ได้คานวณไว้พบว่ามีค่าใกล้เคียงกันและเม่ือเชื่อมโยง
ทฤษฎีกาเนิดระบบสุริยะท่ีกล่าวว่าอุกกาบาตคือวัตถุท่ีเหลือจากการกาเนิดระบบสุริยะจึงทาให้
นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าส่วนหน่ึงของวัสดุก่อกาเนิดโลกจะมีองค์ประกอบเป็นเหล็กและนิกเกิล
จงึ นามาสู่ข้อสรปุ วา่ ภายในโลกมอี งคป์ ระกอบทางเคมีเป็นเหลก็ และนิกเกิล
รูปท่ี 1.9 อุกกาบาตเหล็กแคมโปเดลเขียโล (Campo del Cielo) ประเทศอาร์เจนตนิ า
ที่มา : หนังสอื เรยี นรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ (หน้า 91)
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร
นักวิทยาศาสตร์ได้นาสมบัติของคล่ืนไหวสะเทือนมาศึกษาสมบัติเชิงกลของโครงสร้างโลก
คลน่ื ไหวสะเทือนเปน็ คลนื่ กลท่เี กดิ จากแรงสั่นสะเทือนจากแผน่ ดนิ ไหวหรือทมี่ นุษย์สร้างข้นึ คล่นื ไหว
สะเทือน แบ่งออกเป็น 2 ประมาทคือคลื่นในตัวกลาง (body waves) และคล่ืนพ้ืนผิว (surface
Waves) ท้ังนี้ในการศึกษาโครงสร้างโลกนั้นใช้สมบัติของคลื่นในตัวกลางเป็นหลัก ซ่ึงแบ่งออกเป็น
คล่ืนปฐมภูมิ (primary wave), P-Wave) และทตุ ิยภูมิ (secondary wave, S-wave) โดยคล่ืนปฐม
ภูมิและทุติยภูมมิ สี มบัติ ดงั น้ี
คล่ืนปฐมภูมิ เป็นคล่ืนตามยาวสามารถเคล่ือนท่ีผ่านตัวกลางได้ทุกสถานะเม่ือเคลื่อนที่ผ่าน
ตัวกลางทาใหอ้ นุภาคของตัวกลางเกิดการอดั และขยายในทิศทางเดยี วกับการเคลื่อนที่ของคล่ืนเทยี บ
ได้กับลักษณะการอัดและขยายของขดลวดสปริงไปตามแนวยาว นอกจากน้ีคล่ืนปฐมภูมิยังเป็นคลื่น
ไหวสะเทือนทีม่ ีความเร็วมากทส่ี ุดและเดินทางมาถงึ เครื่องตรวจวัดเป็นอันดบั แรก
คลื่นทุติยภูมิ เป็นคล่ืนตามขวางเคลื่อนท่ีผ่านได้เฉพาะตัวกลางท่ีมีสถานะเป็นของแข็งเม่ือ
เคล่ือนที่ผา่ นตัวกลางทาใหอ้ นภุ าคของตัวกลางสนั่ ต้ังฉากกบั ทิศทางการเคลือ่ นที่ของคลื่นเทยี บไดก้ ับ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลก 17
ลักษณะการสะบัดขดลวดสปริงไปทางซ้ายและขวาสลับกัน คลื่นทุติยภูมิเคล่ือนที่ได้ช้ากว่าคล่ืน
ปฐมภมู จิ งึ เป็นคล่นื ทีเ่ ดนิ ทางมาถึงเครอ่ื งตรวจวัดได้เปน็ อันดบั สอง
เม่ือคลื่นปฐมภูมิและคลื่นทุติยภูมิเคล่ือนท่ีผ่านตัวกลางต่างชนิดกัน หรือตัวกลางที่มีความ
หนาแน่นไม่เท่ากนั คล่นื จะมีความเรว็ เปลี่ยนไป เกิดการหักเหและ/หรือสะทอ้ น ท่บี ริเวณรอยตอ่ ของ
ตัวกลางน้นั
เมื่อคล่ืนปฐมภูมิและคลื่นทุติยภูมิเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางต่างชนิดกันหรือตัวกลางท่ีมีความ
หนาแน่นไม่เท่ากัน คลื่นจะมีความเร็วเปล่ียนไปรวมท้ังเกิดการหักเหและ/หรือสะท้อนท่ีบริเวณ
รอยตอ่ ของตวั กลางนั้นคลน่ื ไหวสะเทือนทเ่ี คลอื่ นที่ผา่ นภายในโลกจงึ มีทิศทางทีเ่ ปล่ียนแปลงไปดังรูป
ท่ี 1.10 ทาให้ทราบวา่ ภายในโลกมกี ารแบง่ เป็นช้ัน ๆ ตามสถานะและความหนาแนน่ ทแ่ี ตกต่างกัน
รูปท่ี 1.10 การเคลือ่ นท่ขี องคล่ืนไหวสะเทือนเมือ่ ผา่ นภายในโลก
ท่ีมา : หนงั สอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ วชิ าวิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ (หน้า 94)
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
นกั วิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐานว่าหากภายในโลกเป็นเนื้อเดียวกันโดยตลอดคล่ืนไหวสะเทือน
ที่เคลื่อนที่ผ่านภายในโลกจะมีความเร็วคงที่และเดินทางเป็นเส้นตรงดังรูปท่ี 1.11 (ก) แต่ถ้าวัสดุ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 18
ภายในโลกมีความหนาแน่นและความดันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามระดับความลึกคล่ืนไหวสะเทือน
จะเคลื่อนผ่านภายในโลกด้วยความเร็วที่เพ่ิมขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของความหนาแน่นและความดัน
และเส้นทางการเคลื่อนท่ีของคล่ืนจะไม่เป็นเส้นตรงดังรูปท่ี 1.11 (ข) แต่จากการศึกษาการเคลื่อนท่ี
ของคลนื่ ไหวสะเทือนผ่านภายในโลก พบว่ามีลกั ษณะดงั รูปท่ี 1.11 (ค) ทาให้สนั นิษฐานว่าภายในโลก
อาจแบง่ เปน็ ช้นั ๆ ตามสถานะและความหนาแน่นท่แี ตกตา่ งกัน
(ก) แต่ถ้าวัสดุภายในโลกมีความหนาแน่นและความดันเพิ่มขึ้นเร่ือย ๆ ตามระดับความลึก
คล่นื ไหวสะเทอื น
(ข) แต่จากการศกึ ษาการเคล่ือนที่ของคลน่ื ไหวสะเทือนผา่ นภายในโลก
(ค) ทาให้สันนิษฐานว่าภายในโลกอาจแบ่งเป็นช้ัน ๆ ตามสถานะและความหนาแน่นท่ี
แตกต่างกัน
รูปท่ี 1.11 การเคลือ่ นที่ของคลน่ื ไหวสะเทือนเมอ่ื ผา่ นภายในโลกตามสมมตฐิ านตา่ ง ๆ
ทมี่ า : หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพิม่ เติมวทิ ยาศาสตร์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 1 (หนา้ 8)
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
การศึกษาโครงสร้างภายในของโลก โดยศึกษาการเดินทางของ “คล่ืนซิสมิค” (Seismic
waves) ซึง่ มี 2 ลักษณะ คือ
คล่ืนปฐมภูมิ (P wave) เป็นคล่ืนตามยาวที่เกิดจากความไหวสะเทือนในตัวกลาง
โดยอนุภาคของตัวกลางนั้นเกิดการเคลื่อนไหวแบบอัดขยายในแนวเดียวกับท่ีคล่ืนส่งผ่านไป คลื่นนี้
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลก 19
สามารถเคลื่อนท่ีผ่านตัวกลางที่เป็นของแข็ง ของเหลว และก๊าซ เป็นคล่ืนที่สถานีวัดแรงสั่นสะเทือน
สามารถรับได้ก่อนชนิดอื่น โดยมีความเร็วประมาณ 6 – 8 กิโลเมตร/วินาที คล่ืนปฐมภูมิทาให้เกิด
การอดั หรือขยายตัวของช้ันหิน
รูปที่ 1.12 ลักษณะคล่ืนปฐมภมู ิ
ทมี่ า : https://sites.google.com/site/krongsanglok/khorngsrang-lok
คลื่นทุติยภูมิ (S wave) เป็นคล่ืนตามขวางที่เกิดจากความไหวสะเทือนในตัวกลางโดย
อนุภาคของตัวกลางเคล่ือนไหวต้ังฉากกับทิศทางที่คลื่นผ่าน มีทั้งแนวต้ังและแนวนอน คล่ืนชนิดน้ี
ผา่ นได้เฉพาะตัวกลางทีเ่ ป็นของแขง็ เท่านน้ั ไมส่ ามารถเดินทางผ่านของเหลว คลนื่ ทุตยิ ภูมิมคี วามเร็ว
ประมาณ 3 – 4 กิโลเมตร/วินาที คล่ืนทุติยภูมิทาให้ชั้นหินเกิดการคดโค้ง ขณะที่เกิดแผ่นดินไหว
(Earthquake) จะเกิดแรงส่ันสะเทือนหรือคลื่นซิสมิคขยายแผ่จากศูนย์เกิดแผ่นดินไหวออกไป
โดยรอบทุกทิศทุกทาง เนื่องจากวัสดุภายในของโลกมีความหนาแน่นไม่เท่ากัน และมีสถานะต่างกัน
คลื่นทั้งสองจึงมีความเร็วและทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปดังภาพที่ 4 คลื่นปฐมภูมิหรือ P wave
สามารถเดินทางผ่านศูนย์กลางของโลกไปยังซีกโลกตรงข้ามโดยมีเขตอับ (Shadow zone)
อยรู่ ะหว่างมุม 100 – 140 องศา แต่คล่นื ทุติยภูมิ หรอื S wave ไมส่ ามารถเดินทางผา่ นชน้ั ของเหลว
ได้จงึ ปรากฏแตบ่ นซีกโลกเดียวกับจุดเกิดแผ่นดินไหว โดยมเี ขตอบั อย่ทู มี่ มุ 120 องศาเปน็ ตน้ ไป
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 20
รปู ท่ี 1.13 ลกั ษณะคลื่นทุติยภูมิ
ท่มี า : https://sites.google.com/site/krongsanglok/khorngsrang-lok
การแบง่ โครงสรา้ งโลก
โครงสร้างของโลกตามลักษณะมวลสารเป็นช้ันใหญ่ 3 ช้ัน คือ ช้ันเปลือกโลก เนื้อโลก
และแกน่ โลก
1. ชั้นเปลือกโลก (crust) เป็นผิวด้านนอกท่ีปกคลุมโลก ส่วนท่ีบางท่ีสุดของช้นั เปลอื กโลก
อย่ทู ่ีมหาสมุทรแปซิฟกิ ทางตะวันออกของฟิลิปปินส์ และส่วนท่ีหนาท่ีสุดอยทู่ แี่ นวยอดเขา ช้ันเปลือก
โลกแบง่ เปน็ 2 บริเวณ คือ
1) เปลือกโลกภาคพ้ืนทวีป หมายถึง ส่วนที่เป็นแผ่นดินท้ังหมด ประกอบด้วยธาตุ
ซิลิคอนร้อยละ 65275 และอะลูมิเนียมร้อยละ 25235 เป็นส่วนใหญ่ มีสีจาง เรียกหินชั้นนี้ว่า
หินไซอลั (sial) ไดแ้ ก่ หินแกรนิต ผิวนอกสุดประกอบดว้ ยดนิ และหนิ ตะกอน
2) เปลือกโลกใต้มหาสมุทร หมายถึง ส่วนของเปลือกโลกท่ีปกคลุมด้วยน้า
ประกอบด้วยธาตุซิลิคอนร้อยละ 40250 และแมกนีเซียมร้อยละ 50260 เป็นสว่ นใหญ่ มีสีเข้ม เรียก
หนิ ชั้นน้ีว่า หินไซมา (sima) ได้แก่ หินบะซอลต์ติดต่อกับช้ันหนิ หนืด มีความลึกต้งั แต่ 5 กิโลเมตรใน
ส่วนท่อี ยูใ่ ต้มหาสมทุ รลงไปจนถงึ 70 กโิ ลเมตรในบริเวณทอี่ ยใู่ ต้เทือกเขาสูงใหญ่
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 21
2. ช้ันเน้ือโลก (mantle) อยู่ถัดลงไปจากช้ันเปลือกโลก ส่วนมากเป็นของแข็ง มีความลึก
ประมาณ 2,900 กิโลเมตรนับจากฐานล่างสุดของเปลือกโลกจนถึงตอนบนของแก่นโลก เป็นหินหนืด
รอ้ นจดั ประกอบด้วยธาตเุ หล็ก ซิลคิ อน และอะลูมิเนยี ม แบง่ เป็น 3 ชน้ั คือ
1) ชั้นเน้ือโลกส่วนบน เป็นหินท่ีเย็นตัวแล้ว บางส่วนมีรอยแตก เน่ืองจากความเปราะ
ช้ันเน้ือโลก ส่วนบนกับชั้นเปลือกโลกรวมกันเรียกว่า ธรณีภาค (lithosphere) ซ่ึงมีรากศัพท์มาจาก
ภาษากรกี ทแ่ี ปลวา่ ชัน้ หนิ ชั้นธรณีภาคมคี วามหนาประมาณ 100 กโิ ลเมตรนับจากผวิ โลกลงไป
2) ชน้ั ฐานธรณภี าค (asthenosphere) มีความลกึ 1002350 กโิ ลเมตร เป็นชัน้ ท่มี ีแมก
มา ซง่ึ เป็นหนิ หนดื หรอื หินหลอมละลายร้อน หมุนวนอยภู่ ายในโลกอย่างช้าๆ
3) ชั้นเนื้อโลกช้ันล่างสุด อยู่ที่ความลึก 35022,900 กิโลเมตร เป็นช้ันที่เป็นของแข็ง
รอ้ นแตแ่ น่นและหนดื กวา่ ตอนบน มีอณุ หภมู สิ งู ประมาณ 2,25024,500 องศาเซลเซยี ส
3. ชน้ั แก่นโลก (core) แบง่ เป็น 2 ส่วน คอื
1) แก่นโลกช้ันนอก อยู่ที่ความลึก 2,90025,100 กิโลเมตร เช่ือว่าประกอบด้วยสาร
เหลวร้อนของโลหะเหลก็ และนกิ เกลิ เปน็ สว่ นใหญ่ มคี วามรอ้ นสูงมาก มคี วามถว่ งจาเพาะ 12
2) แก่นโลกชั้นใน อยู่ท่ีความลึก 5,10026,370 กิโลเมตร มีส่วนประกอบเหมือนแก่น
โลกช้ันนอก แต่อยู่ในสภาพแข็ง เนื่องจากมีความดันและอุณหภูมิสูงมาก อาจสูงถึง 6,000 องศา
เซลเซียส มีความถ่วงจาเพาะ 17 ชนั้ ตา่ งๆ ของโลกมลี ักษณะและสมบัติแตกต่างกัน ทัง้ ด้านกายภาพ
และส่วนประกอบทางเคมี โครงสร้างและส่วนประกอบภายในของโลกจึงเป็นสาเหตุหน่ึงท่ีทาให้เกิด
ปรากฏการณ์ทางธรณวี ทิ ยา คือ แผน่ ดินไหว และภเู ขาไฟระเบิด
แม้ว่าโลกของเราจะเป็นเพียงดาวเคราะห์ดวงเล็ก ๆ ดวงหน่ึงในจักรวาล แต่ขนาดรัศมี
ประมาณ 6,370 กิโลเมตรของโลก ก็ทาให้การขุดเจาะลงไปลึกถึงใจกลางโลกเพื่อศึกษาโครงสร้าง
และองค์ประกอบต่าง ๆ ของโลกนั้นเป็นเร่ืองท่ียากย่ิง อย่างไรก็ตาม มนุษย์ยังไม่ละความพยายามที่
จะศึกษาโครงสร้างและองค์ประกอบของโลกในชั้นลึก จึงมีการประยุกต์ความรู้ทางฟิสิกส์เพื่อนามา
สารวจโลกในระดับทีล่ ึกลงไป โดยใช้คลน่ื ไหวสะเทอื นประกอบกบั ความรู้ในเรอื่ งคุณสมบัตขิ องคลนื่ ท่ี
มีการหักเหและสะท้อนในตัวกลางคุณสมบัติต่าง ๆ กัน ทาให้เราคาดคะเนได้ว่าโครงสร้างของโลก
ของเราน้ันแบ่งเป็น 3 ชัน้ ไดแ้ ก่ แกน่ โลก (Core) เนอื้ โลก (Mantle) และเปลอื กโลก (Crust)
เราสามารถแบ่งโครงสร้างภายในโลกได้เป็น 3 ช้ัน และในแต่ละชั้นก็จะมีชั้นความไม่
ตอ่ เนอื่ งก้นั กลางอยู่ ได้แก่
1. แกน่ โลก (Core)
เป็นส่วนที่อยู่ชั้นในสุดของโลก มีความหนาประมาณ 3,470 กิโลเมตร สามารถ
แบง่ ยอ่ ยออกจากกันเปน็ 2 ช้ัน ดว้ ยช้นั ความไม่ตอ่ เน่ืองเลอหม์ านน์ (Lehmann Discontinuity)
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชนั้ โครงสรา้ งโลก 22
1.1 แก่นโลกช้ันใน (Inner Core) มีความหนาประมาณ 1,370 กิโลเมตร มี
ความหนาแน่นมากและมีลักษณะแข็ง คาดวา่ แก่นโลกส่วนน้ีจะประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างเหล็ก
และนิกเกิล โดยเทียบเคียงจากอุกกาบาตเน้ือเหล็กที่ประกอบไปด้วยโลหะผสมระหว่างเหล็กและ
นกิ เกิล ซ่งึ เคยตกลงมาบนโลก เนือ่ งจากมนั มีความหนาแนน่ ใกล้เคียงกบั แก่นโลกในชั้นนี้
1.2 แก่นโลกช้ันนอก (Outer Core) มีความหนาประมาณ 2,100 กิโลเมตร ใน
ช้ันนี้ประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างเหล็กและนิกเกิลเช่นเดียวกับแก่นโลกช้ันใน แต่คาดว่าจะมี
สถานะเป็นของเหลวท่ีมีการเคลื่อนท่ีในลักษณะหมุนวนด้วยการพาความร้อน ซึ่งการเคลื่อนที่เช่นนี้
ไดเ้ หนย่ี วนาใหเ้ กดิ สนามแมเ่ หลก็ โลก
2. ชัน้ เนอื้ โลก (Mantle)
ช้ันเน้ือโลกมีความหนาประมาณ 2,880 กิโลเมตร แบ่งแยกออกจากแก่นโลก
ช้ันนอกด้วยชั้นความไม่ต่อเน่ืองวิเชิร์ตกูเทนเบิร์ก (Wiechert-Gutenberg Discontinuity) หรือชั้น
ความไม่ต่อเน่ืองโอล์แดม (Oldham Discontinuity) มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแร่ซิลิเกต ท้ังนี้
ระหว่างเน้ือโลกมีช้ันทรานซิชัน (Transition Zone) แทรกอยู่ ซึ่งทาให้เราแบ่งเนื้อโลกได้เป็นเนื้อ
โลกช้ันล่างและเนื้อโลกชน้ั บน
2.1 เน้ือโลกชั้นล่าง (Lower Mantle) มีความหนาประมาณ 2,100 กิโลเมตร
มสี ถานะเปน็ ของแข็ง
2.2 เนื้อโลกช้ันบน (Upper Mantle) มีความหนาประมาณ 700 กิโลเมตร
แบง่ เป็นเนือ้ โลกชน้ั บนตอนล่างและเนอื้ โลกช้นั บนตอนบน
1) เน้ือโลกช้ันบนตอนล่าง เรียกว่า ฐานธรณีภาค (Asthenosphere)
มีลกั ษณะเปน็ ของแข็งเนอ้ื อ่อน จึงหยนุ่ คลา้ ยดนิ นา้ มัน ในชน้ั นี้มคี วามรอ้ นสงู ทาใหแ้ ร่บางสว่ นหลอม
ละลายเป็นหินหนืด (Magma) ซ่ึงจะมีการเคลื่อนท่ีในลักษณะของกระแสหมุนวนด้วยการพา
ความรอ้ น
2) เน้ือโลกช้ันบนตอนบน มีลักษณะเป็นหินเนื้อแข็ง และเป็นฐานรองรับ
เปลอื กโลกสว่ นทวีป เรยี กรวมกนั วา่ ธรณีภาค (Lithosphere)
3. ช้ันเปลือกโลก (Crust)
เป็นช้ันท่ีอยู่นอกสุด มีความหนาเฉล่ีย 22 กิโลเมตร แยกจากชั้นเน้ือโลกด้วยชั้น
ความไม่ต่อเน่ืองโมโฮโรวิซิก (Mohorovicic Discontinuity หรือ M-Discontinuity) ชั้นเปลือกโลก
แบ่งออกได้เป็น 2 สว่ นคอื
3.1 เปลือกโลกส่วนมหาสมุทร (Oceanic crust) มีความหนาเฉล่ียประมาณ
5 กิโลเมตร ส่วนใหญ่เป็นหินบะซอลต์ ซึ่งประกอบด้วยเหล็ก แมกนีเซียม ซิลิกอน และออกซิเจน
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลก 23
ดังนั้น เปลือกโลกส่วนน้ีจึงถูกเรียกว่า ไซมา (SIMA) โดยมาจากอักษรสองตัวแรกของธาตุซิลิกอน
(Silicon) กับแมกนีเซียม (Magnesium)
3.2 เปลือกโลกส่วนทวีป (Continental crust) มีความหนาเฉลี่ยประมาณ
30 กิโลเมตร ส่วนใหญ่เป็นหินแกรนิต ซึ่งมีองค์ประกอบหลักเป็นซิลิกอน อะลูมิเนียม ออกซิเจน
โซเดียม และโพแทสเซียม ดังน้ัน จึงถูกเรียกว่าไซอัล (SIAL) โดยมาจากอักษรสองตัวแรกของธาตุ
ซลิ ิกอน (Silicon) กบั อะลูมิเนยี ม (Aluminium)
รปู ท่ี 1.14 โครงสรา้ งภายในโลก
ท่ีมา : https://www.trueplookpanya.com/blog/content/63710/-blo-sciear-sci-
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งชนั้ โครงสรา้ งโลก 24
บัตรกิจกรรมท่ี 1.1
เรือ่ ง การศึกษาคลนื่ ไหวสะเทือนที่ผ่านโครงสรา้ งโลก
จดุ ประสงคก์ จิ กรรม
แปลความหมายและอธิบายข้อมูลการเคลื่อนที่ของคลื่นไหวสะเทือนตามระดับความลึกของ
โครงสรา้ งโลกจากกราฟท่กี าหนดให้
วสั ดุ-อปุ กรณ์
1. กราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหว่างความเรว็ ของคลนื่ ไหวสะเทือนกับระดบั ความลึก
2. ภาพขยายกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วของคล่ืนไหวสะเทือนกับระดับ
ความลึกช่วง 0 – 660 กิโลเมตร จากผวิ โลก
กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วของคลน่ื ไหวสะเทอื นกับระดบั ความลกึ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งชนั้ โครงสรา้ งโลก 25
ภาพขยายกราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งความเรว็ ของคลนื่ ไหวสะเทือน
กับระดบั ความลกึ ช่วง 0 – 660 กโิ ลเมตร จากผวิ โลก
วธิ กี ารทากจิ กรรม
1. สังเกตการเปลี่ยนแปลงความเรว็ ของคล่ืนปฐมภูมิและคลื่นทตุ ิยภูมจิ ากกราฟในแต่ละช่วง
ระดับความลกึ และบันทึกผลที่ได้ลงในตารางบนั ทึกผล
2. นาผลการสังเกตจากข้อที่ 1 มาวิเคราะห์และอภิปรายถึงสาเหตุที่คลื่นปฐมภูมิและคล่ืน
ทุติยภูมิเปล่ียนแปลงความเร็วโดยเชื่อมโยงกับสถานะของตัวกลางและสรุปแนวคิดการแบ่งชั้น
โครงสรา้ งโลก
3. ออกแบบและสร้างแบบจาลองแสดงแนวคิดในการแบ่งช้ันโครงสร้างโลกโดยอาศัยข้อมูล
คล่ืนไหวสะเทอื นและนาเสนอพรอ้ มเหตุผลสนับสนุน
4. รวบรวมข้อมูลท่ีได้จากการนาเสนอและอภิปรายร่วมกันในช้ันเรียนมาปรับปรุง
แบบจาลองการแบ่งชัน้ โครงสร้างโลกให้สมบูรณแ์ ละถกู ต้องยิ่งขึ้น
ตารางบนั ทกึ ผล การเปลย่ี นแปลงความเร็ว สถานะของตัวกลาง
ระดบั ความลึก
(กโิ ลเมตร) คลืน่ ปฐมภมู ิ คล่นื ทุตยิ ภูมิ
0 – 100
100 – 660
660 – 2,900
2,900 – 5,150
5,150 – 6,370
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 26
สรปุ ผลการทากิจกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
คาถามทา้ ยกิจกรรม
1. จากกิจกรรมกราฟทกี่ าหนดให้แสดงข้อมลู เร่ืองใดบา้ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
2. ข้อมลู ในกราฟมคี วามสมั พันธก์ นั อยา่ งไรความลึกทเ่ี พ่ิมขึ้นทาให้ความเร็วของคล่นื ไหว
สะเทือนเปล่ียนแปลงอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งชนั้ โครงสรา้ งโลก 27
3. โครงสร้างโลกแตล่ ะระดับความลึกมสี ถานะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรทราบได้
อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลก 28
บัตรกิจกรรมท่ี 1.2
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง ขอ้ มูลในการศึกษาและแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก
คาช้ีแจง ให้นักเรียนสรุปความรู้ท่ีเกี่ยวกับ “การศึกษาคลื่นไหวสะเทือนที่ผ่านโครงสร้างโลก”
เปน็ แผนผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) ในกระดาษทีแ่ จกให้แล้วนาเสนอผลงานหนา้ ชัน้ เรียน
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 29
บัตรกิจกรรมที่ 1.3
ถอดบทเรยี น เร่อื ง การศกึ ษาคลื่นไหวสะเทอื นที่ผา่ นโครงสร้างโลก
คาช้ีแจง ให้นักเรียนถอดบทเรียนที่เก่ียวกับ “การศึกษาคลื่นไหวสะเทือนท่ีผ่านโครงสร้างโลก”
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็น ในกระดาษชาร์ตที่กาหนดให้แล้วนาเสนอผลงาน
โดยนาไปติดป้ายนเิ ทศหนา้ ช้ันเรยี น
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 30
แบบฝึกหัด
เรอ่ื ง ข้อมลู การศกึ ษาและแบ่งช้นั โครงสรา้ งโลก
1. จงทาเครือ่ งหมาย หน้าข้อความท่ีถูกตอ้ ง และทาเครื่องหมาย หน้าขอ้ ความท่ผี ิด
คาตอบ ข้อความ
1. การศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของช้ันเน้ือโลกส่วนหนึ่งได้ตัวอย่างมาจาก
หนิ แปลกปลอมในระดบั ลกึ ท่ลี าวาพาข้ึนมาบนผิวโลก
2. ผลจากการศึกษาอุกกาบาตเหล็กที่ตกลงมายังโลก เป็นหลักฐานหนึ่งท่ีทา
ใหท้ ราบองค์ประกอบของแก่นโลก
3. ถ้าแบ่งโครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทางเคมี แก่นโลกเป็นโครงสร้างชั้น
ทม่ี คี วามหนามากที่สุด
4. เปลือกโลกทวีปประกอบดว้ ยหนิ บะซอลตเ์ ป็นสว่ นมาก
5. เปลอื กโลกทวปี มคี วามหนาแน่นเฉลีย่ มากกว่าเปลอื กโลกมหาสมทุ ร
6. แหล่งกาเนิดคล่ืนไหวสะเทือนมีท้ังที่มาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ และ
จากการกระทาของมนษุ ย์
7. คล่ืนปฐมภูมิมีความเร็วเพ่ิมขึ้นเม่ือเคล่ือนท่ีผ่านธรณีภาคและมัชฌิมภาค
และมีความเร็วเปน็ ศูนย์เมื่อเคลอ่ื นที่ผ่านแก่นโลกชนั้ นอก
8. คล่ืนทุติยภูมิไม่สามารถเคลื่อนท่ีผ่านโครงสร้างโลกท่ีมีสถานะเป็น
ของเหลวได้
9. คล่ืนปฐมภูมิมีความเร็วน้อยกว่าคลื่นทุติยภูมิ เม่ือคลื่นท้ังสองเคล่ือนท่ี
ผ่านชน้ั ฐานธรณีภาค
10. เขตความเร็วต่า อยู่ในช้ันธรณีภาค และเขตเปลี่ยนแปลง อยู่ในชั้นฐาน
ธรณีภาค
2. เพราะเหตใุ ดผลการศึกษาอกุ กาบาตเหล็กจึงใช้เปน็ ข้อมูลอธบิ ายองค์ประกอบของแก่นโลกได้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 31
แบบทดสอบหลังเรียน
เรอ่ื ง ข้อมลู ในการศกึ ษาและแบ่งชน้ั โครงสร้างโลก
รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6
คาช้ีแจง 1. แบบทดสอบฉบบั น้ี จานวน 10 ขอ้ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลาทใี่ ช้ 10 นาที
2. จงเลือกคาตอบทถี่ ูกต้องที่สดุ แลว้ เขียนเครอ่ื งหมาย ลงในกระดาษคาตอบ
1. อายเุ ทียบสัมพนั ธ์ (Relative age) หมายถึงอะไร
ก. อายหุ นิ จริง
ข. อายุหนิ เปรยี บเทยี บ
ค. อายุซากดกึ ดาบรรพ์
ง. อายุหินท่มี ีซากดึกดาบรรพ์
2. ขอ้ ความในข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. ในปจั จุบนั ยงั ไม่สามารถสรปุ ไดว้ า่ โลกเกิดขน้ึ ไดอ้ ย่างไร
ข. ทฤษฎีต่าง ๆ อาจถูกล้มเลิกได้ เม่ือมีขอ้ มูลใหมท่ เ่ี ชื่อถือได้มากกวา่
ค. แนวความคดิ ต่าง ๆ อาจถูกล้มเลกิ ได้ เมือ่ มีขอ้ มูลใหม่ทีเ่ ชอื่ ถือไดม้ ากกวา่
ง. กฎและทฤษฎีเป็นสง่ิ ที่ได้รบั การพสิ ูจนแ์ ละยอมรบั แล้วว่าเป็นจรงิ จงึ ล้มเลกิ ไม่ได้
3. เปลือกโลกภาคพ้นื ทวปี ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ก. ซิลคิ อนและซิลกิ า
ข. เหลก็ และทองแดง
ค. ซิลคิ อนและอะลมู ินา
ง. ซิลิคอนและแมกนเี ซียม
4. เปลือกโลกแบ่งออกเปน็ 2 บรเิ วณคือบรเิ วณใด
ก. เปลือกโลกชั้นนอกและเปลือกโลกชนั้ ใน
ข. เปลอื กโลกภาคพ้ืนดนิ และเปลอื กโลกภาคพื้นน้า
ค. เปลอื กโลกภาคพืน้ ทวปี และเปลือกโลกภาคพืน้ นา้
ง. เปลือกโลกภาคพนื้ ทวปี และเปลือกโลกใตม้ หาสมุทร
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 32
5. การเรียงลาดบั ชน้ั เปลือกโลก เขา้ สศู่ ูนย์กลางทถ่ี กู ตอ้ งคือขอ้ ใด
ก. เนือ้ โลก แกน่ โลก
ข. แก่นโลก เนื้อโลก
ค. แมนเทิล เนอ้ื โลก
ง. เนือ้ โลก แมนเทิล
6. อายุทางธรณีวทิ ยาแบง่ ออกได้ก่ีแบบ อะไรบา้ ง
ก. 1 แบบ คือ อายจุ รงิ ทางธรณีวิทยา
ข. 1 แบบ คอื อายุเทยี บสัมพันธ์
ค. 1 แบบ คอื อายุสมั บูรณ์
ง. 2 แบบ คอื อายเุ ทียบสัมพันธ์ และอายสุ ัมบรู ณ์
7. ทฤษฎีใดนาไปอธบิ ายถงึ การเกดิ แผ่นดนิ ไหว มหาสมุทรและซากสงิ่ มชี ีวติ ทีท่ ับถมในหินบน
เปลือกโลก
ก. ทฤษฎกี ารแปรสณั ฐานแผ่นธรณภี าค
ข. ทฤษฎกี ารเล่ือนไหลของแผน่ ทวีป
ค. ทฤษฎกี ารขยายตวั ของแผ่นทวปี
ง. ทฤษฎีการหดตัวของแผ่นทวปี
8. เปลอื กโลกใต้มหาสมุทรประกอบด้วยธาตุอะไรบ้าง
ก. ซลิ คิ อนและเหลก็
ข. ซิลิคอนและซลิ ิกา
ค. ซลิ ิคอนและอะลูมินา
ง. ซิลิคอนและแมกนเี ซยี ม
9. แก่นโลกชนั้ ในประกอบด้วยส่วนใดบา้ ง
ก. โลหะเหลก็ และนกิ เกิลแข็งร้อน
ข. โลหะเหล็กและนกิ เกิลเหลวร้อน
ค. โลหะเหล็กและแมกนเี ซียมแขง็ ร้อน
ง. โลหะเหลก็ และแมกนีเซียมเหลวรอ้ น
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชนั้ โครงสรา้ งโลก 33
10. ช้ันบนสุดของเนอ้ื โลกมีลักษณะอย่างไร
ก. เป็นหนิ ท่ีเกิดจากการเย็นตัวลงแลว้ บางส่วน
ข. เป็นหินท่ีเกดิ จากการหลอมเหลวและกาลงั เปน็ หนิ หนืด
ค. เป็นหินท่ีเกิดจากการอัดตัวมรี พู รนุ บางสว่ นเป็นหินเปราะ
ง. เปน็ หนิ ที่เกิดจากการอัดตัวจนแกร่ง แต่บางสว่ นเป็นชั้นหินจึงเกดิ รอยแตก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลก 34
กระดาษคาตอบ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรียน
ชุดที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและแบ่งชัน้ โครงสรา้ งโลก
แบบทดสอบก่อนเรียน ง แบบทดสอบหลงั เรยี น ง
ขอ้ ก ข ค ขอ้ ก ข ค
1 1
2 2
3 3
4 4
5 5
6 6
7 7
8 8
9 9
10 10
คะแนนเต็ม 10 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน
ได้ ...................คะแนน ได้ ...................คะแนน
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 35
บรรณานุกรม
กรมทรัพยากรธรณี. (2544), ธรณีวทิ ยาประเทศไทยเฉลิมพระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว
เน่ืองในวโรกาสพระราชพธิ มี หามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธนั วาคม
2542. (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 1). กรงุ เทพฯ : กองธรณวี ิทยากรมทรพั ยากรธรณี.
กรมทรพั ยากรธรณี. (2550), ธรณวี ทิ ยาประเทศไทย. (พมิ พค์ รงั้ ที่ 2). กรุงเทพฯ : โรงพิมพด์ อกเบย้ี .
ราชบณั ฑิตยสถาน. (2558) พจนานุกรมศพั ทธ์ รณีวิทยา A-M. (พิมพ์คร้ังที่ 2). กรุงเทพฯ :
สานกั พมิ พ์คณะรัฐมนตรแี ละราชกจิ จานเุ บกษา.
ราชบณั ฑิตยสถาน. (2558), พจนานกุ รมศัพท์ธรณีวทิ ยา N-Z. (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2). กรุงเทพฯ :
สานักพิมพค์ ณะรัฐมนตรีและราชกจิ จานเุ บกษา.
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2551). หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน
วทิ ยาศาสตร์ ดวงดาวและโลกของเรา. (พมิ พค์ รง้ั ท่ี 1). กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค.
ลาดพรา้ ว.
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2554). หนังสือเรียนรายวิชาเพมิ่ เติม
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ. (พมิ พค์ ร้งั ที่ 1). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2561). หนงั สอื เรยี นรายวิชาเพิ่มเติม
วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ. (พมิ พ์ครง้ั ที่ 1). กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว.
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2561). หนังสือเรยี นรายวิชาเพมิ่ เติม
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 1. (พิมพ์ครง้ั ท่ี 1). กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์
แห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2563). หนงั สือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ. (พมิ พค์ รัง้ ท่ี 1).
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2563). คมู่ อื ครูรายวชิ าพืน้ ฐาน
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ. (พมิ พค์ รั้งที่ 1).
กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว.
https://sites.google.com/site/krongsanglok/khorngsrang-lok
https://www.trueplookpanya.com/blog/content/63710/-blo-sciear-sci
https://ngthai.com/science/23866/structureofearth/
https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/34151
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 36
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 37
เฉลยบัตรกจิ กรรมท่ี 1.1
เร่อื ง การศกึ ษาคล่ืนไหวสะเทอื นท่ีผา่ นโครงสร้างโลก
จดุ ประสงคก์ จิ กรรม
แปลความหมายและอธิบายขอ้ มูลการเคลื่อนที่ของคลื่นไหวสะเทือนตามระดบั ความลกึ ของ
โครงสรา้ งโลกจากกราฟท่กี าหนดให้
วสั ดุ-อปุ กรณ์
1. กราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งความเรว็ ของคลื่นไหวสะเทือนกับระดบั ความลกึ
2. ภาพขยายกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วของคลื่นไหวสะเทือนกับระดับ
ความลกึ ช่วง 0 – 660 กโิ ลเมตร จากผิวโลก
กราฟแสดงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งความเร็วของคล่ืนไหวสะเทือนกบั ระดับความลึก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งชนั้ โครงสรา้ งโลก 38
ภาพขยายกราฟแสดงความสมั พันธร์ ะหวา่ งความเรว็ ของคลืน่ ไหวสะเทือน
กบั ระดบั ความลึกช่วง 0 – 660 กิโลเมตร จากผวิ โลก
วธิ ีการทากิจกรรม
1. สงั เกตการเปล่ียนแปลงความเรว็ ของคลื่นปฐมภูมิและคลื่นทุติยภูมิจากกราฟในแต่ละชว่ ง
ระดบั ความลกึ และบนั ทึกผลท่ไี ด้ลงในตารางบันทึกผล
2. นาผลการสังเกตจากข้อท่ี 1 มาวิเคราะห์และอภิปรายถึงสาเหตุที่คลื่นปฐมภูมิและคลื่น
ทุติยภูมิเปล่ียนแปลงความเร็วโดยเช่ือมโยงกับสถานะของตัวกลางและสรุปแนวคิดการแบ่งชั้น
โครงสร้างโลก
3. ออกแบบและสร้างแบบจาลองแสดงแนวคิดในการแบ่งช้ันโครงสร้างโลกโดยอาศัยข้อมูล
คลนื่ ไหวสะเทือนและนาเสนอพรอ้ มเหตผุ ลสนบั สนุน
4. รวบรวมข้อมูลที่ได้จากการนาเสนอและอภิปรายร่วมกันในช้ันเรียนมาปรับปรุง
แบบจาลองการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลกใหส้ มบูรณ์และถูกต้องยงิ่ ข้นึ
ตารางบันทึกผล
ระดบั ความลึก การเปลีย่ นแปลงความเร็ว สถานะของ
(กิโลเมตร) ตวั กลาง
0 – 100 คลื่นปฐมภมู ิ คล่ืนทุตยิ ภมู ิ ของแขง็
ทคี่ วามลึก 200 ท่คี วามลึก 200
กิโลเมตร ความเรว็ กโิ ลเมตร ความเรว็
เพม่ิ ข้นึ อย่างรวดเรว็ เพิ่มขึ้นอยา่ ง รวดเรว็
จาก 6.4 เปน็ 8.4 จาก 3.7 เป็น 4.8
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศึกษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 39
ระดบั ความลึก การเปลี่ยนแปลงความเร็ว สถานะของ
(กิโลเมตร)
100 – 660 คลนื่ ปฐมภูมิ คล่นื ทตุ ิยภูมิ ตวั กลาง
660 – 2,900 ความลึกท่ี 200 – 250 ความลึกท่ี 200 – 250 ของแข็ง
2,900 – 5,150
กิโลเมตร มคี วามเร็ว กิโลเมตร มคี วามเร็ว
5,150 – 6,370
ลดลงจาก 8.4 เหลือ ลด ลงจาก 4.8 เหลอื
7.9 จากนน้ั มคี วามเร็ว 4.3 จากนั้นมีความเร็ว
เพิม่ ข้ึน จนถงึ 11 เพมิ่ ขึ้นจนถึง 6
ความเรว็ เพ่มิ ขึ้นจาก 11 ความเรว็ เพิม่ ขึ้นจาก 6 ของแข็ง
เป็น 14 เป็น 7
ทรี่ ะดับ 2900 ความเร็ว ทร่ี ะดับ 2,900 ของเหลว
ลดลง อยา่ งรวดเรว็ ความเร็ว ลดลงอย่าง
จาก 14 เป็น 8 จากนัน้ รวดเรว็ และ ไม่
เพม่ิ ข้ึนจาก 9 เป็น 11 ปรากฏคล่ืน S
ความเร็วคงที่ ประมาณ ความเรว็ เพม่ิ ขน้ึ จาก ของแข็ง
11 3.5 เป็น 4
สรปุ ผลการทากิจกรรม
จากกราฟจะพบว่าคลน่ื ปฐมภูมเิ คลื่อนทเี่ รว็ กว่าคลน่ื ทตุ ิยภูมใิ นทกุ ระดับความลกึ ท่ีมี คล่ืน
ทั้งสองปรากฏ ความเร็วของคล่ืนปฐมภูมิและคลนื่ ทุติยภมู ิในแตล่ ะช่วงระดบั ความลกึ เปน็ ดงั น้ี
- ในระดับลึกประมาณ 0-100 กิโลเมตร คลื่นปฐมภมู ิและคล่ืนทตุ ยิ ภมู ิมคี วามเรว็ เพมิ่ ขนึ้
อย่างรวดเรว็ แสดงว่าเป็นชั้นท่ีมีสถานะเป็นของแขง็
- ในระดบั ลึกประมาณ 100-660 กโิ ลเมตร คล่ืนปฐมภูมแิ ละคล่ืนทุติยภูมเิ คล่ือนที่ ดว้ ย
ความเร็วไมส่ มา่ เสมอ แสดงว่าเปน็ ชั้นทีม่ ีสถานะเปน็ ของแข็ง
- ในระดบั ลึกประมาณ 660-2,900 กิโลเมตร เป็นบริเวณทคี่ ล่นื ปฐมภมู ิและคลน่ื ทุตยิ ภมู ิ
ความเรว็ เพม่ิ ข้นึ สมา่ เสมอ แสดงว่าเป็นชน้ั ทีม่ ีสถานะเปน็ ของแข็ง
- ในระดบั ลกึ ประมาณ 2,900–5,150 กโิ ลเมตร คล่นื ปฐมภูมิมคี วามเร็วลดลงอย่าง
รวดเร็วกอ่ นที่จะเพิ่มข้นึ อย่างช้า ๆ และไม่พบคล่ืนทุติยภูมิ แสดงวา่ เปน็ ช้ันท่ีมี สถานะ
เปน็ ของเหลว
- ในระดบั ลึกประมาณ 5,150-6,370 กิโลเมตร คลน่ื ปฐมภูมิมีอตั ราเรว็ ค่อนขา้ งคงท่ี
แสดงว่าเป็นชัน้ ทม่ี สี ถานะเป็นของแขง็
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 40
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก 41
คาถามท้ายกิจกรรม
1. จากกจิ กรรมกราฟท่กี าหนดให้แสดงข้อมูลเร่ืองใดบ้าง
…แ…น…วค…า…ต…อ…บ………………………………………………………………………………………………………………………....
……………ข…้อ…ม…ูล…ค…วา…ม…เร…็ว…ใน…ก…า…รเ…ค…ลื่อ…น…ท…่ีข…อ…งค…ล…่ืน…P……แล…ะ…ค…ล…่ืน…S……แล…ะ…ร…ะด…ับ…ค…ว…าม…ล…ึก…ข…อ…งโ…คร…ง…ส…ร้า..ง..
…โล…ก……………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
2. ขอ้ มูลในกราฟมีความสมั พันธ์กนั อย่างไรความลกึ ทีเ่ พิ่มขึ้นทาให้ความเรว็ ของคล่ืนไหว
สะเทอื นเปล่ียนแปลงอยา่ งไร
…แ…น…ว…คา…ต…อ…บ………………………………………………………………………………………………………………………....
………………ใน…ช…่ว…ง …0–…2…,9…0…0…ก…ิโล…เ…มต…ร…ค…ว…า…ม…เร…็วข…อ…ง…คล…่ืน……P…แ…ละ……S…ม…ีแ…นว…โ…น…้มเ…พ…ิ่ม…ขึ้น…ต…า…ม…ระ…ด…ับ…ค…วา..ม..
…ล…กึ …จ…า…กน…ั้น…ท…รี่ …ะด…ับ…ค…ว…าม…ล…กึ …2…,9…0…0…ก…โิ ล…เ…มต…ร…ค…ว…า…มเ…ร็ว…ข…อ…งค…ล…ืน่ …ท…ง้ั ส…อ…ง…ลด…ล…ง…อย…่า…ง…รว…ด…เร…็ว…ส…่วน…ค…ล..ื่น..
…S…ห…า…ย…ไป…แ…ล…ะ…ค…วา…ม…เร…ว็ …ขอ…ง…ค…ล…นื่ …P…ค…่อ…ย…ๆ……เพ…มิ่ …ข…ึ้นต…า…ม…ระ…ด…ับ…ค…วา…ม…ล…กึ อ…กี …ค…รัง้……………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
3. โครงสร้างโลกแตล่ ะระดบั ความลกึ มีสถานะเหมือนหรือแตกตา่ งกนั อย่างไรทราบได้
อยา่ งไร
…แ…น…วค…า…ต…อ…บ………………………………………………………………………………………………………………………....
………………มีส…ถ…า…น…ะแ…ต…ก…ต…่าง…ก…ัน…ดัง…ต…า…รา…ง…บ…ันท…ึก…ผ…ล…เ…น…่ือง…จ…า…กส…ม…บ…ัต…ิข…อง…ค…ล…่ืน…ท่ี…เ…คล…่ือ…น…ท…่ีผ…่าน…ต…ัว…ก…ลา..ง..
…ได…้ต…่า…ง…สถ…า…น…ะ…กั…น…ค…ล…ื่น…ป…ฐม…ภ…ูม…ิเ…ค…ลื่อ…น…ท…ี่ผ…่า…น…ตัว…ก…ล…า…งไ…ด…้ ท…ุก…ส…ถ…า…นะ……ค…ล่ื…นท…ุต…ิย…ภ…ูม…ิผ…่า…นไ…ด…้เฉ…พ…า..ะ..
…ต…ัวก…ล…า…งท…เี่ …ปน็…ข…อ…งแ…ข…็ง…………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
…………………………………………………………………………………………………………………………………………....
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษาและการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งโลก 42
เฉลยบัตรกจิ กรรมท่ี 1.2
แผนผงั มโนทัศน์ เรือ่ ง การศึกษาคลน่ื ไหวสะเทือนท่ีผ่านโครงสรา้ งโลก
คาช้ีแจง ให้นักเรียนสรุปความรู้ท่ีเก่ียวกับ “การศึกษาคลื่นไหวสะเทือนท่ีผ่านโครงสร้างโลก”
เป็นแผนผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping) ในกระดาษทีแ่ จกใหแ้ ลว้ นาเสนอผลงานหน้าช้นั เรียน
ขน้ึ อยู่กับดลุ พินิจของครผู ูส้ อน
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม