ก โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภทสิ่งประดิษฐ์ เรื่อง เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ จัดทำโดย 1. นายเจษฎากร วังวร รหัสนักศึกษา 6522000293 2. นายแดน ก่อกิจวิทยา รหัสนักศึกษา 6322000206 3. นางสาวสุมาลี เลือดแดง รหัสนักศึกษา 6512000326 4. นางพินิจธิตา เฮงยู รหัสนักศึกษา 6612000619 5. นางสาวพิมพ์ใจ นวลมะ รหัสนักศึกษา 6622001136 ครูที่ปรึกษา นางสาวกัณห์สิภัทร เหลืองนภัส ศูนย์การเรียนรู้ตำบลหนองไผ่แก้ว ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอบ้านบึง รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประกวดโครงงาน ประเภทสิ่งประดิษฐ์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ข บทคัดย่อ โครงงานการประดิษฐ์เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเอาทรัพยากรที่ใช้แล้วมา ปรับเปลี่ยนรูปแบบ แปรรูปให้สามารถนำมาใช้สอยใหม่ได้ด้วยทั้งกระบวนการวิทยาศาสตร์น้อมนำหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและหลัก 3R มาปรับใช้ใน ชีวิตประจำวัน ลดการทิ้งแกลอนพลาสติกเก่าอย่างไร้ประโยชน์ผู้จัดทำจึงได้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์เครื่อง พ่นพลังงานยาแบตเตอรี่ โดยการนำแกลอนพลาสติกเก่านำไปทำถังใส่น้ำยา โดยการประดิษฐ์นั้นทำได้ง่าย สามารถหาสิ่งของที่ไม่ใช้ประโบชน์แล้ว มาประดิษฐ์ สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย และลดการใช้แรงงานคนเวลา ใช้งาน
ค กิตติกรรมประกาศ โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภทสิ่งประดิษฐ์ เรื่อง เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ จัดทำขึ้นเพื่อศึกษา วิธีการประดิษฐ์ สิ่งของเหลือใช้ให้เป็นสิ่งของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าโครงงานนี้จะมีประโยชน์กับผู้ที่สนใจและเป็นแนวคิดในการประดิษฐ์เครื่องพ่นยา จากวัสดุเหลือใช้ หากโครงงานนี้มีข้อบกพร่องโปรดชี้แนะเพื่อจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ขึ้น ทางคณะผู้จัดทำขอขอบคุณผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือให้คำแนะนำ และอาจารย์กัณห์สิภัทร เหลืองนภัส อาจารย์ที่ปรึกษา ในการทำโครงงานที่ให้คำแนะนำในการจัดทำโครงงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี มา ณ โอกาสนี้ด้วย คณะผู้จัดทำ
ง สารบัญ เรื่อง หน้า บทคัดย่อ ข กิตติกรรมประกาศ ค สารบัญ ง สารบัญตาราง จ สารบัญภาพ ฉ บทที่ 1 บทนำ 1 ที่มาและความสำคัญ 1 วัตถุประสงค์ 2 สมมุติฐาน 3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 3 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 4 บทที่ 3 วัสดุ อุปกรณ์และวิธีการทดสอบ 10 บทที่ 4 ผลการศึกษา 14 บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 15 บรรณานุกรม 16
จ สารบัญตาราง ตารางบันทึกผล หน้า ตารางที่ 1 การทดสอบพ่นยาด้วยเครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ และการพ่นยาด้วยถัง สะพายหลัง ใช้น้ำยา ในการพ่น จำนวน 10 ลิตร 20 ลิตร และ 60 ลิตร ในพื้นที่ 50 ตารางวา 100 ตาราง และ 400 ตารางวา 14
ฉ สารบัญภาพ ภาพที่ หน้า ภาพที่ 1 นำล้อมอเตอร์ไซค์เก่ามาปะรอยรั่ว เติมลม ทาสีให้เรียบร้อย 10 ภาพที่ 2 นำเศษเหล็กมาเชื่อมประกอบเป็นรถเข็นเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ 10 ภาพที่ 3 นำรถเข็นที่เชื่อมต่อเสร็จแล้วมาทาสีเพื่อความสวยงาม และป้องกันสนิม 11 ภาพที่ 4 ประกอบล้อเข้ากับรถเข็น แล้วใช้ปืนลมยิงน๊อตให้แน่นเพื่อป้องกันล้อหลุดออกจากรถเข็น 11 ภาพที่ 5 ติดตั้งสวิตซ์ เปิด-ปิด และปั้มดูดน้ำยาลงในกล่องเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย 11 ภาพที่ 6 นำแกลอนพลาสติก มาต่อสายพ่นยา ต่อกระบอกพ่นยา 12 ภาพที่ 7 นำแบตเตอรี่มาต่อเข้ากับปั้มดูดน้ำยา 12 ภาพที่ 8 นำท่อเหล็กกลมขนาด 1/4 นิ้ว ความยาว 2.50 เมตร ติดตั้งเพิ่มเติม 12 ภาพที่ 9 ทดสอบการใช้งาน 13 ภาพที่ 10 เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ ที่สำเร็จ 13
1 บทที่1 บทนำ 1.1 ที่มาและความสำคัญ ประเทศไทยมีพื้นที่และสภาพอากาศที่เหมาะแก่การประกอบอาชีพเกษตรกรรมและมีประชากรส่วน ใหญ่ของประเทศ 2 ใน 3 ประกอบอาชีพเกษตรกร แบบดั้งเดิม คือการเพาะปลูกพืชตามฤดูกาล การใช้สารเคมี ในรูปแบบต่างๆเพื่อเร่งการเจริญเติบโต การป้องกันโรคพืชและแมลงต่างๆ จึงเข้ามามีบทบาทต่อการประกอบ อาชีพของเกษตรกรส่วนใหญ่ จนเกิดเป็นความเคยชินของการประกอบอาชีพ ฉะนั้นระดับสารเคมีตกค้างที่สูง ในภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย โดยเฉพาะยาฆ่าแมลงมีส่วนหนึ่งมาจากกระบวนการ ฉีดพ่นที่ใช้ความดัน สูงผลักดันสารเคมีผ่านหัวฉีด ทำให้ละอองอนุภาคสารเคมีมีระดับโมเมนตัมสูง มีปริมาณสารเคมีจำนวนมากที่ ไม่สามารถเกาะติดต้นพืชได้ กลายเป็นสารตกค้างทั้งในพืช ดินและน้ำทั่วพื้นที่การเกษตรของประเทศ นโยบาย ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการเร่งรัดให้สร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ทดแทนเกษตรกรรุ่นเก่า โดย มุ่งเน้นให้มีความรู้ความสามารถเข้มแข็งและมีศักยภาพ เป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการเกษตรกรรมไทย เพื่อสืบ สานงานการพัฒนาเส้นทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไปในอนาคต โดยมอบหมายให้ กรมส่งเสริมการเกษตร รับหน้าเสื่อนำโครงการไปดำเนินการ ให้ทะลุทะลวงตามเป้าหมายที่วางแนวไว้กรมส่งเสริมการเกษตรได้เตรียม ขับเคลื่อนด้วย“โครงการสร้างและพัฒนายุวเกษตรกร สู่ความเป็นผู้นำด้านการเกษตร” ซึ่งจะมุ่งเน้นพัฒนาเด็ก (อายุระหว่าง 10 ถึง 14 ปี) และเยาวชน (15 ถึง 25 ปี) ทั้งในระบบการศึกษาและนอกระบบ ให้มีทัศนคติที่ดี ต่ออาชีพการเกษตรและ เสริมสร้างทักษะการเกษตรในระดับพื้นฐานเพื่อให้เกิดความตระหนักต่อศาสตร์เกษตร และเสริมส่งให้มีการทำงานในรูปแบบกลุ่ม เพื่อให้เกิด ความพร้อมที่จะพัฒนาการเข้าสู่การเป็น Smart Farmer โดยการจัดอบรมกระบวนการกลุ่มยุวเกษตรกร จากนั้นก็ฝึกให้ปฏิบัติงานปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ สร้างทักษะการเกษตรขั้นพื้นฐาน และสร้างประสบการณ์ใหม่ในอาชีพการเกษตรให้แก่ยุวเกษตรกร คณะ ผู้จัดทำเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงมีความประสงค์ในการลดการใช้สารเคมีในประเทศลดลงและให้เกิดความ ปลอดภัยต่อเกษตรกรด้วยการเปลี่ยนกระบวนการฉีดพ่นแบบสะพายหลัง ซึ่งเครื่องพ่นยาแบบนี้ประกอบด้วย ถังน้ำยา ซึ่งวางตั้งบนพื้นได้ ทำให้การเท น้ำยาเคมีที่ใช้กำจัดศัตรูพืชลงไปในถังได้สะดวก อีกทั้งยังมีรูปร่างที่ เหมาะสมสำหรับใช้สะพายหลังผู้ทีพ่นยา นอกจากนั้นยังประกอบด้วย ปั๊ม ห้องเก็บความดัน ก้านฉีดพร้อมมือ บีบพ่นน้ำยา และ หัวฉีด ถังน้ำยาอาจจะทำมาจากสแตนเลส ทองเหลือหรือเหล็กเคลือบสังกะสี แต่ในปัจจุบัน ถังที่ทำจากโลหะเหล่านี้มีราคาสูงขึ้น ความนิยมใช้จึงลดลงและเปลี่ยนไปใช้ถังที่ทำจากพลาสติกแทน ทั้งนี้ เพราะเมื่อสะพายหลังแล้วรู้สึกสบายและเบากว่าถังที่ทำจากโลหะ ถังน้ำยาส่วนใหญ่มีความจุ ประมาณ 15 ลิตร และที่ด้านข้างถังจะมีขีดบอกระดับน้ำยาเป็นเครื่องหมายไว้ด้วย เมื่อบรรจุน้ำยา แล้วน้ำหนักรวม ทั้งหมดไม่ควรเกิน 20 กิโลกรัม ไม่เช่นนั้นแล้วผู้ใช้จะแบกน้ำหนักมากเกินไป โดยทั่วไปปากถังจะมีขนาด เส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า 10 เซนติเมตร เพื่อความสะดวกในการเทน้ำยา หรือใช้มือล้วงลงไปทำความสะอาด ภายในถัง นอกจากนั้นยังมีฝาที่ปิดปากถังได้สนิทไม่ให้ น้ำยากระเด็นออกมากถูกหลังผู้ที่กำลังพ่นยา และมี ตะแกรงกรองซึ่งเกี่ยวไว้กับปากถัง โดยยื่นลงไป ภายในถังไม่ต่ำกว่า 5 เซนติเมตร สำหรับกรองสิ่งสกปรก ที่อาจจะติดมากับน้ำยา ปั๊มที่ใช้เครื่องพ่นยาชนิดสูบโยกนี้มี 2 แบบ คือแบบลูกสูบ และแบบแผ่น แบบลูกสูบ ใช้ กับหัวที่ต้องการความดันสูงเหมาะสำหรับพ่นยาฆ่าแมลงและยากำจัดเชื้อรา ส่วนแบบแผ่นนั้น นิยมใช้ สำหรับนำยาที่มีตะกอนซึ่งอาจจะขูดข่วนทำความสึกหรอแก่ตัวปั๊มได้ ปั๊มนี้ต่อเข้ากับระบบ กลไกของคันโยก ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านบนใกล้กับปากถัง หรือด้านล่างข้างพัง เวลาพ่นยาก็ใช้มือจับคัน โยกและแขนจะต้องยกสูง อยู่ตลอดเวลา เครื่องพ่นยาที่ใช้คันโยกแบบนี้เหมาะสำหรับแถวพืชที่ไม่สูง และปลูกห่างกันพอควร เพราะเวลา
2 โยก คันโยกจะได้ไม่ไปชนกับกิ่งหรือใบของพืชที่อยู่ในแถว ข้างเคียง อย่างไรก็ตามเมื่อโยกคันโยกบ่อย ๆ ผู้พ่น ยาจะรู้สึกชาและล้า เนื่องจากเลือดภายใน ร่างกายขึ้นไปหล่อเลี้ยงลำแขนไม่ทัน จึงไม่นิยมใช้เครื่องพ่นยา แบบสะพายหลัง จึงเกิดแนวคิดมาเป็นการใช้พลังงานแบตเตอรี่ และจัดวางถังน้ำยาในรถเข็น แทนทำให้ เกษตรกรทุ่นแรง และไม่ได้รับสารเคมีโดยตรง สามรถปรับระดับการฉีดพ่นสารเคมีได้ในระดับต่างๆ ทำให้การ พ่นสารเคมีพ่นในทิศทางที่ต้องการได้เป็นอย่างดีรวมถึงยังลดอันตรายจากพิษของสารเคมีให้กับเกษตรกร ผู้ฉีดพ่นยา และเป็นการนำสิ่งของเหลือใช้ ที่ถูกนำไปทิ้งอย่างไร้ประโยชน์และเป็นวัสดุย่อยสลายยาก นำกลับมาประดิษฐ์แปรูปเพื่อใช้ประโยชน์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดขยะมูลฝอยแล้ว ยังเป็นการลดการใช้ แรงงานคนและลดอันตรายที่เกิดจากการพ่นสารเคมี กับตัวเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม และได้น้อมนำ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโดยการนำ แกลอนพลาสติกเก่า และของเหลือใช้ที่มักถูกนำไปทิ้งอย่างไร้ประโยชน์ นำกลับมาใช้ใหม่เพื่อช่วยลดปัญหา ขยะ ทางคณะผู้จัดทำจึงเล็งเห็นความสำคัญตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และหลัก 3R ดังนั้นขณะผู้จัดทำจึงได้จัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภท สิ่งประดิษฐ์ เรื่อง เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ โดยเน้นแนวคิดการนำสะเต็มศึกษามาประดิษฐ์วัสดุที่ใช้แล้ว มาทำการรีไซเคิล (Recycle) ประดิษฐ์แกลอนพลาสติกเก่าและสิ่งของเหลือใช้ ให้เป็นสิ่งของที่สามารถ ใช้ประโยชน์ได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บูรณาการการเรียนรู้ตามหลักสะเต็มศึกษาบูรณาการความรู้ใน 4 สหวิทยาการได้ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์โดยการนำทรัพยากรที่ใช้แล้วมาประดิษฐ์ เป็นของใช้ ในครัวเรือน ช่วยลดขยะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ของขยะให้มีมูลค่าเพิ่มต่อสังคม 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1. เพื่อนำเอาทรัพยากรที่ใช้แล้วมาปรับเปลี่ยนรูปแบบ แปรรูปให้สามารถนำมาใช้สอยใหม่ได้ด้วย กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. เพื่อน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช และหลัก 3R มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน 3. เพื่อลดการทิ้งแกลอนพลาสติกอย่างไร้ประโยชน์ 4. เพื่อนำหลักสะเต็มศึกษาสำหรับการประดิษฐ์จากวัสดุใช้แล้ว ตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรต้น : เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ ตัวแปรตาม : พื้นที่ในการฉีดพ่น ตัวแปรควบคุม : ระยะเวลาในการทดสอบ ปริมาณน้ำยาในการฉีดพ่น 1.3 สมมุติฐานการศึกษา แกลอนพลาสติกสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ 1.4 ระยะเวลาการศึกษา วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 15 กุมภาพันธ์ 2567 1.5 ขอบเขตของโครงงาน 1 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2 หลัก3R 3 หลักสะเต็มศึกษาสำหรับการประดิษฐ์จากวัสดุใช้แล้ว
3 1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. สามารถนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วมาแปรรูปเป็นสิ่งของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ 2. ทุ่นแรงงาน ลดอันตารยจากสารเคมี ลดปัญหาทางสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณขยะและใช้เวลาว่าง ให้เกิดประโยชน์ 3. ได้รู้จักการทำงานร่วมกันกับคนอื่น 4. เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้อื่นสามารถนำไปปฏิบัติตามและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง 1.7 นิยามศัพท์ เครื่องพ่นยา หมายถึง เป็นเครื่องมือทางการเกษตรชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับการฉีดพ่นสารเคมี ยาฆ่า แมลง ปุ๋ยหมักชีวภาพ ปุ๋ยน้ำ เพื่อกำจัดศัตรูพืช วัชพืช ที่จะมาทำลายพืชผลผลิตทางการเกษตรทำให้เจริญ งอกงามสามารถออกดอกออกผลได้ตามต้องการ สามารถพ่นในพื้นที่ไร่นา สวนผัก สวนผลไม้ สวนดอกไม้ การรีไซเคิล (Recycle) หมายถึงการนำวัสดุเหลือใช้ มาแปรรูปใหม่เพื่อนำกลับมาใช้งานอีกครั้ง เป็นการจัดการวัสดุเหลือใช้ที่กำลังจะเป็นขยะโดยนำไปผ่านกระบวนการแปรสภาพและนำกลับมาใช้ใหม่ การประดิษฐ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับลักษณะองค์ประกอบโครงสร้างหรือกลไก ของผลิตภัณฑ์รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิต การรักษาหรือปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นหรือทำให้เกิด ผลิตภัณฑ์ขั้นใหม่แตกต่างไปจากเดิม
4 บทที่ 2 การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการประดิษฐ์เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ องค์ความรู้เกี่ยวกับการประดิษฐ์ การนำแกลอนพลาสติกเก่ามาประดิษฐ์เป็นถังใส่น้ำยา เรียกว่า การรีไซเคิล(Recycle) ซึ้งเป็นการจัดการวัสดุ เหลือใช้ที่กำลังจะเป็นขยะ โดยนำไปผ่านกระบวนการแปรสภาพ โดยเฉพาะการวัด ตัด ติดเพื่อให้เป็น วัสดุใหม่ แล้วจึงนำไปประดิษฐ์เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ มีประโยชน์ในการใช้ชีวิตประจำวัน การรีไซเคิล (Recycle)หมายถึงการนำวัสดุเหลือใช้ มาแปรรูปใหม่เพื่อนำกลับมาใช้งานอีกครั้งเป็น การจัดการวัสดุเหลือใช้ที่กำลังจะเป็นขยะโดยนำไปผ่านกระบวนการแปรสภาพและนำกลับมาใช้ใหม่ ต้นกำเนิดการรีไซเคิลได้รับการปฏิบัติติทั่วไปในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติโดยส่วนใหญ่ด้วยความ สนับสนุน ที่ได้รับการบันทึกไว้ ย้อนหลังกลับไปในอดีตอันยาวนานในยุคของเพลโตเมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงระยะเวลาเมื่อทรัพยากรเริ่มหายากขึ้นนั้น จากการศึกษาทางโบราณคดีเกี่ยวกับการทิ้งขยะของเสียในยุค โบราณแสดงให้เห็นว่าหลักฐานตัวอย่างขยะจากบ้านเรือนที่มีจำนวนปริมาณเล็กน้อย เช่นเถ้าเครื่องมือหักและ เครื่องปั้นดินเผา ได้บ่งบอกถึงการที่มีขยะของเสียจำนวนไม่น้อยได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในกรณีที่ไม่มีวัสดุใหม่ มาแทนของเดิม ประโยชน์ของขยะรีไซเคิล ขยะรีไซเคิลช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม การรีไซเคิลขยะ ไม่ว่าจะเป็นการนำขยะกลับมาใช้ใหม่ การบำบัดน้ำเสีย การลด การปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ มีส่วนช่วยลดสภาวะเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อนขึ้น ขยะรีไซเคิล ช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน การรีไซเคิลขยะที่มีประสิทธิภาพยังมีส่วนดีในแง่การใช้พลังงาน ดังเช่นการผลิตวัตถุดิบใหม่ๆลดลงการ ใช้พลังงานในกระบวนการผลิตไปในตัว การรีไซเคิลขยะบางชนิดยังสามารถสกัดออกมาเป็นพลังงานเชื้อเพลิง ได้ ทำให้ประเทศลดการนำเข้าพลังงานได้อีก ขยะรีไซเคิล ช่วยสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแรง การรีไซเคิลยังนำมาซึ่งการลดค่าใช้จ่าย ลดด้านการใช้พลังงานที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ การนำ ขยะรีไซเคิลยังนำมาซึ่งสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆที่ไม่มีในโลกสามารถสร้างเป็นธุรกิจ สร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งสำหรับประเทศ ขยะรีไซเคิล ยังนำมาซึ่งรายได้ การคัดแยกขยะแต่ละประเภทไม่ว่าจะกระดาษ พลาสติก ขวด รวมๆกันแล้วนำไปขายยังร้านรับซื้อ ของเก่านอกจาก เป็นการสร้างรายได้ให้ตัวคุณและครอบครัวแล้ว ยังช่วยให้ขยะเหล่านั้นถูกนำไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่อไปได้ การประดิษฐ์ หมายถึงความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับลักษณะองค์ประกอบโครงสร้างหรือกลไกของ ผลิตภัณฑ์รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิต การรักษาหรือปรับปรุงคุณภาพหรือผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นหรือทำให้เกิด ผลิตภัณฑ์ขั้นใหม่แตกต่างไปจากเดิม ความสำคัญและประโยชน์ของงานประดิษฐ์ 1. ประหยัดค่าใช้จ่าย 2. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ 3. ความเพลิดเพลิน 4. เพิ่มคุณค่าของวัสดุ
5 5. สร้างความแปลกใหม่ที่มีอยู่เดิม 6. ชิ้นตรงตามความต้องการ 7. เป็นของกำนัลแก่ผู้อื่นและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย 8. เพิ่มรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว 9. เกิดความภูมิใจในตัวเอง ประโยชน์ของงานประดิษฐ์ 1. เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ 2. มีความภูมใจในผลงานของตน 3. มีรายได้จากผลงาน 4. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ 5. เป็นการฝึกให้รู้จักสังเกตสิ่งรอบๆตัวและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ลักษณะงานประดิษฐ์ 1. งานประดิษฐ์ทั่วไป เป็นงานที่บุคคลสร้างขึ้นมาจากความคิดของตนเองโดยอาศัยการเรียนรู้จากสิ่ง รอบๆตัว นำมาดัดแปลง หรือเรียนรู้จากตำรา เช่น การประดิษฐ์ ของใช้จากเศษวัสดุ การประดิษฐ์ดอกไม้ 2. งานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย เป็นงานที่ได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษในครอบครัวหรือใน ท้องถิ่น หรือทำขึ้นเพื่อใช้งาน หรือเทศกาล เช่น มาลัย บายศรี งานแกะสลัก ประเภทของงานประดิษฐ์ งานประดิษฐ์ต่างๆสามารถเลือกทำได้ตามความต้องการและประโยชน์ใช้สอย ซึ่งอาจแบ่งประเภทของ งาน ประดิษฐ์ตามโอกาสใช้สอยดังนี้ 1. ประเภทใช้เป็นของเล่น เป็นของเล่นที่ผู้ใหญ่ในครอบครัวทำให้ลูกหลานเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน เช่นงานปั้นดินเป็นสัตว์ สิ่งของ งานจักสานใบลานเป็นโมบาย งานพับกระดาษ 2. ประเภทของใช้ ทำขึ้นเพื่อเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การสานกระบุง ตะกร้า การทำเครื่องใช้ จากดินเผา จากผ้าและเศษวัสดุ 3. ประเภทงานตกแต่ง ใช้ตกแต่งสถานที่บ้านเรือนให้สวยงาน เช่น งานแกะสลักไม้ การทำกรอบรูป ดอกไม้ประดิษฐ์ 4. ประเภทเครื่องใช้ในงานพิธี ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ในงานเทศกาลหรือประเพณีต่างๆ เช่น การทำ กระทงลอย ทำพานพุ่ม มาลัย บายศรี วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการประดิษฐ์ การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ในการประดิษฐ์ชิ้นงานต้องเลือกให้เหมาะสมจึงจะได้งานออกมามีคุณภาพ สวยงามรวมทั้งต้องดูแลรักษาอุปกรณ์เครื่องใช้เหล่านี้ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ตลอดเวลา และสามารถแบ่ง ออกเป็นประเภทต่างๆได้ดังนี้ 1. ประเภทของเล่น -วัสดุที่ใช้ เช่นกระดาษ ใบลานผ้า เชือก พลาสติก กระป๋อง -อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น กรรไกร เข็ม ด้าย กาว มีด ตะปู ค้อน แปรงทาสี 2. ประเภทของใช้ -วัสดุที่ใช้ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ ดิน ผ้า -อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น เลื่อย สี จักรเย็บผ้า กรรไกร เครื่องขัดเจาะ 3. ประเภทของตกแต่ง
6 -วัสดุที่ใช้ เช่น เปลือกหอย ผ้า กระจก กระดาษ ดินเผา -อุปกรณ์ เช่น เลื่อย ค้อน มีด กรรไกร สี แปรงทาสี เครื่องตอก 4. ประเภทเครื่องใช้ในงานพิธี -วัสดุที่ใช้ เช่น ใบตอง ดอกไม้สด ใบเตย ผ้า ริบบิ้น -อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น เข็มเย็บผ้า เข็มร้อยมาลัย คีม ค้อน เข็มหมุน การเลือกใช้และบำรุงอุปกรณ์ 1. ควรเลือกใช้ให้ถูกประเภทของวัสดุและอุปกรณ์ 2. ควรศึกษาวิธีการใช้ก่อนลงมือใช้ 3. เมื่อใช้แล้วเก็บไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย 4. ซ่อมแซมเครื่องมือที่ชำรุดให้พร้อมใช้เสมอ แนวทางการลดขยะ การป้องกันและควบคุม การเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะที่สำคัญ ต้องอาศัย ขบวนการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน โดยทั่วไปแล้วหน่วยงาน ประชาชน องค์กรและชุมชน สามารถลดปริมาณขยะ ที่จะเกิดขึ้นได้โดยใช้หลักการดังนี้ 1. ระดับครัวเรือน 1.1 ลดการใช้ (Reduce) 1. ลดการขนขยะเข้าบ้าน ไม่ว่าจะเป็นถุงพลาสติก ถุงกระดาษ กระดาษห่อของ โฟม หรือ หนังสือพิมพ์เป็นต้น 2. ใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดเติม เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม เครื่องสำอาง ถ่านชนิดชาร์จได้ สบู่เหลว น้ำยารีดผ้า น้ำยาทำความสะอาด 3. ลดปริมาณขยะมูลฝอยอันตรายในบ้าน หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีภายในบ้าน เช่น ยากำจัด แมลงหรือน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ ควรหันไปใช้วิธีการทางธรรมชาติจะดีกว่า อาทิ ใช้เปลือกส้มแห้ง นำมาเผาไล่ยุง หรือ ใช้ผลมะนาวเพื่อดับกลิ่นภายในห้องน้ำ 4. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้โฟมและพลาสติกซึ่งกำจัดยาก โดยใช้ถุงผ้าหรือตะกร้า ในการจับจ่ายซื้อของ ใช้ปิ่นโตใส่อาหาร 1.2 ใช้ซ้ำ (Reuse) 1. นำสิ่งของที่ใช้แล้วกับมาใช้ใหม่ เช่น ถุงพลาสติกที่ไม่เปรอะเปื้อนก็ให้เก็บไว้ใช้ใส่ของ อีกครั้งหนึ่ง หรือใช้เป็นถุงใส่ขยะภายในบ้าน 2. นำสิ่งของมาดัดแปลงให้ใช้ประโยชน์ได้อีก เช่น การนำยางรถยนต์มาทำเก้าอี้ ขวดพลาสติก ทำเป็นที่ใส่ของ ทำแจกัน การนำเศษผ้ามาทำเปลนอน เป็นต้น 3. ใช้กระดาษทั้งสองหน้า 1.3 การรีไซเคิล (Recycle) เป็นการนำวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น กระดาษแก้วพลาสติก เหล็ก อะลูมิเนียม มาแปรรูปโดยกรรมวิธีต่างๆ นอกจากจะเป็นการลดปริมาณขยะมูลฝอยแล้ว ยังเป็นการลดการใช้พลังงาน และลดมลพิษที่เกิดกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราสามารถทำได้โดย 1. คัดแยกขยะรีไซเคิล ได้แก่แก้ว กระดาษ พลาสติก 2. การนำไปขาย บริจาค เข้าธนาคารขยะ 3. เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล
7 แกลอนพลาสติก แกลอนพลาสติก เป็นบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กที่ใช้บรรจุของเหลว โดยส่วนใหญ่จะเป็นรูปทรงแบบปิดทึบ ปากแคบ มีฝาเกลียวปิดมิดชิด มีหูจับ โดยมีจุดประสงค์เพื่อบรรจุของเหลวในปริมาณที่มากกว่าบรรจุภัณฑ์ ขนาดเล็ก สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก รูปแบบก็มีให้เลือกทั้งทรงกลมและทรงเหลี่ยม ขึ้นอยู่กับดีไซน์และ ความต้องการของผู้ประกอบการ ล้อมอเตอไซค์เก่า โดยส่วนมากแล้ว หากเสียหายแล้วก็จะทิ้งไม่มีประโยชน์ ก็นำมาปรับปรุงให้ใช้งานได้ ตามต้องการ สายยางพ่นยา สายฉีดพ่นยา มีน้ำหนักเบา เนื่องจากสายฉีดพ่นยามีความแข็งแรงทนทาน ทำให้สามารถใช้งานได้ เป็นระยะเวลานาน ถึงแม้ว่าจะใช้เป็นระยะเวลานานแต่สายฉีดพ่นยาจะแตกหักยาก สามารถทนยาฆ่าแมลง หรือสารกำจัดวัชพืชที่มีความเข็มข้นสูง สามารถทนแรงดันได้ถึง 5.0 Mpa (เมกะปาสคาล) กระบอกพ่นยา หลักการทำงานของกระบอกพ่นยา มีประโยชน์คือลดโอกาสที่ยาจะเข้าไปในปอดและลดผลข้างเคียง ที่เกิดจากยาตกค้างในปาก และกลืนลงไปในกระเพาะอาหาร
8 แบตเตอรี่ แบตเตอรี่ (Battery) หมายถึง อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่จัดเก็บพลังงานเพื่อไว้ใช้ต่อไป ถือเป็นอุปกรณ์ ที่สามารถแปลงพลังงานเคมีให้เป็นไฟฟ้าได้โดยตรงด้วยการใช้เซลล์กัลวานิก (galvanic cell) ที่ประกอบด้วย ขั้วบวกและขั้วลบ พร้อมกับสารละลายอิเล็กโตรไลต์ (electrolyte solution) แบตเตอรี่อาจประกอบด้วยเซลล์ กัลวานิกเพียง 1 เซลล์ หรือมากกว่าก็ได้ แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บไฟฟ้าเท่านั้น ไม่ได้ผลิตไฟฟ้า สามารถประจุไฟฟ้าเข้าไปใหม่ (recharge)ได้หลายครั้งและประสิทธิภาพจะไม่เต็ม 100% จะอยู่ที่ประมาณ 80% เพราะมีการสูญเสียพลังงานบางส่วนไปในรูปความร้อนและปฏิกิริยาเคมีจากการประจุจ่ายประจุนั่นเอง จึงมีการใช้แบตเตอรี่อย่างแพร่หลายโดยเฉพาะกับการติดตั้งโซล่าเซลล์ต้องมีแบตเตอรี่เป้นส่วนหนึ่งเสมอ ประเภทของแบตเตอรี่ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1. แบบธรรมดา(Conventional) หรือแบตเตอรี่ชนิดน้ำ เป็นแบตเตอรี่ ที่ใช้โลหะตะกั่วผสมพลวง เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ราคาถูก เหมาะกับรถยนต์ที่ใช้งานทั่วไป 2. แบตเตอรี่แบบไฮบริด(HYBRID) หรือชนิดกึ่งแห้ง ใช้ตะกั่วผสมแคลเซียมในโครงแผ่นธาตุลบ เป็นเทคโนโลยีของญี่ปุ่น มีข้อดีคือ อายุการใช้งานทนทานกว่าแบตเตอรี่ธรรมดา และไม่ต้องกังวลเรื่องเติมน้ำ กลั่น นอกจากนี้ในภาวะที่ใช้งานหนัก (Deep Cycle –Heaty Duty) เช่น รถบรรทุก,รถโดยสารและรถรับจ้าง 3. แบบแคลเซียม แมนเทนแนนซ์ฟรี (Calcium-Maintenance Free) หรือแบตเตอรี่ชนิดแห้ง ใช้ตะกั่วผสมแคลเซียมทั้งในโครงแผ่นธาตุบวกและลบ มีคุณสมบัติดีกว่า HYBRID คือไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ตลอด อายุการใช้งาน (แต่ในเมืองไทยที่มีอากาศร้อน ดังนั้นอาจต้องมีการเติมน้ำกลั่นบ้าง)ในเมืองไทย รถยนต์ ที่ประกอบตั้งแต่ปี 2545 จะใช้แบตเตอรี่ชนิด Ca-MF ทั้งหมด สะดวกต่อการใช้งาน และไม่ต้องบำรุงรักษา ข้อดี 1) เก็บประจุไฟฟ้าได้มากและสามารถจ่ายไฟได้ต่อเนื่องและยาวนาน 2) เหมาะสำหรับใช้กับระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เช่น โซล่าเซลล์ ปั๊มน้ำดีซี เนื่องจากถูก ออกแบบมาเพื่อใช้กับระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โดยเฉพาะ 3) แผ่นตะกั่วทั้งบวกและลบจะหนากว่าแบตเตอรี่รถยนต์ จึงสามารถทนต่อโหลดทนต่อการจ่ายโหลด ได้นานกว่าแบตเตอรี่รถยนต์ 4) เหมาะกับระบบโซล่าเซลล์และระบบไฟหรืออุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าต่อเนื่องอย่างมาก 5) เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่ใช้กับแบตเตอรี่โดยตรงอย่างมาก เช่น ปั๊มน้ำดีซี 6) คุ้มค่ากว่าแบตเตอรี่รถยนต์เมื่อใช้กับระบบโซล่าเซลล์และปั๊มน้ำดีซี 7) อายุการใช้งานนานกว่าแบตเตอรี่ ข้อเสีย 1) ไม่สามารถจ่ายกระแสสูงได้ในเวลาสั้น 2) ราคาสูงกว่าแบตเตอรี่ทั้วไป
9 บทที่ 3 วิธีการดำเนินโครงงาน 3.1 วัสดุอุปกรณ์ 1. แกลอนเก่า จำนวน 1 ถัง 2. สายยางพ่นยา จำนวน 1 เส้น 3. กระบอกพ่นยา จำนวน 1 อัน 4. ล้อยางมอเตอร์ไซค์เก่า จำนวน 2 ล้อ 5. แบตเตอรี่เก่า จำนวน 1 อัน 6. เศษเหล็ก 7. กล่องใส่อุปกรณ์จำนวน 1 กล่อง 8. ตู้เชื่อมเหล็ก จำนวน 1 ตู้ 9. ลวดเชื่อม จำนวน 5 แท่ง 10. เคเบิ้ลไทร์จำนวน 5 เส้น 11. สีทาเหล็ก 3.2 ขั้นตอนการประดิษฐ์ (เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่) และทดสอบ 1. นำล้อมอเตอร์ไซค์เก่ามาปะรอยรั่ว เติมลม ทาสีให้เรียบร้อย ภาพที่ 1 นำล้อมอเตอร์ไซค์เก่ามาปะรอยรั่ว เติมลม ทาสี 2. นำเศษเหล็กมาเชื่อมประกอบเป็นรถเข็นเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ ภาพที่ 2 นำเศษเหล็กมาเชื่อมประกอบเป็นรถเข็น
10 3. นำรถเข็นที่เชื่อมต่อเสร็จแล้วมาทาสีเพื่อความสวยงาม และป้องกันสนิม ภาพที่ 3 นำรถเข็นที่เชื่อมต่อเสร็จแล้วมาทาสีเพื่อความสวยงาม และป้องกันสนิม 4. ประกอบล้อเข้ากับรถเข็น แล้วใช้ปืนลมยิงน๊อตให้แน่นเพื่อป้องกันล้อหลุดออกจากรถเข็น ภาพที่ 4 ประกอบล้อเข้ากับรถเข็น 5. ติดตั้งสวิตซ์ เปิด-ปิด และปั้มดูดน้ำยาลงในกล่องเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย เพื่อความเป็นระเบียบ ภาพที่ 5 ติดตั้งสวิตซ์ เปิด-ปิด และปั้มดูดน้ำยาลงในกล่องเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย
11 6. นำแกลอนพลาสติก มาต่อสายพ่นยา ต่อกระบอกพ่นยา ภาพที่ 6 นำแกลอนพลาสติก มาต่อสายพ่นยา ต่อกระบอกพ่นยา 7. นำแบตเตอรี่มาต่อเข้ากับปั้มดูดน้ำยา เพื่อให้น้ำยาถูกดูดมาจากแกลอนมาตามสายพ่นยา ภาพที่ 7 นำแบตเตอรี่มาต่อเข้ากับปั้มดูดน้ำยา 8. นำท่อเหล็กกลมขนาด 1/4 นิ้ว ความยาว 2.50 เมตร ติดตั้งเพิ่มเติมสำหรับต่อสายพ่นยาให้ยาวออกไป และ หมุนซ้าย ขวา สำหรับพื้นที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ภาพที่ 8 นำท่อเหล็กกลมขนาด 1/4 นิ้ว ความยาว 2.50 เมตร ติดตั้งเพิ่มเติม
12 9. ทดสอบการใช้งาน ภาพที่ 9 ทดสอบการใช้งาน ภาพที่ 10 เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ ที่สำเร็จ
13 บทที่ 4 ผลการศึกษา จากการศึกษาสิ่งประดิษฐ์เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ ซึ่งได้ดำเนินการทดสอบ 2 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 การทดสอบพ่นยาด้วยเครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ ขั้นที่ 2 การทดสอบพ่นยาด้วยถังสะพาย โดยใช้น้ำยาในการพ่น จำนวน 10 ลิตร 20 ลิตร และ 60 ลิตร ในพื้นที่ 50 ตารางวา 100 ตาราง และ 400 ตารางวา ตามลำดับ ตารางที่ 1 การทดสอบพ่นยาด้วยเครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ และการพ่นยาด้วยถังสะพายหลัง ใช้น้ำยา ในการพ่น จำนวน 10 ลิตร 20 ลิตร และ 60 ลิตร ในพื้นที่ 50 ตารางวา 100 ตาราง และ 400 ตารางวา ตามลำดับ จากตารางที่ 1 ผลการศึกษาในการทดสอบครั้งที่ 1 พ่นยาด้วยเครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ ใช้น้ำยา ในการพ่น จำนวน 10ลิตร พ่นในพื้นที่ 50 ตารางวา ใช้เวลาในการพ่นน้ำยา 10 นาที การพ่นยาด้วยถังแบบสะพาย ใช้น้ำยาในการพ่น จำนวน 10ลิตร พ่นในพื้นที่ 50 ตารางวา ใช้เวลาในการพ่นน้ำยา 15 นาทีการทดสอบครั้งที่ 2 พ่นยาด้วยเครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ ใช้น้ำยาในการพ่น จำนวน 20 ลิตร พ่นในพื้นที่ 100 ตารางวา ใช้เวลา ในการพ่นน้ำยา 25 นาที การพ่นยาด้วยถังแบบสะพาย ใช้น้ำยาในการพ่น จำนวน 20 ลิตร พ่นในพื้นที่ 100 ตารางวา ใช้เวลาในการพ่นน้ำยา 30 นาที และการทดสอบครั้งที่ 3 พ่นยาด้วยเครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ ใช้น้ำยา ในการพ่น จำนวน 60 ลิตร พ่นในพื้นที่ 400 ตารางวา ใช้เวลาในการพ่นน้ำยา 35 นาที การพ่นยาด้วยถังแบบ สะพาย ใช้น้ำยาในการพ่น จำนวน 60 ลิตร พ่นในพื้นที่ 400 ตารางวา ใช้เวลาในการพ่นน้ำยา 45 นาที จากการ ทดสอบพบว่าถ้าปริมาณน้ำยาในการพ่น และพื้นที่ในการพ่นแต่ละครั้งเท่ากัน จะใช้เวลาที่แตกต่างกัน เครื่องพ่นยา พลังงานแบตเตอรี่ จะพ่นได้เร็วกว่า การพ่นยาด้วยถังแบบสะพาย ยิ่งถ้าปริมาณจำนวนน้ำยามากขึ้น ในพื้นที่ เท่ากัน เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่จะใช้เวลาในการพ่นได้เร็วกว่า เพราะมีรถเข็นรองรับน้ำหนัก การพ่น น้ำยาด้วยถังแบบสะพาย จะใช้เวลาในการพ่นยามากขึ้น เพราะเกษตรกรต้องแบกน้ำหนักของถังแบบสะพาย และน้ำยา จึงทำให้เกิดความเหนื่อยล้าในการพ่นยา ทำให้ใช้เวลาในการพ่นยาที่มากขึ้น ครั้งที่ทดสอบ พื้นที่ (ตารางวา) ผลการทดสอบเวลาในการพ่นน้ำยา ครั้งที่1 เครื่องพ่นแบบรถเข็น น้ำยา 10 ลิตร 50 ตารางวา ใช้เวลาในการฉีดพ่น 10 นาที ครั้งที่1 แบบสะพาย น้ำยา 10 ลิตร 50 ตารางวา ใช้เวลาในการฉีดพ่น 15 นาที ครั้งที่2 เครื่องพ่นแบบรถเข็น น้ำยา 20 ลิตร 100 ตารางวา ใช้เวลาในการฉีดพ่น 25 นาที ครั้งที่2 แบบสะพาย น้ำยา 20 ลิตร 100 ตารางวา ใช้เวลาในการฉีดพ่น 30 นาที ครั้งที่3 เครื่องพ่นแบบรถเข็น น้ำยา 60 ลิตร 400 ตารางวา ใช้เวลาในการฉีดพ่น 35 นาที ครั้งที่3 แบบสะพาย น้ำยา 60 ลิตร 400 ตารางวา ใช้เวลาในการฉีดพ่น 45 นาที
14 บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา อภิปรายผลการศึกษา สรุปผลการศึกษา แกลอนพลาสติกเหลือใช้ สามารถนำไปทำเครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ ที่ใช้ประโยชน์ได้ และการ ประดิษฐ์นั้นทำได้ง่าย โดยใช้เศษวัสดุเหลือใช้ต่างๆ มาประกอบกัน ให้มีความเหมาะสม สะดวกต่อการใช้งาน มีความยืดหยุ่น สะดวกในการเคลื่อนย้าย ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำโครงงาน การนำกลับมาใช้ใหม่ การลด ปริมาณขยะ การลดภาวะโลกร้อน ฝึกความคิดสร้างสรรค์ฝึกการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ฝึกการวางแผน ในการทำงาน ฝึกเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดีฝึกสมาธิฝึกการทำงานเป็นทีม มีความรับผิดชอบ การอภิปราย จากการทดลองพบว่าเครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ ใช้พ่นยาได้เร็ว มีหัวพ่นยา 3 จุด สามารถ พ่นได้กว้างและใช้เวลาการพ่นได้เร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่เกิดความเหนื่อยล้าในขณะการใช้งาน ซึ่งเป็นไปตาม วัตถุประสงค์และสมมุติฐานที่ตั้งไว้ ข้อเสนอแนะ เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ เหมาะสำหรับพื้นที่ราบ ไม่เหมาะกับพื้นที่ขรุขระ
15 บรรณานุกรม http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/state-of-water https://www.thaiwatersystem.com/product https://www.b-quik.com/th/advice/battery/the-heart-of-the-car http://www.thailedsolar.com/article https://itoolmart.com/product
16 ภาคผนวก
17 ภาพประกอบ 1. นำล้อมอเตอร์ไซค์เก่ามาปะรอยรั่ว เติมลม ทาสีให้เรียบร้อย ภาพที่ 1 นำล้อมอเตอร์ไซค์เก่ามาปะรอยรั่ว เติมลม ทาสี 2. นำเศษเหล็กมาเชื่อมประกอบเป็นรถเข็นเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ ภาพที่ 2 นำเศษเหล็กมาเชื่อมประกอบเป็นรถเข็น 3. นำรถเข็นที่เชื่อมต่อเสร็จแล้วมาทาสีเพื่อความสวยงาม และป้องกันสนิม ภาพที่ 3 นำรถเข็นที่เชื่อมต่อเสร็จแล้วมาทาสีเพื่อความสวยงาม และป้องกันสนิม
18 4. ประกอบล้อเข้ากับรถเข็น แล้วใช้ปืนลมยิงน๊อตให้แน่นเพื่อป้องกันล้อหลุดออกจากรถเข็น ภาพที่ 4 ประกอบล้อเข้ากับรถเข็น 5. ติดตั้งสวิตซ์ เปิด-ปิด และปั้มดูดน้ำยาลงในกล่องเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย เพื่อความเป็นระเบียบ ภาพที่ 5 ติดตั้งสวิตซ์ เปิด-ปิด และปั้มดูดน้ำยาลงในกล่องเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย 6. นำแกลอนพลาสติก มาต่อสายพ่นยา ต่อกระบอกพ่นยา ภาพที่ 6 นำแกลอนพลาสติก มาต่อสายพ่นยา ต่อกระบอกพ่นยา
19 7. นำแบตเตอรี่มาต่อเข้ากับปั้มดูดน้ำยา เพื่อให้น้ำยาถูกดูดมาจากแกลอนมาตามสายพ่นยา ภาพที่ 7 นำแบตเตอรี่มาต่อเข้ากับปั้มดูดน้ำยา 8. นำท่อเหล็กกลมขนาด 1/4 นิ้ว ความยาว 2.50 เมตร ติดตั้งเพิ่มเติมสำหรับต่อสายพ่นยาให้ยาวออกไป และ หมุนซ้าย ขวา สำหรับพื้นที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ภาพที่ 8 นำท่อเหล็กกลมขนาด 1/4 นิ้ว ความยาว 2.50 เมตร ติดตั้งเพิ่มเติม 9. ทดสอบการใช้งาน ภาพที่ 9 ทดสอบการใช้งาน
20 ภาพที่ 10 เครื่องพ่นยาพลังงานแบตเตอรี่ ที่สำเร็จ
21