ความผิดฐานหมิ่นประมาท
จัดทำโดย C
นางสาวพิมพ์ลภัส ออสันตินุตสกุล TO
รหัสนิสิต 63101208
คณะนิติศาสตร์
เสนอ
อาจารย์วีณา สุวรรณโณ
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา
คำนำ
คำอธิบายประมวลกฎหมายอาญา เรื่อง ความผิดฐาน
หมิ่นประมาท จัดทำขึ้นมาเพื่อมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้
ประกอบในการเรียนในรายวิชาดังกล่าว
กฎหมายอาญา คือ กฎห
มายมหาชนประเภทหนึ่งที่
กำหนดความเกี่ยวกันระหว่างรัฐกับราษฎรมีสาระสำคัญ
เกี่ยวกับการกระทำที่เป็นความผิดและการลงโทษผู้ฝ่าฝืนไว้
ทั้งนี้เพื่อเป็นการควบคุมความประพฤติของบุคคลให้อยู่
ภายในขอบเขตที่ถูกที่ควร มิให้ละเมิดสิทธิ์ของบุคคลอื่น
และรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ให้
ประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มิให้มีการแก้แค้นหรือ
ล้างแค้นกันตามอำเภอใจ โดยรัฐยื่นมือเข้ามาลงโทษผู้
กระทำผิดเสียเอง กฎหมายใดที่ลักษณะดังกล่าวย่อมอยู่ใน
ความหมายของคำว่า “กฎหมายอาญา” ทั้งสิ้น
หากผิดพลาดประการใด ข
ออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย และ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีประโยชน์แก่ผู้ที่มาศึกษาค้นคว้า
ในสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เล่มนี้
ผู้จัดทำ
นางสาวพิมพ์ลภัส ออสันตินุตสกุล
นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
สารบัญ หน้า
เรื่อง
1.แนวความคิดเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นประมาท 1
2.ความผิดฐานหมิ่นประมาท มาตรา 326 2
3..ความผิดฐานหมิ่นประมาทคนตามาตรา 327 7
4.ความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา 10
มาตรา 328
13
5.เหตุยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาท 20
มาตรา 329 และมาตรา 331
23
6.เหตุยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาท 24
มาตรา 329 27
7.เหตุยกเว้นโทษ มาตรา 330
8.การยอมรับและการร้องทุกข์แทน มาตรา 333
9.อ้างอิง
ค ว า ม ผิ ด ฐ า น
ห มิ่ น ป ร ะ ม า ท
1.แนวความคิดเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นประมาท
แม้ว่ามนุษย์จะเป็นผู้มีสติปัญญา มีเหตุผล เลยรู้
ว่าการใดควรหรือไม่ควรก็ตาม แต่ก็มีน้อยคนนักที่
สามารถข่มตนมิให้ติฉินนินทาหรือกล่าวร้ายต่อผู้อื่นลับ
หลังได้ แม้การนินทาหรือติเตียนลับหลังผู้อื่นจะเกิดขึ้น
เป็นธรรมดาที่เรียกว่าโลกธรรมก็ตาม แต่สิ่งที่แน่นอนก็
คือการสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ถูกนินทาไม่มากก็น้อย
และถ้าการนินทานั้นถึงขนาดเป็นการใส่ถ้อยร้อยความจน
ทำให้เกิดความเสียหายในทางใด ๆ แก่บุคคลผู้ถูกใส่
ความนั้น ศักดิ์ศรีหรือชื่อเสียงเกียรติคุณที่ผู้ถูกใส่ความ
อุตส่าห์สั่งสมมาก็จะถูกทำลายหรือลดคุณค่าลงไปในชั่ว
พริบตา ด้วยเหตุนี้เอง รัฐจึงได้กำหนดมาตรการในการ
คุ้มครองศักดิ์ศรีในรูปของชื่อเสียงโดยการบัญญัติ
กฎหมายห้ามการกระทำดังกล่าวนั้นมีชื่อว่า
“ความผิดฐานหมิ่นประมาท” (Defamation) ขึ้น
2.ความผิดฐานหมิ่นประมาท มาตรา 326
ก.บทบัญญัติ
มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการ
ที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังผู้
นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
หนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ข.องค์ประกอบความผิด
ข.1 องค์ประกอบภายนอก
1.ผู้ใด
2.ใส่ความ
3.ผู้อื่น
4.ต่อบุคคลที่สาม
5.โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง
ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
ข.2 องค์ประกอบภายใน
เจตนาธรรมดา
ค.คำอธิบาย
ค.1 ใส่ความ
คำว่า “ใส่ความ” หมายความว่า กล่าวหาหรือแสดง
ข้อความให้ร้ายผู้อื่น ซึ่งถ้าหากเป็นความจริงก็อาจทำให้ผู้อื่น
นั้น
ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของผู้ถูกกระทำ
ไม่ว่าโอกาสที่เป็นไปตามที่ใส่ความจะมีมาก
หรือน้อยก็ตามและสามารถจำแนกพิจารณา
เป็นรายประเด็นได้ ดังต่อไปนี้
1.การใส่ความต้องเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่าผู้กระทำ
กล่าวถึงผู้ถูกกระทำและยืนยันว่ามีพฤติกรรมที่กระทบต่อ
ชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้ถูกกระทำ
1.1 ข้อความนั้นต้องเป็นการ “ยืนยัน” ข้อเท็จจริง
หมายความว่า จะต้องแสดงเป็นประโยคบอกเล่าถึงข้อเท็จ
จริง ซึ่งอาจเกิดขึ้นแล้วในอดีตหรือกำลังดำเนินอยู่ในขณะที่
ใส่ความ
ตัวอย่าง นายไก่เล่าให้นายนกฟังว่า “นายหนอนได้
ยักยอกทรัพย์สินของทางราชการไปเมื่อสองเดือนก่อน”
ถ้อยคำนี้ที่นายไก่กล่าวนั้น เป็นการยืนยันหรือบอกเล่าข้อ
เท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต
ดังนั้น ข้อความดังกล่าวย่อมเป็นการใส่ความนาย
หนอนนายไก่จึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามมาตรา
326
1.2 ข้อความที่ใส่ความต้องชัดเจนเพียงพอที่จะทราบ
ได้ว่าผู้ถูกใส่ความเป็นใคร แม้ไม่ได้ระบุชื่อเฉพาะเจาะจง
เช่น กล่าวว่า “เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2557 เวลา
ประมาณ 18:00 น. คนขับรถยนต์ป้ายทะเบียน ศศ
2345 ได้ขับรถยนต์ชนผู้อื่นแล้วหนี” เช่นนี้เป็นการยืนยัน
ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอแล้วว่าผู้ถูกใส่ความเป็นใคร
1.3 ข้อความต้องชัดเจนเพียงพอให้ทราบว่าการกระทำ
ที่ถูกใส่ความนั้นหมายความว่าเป็นอย่างไร
2.ลักษณะการใส่ความที่เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาท
2.1 การใส่ความเรื่องความประพฤติอันเข้าข่ายผิด
กฎหมายของผู้เสียหาย เช่น กล่าวหาว่าให้หรือรับสินบน
ลักทรัพย์หรือยักยอกซับของผู้อื่น เป็นต้น
2.2 การใส่ความเรื่องความประพติเสื่อมเสียทางประเวณี
ของผู้เสียหาย
2.3 การใส่ความเรื่องพฤติกรรมที่แสดงถึงฐานะทางการ
เงินที่ไม่น่าเชื่อถือของผู้เสียหาย
2.4 การใส่ความให้เสื่อมเสียในเรื่องส่วนตัวซึ่งกระทบต่อ
อาชีพการงานของผู้เสียหาย
2.5 การใส่ความเรื่องซึ่งเป็นที่รังเกียจของสังคมหรือยัง
ไม่ได้รับการยอมรับในสังคม
3.ข้อเท็จจริงที่ใส่ความนั้นมีโอกาสเป็นจริงได้
ข้อนี้หมายความว่า กล่าวคือ เป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถกระทำ
หรือแสดงพฤติกรรมอย่างที่กล่าวหาได้
เช่น กล่าวหาว่าให้สินบนเเก่เจ้าพนักงานซึ่งการเป็นเรื่องที่ใส่
ความที่อาจเกิดขึ้นได้ การกระทำดังกล่าวจึงจะเรียกว่าเป็นการ
ใส่ความ
4.การใส่ความไม่จำกัดวิธี
มีอยู่ 2 วิธีคือ
1.ใส่ความด้วยวาจา เช่น ใส่ความทางโทรศัพท์หรือเล่า
เหตุการณ์
2.ใส่ความเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น เขียนหรือนำ
จดหมายที่มีข้อความหมิ่นประมาทไปให้ผู้อื่นอ่านความไม่
จำกัดวิธี
ค.2 ผู้อื่น
คำว่า “ผู้อื่น” ตามมาตรา 326 หมายถึง ผู้ที่ถูกใส่ความ
ซึ่งจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ซึ่งมีข้อ
พิจารณา ดังต่อไปนี้
1.ประเภทของบุคคลที่ถูกใส่ความ
1.1 บุคคลธรรมดา
ผู้ถูกใส่ความซึ่งเป็นบุคคลธรรมดานี้ หมายถึง
ผู้ที่มีสภาพบุคคล ตามมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์
1.2 นิติบุคคล
นิติบุคคล หมายถึง บุคคลที่กฎหมายสมมุติขึ้น
ให้มีสภาพบุคคลเช่น เดียวกับบุคคลธรรมดา เช่นห้าง
หุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด กระทรวง วัด เป็นต้น
2.จำนวนผู้ถูกใส่ความ
ตัวอย่าง คำโฆษณามีความหมายเฉพาะนายแพทย์
ชายคนหนึ่งไม่มีกินความถึงนายแพทย์ทุก ๆ คนในโรง
พยาบาลศิริราช ก็ย่อมทราบไม่ได้ว่านายแพทย์คนใด
เป็นผู้เสียหาย และเมื่อตามคำฟ้องไม่มีช่องทางแสดงให้
เห็นถึงว่าจำเลยมุ่งหมายกล่าวใส่ความถึงนายแพทย์
เฉลิม ดังนั้นนายแพทย์เฉลิมจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย
ค.3 ต่อบุคคลที่สาม
บุคคลที่สาม ซึ่งเป็นผู้รับสารหรือข้อความที่ใส่ความ
จากผู้กระทำ จึงจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทได้
ต้องมีความสามารถในการเข้าใจข้อความที่ใส่ความนั้น
ความผิดจึงจะสำเร็จ
ค.4 โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง
ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง
ค.5 เจตนาธรรมดา
การกระทำตามมาตรา 326 อาศัยเจตนาธรรมดา ซึ่งอาจ
เกิดจากการกระทำโดยเจตนาประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็ง
เห็นผลก็ได้
3..ความผิดฐานหมิ่นประมาทคนตามาตรา 327
กรณีของการใส่ความผู้ตายนั้น ไม่เฉพาะแต่ผู้ที่
ตายไปแล้วเท่านั้นที่เสียหายผู้ที่สืบและดำรงวงศ์
ตระกูลต่อมาก็หากได้รับความเสียหายด้วยเข้าทำนอง
ใส่ความคนตายเสียหายคนเป็น
ดังนั้น ประมวลกฎหมายอาญาจึงบัญญัติความ
ผิดตามมาตรา 327 ขึ้นเพื่อคุ้มครองมิให้เกิดการกระ
ทำที่เป็นการทำร้ายชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูก
เกลียดชัง แก้ญาติหรือคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่
ก. บทบัญญัติ
มาตรา 327 ผู้ใดใส่ความผู้ตายต่อบุคคลที่
สามและการใส่ความนั้นน่าจะเป็นเหตุให้บิดา
มารดา คู่สมรสหรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูก
ดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐาน
หมิ่นประมาท ต้องระวังโทษดังบัญญัติไว้ในมาตรา
326 นั้น
ข. องค์ประกอบความผิด
ข.1 องค์ประกอบภายนอก
1.ผู้ใด
2.ใส่ความ
3.ผู้ตาย
4.ต่อบุคคลที่สาม
5. น่าจะเป็นเหตุให้บิดามารดา คู่สมรส
หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือถูก
เกลียดชัง
ข.2 องค์ประกอบภายใน
เจตนาธรรมดา
ค. คำอธิบาย
ค.1 ใส่ความ
คำว่า “ใส่ความ” นั้นเป็นไปตามที่ได้อธิบายไป
แล้วในมาตรา 326
ค.2 ผู้ตาย
คำว่า “ผู้ตาย” ในที่นี้ โดยสภาพย่อมหมายถึง
กรณี บุคคลธรรมดาเท่านั้นไม่รวมถึงนิติบุคคลดัง
เช่นที่บัญญัติ ไว้ในมาตรา 326
ค.3 ต่อบุคคลที่สาม
คำว่า “ต่อบุคคลที่สาม” นั้นเป็นอย่าง
เดียวกับที่ได้อธิบายไว้แล้วในมาตรา 326
ค.4 น่าจะเป็นเหตุให้บิดา มารดา คู่สมรสบุตร
ของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียด
ชัง
ค.5 เจตนาธรรมดา
มาตรานี้อาศัยเจตนาธรรมดา ได้แก่ เจตนา
ประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผล ส่วนการที่ใส่
ความผู้ตายโดยไม่รู้ว่าผู้ตายมีบิดา มารดา คู่สมรส
หรือบุตรอยู่นั้น เห็นว่า กรณีนี้ไม่เป็นเจตนา
ประสงค์ต่อผล แต่เป็นเจตนาย่อมเล็งเห็นผล
เพราะโดยทั่วไปแล้วบุคคลย่อมมีบิดา มารดา คู่
สมรส หรือบุตรดังนั้นจะนำความในมาตรา 59
วรรคสาม กรณีไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบ
ภายนอกของความผิดมาอ้างไม่ได้
4.ความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
มาตรา 328
ความผิดตามมาตรานี้เ
ป็นบทเฉพาะที่เอาผิด
กับบุคคลที่ใช้การโฆษณาซึ่งเป็นวิธีการนั้นทำให้
ข้อความที่หมิ่นประมาทเผยแพร่ไปอย่างกว้าง
ขวางแพร่กระจายมากก็เสียหายมาก มาตรา
328 จึงกำหนดความผิดและโทษให้หนักขึ้นกว่าที่
ปรากฏในมาตรา 326 หรือมาตรา 327
ก. บทบัญญัติ
มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาท
ได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด
ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่
ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียงหรือสิ่ง
บันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษรกระทำ
โดยกระจายเสียง หรือกระจายภาพ หรือโดย
กระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้อง
ระวังโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกิน สอง
แสนบาท
ข. องค์ประกอบความผิด
ข.1 องค์ประกอบภายนอก
1.การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท
2.ได้กระทำด้วยวิธีอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปนี้
2.1 โดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด
ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่
ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีอื่นใด ๆ แผ่นเสียง หรือ
สิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร
2.2 โดยการกระจายเสียง กระจายภาพ หรือ
2.3 โดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น
ข.2 องค์ประกอบภายใน
เจตนาธรรมดา
ค. คำอธิบาย
ค.1 การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท
การกระทำที่จะเป็นความผิดตามมาตรานี้
จะต้องครบองค์ประกอบตามมาตรา 326
หรือมาตรา 327 เสียก่อน ดังนั้น หากการกระ
ทำไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือหมิ่น
ประมาทผู้ตาย ผู้กระทำย่อมไม่มีความผิดฐาน
หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
ค.2 ได้กระทำด้วยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปนี้
1.โดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพ
ระบาย สีภาพยนตร์ หรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่
ว่าด้วยวิธีใด ๆ
คำว่า “โฆษณา” หมายถึง เผยแพร่ข้อความไปสู่
สาธารณะชนหรือประชาชนทั่วไป
ตัวอย่าง การนำหนังสือ
พิมพ์ไปแจกโดยทราบว่า
มีเนื้อหาข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ถือได้ว่า
เป็นการกระจายข่าวไปสู่สาธารณะชนหรือ
ประชาชนทั่วไปแล้วจึงเป็นความผิดฐานหมิ่น
ประมาทโดยการโฆษณา
2.โดยการกระจายเสียง กระจายภาพ
คำว่า “กระจายเสียง” หมายถึง ส่งเสียงแพร่
ออกไปไกล ๆ เช่น วิทยุกระจายเสียง ส่วนคำว่า
“กระจายภาพ” หมายถึงส่งกระแสภาพออกไป
ใกลๆ เช่น การส่งสัญญาณโทรทัศน์
3. โดยกระทำการป่าวป
ระกาศด้วยวิธีอื่น
คำว่า “ป่าวประกาศ” หมายถึง
ประกาศให้รู้ทั่วกัน เช่น แสดงละคร ร้อง
เพลง เป็นต้น
ค.3 เจตนาธรรมดา
5.เหตุยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาทมาตรา
329 และมาตรา 331
5.1 การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดย
สุจริตมาตรา 329
ก.บทบัญญัติ
มาตรา 329 ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือ
ข้อความใดโดยสุจริต
(1) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือ
ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(2) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติตามการ
ตามหน้าที่
(3) ติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลหรือสิ่ง
ใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ
(4) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่อง
การดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือการประชุม
ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
ข. เงื่อนไขและผล
ข.1 เงื่อนไข
(1) แสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต
(2) เข้าข้อหนึ่งข้อใดดังต่อไปนี้
2.1 เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือ
ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามครองธรรม
2.2 ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการ
ตามหน้าที่
2.3 ติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคล
หรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยประชาชนย่อนกระทำ หรือ
2.4 ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม
เรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการ
ที่ประชุม
ข.2 ผล
ผู้กระทำไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
ค. คำอธิบาย
ค.1 แสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดย
สุจริต
เหตุยกเว้นความผิดตามกรณีนี้พิจารณา
จากการ ที่ผู้กระทำได้แสดงความคิดเห็นหรือ
ข้อความไปด้วยความสุจริต แม้สิ่งที่เข้าใจนั้น
จะไม่เป็นความจริงแต่ผู้กระทำเชื่อโดยสุจริตว่า
เป็นความจริง จึงได้แสดงข้อความที่ไม่เป็น
ความจริงนั้นออกไป ถือว่าเป็นการแสดงความ
คิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ย่อมได้รับความ
คุ้มครองโดยกฎหมาย
ตัวอย่าง เหตุการณ์แวดล้อม
ต่าง ๆ ทำให้จำเลยเข้าใจ
ว่าโจทก์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มา
ก่อกวนและเหตุประทัดระเบิด ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็น
ดังที่จำเลยเข้าใจหรือไม่ แต่มีเหตุให้จำเลยเชื่อว่าเป็น
ความจริง การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความของ
จำเลยในวันรุ่งขึ้นจึงเป็นการกระทำโดยสุจริต
ค.2 เงื่อนไขในการยกเว้นความผิด 4 ประการ
2.1 เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตน หรือป้องกัน
ส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามครองธรรม
(2.1.1) คำว่า “เพื่อความชอบธรรม”
หมายความว่า เพื่อความถูกต้องตามความคิดของ
สามัญชนทั่วไป
(2.1.2) คำว่า “ป้องกันตน” หมายความว่า
ป้องกันความเสียหายไม่ให้เกิดแก่ตนไม่ว่าจะเป็น
ในทางใด
(2.1.3) คำว่า “ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับ
ตนตามครองธรรม” หมายความว่า ป้องกันไปถึง
ประโยชน์ส่วนได้เสียในทุกทางซึ่งมีความสัมพันธ์
เกี่ยวกับผู้กระทำโดยชอบด้วยศีลธรรมทำหรือ
วัฒนธรรม
2.2 ในฐานะเป็นเจ้าพนักง
านปฏิบัติการตามหน้าที่
ผู้ที่แสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต
เพราะเป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ย่อม
ได้รับความคุ้มครองเช่นกันมิฉะนั้นอาจจะเกิดผลเสีย
ต่อราชการถ้าหากไม่มีเหตุยกเว้นความผิด
2.3 ติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลหรือสิ่งใด
อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ
(2.3.1) ถ้อยคำว่า “ติชมด้วยความเป็นธรรม”
หมายความว่า กล่าวด้วยความเข้าใจว่าถูกต้องและ
สมควรกล่าวตามความรู้สึกของคนทั่วไป
(2.3.2) ส่วนถ้อยคำว่า “เป็นวิสัยของ
ประชาชนย่อมกระทำ” หมายความว่า เป็นเรื่อง
ปกติที่ประชาชนจะสนใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีชื่อเสียง
หรือเป็นผู้ที่รู้จัก เช่น นักการเมือง ดารา นักร้อง
2.4 ในการแจ้งข่าวด้วยคว
ามเป็นธรรมเรื่องการ
ดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม
คำว่า “แจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม” กล่าวด้วย
เจตนาเพียงเพื่อแจ้งข้อเท็จจริงตามที่ทราบว่าข่าวนั้น
ถูกต้องครบถ้วน ไม่ได้กล่าวโดยบิดเบือนหรือเสริมให้
เข้าใจผิดไปจากความจริง
ส่วนคำว่า “เรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาล
หรือในการประชุม” หมายความว่า เผยแพร่ในศาลหรือ
ในการประชุมโดยไม่ได้ปกปิดเป็นความลับเท่านั้น
5.2 การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใน
กระบวนพิจารณาคดีในศาลมาตรา 331
ก. บทบัญญัติ
มาตรา 331คู่ความ หรือทนายความของคู่
ความซึ่งแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใน
กระบวนพิจารณาคดีในศาล เพื่อประโยชน์แก่
คดีของตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
ข. เงื่อนไขและผล
ข.1 เงื่อนไข
(1) เป็นคู่ความหรือทนายความของคู่ความ
(2) แสดงความคิดเห็นหรือข้อความ
(3) ในกระบวนพิจารณาคดีในศาล
(4) เพื่อประโยชน์แก่คดีของตน
ข.2 ผล
ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
ค. คำอธิบาย
ค.1 คู่ความหรือทนายความของคู่ความบุคคลที่จะ
ได้รับยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม
มาตรานี้จำกัดเฉพาะคู่ความหรือทนายความของคู่
ความในคดีเท่านั้น
ค.2 แสดงความคิดเห็นห
รือข้อความ
การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความในที่ใดหรือวิธี
การใดก็ได้รับความคุ้มครอง ไม่ว่าจะกล่าวในคำฟ้อง
คำให้การคำคัดค้าน ก็ย่อมได้รับการคุ้มครองดุจกัน
ค.3 ในกระบวนการพิจารณาคดีในศาล
การยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาท เริ่มต้นตั้งแต่
การฟ้องร้องคดีต่อศาลจนถึงเวลาที่ศาลพิพากษาคดี
เสร็จสิ้น
ค.4 เพื่อประโยชน์แก่
คดีของตน
คู่ความหรือทนายความที่จะได้รับการยกเว้น
ความผิดตามมาตรานี้จะต้องได้กระทำเพื่อประโยชน์
แก่คดีของตนเท่านั้น
6. เหตุยกเว้นโทษ มาตรา 330
ก.บทบัญญัติ
มาตรา 330 ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูก
หาว่ากระทำความผิดพิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าหมิ่น
ประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่น
ประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และ
การพิสูจน์รจะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
ข. เงื่อนไข ผล และข้อยกเว้น
ข.1 เงื่อนไข
(1) ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานหมิ่น
ประมาท
(2) พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าหมิ่นประมาทนั้น
เป็นความจริง
ข.2 ผลผู้กระทำ
ไม่ต้องรับโทษ
ข.3 ข้อยกเว้น
ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้น
(1) เป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัวและ
(2)การพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
ค. คำอธิบาย
การที่ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานหมิ่น
ประมาทได้รับยกเว้นโทษตามมาตรา 330 จะต้อง
พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าหมิ่นประมาทนั้นเป็นความ
จริง
เช่น นายเหลืองพิสูจน์ได้ว่านายเขียวทุจริตเงิน
ค่าสร้างถนนของเทศบาล แม้นายเหลืองมีความ
ผิดฐานหมิ่นประมาทนายเขียวก็ตาม แต่นาย
เหลืองจะได้รับยกเว้นโทษในความผิดฐานหมิ่น
ประมาทนั้นโดยผลของมาตรา 330
กฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการ
พิสูจน์ว่าข้อที่กล่าวหานั้นเป็นความจริงหรือไม่ไว้
เพียงประการเดียว กล่าวคือห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้า
ข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความใน
เรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์นั้นจะไม่เป็นประโยชน์
ต่อประชาชน
ตัวอย่าง หนังสือพิมพ์ลงข้อความว่าโจทก์จ่าย
เช็ค 1 ล้านบาท แก่ธนาคาร เช็คไม่มีเงิน
ธนาคารจึงแจ้งตำรวจจับโจทก์ เป็นที่เข้าใจว่า
โจทก์มีฐานะการเงินไม่ดี ไม่น่าเชื่อถือ เป็นการ
กระทำที่หมิ่นประมาทโจทก์ ซึ่งเป็นนายก
รัฐมนตรีและประกอบการค้า เป็นเรื่องส่วนตัวไม่
เกี่ยวกับหน้าที่การงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
อันจะถือได้ว่าเป็นประโยชน์แก่ประชาชน
จึงอ้างว่าเป็นความจริงเพื่อไม่ต้องรับโทษไม่ได้
7.อำนาจของศาลในคดีหมิ่นประมาท
มาตรา 332
ก. บทบัญญัติ
มาตรา 332 ในคดีหมิ่นประมาทซึ่งมีคำ
พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดศาลอาจสั่ง
(1) ให้ยึด หรือทำลายวัตถุหรือส่วนของวัตถุ
ที่มีข้อความหมิ่นประมาท
(2) ให้โฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดหรือแต่
บางส่วนในหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับ หรือหลาย
ฉบับครั้งเดียวหรือหลายครั้งโดยให้จำเลยเป็นผู้
ชำระค่าโฆษณา
ข. คำอธิบาย
ศาลจะใช้อำนาจตามมาตรา 332 ก็ต่อเมื่อศาลได้
พิจารณาพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดแล้วเท่านั้น ดัง
นั้น กระบวนการพิจารณาก่อนหน้าที่จะมีคำพิพากษา
ว่าจำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ไม่ใช่อำนาจตาม
มาตรานี้ แต่เป็นอำนาจทั่วไปของศาลที่มีอยู่แล้ว เช่น
โจทก์ร้องขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวระหว่าง
พิจารณาห้ามให้โจทก์ไปจำหน่ายหนังสือที่มีข้อความ
หมิ่นประมาทจนกว่าจะมีคำพิพากษา เป็นต้น
8. การยอมรับและการร้องทุกข์แทน
มาตรา 333
ก.บทบัญญัติ
มาตรา 333 ความผิดในหมวดนี้เป็นความ
ผิดอันยอมความได้
ถ้าผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทตายเสีย
ก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรสหรือบุตรของ
ผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
ข. เงื่อนไขและผล (ตามวรรคสอง)
ข.1 เงื่อนไข
(1) ถ้าผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่น
ประมาทตายเสียก่อนร้องทุกข์
(2) บิดามารดาคู่สมรสหรือบุคคลของผู้
เสียหายร้องทุกข์ได้
ข.2 ผล
ให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
1. ความผิดอันยอมความกันได้
กรณีที่ผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทจะ
ร้องทุกข์ ต้องดำเนินการภายใน 3 เดือนนับแต่
วันที่รู้ความผิดและตัวผู้รู้กระทำความผิด มิ
ฉะนั้นคดีจะขาดอายุความตามที่บัญญัติไว้ใน
มาตรา 96
2. ผู้เสียหายตายก่อนร้องทุกข์
2.1 คำว่าตายในที่นี้หมายรวมถึงตายตาม
ธรรมชาติ
2.2 คำว่าบิดามารดาคู่สมรสหรือบุตรจะ
ต้องมีความสัมพันธ์กันโดยชอบด้วยกฎหมาย
2.3 กรณีหมิ่นประมาทคนตายตาม
มาตรา 327
นั้น ผู้เสียหายไม่ใช่คุณตายแต่ยังคุณที่มีชีวิตอยู่
ซึ่งได้ แก่บิดา มารดา คู่สมรสหรือบุตรของผู้
ตายเป็นผู้เสียหาย
ตัวอย่าง
นายจันทร์หมิ่นประมาทนายอังคารซึ่งเสีย
ชีวิตไปแล้วทำให้นายพุทธซึ่งเป็นบุตรที่โดยชอบ
ด้วยกฎหมายของนายอังคารเสียหายและเป็นผู้
เสียหายตามมาตรา 327 แต่ต่อมาปรากฏว่า
นายพุทธยังไม่ทันได้ร้องทุกข์ต่อพนักงาน
สอบสวนก็มาเสียชีวิตลงก่อนนางพฤหัสซึ่งเป็นคู่
สมรสโดยชอบด้วยกฎหมายของนายพุทธมี
อำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนและถือว่า
เป็นผู้เสียหายกรณีหมิ่นประมาทนายอังคาร
ผู้ตาย ตามความในวรรคสองของมาตรา 333
อ้างอิง
ศาสตราจารย์ ดร.คณพล จันทน์หอม.(2564).
คำอธิบายกฎหมายอาญาภาคความผิด 2.
(พิมพ์ครั้งที่ 6).กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์
วิญญูชน