The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานผลโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประจำปีงบประมาณ 2564 วันที่ 12 มีนาคม 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebookchon, 2023-08-05 02:50:31

รายงานผลโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประจำปีงบประมาณ 2564 วันที่ 12 มีนาคม 2564

รายงานผลโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประจำปีงบประมาณ 2564 วันที่ 12 มีนาคม 2564

46 23 หลักกำรทรงงำน ข้อที่ 1 จะท ำอะไรต้องศึกษำข้อมูลให้เป็นระบบ การที่จะพระราชทานโครงการใดโครงการหนึ่ง จะทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบ ทั้งจากข้อมูล เบื้องต้นจากเอกสาร แผนที่ สอบถามจากเจ้าหน้าที่นักวิชาการและราษฎรในพื้นที่ ให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง เพื่อที่ จะพระราชทานความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว ตรงตามความต้องการของประชาชน ข้อที่ 2 ระเบิดจำกภำยใน พระองค์ทรงมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาคน ทรงตรัสว่า “ต้องระเบิดจากข้างใน” หมายความว่า ต้องสร้างความเข้มแข็ง ให้คนในชุมชนที่เราเข้าไปพัฒนาให้มีสภาพพร้อมที่จะรับการพัฒนาเสียก่อน แล้วจึงออกมาสู่สังคมภายนอก มิใช่ การน าเอาความเจริญหรือบุคคลจากสังคมภายนอกเข้าไปหาชุมชนหมู่บ้าน ที่ยังไม่ทันได้มีโอกาสได้เตรียมตัว หรือ ตั้งตัว ข้อที่ 3 แก้ปัญหำจำกจุดเล็ก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปี่ยมไปด้วยพระอัจฉริยภาพในการแก้ไขปัญหา ทรงมองปัญหาในภาพรวม (Macro) ก่อนเสมอ แต่การแก้ปัญหาของพระองค์จะเริ่มจากจุดเล็ก ๆ (Micro) คือ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ คนมักจะมองข้าม ข้อที่ 4 ท ำตำมล ำดับขั้น ในการทรงงานของพระองค์จะทรงเริ่มต้นจากสิ่งที่จ าเป็นของประชาชนที่สุดก่อน ได้แก่ สาธารณสุข เมื่อมีร่างกาย สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ก็จะสามารถท าประโยชน์ด้านอื่น ๆ ต่อไปได้ จากนั้นจะเป็นเรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และสิ่งจ าเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหล่งน้ า เพื่อการเกษตร การอุปโภค บริโภค ที่เอื้อประโยชน์ต่อ ประชาชนโดยไม่ท าลายทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการให้ความรู้ทางวิชาการ และเทคโนโลยีที่เรียบง่าย เน้นการ ปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถน าไปปฏิบัติได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด ข้อที่ 5 ภูมิสังคม ภูมิศำสตร์ สังคมศำสตร์ การพัฒนาใด ๆ ต้องค านึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณนั้นว่าเป็นอย่างไร และสังคมวิทยาเกี่ยวกับนิสัยใจคอ ของคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละท้องถิ่นที่มีความแตกต่างกัน ข้อที่ 6 ท ำงำนแบบองค์รวม ทรงมีวิธีคิดอย่างองค์รวม (Holistic) หรือมองอย่างครบวงจรในการที่จะพระราชทานพระราชด าริเกี่ยวกับโครงการ หนึ่งนั้น จะทรงมองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และแนวทางแก้ไขอย่างเชื่อมโยง ดังเช่น กรณีของ “ทฤษฎีใหม่” ที่ พระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทยเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพแนวทางหนึ่งที่พระองค์ทรงมองอย่างองค์รวม ตั้งแต่การถือครองที่ดิน โดยเฉลี่ยของประชาชนคนไทยประมาณ ๑๐-๑๕ ไร่ การบริหารจัดการที่ดิน และแหล่งน้ า อันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ส าคัญในการประกอบอาชีพ เมื่อมีน้ าในการเกษตรแล้วจะส่งผลให้ผลผลิตดีขึ้น และหากมี ผลผลิตมากขึ้นเกษตรกรต้องรู้จักวิธีการจัดการ และการตลาด รวมถึงการรวมกลุ่มรวมพลังชุมชนให้มีความเข้มแข็ง เพื่อพร้อมที่จะออกสู่การเปลี่ยนแปลงของสังคมภายนอกได้อย่างครบวงจรนั้น คือ ทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ ๑, ๒ และ ๓ ข้อที่ 7 ไม่ติดต ำรำ การพัฒนาตามแนวพระราชดาริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีลักษณะของการพัฒนาที่อนุโลม และรอมชอม กับสภาพธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และสภาพของสังคมจิตวิทยาแห่งชุมชน “ไม่ติดต ารา” ไม่ผูกมัดติดกับวิชาการ และเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงของคนไทย


47 ข้อที่ 8 ประหยัด เรียบง่ำย ประชาชนชาวไทยทราบกันดีว่าเรื่องส่วนพระองค์ก็ทรงประหยัดมากดังที่เราเคยเห็นว่า หลอดยาสีพระทนต์นั้นทรง ใช้อย่างคุ้มค่าอย่างไร หรือฉลองพระองค์แต่ละองค์ทรงใช้อยู่เป็นเวลานาน ขณะเดียวกันการพัฒนา และช่วยเหลือ ราษฎรทรงใช้หลักในการแก้ปัญหาด้วยความเรียบง่าย และประหยัด ราษฎรสามารถท าเองได้ หาได้ในท้องถิ่น และ ประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาคนั้น ๆ มาแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องลงทุนสูง หรือใช้เทคโนโลยีที่ไม่ยุ่งยากนัก ข้อที่ 9 ท ำให้ง่ำย ท าอะไรให้ง่ายๆ ท าให้ชีวิตง่าย โปรดรับสั่งท าสิ่งยากๆ ให้กลายเป็นิส่งที่ง่ายๆ นักข่าวชาวฝรั่งเศสถามพระองค์ว่า พระองค์ทรงงานแบบใด ท่านตรัสตอบเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า“ซิมปลีฟีเย่” ซึ่งภาษาอังกฤษแปลว่า ซิมพลีฟาย (simplify) ภาษาไทยแปลว่า ท าให้ง่ายคนส่วนใหญ่ชวนท าสิ่งง่ายๆ ให้เป็นสิ่งยากๆ ผมบอกเจ้าหน้าที่งานยาเสพ ติดว่า ถ้าใครโทรศัพท์มาของความช่วยเหลือ ให้ถามเขาค าแรกว่า “คุณจะให้ผมไปหาคุณหรือคุณจะมาหาผม เดี๋ยวนี้” ข้อที่ 10 กำรมีส่วนร่วม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงทรงน า “ประชาพิจารณ์” (Public Hearings) มาใช้ใน การบริหาร เพื่อเปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชน หรือเจ้าหน้าที่ทุกระดับได้มาร่วมกันแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่องที่จะต้องค านึงถึงความคิดเห็นของประชาชน หรือความต้องการของสาธารณชน ข้อ 11 ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม การปฏิบัติในพระราชกรณียกิจ และการพระราชทานพระราชด าริในการพัฒนาและช่วยเหลือพสกนิกรของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงระลึกถึงส่วนรวมเป็นส าคัญ ข้อที่ 12 บริกำรที่จุดเดียว One Stop Services การบริการรวมที่จุดเดียว เป็นรูปแบบการบริการแบบเบ็ดเสร็จที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกใน ระบบบริหารราชการแผ่นดินของประเทศไทย โดยทรงให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชด าริ เป็นต้นแบบในการบริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว เพื่อประโยชน์ที่จะมาขอใช้บริการจะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย โดยจะมีหน่วยงานราชการต่าง ๆ มาร่วมด าเนินการและให้บริการประชาชน ณ ที่แห่งเดียว ข้อที่ 13 ใช้ธรรมชำติช่วยธรรมชำติ ทรงเข้าใจถึงธรรมชาติ และต้องการให้ประชาชนใกล้ชิดกับธรรมชาติ ทรงมองอย่างละเอียดถึงปัญหาธรรมชาติ หากเราต้องการแก้ไขธรรมชาติ จะต้องใช้ธรรมชาติเข้าช่วยเหลือ อาทิ การแก้ไขปัญหาป่าเสื่อมโทรม ได้พระราชทานพระราชด าริ การปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก ปล่อยให้ธรรมชาติช่วยในการฟื้นฟูธรรมชาติ หรือ แม้กระทั่งการปลูกป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง ข้อที่ 14 ใช้อธรรมปรำบอธรรม ทรงน าความจริง ในเรื่องความเป็นไป แห่งธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของธรรมชาติมาเป็นหลักการ แนวปฏิบัติที่ ส าคัญในการแก้ปัญหาและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาวะที่ไม่ปกติเข้าสู่ระบบที่เป็นปกติ เช่น การท าน้ าดี ขับไล่น้ า เสีย หรือเจือจางน้ าเสียให้กลับเป็นน้ าดี ตามจังหวะการขึ้นลงตามธรรมชาติของน้ า การบ าบัดน้ าเน่าเสียโดยใช้ ผักตบชวา ซึ่งมีตามธรรมชาติให้ดูดซึมสิ่งสกปรกปนเปื้อนในน้ า ดังพระราชด ารัสความว่า “ใช้อธรรมปราบอธรรม”


48 ข้อที่ 15 ปลูกป่ำในใจคน เป็นการปลูกป่าลงบนแผ่นดิน ด้วยความต้องการอยู่ของมนุษย์ ท าให้ต้องการบริโภค และใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างสิ้นเปลือง เพื่อประโยชน์ของตนเอง และสร้างความเสียหายให้แก่สิ่งแวดล้อมไม่รู้จักพอ ปัญหาความไม่สมดุล จึงบังเกิดขึ้น ดังนั้นในการฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับคืนมาจะต้องปลูกจิตส านึกในการรักผืนป่าให้แก่คนเสียก่อน ข้อที่ 16 ขำดทุนคือก ำไร หลักการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่มีต่อพสกนิกรไทย “การให้” และ “การเสียสละ” เป็นการ กระท าอันมีผลเป็นก าไร คือความอยู่ดีมีสุขของราษฎร ข้อที่ 17 กำรพึ่งตนเอง การพัฒนาตามแนวพระราชด าริ เพื่อการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นด้วยการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้มีความ แข็งแรงพอที่จะด ารงชีวิตได้ต่อไป แล้วขั้นต่อไปก็คือ การพัฒนาให้ประชาชนสามารถอยู่ในสังคมได้ตาม สภาพแวดล้อม และสามารถพึ่งตนเองได้ในที่สุด ข้อที่ 18 พออยู่พอกิน ให้ประชาชนสามารถอยู่อย่าง “พออยู่พอกิน” ให้ได้เสียก่อน แล้วจึงค่อยขยับขยายให้มีขีดสมรรถนะที่ก้าวหน้า ต่อไป ข้อที่ 19 เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระราชด ารัสชี้แนะแนวทางการด าเนินชีวิต ให้ด าเนินไปบน “ทางสายกลาง” เพื่อให้รอดพ้นและสามารถด ารงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และการ เปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งปรัชญานี้สามารถน าไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งระดับบุคคล องค์กร และชุมชน ข้อที่ 20 ควำมซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อกัน “คนที่ไม่มีความสุจริต คนที่ไม่มีความมั่นคง ชอบแต่มักง่ายไม่มีวันจะสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวมที่ส าคัญอันใดได้ ผู้ที่มีความสุจริต และความมุ่งมั่นเท่านั้น จึงจะท างานส าคัญยิ่งใหญ่ที่เป็นคุณเป็น ประโยชน์แท้จริงที่ส าเร็จ” พระราชด ารัส เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๒๒ “ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม้จะมีความรู้น้อยก็ย่อมท าประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้ มากกว่าผู้ที่มีความรู้มาก แต่ไม่มีความสุจริต ไม่มีความบริสุทธิ์ใจ” พระราชด ารัส เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ๒๕๓๓ “ผู้ว่า CEO ต้องเป็นคนที่สุจริต ทุจริตไม่ได้ ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียวก็ขอแช่งให้มีอันเป็นไป ข้าราชการหรือ ประชาชนที่มีการทุจริต ถ้ามีทุจริตแล้วบ้านเมืองพัง ที่เมืองไทยพังมาเพราะมีการทุจริต” พระราชด ารัส เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๔6 ข้อที่ 21 ท ำงำนอย่ำงมีควำมสุข ท างานต้องมีความสุขด้วย ถ้าเราท าอย่างไม่มีความสุขเราจะแพ้ แต่ถ้าเรามีความสุขเราจะชนะ สนุกกับการท างาน เพียงเท่านั้น ถือว่าเราชนะแล้ว หรือจะท างานโดยค านึงถึงความสุขที่เกิดจากการได้ท าประโยชน์ให้กับผู้อื่นก็ สามารถท าได้“…ท างานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกัน ในการท าประโยชน์ให้กับ ผู้อื่น…”


49 ข้อที่ 22 ควำมเพียร การเริ่มต้นท างานหรือท าสิ่งใดนั้นอาจจะไม่ได้มีความพร้อม ต้องอาศัยความอดทน และความมุ่งมั่น ดังเช่นพระราช นิพนธ์“พระมหาชนก” กษัตริย์ผู้เพียรพยายามแม้จะไม่เห็นฝั่งก็จะว่ายน้ าต่อไป เพราะถ้าไม่เพียรว่ายก็จะตกเป็น อาหารปูปลาและไม่ได้พบกับเทวดาที่ช่วยเหลือมิให้จมน้ า ข้อที่ 23 รู้ รัก สำมัคคี รู้ คือ รู้ปัญหาและรู้วิธีแก้ปัญหานั้น รัก คือ เมื่อเรารู้ถึงปัญหาและวิธีแก้แล้ว เราต้องมีความรัก ที่จะลงมือท า ลงมือแก้ไขปัญหานั้น สามัคคี คือ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่สามารถลงมือท าคนเดียวได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกัน


50 บทที่ 3 วิธีกำรด ำเนินงำน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอสัตหีบ ได้เห็นความถึงส าคัญของการส่งเสริม ให้ประชาชนและเยาวชนมีความรักในชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์และบรรพบุรุษไทย จึงได้ให้ กศน.ต าบลสัตหีบ จัดท าโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย มีขั้นตอนดังนี้ 1.ประชุมบุคลากรกรรมการ กศน.ต าบลสัตหีบ 2.จัดตั้งคณะท างาน 3.ประสานงานกับผู้เรียน/วิทยากรผู้สอน 4.ด าเนินงานตามแผน 5.วัดผล/ประเมินผล/สรุปผลและรายงาน 1. ประชุมบุคลำกรกรรมกำร กศน.ต ำบลสัตหีบ กศน.อ าเภอสัตหีบ ได้วางแผนประชุมบุคลากรคณะกรรมการ กศน.ต าบลสัตหีบ เพื่อหาแนวทางในการ ด าเนินงานและก าหนดวัตถุประสงค์ร่วมกัน 2. จัดตั้งคณะท ำงำน จัดท าค าสั่งแต่งตั้งคณะท างานโครงการ เพื่อมอบหมอบหมายหน้าที่ในการท างานให้ชัดเจน เช่น 2.1 คณะกรรมการที่ปรึกษา/อ านวยการ มีหน้าที่อ านวยความสะดวก และให้ค าปรึกษาแก้ไขปัญหาที่ เกิดขึ้น 2.2 คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ประชาสัมพันธ์รับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการ 2.3 คณะกรรมการฝ่ายรับลงทะเบียนและประเมินผลหน้าที่จัดท าหลักฐานการลงทะเบียนผู้เข้าร่วม โครงการ และรวบรวมการประเมินผล และรายงานผลการด าเนินการ 3. ประสำนงำนกับผู้เรียน/วิทยำกรผู้สอน ประสานงานกับผู้เรียนและวิทยากร เช่น ประสานเรื่องสถานที่ใช้ท าการเรียนการสอน ประสานงานกับ วิทยากรผู้สอน เรื่องเนื้อหา หลักสูตรการเรียนการสอน รูปแบบการเรียนการสอน วัน เวลา สถานที่ 4. ด ำเนินกำรตำมแผนงำนโครงกำร โครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย ณ ที่ท าการผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 ต าบลสัตหีบ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีในวันที่ 12 มีนาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. 5. สรุปผลและรำยงำน จากการด าเนินงานโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย ณ ที่ท าการ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต าบลสัตหีบ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ในวันที่ 12 มีนาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 08.30- 16.30 น. มีผู้เข้าร่วมอบรมจ านวน 15 คน โดยมี ร.อ. ประโยชน์ ประสมพงษ์เป็นวิทยากรในการให้ความรู้ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของไทย การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอสัตหีบ จะได้น าแนวทางไปใช้ข้อมูลพิจารณา หลักสูตร เนื้อหาตลอดจนเทคนิควิธีการจัดการกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้เข้า อบรมได้รับประโยชน์น าไปใช้ได้จริงตามศักยภาพของแต่ละคน ให้มีความเข้าใจและมีคุณภาพต่อไป ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอสัตหีบ ได้ด าเนินการตามขั้นตอนและได้รวบรวมข้อมูล


51 โดยใช้สภาพการใช้สื่อการสอนของครูในสถานศึกษาเป็นแบบมาตรวัดประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ โดยมี รายละเอียดดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด และบุญส่ง นิลแก้ว ,2545) 5 หมายถึง มีการด าเนินงานในระดับมากที่สุด 4 หมายถึง มีการด าเนินงานในระดับมาก 3 หมายถึง มีการด าเนินงานในระดับปานกลาง 2 หมายถึง มีการด าเนินงานในระดับน้อย 1 หมายถึง มีการด าเนินงานในระดับน้อยที่สุด โดยมีเกณฑ์การแปลความหมายค่าเฉลี่ย (บุญชม ศรีสะอาด,2556) ดังนี้ 4.50 – 5.00 หมายถึง มีความคิดเห็น/การด าเนินงานอยู่ในระดับมากที่สุด 3.50 – 4.49 หมายถึง มีความคิดเห็น/การด าเนินงานอยู่ในระดับมาก 2.50 – 3.49 หมายถึง มีความคิดเห็น/การด าเนินงานอยู่ในระดับปานกลาง 1.50 – 2.49 หมายถึง มีความคิดเห็น/การด าเนินงานอยู่ในระดับน้อย 1.00 – 1.49 หมายถึง มีความคิดเห็น/การด าเนินงานอยู่ในระดับน้อยที่สุด ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องกรอกข้อมูลตามแบบสอบถาม เพื่อน าไปใช้ในการประเมินผลของการจัด กิจกรรมดังกล่าว และจะได้น าไปเป็นข้อมูล ปรับปรุง และพัฒนา ตลอดจนใช้ในการจัดท าแผนการด าเนินการในปี ต่อไป


52 บทที่ 4 ผลกำรด ำเนินงำนและกำรวิเครำะห์ข้อมูล ในการจัดโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย ณ ที่ท าการผู้ช่วย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต าบลสัตหีบ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ในวันที่ 12 มีนาคม 2564 ได้สรุปผลจาก แบบสอบถามและน าเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมอบรมโครงการ จ านวน 15 ชุด ตอนที่ 1 ข้อมูลส่วนตัวผู้ตอบแบบถำมของผู้เข้ำร่วมโครงกำรเสริมสร้ำงอุดมกำรณ์รักชำติ ศำสนำ และพระมหำกษัตริย์ไทย ณ ที่ท าการผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต าบลสัตหีบ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีผู้เข้าร่วม กิจกรรมที่ตอบแบบสอบถามได้น ามาจ าแนกตามเพศ อายุ และอาชีพ ผู้จัดท าได้น าเสนอจ าแนกตามข้อมูลดังกล่าว ดังปรากฏตามตารางที่ 1 ดังต่อไปนี้ ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจ าแนกตามเพศ เพศ ความคิดเห็น ชาย หญิง จ านวน ร้อยละ จ านวน ร้อยละ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย 3 20 12 80 จากตารางที่ 1 แสดงว่า ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย เป็นชาย 3 คน ร้อยละ 20 เป็นหญิง 12 ร้อยละ 80 ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจ าแนกตามอายุ อายุ ความคิดเห็น 14 - 39 ปี 40 - 59 ปี 60 ปี ขึ้นไป จ านวน ร้อยละ จ านวน ร้อยละ จ านวน ร้อยละ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์ รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย - - 7 46.7 8 53.3 จากตารางที่ 2 แสดงว่า ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์ รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย ในช่วงอายุ 60 ปี มีจ านวนสูงสุด 8 คน ร้อยละ 53.3 และ ช่วงอายุ 49 – 50 ปี มีจ านวน 7 คน ร้อยละ 46.7 ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจ าแนกตามอาชีพ ประเภท ความคิดเห็น รับจ้าง ค้าขาย รับราชการ เกษตรกรรม อื่นๆ จ านวน ร้อยละ จ านวน ร้อยละจ านวน ร้อยละ จ านวน ร้อยละ จ านวน ร้อยละ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการ เสริมสร้างอุดมการณ์รัก ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ไทย 1 6.7 14 93.3 จากตารางที่ 3 แสดงว่า ผู้ตอบแบบสอบถามผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย มีอาชีพอื่นๆ มากที่สุด จ านวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 93.3 รองลงมาอาชีพ ค้าขาย จ านวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 6.7


53 ตอนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับควำมคิดเห็นของผู้เข้ำร่วมโครงกำรเสริมสร้ำงอุดมกำรณ์รักชำติ ศำสนำ และ พระมหำกษัตริย์ไทย ความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมกิจกรรม จ านวน 15 คน จากแบบสอบถามทั้งหมดที่มีต่อโครงการเสริมสร้าง อุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย ณ ที่ท าการผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต าบลสัตหีบ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ดังปรากฏในตารางที่ 4 ตำรำงที่ 4 ผลกำรประเมินโครงกำรเสริมสร้ำงอุดมกำรณ์รักชำติ ศำสนำ และพระมหำกษัตริย์ไทย รำยกำรที่ประเมิน N = 15 µ σ อันดับที่ ระดับผลกำร ประเมิน ด้ำนควำมพึงพอใจด้ำนเนื้อหำ 1. เนื้อหาตรงตามความต้องการ 4.85 0.36 1 มากที่สุด 2. เนื้อหาเพียงพอต่อความต้องการ 4.7 0.64 2 มากที่สุด 3. เนื้อหาปัจจุบันทันสมัย 4.65 0.57 3 มากที่สุด 4. เนื้อหามีประโยชน์ต่อการน าไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต 4.5 0.87 5 มากที่สุด ด้ำนควำมพึงพอใจด้ำนกระบวนกำรจัดกิจกรรม/กำรอบรม 5. การเตรียมความพร้อมก่อนอบรม 4.5 0.87 5 มากที่สุด 6. การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ 4.45 0.80 6 มาก 7. การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับเวลา 4.7 0.64 2 มากที่สุด 8. การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย 4.65 0.57 3 มากที่สุด 9. วิธีการวัดผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ 4.5 0.87 5 มากที่สุด ด้ำนควำมพึงพอใจต่อวิทยำกร 10. วิทยากรมีความรู้ความสามารถในเรื่องที่ถ่ายทอด 4.35 0.73 8 มาก 11. วิทยากรมีเทคนิคการถ่ายทอดใช้สื่อเหมาะสม 4.25 0.83 9 มาก 12. วิทยากรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมและซักถาม 4.6 0.66 4 มากที่สุด ด้ำนควำมพึงพอใจด้ำนกำรอ ำนวยควำมสะดวก 13. สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์และสิ่งอ านวยความสะดวก 4.2 0.87 10 มาก 14. การสื่อสาร การสร้างบรรยากาศเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ 4.4 0.86 7 มาก 15. การบริการ การช่วยเหลือและการแก้ปัญหา 4.6 0.66 4 มากที่สุด ค่ำเฉลี่ย 4.53 0.14 มากที่สุด จากตารางแสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วม โครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย ดังนี้ จำกตำรำง 4 พบว่า โดยเฉลี่ยแล้วผู้เข้ารับการอบรมโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ไทย ในภาพรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด( µ = 4.53) เมื่อวิเคราะห์เป็นรายข้อพบว่า เนื้อหาตรงตาม ความต้องการ (µ = 4.85) เป็นอันดับที่ 1 เนื้อหาเพียงพอต่อความต้องการ ,การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับเวลา (µ = 4.70) เป็นอันดับที่ 2 , เนื้อหาปัจจุบันทันสมัย,การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย,(µ = 4.65) เป็นอันดับที่ 3 , วิทยากรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมและซักถาม,การบริการ การช่วยเหลือและการแก้ปัญหา (µ = 4.6) เป็นอันดับที่ 4 , เนื้อหามีประโยชน์ต่อการน าไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต,การเตรียมความพร้อม ก่อนอบรม,วิธีการวัดผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวัตถุประสงค์,(µ = 4.50) เป็นอันดับที่ 5 , การออกแบบกิจกรรม


54 เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ (µ = 4.45) เป็นอันดับที่ 6 , การสื่อสาร การสร้างบรรยากาศเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ (µ = 4.44) เป็นอันดับที่ 7 , วิทยากรมีความรู้ความสามารถในเรื่องที่ถ่ายทอด (µ = 4.35) เป็นอันดับที่ 8 , วิทยากรมีเทคนิคการถ่ายทอดใช้สื่อเหมาะสม (µ = 4.25) เป็นอันดับที่ 9 และ สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์และสิ่ง อ านวยความสะดวก (µ = 4.2) เป็นอันดับที่ 10


55 บทที่ 5 สรุป ผลกำรด ำเนินกำร การจัดท าโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ เพื่อมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นมาของประวัติศาสตร์ชาติไทย ความรักชาติ เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และบรรพบุรุษไทย และได้แสดงถึงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งโครงการได้จัดขึ้นใน วันที่ 12 มีนาคม 2564 ณ ที่ท าการผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 ต าบลสัตหีบ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีตลอด ระยะเวลาที่รับการอบรมโดยมีการซักถามพูดคุยโต้ตอบกับวิทยากรอย่างสนใจ ในด้านต่าง ๆ คือ ด้ำนควำมพึงพอใจด้ำนเนื้อหำ - เนื้อหาตรงตามความต้องการ - เนื้อหาเพียงพอต่อความต้องการ - เนื้อหาปัจจุบันทันสมัย - เนื้อหามีประโยชน์ต่อการน าไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้ำนควำมพึงพอใจด้ำนกระบวนกำรจัดกิจกรรม/กำรอบรม - การเตรียมความพร้อมก่อนอบรม - การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ - การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับเวลา - การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย - วิธีการวัดผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ ด้ำนควำมพึงพอใจต่อวิทยำกร - วิทยากรมีความรู้ความสามารถในเรื่องที่ถ่ายทอด - วิทยากรมีเทคนิคการถ่ายทอดใช้สื่อเหมาะสม - วิทยากรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมและซักถาม ด้ำนควำมพึงพอใจด้ำนกำรอ ำนวยควำมสะดวก - สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์และสิ่งอ านวยความสะดวก - การสื่อสาร การสร้างบรรยากาศเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ - การบริการ การช่วยเหลือและการแก้ปัญหา สรุปผลกำรด ำเนินงำน โครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย ของศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยของอ าเภอสัตหีบมีผู้เข้าอบรม ทั้งหมด 15 คน ได้รับความรู้ตรงตามวัตถุประสงค์ของ โครงการคือ 1. ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย และบุญคุณของพระมหากษัตริย์ไทย และมีจิตส านึกความเป็นพลเมืองที่ดีในระบอบประชาธิปไตย 2. เสริมสร้างให้คนไทยมีความรักความสามัคคีและมีความภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมำกที่สุด (µ =4.53)


56 อภิปรำยผล จากการจัดกิจกรรมโครงการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย ผู้เข้าร่วม โครงการเสริมสร้างความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยอยู่ในระดับมำกที่สุด ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นมาของประวัติศาสตร์ชาติไทยมากขึ้น จากการ เข้าร่วมโครงการ สามารถน าความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ต่อให้กับบุตรหลานและได้รู้ถึงประวัติความเป็นมาของ พระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มากรุงศรีอยุธยา มากรุงธนบุรีและมายังกรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนแต่ที่จะ เสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสู้รบเพื่อรักษาเอกราช ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในสมัย กรุงศรีอยุธยา และพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นอีกมากมาย ซึ่งผู้เข้าอบรมมีความซาบซึ้งมากที่สุด คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช พระองค์นั้นครองราชย์มาแล้วมากกว่า 70 พรรษา แต่ตลอด ระยะเวลาการทรงงานของพระองค์ท่าน ล้วนแต่มีประโยชน์เพื่อประชาชนชาวสยามของพระองค์ท่านทั้งนั้น ท่านทรงเหนื่อยกับอุปสรรคปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในประเทศไทย แต่พระองค์ก็ทรงสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ให้ผ่าน พ้นมาได้ด้วยดีพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ปกครองโดยหลักทศพิธราชธรรม จนท าให้ในหลวงของเรานั้น เป็น ศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทยตลอดไป และสุดท้ายนี้ผู้จัดท าขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทย ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับปวงชนชาวไทยตลอดไป ปัญหำและอุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่ำงกำรด ำเนินงำน - ข้อเสนอแนะ -


57 บรรณำนุกรม กรมการศึกษานอกโรงเรียน. (2543). แนวทางการจัดกิจกรรมผู้สูงอายุ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุม. บริหารการศึกษานอกโรงเรียน.(2547). คู่มือการด าเนินงานการศึกษานอกโรงเรียน ประเภท การศึกษาต่อเนื่อง. กรุงเทพฯ : ส านักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน, กระทรวงศึกษาธิการ. บุญชม ศรีสะอาด และ บุญส่ง นิวแก้ว. (2535 หน้า 22 – 25). https://th.wikipedia.org/wiki/ประวัติศำสตร์ http://tententennnn.blogspot.com/ https://kinginthailand.wordpress.com/


58 ภำคผนวก


59 ภำพกิจกรรม โครงกำรเสริมสร้ำงอุดมกำรณ์รักชำติ ศำสนำ และพระมหำกษัตริย์ไทย วันที่ 12 มีนำคม 2564 ณ ที่ท ำกำรผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำน หมู่ที่6 ต ำบลสัตหีบ อ ำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ........................................ผู้รายงาน ( นางปิยวดี เตชะวงศ์ ) ต าแหน่ง ครู ศรช ต าบลสัตหีบ


60 คณะผู้จัดท ำ ที่ปรึกษา นายอนุชา พงษ์เกษม ผู้อ านวยการ ส านักงาน กศน.จังหวัดชลบุรี นางสาวอุไรรัตน์ ชนะบ ารุง รองผู้อ านวยการ ส านักงาน กศน.จังหวัดชลบุรี นางสุรัสวดี เลี้ยงสุพงศ์ ผู้อ านวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอสัตหีบ คณะท างาน 1. นางสาวสุภาวดี บางโสก หัวหน้ากศน.ต าบลสัตหีบ 2. นางสาวปารย์พิชชา เจริญศรี ครูกศน.ต าบลสัตหีบ 3. นางปิยวดี เตชะวงศ์ ครู ศรช.ต าบลสัตหีบ เจ้าหน้าที่จัดพิมพ์/ผู้เขียน นางปิยวดี เตชะวงศ์ ครู ศรช.ต าบลสัตหีบ


Click to View FlipBook Version