ไฟฟ้าสถิต
ELECTROSTATIC
เสนอ
คุณครู ฮับเซาะ หมันเส็น
จัดทำโดย
นาย ดิ๊กรี่ หมานดำ เลขที่ 23
นาย อันวาร เบาะน๊ะ เลขที่ 18
นาย อภิสิทธิ์ จอระกาสง เลขที่ 9
นาย อาซีส ดาเจ๊ะ เลขที่ 10
นาย อิบรอฮีม ปังแลมาปุเลา เลขที่ 12
นาย ฟัยซอล เดนหมาน เลขที่ 6
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
สารบัญ หน้า
เรื่อง
1-2
ไฟฟ้าสถิต 3
กฎของคูลอมบ์ 4
สนามไฟฟ้า 5-6
ศักย์ไฟฟ้า 7-9
ตัวเก็บประจุ 10-13
การนำความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าสถิตไปใช้
ประโยชน์ 14
อ้างอิง
ไฟฟ้าสถิต
ไฟฟ้ าสถิต (อังกฤษ: Static electricity) คือความไม่สมดุลของ
ประจุไฟฟ้ าภายในหรือบนพื้นผิวของวัสดุหนึ่ง ประจุยังคงอยู่กับที่จน
กระทั่งมันสามารถจะเคลื่อนที่โดยอาศัยการไหลของอิเล็กตรอน (กระแส
ไฟฟ้ า) หรือมีการปลดปล่อยประจุ (อังกฤษ: electrical discharge)
ไฟฟ้ าสถิตมีชื่อที่ขัดกับไฟฟ้ ากระแสที่ไหลผ่านเส้นลวดหรือตัวนำอื่นและ
นำส่งพลังงาน
ประจุไฟฟ้ าสถิตสามารถสร้างขึ้นได้เมื่อไรก็ตามที่สองพื้นผิวสัมผัสกัน
และแยกจากกัน และอย่างน้ อยหนึ่งในพื้นผิวนั้นมีความต้านทานสูงต่อ
กระแสไฟฟ้ า (และดังนั้นมันจึงเป็นฉนวนไฟฟ้ า) ผลกระทบทั้งหลายจาก
ไฟฟ้ าสถิตจะคุ้นเคยกับคนส่วนใหญ่เพราะผู้คนสามารถรู้สึก, ได้ยิน, และ
แม้แต่ได้เห็นประกายไฟเมื่ อประจุส่วนเกินจะถูกทำให้เป็ นกลางเมื่ อถูก
นำเข้ามาใกล้กับตัวนำไฟฟ้ าขนาดใหญ่ (เช่นเส้นทางที่ไปลงดิน) หรือ
ภูมิภาคที่มีประจุส่วนเกินที่มีขั้วตรงข้าม (บวกหรือลบ) ปรากฏการณ์ที่
คุ้นเคยของช็อกจากไฟฟ้ าสถิต หรือที่เจาะจงมากขึ้นคือการปลดปล่อย
ไฟฟ้ าสถิต (อังกฤษ: electrostatic discharge) จะเกิดจากการเป็นกลาง
ของประจุ
ประจุไฟฟ้ าเป็นปริมาณทางไฟฟ้ าปริมาณหนึ่งที่กำหนดขึ้นธรรมชาติ ของ
สสารจะประกอบด้วยหน่วยย่อยๆ ที่มีลักษณะและ มีสมบัติเหมือนกันที่
เรียกว่า อะตอม(atom)ภายในอะตอม จะประกอบด้วยอนุภาค
มูลฐาน3ชนิดได้แก่ โปรตอน (proton) นิวตรอน (neutron) และ
อิเล็กตรอน (electron)โดยที่โปรตอนมีประจุไฟฟ้ าบวกกับนิวตรอนที่
เป็นกลางทางไฟฟ้ ารวมกันอยู่เป็นแกนกลางเรียกว่านิวเคลียส
(nucleus) ส่วนอิเล็กตรอน มี ประจุ ไฟฟ้ าลบ จะอยู่รอบๆนิวเคลียส
ประเภทของประจุไฟฟ้ า
ประไฟฟ้ าแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ประจุบวกและประจุลบ
เมื่อนําวัตถุมาขัดสีหรือเหนี่ยวนําจะส่งผล ให้เกิดการถ่ายเท
ประจุระหว่างวัตถุน้ันๆ วัตถุใดสูญเสียอิเล็กตรอนวัตถุน้ันจะ
แสดงตัวเป็นประจุบวก วัตถุใดได้รับ อิเล็กตรอนจะแสดงตัวเป็น
ประจุลบ เมื่อนําประจุท้ังสองชนิดมาเข้าใกล้กันวัตถุที่มีขั้วต่าง
กันจะออกแรงแรงดูดกัน หากนําวัตถุท่ีมีขั้วเหมือนกันเข้าใกล้กัน
วัตถุนั้นจะออกแรงผลักกัน
การเกิดประจุไฟฟ้ าบนวัตถุ
เมื่อวัตถุมีแสดงอํานาจทางไฟฟ้ าจะพบว่าวัตถุน้ันมีประจุไฟฟ้ า
บวก หรือประจุไฟฟ้ าลบบนวัตถุนั้น ตัวอย่างวิธีการที่ทําให้วัตถุมี
ประจุไฟฟ้ าคือ
1. การขัดสี เมื่อนําวัตถุต่างชนิดกันมาขัดสีกันจะทําให้เกิดการ
ถ่ายเทประจุของวัตถุทั้งสอง
2. การเหน่ียวนํา เม่ือนําวัตถุที่มีประจุไฟฟ้ าเข้าใกล้วัตถุท่ีเป็น
กลางแล้วทําให้วัตถุที่เป็ นกลางเกิดประจุชนิดตรงข้ามด้านใกล้
และ ประจุชนิดเดียวกันที่ด้านไกลออกไป
กฎของคูลอมบ์ (Coulomb’s Law)
ขนาดของแรงระหว่างประจุไฟฟ้ าทั้งสอง มีค่าแปรผันตามขนาดประจุแต่ละตัว
และแปรผกผันกับกำลังสองของระยะห่างระหว่างประจุทั้งสอง โดยทิศทาง
ของแรงที่ประจุกระทำต่อกันจะอยู่ในแนวเส้นตรงที่ลากเชื่อมต่อระหว่างประจุ
คู่นั้น ๆ แรงกระทำระหว่างประจุชนิดเดียวกัน (บวกทั้งคู่ หรือ ลบทั้งคู่) เป็น
แรงผลัก และมีทิศชี้ออกจากกันในแนวเส้นตรงที่เชื่อมระหว่างประจุทั้งสอง
แรงกระทำระหว่างประจุคนละชนิดกัน (บวกและลบ) เป็นแรงดึงดูด และมี
ทิศทางชี้เข้าหากันในแนวเส้นตรงที่เชื่อมระหว่างประจุทั้งสอง
สนามไฟฟ้า (electric field)
สนามไฟฟ้ า (electric field) หมายถึง “ บริเวณโดยรอบ
ประจุไฟฟ้ า ซึ่งประจุไฟฟ้ า สามารถส่งอำนาจไปถึง”หรือ “ บริเวณ
ที่เมื่อนำประจุไฟฟ้ าเข้าไปวางแล้วจะเกิดแรงกระทำบน
ประจุไฟฟ้ านั้น” ตามจุดต่างๆ ในบริเวณสนามไฟฟ้ าย่อมมีความ
เข้มข้นของสนามไฟฟ้ าต่างกัน จุดที่อยู่ใกล้ประจุไฟฟ้ า จะมีความ
เข้มข้นของสนามไฟฟ้ าสูงกว่าจุดที่อยู่ห่างไกลออกไป
สนามไฟฟ้ ารอบๆประจุบวกจะมีทิศพุ่งออก
สนามไฟฟ้ ารอบๆประจุลบ จะมีทิศพุ่งเข้า
นิยามสนามไฟฟ้ า เป็นแรงต่อประจุ 1 coulum
สนาม E = แรง (F) / ประจุ (Q)
E=F/Q
สรุป การหาความเข้มของสนามไฟฟ้ า(มีหน่วยคูลอมบ์) ณ จุดใด
ๆ
1. เขียนรูป แสดงตำแหน่งประจุเข้าของสนาม
2. นำประจุ +1 คูลอมบ์ ไปวางไว้ ณ จุดที่จะหาความเข้มของ
สนามไฟฟ้ า
3. เขียนทิศทางของแรงที่กระทำต่อประจุ +1 คูลอมบ์ ณ จุดนั้น
ด้วย
4. หาความเข้มของสนามไฟฟ้ า จากสูตร
ศักย์ไฟฟ้า
ศักย์ไฟฟ้ าที่ตำแหน่งใดๆ (V) คือ งานที่ใช้ในการเคลื่อนประจุ +1
C จากตำแหน่งที่ศักย์ไฟฟ้ าเป็น 0 มายังจุดนั้นหรือศักย์ไฟฟ้ าที่ตำแหน่ง
ใดๆ (V) คือ พลังงานศักย์ไฟฟ้ า
ต่อ 1 หน่วยประจุที่ตำแหน่งนั้น (Ep/q)ศักย์ไฟฟ้ าที่ตำแหน่งซึ่งอยู่ห่าง
จากจุดประจุ Q เป็นระยะ R จะหาได้จากสูตร
เวลาคำนวณต้องแทนเครื่องหมายของประจุ Q ด้วย
ศักย์ไฟฟ้ าเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นโวลต์ (V)
ความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างจุด 2 จุดใดๆ
ความต่างศักย์ไฟฟ้ าระหว่างจุด 2 จุดใดๆ หมายถึง "งานต่อหนึ่ง
หน่วยประจุ ในการเคลื่อนประจุระหว่างจุดทั้งสอง"
VB - VA = WAB / Q
A ๐------------------------------๐ B
ถ้า Q เป็นประจุบวก จะพบว่า
W เป็น + เมื่อศักย์ที่ B สูงกว่าที่ A (ได้งาน)
W เป็น - เมื่อศักย์ที่ B ต่ำกว่าที่ A (เสียงาน)
W เป็น ศูนย์ เมื่อศักย์ที่ B เท่ากับศักย์ที่ A
(ไม่มีงาน)
V=W/Q
W = QV
W = พลังงาน ในการเคลื่อนที่ประจุ Q หน่วย
Joule
Q = ประจุไฟฟ้ าหน่วย Coulomb
V = ความต่างศักย์ระหว่าง 2 จุด หน่วย (J/C
หรือ Volt)
พลังงานศักย์ไฟฟ้ า คือ พลังงานศักย์ต่อหนึ่ง
หน่วยประจุที่ใช้ในการเคลื่อนประจุไฟฟ้ าจากจุด
หนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในสนามไฟฟ้ า มีหน่วยเป็น
จูล
Ep = พลังงานศักย์ไฟฟ้ า
q
= ประจุไฟฟ้ า มีหน่วยเป็น คูลอมบ์
V
= ศักย์ไฟฟ้ า มีหน่วยเป็น โวลต์
ส่วนพลังงานในการเคลื่อนประจุจากจุด A ที่มี
ความต่างศักย์ไฟฟ้ า VA ไปยังจุด B ที่มีความ
ต่างศักย์ไฟฟ้ า VB จะเป็นดังนี้
W = qVAB
W = พลังงานที่ใช้ในการเคลื่อนประจุ มีหน่วย
เป็ นจูล
q = ประจุไฟฟ้ าที่เคลื่อนระหว่างจุด A กับ B
V = ความต่างศักย์ไฟฟ้ าระหว่างจุด A กับจุด B
V = Ed
ดังนั้น
W = qEd
ตัวเก็บประจุ
ตัวเก็บประจุ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ที่รู้จักทั่วไปว่าสามารถเก็บประจุได้ บางทีเรียกว่า
คาปาซิเตอร์ ใช้สัญลักษณ์ย่อว่า C มีหน่วยเป็น
ฟารัด (F)
ตัวเก็งประจุ
1. ตัวเก็บประจุชนิดค่าคงที่ จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงค่าการเก็บ
ประจุได้ แบ่งได้ 5 ชนิด
ตัวเก็บประจุชนิดกระดาษ เป็นตัวเก็บประจุที่ใช้กระดาษ
ชุบไข หรือน้ำมัน (Oil) เป็นฉนวนไดอิเล็กตริก โครงสร้างของตัว
เก็บประจุชนิดนี้จะประกอบด้วยแผ่นเพลต 2
แผ่น ที่เป็นแผ่นดีบุกรีดจนบางคั่นกลางด้วยกระดาษชุบไขแล้วนำ
มาม้วนเข้าเป็นท่อนกลม จากแผ่นเพลตทั้งสอง แต่ละข้างจะถูกต่อ
ขาที่เป็นลวดตัวนำออกมาใช้งาน ตัวเก็บประจุ
จะถูกหุ้มห่อด้วยฉนวนไฟฟ้ าชนิดต่างๆ แล้วแต่บริษัทผู้ผลิต อย่าง
เช่น ปลอกกระดาษแข็ง กระเบื้องเคลือบ กระดาษอาบน้ำผึ้ง
เป็นต้น เพื่อป้ องกันความชื้นและฝุ่นละออง ดังแสดง
ในรูป
ตัวเก็บประจุชนิดกระดาษจะมีค่าความจะไม่สูงมากนัก ซึ่ง
จะเขียนบอกไว้ที่ข้างๆ ตัวเก็บประจุ คืออยู่ในพิสัยจาก 10 pF ถึง
10mF อัตราทนไฟสูงประมาณ 150 โวลต์
จนถึงหลายพันโวลต์ โดยมากนิยมใช้ในวงจรจ่ายกำลังไฟสูง
ตัวเก็บประจุชนิดไมก้า เป็นตัวเก็บประจุที่ใช้แผ่นไมก้าเป็นฉนวนไดอิเล็กตริก ส่วนมากตัวเก็บประจุชนิดนี้
จะถูกทำเป็ นรูปสี่เหลี่ยมเพราะแผ่นไมก้าจะมี
คุณสมบัติที่แข็งกรอบ โครงสร้างของมันจะประกอบด้วยแผ่นเพลตโลหะบางๆ อาจใช้หลายๆ แผ่นวางสลับ
ซ้อนกัน แต่จะต้องคั่นด้วยฉนวนไมก้า ดังแสดงในรูป ซึ่งตัวเก็บประจุจะ
ถูกหุ้มห่อด้วยฉนวนจำนวนเมกาไลท์ เพื่อป้ องกันการชำรุดสึกหรอ
ตัวเก็บประจุชนิดไมก้าจะมีค่าความจุอยู่ในพิสัยจาก 1.5 pF ถึง 0.1 mF มีอัตราทนแรงไฟได้สูงมากประมาณ
350 โวลต์ จนถึงหลายพันโวลต์ โดยบริษัทผู้ผลิตจะพิมพ์
บอกค่าความจุอัตราทนแรงไฟและค่าความคลาดเคลื่อนไว้บนตัวของมัน หรือบางทีก็ใช้สีแต้มบอกเป็นโค้ดที่ตัว
เก็บประจุนี้ ซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อไป ส่วนการใช้งานของตัวเก็บประจุ
ชนิดไมก้า นิยมใช้งานในวงจรความถี่วิทยุ (RF) และวงจรที่มีแรงดันไฟสูงมาก
ตัวเก็บประจุชนิดเซรามิค เป็นตัวเก็บประจุที่ใช้ไดอิเล็กตริกที่ทำมาจากฉนวนจำพวกกระเบื้อง หรือที่
เรียกว่า "เซรามิค" ซึ่งมีโครงสร้างของตัวเก็บประจุ จะมีรูป
ร่างแบบแผ่นกลม (Disc) และแบบรูปทรงกระบอก(Tubular) ซึ่งจะมีค่าความจุอยู่ในพิสัยจาก 1.5 pF ถึง 0.1
mF อัตราทนแรงไฟประมาณ
500 โวลต์
ตัวเก็บประจุชนิดพลาสติก แต่จะใช้ไดอิเล็กตริกที่เป็นแผ่นฟิล์มที่ทำมาจากโพลีเอสเตอร (Polyester) ไม
ลาร์ (Mylar) โพลีสไตรีน (Polystyrene) และอื่นๆ โดยนำมา
คั่นระหว่างแผ่นเพลตทั้งสองแผ่นแล้วม้วนพับให้มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก ตัวเก็บประจุชนิดพลาสติกจะมี
ค่าความจุอยู่ในพิสัยตั้งแต่ 2 mF ขึ้นไปและอัตราทนกำลังไฟตั้งแต่
200 ถึง 600 โวลต์
ตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโทรลิติก เป็นตัวเก็บประจุที่ใช้น้ำยาอิเล็กโทรไลท์เป็นแผ่นข้างหนึ่งแทนโลหะ และ
อีกแผ่นหนึ่งเป็นแผ่นโลหะมีเยื่อบางๆ ที่เรียกว่า "ฟิล์ม" (Film)
หุ้มอยู่ เยื่อบางๆ นี้คือ ไดอิเล็กตริก หรือแผ่นกั้นจะแสดงลักษณะรูปร่างของตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโทรลิติก ซึ่ง
ส่วนมากจะบรรจุในกระป๋ องอะลูมิเนียมทรงกลมยาว และจะมีขั้วบอก
ไว้อย่างชัดเจน ว่าขั้วใดเป็นขั้วบวกและขั้วลบ สัญลักษณ์ของตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโทรลิติก การต่อขั้วของตัว
เก็บประจุชนิดอิเล็กโทรลิติกในการใช้งานเราจะต้องมีความระมัดระวัง
ให้มากที่สุด ถ้าหากว่าเราต่อขั้วผิดจะมีผลทำให้กระแสไฟเข้าไปทำลายเยื่อที่เป็นไดอิเล็กตริกชำรุดเสียหายได้
ตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโทรลิติกจะสามารถทำให้มีค่าความจุได้สูงนับ
เป็นร้อยๆ ไมโครฟารัด โดยที่ตัวเก็บประจุจะมีขนาดเล็ก ค่าความจุที่ใช้งานจะอยู่ในพิสัยสองสามไมโครฟารัด
จนถึงมากกว่า 100 mF และอัตราทนกำลังไฟตั้งแต่ 5 โวลต์จนถึง700
โวลต์ ซึ่งนิยมนำไปใช้ในวงจร ดี.ซี.
ตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโทรลิติกจะมีข้อเสียอันเนื่ องมาจากค่าสูญเสียจากสารไดอิเล็กตริกที่มีค่ามากแต่จะ
มีตัวเก็บประจุอีกชนิดหนึ่ งที่ใช้หลักการเดียวกับตัวเก็บประจุชนิดอิเล็ก
โทรลิติกคือตัวเก็บประจุแบบแทนทาลัม (Tantalum Electrolytic Capacitor)
2. ตัวเก็บประจุชนิดปรับค่าได้
เป็ นตัวเก็บประจุซึ่งการเก็บประจุจะเปลี่ยนแปลงไปตามการเคลื่ อนที่
ของแกนหมุน ตัวเก็บประจุชนิดนี้ปกติแล้วจะประกอบด้วยอุปกรณ์ภายใน 2
ส่วน ได้แก่ แผ่นเพลตที่
เคลื่อนที่ได้และแผ่นเพลตที่ติดตั้งอยู่กับที่โดยแผ่นเพลตทั้งสองจะเชื่อมต่อกัน
ทางไฟฟ้ ากับวงจรภายนอก การแบ่งประเภทของตัวเก็บประจุชนิดปรับค่าได้นี้
จะแบ่งตามไดอิเล็กตริก
ที่ใช้ โดยแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่ อากาศ ไมก้า เซรามิค และพลาสติก
หน่วยของการเก็บประจุ
ค่าการเก็บประจุ แสดงถึงความสามารถในการเก็บประจุไฟฟ้ าของตัวเก็บ
ประจุ โดยมีหน่วยเป็น ฟารัด (Farad, F) ตัวเก็บประจุที่มีค่าการเก็บประจุ 1 ฟารัด(F)
หมายถึง
ความสามารถที่ะเก็บประจุไฟฟ้ าจำนวน 1 คูลอมป์ (6.24 ด 1018 อิเล็กตรอน) โดยให้แรง
ดันไฟฟ้ า 1 โวลต์ ระหว่างแผ่นเพลตทั้งสองค่าการเก็บประจุ 1 ฟารัด (F) เป็นค่าที่มี
ปริมาณ
มากและไม่ค่อยพบในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปแต่จะใช้ในรูปของ ไมโครฟารัดความจุ
ของตัวนำใด
พลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ
งานเคลื่อนประจุเข้าไปเก็บในตัวเก็บประจุ คือพลังงานที่สะสมในตัวเก็บ
ประจุ ถ้าให้ U แทนด้วยพลังงานที่สะสมอยู่ในเก็บประจุจะได้สูตรดังนี้
การนำความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าสถิตไปใช้ประโยชน์
เราเรียนรู้เกี่ยวกับไฟฟ้ าสถิตมามากมายแล้ว ทั้งในเรื่องของการเกิดไฟฟ้ สถิต การนำไฟฟ้ า
ของตัวนำและฉนวน การทดสอบประจุไฟฟ้ า ถึงชนิดและประเภทของประจุบนวัตถุใดๆ แรงกระทำ
ระหว่างประจุไฟฟ้ า สนามไฟฟ้ า เส้นสนามไฟฟ้ า ศักย์ไฟฟ้ า ความจุและตัวเก็บประจุ พลังงานสะสม
ภายในเมื่อต่อตัวเก็บประจุเข้ากับศักย์ไฟฟ้ า ตลอดจนการหาค่าความจุไฟฟ้ ารวมในการต่อตัวเก็บ
ประจุแบบอนุกรม แบบนาน และแบบผสม
ถึงหัวข้อนี้เราลองมาศึกษาการนำความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้ าสถิตไปใช้่ประโยชน์กันเลยนะครับ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถอธิบายการนำความรู้เรื่องไฟฟ้ าสถิตไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูก
ต้อง
2. นักเรียนสามารถอธิบายการทำงานของเครื่องถ่ายเิอกสาร เครื่องพ่นสี และไมโครโฟนแบบตัวเก็บ
ประจุได้อย่างถูกต้อง
1. เครื่องถ่ายเอกสาร
เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นอุปกรณ์ถ่ายสำเนาสิ่งพิมพ์ที่เป็นอักษร หรือภาพซึ่งเป็นเอกสาร
ต้นฉบับ มีหลักการทำงาน คือ ดรัมทรงกระบอกที่ฉาบด้วยวัสดุตัวนำไวแสง ซึ่งปกติจะเป็นฉนวนทีมี
ประจุขนาดที่ยังไม่ถูกแสง และแสดงสมบัติเป็นตัวนำโดยการปล่อยประจุออกจากผิวอย่างรวดเร็ว
เมื่อถูกแสง วัสดุที่ฉาบนี้เป็นฟิล์มบนผิวของดรัม เมื่อเครื่องเริ่มทำงาน ฟิลม์นี้จะถูกทำให้มี
ประจุไฟฟ้ าบวกตลอดทั่วทั้งแผ่น ต่อจากนั้นจะมีแสงสว่างส่องไปที่สิ่งพิมพ์ แล้วสะท้อนจาก
กระจกเงาผ่านเลนส์ไปกระทบฟิล์มในที่สุด บริเวณที่เป็นสีขาวบนด้านสำเนาของสิ่งพิมพ์จะให้แสง
ผ่านทะลุผ่านออกไปกระทบฟิ ล์มทำให้บริเวณที่ถูกแสงมีสมบัติเป็ นตัวนำและเกิดการปล่อยประจุให้
หลุดไป เป็นผลให้บริเวณนั้นมีสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้ า ส่วนตัวอักษรหรือภาพลายเส้นบนสำเนาของ
สิ่งพิมพ์ที่เป็นสีดำจะดูดกลืนแสง จึงไม่ให้แสงผ่านออกมากระทบฟิล์ม ทำให้บริเวณที่ไม่ถูกแสงบน
แผ่นฟิ ล์มยังคงมีประจุบวกดูดผงหมึกให้ติดอยู่
ดังนั้น ขณะเครื่องพ่นผงหมึกที่ประจุไฟฟ้ าลบไปที่ฟิล์มนี้ ผงหมึกจะไปเกาะเฉพาะบริเวณที่มี
ประจุบวกเท่านั้น ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดจากส่วนที่เป็นตัวอักษรหรือภาพลายเส้น ส่วนบริเวณอื่นที่ไม่มี
ประจุไฟฟ้ าจะไม่มีผงหมึกเกาะ ทำให้เห็นเป็นภาพของเอกสารต้นฉบับบนแผ่นฟิล์มเมื่อแผ่นกระดาษ
ที่้ต้องการถ่ายสำเนาถูกเลื่อนและหมุนไปพร้อมกับดรัม ผงหมึกบนแผ่นฟิล์มจะถูกถ่ายโอนลงบน
กระดาษจะได้ภาพสำเนาปรากฎบนแผ่นกระดา่ษ นำกระดาษนี้ไปผ่านส่วนทำึความร้อนเพื่อให้ผงหมึก
ติดแผ่น ก็จะได้ภาพสำเนาบนแผ่นกระดาษที่ชัดเจนและถาวร
2. เครื่องพ่นสี
เครื่องพ่นสี เป็นอุปกรณ์ใช้สำหรับพ่นผงหรือละอองสี เพื่อให้สีเกาะติดชิ้นงานได้ดีกว่าการ
พ่นแบบธรรมดามีลักษณะดังรูป
ใช้หลักการทำผงหรือละอองสีกลายเป็นอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้ า ขณะผงถูกพ่นออกมาจาก
เครื่องพ่น มีผลให้ผงหรือละอองสีที่มีประจไฟฟ้ านั้นมีแรงดึงดูดกับผิวชิ้นงานและจะเกาะติด
ชิ้นงานนั้นได้ดี นอกจากนี้กรณีชิ้นงานที่เป็นโลหะหากมีการต่อกับแหล่งกำเนิดไฟฟ้ าที่มีความ
ต่างศักย์สูงๆ จะทำให้ชิ้นงานที่เป็นโลหะมีประจุตรงกันข้ามกับผงหรือละอองสียึดเคลือบกับ
ผิวชิ้นงานดียิ่งขึ้น อีกทั้งทำให้ประหยัดผงสีด้วย เพราะละอองสีไม่ฟุ้งกระจายมาก
3. ไมโครโฟนแบบตัวเก็บประจุ
ไมโครโฟนแบบตัวเก็บประจุ ประกอบด้วยแผ่นโลหะ 2 แผ่นที่ขนาน
กัน แ้่ผ่นหนึ่งทำหน้ าที่เป็นไดอะแฟรมรับคลื่นเสียง ส่วนแผ่นที่สองยึด
ติดกับฐานโดยที่แผ่นรับคลื่นเสียงจะบางมาก เมื่อมีคลื่นเสียงมากระทบ
จะสั่นตามความถี่ และกำลังของคลื่นเสียง ซึ่งเป็นผลมาจากการสั่นของ
แผ่นบางนี้จะทำให้ความจุเปลี่ยนแปลง เมื่อต่อไมโครโฟนแบบตัวเก็บ
ประจุนี้ต่ออนุกรมกับตัวต้านทานดังรูป ความต่างศักย์คร่อมไมโครโฟน
แบบตัวเก็บประจุจะเปลี่ยนแปลงตามความถี่ของคลื่ นเสียงเป็ นผลให้เกิด
สัญญาณไฟฟ้ า
จากหลักการที่กล่าวมาแล้ว เราสามารถนำไมโครโฟนแบบตัวเก็บประจุนี้
ไปใช้งานด้านเสียงไม่ว่าจะเป็นเสียงดนตรี เสียงร้องเพลง เสียงพูด
เป็นต้น โดยให้เสียงที่ชัดเจน จึงนิยมใ้ช้ไมโครโฟนแบบตัวเก็บประจุกัน
ทั่วไป ไมโครโฟนประเภทนี้มี 2 แบบ คือ แบบใช้งานในสถานีวิทยุ
โทรทัศน์จะมีราคาแพงมาก กับแบบที่ใช้งานในวิทยุเทปกระเป๋ าหิ้วซึ่งมี
ราคาถูกมาก หลักการทำงานจะเป็นเช่นเดียวกัน แต่จะแตกต่างกันใน
รายละเอียดของการสร้าง
4 เครื่องกำจัดฝุ่นในอากาศ
เครื่องกำจัดฝุ่นในอากาศเป็นอุปกรณ์กำจัดอนุภาคจากแก๊สเผาไหม้ หรือ
อากาศร้อนที่สกปรก ประกอบด้วยท่อโลหะที่มีแกนกลางยึดติดด้วยฉนวน
หลักการใช้ความต่างศักย์สูงจากแหล่งจ่ายไฟฟ้ ากระแสตรง โดยต่อ
ขั้วลบเข้ากับแกนกลาง และต่อขั้วบวกเข้ากับท่อ ทำให้เกิดสนามไฟฟ้ าที่มี
ค่าสูงมากพอที่จะทำให้อนุภาคในอากาศสกปรกที่ผ่านไปในท่อ ได้รับ
อิเล็กตรอนจากแกนกลางจนกลายเป็ นอนุภาคประจุลบและถูดดูดเข้าไปติด
ที่ท่อพร้อม ๆกับท่อถูกทำให้สั่นเป็นจังหวะ อนุภาคที่สะสมบนท่อจึงร่วง
หล่นลงบนส่วนล่างของท่อและถูกปล่อยออก แก๊สหรืออากาศที่ผ่านออกทาง
ตอนบนของท่อจึงเป็ นก๊าซหรืออากาศสะอาด
5 .สัญญาณไฟฟ้ า
จากหลักการที่กล่าวมาแล้ว เราสามารถนำไมโครโฟนแบบตัวเก็บประจุนี้
ไปใช้งานด้านเสียง ไม่ว่าจะเป็นเสียงดนตรี เสียงร้องเพลง เสียงพูด ฯลฯ
โดยให้เสียงที่ชัดเจน จึงนิยมใช้ไมโครโฟนแบบตัวเก็บประจุกันทั่วไป
ไมโครโฟนประเภทนี้มี 2 แบบ คือ แบบใช้งานในสถานีจะมีราคาแพงมาก
กับแบบที่ใช้ในงานวิทยุเทปกระเป๋ าหิ้ว ซึ่งมีราคาถูกมาก หลักการทำงานจะ
เป็นเช่นเดียวกัน แต่จะแตกต่างในรายละเอียดของการสร้าง
อ้างอิง
http://www.thaischool1.in.th/_files_school/31100867/
webboard/31100867_0_20150828-110056.docx
https://sites.google.com/site/nganfisiks/snam-fifa
https://www.scimath.org/article-physics/item/12246-
2021-06-09-08-39-55
http://elsd.ssru.ac.th/pennapha_me/pluginfile.php/523
/course/summary/B2.pdf
https://th.m.wikipedia.org/wiki