The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีทั้งสอง โดยพิจารณาจากประเด็นการรวมประเทศ ในช่วงเหตุการณ์สำคัญระหว่างประเทศ 2 เหตุการณ์ คือ ยุคสงครามเย็นและยุคหลังสงครามเย็น ดังนั้น ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผู้กำหนดนโยบายและกระบวนการทาง การเมืองในเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จึงแตกต่างกัน รวมทั้งบทบาทของตัวแสดงอื่น โดยเฉพาะมหาอำนาจ และสภาพแวดล้อมภายนอกของเกาหลีทั้งสอง ซึ่งจะช่วยให้ได้คำตอบต่อคำถามที่ว่าทำไมเกาหลีทั้งสองจึงยังไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Bank Bell, 2023-02-02 11:15:49

ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้

สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีทั้งสอง โดยพิจารณาจากประเด็นการรวมประเทศ ในช่วงเหตุการณ์สำคัญระหว่างประเทศ 2 เหตุการณ์ คือ ยุคสงครามเย็นและยุคหลังสงครามเย็น ดังนั้น ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผู้กำหนดนโยบายและกระบวนการทาง การเมืองในเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จึงแตกต่างกัน รวมทั้งบทบาทของตัวแสดงอื่น โดยเฉพาะมหาอำนาจ และสภาพแวดล้อมภายนอกของเกาหลีทั้งสอง ซึ่งจะช่วยให้ได้คำตอบต่อคำถามที่ว่าทำไมเกาหลีทั้งสองจึงยังไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

Keywords: ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้

คำ นำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E - Book) นี้ จัดทำ ขึ้นเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยว กับ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ รายวิชา ว30117 วิทยาการคำ นวณ ผู้จัดทำ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความ สัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีจากแหล่งเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ และนำ เสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ มีภาพประกอบการเรียนรู้ ผู้จัดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านและผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย ผู้จัดทำ น.ส.ชยนฐ บัวคำ น.ส.พีรฎา ปั้นดี น.ส.สโรชินี สุภาวิทย์ ก


เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ประเด็นการรวมประเทศ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ในยุคสงครามเย็น เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ในระยะแรกของช่องหลังสงครามเย็น เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ การประชุมสุดยอด ผู้นำ ครั้งแรกและครั้งที่ 2 เกาหลีใต้ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ในยุคคิดจองอึนและมุนแชอิน คำ นำ สารบัญ 1 2 3 4 5 ข ก หน้า สารบัญ ข


สำ หรับเกาหลีส่วนเหนือ ซึ่งอยู่ในความควบคุมดูแลของสหภาพโซเวียต ได้จัดตั้งรัฐบาลและสถาปนา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (Democratic People’s Republic of Korea) หรือ เกาหลีเหนือขึ้นในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ความแตกต่างด้านอุดมการณ์ระหว่างรัฐบาลเกาหลีทั้งสอง และการมีมหาอำ นาจที่ต่างแข่งขันกันขยายอิทธิพลให้การหนุนหลังแต่ละฝ่าย เกาหลีเหนือและ เกาหลีใต้ ประเด็น การรวมประเทศ ในช่วงญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ ค.ศ. 1945 สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตได้ตกลงกันแบ่งเกาหลีออก เป็น 2 ส่วนที่เส้นขนานที่ 38 เพื่อการปลดอาวุธทหารญี่ปุ่น ในดินแดนเกาหลี ทั้งนี้สืบเนื่องจากญี่ปุ่นได้ยึดครองเกาหลี เป็นอาณานิคมตั้งแต่ ค.ศ. 1910 เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นลง การจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดจาก เจตนารมณ์ของประชาชนเกาหลีกลับไม่ได้เกิดขึ้น เพราะ มหาอำ นาจทั้งสองต่างสนับสนุนกลุ่มการเมืองที่มีอุดมการณ์ สอดคล้องกับตนจัดตั้งรัฐบาล ท่ามกลาง การคัดค้านของ ประชาชนเกาหลี โดยเกาหลีส่วนใต้ซึ่งอยู่ในความควบคุมดูแล ของสหรัฐอเมริกาในการปลดอาวุธทหารญี่ปุ่น ได้จัดตั้งรัฐบาล และสถาปนาสาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea) หรือ เกาหลีใต้ขึ้นในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1948 จึงทำ ให้นโยบายหรือข้อเสนอแนวทางในการ รวมเกาหลีทั้งสองเข้าด้วยกัน ไม่เกิดผลขึ้นด้วยการเจรจา ในที่สุดความขัด แย้งได้เกิดเป็นสงครามเกาหลีระหว่าง ค.ศ. 1950-1953 ซึ่งผลลัพธ์ของสงครามก็ไม่ได้ ทำ ให้เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้กลับมารวมกัน 1


เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ในยุคสงครามเย็น ความขัดแย้งระหว่างผู้นำ การเมืองของเกาหลีทั้งสองเกี่ยวกับการรวมประเทศ ได้นำ ไปสู่สงครามเกาหลี ช่วงค.ศ. 1950-1953 โดยมีมหาอำ นาจให้ การสนับสนุนแต่ละฝ่ายส่งทหารเข้าร่วมรบ แต่การใช้กำ ลัง ทางทหารก็ไม่สามารถทำ ให้เกาหลีทั้งสองกลับเข้ารวมเป็นเกาหลีเดียวได้ แม้คู่กรณีการสู้รบได้ลงนามใน ความตกลงสงบศึก (armistice) เพื่อยุติการสู้รบในสงครามเกาหลี เมื่อ ค.ศ. 1953 แต่ความแตกต่าง ด้านอุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของเกาหลีทั้งสอง จีน และสหภาพโซเวียต ซึ่งให้ ความสนับสนุนเกาหลีเหนือ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งให้ความสนับสนุนเกาหลีใต้ ต่างได้คำ นึงถึงผลประโยชน์ ของตนเอง ดังการสกัดกั้น การขยายอิทธิพลของอีกฝ่ายหนึ่ง รวมทั้งความไม่มั่นใจว่าเมื่อเกาหลีทั้ง สองรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว เกาหลีจะวางตัวเป็นกลางหรือเป็นพันธมิตรกับฝ่ายใด ฉะนั้นภายหลังการลงนามในความตกลงสงบศึก สงครามเกาหลี การเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ ในประเด็นการเมือง และการเจรจา เพื่อจัดทำ สนธิสัญญาสันติภาพ ตาม เจตนารมณ์ความตกลงสงบศึกจึงไม่บรรลุผล ดังการ ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN General Assembly) ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1953 และการ ประชุมที่เจนีวา (Geneva) ในช่วงเดือนเมษายนถึง เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1954 เมื่อการประชุมระดับ พหุภาคีล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา ในช่วงเวลาถัดมา ผู้นำ การเมืองหรือองค์กรต่าง ๆ ของเกาหลีเหนือและ เกาหลีใต้ จึงเสนอแนวนโยบายการรวมเกาหลีให้อีก ฝ่ายหนึ่งพิจารณา ซึ่งในบางช่วงทั้ง 2 ฝ่ายสามารถ จัดการเจรจาระหว่างกันขึ้น และนำ ไปสู่การลงนามใน ความตกลงร่วมกัน ดังแถลงการณ์ร่วมเหนือและใต้ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 (South-North Joint Communique of 4 July 1972) ซึ่งมีเป้าหมายในการลดความขัดแย้ง และการสร้างความร่วมมือเพื่อนำไปสู่การ รวมประเทศ ดังนั้น เนื้อหาในบทนี้จึงเป็นส่วนที่นำ เสนอนโยบายหรือข้อเสนอการรวมประเทศของ เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ในยุคสงครามเย็น ความตกลงระหว่างเกาหลีทั้งสอง ปัจจัยที่นำไปสู่ ความตกลง และการนำ ความตกลงไปสู่การปฏิบัติ 2


เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ในระยะแรกของช่องหลังสงครามเย็น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในของเกาหลีทั้งสอง และการเปลี่ยนแปลง ของสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศนับเป็นปัจจัยสำ คัญต่อการปรับท่าที และ ความสัมพันธ์ระหว่างกันขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เห็นได้ชัดใน เกาหลีใต้ก็คือ การปฏิรูปการเมืองโดยการ ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขครั้งที่ 9 เมื่อ ค.ศ. 1987 ถือเป็นผลให้ผู้ดำ รงตำ แหน่ง ประธานาธิบดี ต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรง ของประชาชน จึงแตกต่างจากในยุค 20 กว่าปี ก่อนหน้า ที่ผู้ดำ รงตำ แหน่งมาจาก การ รัฐประหาร หรือแม้บางคนผ่านการเลือกตั้ง แต่ กลับเป็นการเลือกตั้งที่ทุจริต เมื่อการเมือง เปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย ผู้สมัครแข่งขัน ดำ รงตำ แหน่งประธานาธิบดีต้องเสนอนโยบาย ให้ประชาชนพิจารณา เมื่อได้รับความไว้วางใจ ให้ดำ รงตำ แหน่งผู้นำ ประเทศแล้ว ก็ต้องอยู่ ภายใต้การตรวจสอบของประชาชน นอกจากพัฒนาการทาง การเมืองที่เกิดขึ้น ในเกาหลีใต้ดังกล่าว การสิ้นสุดสงครามเย็น ในปลายทศวรรษที่ 1980 ก็ถือว่ามีอิทธิพล สำ คัญต่อเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ในการ ปรับท่าทีให้สอดคล้อง กับนโยบายและท่าที ของมหาอำ นาจที่ให้การหนุนหลัง เพื่อไม่ให้ ผลกระทบจาก การเปลี่ยนแปลงกลายเป็น สิ่งคุกคามต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ ดังนั้น เนื้อหาในบทนี้จึงนำ เสนอนโยบายการ รวมเกาหลีซึ่งผู้นำ เกาหลีทั้งสองได้เห็นพ้อง ร่วมกัน การดำ เนินการตามนโยบาย และ ปัญหากับอุปสรรคที่เกิด 3


เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ การประชุมสุดยอด ผู้นำ ครั้งแรกและครั้งที่ 2 เกาหลีใต้ ก่อนการเกิดวิกฤตนิวเคลียร์เกาหลีเหนือครั้งที่ 2 ใน ค.ศ. 2002 ซึ่งนำ ไปสู่ การเผชิญหน้าระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐอเมริกา โดยมีเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ร่วมอยู่ด้วยนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ถือว่าอยู่ใน ลักษณะ การปรองดอง และการร่วมมือกันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เพราะ ประธานาธิบดี คิมแดจุง(Kim Dae-jung) ผู้นำ เกาหลีใต้กับคิมจองอิล (Kim Jong-il) ผู้นำ เกาหลีเหนือ ได้ประชุมร่วมกันระหว่างวันที่13-15 มิถุนายน ค.ศ. 2000 อันเป็นการประชุมสุดยอดครั้งแรก ระหว่างผู้นำ เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ นับตั้งแต่เกาหลีถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ใน ค.ศ. 1945 ผลจากการประชุมผู้นำ ทั้งสองได้บรรลุความตกลง ซึ่ง สาระสำ คัญปรากฏตามแถลงการณ์ร่วมเหนือและใต้ 15 มิถุนายน (June 15 South-North Joint Declaration) ดังนี้ประการแรก เกาหลีเหนือและ เกาหลีใต้ตกลงกันใน การแก้ไขปัญหาประเด็นการรวม ประเทศอย่างอิสระ โดยผ่านความพยายามร่วมกันของ ประชาชนเกาหลีทั้งมวล ประการที่ 2 ทั้ง 2 ฝ่ายรับรอง ว่าข้อเสนอการรวมประเทศตามรูปแบบเครือจักรภพ (commonwealth) ของเกาหลีใต้ และข้อเสนอการรวม ประเทศตามรูปแบบสหพันธรัฐแบบหลวม ๆ (low-level federation) ของเกาหลีเหนือ มีความคล้ายคลึงกัน โดย เกาหลีทั้งสองสนับสนุนการรวมประเทศให้ เป็นไปตามรูป แบบดังกล่าว ประการที่ 3 ทั้ง 2 ฝ่ายจะจัดการประเด็นปัญหา ด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเร่งด่วน โดยจะ ให้มีการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนระหว่าง ผู้พลัดพรากจากครอบครัวในช่วงสงคราม เกาหลี และปัญหากรณีผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ ซึ่งถูกจองจำ อยู่ในเกาหลีใต้ ประการที่ 4 เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ตกลงกันในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของ ทั้ง 2 ฝ่าย ให้มีความสมดุลกัน การสร้างความร่วมมือ ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน และการกระ ตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม กีฬาสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และอื่น ๆ และ ประการที่ 5 การจัดให้ มีการเจรจาในระดับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้นำความตกลงไปดำ เนินการ ในทางปฏิบัติ นอกจากนี้ คิมจองอิลได้ตอบตกลงในการเดินทางเยือนเกาหลีใต้ ภายใน ช่วงระยะ เวลาอันเหมาะสม (“South-North joint”, 2000) 4


ภายหลังยุคประธานาธิบดีคิมแดจุง (Kim Dae-jung) และโนมูฮย็อน (Roh Moo-hyun) การผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้กลับปรากฏขึ้นอีกครั้งใน ยุคมุนแชอิน (Moon Jae-in) ซึ่งเข้าดำ รงตำ แหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในเดือน พฤษภาคม ค.ศ. 2017 จึงแตกต่างจากในช่วง 10 ปีก่อนหน้า ซึ่งนักการเมืองแนว อนุรักษนิยมเป็นผู้นำ ประเทศ โดยรัฐบาลมุนแชอินได้ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ในยุคคิดจองอึนและมุนแชอิน ให้ความสำ คัญกับการดำ เนินท่าทีประนีประนอมกับเกาหลีเหนือ ควบคู่ไป กับการ ธำ รงความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา อันเป็นผลให้ ประธานาธิบดีมุนแชอิน และคิมจองอึน (Kim Jong-un) ประชุมสุดยอด ร่วมกันในเดือนเมษายน ค.ศ. 2018 และการประชุมสุดยอดระหว่างคิมจอง อึนกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) แห่งสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ทั้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และ สหรัฐอเมริกากับเกาหลีเหนือในช่วงค.ศ. 2016-2017 อยู่ในภาวะตึงเครียด ดังนั้น เนื้อหาในบทนี้จึงเป็นการนำ เสนอภาพรวม ของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในยุคคิมจองอึน และมุนแชอินเป็นผู้นำ ตามลำ ดับ ในประเด็น ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการต่างประเทศ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลี ทั้งสอง และการกำ หนดท่าทีในการรวมเกาหลี ในอนาคตในขณะเดียวกันก็นำ เสนอประเด็น การประชุมสุดยอดระหว่างคิมจองอึนกับ ประธานาธิบดีทรัมป์ 5


Click to View FlipBook Version