คำนำ
ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น หมายถงึ พน้ื ความรู้ ความสามารถ ทอ้ งทใี่ ดทอ้ งทห่ี นึง่ โดยเฉพาะ
ดงั นน้ั คาวา่ ภมู ิปญั ญาท้องถนิ่ จึงหมายถงึ พนื้ ความรู้ ความสามารถของท้องท่ีใดท้องที่หน่ึง
ทุกส่ิงทกุ อยา่ งที่ชาวบา้ น คิดค้นข้นึ แลว้ นามาปรับปรุงแกไ้ ขพัฒนาแก้ปัญหา เปน็ ทง้ั สติปญั ญา
และองค์ความรู้ทั้งหมดของชาวบ้าน ดงั นน้ั จึงมีความครอบคลุมเนือ้ หาสาระและแนวทาง
ดาเนินชีวิตในวงกว้าง
ภูมปิ ญั ญาท้องถิ่นของอาเภอพานทอง จึงหมายถงึ ผู้มภี มู คิ วามรู้ ความสามารถในทอ้ งที่
อาเภอพานทองทั้งทีเ่ ปน็ พื้นความรูเ้ ดิมทีส่ บื ทอดกันมาจากบรรพบุรษุ และความรูท้ ่ีคิดค้นข้ึน
แลว้ นามาปรบั ปรุงแกไ้ ขพัฒนาแกป้ ญั หา เป็นทัง้ สติปญั ญาและองคค์ วามรูท้ ัง้ หมดของ
ชาวบ้าน อาเภอพานทอง ซ่งึ กศน.อาเภอพานทอง โดยหอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอพานทองได้
รวบรวมและจัดทาเปน็ เอกสาร “คลงั ภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ อาเภอพานทอง” ขน้ึ เพื่อเปน็ เอกสาร
รวบรวมภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ ของอาเภอพานทอง ไว้สาหรบั ประกอบการเรียนการสอนหรอื ผทู้ ่ี
สนใจศกึ ษาคน้ คว้าเก่ยี วกบั องคค์ วามรตู้ ่างๆ ของอาเภอพานทอง
หวังเป็นอยา่ งยงิ่ วา่ เอกสาร “คลงั ภมู ิปญั ญาท้องถนิ่ อาเภอพานทอง” จะเป็นประโยชน์
กับทกุ ท่าน ขอขอบคุณภูมิปัญญาทกุ ทา่ นทใ่ี หข้ อ้ มูลและผู้มสี ่วนเกย่ี วข้องทกุ ท่านทีท่ าให้
เอกสารนี้สาเรจ็ ดว้ ยดี
ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอพานทอง
2
สารบญั หนา้
คานา 1
สารบัญ 3
5
ชา่ งเครอื่ งทองโบราณ 7
การทาอฐิ มอญ อฐิ แดง 9
การรกั ษาโรคกระดูกดว้ ยน้ามนั 11
นวดแผนไทยและสมุนไพรประคบ 13
เกษตรทฤษฎีใหม่และพันธุ์กรรมช้าว 15
การแปรรปู กล้วย 17
การทาขนมไทย 19
การจกั สานเขง่ ปลาทู 21
การทอเสอื่ กก 23
การทาซอสพริก 25
การทาไข่เค็ม 27
เกษตรทฤษฎใี หม่ โคก หนอง นา โมเดล 29
หตั ถกรรมผักตบชวา 31
การจกั สานเส้นพลาสติก 33
การแปรรูปสมนุ ไพรเพือ่ ทาผลิตภณั ฑใ์ นครัวเรอื น 35
การเลย้ี งปลานิล
การเย็บตบั จาก 3
การแปรรูปผลติ ภัณฑ์ปลา (ปลานลิ แดดเดยี ว)
คณะผจู้ ัดทา
1
ภมู ิปัญญาท้องถน่ิ
อาเภอพานทอง
นำยทำนอง รงุ่ สที อง ทองคำจิ๋ว มหศั จรรยฝ์ มี อื ชำ่ งแหง่ ...อ.พำนทอง
อกี หนึ่งศลิ ปะทองคำ ทคี่ วรคำ่ แก่กำรอนรุ ักษ์
ทอ่ี ยู่ ร้ำนรงุ่ สีทอง
ไม่บอ่ ยครั้งนักทเ่ี ราจะไดเ้ หน็ การนาเอาชือ่ ของศิลปะทองคาไปบรรจุไว้ในคาขวัญของ
หมู่ 4 ถนนพำนทอง-หัวไผ่ พืน้ ที่ แต่ที่อาเภอพานทอง จังหวัดชลบรุ ี การผลิตทองคาของทนี่ ม่ี ีเอกลกั ษณ์ และได้รบั
ตำบลพำนทอง
อำเภอพำนทอง การยอมรับว่าเปน็ อีกแหลง่ ผลติ ทองคาทม่ี ีคุณภาพและงดงาม จนไดร้ ับการบรรจไุ ว้ในคา
จงั หวดั ชลบุรี 20160 ขวญั ของอาเภอ นั่นก็คอื “เมืองอิฐแกรง่ แหลง่ เกษตรกร เขตอุตสาหกรรม คุณธรรมหมอ
พระ ศิลปะช่างทอง”
การผลิตทองรูปพรรณของชา่ งทองที่นี่ เป็นการทาทองแบบโบราณ และไดร้ บั การสืบ
ทอดจากบรรพบรุ ุษ ซง่ึ ไดค้ ิดคน้ ลวดลายทเ่ี ป็นเอกลักษณโ์ ดดเดน่ ไว้มากมาย อาทิ ลาย
ลูกฆอ้ ง ลายฝักแค ลายก้ามปู ลายกา้ มกุง้ ลายพิกลุ เปน็ ตน้ ขณะเดียวกนั บรรดา
ลกู หลานท่ีสบื ทอดต่อกไ็ ด้คิดคน้ และประดษิ ฐ์ลวดลายใหม่เพมิ่ ขน้ึ ใหเ้ ข้ากบั ยุคสมัย
อย่างเช่น ลายกระดมุ ทอง ลายประคาโป่ง ลายไขป่ ลาทรงเครือ่ ง
นอกเหนือจากศิลปะทองโบราณทง่ี ดงาม และสรา้ งชือ่ เสยี งให้กบั ท่นี ่ีแล้ว ยังมีศลิ ปะ
การทาทองอกี แขนงหน่ึงซึง่ สรา้ งชือ่ ให้กบั ทน่ี ี่ไม่แพก้ ัน นน่ั ก็คอื การทาทองจ๋ิว ซ4่งึ ถอื เป็น
หนึ่งเดยี วในประเทศ และเป็นทีย่ อมรบั จากผู้ที่ช่นื ชอบในการสะสมเครือ่ งทองจวิ๋ เหล่าน้ี
2
นำยทำนอง รุง่ สที อง ภมู ิปญั ญาและชา่ งฝีมือแห่งร้านรุ่งสีทอง ร้านทองเก่าแก่ใน
พืน้ ท่ี อ.พานทอง ได้เลา่ ใหฟ้ ังถงึ ทมี่ าท่ีไปว่า กอ่ นท่ีจะมาทาทองจิว๋ กไ็ ด้สืบทอดวิชาการ
ทาทองมาจากคณุ พอ่ ที่เปน็ ชาวจนี ไดอ้ พยพมาเป็นลูกจ้างทาทองอย่ทู ่ฉี ะเชิงเทรา กอ่ นที่
จะย้ายมาอยทู่ ่ี อ.พานทอง จากนัน้ ก็ได้เปดิ รา้ นรับจ้างทาทองมาโดยตลอด จนฝีมือเปน็ ท่ี
ยอมรับ และได้มรี ้านค้าทอง รวมถึงประชาชนได้มาจา้ งทาทองเปน็ จานวนมาก โดยท่ี
ตวั เองก็ได้ชว่ ยงานทบี่ า้ นและได้ซมึ ซับความรู้วชิ าการทาทองมาตั้งแต่เดก็ โดยไดเ้ ริ่มหดั
ทาอย่างจริง ๆ จัง ๆ มาต้งั แต่อายุ 13 ปี จนมาถึงวนั นี้กผ็ า่ นประสบการณม์ ากว่า 60 ปี
ปัจจุบนั ได้ถ่ายทอดความรใู้ หแ้ กล่ ูกสาว ลกู ชาย และลูก ๆ ของช่างทองในรา้ น และผู้ท่ี
สนใจ
นำยกาทรำดนาเอนงนิ ธรรุ กุง่ จิสใีทนอชงว่ งแรกจะเปน็ การทาทองตามออเดอร์ ตอ่ มากไ็ ด้ต่อยอดมาเปน็ ทองจิ๋ว เพราะเห็นว่าทองคามันเป็น
แรท่ ่สี วยงาม เหลืองอร่าม หากได้มาผลติ เป็นของทีร่ ะลกึ น่าจะสวยงามและทรงคณุ ค่า ก็เลยทดลองทาออกมา และเป็นทีช่ น่ื
ชอบของลกู ค้ามากเลย จากนน้ั เมอื่ ขา่ วสารไดก้ ระจายออกไปกม็ ีออเดอรเ์ ขา้ มาเรอ่ื ย ๆ ส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะใหท้ าเป็นตะกร้าบ้าง
ปิน่ โตบ้าง รถยนต์โบราณบา้ ง แล้วก็งานชิน้ เล็ก ๆ ในรปู แบบต่าง ๆ ท่ตี ้องการ ทองคาจ๋วิ ของท่นี ่ีเป็นงานแฮนด์เมด ทาทีละชน้ิ
มกี ารยอ่ สว่ นมาใหต้ รงตามแบบทส่ี ุด โดยจะให้ชา่ งแต่ละคนเปน็ คนลงมอื ทางานเปน็ ชน้ิ งานออกมาเลย ไม่มกี ารประดษิ ฐ์แต่ละ
ส่วนแลว้ นามาประกอบกัน วธิ กี ารทาทองจิ๋ว เร่ิมจากการแกะลายจากสิ่งของทล่ี ูกคา้ เอามาให้ เราดูทกุ ชิ้น เพราะชนิ้ งานแต่ละชน้ิ
ต้องไดส้ ัดสว่ นและเหมือนของจริงท่สี ดุ ท้ังด้านนอกและด้านใน ถา้ เปน็ รถ เรากจ็ ะพยายามทาใหเ้ หมอื นทัง้ ซล่ี อ้ หรือแมก้ ระทัง่
เบาะภายใน ท่สี าคญั ชิ้นงานของที่นี่จะไมใ่ ช้การหลอ่ หรือปั๊ม ทาจากทองแผ่นเรยี บ ๆ นามารีด ตดั ขึน้ รปู แล้วนาแตล่ ะชน้ิ มา
ประกอบกัน
การทาทองของนายทานอง ถึงแมจ้ ะไมใ่ ช้เคร่อื งจกั รแตก่ ็สามารถทาได้หลายชน้ิ ซง่ึ การทาทองจิ๋วจะยากตรงชนิ้ แรก
หากช้นิ แรกทาได้แลว้ ชิ้นตอ่ ๆ มาก็จะง่าย เพราะช่างจะรวู้ า่ ต้องทาอะไรบ้าง ขนาดเทา่ ไร จะประกอบอยา่ งไร ซง่ึ ตอ้ งแกะจาก
จนิ ตนาการ ถ้าคิดออก ทุกอยา่ งกเ็ ดนิ หน้าได้
“งานทาทองจิ๋วท่รี ้สู ึกภาคภูมใิ จมากทีส่ ุดก็คือ การทารถโบราณจ๋วิ ถวายสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 10 (ครงั้ ยงั เป็นสมเด็จ
พระบรมโอรสาธริ าชฯ) ซ่งึ ตอนน้ันเมื่อชา่ งเค้ารวู้ ่าจะทาถวาย เครยี ดมาก เพราะกลวั ว่าจะออกมาไม่ดี แตใ่ นทสี่ ุดแล้วกท็ าได้ดี
นอกจากน้นั กจ็ ะมชี ุดเชี่ยนหมากโบราณ และชดุ ขันโตก ท่ีมีลูกค้ามาวา่ จ้าง ซง่ึ จะนาขนึ้ ทลู เกลา้ ฯ ถวายสมเดจ็ พระเทพ
รตั นราชสดุ าฯ ซึ่งเป็นสิง่ ท่เี ราภมู ใิ จทส่ี ดุ แตห่ ากเป็นเคร่อื งทองโบราณ ก็ต้องเป็น “สร้อยฟา้ ” ซง่ึ มีลูกคา้ มาจ้างทาเพอ่ื ถวายแด่
หม่อมศรีรัศมิ์ ตรงนี้ถือเป็นงานเด่นของเรา”
สำหรบั อนำคตของกำรทำทองจว๋ิ ของทนี่ ่ี ก็พรอ้ มทจ่ี ะถำ่ ยทอดใหก้ บั ผทู้ ีม่ ีใจรัก และมีควำมสนใจ
แม้กระทง่ั เด็ก ๆ และเยำวชน ซง่ึ วชิ ำควำมร้ใู นสำขำนี้ไม่มกี ำรเขยี นเปน็ ตำรำ อยำกจะได้ตอ้ งมำ
เรียนรูเ้ อำเอง
5
3
ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่ิน
อาเภอพานทอง
ภมู ปิ ญั ญำกำรทำ
อฐิ มอญ/อฐิ แดง
กลมุ่ ผู้ผลติ ผปู้ ระกอบกำร
หนึง่ ตำบล หนง่ึ ผลติ ภัณฑ์
อฐิ แดงพำนทอง
อฐิ มอญ/อิฐแดง แหง่ เมอื งอิฐแกรง่
แหล่งทาอิฐอาเภอพานทอง ตง้ั อย่ใู นตาบลหนองกะขะ อาเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี พ้ืนทส่ี ว่ นใหญเ่ ป็นที่ล่มุ
เหมาะแก่การทาการเกษตร มลี าคลองหลายสาย มดี งตาลข้ึนมากมาย ชาวบ้านจึงมอี าชพี ขน้ึ ตน้ ตาลและทาน้าตาล
ขายเปน็ อาชพี เสรมิ ประกอบกับพนื้ ท่ีเปน็ แหล่งดนิ เหนยี วทดี่ เี หมาะสาหรบั ทาอิฐ จึงมโี รงงานอิฐในพ้นื ท่หี ลายโรง
ผลติ ภณั ฑส์ ่วนใหญ่จะเปน็ อฐิ มอญแดงทาจากดินเหนียวทม่ี ใี นอาเภอพานทอง อิฐมอญพานทองหรอื อิฐแดงพาน
ทอง เป็นอฐิ ดนิ เผาที่มีความแข็งแกร่ง ทนทาน เหมาะสาหรบั ก่อสรา้ งบ้านพกั อาศัย อพารท์ เม้นท์ คอนโดมเิ นยี ม
และสง่ิ ปลูกสร้างอย่างอ่ืนทต่ี ้องการความแข็งแรง
การเผาอิฐมอญ (หรอื บางทเี รยี กว่าอิฐแดง) เป็นที่เลือ่ งลือกนั ว่ามีความแขง็ แกรง่ ทนทาน มีคณุ ภาพ สมกับ
คาขวญั อีกคาของอาเภอพานทองทว่ี า่ เปน็ "เมอื งอฐิ แกรง่ " โดยกรรมวิธีการเผาอฐิ ที่ไม่เหมอื นใคร เพราะใชเ้ ตาเผา
อิฐทีใ่ ช้ความรอ้ นสงู ขนาดใหญ่ สูงประมาณตึกสามช้ัน เผาไดค้ รง้ั ละมากๆ เป็นแสนๆ ก้อน โรงอฐิ มอี ยหู่ ลายโรง
ต้งั อย่บู นถนนสขุ ประยูร จนเกอื บถึงตลาดพานทอง 6
จดุ เรมิ่ ตน้ ของผลิตภัณฑ์และการ สบื สานผลติ ภณั ฑ์ ชมุ ชนผู้ผลิต “อฐิ มอญ (แดง)” เรยี กโดยทวั่ ไปวา่ “อิฐมอ4ญ
(แดง) พานทอง” เป็นภมู ปิ ญั ญาดงั้ เดิมของชาวอาเภอพานทอง จงั หวัดชลบุรี อิฐแดงพานทอง นับว่าเปน็ ภมู ิปญั ญา
ของคนในชุมชน โดยสืบทอดจากบรรพบุรุษรุ่นปู่-ย่า ปัจจุบนั เป็นรนุ่ หลาน แตก่ อ่ นและใชแ้ รงงานคนในชมุ ชนมา
รบั จ้าง ขณะนั้นยังไมม่ เี ครือ่ งจักรท่ที ันสมัย จึงตอ้ งใช้แรงงานคน ทาด้วยมอื ทุกขัน้ ตอน ทาใหผ้ ลิตได้ชา้ มาก ผลติ ได้
นอ้ ย จากรปู ลกั ษณะของอิฐแดงแต่ก่อนกับปัจจุบันไม่ต่างกนั มากนกั ยังคงรปู แบบแบบ ในเร่ืองของขนาด วสั ดุ แต่
มกี ารพัฒนาโดยชกั รอ่ งบนก้อนอิฐและตรงกลางกอ้ นมรี ู เพ่อื ใหฉ้ าบปนู ติดสนิทกวา่ เดิม คงทนถาวร นบั ถึงปจั จบุ ัน
มผี สู้ ืบสานการผลติ อิฐมาเปน็ รนุ่ ทสี่ ามแลว้ อฐิ แดงพานทอง ถา้ เทียบกบั อิฐแดงท่อี นื่ แลว้ ราคาจะแพงกวา่ ไม่มาก
นกั แต่อายุการใชง้ านคงทน ถาวรกว่า อฐิ ชนดิ อืน่ ดังน้นั ต้องใชป้ นู ฉาบมากกวา่ อิฐแดงพานทอง ทาให้ผู้ใชต้ ้อง
เพ่มิ เงนิ มากขึน้ เสยี เวลามากกวา่ อฐิ มอญ (แดง) พานทอง เกิดจากภูมปิ ัญญาของบรรพบรุ ษุ ทนี่ าแนวคิดการหา
สิ่งทีส่ ามารถทดแทนการใช้ไมป้ ลกู สร้างสงิ่ กอ่ สร้างได้ ทาให้ผูป้ ระกอบการต่าง ๆ มคี วามสะดวกสบาย ในการ
กอ่ สรา้ งอาคารตา่ ง ๆ ให้มีความมน่ั คงในตวั สิง่ ปลกู สรา้ งนัน้ จงึ มกี ารพฒั นาอิฐมอญ (แดง) พานทองให้ความ
แข็งแกรง่ และทนทานต่อการใชง้ านมากขนึ้ ใหเ้ ป็นมาตรฐานสู่สากล
อตั ลกั ษณ์(เอกลกั ษณ์)/จดุ เด่นของผลิตภัณฑ์
- แข็งแกร่ง คงทน เมือ่ นาอฐิ มาเคาะกระทบกนั จะไดเ้ สยี งท่ีใสและกงั วาน ต้องใช้ดินเหนียวและมีสีดาและใช้ดนิ ใน
พนื้ ท่ีอาเภอ พานทองเท่าน้นั
ควำมสัมพันธ์กับชมุ ชน
- อิฐมอญ (แดง) พานทอง เกิดจากดินในท้องท่ีอาเภอพานทอง ซึง่ เปน็ ดินเหนยี วมาก เหมาะกับการนามาทาอิฐ
แดง ไมท่ าใหส้ ง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชนเปลยี่ นแปลงหรอื ถูกทาลาย - คนในชุมชนจะใช้เวลาวา่ งมารบั จา้ งหรอื ผ้ทู ไี่ ม่มี
งานทากจ็ ะมารบั จา้ ง คนทไี่ ม่มีโอกาสเรยี นหนงั สอื ก็ยึดเป็นอาชพี เล้ียงครอบครัวได้ ทงั้ นี้ อฐิ มอญ (แดง) พานทอง
ใชส้ ่ิงท่มี ีอย่ใู นชมุ ชนใหเ้ กิดประโยชน์และชว่ ยสรา้ งรายไดใ้ ห้แกป่ ระชาชนในชมุ ชน มีอาชีพเสริมให้ตนเองและ
ครอบครัว
อิฐมอญ (แดง) พานทอง จะไมม่ ีการส่ิงใดเจือปนเลยนอกจากสว่ นประกอบของน้าและ
ดนิ เหนยี วเท่านนั้ ถา้ เทียบกับอิฐแดงของทอี่ ื่นเขาจะใช้แกลบหรอื ทรายผสมลงไป
ทาใหเ้ นอ้ื อฐิ ไม่แขง็ แกรง่ อิฐมอญ (แดง) พานทอง เมื่อเคาะจะมเี สยี งดงั กงั วาน
จากหลักฐานทีเ่ คยมีการทดสอบระหว่างอิฐมอญ (แดง) พานทองกับอฐิ ทอ่ี นื่ ทาการ
ทดสอบโดยใช้เครือ่ งไฮโครลิคอัดแรง จานวนอิฐ 1 ก้อน โดยอิฐทีอ่ ่ืนใช้น้าหนกั กด
ประมาณ 200ปอนด์ ก้อนอิฐแตกละเอียด แตอ่ ฐิ มอญ (แดง) พานทอง 1 กอ้ น
ใช้นา้ หนักกดทีป่ ระมาณ 800-1000 ปอนด์ จึงแตก แตไ่ ม่แตกชนิดละเอียด จะแตก
เป็นเสยี่ งเท่านนั้ เนอื่ งจากไม่มสี ว่ นผสมของแกลบ
7
5
ภูมปิ ัญญาท้องถิ่น
อาเภอพานทอง
ภูมิปัญญำกำรรักษำ จำกองค์ควำมรู้ภมู ิปัญญำสู่คำขวัญอำเภอพำนทอง
โรคกระดูก
“เมอื งอฐิ แกรง่ แหลง่ เกษตร เขตอตุ สำหกรรม
ดว้ ยสมนุ ไพรและนำ้ มนั คุณธรรมหมอพระ ศลิ ปะชำ่ งทอง”
“หมอพระ” ในที่นี้หมายถงึ ผ้ใู ห้การรกั ษาโรคกระดกู ด้วยสมนุ ไพร
และน้ามนั เปน็ ความคดิ ริเริม่ ในการรักษา โรคกระดูกและโรคอัมพาต
โดยพระครูวรเวชวิศาล สุวณโณ เจา้ อาวาสวดั ยคุ ลราษฎร์ อาเภอพานทอง
จังหวดั ชลบรุ ี
การรักษาโรคกระดกู และโรคอัมพาตดว้ ยสมนุ ไพร
และน้ามัน การรกั ษาแบบแผน โบราณโดยพระครู
วรเวชวิศาล นามเดมิ สมบุญ อนิ ทสังข์ เจา้ อาวาส
วดั ยคุ ลราษฎร์สามัคคี ตาบลเกาะลอย อาเภอพานทอง จังหวัดชลบรุ ี เป็นการรกั ษาให้ฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
เมือ่ กอ่ นกำรรกั ษำของทำงวัดมีช่ือเสียงมำกถงึ ขนำดนำไปตง้ั เปน็ คำขวัญของอำเภอ ซึ่งจะใหก้ ารรกั ษาแบบ
แผนโบราณ ต้องเสยี คา่ บูชาครู คือถ้าเป็นการรักษาด้วยการนวดน้ามัน จะต้องเสยี ค่าบูชาครู 1 สลึง เข้าเฝือกเสีย
ค่าบูชาครู 2 สลงึ ถ้าผปู้ ่วยไมม่ เี งินเสยี ค่าครู ทางวัดจะหาเงินค่าบูชาครใู ห้ หลายคนสงสัยวา่ พระทา่ นคงจะมคี าถา
ดีในการดับพิษไฟ แลว้ คนไขจ้ ะแสบรอ้ นจากน้ามันรอ้ นๆ ทฝ่ี า่ เทา้ ของพระหรือไม่ ตรงนข้ี อเฉลยวา่ ถือเป็นความ
มหศั จรรยข์ องธาตไุ ฟภายในรา่ งกายของมนุษย์ เพราะเมอื่ เอาเท้าชมุ่ นา้ มันไปนาบเหลก็ แดง ความรอ้ นจาก
ภายนอกจะผสานกับธาตุไฟภายในตวั แม้จะละฝา่ เท้าจากเหลก็ รอ้ นๆ ท่ีมไี ฟลุกโพลงจากน้ามันทีต่ ิดอย่บู นเหล็ก
และนาบเทา้ ลงแทบจะในทนั ทที ี่รา่ งกายของคนไข้ ธาตไุ ฟจากภายในและภายนอกกจ็ ะผสานกัน ทาให้คนไขร้ สู้ กึ
แคอ่ ุน่ ๆ เทา่ น้นั ปัจจุบันไดถ้ า่ ยทอดความรใู้ ห้กับลกู ศษิ ยท์ าหนา้ ทรี่ ักษา 8
วัดยุคคลราษฎร์สามคั คี (วัดหนองฝาแฝ6ด)
หรอื ทชี่ าวบา้ นเรยี กกนั ตดิ ปากวา่ “วดั ใหม”่
ตง้ั อยทู่ ่ี หมูท่ ี่ 4 บา้ นหนองฝาแฝด ตาบล
เกาะลอย อาเภอพานทอง
เปน็ วดั ทมี่ ชี อ่ื เสยี ง ดังคาขวัญของอาเภอ
พานทองทว่ี า่ "คุณธรรมหมอพระ“
เนอ่ื งจากเป็นวัดทีม่ ีพระใหก้ ารรกั ษาโรค
ดว้ ยวิธี "นวดดว้ ยเทา้ "แบบโบราณ และ
ไมเ่ กบ็ ค่ารกั ษาและคา่ ยาใดๆ ทงั้ ส้ิน
การนวดดว้ ยเทา้ เป็นการให้การรกั ษาผูป้ ว่ ยท่เี ป็นโรคเกย่ี วกบั กระดกู อมั พฤกษ์ อัมพาต โดยผ้ปู ว่ ยไมม่ ี
บาดแผลสด หรอื แผลเปดิ ใช้วิธกี ารนวดและเหยยี บดว้ ยสน้ เท้าลงบนบรเิ วณที่ต้องการรกั ษาเชน่ แขนขา ลาตัว
วิธีการรกั ษาจะมีพระภิกษแุ ละลกู ศษิ ยใ์ ช้เท้าจุ่มตวั ยา คือนา้ มนั มะพร้าวผสมสมุนไพรโบราณตงั้ บนไฟออ่ นๆ
จากนน้ั ใช้ส้นเท้าจมุ่ นา้ มนั นวดคลงึ บรเิ วณบาดเจ็บ เมื่อนา้ มันเยน็ กเ็ อาเท้าจุม่ น้ามันมานวดใหมอ่ ีก ทาครั้งละ
1 ช่วั โมง วันละ 1 ครง้ั หากมีอาการมาก กจ็ ะตอ้ งนวดตดิ ตอ่ กัน 20-30 วนั หรอื จนกวา่ อาการจะดขี ึน้
“เร่ิมจากนวดคลายเสน้ ก่อน แต่บางคร้งั บางคนเส้นกล็ ึก กดไมถ่ งึ ทาอยา่ งไรกไ็ มย่ ืดหยนุ่ ก็ต้องเหยยี บ
เหล็กแดง จะมจี านน้ามนั มะพรา้ ว หรือจะเป็นนา้ มันงาก็ได้ เวลาเหยียบก็ต้องจมุ่ เท้าลงในจานให้น้ามนั ชมุ่ ฝ่าเทา้
จากน้นั ก็เอาเท้าไปเหยียบบนเหลก็ ท่ตี ั้งอยปู่ ากเตา เหลก็ น่เี มอ่ื กอ่ นโบราณเขาใชเ้ หลก็ ผาน หรอื เหลก็ ที่ใชไ้ ถนา
เพราะหางา่ ย รูปร่างแบนกาลังดี อกี ทั้งออกเสียงคล้ายๆ “ผลำญ” เอาเคลด็ วา่ “ผลำญโรค” แต่เดย๋ี วนีไ้ ม่ทานา
เหล็กผานหายาก กใ็ ช้เหล็กอะไรก็ไดท้ รงแบนๆ ก็นาบเท้ากับเหล็กให้ร้อน จากน้นั กจ็ ะเอาเท้าไปเหยยี บจุดท่เี จบ็
ของคนไข้ เมือ่ เจอความร้อน เสน้ ทจ่ี มก็จะลอยข้ึนมา แล้วกล้ามเนอื้ ก็จะยดื หยนุ่ ขึ้น”
คนทเี่ ขา้ มารบั การรกั ษาในยุคนอ้ี าการปว่ ยไมแ่ ตกตา่ งจากเดมิ มากนกั เชน่ กลมุ่ ปวดเรอื้ รงั เจบ็ ปวดตามขอ้
กระดูก กลา้ มเนื้อ และเส้นเอ็น จากอุบตั ิเหตุ และการทางานหนัก ขณะเดยี วกนั โรคทีพ่ บใหมอ่ ย่างกระทบั
เส้นประสาท มคี นปว่ ยหลายคนท่ีจะตอ้ งผา่ ตดั เมอ่ื รกั ษาไปเพียงครง้ั เดยี วก็หายขาดไม่ต้องไปผ่าตดั เลย หลายคน
อาจจะไมเ่ ชื่อแนวทางการรกั ษาแบบพนื้ บ้านตามตาราครูอาจารย์ กเ็ ปน็ เร่อื งสว่ นบคุ คล
อยา่ งไรก็ตามศษิ ยข์ องพระอาจารยไ์ ดก้ ล่าวว่า “ในตอนนีอ้ ยากไดค้ นรุน่ ใหม่มาเรยี นรวู้ ิชาการนวดให้สืบ
ทอดต่อไป หากตง้ั จิตตง้ั ใจดกี ็พร้อมจะสอนวชิ าใหเ้ พอื่ จะไดช้ ่วยกันรกั ษาคนไข้ ช่วยเหลือผตู้ กทกุ ขไ์ ด้ยากร่วม
ทาบญุ เพือ่ นมนษุ ยด์ ว้ ยกนั ”
9
7
ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ
อาเภอพานทอง
ภูมิปัญญำ
นวดแผนไทยและสมุนไพรประคบ
กลมุ่ อำชีพนวดเพอื่ สุขภำพ ต.เกำะลอย อ.พำนทอง จ.ชลบุรี
การใชสมนุ ไพรในการดูแลสุขภาพเปนหนึ่งในภมู ิปญญาไทยที่สบื ทอดกนั มาซ่ึงมีหลักฐานทางประวตั ิศาสตร
ท่รี ะบุถงึ การใชพืชพรรณสมุนไพรต้ังแตสมัยพุทธกาลการนาสมนุ ไพรมาใชได ทัง้ ในแงการนามารับประทานเปน
อาหาร เชน การรบั ประทานพชื ผักหรือนามาประกอบเปนอาหาร นอกจากนัน้ ยังนามาใชเปนยารกั ษาโรคเวลา
เกดิ อาการเจ็บปวย
กศน.อาเภอพานทอง ไดด้ าเนินการก่อต้ังกลุ่มอาชพี นวดเพือ่ สุขภาพ ต.เกาะลอย โดยนาภมู ิปัญญาท้องถิน่
ด้านการนวดแผนไทยมาให้ความรแู้ ก่ชาวบ้าน สรา้ งภูมิปญั ญารุ่นตอ่ ๆ มาอกี หลายคน ตอ่ มาหน่วยงานตา่ งๆ ได้
เห็นความสาคัญและใหก้ ารสนับสนนุ ตอ่ ยอดองค์ความรู้ ทาใหส้ มาชกิ ในกลุ่ม เปน็ ภูมิปญั ญาทม่ี คี วามรเู้ ก่ยี วกบั
การนวดและการใช้สมุนไพรทห่ี ลากหลาย เช่น ด้านการทา
ลกู ประคบสมุนไพร ทง้ั แบบสดและแบบแหง้ เพ่อื จาหน่าย
ในชมุ ชนและใชส้ าหรับนวดประคบสมุนไพรไทย ทผี่ ่านมา
ไดม้ ีผู้เขา้ มาศกึ ษาเรียนรู้เพ่ือนาไปประกอบอาชีพ
จนสามารถมีรายได้เลย้ี งตนเองและครอบครวั
กล่มุ ภูมปิ ญั ญำนวดแผนไทยและสมนุ ไพรประคบ 10
ตำบลเกำะลอย อำเภอพำนทอง จงั หวัดชลบรุ ี
กำรใชยำหมองและสมุนไพรประคบ ก็เปนหนงึ่ ในภูมิปญญาไทยที่คนไทยนามาใชกันตัง้ แตรนุ ปูยาเปน 8
ภูมิปญญาไทยที่มมี าแตโบราณเปนการนาสมุนไพรพื้นบานชนิดตางๆ มาใชประโยชนทางการรักษาโรค เชน
ชวยคลายกลามเน้อื ลดการปวดเม่ือย นอกจากนก้ี ล่นิ ของน้ามนั หอมระเหยในสมุนไพรชวยทาใหรูสกึ สดช่ืน
ผอนคลายความเครยี ด ยาหมองและสมุนไพรประคบมีอยูดวยกันหลายสตู รทั้งน้ี ขึน้ อยูกบั สรรพคุณที่ตองการ
ลกู ประคบสมุนไพร นามาใช้สาหรบั การนวดประคบสมุนไพร
ซึ่งเป็นภมู ิปญั ญาท้องถิ่นดั้งเดมิ การใชส้ มุนไพรทมี่ ีอยใู่ น
ชุมชนท้องถ่นิ หลายอย่างมาหอ่ รวมกัน สว่ นใหญ่เป็นสมนุ ไพร
ที่มีน้ามันหอมระเหย ตวั ยาสมุนไพรที่ใชท้ าลกู ประคบ คือ
ไพล สรรพคุณ แกป้ วดเม่อื ยลดการอกั เสบ
ขมิ้นชัน สรรพคุณ ช่วยลดอาการอกั เสบ แกโ้ รคผิวหนัง
การบรู สรรพคณุ บารงุ หวั ใจ แต่งกลิ่น
ใบสม้ ปอ่ ย สรรพคณุ ช่วยบารุงผวิ แกโ้ รคผวิ หนงั ลดความดนั
เกลือ สรรพคุณ ช่วยดูดความรอ้ นและชว่ ยพาตัวยาซมึ ผ่านผวิ หนงั ไดส้ ะดวกขึน้
ผวิ มะกรดู ตะไคร้ สรรพคณุ มนี า้ มันหอมระเหย แต่งกลิน่ แก้ลมวิงเวียน
เถาเอน็ อ่อน สรรพคณุ แก้อาการปวดเม่อื ย แกป้ วดเสียวเส้นเอน็ ช่วยคลายเสน้ เอ็น ทาใหเ้ สน้ เอ็นท่ตี งึ ยืดหยอ่ น
โดยนาลกู ประคบมาน่ึงให้ร้อน ประคบบริเวณท่ีปวดหรือ
เคลด็ ขัดยอกซึง่ นา้ มันหอมระเหยเมือ่ ถกู ความร้อน จะระเหย
ออกมา ความรอ้ นจากลูกประคบจะชว่ ยกระตุ้นการไหลเวียน
โลหติ ดขี นึ้ และยังมีสาระสาคัญจากสมุนไพรบางชนดิ ที่ซึมเข้า
ทางผิวหนงั ชว่ ยรักษาอาการเคลด็ ขัด ยอก และลดปวด
ในส่วนของลูกประคบสมนุ ไพรปจั จุบันได้มีการพฒั นารปู แบบผลติ ภณั ฑ์ใหส้ วยงามและเก็บรักษาได้นานยิ่งขน้ึ
“ทางเรารูสึกขอบคณุ ทกุ หนว่ ยงานท่ีเขา้ มาช่วยพัฒนาภูมปิ ญญาชาวบาน และปรบั ปรงุ พัฒนาผลติ ภณั ฑใหมี
ประสิทธิภาพมากยิง่ ขึ้น และยังชวยจดั ทาออกแบบบรรจุภณั ฑใหมีความ สวยงามนาสนใจ รวมถงึ หาชองทางการ
ตลาดเพื่อท่ีจะไดนาผลิตภัณฑ์นี้ออกไปเผยแพรในพน้ื ทต่ี างๆ ตองขอขอบคณุ มากๆ ” : จาเนียร เสง่ียมสิน
หากทา่ นใดสนใจเรยี นรู้เกย่ี วกับเรอื่ งสมนุ ไพรที่ใชใ้ นการประคบและนวดตัว ก็สามารถเข้ามาเรยี นรไู้ ด้
ทก่ี ล่มุ ฯ ยนิ ดีตอ้ นรบั และใหค้ วามรู้ ท้งั น้สี มาชกิ กลุ่มทุกทา่ นมีความรสู้ ามารถถา่ ยทอดความร้ไู ด้
11
9
ภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ
อาเภอพานทอง
“ลุงแกะ”ปรำชญแ์ ละภูมิปญั ญำดำ้ นกำรเกษตร
อำเภอพำนทองเมอื งแห่งกำรเกษตร ดังคำขวัญท่ีวำ่
เมืองอิฐแกรง่ แหล่งเกษตร เขตอุตสำหกรรม คณุ ธรรมหมอพระ ศลิ ปะชำ่ งทอง
นายศภุ กิจ รักษาญาติ หรือท่ชี าวบ้านเรยี กกันวา่ “ลงุ แกะ” ลงุ แกะเป็นผู้มีองค์ความรู้
ด้านการเกษตรท่ีหลากหลาย ไม่วา่ จะเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ การขยายพันธ์ุข้าว การทา
นา้ หมักชีวภาพ การทาปยุ๋ การปรับปรุงดินด้วยวิถเี กษตรอินทรยี ์ ดา้ นประมง ดา้ นปศสุ ัตว์
การเผาถ่าน เศรษฐกจิ พอเพียง รวมถงึ การทาบญั ชีครัวเรอื น เนอ่ื งจากโตมาในครอบครัว
เกษตรกร เรียกได้วา่ ทาการเกษตรมาทัง้ ชีวิต โดยสบื ทอดจากรนุ่ สู่ร่นุ ทามาต้งั แต่รุ่นปู่ย่า
รนุ่ พ่อแม่ จนถึงปัจจบุ ัน
โดยนสิ ยั ส่วนตัวลงุ แกะเป็นผ้มู ีความใฝร่ ู้ใฝ่เรียนจงึ ทาใหม้ ีการศกึ ษาค้นควา้ ความรู้
ดา้ นการเกษตรอยตู่ ลอดเวลา ท้ังจากการศึกษาดว้ ยตนเอง หรือเขา้ ร่วมโครงการ
อบรมตา่ ง ๆ ทีห่ นว่ ยงานของรัฐและเอกชนจดั ขึน้
“ลุงแกะ” ได้ผา่ นการอบรมจนเปน็ ผมู้ ีองคค์ วามรู้และได้รบั การยกย่องให้เป็น
ภูมปิ ัญญาด้านการเกษตรของอาเภอพานทอง
นำยศภุ กิจ รักษำญำติ ดต้าำนบกลาหรเนกอษงตหรงแษล์ะอเปำเ็นภเอกพษำตนรกทรอตง้นจแงั บหบวดั ชลบุรี โทรศัพท์ 087-0203000
12
นายศภุ กจิ รกั ษาญาติ “ลุงแกะ”เปน็ ผู้มภี ูมริ ู้ในเรอื่ งการขยาย 10
พนั ธขุ์ า้ วเป็นอย่างดี เปน็ ทย่ี อมรับของชุมชนรวมถงึ หน่วยงานภาครัฐและ
เอกชน เนื่องด้วยอาชีพหลักเป็นชาวนา จึงทาใหว้ ถิ ชี ีวติ เกีย่ วขอ้ งอยู่กับข้าว
ตลอดเวลา โดยไดเ้ ขา้ ร่วมโครงการเพ่มิ ประสิทธิภาพในการพิทกั ษแ์ ละฟน้ื ฟู
ทรพั ยากร ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มในจงั หวดั ชลบรุ ี เพื่อประกอบกิจกรรมการ
ขยายเครือขา่ ยเมลด็ พนั ธ์พุ ระราชทานฯเพื่อความม่นั คง จดั โดยกองอานวยการ
รกั ษาความม่นั คงภายในจังหวดั ชลบุรี เพื่อเป็นหน่วยงานแจกจ่ายแลกเปลยี่ น
เมลด็ พนั ธ์ุให้กบั เกษตรกรในพืน้ ทน่ี าไปปลกู และเมือ่ ไดผ้ ลผลิตแล้วจึงนาเมลด็
พนั ธุ์มาคนื ศูนย์ฯ ซ่งึ ภารกจิ ของการดาเนินโครงการนน้ั จะตอ้ งดูแล ตรวจสอบ
เมล็ดพันธขุ์ า้ วทม่ี ใี นศนู ย์ให้มีคณุ ภาพและมีมาตรฐานอยู่เสมอ ดังน้ันลงุ แกะจงึ
ตอ้ งพฒั นาองคค์ วามรดู้ า้ นการขยายพันธขุ์ ้าวของตนเองอยู่เสมอ เพ่ือให้การ
ดาเนินโครงการเปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
”ลุงแกะ”ได้รบั การคดั เลอื กให้เป็นเกษตรกรต้นแบบทาใหไ้ ด้มีโอกาสได้ไปเข้ารบั การอบรม ประชุมสมั มนา
เพื่อเพมิ่ พูนความรแู้ ละแลกเปล่ยี นประสบการณ์ด้านการเกษตร และนาเอาความรู้ทม่ี าปรบั ใช้ในการทาการเกษตร
ของตนเองจนเปน็ ผูท้ มี่ ภี ูมิความรใู้ นหลากหลายดา้ น จงึ ทาใหป้ ระสบผลสาเรจ็ ในการทาการเกษตรเป็นอยา่ งมาก
และได้เผยแพร่ความรู้ใหแ้ ก่ประชาชนทัว่ ไปท้ังในการรับเชิญเปน็ วทิ ยากรในการอบรมใหค้ วามรแู้ กป่ ระชาชน หรือ
การจดั ตัง้ บ้านของตนเป็นแหล่งเรียนรทู้ ่มี ฐี านขอ้ มลู ด้านการเกษตรอย่างครบถว้ น ความรู้ทนี่ ามาถ่ายทอด เช่น
- ฐานผลิตเมล็ดขา้ วพนั ธ์ุดี
- ฐานการผลติ นา้ สกัดชวี ภาพและสารสกดั ชวี อินทรยี ์
- ฐานการปรบั ดนิ ดว้ ยอินทรยี ์
- ฐานเรยี นรดู้ า้ นการประมง
- ฐานการเรียนรูด้ ้านปศุสตั ว์
- ฐานการเผาถา่ น
โดยพรอ้ มและยนิ ดที ่ีจะถ่ำยทอดให้กบั นักเรียน นกั ศึกษำ และประชำชนท่ีสนใจ บนพืน้ ฐำนควำมเชอ่ื ทีว่ ่ำ
แผน่ ดนิ ไทยเป็นแผ่นดินแห่งกำรเกษตรหำกปฏิบัตแิ ละทำกำรเกษตรตำมแนวพระรำชดำรฯิ ด้วยควำมม่งุ มั่น
ตั้งใจ มำนะ ขยัน อดทน ย่อมไมอ่ ดตำย
13
11
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่
อาเภอพานทอง
ภมู ปิ ัญญำ “กล้วยๆ” แปรรปู กล้วย
วถิ ี ภูมปิ ัญญำ ศรัทธำ ควำมเช่อื พอเพียง ย่งั ยนื
แปรรปู กลว้ ย "เปลย่ี น" โอทอปแบบเดมิ ๆ ใหเ้ ปน็ ทย่ี กย่องวำ่ นีค่ อื ภูมิปัญญำชำวบ้ำน
เมอ่ื ปลูกกลว้ ยกินกันมากขึน้ ผลผลติ กล้วยก็ไม่ไดร้ าคา
กล้วยที่ไมไ่ ดข้ นาดอาจจะเหลอื ท้งิ ดังนั้นเพอ่ื ไมใ่ ห้
ไรป้ ระประโยชน์ จึงควรนามาแปรรูป เพ่อื ใหเ้ กบ็ ไว้ไดน้ าน
อีกท้งั เป็นการเพ่มิ มูลค่า ใหแ้ กผ่ ลผลติ ด้วย
กลว้ ยมีความผกู พนั กับวิถีชีวิตคนไทยมาชา้ นาน
นอกจากจะนามาบรโิ ภคเปน็ อาหารแลว้
ทกุ สว่ นของกลว้ ยยังสามารถนามาใช้ประโยชน์ในดา้ นตา่ งๆ
นำงแสงเดอื น หม่นั เพยี ร
ถ้าพูดถงึ “กลว้ ย” แถวๆบ้านเราก็จะนึกถึงกลว้ ยนา้ ว้าเปน็ สว่ นใหญ่ เพราะพบเห็นการปลูกกันโดยทว่ั ไป
วางขายกนั เยอะแยะและราคาไม่แพง เน่ืองด้วยกลว้ ยน้าวา้ เป็นพืชที่ปลูกงา่ ย เจริญเตบิ โตได้ในทุกสภาพดนิ จะให้
ผลผลติ ครงั้ แรกเมอ่ื ปลูกได้ 8-10 เดือน และสามารถแตกหนอ่ เตบิ โตให้ผลผลติ ทัง้ ปี กล้วยทป่ี ลูกกันอย่ทู กุ วนั น้ี
14
พ่ีแสงเดือน เปน็ หัวเรงหลกั ในการถา่ ยทอดความรแู้ ละนากลุ่มแม่บ้านมารวมตวั หารายไดเ้ สรมิ จากการประกอ12บ
อาชีพหลกั คอื ส่วนใหญ่ในชุมชนจะประกอบอาชีพการเกษตรเล้ียงปลา เลี้ยงกุ้ง ทานา แตด่ ว้ ยภาวะเศรษฐกจิ
ราคาผลผลติ ทางการเกษตรเรม่ิ ตกต่า ทาให้แตล่ ะครัวเรอื นมรี ายได้ไมเ่ พียงพอ และวา่ งจากการประกอบอาชีพ
หลกั จงึ มแี นวคิดหารายได้เพม่ิ โดยชกั ชวนกล่มุ แม่บ้าน รวมกลมุ่ กันเพื่อแปรรปู กลว้ ย และนารายไดม้ าแบ่งกนั
ภายในสมาชิก แต่ไม่มากนัก เนอื่ งจากวตั ถดุ บิ คอื กล้วย ตอ้ งซ้ือมาจากทีอ่ น่ื ด้วย ท้ังนผี้ ลผลติ จากชมุ ชนบางครัง้
ไมเ่ พยี งพอ บ้างกม็ หี น่วยงานหรือร้านคา้ ส่งั มาเยอะ ซึง่ สมาชกิ ในชุมชนปลูกกล้วยในพื้นท่ีของตวั เองอยู่แลว้ แต่ถา้
วนั ไหนมลี กู ค้าสั่งเข้ามาเยอะ จงึ จาเป็นต้องไปซือ้ กลว้ ยท่ีอน่ื มาเสริมเพื่อจาหนา่ ยให้แกล่ ูกค้า ซึ่งสินคา้ หลักทีข่ ายดี
กค็ อื “กลว้ ยฉาบ”
การพฒั นาเศรษฐกจิ ใหเ้ กดิ ความย่ังยนื จะต้องเกดิ ขึ้นท่ีใจของผ้นู า ถ้าผู้นาไม่เข้มแขง็ แน่วแน่มากพอ ท่ผี า่ นมา
ก็ถอื ว่าเปน็ แค่ความคิด ซึง่ ความคดิ เหลา่ น้นั จะเป็นจริงไดก้ ต็ ่อเม่อื ไดล้ งมือทาและทาตอ่ ไปอยา่ หยุด และทาตอ่ ไป
อย่างชาญฉลาด ไม่ต้องหวังความร่ารวยมากมาย ขอแค่พออยูไ่ ด้ไมข่ ัดสน เราอยู่ได้ เพอ่ื นร่วมงานอยู่ได้ พ่ึงพา
อาศยั ซ่ึงกนั และกัน ตอ่ ไปนเี้ ราจะตอ้ ง "เปล่ยี น" โอทอปแบบเดิมๆ ให้เปน็ ที่ยกยอ่ งว่าน่ีคอื ภมู ิปญั ญาชาวบ้าน
ทไ่ี ม่ตอ้ งลงทนุ สกั บาท เพราะสิง่ ทม่ี ีค่าท่ีสุดคอื ภมู ิปญั ญา เราขายภูมปิ ญั ญา ความศรัทธา ความยัง่ ยืน นคี่ ือ
"เสน่หโ์ อทอป" อยา่ งแท้จริง
กล้วยฉำบรอ้ นๆ กรอบ หอม อร่อย มำแล้ว ใครชอบรบั ประทำนกล้วยฉำบ
เชญิ ทำงนี้
ที่บ้ำนหนองสองหอ้ ง ตำบลบำงหัก อำเภอพำนทอง จังหวดั ชลบรุ ี
ผลติ ภัณฑแ์ ปรรปู “กล้วย” พลกิ วิกฤตให้เป็นโอกำส เพ่อื เปน็ กำรสรำ้ ง
รำยได้เสริมแกค่ รอบครัว ชมุ ชน อำจจะไม่รวยแต่ก็อยู่ได้อย่ำงพอเพยี ง
เคลด็ ลับความกรอบหอมมันอรอ่ ยของกล้วยฉาบของพ่ีแสงเดือน (บ้านหนองสองห้อง ตาบลบางหกั ) อย่ทู ีก่ ารนา
กลว้ ยที่ไดข้ นาด ความแกก่ าลังพอดี มาทอด มาคดั แยกทารสชาติใหแ้ ตกต่างกนั ใช้น้ามนั ทรี่ อ้ นจัดพอเหมาะ ไมใ่ ห้
ถกู ลมนานจนเกินไป ฝานกล้วยไมบ่ างและหนาเกินไป ส่วนรสหวาน จะเคย่ี วน้าตาลสัดส่วนผสมทเ่ี ท่ากัน และไมใ่ ห้
หวานจนเกนิ ไป ห้ามคนแรงเพราะจะทาใหก้ ล้วยฉาบหกั
กล้วยฉาบของพแี่ สงเดือน จะไม่เหมอื นใคร เพราะทั้งกรอบ หอม อรอ่ ย มที ั้งรสเค็ม รสหวาน ปลอดสารพษิ
เจือปน เพราะเปน็ กล้วยฉาบผลิตภณั ฑโ์ อทอปและภูมิปญั ญาไทย เปน็ ของฝากของชมุ ชนที่ใครๆ ผ่านมาก็ตอ้ ง
ถามหา
หากทา่ นใดสนใจต้องการซือ้ นาไปรับประทานตดิ ตอ่ ได้ที่
นางแสงเดอื น หมน่ั เพียร บ้านหนองสองหอ้ ง ตาบลบางหกั
อาเภอพานทอง จงั หวัดชลบุรี หรือจะมาเรียนรูก้ รรมวิธีการทา
พีแ่ สงเดือนก็ยนิ ดถี า่ ยทอด รับรองวา่ บอกทกุ ขัน้ ตอนไมห่ วงวิชากนั เลยทีเดยี ว 15
13
ภมู ิปัญญาท้องถิน่
อาเภอพานทอง
ภูมิปัญญำ “กำรทำขนมไทย”
“สืบสำนขนมไทยไม่ใหส้ ญู หำยไปกบั กำลเวลำ”
นำงอำนวย นพสมบรู ณ์
วิธกี ำรทง่ี ่ำยท่สี ดุ ท่เี รำทุกคนสำมำรถร่วมกันอนรุ ักษ์ขนมไทยไวไ้ ม่ให้สูญหำยก็คอื
กำรหันมำ “บริโภคขนมไทย” เพรำะเมอ่ื เรำบริโภคมำกขน้ึ แมค่ ้ำขนมไทยกจ็ ะมกี ำลังใจ ในกำร
ผลติ และยงั คงสบื สำนขนมไทยไมใ่ ห้สญู หำยไปกับกำลเวลำ
“ขนมไทย” ถอื ว่าเป็นขนมที่อยคู่ ูก่ บั คนไทยของเรา มาเป็นเวลานานมากเลยกว็ ่าได้ และก็จะมี
ความสัมพนั ธ์กับคนไทยเราจนแทบจะแยกกนั ไม่ออก เพราะวา่ ขนมไทยน้นั ก็ไดเ้ ขา้ มาอยรู่ ว่ มกับการใชช้ ีวิตของคน
ไทย และขนบธรรมเนียม วฒั นธรรมของไทยเราตา่ งๆ มากมาย ซ่ึงสาหรับขนั้ ตอนในการทาขนมไทยนนั้ ถอื ได้วา่
มขี ั้นตอน ท่ีหลากหลายและการทาขนมไทยน้นั กย็ ังจะต้องอาศยั ความใจเย็น บวกกับฝีมอื ความประณตี ในการทา
ดว้ ย
นางอานวย นพสมบรู ณ์ หรือทรี่ จู้ กั และเรยี กกันตดิ ปากว่า “นา้ นวย” นา้ นวยไดก้ ารสืบทอดภมู ปิ ญั ญาใน
การทาขนมไทย (ทองหยอด ฝอยทอง และเม็ดขนุน ฯลฯ) และพัฒนาเป็นธุรกิจของกลมุ่ แม่บา้ นไผ่สีทอง หมูท่ ่ี 5
ตาบลโคกข้หี นอน อาเภอพานทอง จงั หวดั ชลบุรี 16
ของหวานไทยหรอื ขนมไทย กล่าวไดว้ ่ามอี ยคู่ ู่กบั คนไทยมาชา้ นาน เพราะเปน็ วฒั นธรรมอย่างหนึ่งท่บี ่งบอกว1า่ 4
คนไทยเปน็ คนมลี ักษณะนิสัยอยา่ งไร เน่อื งด้วยขนมไทยแตล่ ะชนดิ ล้วนมีเสน่ห์ มีรสชาติท่แี ตกตา่ งกันออกไป
แต่แฝงไปด้วยความละเมียดละไม ความวิจติ รบรรจง อยใู่ นรูปลักษณ์ กล่นิ รสของขนมท่ีสาคัญ ขนมไทยแสดงให้
เห็นว่าเป็นคนใจเย็น รกั สงบ มีฝมี อื เชิงศลิ ปะ ขนมธรรมดาๆ ทาด้วยแป้ง นา้ ตาล มะพรา้ ว เป็นสว่ นประกอบ
สาคัญ สามารถดดั แปลงเป็นขนมหลายชนดิ หน้าตา แตกต่างกัน
ในสมัยโบราณคนไทยจะทาขนมเฉพาะวาระสาคญั เทา่ น้นั เปน็ ตน้ วา่ งานทาบุญ เทศกาลสาคัญ หรอื ต้อนรบั
แขกสาคญั เพราะขนมบางชนิดจาเป็นต้องใชก้ าลังคนอาศัยเวลาในการทาพอสมควร ส่วนใหญ่เปน็ ขนมประเพณี
เป็นต้นว่า ขนมงาน เน่อื งในงานแต่งงาน ขนมพนื้ บา้ น เชน่ ขนมครก ขนมถว้ ย ฯลฯ พวกนีม้ เี หน็ ท่ัวไป ส่วนขนมใน
รั้วในวงั จะมหี น้าตาจมุ๋ จ๋ิม ประณตี วิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม
ขนมไทยในสมัยก่อนน้นั ก็จะเป็นขนมท่อี ยู่ในวัง จนกระทง่ั ได้มีการนาออกมาเผยแพร่สู่ชาวบ้าน และกไ็ ด้เป็น
การถา่ ยทอดกันออกมาตง้ั แต่รุน่ สู่รุ่นนน่ั เอง จึงถอื ไดว้ ่าขนมไทยของเรานัน้ ได้อยู่คกู่ นั กบั คนไทยของเรามาเปน็ เวลา
นาน และจงึ ควรที่จะมีการอนุรักษข์ นมไทยเอาไว้เพ่อื ให้ชนรุ่นหลังไดร้ จู้ กั กันดว้ ยและสาหรบั วธิ ีในการอนุรกั ษ์ขนม
ไทยท่งี า่ ยทสี่ ุดเลยคอื เรานน้ั ก็ควรทจ่ี ะหนั มาเลือกทานขนมไทยกนั ใหม้ ากข้นึ เพื่อทีจ่ ะขนมไทยนั้นจะได้มีการทา
ขายออกสู่ตลาดอย่ตู ลอดเวลา และกเ็ ป็นการทาให้ขนมไทยนนั้ สูญหายไปจากประเทศไทยด้วยนนั่ เอง
การทเ่ี ราน้นั หนั มาเลือกทานขนมไทยมายิ่งข้นึ นนั้ มนั ก็จะชว่ ยทาให้ผผู้ ลิตขนมไทยน้ันมีกาลงั ใจในการท่ีจะ
ผลิตขนมไทยออกมาสู่ตลาดมากยงิ่ ขนึ้ และมนั กจ็ ะเปน็ การชว่ ยสืบสานขนมไทยน้ันไมใ่ หห้ ายไปอกี ด้วย
ขนมไทย ท่ี”นา้ นวย”ทาอยูเ่ ป็นประจา แบง่ ได้เป็น 4 หมวดดงั นี้
- ขนมชาววัง เชน่ ขนมเบอ้ื ง ว้นุ กระทิ วนุ้ สังขยา วนุ้ ใบเตย ขนมไข่เหย้ี ขนมลูกชุบ ขนมตาล
- ขนมตามฤดกู าล หรือ ขนมชาวบา้ น เชน่ ลกู ตาลเชอื่ ม ฟกั ทองเช่ือม มนั เชื่อม มะขามแชอ่ ิม่ ถวั่ เขยี วตม้
น้าตาล ขา้ วตงั ขนมลืมกลืน ข้าวเม่าบด ขนมกรวย ขนมข้ีหนู ขนมน้าดอกไม้ เปน็ ต้น
- ขนมในศาสนา และ ประเพณี เชน่ ขนมใส่ไส้ ขนมเทียน ขนมสามงาน ขนมรังนก ลอดช่อง ข้าวเมา่
ขนมถว้ ยฟู ขนมปลากริมไข่เต่า ขนมบวั ลอย นางเล็ด เป็นต้น
- ขนมจากตา่ งประเทศ เชน่ ขนมฝร่ัง ทองมว้ น ขนมทองโปรง่ ทองหยอด ฝอยทอง เมด็ ขนุน ทองหยบิ
สังขยาเผือก ฯลฯ
ดังนั้น หากทา่ นใดสนใจเรยี นรู้การทาขนมไทยสามารถมาศกึ ษาเรียนรกู้ บั คุณน้าอานวยได้ ยนิ ดถี า่ ยทอดให้
ไมม่ ีหวงสูตร
17
15
ภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ
อาเภอพานทอง
ภมู ิปญั ญำ “กำรจกั สำนเข่งปลำทู”
เขง่ ปลำทู
สรำ้ งอำชพี
สรำ้ งรำยได้
หมูท่ ่ี 4 ตำบลหนองกะขะ อำเภอพำนทอง จังหวดั ชลบุรี
นำงลำไย เหมสวุ รรณ และ นำงสมปอง ชุติวำสนำสกุล สองภมู ิปัญญาชาวบ้านตาบล
หนองกะขะดา้ นการจักสาน ไดย้ ดึ อาชีพการสานเข่งปลาทู เพื่อสร้างรายไดเ้ สรมิ และได้มกี ารรวมกล่มุ กันเป็นกลมุ่
จักสาน สานกระดง้ ตระแกรง และเข่งปลาทู โดยสว่ นใหญ่สมาชกิ กลุ่มเปน็ ผ้สู งู อายุ พอ่ คา้ ได้มาตดิ ตอ่ ใหก้ ลุ่ม
แมบ่ า้ นสานเขง่ ปลาทสู ่งขาย ทางกลมุ่ ส่วนมากจะสานเข่งปลาทสู ง่ ใหพ้ ่อค้าคนกลาง เพราะพอ่ คา้ คนกลางจะนา
วตั ถดุ บิ เชน่ ไมไ้ ผ่ และเชอื กมาให้แม่บา้ นพร้อม สามารถท่ีจะสานเขง่ ปลาทไู ด้ ไม่ต้องไปหาวตั ถดุ ิบจากท่ีอนื่ หรอื ใน
ชมุ ชน
จากการสะสมประสบการณ์ในการสานเขง่ ปลาทมู านบั สบิ ๆ ปี ทาให้ “ปา้ ลาไย และ ปา้ สมปอง”เปน็ ผมู้ ีความรู้
ความสามารถและชานาญในการสานเข่งปลาททู กุ แบบ 18
ขน้ั ตอนกำรทำเขง่ ปลำทู 16
1. ตัดไมไ้ ผส่ ีสกุ ขนาดเขง่ เลก็ ประมาณ 30 ซม. เข่งใหญป่ ระมาณ 50 ซม. ผ่าซกี แบ่งครึง่
2. ไสไมไ้ ผ่กบั กบใหเ้ ปน็ เสน้
3. ตัดไม้ขนาดประมาณ 10 ซม. เพื่อขดั กบั ก้นเข่ง
4. ตัดไม้ขนาดเพ่ือทาขอบเข่งปลาทู ขอบใน 1.5 ซม ขอบนอก 2 ซม.
5. นาไมท้ ีไ่ สแล้วมาสานเปน็ แผงเข่งปลาทู
6. สานเสร็จนาแผงมาทบุ ให้เป็นมมุ และใช้ไมข้ ัดกน้ เขง่
7. นาแผงท่ขี ัดก้นเขง่ แลว้ มาประกอบใสข่ อบในและนอก
8. ใช้เชอื กหรอื หวายผูกขอบให้เรียบรอ้ ย
9. ตดั แต่งขอบใหส้ วยงาม
การเข้าขอบเข่งตอ้ งโค้งไดร้ ปู ให้กลมและสวยงาม โดยใชก้ ระดานตอกตะปู ใหก้ ลมและนารปู แผงเข่งใหไ้ ป
ในแบบจึงจะไดเ้ ขง่ ปลาทูทีก่ ลมและสวยงาม
กำรสำนเขง่ ปลำทู เปน็ อาชีพทช่ี าวบ้านในตาบลหนองกะขะ อาเภอพานทอง จังหวดั ชลบรุ ี ไดท้ ากัน
มานานกว่า 40 ปี สว่ นใหญ่จะทาเป็นอาชพี เสริมจากการทานา ทาสวน แต่เดิมน้นั ทากันเกอื บทกุ ครัวเรือน ทงั้ เด็ก
และผูใ้ หญ่ เขง่ ปลาททู าจากไม้ไผ่ท่ีจักเปน็ แผน่ บางๆ ทีเ่ รยี กวา่ เส้นตอก หรอื ตอก นาตอกมาสานใหเ้ ปน็ เขง่ สาหรบั
ใสป่ ลาทนู ึ่ง เรียกวา่ เขง่ ปลาทู เขง่ ปลาทูมี 3 ขนาด คอื
1. เขง่ พวง หรอื เข่งเล็ก ขนาดเส้นผ่าศนู ยก์ ลางประมาณ 12 ซม. ไม่มขี อบ เมื่อทาเสรจ็ แลว้ จะนามาร้อย
เป็นพวง จึงเรียกว่า เขง่ พวง
2. เข่งขอบ หรือเข่งใหญ่ เขง่ ขอบพัฒนามาจากเข่งเลก็ ดว้ ยการทาขอบด้วยไมไ้ ผท่ ี่เป็นไมว้ งรอบผูกดว้ ย
หวายหรือเชือกพลาสตกิ เข่งขอบมี 2 ขนาด คอื เขง่ ขอบขนาดเล็ก และเข่งขอบขนาดใหญ่ ใสป่ ลาทไู ด้ 2-3 ตวั
แลว้ แต่ขนาดของปลาทู
3. เข่งตะแกรง พฒั นามาจากเขง่ ขอบ แต่มีขนาดใหญ่ ใสป่ ลาทูไดป้ ระมาณ 10 ตัว
ปัจจุบันชำวบำ้ นยังคงสำนเข่งปลำทูเป็นอำชพี อยู่ ถึงแมจ้ ะมเี พียงไมก่ ี่ครอบครวั แตป่ ลำทูน่ึงยังคงเป็นอำหำร
หลกั ของคนไทยอยู่ เขง่ ปลำทยู ังคงอย่เู คียงคกู่ ับปลำทูน่ึงตลอดไป และยงั สำมำรถสรำ้ งรำยไดเ้ สริมให้กับ
ครอบครัวได้เป็นอย่ำงดี หำกสนใจท่จี ะเรยี นรวู้ ิธกี ำรสำนเขง่ ปลำทู “ป้ำลำไย และป้ำสมปอง” กย็ นิ ดถี ่ำยทอด
ควำมรใู้ ห้
17
ภูมิปัญญาท้องถิน่
อาเภอพานทอง
ภูมิปัญญำ “กำรทอเสอื่ กก”อำเภอพำนทอง
กำรทอเสื่อกก เปน็ ภมู ิปญั ญาของคนในท้องถ่ิน ที่นาเอาตน้ กกมาแปรสภาพให้เปน็ เสน้ ย้อมสี แล้วสาน
ทอใหเ้ ปน็ ผืน เพอ่ื นามาใช้ปลู าดรองน่งั หรือนอน หรือกจิ กรรมต่างๆ “เสอื่ กก” เป็นผลติ ภณั ฑท์ ม่ี ีใชก้ นั อยู่ทัว่ ไป
ทง้ั น้เี พราะตน้ กกเปน็ พชื ธรรมชาติทีข่ ้ึนอยทู่ ่วั ทกุ ภูมิภาค และภูมปิ ัญญาของคนในทอ้ งถนิ่ ท่ีนาตน้ กกมาแปรสภาพ
กม็ ลี กั ษณะคล้ายกนั หรอื ไดอ้ ทิ ธพิ ลทางความคิดจากกนั และกนั ทาให้เสือ่ กกถูกจดั ไดว้ า่ เป็นปัจจยั จาเป็นอยา่ ง
หนงึ่ ตอ่ การดารงชีวิตของผ้คู นในอดตี
นำงถำวร สมจิตต์ ก็เป็นอีกคนหน่ึงทีไ่ ด้มีโอกาสเรยี นร้แู ละประกอบอาชพี การทอเสอื่ กกตง้ั แตค่ รั้งอดตี
ท่กี ารใช้เส่อื กกเปน็ ทีน่ ยิ มและใชก้ นั ทกุ บา้ น จนทาใหม้ ีความชานาญในการทอเสือ่ กกเป็นอย่างดี หากยอ้ นไปใน
อดีต การทอเสื่อกกของนางถาวร สมจิตต์ กค็ งเป็นเรอ่ื งธรรมดาเนือ่ งจากการทอเสอ่ื กกนั้น หลายคนกท็ าได้และ
ดจู ะไม่น่าตืน่ เต้นอยา่ งไร แต่ปจั จุบนั อาชีพการทอเส่ือกกในอาเภอพานทองแทบจะไมม่ ีเหลอื หาคนทาเป็นไดน้ ้อย
มาก เพราะผู้เฒา่ ผแู้ ก่ท่ีทาเป็นก็ไดล้ ม้ หายตายจากไปพร้อมกับฝมี อื ท่ีสงั่ สมมา ท่ยี งั เหลือก็เลิกทาเลิกทอ ดว้ ยเหตุ
ท่ีวา่ “เส่อื กก” ไมไ่ ดเ้ ป็นท่นี ิยมใชเ้ หมือนในสมยั ก่อนแลว้
แม้ปัจจุบันกระแสความนยิ มในการใช้เส่อื กกจะลดลง
คา่ นิยมในการทางานตามโรงงานอุตสาหกรรมของคนรนุ่ ใหม่
มีมาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง แตน่ างถาวร สมจติ ต์ ยงั คงทอเสอื่ กก
และดแู ลรกั ษาเครือ่ งทอไว้อย่างดี เพราะต้องการรกั ษาและ
อนุรกั ษใ์ ห้ “การทอเสือ่ กก” ยังคงอยู่คชู่ มุ ชนและสงั คมไทยต่อไป
นำงถำวร สมจติ ต์
กำรทอเสอ่ื กก เป็นภมู ปิ ัญญาของคนในท้องถนิ่ ท่นี าเอาตน้ กกมาแปรสภาพใ1ห8เ้ ปน็
ผืนเส่ือ นามาใชป้ รู องนงั่ หรอื นอน หรือทากจิ กรรมตา่ งๆ ในชีวิตประจาวัน
ในสมยั กอ่ น “เส่อื กก” เป็นผลิตภณั ฑท์ ี่มีใชก้ ันอยู่ท่วั ไปทุกครวั เรอื น เพราะเป็นวสั ดุ
ทีห่ างา่ ย ราคาไม่แพงเพราะตน้ กกเปน็ พืชธรรมชาตทิ ่ขี ้นึ อยูท่ ั่วทกุ ภูมภิ าค ขอเพยี งแต่
มคี วามสามารถก็มีเส่ือกกใช้
ภมู ปิ ัญญาของคนในท้องถนิ่ ทน่ี าต้นกกมาแปรสภาพกม็ ลี ักษณะคลา้ ยกนั
หรอื ไดอ้ ิทธพิ ลทางความคดิ จากกันและกัน ทาให้เสอื่ กกถูกจัดไดว้ ่าเป็นขอของใช้
ประจาครัวเรอื นทจ่ี าเป็นท่ที ุกครัวเรอื นตอ้ งมีไว้ใช้ประจาครัวเรอื นและยงั เป็น
วัฒนธรรมของคนในชนบททต่ี อ้ นรบั แขกด้วยการปเู สือ่ ดงั คาพดู ทีว่ า่ “เล้ยี งดู ปเู สือ่ ”
กำรทอเสือ่ กก (เสื่อผนื )
1. นาเชอื กฟางหรือเชือกไนลอนทีก่ ท่ี อเส่อื ให้เป็นเสน้ ตามกี่ทอและฟมื
2. นากกหรือไหลที่ย้อมสีสอดเข้ากับไม้สอดเพอ่ื ที่จะสอดเขา้ กบั กี่ทอเสื่อ
3. เมอ่ื สอดกกหรอื ไหลเขา้ ไปทลี ะเสน้ แล้วผลกั ฟืมเขา้ หาตวั เอง
ประมาณ 2-3 ครงั้ ใหก้ กหรอื ไหลแนน่ ติดกนั เปน็ ลายต่าง ๆ
4. ตอ่ จากน้นั กเ็ ก็บขอบก่อนทจ่ี ะทอเสน้ ตอ่ ไป
5. เมื่อทอจนไดค้ วามยาวได้ประมาณ 1 – 1.20 เมตร แลว้ นาเสอื่ กก
ท่ีทอแล้วมาตดั ขอบ ตัดเสื่อออกจากฟืม
6. พับเก็บไว้รอจาหนา่ ย
การสืบทอดภมู ปิ ญั ญาการทอเสอื่ กก ของนางถาวร สมจติ ต์ ใช้วธิ กี ารถา่ ยทอดหลายรปู แบบ เชน่ วธิ ีบอก
เลา่ โดยตรง หรอื ถ่ายทอดผ่านการปฏิบตั จิ ากคนในครอบครัว การขอเข้ามาเรียนรู้สอนให้แบบตวั ตอ่ ตัว
นำงถำวร สมจิตต์ คอื ภูมปิ ญั ญาอกี ท่านหนงึ่ ที่ได้สืบสานภูมิปญั ญาทางดา้ นการทอเส่ือกกนี้มายาวนาน
จนปจั จบุ ันถึงแมม้ ผี ลิตภณั ฑ์อื่นเขา้ มาทดแทนการใช้เสื่อกกมากมายให้เลอื ก นับตงั้ แต่เสอ่ื นา้ มัน พรม กระเบ้ืองปู
พื้น และอืน่ ๆ แตเ่ สอื่ ยงั คงเป็นของใช้ทอ่ี ยคู่ กู่ บั วัฒนธรรมชนบทต่อไป อกี ท้งั ยังยินดถี า่ ยทอดความรู้ให้กบั ผู้ท่ีสนใจ
เพ่ือให้ “เส่อื กก” ยงั คงอยู่ค่วู ฒั นธรรมไทยตอ่ ไป
19
ภมู ิปัญญาท้องถิน่
อาเภอพานทอง
“ซอสพริก” ตำรับมำบโปง่ อำเภอพำนทอง
อร่อยไม่แพ้ตำรบั ใดในโลก
ภูมปิ ัญญำกำรทำ “ซอสพรกิ ”
นำงไน่ซมิ นพรัมภำ ต.มำบโป่ง อ.พำนทอง
M.P กค็ ือ มำบโป่ง
“ซอสพรกิ M.P” ก็คือ “ซอสพริกมำบโปง่ ” ความตง้ั ใจของป้าไน้ซิม คือ อยากให้
“ซอสพรกิ M.P” เป็นที่รจู้ ักของคนในอาเภอพานทองและนกั ทอ่ งเทีย่ วได้ลม้ิ ลองความอรอ่ ย เมอ่ื มาเยอื นตาบล
มาบโปง่ อาเภอพานทอง หรือมาจงั หวัดชลบุรแี ลว้ ยงั มี “ซอสพริก M.P” ทต่ี ้องซื้อกลบั ไปรบั ประทานและเปน็
ของฝาก ถงึ จะเป็นซอสพริกเหมือนกนั แตต่ ่ำงทร่ี สชำติ
แน่นอนคนไทยนา่ จะคุ้นเคยกบั รสชาตซิ อสพรกิ ศรีราชาพานิชมากกว่า เพราะน่าจะมอี ย่างน้อยหนงึ่ ครัง้ ในชีวติ
ท่ีตอ้ งเคยราดซอสเน้ือสสี ้มลงในอาหาร
20
สว่ นผสมของซอสพริก M.P
พริกช้ีฟา้ แดง
พรกิ เหลือง
พรกิ แดง
กระเทยี ม
ดอกเกลอื
นา้ ตาลทรายแดง
นา้ ส้มสายชู
วธิ ีกำรทำ
1. ลา้ งทาความสะอาดพริกทัง้ สองชนิด พริกชฟ้ี า้ ให้ควักเอาเม็ดออก ปอกเปลอื กกระเทยี ม นาทงั้ สามอย่าง
ใสห่ ม้อเพ่อื ทาการตม้
2. เติมน้าใหท้ ่วมพรกิ ปิดฝาต้มจนพริกเปื่อยนมุ่ กระเทยี มสกุ เป็นใสๆ นา้ ต้มจะเหลือ1/3สว่ น พกั ให้เยน็ แลว้
นามาป่นั รวมกบั น้าตม้ พริกให้ละเอียดกรองด้วยกระชอนตาถี่ ๆ (หากนา้ เยอะเกินไปจะเสยี เวลาตอนต้มใหง้ วด
เพราะถา้ น้าเยอะเกินจะเกิดการแยกชน้ั น้าและเนือ้ พรกิ )
3. เม่ือกรองเสรจ็ แลว้ นาขึน้ ตม้ ใส่น้าส้มสายชู เกลอื เมือ่ เดอื ดเติมนา้ ตาลทรายแดง ชิมรสตม้ ไฟกลางใหง้ วดลง
สกั เล็กน้อยชมิ รสอีกที เม่ือได้ท่ปี ิดไฟพกั ให้เยน็ กรอกใส่ขวด (นา้ ตาลทรายแดงชว่ ยใหส้ ซี อสเข้มสวยและไม่หวาน
จดั ขวดและฝาตอ้ งทาการล้างใหส้ ะอาดลวกนา้ ร้อนพกั ให้เย็นก่อนใส่ซอสจะไดไ้ ม่บดู เก็บได้นาน)
สรปุ ว่า ซอสพรกิ ศรีราชาพานิช ถือกาเนดิ มากอ่ น “ซอสพริก M.P” ราว 50-60 ปี และซอสพริก M.P
ไดแ้ รงบนั ดาลใจจากซอสพรกิ ศรรี าชา สว่ นรสชาติเหมอื นหรือตา่ งกนั แคไ่ หน และใครอร่อยกวา่ กนั มันเปน็ เรือ่ งที่
ผูบ้ ริโภคเป็นผตู้ ัดสนิ และแม้ว่าซอสพริกศรีราชาพานิชจะเป็นสูตรด้ังเดมิ ที่เกิดมากอ่ น “ซอสพรกิ M.P” ก็ชา่ ง
เถอะ น่ันเปน็ เรือ่ งของประวตั ทิ ่มี า เพราะของอยา่ งนถ้ี ้าจะวัดกันว่าใครดกี วา่ คงต้องมาดูกนั ทร่ี สชาติ
21
ภมู ิปญั ญาทอ้ งถน่ิ
อาเภอพานทอง
ภูมปิ ญั ญำ “กำรทำไข่เคม็ ”
ผลติ ภณั ฑจ์ ำกชมุ ชนยัง่ ยืนดว้ ยภูมปิ ัญญำทอ้ งถ่ิน
นำงเสงีย่ ม ร่งุ เรอื ง
“ไขเ่ ค็ม” บ้ำนอ้อมแกว้
หมู่ท่ี 9 ตำบลมำบโป่ง
อำเภอพำนทอง จังหวดั ชลบุรี
โทร 087-7469665
ไขเ่ คม็ ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มไขเ่ คม็ ชมุ ชนบ้านอ้อมแก้ว ผ่านการรังสรรค์ดว้ ยความใส่ใจตงั้ แต่การคดั เลอื กไข่เป็ด
ท่จี ะนามาเป็นวตั ถดุ บิ หลกั ตลอดจนดินเคม็ ที่นามาพอกเปน็ ดินจากแหลง่ พเิ ศษท่ีมสี ว่ นช่วยชรู สชาตขิ องไข่เค็ม
ชุมชนบ้านอ้อมแก้ว ใหเ้ ป็นทีน่ ยิ มในกล่มุ ผ้บู รโิ ภค
นำงเสงย่ี ม รุ่งเรอื ง “พเี่ สงย่ี ม” ได้สบื ทอดภมู ิปญั ญาในการทาไข่เคม็ แบบเดมิ มาพฒั นาสูตรจนลงตวั
ได้เปน็ “ไข่เคม็ บา้ นอ้อมแกว้ ”ที่มีชือ่ เสยี งเปน็ ที่รูจ้ กั เรียกไดว้ า่ ใครไปใครมากจ็ ะซ้อื เป็นของฝากจากอาเภอพานทอง
หนง่ึ ในนั้นกต็ ้องมีไขเ่ คม็ บ้านออ้ มแกว้ ตดิ ไปด้วย การทาไข่เค็มจึงกลายเป็นอาชพี ของชาวบา้ นอ้อมแกว้ ตาบล
มาบโปง่ สินค้าจากผลติ ภัณฑก์ ารเกษตรอกี หนงึ่ ชนิดของอาเภอพานทอง สนบั สนนุ ดงั คาขวญั อาเภอพานทอง
ทวี่ า่ “เมอื งอิฐแกรง่ แหล่งเกษตร เขตอุตสาหกรรม คณุ ธรรมหมอพระ ศลิ ปะช่างทอง”
“ไขเ่ ค็ม” เป็นอาหารพน้ื บา้ นของคนไทยมาต้งั แต่สมยั โบราณ 22
และเป็นท่ีนยิ มในการบรโิ ภคของคนไทย ในทุกๆภาค การผลติ
ไข่เค็มนน้ั มีขัน้ ตอนที่ไมย่ ่งุ ยากซบั ซ้อนในการทา จึงเหมาะท่จี ะ
ส่งเสรมิ การทาไขเ่ คม็ ใหเ้ ปน็ ท่แี พร่หลายสาหรับบุคคลและชมุ ชน
ต่างๆ ทม่ี คี วามสนใจในวิชาการทาไขเ่ คม็ นี้ การผลิตไขเ่ ค็ม
ถือเป็นเทคโนโลยีชาวบ้านวิธีหน่ึงทีท่ ากนั มานานจนถึงทกุ วันน้ี
โดยเริม่ แรกจุดประสงค์ในการทาไขเ่ คม็ นน้ั เพอื่ เปน็ การยืดอายุ
การเกบ็ ของไข่เป็ดซง่ึ เหลือจากการบริโภคสด ตอ่ มาความนิยม
ในการบริโภคไข่เคม็ มมี ากขึ้น จนพัฒนาจากการผลติ ไข่เคม็ เพือ่ การบริโภคในครัวเรือนมาเปน็ ผลติ ภณั ฑเ์ พ่ือการค้า
ซงึ่ การจาหน่ายอาจจะเป็นในรปู ของผลติ ภัณฑไ์ ขเ่ คม็ เพือ่ การรับประทานโดยตรงหรอื นาไปทาไปเป็นไสข้ นม เช่น
ขนมเปยี๊ ะ ขนมไหวพ้ ระจันทร์ ขนมบะ๊ จา่ ง ตลอดจนใชเ้ ป็นสว่ นประกอบในอาหารต่างๆ ปัญหาของการผลติ ไข่เค็ม
เพ่อื การคา้ ในปจั จบุ นั คอื ไข่เค็มทีไ่ ด้มคี ณุ ภาพไม่ค่อยสม่าเสมอ เน่อื งจากขาดการควบคมุ คุณภาพและมาตรฐาน
ของไข่เคม็ โดยท่ัวไปไข่เคม็ ทม่ี ใี นตลาด เปน็ ไขเ่ ค็มท่ีดองในสารละลายเกลือและไขเ่ ค็มทีพ่ อกดว้ ยดนิ
กำรถำ่ ยทอดภมู ิปญั ญำชำวบ้ำนในกำรทำไข่เคม็
เป็นการถา่ ยทอดจากรนุ่ สูร่ ่นุ การถ่ายทอดภายในครอบครัว
กล่มุ เพื่อนรว่ มอาชพี และการถา่ ยทอดโดยจดั ในรปู ของ
แหลง่ เรียนรู้ โดยวธิ ีการบรรยาย สาธิต และลงมอื ปฏิบตั จิ ริง
เนน้ ประเดน็ การเตรียมวัตถดุ บิ และกระบวนการผลติ
มีเปา้ หมายของการถา่ ยทอดเพือ่ พัฒนา สืบทอดและอนุรกั ษ์
วัฒนธรรมการทาอาหารและการรู้จักถนอมอาหารของ
คนไทย
การทาไข่เค็มของพเี่ สงีย่ ม เร่มิ จากการสืบสานภูมปิ ญั ญาของบรรพบุรุษในการเลย้ี งเป็ดเพอ่ื ผลติ ไขเ่ ปด็ สดที่มี
คุณภาพเพ่อื ไวร้ ับประทาน มมี ากกต็ ่อยอดดว้ ยการแปรรูปเป็นไข่เค็ม มีเหลอื กน็ าไปขาย นับเปน็ ภูมิปัญญาการ
ถนอมอาหารชนิดหนึง่ วตั ถปุ ระสงค์เพื่อเก็บไวก้ นิ เป็นเวลานาน ซ่ึงวัฒนธรรมการกนิ อยแู่ บบโบราณนแ้ี ทบจะสูญ
หายไปแลว้ จากครอบครวั สมยั ใหมน่ ี้
ปัจจุบนั พเ่ี สง่ยี ม ไดท้ าบนั ทึกขอ้ ตกลงความรว่ มมอื กบั กศน.อาเภอพานทอง
ในการเปน็ ภูมิปญั ญาและแหล่งเรยี นร้ขู อง กศน.อาเภอพานทอง
หากท่านใดสนใจศกึ ษาเรยี นรู้การทาไช่เคม็ ของบ้านอ้อมแกว้
พ่เี สงีย่ มยินดีสอนให้
แบบไม่หวงสูตร
23
ภมู ิปญั ญาทอ้ งถนิ่
อาเภอพานทอง
ภูมิปญั ญำกำรเกษตรทฤษฎีใหม่
“โคก หนอง นำ โมเดล”
นอ้ มนำศำสตร์ของพระรำชำ
เกษตรทฤษฎใี หม่สกู่ ำรปฏบิ ัติ
ทำ่ มกลำงเมอื งนคิ มอุตสำหกรรม
นำยสมยศ พงษ์รำมญั (ผ้ใู หญ่สมยศ) ต.บ้ำนเกำ่ อ.พำนทอง จ.ชลบุรี
เปิด “โคก หนอง นำโมเดล” ผ้ใู หญ่สมยศ พงษร์ ำมญั ผนู้ อ้ มนำศำสตร์
พระรำชำมุง่ นำพำชำวบ้ำนพ่งึ ตนเองย่ังยืน
เปิดตน้ แบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ครัวเรือนต้นแบบของ
“ผใู้ หญ่สมยศ” ต.บ้านเก่า อ.พานทอง จ.ชลบุรี นอ้ มนาศาสตร์
ของพระราชาเกษตรทฤษฎใี หม่ สร้างพ้ืนที่แปลงเกษตร ปรบั เปล่ียน
ผสานทงั้ นาข้าว ปลกู พชื อายสุ ้นั ไมย้ ืนตน้ ขุดบ่อเล้ยี งปลา กบ และทาป๋ยุ อินทรีย์
ใช้เองครบวงจร สร้างแหลง่ เรียนรูน้ าพาชาวบ้านให้เกดิ การพึ่งพา
ตนเองอย่างย่ังยืน ท่ามกลางเมืองนิคมอตุ สาหกรรม
24
สภาพสังคมและการใช้ชวี ิตของคนในชุมชนตาบลบ้านเก่าเรม่ิ เปลีย่ นไป
นบั ตัง้ แตน่ คิ มอุตสาหกรรมเข้ามาในตาบลบา้ นเกา่ การเพมิ่ ขน้ึ ของโรงงาน
อตุ สาหกรรมขยายตัวอย่างรวดเรว็ และตอ่ เนื่อง ผคู้ นจากตา่ งถิ่นเร่มิ เข้ามา
อยูอ่ าศัยในตาบลบ้านเก่า หากสารวจกนั ดี ๆ อาจจะมีมากกว่าคนในพ้นื ท่ี
จรงิ ๆ เสียดว้ ยซา้ ความเจรญิ ทางดา้ นอตุ สาหกรรมส่งผลกระทบโดยตรง
และโดยอ้อมต่อวิถีชีวิตชาวบา้ นและสงิ่ แวดลอ้ มในพ้นื ที่
“ผใู้ หญ่สมยศ” คิดวา่ รากเง้า วถิ ีชีวิต ชุมชน และสงั คมเดิมของชาวบา้ น
ตาบลบ้านเก่าเป็นสงั คมเกษตรกรรม อย่างไรเสียกค็ งทิ้งไปไมไ่ ด้และวนั หนงึ่
คงจะเป็นที่พ่ึงอยา่ งยง่ั ยืนของชาวบา้ นหากไม่ลมื และทิ้งใหส้ ญู ไป
“โคก หนอง นา โมเดล” จึงถอื เป็นแนวคิดในการออกแบบพื้นทต่ี าม
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งของในหลวงรัชกาลท่ี 9 ซง่ึ รชั กาลท่ี 10
ทรงสบื สาน รกั ษา และต่อยอด โดยเปน็ การทาเกษตรในพื้นทีจ่ ากดั กกั เก็บ
นา้ ไวท้ ั้งบนดินและใตด้ นิ แตส่ ามารถสรา้ งประโยชนใ์ หเ้ กิดข้นึ อย่างเหน็ ผล
การบรหิ ารพน้ื ท่เี พ่ือใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสุด “โคก หนอง นาโมเดล” ซ่ึงเปน็
การออกแบบพื้นทต่ี ามศาสตร์พระราชาทส่ี ามารถนามาปรับใชไ้ ดท้ ้ังพื้นทเี่ ล็ก
และใหญ่ “พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว รชั กาลท่ี 9 ท้าอย่างไรใหม้ นี า้
เพียงพอตอ่ การเพาะปลูกและใชใ้ นชีวติ ประจา้ วัน ตลอดปแี ละมสี ้ารองไว้ใช้
ในฤดูแล้งหรือระยะฝนทิงช่วง” น่ีคอื ความประทบั ใจและแรงบันดาลใจของ
ผู้ใหญ่สมยศ ทีจ่ ะนอ้ มนาแนวคิดของพระองคม์ าใช้และถ่ายทอดให้กบั ชาวบ้าน
แนวคิดของผู้ใหญส่ มยศ คือ สร้าง โคก หนอง นา โมเดล ไว้ในตาบลบ้านเกา่
ใหเ้ ป็นสถานท่ีศึกษาดงู าน เปน็ ตน้ แบบให้ชาวบ้าน หนุ่มสาวร่นุ หลัง และ
ผู้สนใจได้มาศกึ ษาจะไดน้ าแนวคิด หลักการทางานจากการนอ้ มนาศาสตร์
พระราชา ส่กู ารปฏบิ ตั อิ ย่างต่อเนอ่ื งเปน็ รปู ธรรม มุ่งเนน้ ใหผ้ ู้ท่ีเขา้ มาศกึ ษา
ไดเ้ รยี นร้แู ละลงมอื ทาจรงิ เพอ่ื ให้เกดิ ความเข้าใจ สามารถนาไปต่อยอด
ประยกุ ต์ใชไ้ ด้จริงในพน้ื ทีข่ องตวั เอง
ทง้ั นี้ ผู้ใหญส่ มยศ ยังได้ฝากแนวคดิ ถึงผู้ทที่ าการเกษตร และผทู้ ีค่ ิดจะทาการเกษตรวา่ อย่าเร่งรีบลงทุน
ลงแรงทาให้มากจนเกินไปเพ่อื ต้องการใหเ้ กิดรายไดเ้ รว็ แท้จริงแล้วการทาการเกษตรแบบโคก หนอง นา โมเดล
เป็นการทาเกษตรดว้ ยใจ ทาไปเรอื่ ย ๆ คอ่ ยเปน็ คอ่ ยไปด้วยความรกั ความเอาใจใส่ ความมุง่ ม่นั เพราะการทา
การเกษตรต้องใชเ้ วลาระยะหนง่ึ จงึ จะเห็นผลทเ่ี ปน็ รปู ธรรมและย่ังยนื ซ่งึ หากใครสนใจสามารถมาศึกษาดงู านได้
ตนเองยนิ ดถี ่ายทอด จะได้นาไปปรับใชใ้ นการทาการเกษตรแบบพึ่งพาตนเองได้
25
ภูมปิ ญั ญาท้องถิ่น
อาเภอพานทอง
ภูมปิ ัญญำ หตั ถกรรมผกั ตบชวำ
“เปลีย่ นวัชพืชไร้คำ่ เป็นงำนสำนเกรดพรีเมยี ม”
นำงศริ ิเพ็ญ คุ้มครอง
“ผกั ตบชวำ” เจา้ พืชลอยน้า พบเห็นกันมากตามลาคลอง
จนหลายคนคิดวา่ มตี น้ กาเนดิ ในประเทศไทย ซ่งึ ความจริงแลว้
มนั มีถ่นิ กาเนิดในแถบทวปี อเมริกาใต้ โดยพืชชนิดน้เี ป็นตัวการ
สร้างปญั หาตอ่ ระบบนิเวศ ไมม่ ที างใดที่จะกาจดั ได้อย่างเดด็ ขาด
เพราะมนั สามารถปรบั ตวั อยู่ได้ในทกุ สภาพนา้ และเปน็ พชื นา้
ลม้ ลกุ อายุหลายฤดู
หัตถกรรมเครอ่ื งจักสานเป็นภูมิปญั ญาท้องถ่นิ ของชุมชนทส่ี าคญั อย่างยิ่งต่อการดารงชีวติ ตง้ั แตส่ มยั อยุธยา
จนถึงปจั จุบนั หัตถกรรมเครื่องจักสานเป็นตวั อยา่ งหนึง่ ทแี่ สดงให้เห็นถงึ ภมู ิปญั ญาอันเฉลียวฉลาดของคนไทยใน
ท้องถนิ่ ทใ่ี ช้ภมู ปิ ญั ญาสามารถนาสิ่งทีม่ อี ยูใ่ นชุมชนมาประยกุ ต์ทาเปน็ เครอ่ื งมอื เครื่องใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้
ซง่ึ มปี ระโยชนใ์ นการดารงชวี ติ
จะเห็นไดว้ า่ หตั ถกรรมเคร่ืองจกั สานมีมานานแลว้ และได้มีการพฒั นามาตลอดเวลา โดยอาศัยการถา่ ยทอด
ความร้จู ากคนรุน่ หนง่ึ ไปสู่คนอีกรุน่ หนง่ึ การดารงชวี ติ ประจาวนั ของชาวบา้ นสว่ นใหญไ่ ม่ได้เอาความรู้จากหนังสือ
มาเก่ยี วขอ้ ง การเรียนรู้ตา่ งๆอาศัยวิธีการฝึกหดั และบอกเล่าซงึ่ ไม่เป็นระบบในการบันทกึ สะทอ้ นให้เหน็ การเรยี นรู้
ความรู้ท่ีสะสมทส่ี ืบทอดกันมาจากอดตี มาถงึ ปัจจุบนั หรือท่เี รยี กกนั ว่าภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน ดงั นนั้ กระบวนถ่ายทอด
ความรจู้ ึงมคี วามสาคญั อย่างยงิ่ ท่ีทาภูมิปัญญาท้องถ่ินนัน้ คงอยูต่ ่อเน่ืองและย่ังยืน
ผลติ ภัณฑ์จำกผกั ตบชวำ ถอื ไดว้ ่าเปน็ เอกลกั ษณ์ 26
อยา่ งหน่ึง ของความเป็นไทยจากรปู แบบ ลวดลาย ความประณีตในการ
ผลิตสานกระเป๋าทีแ่ สดงความเป็นตัวของตัวเอง แตย่ ังคง
คุณสมบัตขิ องการใช้งานได้อยา่ งครบถว้ น และทนทานอีกด้วย
ทส่ี าคญั คือผลิตจากวตั ถุดบิ ธรรมชาติลว้ น ๆ
“ผกั ตบชวำ” สามารถนามาผลิตเป็นข้าวของเคร่อื งใช้
เครือ่ งประดบั อ่ืน ๆ ได้มากมาย ยงั สามารถสรา้ งงาน สร้าง
รายได้ให้กับแตล่ ะชมุ ชนอย่างกว้างขวาง เพราะตลาดมคี วาม
ต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนือ่ งโดยเฉพาะในวงการแฟชั่นปจั จุบนั
ควำมแขง็ แรงและกำรดูแลรกั ษำ
เมอ่ื สานเสรจ็ แล้ว ขนั้ ตอนตอ่ มา คอื การไล่ความชน้ื ด้วยวิธีการงา่ ยๆ คือ ตากแดด ในยุคก่อนจะทาโดย
การอบกามะถัน เชอ่ื กนั วา่ จะไม่ทาให้ขึน้ รา ซง่ึ ผดิ และมีผลต่อคนใช้ สุดทา้ ยการตากแดดธรรมชาตคิ ือดที ีส่ ดุ
ตากแดดจดั ใหแ้ ห้งสนทิ จากน้นั ทาเคลอื บเงา ถือเป็นหนึ่งในข้นั ตอนทสี่ าคัญ ใชแ้ ปรงขนละเอยี ดชุบน้ายาเคลอื บ
ทา การใชแ้ ปรงขนละเอียดจะไมท่ ิ้งรอยแปรงไว้บนชิน้ งานสาน ทาเคลือบทงั้ ด้านนอกด้านในชนิ้ งาน เพ่อื กันเชื้อรา
นาไปไลค่ วามช้นื ดว้ ยการตากแดดจดั เม่อื งานสานผักตบชวาผา่ นข้ันตอนดงั กลา่ วแลว้ ผิวจะสวย เป็นสเี หลอื งนวล
เอกลักษณ์จดุ เด่นของผลิตภัณฑ์
เปน็ งานหตั ถกรรมทม่ี เี อกลักษณโ์ ดยการใช้ภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ สร้างสรรค์งานผลติ ภัณฑ์ มคี วามประณตี
สวยงาม สามารถทาตามรปู แบบทลี่ กู ค้าตอ้ งการได้ มลี วดลายที่เป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะตัว และมีเอกลักษณ์ของ
หตั ถกรรมจกั สานผักตบชวา สามารถทาการผลิตไดห้ ลายรปู แบบ
กำรอนรุ ักษง์ ำนจักสำนผักตบชวำ นอกจากจะต้องมีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์แลว้ จาเป็นต้องสบื สานและ
พัฒนา ชา่ งฝีมือผู้สรา้ งสรรค์ มกี ารค้นหาเทคนคิ และกรรมวธิ ีในการผลิตทเ่ี หมาะสมอย่างต่อเนอื่ งควบคไู่ ปด้วย
สง่ เสรมิ การดารงอย่อู ยา่ งพอเพยี งของวตั ถดุ บิ สาหรับการสรา้ งสรรค์งานศิลปหตั ถกรรม การจกั สานน้ัน ๆ และ
การช่วยให้ความรดู้ า้ นการจดั การเพ่ือลดความเสี่ยงในการขาดทนุ และช่องทาง การจาหน่ายทห่ี ลากหลาย และ
ทันสมัยเหมาะสมกับกลมุ่ เปา้ หมายในยคุ ปจั จบุ นั ส่งเสรมิ การถา่ ยทอดความรูใ้ หเ้ ยาวชน ในทอ้ งถิ่นเขา้ มามีสว่ น
ร่วมในการพัฒนาผลติ ภณั ฑแ์ ละร่วมออกแบบผลติ ภัณฑจ์ ักสานในทอ้ งถิ่น เพื่อให้เยาวชนไดเ้ กดิ การเรยี นรู้ และ
ร่วมเปน็ ส่วนหน่งึ ในการถา่ ยทอดความรูใ้ หก้ บั เยาวชน พร้อมท้งั การได้รับการสนบั สนุนจากหนว่ ยงานภาครฐั
สถานศึกษา ควรส่งเสริมการมสี ่วนรว่ มอย่างเปน็ ระบบ หรือรว่ มกนั สืบสานงานฝีมอื
เพื่อสรา้ งรายไดใ้ ห้กับชุมชน หรอื บรรจงุ านจักสานเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในกระบวน
วชิ าการงานอาชีพเพอ่ื ให้ผูเ้ รียนเกดิ การเรียนร้แู ละมีความสนใจ
27
ภมู ิปญั ญาท้องถิ่น
อาเภอพานทอง
ภูมิปญั ญำ “จักสำนเส้นพลำสติก”
ผลิตภัณฑเ์ สน้ พลำสติก อำเภอพำนทอง
นำงสำวจรรยำ บูรณวงค์ ต.หน้ำประดู่ อ.พำนทอง จ.ชลบรุ ี
จดุ เริ่มต้นแหง่ ภูมปิ ัญญา “ดา้ นการจกั สานเส้นพลาสติก” ของนางสาวจรรยา บูรณวงค์ เกิดจากการนาพนื้ ฐาน
ความรูแ้ ละภมู ิปัญญาในการสานวัตถุดบิ จากธรรมชาติ เชน่ ไมไ้ ผ่ หวาย ปอ เปน็ ต้น ปจั จุบันนี้วัสดทุ ี่หาได้จาก
ธรรมชาติ เร่ิมหาได้ยากขึ้น จงึ ไดม้ ีการประยุกต์ใช้วัสดอุ ปุ กรณใ์ หเ้ ขา้ กบั สภาวการณป์ ัจจบุ ัน คือ การนาเส้น
พลาสตกิ มาใช้แทนวัสดุทไ่ี ดจ้ ากธรรมชาติ เพราะพลาสตกิ จะมีความแขง็ แรงคงทน และหาไดง้ า่ ย นอกจากจะสาน
เปน็ กระบงุ แล้ว สามารถนามาประยกุ ต์เปน็ กระเป๋า ตะกรา้ ลายสวยๆได้อกี หลายแบบ เกดิ เปน็ ส่ิงของเครื่องใช้ใน
ชวี ติ ประจาวันที่ใช้ไดด้ แี ละมีความเข็งแรงทนทาน จงึ เปน็ ที่นยิ มใช้ทันทุกครวั เรือน หากมีความรู้ ความสามารถจะ
ยดึ เป็นอาชพี เสริมก็สามารถทาได้ และจะเป็นการอนุรักษ์ สืบทอด ศลิ ปะการจักสานให้คงอย่ตู อ่ ไปแมจ้ ะตอ้ งมีการ
ประยุกตไ์ ปบา้ งตามสมยั นยิ ม
28
โดยคุณจรรยา บรู ณวงค์ ได้เขา้ รว่ มกลมุ่ เรียนร้วู ธิ กี ารทาสานตะกรา้ และกระเปา๋ จากเสน้ พลาสติกกบั กศน.อาเภอ
พานทอง จนเกิดความรคู้ วามชานาญดว้ ยเหตุทว่ี า่ เป็นผมู้ ีภูมคิ วามรใู้ นด้านการจักสานบ้างแล้วและเป็นผใู้ ฝเ่ รียน
ใฝ่รู้ จึงเกิดความชานาญ สามารถถ่ายทอดและให้คาแนะนากบั ผอู้ ่ืนได้
วสั ดุ อปุ กรณท์ ใ่ี ชใ้ นกำรสำนตะกร้ำ
1. กรรไกร /มีด
2. เสน้ พลาสติก
ขน้ั ตอนและวธิ กี ำรทำ
การเตรียมวสั ดุ
1. เตรยี มพลาสตกิ แม่แบบการสานตะกร้าพลาสติก
ตามความต้องการ เลือกสีเสน้ พลาสตกิ ให้เหมาะสมกนั
2. เร่ิมสานตะกร้าพลาสติกตามแม่แบบทีอ่ อกแบบไว้
เมือ่ จัดเสน้ พลาสติกแลว้ ใหน้ าเส้นพลาสติกทกุ ดา้ น
มาขดั กับลาย โดยขดั เวน้ เส้น
3. ขึน้ ลายข้างตะกร้า โดยการสานจะใช้ 3 เสน้ ในการสาน 1 รอบ
ดงึ เส้นพลาสตกิ ทีข่ ดั ไว้มาสานกบั 3 เส้นท่ขี น้ึ ลาย สานสลับเสน้
เมือ่ ขัดเสน้ ทขี่ ดั ไว้กบั ลายแล้ว ให้สานเสน้ ถัดไปเหมือนเดมิ
4. เม่อื สานเสรจ็ แลว้ ให้บีบตามขอบของตะกร้า เพอื่ ทาให้เป็นทรง
สมัยกอ่ นปู่ ย่า ตา ยาย ได้ทาการจกั สานของใชใ้ นการ ประกอบอาชพี และการดารงชีวติ โดยนาวสั ดุจากวัสดุ
ธรรมชาติมาใช้ในการจักสาน เชน่ ไม้ไผ่ หญา้ แฝก กก ผอื และอกี หลายๆ อย่าง จนก่อใหเ้ กิดงานอาชพี สบื ตอ่ กนั
มาเป็นภมู ปิ ญั ญาสลู่ ูกหลานแต่วสั ดุ อุปกรณ์จากธรรมชาตเิ หลา่ นัน้ ไมค่ งทนเทา่ ที่ควร ปัจจบุ ันความกา้ วหนา้ ทาง
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีต่างๆ เกดิ ขึ้นมากมาย ทาให้มีการดัดแปลงจาก อปุ กรณ์เหล่านีไ้ ปเป็นเสน้ พลาสตกิ
แทน โดยได้นาเอา เสน้ พลาสติกท่มี ีลักษณะคล้ายตอกแตม่ ีสีสันลวดลายที่ สวยงามและคงทนมาทาการสอน
การถ่ายทอดของ คณุ จรรยา บูรณวงค์ ไดน้ าความรทู้ ่ีได้ไปสอนเพอ่ื นๆ ในชมุ ชนเดยี วกันหรอื ผ้คู นที่อยู๋ใน
ชุมชน หม่บู ้าน หรือผู้ท่สี นใจอยากจะสานตอ่ ภูมปิ ญั ญา แสวงหาความรู้ติดตัวไว้หากฝกึ ฝนจนเกดิ ความชานาญก็
สามารถสรา้ งรายได้เลีย้ งตนเองและครอบครวั ได้ ยนิ ดใี หค้ าแนะนา
29
ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ
อาเภอพานทอง
ภมู ิปัญญำ “กำรแปรรูปสมุนไพร”
เพอ่ื ทำผลติ ภัณฑ์ในครัวเรอื น อำเภอพำนทอง
นำงพมิ พร วุฒปิ ัญญำรตั นกุล
กลุม่ แมบ่ ำ้ นพฒั นำหนองตำลงึ
71 หมทู่ ่ี 6 ตำบลหนองตำลงึ
อำเภอพำนทอง จงั หวัดชลบุรี
081-5782326
038-206156
นำงพมิ พร วฒุ ปิ ัญญำรัตนกลุ
ประธานกลุ่มแม่บ้านพฒั นาหนองตาลึง
นาสมาชกิ กลุม่ ฯ จัดทาผลติ ภัณฑใ์ นครัวเรือน
จากสมุนไพร โดยทาการแปรรปู สมนุ ไพรและ
นามาผสมผสานลงในผลติ ภัณฑท์ ่ใี ช้ในครวั เรอื น
พฒั นาคณุ ภาพผลติ ภณั ฑ์ให้มีคณุ ภาพไดม้ าตรฐานและปลอดภยั ตอ่ ผูบ้ ริโภค พร้อมสง่ เสรมิ และเผยแพรค่ วามร้กู าร
ใช้ประโยชน์ จากสมนุ ไพรใกล้ตวั ทมี่ อี ยู่ในชุมชนของตนเอง สามารถนามาแปรรปู เปน็ ผลติ ภัณฑเ์ พ่ือเพ่มิ มูลค่า
เช่น น้ายาล้างจาน แชมพู ครีมอาบน้า ครีมบารงุ ผวิ สูตรตา่ งๆ โดยยดึ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
พฒั นำวิสำหกิจชุมชนให้ยงั่ ยนื ด้วยภูมิปัญญำท้องถ่นิ 30
การรวมตวั ของกลมุ่ แม่บา้ นตาบลหนองตาลึง จดั ทาผลิตภณั ฑท์ ่ใี ชส้ าหรบั ร่างกาย โดยผสมสมนุ ไพรทีห่ าไดใ้ น
ท้องถ่ิน ในเร่ิมตน้ เปน็ การทาเพอื่ ใช้กนั เองในครัวเรอื นของสมาชิกกลุม่ แม่บ้าน และเร่มิ ผลติ จาหนา่ ยเมือ่ กศน.
อาเภอพานทอง,สานักงานเกษตรอาเภอพานทอง ,เทศบาลตาบลหนองตาลงึ ,พฒั นาชุมชนและหน่วยงานตา่ งๆ
เขา้ มาสนับสนุน ส่งเสริมต่อยอดความรู้ จนปัจจบุ นั ไดผ้ ลติ สินค้าจาหนา่ ยภายใต้แบรน “ตาลึงทอง” จนประสบ
ความสาเรจ็ สินค้าได้มาตรฐานผ่านการรับรองจาก อย. ทุกชนิด มีออเดอร์สง่ั ซ้ือเขา้ มาอยา่ งต่อเน่อื ง สรา้ งรายได้
และคณุ ภาพชวี ิตทด่ี ขี น้ึ ใหก้ ับสมาชิก โดยมีคุณปำ้ พิมพร วฒุ ิปญั ญำรตั นกุล เป็นกาลงั สาคัญหลักในการ
ขับเคล่อื นการดาเนินงานของกล่มุ
ตัวอย่ำงสนิ คำ้
ครีมอาบน้ามะขาม : ชว่ ยลดความมนั ของผิว ทาใหผ้ ิวพรรมสะอาดชมุ่ ชืน่ นมุ่ นวล
มีวิตามนิ อี ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
ครีมอาบนา้ มะเขอื เทศ : อดุ มดว้ ยสารสกัดจากมะเขอื เทศ มวี ติ ามินอี และซี
ชว่ ยให้ผิวชมุ่ ช่ืน เนียนนุ่มดมู สี ขุ ภาพดี
ครมี อาบนา้ แตงกวา : แตงกวาช่วยเพม่ิ ความชุม่ ช่ืนใหผ้ วิ ทาให้ผิวนมุ่ นวลยงิ่ ขึน้
เหมาะสาหรับคนผวิ แห้ง มีวิตามนิ อี ช่วยปกปอ้ งผวิ จาก
แสงแดด
“เราทาสนิ คา้ ตามออรเ์ ดอร์และทาเผ่ือไว้หน้รา้ นไม่มาก ไม่ทาสินคา้ กักตุน
ไว้เยอะๆ เพราะลกู คา้ จะได้สินคา้ ใหมๆ่ ทม่ี คี ณุ ภาพโดยไดก้ าหนดราคาขายสง่
ไวต้ า่ มีผลกาไรจากราคาทุนเพียงเลก็ น้อย แค่พออยไู่ ด้ เนน้ สง่ เสริมใหส้ มาชกิ
มีอาชีพเสริมเพมิ่ รายได้ ซงึ่ ก็ทาให้สมาชกิ ทุกคนอยูไ่ ด้ ชมุ ชนมีความเข้มแข็ง”
ป้าพิมพร ปราชญช์ าวบ้าน ผูพ้ ัฒนาใหว้ สิ าหกจิ ชมุ ชนเกิดความยง่ั ยนื
ด้วยหลักคดิ ในเรอื่ งของ การพ่งึ พาตนเอง การออม การรวมกล่มุ สามคั คี
มงุ่ มนั่ ซอื่ สัตย์
31
ภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ
อาเภอพานทอง
ภมู ิปญั ญำ “กำรเล้ยี งปลำนลิ ”
ปลำนิล ปลำนำ้ จืดตำ่ งแดนสูเ่ ส้นทำงสตั วเ์ ศรษฐกจิ ของไทย
เลีย้ งดูตำมแบบภูมปิ ัญญำไทย
นำยตะวนั มีสะอำด ตำบลเกำะลอย อำเภอพำนทอง
ปลำนลิ เปน็ ปลาทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มอย่างแพร่หลายในหมู่ประชาชนชาวไทย มีต้นกาเนดิ มาจากพนั ธุป์ ลา Nile
tilapia จานวน 50 ตวั ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิอากิ ฮโิ ต เม่ือครัง้ ทรงดารงพระอสิ รยิ ยศมกฏุ ราชกุมารแหง่ ประเทศ
ญี่ปุน่ ไดน้ อ้ มเกลา้ นอ้ มกระหมอ่ มถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว เมอ่ื วันท่ี 25 มีนาคม พ.ศ. 2508
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้เลย้ี งไวใ้ นบอ่ ที่สวนจติ รลดา พระราชวังดุสิต จนแพร่
ขยายพันธุเ์ ปน็ จานวนมาก โดยพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ไดพ้ ระราชทานชื่อให้ และใหเ้ ปน็
อาหารแกค่ นไทย
32
เทคนิคการเลี้ยงปลานิลของ พ่ตี ะวัน ทพี่ เิ ศษกวา่ เกษตรกรอน่ื ๆ คือ การปลอ่ ยกุง้ ขาวเพอ่ื เลยี้ งรว่ มกบั ปลานิลแปลง
เพศเป็นเทคนิคการเลยี้ งสัตวน์ า้ แบบผสมผสาน ที่สามารถเพิม่ รายได้ให้กับเกษตรกรได้โดยท่ีการเลย้ี งกุง้ ขาวในบ่อ
ปลานิลแปลงเพศไม่ต้องให้อาหาร เพราะกงุ้ ขาวสามารถเก็บเศษอาหารของปลานลิ ทีก่ นิ เหลอื ไวห้ รอื ไมห่ มด เลยี้ ง
เป็นระยะเวลา 2-3 เดอื นจนไดข้ นาดท่ีสามารถเก็บเกยี่ วได้ วธิ กี ารเก็บเก่ียว พี่ตะวนั จะใช้อปุ กรณท์ เ่ี รียกวา่ “ไอ้โง”่
ซง่ึ เปน็ ลกั ษณะคลา้ ยลอบท่ีทามาจากตาขา่ ยท่ีมขี นาด ตาประมาณ 2.5 เซนตเิ มตร โดยตอนกลางคืนจะนาไปใส่ไว้
ในบ่อและตอนเชา้ จะเก็บขึน้ มาและสามารถเก็บเกี่ยวกุ้งขาวไดท้ ุกวนั จนกระท่งั จับปลานิลขายกุ้งขาวก็จะหมดบอ่
พอดี แต่หากว่าก้งุ ขาวมีอตั รารอดน้อยหรือระยะเวลาในการเลยี้ งปลานิลยาวขึน้ อาจลงกงุ้ ขาวเพ่ิมได้ ท้งั นข้ี ึ้นอยู่กบั
ความเหมาะสม สาหรบั ประโยชน์ของการเลี้ยงกุ้งขาวกับปลานลิ นอกจากเกษตรกรจะมรี ายได้เพิ่มข้ึนแลว้ จะทาให้
สามารถลดลดปรมิ าณเศษอาหาร หรอื ของเสียทีพ่ น้ื กน้ บอ่ ไดม้ ากข้ึนและก้งุ ขาวทเ่ี ลีย้ งควบคู่กบั ปลานิลน้ันมีขนาด
เสมอกันเกือบทัง้ หมดจงึ ทาให้ เกษตรกรขายได้ในราคาดี พต่ี ะวนั จึงเปน็ ผหู้ นึ่งที่คิดหาวิธีการเพ่ิมรายไดใ้ ห้แก่
ตนเอง และสง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เลยี้ งปลาคนอ่ืน ๆ เลีย้ งวธิ เี ดียวกนั น้ี
ทผ่ี ่านมามรี ายการโทรทัศนแ์ ละหน่วยงานต่าง ๆ เขา้ มาศกึ ษาดงู านและถ่ายทารายการอย่หู ลายแห่งซึง่ พต่ี ะวนั
กไ็ ดถ้ ่ายทอดความรแู้ บบหมดไมม่ ีปิดบัง เพราะอยากให้เกษตรกรผเู้ ล้ยี งปลานลิ ทกุ คนประสบความสาเรจ็ มีรายได้
เสรมิ จากการขายกุง้ ระหวา่ งรอขายปลา ซ่ึงเทคนิควธิ ีการเลี้ยงและรายละเอยี ดอนื่ ๆ ยงั มอี ีกมาก
“ทา่ นใดสนใจศกึ ษาการเล้ยี งปลานิลบอ่ ดนิ หรอื การ
เลีย้ งกุ้งขาวร่วมกบั ปลานิลเพอ่ื เพิ่มรายได้และเทคนิค
อนื่ ๆ ยนิ ดีใหค้ าแนะนา สามารถติดต่อไดท้ ่ี
แหลง่ เรยี นรูก้ ารเลี้ยงสัตว์น้าบา้ นกลมุ่ เอน
ตาบลเกาะลอย อาเภอพานทอง จังหวัดชลบรุ ี
หรือประสานผ่านทาง
กศน.อาเภอพานทองก็ได้”
33
ภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่
อาเภอพานทอง
ภูมปิ ญั ญำ “กำรเย็บตับจำก”
ภูมิปญั ญำพืน้ บ้ำน
หัตถกรรมจักสำนตบั จำกมุงหลงั คำ
นำยประกจิ บญุ รอด
ตำบลบำงหัก อำเภอพำนทอง จังหวัดชลบรุ ี
การเยบ็ ตับจากเพอ่ื มุงหลังคา เปน็ ภูมปิ ญั ญาชาวบ้านของตาบลบางหัก อาเภอพานทอง ทีม่ ีมาแต่โบราณ เปน็ การ
นาต้นจากทขี่ น้ึ อยู่หนาแน่นริมแมน่ ้าบางปะกง หรือทีช่ าวบา้ นเรียกกันว่า ป่าจาก ทรพั ยากรในทอ้ งถนิ่ มาใช้ใหเ้ กิด
ประโยชนแ์ ละเป็นการดแู ลรักษาตน้ จากไปในตัว เพราะตน้ จากในแตล่ ะปคี วรจะมกี ารตัดเพ่ือไมใ่ หใ้ บล้มทบั กันไป
มาจนทาให้ตน้ โทรม
ดดดดกาดรเดย็บดจดากดขอดง ด“คดุณดอาดปรดะกดจิ ดบดุญดรอดดด” เดริม่ ดจาดกกดาดรเรดยี นดรดู้จาดกพด่อดแดม่ ชด่วดยกดนั ทดาดใชดเ้ องดในดคดรอดบคดรัวด
แมดลีตะ้นดทจดาาจกดามหาดนกา่มดยาแดยกปด่เรพะดื่อกนอดบบดา้กนับดจมนดคี มวดีคาวมดารมักดชในาดนงาดานญดทเพี่พดรอ่ าแดะมใด่ไนดสดส้ วืบนดทดอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ไว้จึงทาต่อมาเรอื่ ยๆ จนถงึ ปัจจดุบันดแลดะดไดด้ถา่ ดยทดอดดตดอ่ ยดงั ลดูกดหลดานดดดดดดดด
เพ่ือมใิ หภ้ ูมปิ ัญญาการเย็บจากสญู หายไปกบั โลกยุคโลกาภิวฒั น์
ปัจจบุ ันการมงุ หลงั คาดว้ ยตบั จากส่วนมากจะนาไปมงุ สานกั สงฆ์
ฟาร์มเหด็ กระต๊อบ บอ่ กุ้ง บ่อปลา รสี อร์ท เพราะเป็นของท่ไี ด้
จากธรรมชาติ เย็น อย่สู บาย
ในการทาตบั จากจะใช้ใบจาก ตอกคล้า และทางจากผา่ ซีก 34
ทาเปน็ ไม้กา้ นใบจาก จะไมใ่ ชใ้ บอ่อน เพราะไม่ทนทานและแตกง่าย
ตอกคล้า นาต้นคล้ามาผ่า ตน้ หนงึ่ ได้ 8 เส้น ตากแดดให้แห้ง
ทใี่ ช้คลา้ ในการเย็บเพราะเหนียวและทน บางรายอาจจะใช้หวายเย็บ
แตจ่ ะเย็บยากกวา่ คล้าเพราะหวายจะมขี ้อ เวลาเยบ็ จะติดไม้กา้ น
ใชท้ างจากนามาผ่าซีก ตดั เป็นท่อนยาว 1.10-1.30 เมตร เม่อื นาไป
ตากแดด ขอบจะม้วนเข้าหากนั เมื่อแห้ง ในการเย็บตับจาก
นาไมก้ า้ นวางไวแ้ ลว้ เอาใบจากสองใบมาวางเรยี งกนั เย็บจากข้างบนลงข้างลา่ งแลว้ เอาใบจากคู่ต่อไปมาวางเรียงตอ่
กนั อกี ทาไปจนหมดตับ นาไปตากให้แห้งเพอ่ื สง่ ขายไว้มงุ หลังคาต่อไป
สมยั กอ่ นชาวบางหักทีม่ บี า้ นอยรู่ ิมน้าและมีปา่ จาก จะเย็บตบั จากเปน็ แทบทกุ บ้าน เพอื่ ใชเ้ องหรือเพือ่ ขาย
ปัจจุบนั ในตาบลบางหัก อาเภอพานทอง จงั หวดั ชลบรุ ี เหลือคนทาตับจากแค่ไม่กีร่ าย บางคนก็กาลังจะเลิกทา
เพราะอายุมาก ถามถึงสาเหตทุ ีไ่ ม่มคี นร่นุ ใหม่ทา ทกุ คนพดู เปน็ เสยี งเดียวกันว่า เป็นงานท่หี นัก แต่ได้รายได้นอ้ ย
คอื รายได้ในการเย็บตับจาก ตับละ 2.50-2.90 บาท ในสมยั ทยี่ งั หนุ่มสาวเย็บได้ 100 กว่าตบั ตอ่ วนั แตเ่ ดีย๋ วน้ีอายุ
มากทาใหเ้ ยบ็ ได้ 50-60 ตบั ต่อวัน ทาให้คนหนุม่ สาวหนั ไปทางานโรงงานที่มีรายไดด้ กี วา่ และไมเ่ หนอ่ื ยเทา่
กำรถ่ำยทอด/สบื ทอด/เผยแพร่
ลักษณะการถ่ายทอดของ คุณอาประกจิ เป็นการถา่ ยทอดโดยการลงมือทาจรงิ ใหล้ กู หลานดู จากความรทู้ ี่
บรรพบุรุษ ปูย่ า่ ตายาย ได้ถ่ายทอดนเ้ี องทาให้สืบตอ่ กันมาจนถงึ ปัจจบุ นั มีการพัฒนาจากของเดิมท่ีเคยมเี คยทาใน
อดีตให้เหมาะสมกบั วถิ ชี วี ิตปัจจบุ ัน ส่วนการเผยแพร่ของ คณุ อาประกิจ น้ันจะใช้วธิ กี ารเดียวกับสมยั ที่ตนเองได้
รบั มาคอื การบอกต่อพดู คุย การลงมือทาใหเ้ ห็น แตไ่ ม่มีการจดบนั ทกึ เปน็ ตาราท่ีเปน็ ลายลักษณอ์ ักษรทชี่ ดั เจน
ปญั หาอุปสรรคสว่ นใหญ่เกิดจากการท่ีคนในปัจจุบันไม่นยิ มใช้
จากมุงหลงั คาหรอื นามาใชป้ ระโยชน์ ทัง้ ผทู้ ี่สืบทอดอาชีพการ
เยบ็ จากกน็ บั วนั แต่จะลดนอ้ ยลงทุกที เพราะส่วนใหญม่ ่งุ สง่ ลกุ
เรยี นหนังสือสงู ๆ จนไมห่ ันกลับมามองภมู ิปัญญาดงั้ เดิมของ
บรรพบรุ ษุ และการเย็บจากเปน็ อาชพี ที่ตอ้ งใช้ความอดทน
เหนื่อยมาก ใชเ้ วลามาก ใชฝ้ มี ือ ใช้ประสบการณ์มากแต่
รายไดก้ ลบั นอ้ ย
35
ภูมิปัญญาท้องถิ่น
อาเภอพานทอง
ภมู ิปญั ญำกำรแปรรูปผลิตภณั ฑป์ ลำ
“ปลำนลิ แดดเดยี ว”
จับปลำแปรรปู ส่มู ำตรฐำน GAP
นำงจนั ทนำ สขุ ถำวร
เลขที่ 18/5 หมทู่ ่ี 5 ตำบลโคกขห้ี นอน อำเภอพำนทอง จังหวดั ชลบุรี
ตาบลโคกข้ีหนอน อาเภอพานทอง จงั หวัดชลบรุ ี ชาวบา้ นส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม คีอ เล้ยี งปลา
เล้ยี งกงุ้ ทานา เรยี กไดว้ ่าเปน็ พน้ื ทกี่ ารเกษตรของอาเภอพานทอง ดังคาขวัญของอาเภอทวี่ ่า “เมืองอฐิ แกรง่
แหล่งเกษตร เขตอุตสาหกรรม คุณธรรมหมอพระศลิ ปะช่างทอง” ซง่ึ เกษตรกรส่วนใหญ่นยิ มเล้ียง “ปลานิล”
เน่ืองด้วยเปน็ ปลาท่เี ลีย้ งง่าย โตเร็ว ทนทานต่อโรค และดว้ ยการทเี่ ป็นท่นี ิยมเล้ยี งกนั มาก บางชว่ งปลานลิ ล้นตลาด
ราคาตกต่า นำงจนั ทนำ สขุ ถำวร หรอื ท่ีชาวบ้านเรียกกันว่า “ผู้ใหญ่น้องเล็ก” จึงมแี นวคิดนาปลานลิ มาแปรรปู
เปน็ ปลานิลแดดเดยี ว เพิม่ มูลค่าสินคา้ เพอ่ื จะจาหน่ายในราคาทีส่ ูงข้ึน
ผใู้ หญ่นอ้ งเล็ก ได้พฒั นาสูตร กระบวนการทาปลาแดดเดยี ว
จากภมู ิปญั ญาของบรรพบรุ ษุ ผสมผสานกับความร้ใู หมท่ ่ีได้เรียนรู้
มาปรับปรุงจนได้สตู รทลี่ งตวั ปัจจุบนั ปลานลิ แดดเดยี วของตาบล
โคกขห้ี นอน เปน็ ทร่ี ูจ้ ักและขน้ึ ช่อื ว่าเป็นปลาแดดเดียวทอ่ี ร่อย
ไมม่ กี ลิ่นคาว ไมม่ กี ลน่ิ โคลน เป็นของฝากจากอาเภอพานทอง
ท่ใี ครไปใครมาก็ตอ้ งถามหา
ปลำแดดเดยี ว เป็นอาหารพื้นบา้ นของคนไทยเกดิ จากภมู ปิ ญั ญาท้องถิน่ 36
ทช่ี าวบ้านสมัยก่อนนามาใช้ถนอมอาหาร เพื่อจะได้เกบ็ ปลาไวก้ นิ นาน ๆ
นิยมผลติ โดยนาปลาสดทัง้ ตวั ท่ตี ัดแตง่ แลว้ ล้างให้สะอาด อาจปรุงรส
ด้วยเครื่องปรงุ รส เครอ่ื งเทศและสมุนไพร เช่น นา้ ตาล น้าปลา น้าผึง้
เกลอื ซีอิว๊ ขาว กระเทยี ม รากผักชี พริกไทย และผงพะโล้ หมกั ใหเ้ ขา้ กนั
ทาใหแ้ หง้ โดยการใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ ปลาแดดเดยี วจะมี
ประโยชนโ์ ดยเป็นแหลง่ โปรตีน และแคลเซียมใหแ้ ก่ผู้บริโภค แต่หาก
ผ่านการผลิตทไี่ ม่สะอาดก็อาจมเี ช้อื กอ่ โรคร้ายแฝงมาไดใ้ นทกุ ขั้นตอน
การผลิต
ผู้ใหญ่น้องเลก็ กล่าววา่ “ปลานิลอยู่คู่กบั คนไทยมานาน แรงบันดาลใจ
ในการทา้ ธรุ กจิ นมี าจากในสมัยท่ยี งั เป็นผู้ใหญบ่ า้ น อยากให้ชาวบ้าน
มีรายไดเ้ พิม่ ขึน จงึ หาวธิ ีการสรา้ งรายไดจ้ ากอาชีพเดมิ และทรพั ยากร
ทีม่ ีในท้องถ่นิ จึงได้นา้ ภมู ปิ ัญญาดังเดิมของปู่ยา่ ตายายมาปรับปรุงพฒั นา
ต่อยอด จนเปน็ ผลิตภัณฑน์ ี”
ขณะเดียวกันปลานิลแดดเดยี วทั่วไปท่มี ีขายจะไดย้ นิ ขา่ วเรอื่ ง
ความสะอาดไม่ดี กงั วลเร่อื งปนเปื้อนสารเคมอี ยูบ่ อ่ ยคร้ัง ทาให้มี
ความตง้ั ใจอยากจะใช้เทคโนโลยเี ขา้ มาช่วยผลติ ให้ได้คณุ ภาพ ท่ดี ี
สะอาด ถูกหลักอนามยั และปลอดภยั จึงได้เรม่ิ ตน้ เลย้ี งและแปรรูป
ปลานิล สาหรบั การผลติ นัน้ ใชเ้ ครอื่ งจักรเข้ามาช่วย ขอดเกล็ดปลา
ตดั หวั และควักไส้ปลา ส่วนบอ่ เลีย้ งปลาก็ใหม้ ีการจัดการเรอ่ื งความสะอาด
ได้งา่ ย มีการตรวจฟาร์มตามมาตรฐาน GAP ไม่ใชย้ าเคมฉี ีดพ่นฆ่าหญา้
ในบ่อ ผลิตในโรงเรือนที่ไดม้ ีการตรวจรบั รองมาตรฐาน
ปัจจุบันนอกจำกมีปลำนิลแดดเดยี วทแ่ี ลเ่ นือ้ เป็นชน้ิ ยังมปี ลำนิล
แดดเดยี วแล่เป็นชิน้ ทอด ไร้กำ้ งพรอ้ มรบั ประทำน บรรจุในถงุ พีวซี ี
สญุ ญำกำศ สะอำด ถกู หลักอนำมยั
ท่านใดสนใจศกึ ษาวธิ กี าร กระบวนการผลิต อยากสอบถาหรอื
ศกึ ษาดูงาน ผใู้ หญน่ อ้ งเลก็ ยนิ ดถี า่ ยทอดอยา่ งเต็มท่ี โดยสามารถตดิ ต่อ
ได้โดยตรงหรอื ผ่านทาง กศน.อาเภอพานทองกไ็ มม่ ีปญั หา
คณะผจู้ ัดทำ
ท่ีปรึกษำ
นายอนุชา พงษ์เกษม ผอู้ านวยการสานกั งาน กศน.จงั หวดั ชลบรุ ี
นางสาวอุไรรตั น์ ชนะบารงุ รองผ้อู านวยการสานักงาน กศน.จงั หวดั ชลบุรี
นางสาวสมใจ เกดิ พลู ผล ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอพานทอง
นางสาวอาภรณ์ ศรแี สงทอง ครูชานาญการ
นายกฤษชัย ใจกล้า ครู
นางสาวระพพี ร วงคม์ น ครผู ูช้ ว่ ย
นางสาวศศิธร รักษาสุข ครอู าสาสมัครฯ
ขอ้ มลู /ภำพประกอบ
นายเชาวฤทธ์ิ สายสดุ ตา ครู กศน.ตาบลพานทอง
นายจริ พงษ์ ลิม้ ภกั ดี ครู กศน.ตาบลหนองหงษ์
นายสชุ น บญุ พมิ พ์ ครู กศน.ตาบลโคกข้ีหนอน
ว่าที่ร้อยตรบี ญั ชา สาระวนั ครู กศน.ตาบลบ้านเก่า
นางสาวกาญจนา คุณสมบตั ิ ครู กศน.ตาบลเกาะลอย
นางสาวพชิ ญา ศิลาปัง ครู กศน.ตาบลหนองกะขะ
นางสาวปวชิ ญาดา เขม็ ร่งุ ครู กศน.ตาบลหนา้ ประดู่
นางสาวณฐั ทิตา พูลชนะ ครู กศน.ตาบลบางหัก
นางสาวจริ อรสมุ น จณิ ห์ชญาเกตุแกว้ ครู กศน.ตาบลบางนาง
นางสาวสุธดิ า เนาวรตั น์ ครู กศน.ตาบลมาบโปง่
รวบรวม เรยี บเรยี งขอ้ มลู /ภำพประกอบ/พิมพ์/ออกแบบ
นางสาวสุชาดา ตรงกบั ใจ บรรณารักษห์ ้องสมุดประชาชนอาเภอพานทอง
***********************************
40
41