วนั ท่ีระลกึ สากลแห่งการรูห้ นงั สอื (8 กันยายน)
International Literacy Day
ประวัติ เม่อื ปพี .ศ.2508 มีการเสนอให้วันท่ี 8 กันยายน
ซึ่งเป็นวันเร่ิมต้นของการประชุมดังกล่าวเป็น
วั น ที่ 1 7 พ ฤ ษ ภ า ค ม พ . ศ . 2 5 0 8 วนั ระลกึ ปสี ากลแห่งการรหู้ นงั สอื ประเด็นในช่วง
(ค.ศ. 1965) องค์การศึกษาวิทยาศาตร์และ ทศวรรษท่ียูเนสโกนาเสนอคือ การรู้หนังสือเป็น
วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก- การให้อิสรภาพแก่ผู้คนท้ังหลาย เป็นอิสรภาพ
UNESCO) ประกาศให้วันท่ี 8 กันยายน จากความไม่รู้ อิสรภาพจากความยากจน
ของทุกปี เป็นวันการรู้หนังสือสากล อสิ รภาพจากความเจบ็ ไข้ไดป้ ่วย เพียงเพราะคน
โดยวนั ดังกลา่ วจดั ขน้ึ ครั้งแรกในพ.ศ.2509 เหล่านั้นมีความรู้ สามารถอ่านออกเขียนได้
แสดงให้เห็นว่าเมื่อรู้หนังสือและมีโอกาสนาไป
วตั ถปุ ระสงค์ ปฏิบัติแล้วก็จะช่วยให้ดาเนินชีวิตได้อย่าง
เสรแี ละมชี ีวิตทส่ี มบูรณ์ยิ่งขึ้น
เ พื่ อ ก ร ะ ตุ้ น เ ตื อ น ใ ห้ สั ง ค ม ต ร ะ ห นั ก ถึ ง เพราะฉะน้ัน การรณรงค์ในวันท่ี 8 กันยายน
ค ว า ม ส า คั ญ ข อ ง ก า ร รู้ ห นั ง สื อ อั น เ ป็ น จึงเป็นความพยายามท่ีจะเรียกร้อง ให้รัฐบาล
หลกั การของยูเนสโกทั้งน้ีจากท่ีประชุมสมัย ของทกุ ๆประเทศและทกุ ๆ คนในสังคมตระหนัก
สามั ญ ขอ งยู เน ส โก ครั้ งแ ร ก เ มื่อ ปี ถึงความจาเป็นที่จะต้องระดมสรรพกาลังแก้ไข
พ.ศ.2489 ซึ่งผู้อานวยการใหญ่ยูเนสโก ปั ญ ห า ค ว า ม ไ ม่ รู้ ห นั ง สื อ ข อ ง ป ร ะ ช า ก ร ใ น
ไ ด้ เ รี ย ก ร้ อ ง ใ ห้ ช า ว โ ล ก ใ ห้ ค ว า ม ส า คั ญ ประเทศ ในวันการรู้หนังสือสากล ยูเนสโกย้า
กับการศึกษาเพื่อปวงชน โดยเฉพาะ เ ตื อ น ป ร ะ ช า ค ม น า น า ช า ติ ถึ ง ส ถ า น ะ ก า ร รู้
เ ด็ ก ที่ ต ก ห ล่ น อ ยู่ น อ ก โ ร ง เ รี ย น หนังสือและการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ ท่ัวโลก อาทิ
แ ล ะ ต่ อ ม า ใ น ที่ ป ร ะ ชุ ม World ข้อมูลที่ว่า ผู้ใหญ่ราว 776 ล้านคนทั่วโลกขาด
Conferenceof Ministers of Education ทักษะการรู้หนังสือขั้นต่า และผู้ใหญ่ 1 ใน 5
on the Eradication of literacy ยังอ่านไม่ออกเขียน ไม่ได้ และ 2 ใน 3
ในจานวนนี้เป็นหญิง เด็ก 75 ล้านคน ต้องออก
ณ กรงุ เตหะราน ประเทศอิหร่าน จากโรงเรียน และอีกมากกว่านั้นเข้าร่วม
การศึกษานอกระบบหรอื ออกโรงเรยี นกอ่ นวัย
วันทรี่ ะลกึ สากลแหง่ การรหู้ นงั สอื (8 กันยายน)
International Literacy Day
สาหรับไทย กระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า ตามท่ี ดังนั้นองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม
แหง่ สหประชาชาติ หรือ UNESCO จึงได้กาหนดเอา
ยูเนสโก ได้กาหนดให้วันท่ี 8 กันยายนของทุกปี วันท่ี 8 กันยายนของทุกปี เป็นวัน International
เป็นวันระลึกปีสากลแห่งการรู้หนังสือ ตามมติท่ี Literacy Dayต า ม ม ติ ข อ ง ที่ ป ร ะ ชุ ม ข อ ง
ประชุมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจาก รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการจากประเทศ
ประเทศทั่วโลกว่าด้วยการไม่รู้หนังสือ เมื่อปี 2508 ทั่วโลกว่าด้วยการขจัดการไม่รู้หนังสือ ซึ่งจัดข้ึนที่
เพื่อระลึกถึงการรู้หนังสือสากล ประเทศไทยจึงได้ กรงุ เตหะราน เมื่อปี ค.ศ. 1965 เพ่ือเป็นวันท่ีระลึก
จั ด กิ จ ก ร ร ม ต้ั ง แ ต่ ปี พ . ศ . 2 5 1 0 เ ป็ น ต้ น ม า การรู้หนังสือสากล และได้มีหนังสือเชิญชวน
มี ห น่ ว ย ง า น ท้ั ง ภ า ค รั ฐ แ ล ะ เ อ ก ช น ใ ห้ ประเทศสมาชิกร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองต้ังแต่ปี
ความร่วมมอื เพื่อกระตนุ้ ใหป้ ระชาชนเห็นความสาคัญ ค.ศ. 1967 เป็นตน้ มา
ส า ห รั บ ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ไ ด้ มี ก า ร จั ด กิ จ ก ร ร ม
ของการรหู้ นงั สอื และการศึกษาตลอดชวี ิต เน่ืองในโอกาสวันที่ระลึกการรู้หนังสือสากลน้ี
มาตั้งแต่ปี 2510 เป็นต้นมา โดยจัดขึ้นที่กอง
องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม การศึกษาผู้ใหญ่และตามโรงเรียนผู้ใหญ่ท่ัวไป
แห่งสหประชาชาติ (UNESCO)ได้กาหนดให้วันท่ี ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 กองการศึกษาผู้ใหญ่ได้จัด
นิทรรศการ "วันการศึกษาผู้ใหญ่แห่งชาติ" ขึ้น
8 กันยายน ของทกุ ปี เป็น “วันที่ระลึกสากลแห่งการ ณ หอสมุดแห่งชาติ และในปี พ.ศ. 2521 ได้จัด
รู้หนงั สอื ”และไดเ้ ชญิ ชวนประเทศสมาชิกจัดกิจกรรม นิทรรศการ "วนั การศกึ ษาผู้ใหญ่และการศึกษานอก
เฉลิมฉลอง เพ่ือระลึกถึงวันสาคัญดังกล่าวการศึกษา ระบบ" ข้ึน ณ บริเวณโรงละครแห่งชาติ โดยมี
เป็นกระบวนการต่อเน่ืองตลอดชีวิต นอกจากการ หนว่ ยงานจากภายนอกเข้ามาสมทบด้วย
เรียน รู้หนังสืออัน เป็นกุ ญแจสาคัญ ที่ไขเข้าสู่
สรรพวิทยาการแล้วการเรียนรู้ด้วยสื่อการเรียนอย่าง ปจั จบุ ันมีรางวัลท่เี กย่ี วกบั การรูห้ นงั สือ
อื่นและกระบวนการอ่ืนๆ ซ่ึงมีอยู่นานัปการน้ัน
จ ะ ช่ ว ย ย ก ร ะ ดั บ คุ ณ ภ า พ ชี วิ ต ข อ ง ผู้ เ รี ย น (2004 UNESCO Literacy Prize) ไดแ้ ก่ The
ใหด้ ขี นึ้ ได้ International Reading Association Literacy
Award, The Noma Literacy Prize, King
Sejong Literacy Prizes และ The Malcolm
Adiseshiah International Literacy Prize
วันการศึกษานอกโรงเรยี น
8 กันยายน
ในปี พ.ศ. 2522 ได้มีการจัดนิทรรศการ ก าร จั ด ก าร ศึ ก ษาน อ ก โร งเรีย น
"วันการศึกษานอกโรงเรียน“ขึ้น ณ บริเวณ จงึ มหี ลายรูปแบบ เช่น
คุรุสภา ในปีน้ีมีหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ
และภาคเอกชนมาร่วมด้วยเป็นจานวนมาก 1. การสอนให้คนอ่านออกเขียนได้
ด้วยเหตุน้ี International Literacy Day เพอื่ ให้มีความรู้พื้นฐานในการดารงชีวิต ได้แก่
จงึ ไดก้ ลายมาเปน็ "วนั การศกึ ษานอกโรงเรยี น" โครงการรณรงค์เพ่ือการรู้หนังสือแห่งชาติ
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 เป็นต้นมา โดยเหตุท่ี โครงการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จข้ันพื้นฐาน
การศึกษานอกโรงเรียนเป็นการศึกษาตลอด และโครงการศกึ ษาตอ่ เน่ือง
ชีวิตและกระบวนการเรียนการสอนไม่จากัด
สถานท่ี เวลา อายุ เพศหรืออาชีพของผู้เรียน 2. การจัดท่ีอ่านหนังสือพิมพ์ประจา
แต่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่ไม่มีโอกาสศึกษา หมบู่ า้ น หอ้ งสมดุ ประชาชน หอ้ งสมุดเคลื่อนท่ี
เลา่ เรยี นในระบบโรงเรียน วทิ ยแุ ละโทรทัศน์เพ่ือการศึกษา เพ่ือให้ข้อมูล
ข่าวสารที่ทนั ต่อเหตุการณ์
3. การสอนวิชาชีพหลักสูตรระยะสั้น
โครงการฝึกอบรมต่าง ๆ เพ่ือให้ความรู้แก่
กลุ่มเป้าหมายด้านวิชาชีพ และให้รู้จักใช้เวลา
ว่างให้เป็นประโยชน์แกต่ นเองและสงั คม
ในวันการศึกษานอกโรงเรียนได้มีการ
จดั กจิ กรรมต่าง ๆ ขน้ึ เพือ่ ให้ประชาชนได้เห็น
ความสาคัญของการรู้หนังสือและการศึกษา
ตลอดชีวิต เพ่ือเป็นการส่งเสริมและพัฒนา
คุณภาพชีวิตท้ังส่วนตนและส่วนรวมให้ดีข้ึน
นอกจากน้ันยังช่วยให้ประชาชนได้รับรู้และมี
ความเข้าใจเกย่ี วกบั การให้บริการของกรมการ
ศกึ ษานอกโรงเรยี นอกี ด้วย
การรู้หนงั สือ สถาบันการศึกษาขอ งอังกฤษ มีการเพิ่ม
การแสดงแบบสมจริง ในรายการของการสื่อสาร
การรู้หนังสือ ( literacy) คือ ความสามารถ เพือ่ เปน็ การยกระดับ การรู้หนงั สือ อีกระดับหนึ่ง
ท่ีเข้าใจภาษาในระดับท่ีเหมาะกับการติดต่อส่ือสาร อีกท้งั ยังมีการวจิ ยั ออกมาว่า อัตราความสามารถ
และโดยท่ัวไปทาให้ทางานได้สมบูรณ์ตามระดับ การอ่านออกและเขียนได้ มีอัตราเพ่ิมข้ึนมาก
สังคมตา่ ง ๆ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ การรู้หนังสือ นั้นยัง
แ ย ก กั น ต า ม ค ว า ม ช า น า ญ ท า ง เ ท ค นิ ค แ ล ะ
มาตรฐานสาหรับการรู้หนังสือ มีความ จุดประสงค์ของการอ่านและเขียน โดยอาจจะ
หลาก หลายระหว่างสังคม เช่น ทักษะท าง เกี่ยวกับวัฒนธรรม การเมือง และประวัติศาสตร์
คอมพิวเตอร์ หรืออาจจะรวมถึงพื้นฐานทางตัวเลข นิยามของความสามารถการอ่านออก เขียนได้
มีผู้คนจานวนมากท่ีไม่สามารถอ่านตัวหนังสือได้
แต่สามารถอ่านตัวเลขได้ และบางส่วนอาจเคย อาศยั หลักของมโนคตวิ ิทยา
เรียนรูก้ ารใช้คอมพิวเตอร์ โดยท่ีไม่รู้หนังสือมาก่อน
แตจ่ ะอาศยั การออกเสยี ง รูปภาพและส่วนประกอบ
กราฟิกในรูปแบบของดิจิทัล ซึ่งจะเห็นได้ว่า
ไม่จาเป็นต้องอ่านออก เขียนได้ แต่เราก็สามารถ
รับร้ไู ด้จากวธิ ีทีห่ ลากหลายตามแนวความคิดของ
การรู้หนังสอื
ความหมายของการอา่ น จอร์จ ดี สปาช และ พอล ชี เบอร์ก (George
D. Spache and Paul C. Berg )
การอา่ นเป็นพฤติกรรมการรบั สารทีส่ าคัญไมย่ ิง่ กล่าวว่า การอ่าน เป็นการผสมผสานระหว่าง
หย่อนไปกวา่ การฟัง ปจั จุบันมผี ู้รนู้ กั วชิ าการและ ทกั ษะหลายชนิด เพอ่ื สรา้ งความเข้าใจโดยเป็นไป
นักเขียนนาเสนอความรู้ ข้อมูล ขา่ วสารและงาน ตามจุดประสงค์ ตามต้องการ และวิธีการของ
สร้างสรรค์ ตีพิมพใ์ นหนงั สือและสงิ่ พมิ พ์อื่นๆ ผ้อู ่าน
นอกจากน้ีแล้วข่าวสารสาคัญๆ หลงั จากนาเสนอ
ด้วยการพูด หรืออา่ นให้ฟังผา่ นสื่อตา่ ง ๆ สว่ นใหญ่ เ บ อ ร์ น า ร์ ด ไ อ ช มิ ด ท์ ( Bernard
จะตีพมิ พ์รกั ษาไวเ้ ป็นหลกั ฐานแก่ผู้อา่ นในชน้ั หลงั ๆ I. Schmidt ) ได้ใหค้ าจากดั ความไว้ว่า การอา่ น
ความสามารถในการอ่านจึงสาคัญและจาเป็นย่ิงต่อ เป็ น ก ระ บ ว น ก าร ท่ี ซับ ซ้อ น ยุ่ งย าก ยั ง มี
การเปน็ พลเมืองทมี่ คี ณุ ภาพในสงั คมปจั จบุ นั จะเห็น ความหมายท่ีแน่นอน อาจเรียกได้ว่า เป็นทุกสิ่ง
ได้ว่า องค์การระดับนานาชาติ เช่น องค์การศึกษา ทุกอย่างจากคาที่จาได้ไปสู่ความนึกคิดต่าง ๆ
วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ การอ่านของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างไปตาม
(UNESCO) จะใช้ความสามารถในการรู้หนังสือของ สภาพของร่างกายสติปัญญาและอารมณ์ ในการ
ประชากรประเทศต่าง ๆ เป็นดัชนีวัดระดับ อ่านข้อความเหมือนกัน บุคคลสองคนจะมี
การพัฒนาของประเทศน้ัน ๆ ความคิดต่างกัน
มผี ใู้ ห้คาจากัดความหรือความหมายของการอา่ นไว้
ต่าง ๆ กัน ดงั นี้ อัลเฟรด สเตฟเฟอรดุ ( Aifred Stefferud) ได้
ให้ความจากัดความของการอ่านไว้ว่าการอ่าน
มอร์ติเมอร์ เจ แอดเลอ่ ร์ (Mortimer เ ป็ น ก า ร ก ร ะ ท า ท า ง จิ ต ใ จ ท่ี ผู้ อ่ า น ย อ ม รั บ
J.Adler) กล่าวว่า การอ่าน หมายถึง กระบวน ความหมาย จากความคิดเหน็ ของบุคคลอ่ืน
การตีความหมายหรือสร้างความเขา้ ใจจากตัวอกั ษร
หรือสญั ลักษณอ์ ื่น ๆ พอล ดี ลีดดี ( Paul D. Leedy ) ให้นิยาม
การอ่านไว้ว่า การอา่ น คือการรวบรวมความ
คิดและตีความตลอดจนประเมินค่าความคิด
เหล่าน้นั ท่ีปรากฏอยตู่ ามสิง่ พมิ พแ์ ตล่ ะหนา้
เอดการ์ เดล (Edgar dale) ให้ความหมาย
ไว้ว่าการอ่าน หมายถึง กระบวนการค้นหา
ความหมายจากสิ่งพิมพ์ เป็นการเพ่ิมพูน
ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ข อ ง ผู้ อ่ า น ก า ร อ่ า น ไ ม่ ไ ด้
หมายความเฉพาะการมองผ่านแต่ละประโยค
หรือแต่ละย่อหน้าเท่านั้น แต่ผู้อ่านต้องเข้าใจ
ความคดิ นั้น ๆ ดว้ ย
วตั ถปุ ระสงคข์ องการอ่าน การอ่านตีความ คือ การอ่านท่ีต้องใช้
ความขบคิดวินิจฉัย เพื่อค้นหาความหมายที่
การอา่ นเอาเร่อื ง คือ อา่ นเพอื่ ใหไ้ ดค้ วามรแู้ ละ แท้จริง จากสารที่แท้จริงท่ีผู้เขียนต้อง
ความเขา้ ใจในเน้อื หา อาจจะอา่ นเอาเรือ่ งโดย การบอก ดังน้ัน เรื่องท่ีจะต้องใช้วิธีการอ่าน
ละเอยี ด เพือ่ เก็บความทีเ่ ป็นสาระประเด็นต่างๆ แบบตีความ คอื เร่ืองที่มีลักษณะซ่อนหรือแฝง
อยา่ งละเอยี ดตลอดเร่ือง หรอื อาจจะอา่ นเอาเรื่อง ความหมายที่แท้จริงไว้ในสารท่ีปรากฏ หรือ
โดยสรุปเกบ็ ความเฉพาะที่เป็นประเด็นสาคญั ของ อ าจ ก ล่ าวไ ด้ว่ า ค วา มอั น ป ร าก ฏ ตา ม
เรื่องก็ได้ ซึง่ กรณหี ลังน้จี ะใช้เม่อื ต้องการ ความหมายของคาท่ีเขียนไว้นั้นไม่ตรงกับ
ประหยัดเวลาในการอา่ น ความหมายท่ีแท้จริงน่ันเอง โดยท่ัวไปเนื้อหา
ความอนั เปน็ สารท่ีแท้จริงมักซ่อนอยู่ในรูปของ
อนึ่ง การอ่านเอาเรื่องอาจกินความครอบคลุม สัญลกั ษณ์ หรอื บุคลาธิษฐาน หรือบางคร้ังอาจ
ถือการอ่านเอาเรื่องเชิงวิเคราะห์วิจารณ์และ ซ่ อ น อ ยู่ ใ น ส า น ว น โ ว ห า ร แ ล ะ ก ล วิ ธี แ ต่ ง ท่ี
วิพากษ์ ที่เป็นการเข้าถึงมิตินัยต่าง ๆ ของเรื่อง แยบยลอ่ืน ๆ
อีกด้วย นั่นก็คือการอ่านที่เข้าถึงสารแท้จริง
ทั้งหมดท้ังมวลจนสามารถเข้าใจความหมายของ การอา่ นขยายความ คอื การอา่ นทาความ
เร่ือ งโดย ตลอ ด ทั้งความหมายตรงแ ละ เขา้ ใจความโดยกระจ่างตลอดแล้ว สามารถ
ความหมายแฝง ศึกษาทาความเขา้ ใจถึงสิ่งท่เี ก่ยี วขอ้ งกับเนอื้ หา
ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง สามารถอธิบายขยายความ
การอ่านถอดความ คือ การอ่านร้อยกรอง ทเี่ กี่ยวข้องกนั นน้ั ไดท้ กุ แง่ทกุ มมุ หรอื ขยาย
หรือกวีนิพนธ์ ซึ่งมีลักษณะความเป็นภาษา ความไดค้ รอบคลุมเน้อื หามากที่สดุ เทา่ ทจ่ี ะ
วรรณศิลป์และแฝงนัยต่างๆไว้ โดยอ่านทาความ สามารถทาได้ การอา่ นในขน้ั นี้ ผอู้ า่ นจะตอ้ ง
เ ข้ า ใ จ ค ว า ม ห ม า ย ใ ห้ ก ร ะ จ่ า ง แ ล้ ว เ รี ย บ เ รี ย ง มคี วามรู้ มที ักษะและประสบการณก์ ารอา่ นท่ี
ถ่ายทอด อธิบายด้วยสานวนภาษาร้อยแก้วให้ สูงมากจงึ จะสามารถอา่ นขยายความไดด้ ีและมี
ผอู้ ่านทั่วไปรบั ร้คู วามหมายได้ตรงกันอยา่ งถอ่ งแท้ ประสทิ ธิภาพ
การอ่านสรุปความ คือ การอ่านเพ่ือจับ
ใจความสาคัญของเรื่อง ให้ได้ความสาคัญท่ีส้ัน
กระชับ และต้องไม่เบ่ียงเบนสาระสาคัญของ
เน้ือหาให้ผิดไปจากความหมายท่ีแท้จริงของเรื่อง
นั้น ๆ เรือ่ งน้ีดเู หมอื นง่าย แต่ความจริงแล้วยาก
มาก ๆ สาหรับผู้ท่ีไม่มีทักษะในการสรุปความดี
พอแล้วล่ะก็มักจะสรุปไม่ได้หรือได้ก็ ไม่ดี
ไมถ่ กู ใจความสาคญั
วตั ถปุ ระสงค์ของการอา่ น การอา่ นแปลความหรือการแปล คือ
การอา่ นเรื่องจากภาษาใดภาษาหนงึ่ แล้ว
การอ่านเอารส คือ อ่านแล้วได้รับความรู้สึก แปลถ่ายทอดความเปน็ อีกภาษาหน่งึ
กระทบอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดข้ึนแก่จิตใจ แก่ การอ่านในลกั ษณะนตี้ ้องอาศยั
สภาวะอารมณ์ หรือแก่ความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ประสบการณค์ วามรู้และความเชย่ี วชาญ
เป็นการที่ผอู้ ่านหรอื ผศู้ กึ ษาอาจไม่ได้ต้ังเป้าหมาย ของผ้อู ่านเปน็ พิเศษ จงึ จะสามารถอา่ น
ไว้ว่า จะเอารสอย่างน้ันอย่างน้ีแต่อาจจะได้ และแปลความได้ถกู ต้องสมบรู ณ์
รสได้ความรู้สึกข้ึนเอง ขณะอ่านโดยรู้ตัวและไม่ การแปลความจาแนกได้ 3 ลักษณะ
ร้ตู วั กไ็ ด้ คือ 1.แปลโดยอรรถ ได้แก่ การแปล
เอาความเน้ือหาสาระของเรื่องตลอด
รสของการอา่ นจาแนกได้ 3 ลกั ษณะ คือ เร่ืองโดยถ่ายทอดเน้ือหาด้วยสานวน
1.รสบันเทิงใจ ได้แก่ ความรู้สึกสนุก ต่ืนเต้น ภาษาของผู้แปลเอง
รัก เศร้า ต่าง ๆ ท่ีมีผลทาให้อารมณ์ของมนุษย์ 2.แปลโดยศัพท์ หรือบางทีเรียกว่า
ปุถุชนท่ัวไปเคลื่อนหรือคล้อยไปตามเร่ืองราว แปลโดยพยญั ชนะ ไดแ้ ก่ การแปลความ
เน้ือหา ท้งั น้ี โดยความพึงใจและเปน็ สุขใจ แบบคาต่อคาหรือประโยคต่อประโยค
2.รสจรรโลงใจ ได้แก่ ความรู้สึกที่ดีท่ีงาม การแปลความในลักษณะน้ี บางคร้ังอาจ
หลงั การอ่าน อาทิ ความสบายใจ ความเบิกบาน มีความยุ่งยากต่อการทาความเข้าใจ
ในความอิ่มใจ ความมีกาลังใจ ความศรัทธา ความหมายและการลาดับความในภาษา
มนั่ ใจฯลฯ โดยสรปุ ก็คอื ทาใหจ้ ติ ใจไม่ตกต่าหรือ ที่จะถา่ ยทอดส่อื ความ
เส่ือมทราม ไมท่ ้อแทแ้ ละไมส่ ้นิ หวัง 3.แปลโดยบริบท ได้แก่ การแปล
3.รสปลกุ มโนคติ ได้แก่ พลังความรู้สึกนึกคิดท่ี ความแบบจับประเด็นเน้ือหาตลอดเรื่อง
จะกระท าสิ่งใ ดสิ่งหน่ึงใน ทางสร้างสรรค์ ไปพร้อม ๆ กับการศึกษาทาความเข้า
ซ่ึง เ กิ ด ขึ้ น ใ น ขณ ะ อ่ าน ห รือ ห ลัง ก าร อ่ า น ใจความท่เี ก่ยี วข้องกบั เรือ่ งน้ัน
พลังดังกล่าวเกิดจากมโนสานึกถูกกระตุ้นให้เกิด
เวทนา สงสาร เกิดความตระหนักรู้ผิดรู้ชอบ
ช่ัวดีและรับผิดชอบต่อภารกิจต่าง ๆ งานเขียนที่
ก่อให้เกิดรสปลุกมโนคติน้ี ถือได้ว่า เป็นงาน
เขียนท่มี ี "คุณค่า" เปน็ อยา่ งยงิ่
ประโยชน์ของการอ่าน ข ณ ะ น้ั น แ ล ะ ลื ม ค ว า ม กั ง ว ล ต่ า ง ๆ ไ ป
นอกจากจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายแล้ว
หนังสือมีประโยชน์มาก เราควรอ่านทุกๆวัน การได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับศาสนา สามารถ
อย่างนอ้ ยเห็นคุณคา่ ได้ 7 ประการดังน้ี ชว่ ยให้คณุ ร้สู กึ สงบอกี ด้วย
1.ช่วยกระตุ้นการทางานของสมอง สมองก็ 3.ได้รับความรู้ ทุกอย่างท่ีคุณอ่านจะเป็นการ
ต้องการการออกกาลังเพื่อให้แข็งแรงและมี เพมิ่ เติมความรใู้ ห้กบั คณุ ทั้งสิ้น ซ่งึ คณุ ไมม่ ีทางรู้
สุขภาพดีอยู่เสมอเช่นเดียวกับร่างกาย การอ่าน ได้เลยว่าคุณอาจจะต้องนาความรู้เหล่าน้ัน
หนังสือเป็นเหมือนกับการออกกาลังสมอง ทาให้ ออกมาใช้เม่ือไหร่ ยิ่งคุณมีความรู้มากแค่ไหน
สมองของเราได้คิดและได้ทางานตลอดเวลา ซ่ึง ก็จะย่ิงทาให้คุณได้เปรียบมากข้ึน เม่ือต้อง
จากการศึกษาพบว่า การกระตุ้นการทางานของ เผชิญกบั ปัญหาและความท้าทายต่างๆ ส่ิงของ
สมอง (Mental Stimulation) อย่างสม่าเสมอจะ หรือเงินทอง อาจถูกขโมยไปได้ แต่ความรู้เป็น
ช่วยชะลอและปอ้ งกันการเป็นโรคอัลไซเมอร์และ สิ่งที่ ไม่มีใ ครสามารถเอ าไป จาก คุณ ได้
ช่วยพัฒนาเร่ืองการจดจาได้ เช่น เม่ือคุณอ่าน มีคลังคาศัพท์ท่ีมากข้ึน มีทักษะการส่ือสาร
หนงั สือ คุณกต็ ้องจดจาตวั ละคร ความเป็นมาของ ท่ีดีขน้ึ
เร่ืองราว และรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ซ่ึงทุก 4.มีคลังคาศัพท์ท่ีมากขึ้น มีทักษะการส่ือสาร
คร้ังที่มีความทรงจาใหม่ๆ สมองก็จะเก็บข้อมูล ที่ดีข้ึนยิ่งคุณอ่านหนังสือมากเท่าไหร่ คุณก็จะ
เหล่านั้นไว้ และเรียกกลับมาเม่ือเราต้องการใช้ ย่ิงมีคลังคาศัพท์เพิ่มมากเท่าน้ัน และคาศัพท์
งาน ยิง่ อ่านหนงั สอื มาก สมองท่ที าหน้าที่เก่ียวกับ เหล่านัน้ กจ็ ะถกู นามาใช้ในชีวิตประจาวันอย่าง
การจดจาก็จะได้ทางานมาก หลีกเล่ียงไม่ได้ งานเขียนดีๆ จะส่งผลต่อ
2.ความเครียดลดลงและจิตใจสงบมากขึ้น การเขียนของคนท่ีได้อ่าน การได้ซึมซับวิธีและ
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณจมอยู่กับการอ่านหนังสือดีๆ สไตลก์ ารเขียนของนักเขียนคนอ่ืนๆ จะช่วยให้
สักเล่ม ความเครียดจากงาน หรือปัญหาส่วนตัว คุณพัฒนาทักษะการเขียนของคุณเองในการ
ต่างๆ ท่ีคุณเจอมาจะถูกลืมไปทันที การอ่าน ทางาน คนที่มีความสามาถในการอ่านและพูด
นิยายสนุกๆ จะพาให้คุณได้เข้าไปอยู่ในโลกอีก และมีความรู้ที่หลากหลาย มีความเป็นไปได้ท่ี
โล ก ห น่ึ ง ขณ ะท่ี ก า ร ได้ อ่ า น บ ท คว าม ดี ๆ จะเจริญเติบโตในหน้าท่ีการงานมากกว่าคนท่ี
สักบทความกจ็ ะทาใหค้ ุณจดจอ่ อยกู่ บั เวลา ไม่ค่อยรู้จักคาศัพท์และมีความรอบรู้ในเรื่อง
ต่างๆ น้อย นอกจากนั้นการอ่านหนังสือ
ภาษาต่างประเทศยังช่วยในการเรียนรู้ภาษา
ใหม่ๆ อีกด้วย เพราะคุณจะได้คาศัพท์ใหม่ๆ
ซึ่งจะทาให้พูดและเขียนภาษานั้นได้คล่องขึ้น
ประโยชน์ของการอา่ น 6. มีสมาธิจดจอ่ กับสงิ่ ใดสง่ิ หนึง่ ไดม้ ากขึน้
ในโลกที่อินเทอร์เน็ตเข้ามามีส่วนสาคัญใน
5.มที กั ษะการคิดเชงิ วิเคราะห์ ชีวิตประจาวันของเราแบบทุกวันนี้ มีเร่ือง
คุณเคยอ่านหนังสือนิยายแนวสืบสวน ต่างๆ มากมายท่ีดึงดูดความสนใจของเรา
สอบสวน แล้วคิดแก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วย พร้อมกันในเวลาเดียว หลายคนสามารถ
ตวั เองกอ่ นท่จี ะอ่านหนังสอื จบหรือไม่การ ทางาน เช็กอีเมล แชทกับเพ่ือน อ่านสเตตัส
เ ก็ บ ร า ย ล ะ เ อี ย ด ต่ า ง ๆ ใ น เ รื่ อ ง แ ล้ ว ดูโทรศพั ท์มอื ถอื และพดู คุยกับเพ่อื นร่วมงาน
วเิ คราะหเ์ รื่องราวต่างๆ ท่ีเกิดขึ้น หรือหา ได้ภายในเวลาเพียงแค่ 5 นาที ซึ่งการทา
ตัวคนรา้ ยได้ เป็นตัวอย่างหน่ึงของการใช้ พฤติกรรมแบบนี้ จะทาให้ความสามารถใน
ทั ก ษ ะ ด้ า น ก า ร คิ ด เ ชิ ง วิ เ ค ร า ะ ห์ การทางานของเราลดลง และอาจเป็นสาเหตุ
การวิจารณ์นิยายในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะ ให้เกิดความเครียดได้ แต่เม่ือคุณได้อ่าน
เป็นตัวพล็อตเร่ือง คาแร็คเตอร์ ตัวละคร หนังสอื คุณกจ็ ะให้ความสนใจและโฟกัสไปที่
ความล่ืนไหลของเน้ือเรื่อง รวมถึง เรื่องราวในหนังสือเท่านั้น ก่อนเร่ิมทางาน
การแสดงความคิดเห็นกั บคน อ่ืน ๆ ลองหาเวลาอ่านหนังสือ สัก 15-20 นาที
เก่ียวกับหนังสือเล่นนั้นๆก็เป็นการช่วย แล้วคุณจะพบว่ามันสามารถช่วยให้คุณมี
พัฒน า ทัก ษ ะก า รคิด เชิง วิเค ราะ ห์ สมาธมิ ากขนึ้ เม่ือถงึ เวลาทางาน
ไดเ้ ชน่ กัน 7. ใ ห้ ค ว า ม บั น เ ทิ ง ก า ร อ่ า น ห นั ง สื อ
เป็นวิธีสร้างความบันเทิงให้กับตัวเองวิธีหน่ึง
หลายคนมีความสุขกับการได้ซื้อหนังสือ
แ ต่ บ า ง ค น น้ั น ก า ร ไ ป ยื ม ห นั ง สื อ ม า จ า ก
ห้ อ ง ส มุ ด เ ป็ น ท า ง เ ลื อ ก ท่ี ดี ก ว่ า
เพราะหอ้ งสมดุ มหี นงั สือมากมายหลากหลาย
ประเภทให้คณุ ไดเ้ ลอื กอ่านโดยไมต่ อ้ งเสียเงิน
จานวนมากในการซื้อ และห้องสมุดมักจะนา
หนังสือใหม่ๆเข้ามาเสมอ อย่างไรก็ตาม
หากคุณไม่สะดวกในการที่จะไปห้องสมุด
คุณก็สามารถอ่านหนังสือผ่านทางอุปกรณ์
อิเล็กทรอนกิ ส์ตา่ งๆ ได้
บรรณานกุ รม
วันการรู้หนงั สือสากล.(ม.ป.ป.).
[อออนไลน์].ไดจ้ าก http://chaisri-nites.hi-supervisory5.net/theskal/ru-hnangsux
[สบื ค้นเมอื่ วนั ท่ี 5 กนั ยายน 2564]
สานกั หอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคาแหง.(2549).วนั การศึกษานอกโรงเรยี น 8 กันยายน.
[อออนไลน]์ .ได้จาก https://www.lib.ru.ac.th/journal/sep/sep08-InternationalLiteracyDay.html
[สบื คน้ เม่ือ วันที่ 5 กนั ยายน 2564]
Palicha Rungrot.(2553).ความหมายของการอา่ น
[ออนไลน์]ไดจ้ าก : http://jr401palicha.blogspot.com/2010/01/blog-post_9659.html
[สืบคน้ เม่ือ วนั ที่ 6 กันยายน 2564]
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยศ์ วิ กานท์ ปทมุ สูติ.วัตถปุ ระสงคข์ องการอ่าน.
[อออนไลน]์ .ไดจ้ าก https://www.lib.ru.ac.th/journal/sep/sep08-InternationalLiteracyDay.html
[สบื คน้ เมอื่ วนั ที่ 6 กันยายน 2564]
lifehack.org.ประโยชน์ของการอ่าน
[อออนไลน์].ไดจ้ าก https://sobkroo.com/articledetail.asp?id=621
[สบื ค้นเมื่อ วันที่ 6 กันยายน 2564]
การรหู้ นังสอื .(2564). [อออนไลน์].ได้จาก https://th.wikipedia.org/wiki/การรหู้ นงั สอื
[สืบคน้ เม่อื วันท่ี 7 กนั ยายน 2564]
คณะผ้จู ัดทา
ทีป่ รกึ ษา
นายอนุชา พงษเ์ กษม ผอู้ านวยการ สานกั งาน กศน.จงั หวัดชลบุรี
นางสาวอไุ รรตั น์ ชนะบารงุ รองผู้อานวยการ สานกั งาน กศน.จังหวดั ชลบุรี
นางสรุ สั วดี เล้ยี งสุพงศ์ ผูอ้ านวยการกศน.อาเภอสตั หบี
นางสพุ ัด นาเจริญลาภ ครูชานาญการ
ผู้จัดทา
นางสาวศริ ิทรัพย์ กิตติภิญโญวัฒน์ บรรณารักษ์
นางสาวพรทิพย์ พลอยประไพ บรรณารักษ์ (อัตราจา้ ง)