43
เกณฑก์ ารประเมิน ผลการประเมนิ ดีมาก
ได้ระดับคุณภาพ 4 ผลการประเมนิ ดี
ไดร้ ะดบั คณุ ภาพ 3 ผลการประเมิน พอใช้
ไดร้ ะดับคุณภาพ 2 ผลการประเมนิ ปรับปรงุ
ได้ระดบั คุณภาพ 1
เกณฑ์การผา่ น
ได้คะแนน 14 - 15 ได้ระดับคุณภาพ 4 ( ผา่ น )
ได้คะแนน 11 - 13 ไดร้ ะดับคุณภาพ 3 ( ผา่ น )
ได้คะแนน 8 - 10 ได้ระดับคุณภาพ 2 ( ผ่าน )
ไดค้ ะแนน 0 - 7 ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 1 ( ไมผ่ า่ น )
กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครูแนะนาและนักเรยี นฝึกสะกดคา อักษรนา สว มาตราตัวสะกด แม่กง
2. ครนู าเสนอใหน้ ักเรียนเห็นความสาคญั ของวันสาคญั ในชว่ งเวลาดงั กลา่ ว และให้นกั เรียนวาด
โปสการด์ ฝีมือตนเอง นาไปมอบให้คนสาคญั ในวันดังกล่าว โดยอาศยั การแต่งประโยค และเรยี บ
เรียงประโยค
3. นกั เรียนอ่านเรื่อง โรงเรียนใหม่ จากนนั้ อภิปราย เรยี บเรียง วิเคราะหล์ าดับเหตุการณท์ ่เี กดิ ขน้ึ ใน
เรื่อง
4. จากนนั้ นักเรยี นร่วมกนั วิเคราะห์เน้อื เร่ือง โดยมีครเู ปน็ ผชู้ ี้แนะ (หากนักเรียนวเิ คราะหไ์ ม่ได้
หรอื ไม่ถกู ต้อง ครูต้องแกไ้ ขทันท)ี
5. แบ่งกล่มุ นักเรียนโดยคละระดับความสามารถ รวบรวมป้าย แผนผัง ที่อยู่ในบริเวณ โรงเรยี น
นามาอภปิ รายในชัน้ เรยี น
6. ครูนาเสนอสารคดี คากลอน และแผนผงั ที่เปน็ ทส่ี นใจในชว่ งเวลาน้ัน ให้นักเรยี นฝกึ วิเคราะห์
และอภปิ รายร่วมกัน
7. ทาความรจู้ กั คาคล้องจอง และฝกึ เขยี นคาคล้องจอง
8. ทาความรจู้ ักคาคล้องจอง สภุ าษติ คาพงั เพย สานวนไทย แผนผงั และกาหนดการ
9. ในแต่ละหัวข้อของการสนทนา มกี ารบันทึกและเขียนเป็นบทความ หรอื ความประทับใจ ในเรอื่ ง
นน้ั ๆ
10. ในทุกช้นิ งานของนักเรยี นจะมีการใหค้ ะแนนความสวยงามของลายมือด้วย
สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
- ใบกจิ กรรม
- บัตรคา
- ปา้ ยประกาศในบริเวณโรงเรยี น
- บทความสารคดี
- บทกลอน
- สุภาษติ คาพงั เพย สานวนไทย
44
แบบบันทึกหน่วยการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 เรือ่ ง ไปเท่ียวปา่
รหสั วิชา ท 12101 รายวิชาภาษาไทย กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 25 ชว่ั โมง โรงเรียนบ้านใหมห่ นองบัว
คาอธิบายประจาหนว่ ยการเรยี นรู้
วิเคราะห์ใจความสาคัญ เพื่อนาไปสรุปใจความ ให้เกิดความเข้าใจแก่นเรื่อง สามารถรายงาน
เพ่ือในไปเป็นกาหนดการและการลาดับเหตุการณ์ รวมท้ังการสะกดคา การเรียบเรียบประโยค การแต่ง
ประโยค การคัดลายมือ เพ่ือเป็นการนาเสนอความคิด สามารถเขียนและอ่าน อักษรนา ข ส การผัน
วรรณยกุ ต์คามมี่ ีอักษรนา สระ ไ ใ คาคล้องจอง สุภาษิตสอนใจ มาตราตัวสะกด แม่กก และ การใช้
คานาหนา้ บนั บรร เพ่อื ใช้ในการอา่ นเสรมิ บทเรียน
เพอื่ ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจเรื่องภาษา ใชภ้ าษาถูกต้องเหมาะสมกับบุคคล เห็นคุณค่าและนาข้อคิด
จากสานวนสุภาษติ ไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั
ผังความคิดประจาหน่วยการเรียนรู้
สาระการเรยี นรู้ ทักษะ / กระบวนการ
- ทักษะการอ่าน
- การเขยี นรายงาน - ทกั ษะการเขียน
- ทกั ษะการส่ือสาร
กาหนดการ - ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม
- การลาดับเหตุการณ์
- การสะกดคา
- การเรยี บเรยี บประโยค
- การแตง่ ประโยค
- การคัดลายมือ
- การนาเสนอความคิด ไปเท่ยี ว คณุ ลกั ษณะ
ป่า
- การวเิ คราะห์ใจความ - ซือ่ สตั ย์
สือ่ การเรียนรู้ - มวี ินยั
- การอา่ นข่าว สารคดี - ใฝ่เรียนรู้
- ใบกจิ กรรม - อยอู่ ย่างพอเพยี ง
- การสรปุ ใจความ - บตั รคา - มงุ่ ม่นั ในการทางาน
- ปา้ ยประกาศในบรเิ วณ - มีจติ สาธารณะ
- การเขา้ ใจแก่นเรื่อง
โรงเรียน
- อักษรนา ข ส - ขา่ วสาร สารคดี
- สภุ าษติ
- การผันวรรณยกุ ตค์ าม่มี ี - สานวนไทย
อกั ษรนา
- สระ ไ ใ
- คาคล้องจอง
- สุภาษิตสอนใจ
มาต--รฐมกานาารตกใราชารค้ตเราวั ีนยสนาะหรก้นูดา้ แม่กก
บนั บรร
- อา่ นเสรมิ บทเรียน
45
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความร้แู ละความคดิ เพื่อนาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ัญหาในการ
ดาเนินชวี ิตและมนี สิ ัยรกั การอ่าน
มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราวในรูปแบบ
ต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่าง มี
ประสิทธิภาพ
มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ
ความรู้สกึ ในโอกาสตา่ งๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ
มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า
และนามาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ
ตัวช้ีวัด
ท 1.1 ป.2/1 อ่านออกเสยี งคา คาคลอ้ งจอง ข้อความ และบทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถูกต้อง
ท 1.1 ป.2/2 อธิบายความหมายของคาและข้อความท่ีอ่าน
ท 1.1 ป.2/3 ตง้ั คาถาม ตอบคาถามเก่ยี วกับเรอ่ื งที่อ่าน
ท 1.1 ป.2/4 ระบุใจความสาคญั และรายละเอยี ดจากเร่ืองที่อ่าน
ท 1.1 ป.2/5 แสดงความคิดเห็นและคาดคะเนเหตกุ ารณ์ จากเรื่องที่อ่าน
ท 1.1 ป.2/6 อา่ นหนงั สือตามความสนใจอย่างสมา่ เสมอ และนาเสนอเรื่องท่ีอ่าน
ท 1.1 ป.2/7 อ่านข้อเขยี นเชงิ อธิบายและทาตามคาสง่ั หรอื ข้อแนะนา
ท 2.1 ป.2/1 คดั ลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทัด
ท 2.1 ป.2/2 เขยี นเล่าเรื่องสั้นๆ เก่ียวกบั ประสบการณ์
ท 2.1 ป.2/3 เขยี นเรอื่ งสั้นๆ ตามจนิ ตนาการ
ท 3.1 ป.2/1 เลา่ เร่อื งท่ฟี งั และดู ทัง้ ทเี่ ป็นความร้แู ละความบันเทงิ
ท 3.1 ป.2/2 บอกสาระสาคัญจากการฟงั และการดู
ท 3.1 ป.2/3 ต้ังคาถามและตอบคาถามเกยี่ วกับเร่ืองทฟี่ ังและดู
ท 3.1 ป.2/4 พดู แสดงความคดิ เหน็ และความร้สู กึ จากเร่อื งท่ฟี ังและดู
ท 3.1 ป.2/5 ฟงั คาสั่งที่ซับซ้อนและปฏิบตั ติ าม
ท 3.1 ป.2/6 พูดขอร้องด้วยถอ้ ยคาที่เหมาะสม เพื่อให้ ผู้อื่นปฏิบัติตาม
ท 3.1 ป.2/7 เลา่ ประสบการณโ์ ดยส่ือสารกับผู้อ่นื ได้ชดั เจน
ท 4.1 ป.2/1 บอกและเขยี นพยญั ชนะ สระ และ วรรณยุกต์
ท 4.1 ป.2/2 เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
ท 4.1 ป.2/3 เรยี บเรียงคาเป็นประโยคได้ตรงตามเจตนา ของการส่ือสาร
ท 4.1 ป.2/4 แต่งคาคลอ้ งจองง่ายๆ
ท 4.1 ป.2/5 เลอื กใช้ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถนิ่ ได้ เหมาะสมกับกาลเทศะ
ท 5.1 ป.2/1 ระบุข้อคิดที่ไดจ้ ากการอ่านหรอื ฟังนิทานสาหรบั เดก็ เพื่อนาไปใช้ใน
ชีวิตประจาวัน
ท 5.1 ป.2/1 รอ้ งบทร้องเลน่ สาหรบั เด็กในทอ้ งถิ่น
ท 5.1 ป.2/2 ท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนด และ บทรอ้ ยกรองที่มีคณุ คา่ ตามความสนใจ
46
สาระสาคญั
การเขียนรายงาน เพื่อในไปเป็นกาหนดการและการลาดับเหตุการณ์ รวมท้งั การสะกดคา การ
เรยี บเรยี บประโยค การแต่งประโยค การคัดลายมือ เพ่อื เป็นการนาเสนอความคิด และการวิเคราะห์
ใจความ พรอ้ มทงั้ การอา่ นขา่ ว สารคดี เพือ่ นาไปสรปุ ใจความ ใหเ้ กิดความเข้าใจแก่นเร่ือง
ท้ังน้ี การฝกึ เขยี นและอา่ น อักษรนา ข ส การผนั วรรณยกุ ตค์ าม่ีมอี ักษรนา สระ ไ ใ คาคลอ้ ง
จอง สภุ าษติ สอนใจ มาตราตวั สะกด แม่กก และ การใช้คานาหนา้ บนั บรร เพอ่ื ใช้ในการอ่านเสริม
บทเรยี น และนาไปใชใ้ นชีวติ จริง
สาระการเรียนรู้
ความรู้
- การเขียนรายงาน กาหนดการ
- การลาดบั เหตุการณ์
- การสะกดคา
- การเรียบเรยี บประโยค
- การแต่งประโยค
- การคัดลายมือ
- การนาเสนอความคดิ
- การวิเคราะห์ใจความ
- การอ่านข่าว สารคดี
- การสรปุ ใจความ
- การเข้าใจแก่นเร่ือง
- อักษรนา ข ส
- การผันวรรณยกุ ต์คาม่ีมีอักษรนา
- สระ ไ ใ
- คาคลอ้ งจอง
- สภุ าษิตสอนใจ
- มาตราตวั สะกด แม่กก
- การใช้คานาหนา้ บัน บรร
- อา่ นเสริมบทเรยี น
ทักษะ / กระบวนการ
- ทักษะการอ่าน
- ทักษะการเขียน
- ทักษะการสื่อสาร
- ทักษะกระบวนการกลมุ่
คุณลกั ษณะ
- ซือ่ สตั ย์
- มวี ินัย
47
- ใฝ่เรียนรู้
- อยูอ่ ยา่ งพอเพียง
- มุ่งมั่นในการทางาน
- มจี ิตสาธารระ
การประเมินผลรวบยอด
ช้นิ งานหรอื ภาระงาน
แผนผงั ความคดิ เรอ่ื ง ปา่ ไม้
การประเมนิ ผล
ประเดน็ ระดับคุณภาพ นา้ หนัก รวม
การประเมนิ 1 4
1. ความถูกตอ้ ง 4 32 1
ของข้อมูล 1 4
มอี งคป์ ระกอบ มอี งคป์ ระกอบ มีองค์ประกอบ มีองค์ประกอบ
2. การใชภ้ าษา ครบถ้วน มี ครบถ้วน มี ครบถ้วน มี ครบถ้วน มี 0.5 2
ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง 1.25 5
4. ตรงต่อเวลา กัน และการ กนั และการ กนั และการ กนั และการ 15
เรยี งลาดบั ได้ เรยี งลาดบั ได้ เรียงลาดบั ได้ เรยี งลาดบั ได้ไม่
5.ความซ่ือสตั ย์ ถูกต้องครบถ้วน ถกู ต้องเปน็ ส่วน ถกู ต้องเป็น ถกู ต้อง
และความ ใหญ่ บางสว่ น
รบั ผิดชอบ สะกดคา เขียน สะกดคา เขียน สะกดคาผิด
สอ่ื ความหมาย ส่ือความหมาย สะกดคา เขียน ส่วนมากเขียน
ไดถ้ ูกต้อง ไดถ้ ูกต้อง สอ่ื ความหมาย สอ่ื ความหมาย
ครบถ้วน ครบถ้วน ได้ถูกตอ้ ง ไมช่ ดั เจน ไม่
ชัดเจน ตรง ชดั เจน สว่ น ครบถว้ น ตรงประเด็น
ประเด็น ใหญ่ ชดั เจน
ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ บางสว่ น ส่งงานชา้ กว่า
กาหนด กาหนด 1 วนั กาหนดเกิน 1
ส่งงานชา้ กว่า สัปดาห์
ทางานดว้ ย ทางานส่วนใหญ่ กาหนดภายใน 1 ลอกงานเพอื่ น
ตนเอง ดว้ ยตนเอง สัปดาห์
ทางานดว้ ย
ตนเองบางส่วน
รวม
48
เกณฑก์ ารประเมิน ผลการประเมนิ ดีมาก
ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 4 ผลการประเมนิ ดี
ได้ระดบั คุณภาพ 3 ผลการประเมนิ พอใช้
ได้ระดับคุณภาพ 2 ผลการประเมิน ปรบั ปรงุ
ได้ระดบั คณุ ภาพ 1
เกณฑ์การผ่าน
ไดค้ ะแนน 14 - 15 ได้ระดับคณุ ภาพ 4 ( ผ่าน )
ได้คะแนน 11 - 13 ได้ระดับคุณภาพ 3 ( ผา่ น )
ไดค้ ะแนน 8 - 10 ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 2 ( ผ่าน )
ไดค้ ะแนน 0 - 7 ได้ระดบั คุณภาพ 1 ( ไม่ผา่ น )
กิจกรรมการเรยี นรู้
1. ครแู นะนาและนกั เรียนฝึกสะกดคา อกั ษรนา ข ส การผนั วรรณยุกตค์ าทม่ี ีอักษรนา สระ ไ ใ
มาตราตวั สะกดแม่ กก การใชค้ านาหนา้ บนั บรร
2. ครูนาเสนอให้นักเรียนเห็นความสาคัญของวันสาคัญในช่วงเวลาดังกล่าว และให้นักเรียนวา ด
โปสการ์ดฝีมือตนเอง นาไปมอบให้คนสาคัญในวันดังกล่าว โดยอาศัยการแต่งประโยค และเรียบ
เรยี งประโยค
3. นักเรียนอ่านเรื่อง ไปเท่ียวป่า จากน้ันอภิปราย เรียบเรียง วิเคราะห์ลาดับเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนใน
เรื่อง
4. จากนั้นนักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เน้ือเร่ือง โดยมีครูเป็นผู้ช้ีแนะ (หากนักเรียนวิเคราะห์ไม่ได้
หรือไมถ่ ูกตอ้ ง ครูต้องแก้ไขทนั ท)ี
5. แบ่งกลุ่มนักเรียนโดยคละระดับความสามารถ รวบรวมป้าย แผนผัง ท่ีอยู่ในบริเวณ โรงเรียน
นามาอภิปรายในช้ันเรยี น
6. ครนู าเสนอขา่ วสาร สารคดี ทีเ่ ปน็ ที่สนใจในชว่ งเวลานั้น ให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์ และอภิปราย
รว่ มกนั
7. ทาความรจู้ ักคาคลอ้ งจอง และฝึกเขยี นคาคลอ้ งจอง
8. ทาความรู้จักคาคล้องจอง สภุ าษิตสอนใจ การเขยี นรายงานและกาหนดการ
9. ในแต่ละหัวข้อของการสนทนา มีการบันทึกและเขียนเป็นบทความ หรือ ความประทับใจ ในเร่ือง
นนั้ ๆ
10. ในทกุ ช้ินงานของนกั เรยี นจะมีการใหค้ ะแนนความสวยงามของลายมือด้วย
สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
1. ใบกจิ กรรม
2. บตั รคา
3. ป้ายประกาศในบริเวณโรงเรียน
4. ข่าวสาร สารคดี
5. สภุ าษติ
49
แบบบันทึกหน่วยการเรยี นรู้
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 เรอื่ ง วันปใี หม่
รหสั วชิ า ท 12101 รายวชิ าภาษาไทย กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 25 ชวั่ โมง โรงเรียนบา้ นใหม่หนองบวั
คาอธบิ ายประจาหนว่ ยการเรียนรู้
วิเคราะห์ใจความสาคัญ อ่านป้าย ฉลาก สัญลักษณ์ สามารถสารวจความเห็น สรุปความเห็น
เรียบเรียงประโยค โดยการสะกดคา การเลือกใช้คา และยังนาการสาดับเหตุการณ์ สามารถการผึก
เขียนและอ่าน มาตราตัวสะกด แม่กบ มาตราตัวสะกด แม่กด พร้อมทั้งศึกษาคาที่มีไม้ทัณฑฆาต
คาที่มีความหมายตรงกันข้าม ความที่มีความหมายคล้ายกัน คาที่ขึ้นต้น กระ คาคล้องจอง เพื่อใช้ใน
การอา่ นเสรมิ บทเรยี น
เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจเร่ืองภาษา ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสมกับบุคคล เห็นคุณค่าและนา
ข้อคิดจากสานวนสุภาษติ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน
ผงั ความคิดประจาหนว่ ยการเรียนรู้ ทกั ษะ / กระบวนการ
สาระการเรียนรู้ - ทักษะการอา่ น
- การสารวจความเห็น - ทักษะการเขยี น
- การสรุปความเห็น - ทกั ษะการส่ือสาร
- การเรยี บเรยี งประโยค - ทักษะกระบวนการกลุ่ม
- การสะกดคา
- การเลือกใชค้ า วันปีใหม่ คุณลกั ษณะ
- การสาดับเหตุการณ์
- การจบั ใจความ สื่อการเรียนรู้ - ซ่อื สตั ย์
- การวิเคราะห์ใจความ - ใบกจิ กรรม - มวี นิ ยั
- การอ่านป้าย ฉลาก - บตั รคา - ใฝเ่ รยี นรู้
- ป้าย ฉลาก - อยอู่ ย่างพอเพียง
สัญลักษณ์ - มงุ่ ม่นั ในการทางาน
- การอ่านบทสักวา สัญลกั ษณ์ - มจี ติ สาธารณะ
- การอา่ นสารคดี - ขา่ วสาร สารคดี
- มาตราตัวสะกด แม่กบ - บทสกั วา
- มาตราตวั สะกด แมก่ ด
- คาท่มี ีไม้ทัณฑฆาต
- คาท่มี ีความหมายตรงกนั
ขา้ ม
- ความทมี่ ีความหมาย
มาต-รฐาคคนาลกท้าาย่ขี รกึ้นเรันตีย้นนรกู้ ระ
- คาคล้องจอง
- อา่ นเสรมิ บทเรยี น
50
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคดิ เพือ่ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ัญหาในการ
ดาเนินชวี ติ และมีนิสัยรักการอ่าน
มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราวในรูปแบบ
ต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่าง มี
ประสิทธภิ าพ
มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ
ความรู้สึกในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ
มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า
และนามาประยุกต์ใช้ในชวี ติ จริง
ตัวช้ีวัด
ท 1.1 ป.2/1 อ่านออกเสยี งคา คาคลอ้ งจอง ข้อความ และบทร้อยกรองง่ายๆ ไดถ้ ูกต้อง
ท 1.1 ป.2/2 อธิบายความหมายของคาและข้อความท่ีอ่าน
ท 1.1 ป.2/3 ตงั้ คาถาม ตอบคาถามเกีย่ วกับเรอ่ื งที่อ่าน
ท 1.1 ป.2/4 ระบใุ จความสาคญั และรายละเอยี ดจากเร่ืองท่ีอา่ น
ท 1.1 ป.2/5 แสดงความคิดเห็นและคาดคะเนเหตกุ ารณ์ จากเร่อื งที่อ่าน
ท 1.1 ป.2/6 อ่านหนงั สือตามความสนใจอย่างสม่าเสมอ และนาเสนอเรื่องท่ีอ่าน
ท 1.1 ป.2/7 อา่ นข้อเขยี นเชิงอธิบายและทาตามคาสง่ั หรือข้อแนะนา
ท 2.1 ป.2/1 คัดลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทัด
ท 2.1 ป.2/2 เขยี นเล่าเรื่องสั้นๆ เกยี่ วกบั ประสบการณ์
ท 2.1 ป.2/3 เขียนเรอื่ งสั้นๆ ตามจนิ ตนาการ
ท 3.1 ป.2/1 เล่าเรือ่ งท่ีฟงั และดู ท้งั ที่เปน็ ความรูแ้ ละความบันเทงิ
ท 3.1 ป.2/2 บอกสาระสาคญั จากการฟงั และการดู
ท 3.1 ป.2/3 ต้ังคาถามและตอบคาถามเก่ยี วกับเร่ืองทฟี่ ังและดู
ท 3.1 ป.2/4 พูดแสดงความคดิ เหน็ และความรู้สกึ จากเร่อื งท่ฟี ังและดู
ท 3.1 ป.2/5 ฟังคาสัง่ ที่ซับซ้อนและปฏิบตั ติ าม
ท 3.1 ป.2/6 พูดขอร้องด้วยถ้อยคาทเ่ี หมาะสม เพอ่ื ให้ ผู้อื่นปฏบิ ตั ิตาม
ท 3.1 ป.2/7 เลา่ ประสบการณโ์ ดยส่ือสารกับผูอ้ ่ืนได้ชดั เจน
ท 4.1 ป.2/1 บอกและเขยี นพยญั ชนะ สระ และ วรรณยุกต์
ท 4.1 ป.2/2 เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
ท 4.1 ป.2/3 เรียบเรียงคาเปน็ ประโยคได้ตรงตามเจตนา ของการส่ือสาร
ท 4.1 ป.2/4 แตง่ คาคลอ้ งจองง่ายๆ
ท 4.1 ป.2/5 เลอื กใช้ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถนิ่ ได้ เหมาะสมกบั กาลเทศะ
ท 5.1 ป.2/1 ระบขุ ้อคดิ ที่ได้จากการอ่านหรอื ฟังนิทานสาหรบั เด็ก เพื่อนาไปใช้ใน
ชีวิตประจาวัน
ท 5.1 ป.2/1 รอ้ งบทร้องเล่นสาหรบั เด็กในทอ้ งถิ่น
ท 5.1 ป.2/2 ทอ่ งจาบทอาขยานตามทีก่ าหนด และ บทรอ้ ยกรองที่มีคณุ คา่ ตามความสนใจ
51
สาระสาคัญ
การสารวจความเหน็ การสรปุ ความเห็น การเรยี บเรยี งประโยค โดยการสะกดคา การเลือกใช้คา
และยังนาการสาดับเหตุการณ์ เพื่อใช้ในการจับใจความ การวิเคราะห์ใจความ การอ่านป้าย ฉลาก
สัญลกั ษณ์
ศึกษา การอ่านบทสักวา การอ่านสารคดี การผึกเขียนและอ่าน มาตราตัวสะกด แม่กบ
มาตราตัวสะกด แม่กด พร้อมทั้งศึกษาคาท่ีมีไม้ทัณฑฆาต คาท่ีมีความหมายตรงกันข้าม ความที่มี
ความหมายคลา้ ยกัน คาทีข่ ้ึนต้น กระ คาคล้องจอง เพื่อใช้ในการอ่านเสริมบทเรียนเพ่ือนาไปใช้ในชีวิต
จรงิ
สาระการเรยี นรู้
ความรู้
- การสารวจความเหน็
- การสรุปความเห็น
- การเรียบเรยี งประโยค
- การสะกดคา
- การเลอื กใชค้ า
- การสาดับเหตกุ ารณ์
- การจับใจความ
- การวิเคราะห์ใจความ
- การอา่ นปา้ ย ฉลาก สัญลกั ษณ์
- การอา่ นบทสักวา
- การอ่านสารคดี
- มาตราตัวสะกด แมก่ บ
- มาตราตัวสะกด แมก่ ด
- คาท่ีมีไม้ทัณฑฆาต
- คาท่มี ีความหมายตรงกนั ข้าม
- ความท่ีมีความหมายคล้ายกัน
- คาที่ข้นึ ต้น กระ
- คาคลอ้ งจอง
- อา่ นเสรมิ บทเรยี น
ทักษะ / กระบวนการ
- ทกั ษะการอ่าน
- ทักษะการเขยี น
- ทกั ษะการสื่อสาร
- ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม
52
คุณลักษณะ
- ซอ่ื สัตย์
- มีวนิ ยั
- ใฝ่เรยี นรู้
- อยู่อย่างพอเพียง
- มุ่งม่ันในการทางาน
- มจี ิตสาธารระ
การประเมินผลรวบยอด
ชิน้ งานหรือภาระงาน
เรียงความ เร่ือง ขึน้ ปีใหม่
การประเมนิ ผล
ประเดน็ ระดับคุณภาพ น้าหนกั รวม
การประเมนิ 1 4
4 32 1
0.5 2
1. ความถูกตอ้ ง มอี งค์ประกอบ มีองคป์ ระกอบ มีองคป์ ระกอบ มีองค์ประกอบ
ของข้อมูล ครบถว้ น มี ครบถ้วน มี ครบถว้ น มี ครบถว้ น มี 0.5 2
ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง 0.5 2
กัน และการ กัน และการ กัน และการ กัน และการ 10
เรียงลาดบั ได้ เรยี งลาดับได้ เรียงลาดับได้ เรยี งลาดับได้ไม่
ถูกต้องครบถ้วน ถกู ต้องเปน็ สว่ น ถกู ต้องเป็น ถูกต้อง
ใหญ่ บางสว่ น
2. การใชภ้ าษา สะกดคา เขยี น สะกดคา เขยี น สะกดคาผดิ
4. ตรงต่อเวลา สื่อความหมาย สอื่ ความหมาย สะกดคา เขยี น สว่ นมากเขยี น
ได้ถูกต้อง ได้ถูกต้อง สอ่ื ความหมาย ส่ือความหมาย
ครบถว้ น ครบถว้ น ไดถ้ ูกต้อง ไมช่ ดั เจน ไม่
ชดั เจน ตรง ชดั เจน สว่ น ครบถ้วน ตรงประเดน็
ประเด็น ใหญ่ ชดั เจน
ส่งงานชา้ กวา่ บางสว่ น ส่งงานชา้ กวา่
ส่งงานตาม กาหนด 1 วนั กาหนดเกิน 1
กาหนด ส่งงานชา้ กว่า สัปดาห์
ทางานสว่ นใหญ่ กาหนดภายใน 1 ลอกงานเพอื่ น
5.ความซื่อสัตย์ ทางานด้วย ดว้ ยตนเอง สปั ดาห์
และความ ตนเอง
รบั ผิดชอบ ทางานด้วย
ตนเองบางสว่ น
รวม
53
เกณฑ์การประเมนิ ผลการประเมนิ ดีมาก
ไดร้ ะดบั คุณภาพ 4 ผลการประเมนิ ดี
ไดร้ ะดบั คณุ ภาพ 3 ผลการประเมิน พอใช้
ไดร้ ะดบั คุณภาพ 2 ผลการประเมนิ ปรบั ปรุง
ไดร้ ะดับคุณภาพ 1
เกณฑก์ ารผา่ น
ไดค้ ะแนน 9 - 10 ได้ระดับคณุ ภาพ 4 ( ผ่าน )
ได้คะแนน 7 - 8 ได้ระดับคณุ ภาพ 3 ( ผ่าน )
ได้คะแนน 5 - 6 ไดร้ ะดับคุณภาพ 2 ( ผ่าน )
ไดค้ ะแนน 0 - 4 ได้ระดับคุณภาพ 1 (ไมผ่ า่ น )
กจิ กรรมการเรียนรู้
1. ครูแนะนาและนกั เรียนฝึกสะกดคา การเลือกใช้คา มาตราตัวสะกดแม่ กบ มาตราตัวสะกดแม่
กด คาที่มไี มท้ ัณฑฆาต คาที่ขน้ึ ต้น กระ
2. ครนู าเสนอใหน้ กั เรียนเห็นความสาคัญของวันข้ึนปีใหม่ และให้นักเรียนเขียนเรียงความ เรื่อง ข้ึนปี
ใหม่ โดยอาศยั การแตง่ ประโยค และเรยี บเรียงประโยค จากทไ่ี ดศ้ ึกษามา
3. นักเรียนอ่านเรื่อง ขึ้นปีใหม่ จากนั้นอภิปราย เรียบเรียง วิเคราะห์ลาดับเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนใน
เรอ่ื ง
4. จากน้ันนักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เน้ือเร่ือง โดยมีครูเป็นผู้ชี้แนะ (หากนักเรียนวิเคราะห์ไม่ได้
หรือไม่ถกู ต้อง ครูตอ้ งแก้ไขทนั ท)ี
5. แบ่งกลุ่มนักเรียนโดยคละระดับความสามารถ ออกแบบใบสารวจความคิดเห็นเรื่อง วันข้ึนปีใหม่
นามาอภิปรายในชั้นเรยี น จากนัน้ นาใบสารวจท่ีได้จากการอภิปรายน้ัน ไปสารวจความเห็นของ
กล่มุ คนท่ีนกั เรยี นสนใจ แล้วนามาสรุปความเห็นดังกล่าว
6. ครนู าเสนอ สารคดี ท่เี ปน็ ทสี่ นใจในชว่ งเวลานน้ั ใหน้ กั เรียนฝกึ วเิ คราะห์ และอภิปรายร่วมกนั
7. ครนู าเสนอ ปา้ ย ฉลาก สญั ลักษณ์ ทพ่ี บในชีวติ จรงิ นามาอภปิ รายรว่ มกัน
8. ทาความรู้จักคาคล้องจอง บทสักวา คาท่ีมีความหมายตรงกันข้าม คาที่มีความหมาย
คล้ายกัน
9. ในแต่ละหัวข้อของการสนทนา มีการบันทึกและเขียนเป็นบทความ หรือ ความประทับใจ ในเร่ือง
นนั้ ๆ
10. ในทกุ ชิน้ งานของนกั เรยี นจะมีการให้คะแนนความสวยงามของลายมือด้วย
สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
1. ใบกิจกรรม
2. บัตรคา
3. ปา้ ย ฉลาก สญั ลักษณ์
4. ข่าวสาร สารคดี
5. บทสกั วา
54
แบบบันทกึ หน่วยการเรียนรู้
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 เรื่อง ลกู หมาของป๋อม
รหสั วชิ า ท 12101 รายวิชาภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 25 ชว่ั โมง โรงเรียนบา้ นใหมห่ นองบัว
คาอธบิ ายประจาหนว่ ยการเรียนรู้
วิเคราะห์ใจความบรรยายภาพ โดยอาศัยการเรียบเรียงประโยค และการอ่านข้อมูล การอ่าน
สารคดี การอ่านบทดอกสร้อย พร้อม ท้งั สามารถเขยี นและอ่าน มาตราตวั สะกด แม่กม มาตราตัวสะกด
แมเ่ กย พร้อมทง้ั ศึกษาคาทข่ี ้ึนตน้ ด้วย ตะ คาราชาศัพท์ สานวนไทย อา่ นเสรมิ บทเรยี น
เพ่อื ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจเรอ่ื งภาษา ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสมกับบุคคล เห็นคุณค่าและนาข้อคิด
จากสานวนสภุ าษิตไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั
ผังความคิดประจาหน่วยการเรยี นรู้
สาระการเรยี นรู้ ทักษะ / กระบวนการ
- การลาดบั เหตกุ ารณ์
- การทาตาราง สรุปความ - ทักษะการอ่าน
- ทักษะการเขยี น
เขา้ ใจ - ทกั ษะการสื่อสาร
- การจับใจความ - ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม
- การวเิ คราะห์ใจความ
- การบรรยายภาพ ลูกหมา คุณลกั ษณะ
- การเรยี บเรียงประโยค ของปอ๋ ม
- การอา่ นขอ้ มลู - ซอื่ สตั ย์
- การอ่านสารคดี สอื่ การเรยี นรู้ - มีวินยั
- การอ่านบทดอกสร้อย - ใบกจิ กรรม - ใฝ่เรียนรู้
- มาตราตัวสะกด แมก่ ม - บัตรคา - อยู่อย่างพอเพียง
- มาตราตวั สะกด แม่เกย - สารคดี - มงุ่ มน่ั ในการทางาน
- คาทข่ี ้นึ ตน้ ดว้ ย ตะ - บทดอกสร้อย - มีจิตสาธารณะ
- คาราชาศัพท์ - คาราชาศพั ท์
- สานวนไทย - สานวนไทย
- อา่ นเสริมบทเรียน
55
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความร้แู ละความคิดเพือ่ นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ัญหาในการ
ดาเนินชวี ติ และมนี ิสัยรักการอ่าน
มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบ
ต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่าง มี
ประสทิ ธิภาพ
มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ
ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัติของชาติ
มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า
และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ
ตัวช้ีวัด
ท 1.1 ป.2/1 อา่ นออกเสยี งคา คาคลอ้ งจอง ข้อความ และบทร้อยกรองง่ายๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง
ท 1.1 ป.2/2 อธิบายความหมายของคาและข้อความท่ีอ่าน
ท 1.1 ป.2/3 ตัง้ คาถาม ตอบคาถามเก่ยี วกับเร่ืองที่อ่าน
ท 1.1 ป.2/4 ระบุใจความสาคัญและรายละเอยี ดจากเร่ืองที่อ่าน
ท 1.1 ป.2/5 แสดงความคดิ เห็นและคาดคะเนเหตุการณ์ จากเรื่องท่ีอา่ น
ท 1.1 ป.2/6 อา่ นหนงั สอื ตามความสนใจอย่างสมา่ เสมอ และนาเสนอเร่ืองที่อา่ น
ท 1.1 ป.2/7 อา่ นข้อเขียนเชงิ อธิบายและทาตามคาสัง่ หรือข้อแนะนา
ท 2.1 ป.2/1 คดั ลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทัด
ท 2.1 ป.2/2 เขียนเลา่ เร่ืองสน้ั ๆ เกยี่ วกบั ประสบการณ์
ท 2.1 ป.2/3 เขียนเรอ่ื งสัน้ ๆ ตามจนิ ตนาการ
ท 3.1 ป.2/1 เล่าเร่ืองทีฟ่ ังและดู ทั้งท่ีเปน็ ความรู้และความบนั เทิง
ท 3.1 ป.2/2 บอกสาระสาคญั จากการฟังและการดู
ท 3.1 ป.2/3 ตัง้ คาถามและตอบคาถามเก่ยี วกับเรื่องที่ฟังและดู
ท 3.1 ป.2/4 พูดแสดงความคิดเหน็ และความรูส้ กึ จากเรื่องที่ฟังและดู
ท 3.1 ป.2/5 ฟังคาสง่ั ที่ซบั ซ้อนและปฏิบัตติ าม
ท 3.1 ป.2/6 พูดขอร้องด้วยถอ้ ยคาที่เหมาะสม เพื่อให้ ผอู้ นื่ ปฏิบัตติ าม
ท 3.1 ป.2/7 เล่าประสบการณ์โดยสื่อสารกับผอู้ ื่นไดช้ ดั เจน
ท 4.1 ป.2/1 บอกและเขยี นพยญั ชนะ สระ และ วรรณยุกต์
ท 4.1 ป.2/2 เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
ท 4.1 ป.2/3 เรียบเรียงคาเปน็ ประโยคได้ตรงตามเจตนา ของการสื่อสาร
ท 4.1 ป.2/4 แตง่ คาคล้องจองง่ายๆ
ท 4.1 ป.2/5 เลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่นิ ได้ เหมาะสมกับกาลเทศะ
ท 5.1 ป.2/1 ระบุข้อคิดท่ีไดจ้ ากการอา่ นหรอื ฟงั นิทานสาหรบั เด็ก เพอ่ื นาไปใชใ้ น
ชีวิตประจาวัน
ท 5.1 ป.2/1 ร้องบทร้องเล่นสาหรับเดก็ ในทอ้ งถนิ่
56
ท 5.1 ป.2/2 ทอ่ งจาบทอาขยานตามทกี่ าหนด และ บทรอ้ ยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ
สาระสาคัญ
การลาดบั เหตกุ ารณ์ และการทาตาราง เพื่อทาการสรปุ ความเข้าใจ และการจับใจความ การ
วิเคราะหใ์ จความ
สามารถใชใ้ นการบรรยายภาพ โดยอาศยั การเรียบเรียงประโยค และการอ่านขอ้ มูล การอา่ น
สารคดี การอา่ นบทดอกสร้อย
การฝกึ เขียนและอ่าน มาตราตัวสะกด แมก่ ม มาตราตวั สะกด แมเ่ กย พร้อมท้ังศกึ ษาคาที่
ข้นึ ต้นด้วย ตะ คาราชาศัพท์ สานวนไทย อา่ นเสริมบทเรียน เพอ่ื นาไปใชใ้ นชวี จิ รงิ
สาระการเรยี นรู้
ความรู้
- การลาดบั เหตกุ ารณ์
- การทาตาราง สรุปความเขา้ ใจ
- การจบั ใจความ
- การวเิ คราะห์ใจความ
- การบรรยายภาพ
- การเรียบเรียงประโยค
- การอ่านข้อมลู
- การอ่านสารคดี
- การอ่านบทดอกสร้อย
- มาตราตวั สะกด แม่กม
- มาตราตัวสะกด แม่เกย
- คาที่ข้ึนตน้ ดว้ ย ตะ
- คาราชาศพั ท์
- สานวนไทย
- อา่ นเสรมิ บทเรยี น
ทักษะ / กระบวนการ
- ทกั ษะการอ่าน
- ทักษะการเขียน
- ทกั ษะการสื่อสาร
- ทักษะกระบวนการกลมุ่
คุณลักษณะ
- ซ่ือสัตย์
- มวี ินัย
- ใฝ่เรียนรู้
- อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง
- มงุ่ ม่นั ในการทางาน
57
- มจี ิตสาธารระ
การประเมินผลรวบยอด
ช้ินงานหรือภาระงาน
สรุปใจความสารคดี
การประเมินผล
ประเด็น ระดบั คณุ ภาพ น้าหนัก รวม
การประเมนิ 1 4
1. ความถูกต้อง 4 32 1
ของขอ้ มลู 0.5 2
มอี งคป์ ระกอบ มีองคป์ ระกอบ มอี งคป์ ระกอบ มอี งค์ประกอบ
2. การใชภ้ าษา ครบถว้ น มี ครบถ้วน มี ครบถ้วน มี ครบถว้ น มี 0.5 2
ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง 0.5 2
4. ตรงตอ่ เวลา กนั และการ กนั และการ กนั และการ กัน และการ 10
เรียงลาดบั ได้ เรยี งลาดับได้ เรยี งลาดบั ได้ เรียงลาดับได้ไม่
5.ความซื่อสตั ย์ ถกู ต้องครบถว้ น ถกู ต้องเป็นส่วน ถกู ต้องเป็น ถูกต้อง
และความ ใหญ่ บางส่วน
รับผดิ ชอบ สะกดคา เขียน สะกดคา เขยี น สะกดคาผิด
ส่อื ความหมาย สอ่ื ความหมาย สะกดคา เขยี น สว่ นมากเขยี น
ไดถ้ ูกต้อง ได้ถูกตอ้ ง สอื่ ความหมาย สื่อความหมาย
ครบถว้ น ครบถว้ น ได้ถูกตอ้ ง ไม่ชัดเจน ไม่
ชดั เจน ตรง ชัดเจน ส่วน ครบถ้วน ตรงประเด็น
ประเดน็ ใหญ่ ชัดเจน
สง่ งานตาม ส่งงานชา้ กวา่ บางสว่ น ส่งงานชา้ กว่า
กาหนด กาหนด 1 วัน กาหนดเกิน 1
ส่งงานชา้ กว่า สัปดาห์
ทางานดว้ ย ทางานสว่ นใหญ่ กาหนดภายใน 1 ลอกงานเพอ่ื น
ตนเอง ดว้ ยตนเอง สปั ดาห์
ทางานด้วย
ตนเองบางส่วน
รวม
58
เกณฑ์การประเมนิ ผลการประเมนิ ดีมาก
ไดร้ ะดบั คุณภาพ 4 ผลการประเมิน ดี
ได้ระดบั คุณภาพ 3 ผลการประเมนิ พอใช้
ไดร้ ะดับคุณภาพ 2 ผลการประเมนิ ปรบั ปรุง
ได้ระดบั คุณภาพ 1
เกณฑก์ ารผ่าน
ไดค้ ะแนน 9 - 10 ได้ระดับคุณภาพ 4 ( ผ่าน )
ไดค้ ะแนน 7 - 8 ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 3 ( ผา่ น )
ได้คะแนน 5 - 6 ไดร้ ะดับคุณภาพ 2 ( ผา่ น )
ไดค้ ะแนน 0 - 4 ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 1 (ไมผ่ า่ น )
กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครูแนะนาและนักเรียนฝึกสะกดคา มาตราตวั สะกดแม่ กม มาตราตัวสะกดแม่ เกย คาที่
ขนึ้ ต้น ตะ
2. นกั เรียนอา่ นเร่ือง ลูกหมาของปอ๋ ม จากนน้ั อภปิ ราย เรยี บเรียง วเิ คราะหล์ าดับเหตกุ ารณ์ที่
เกิดขน้ึ ในเร่ือง โดยทาตารางสรปุ ความเขา้ ใจ
3. จากนนั้ นักเรยี นรว่ มกันวเิ คราะหเ์ นอ้ื เรื่อง โดยมคี รูเป็นผู้ช้ีแนะ (หากนักเรียนวิเคราะห์ไมไ่ ด้
หรอื ไม่ถูกต้อง ครตู ้องแก้ไขทันท)ี
4. แบง่ กล่มุ นักเรียนโดยคละระดับความสามารถ เลือกภาพที่นักเรียนประทับใจ และเขียนบรรยาย
ภาพตามความรสู้ ึกของนกั เรยี น
5. ครนู าเสนอ สารคดี ที่เป็นท่ีสนใจในช่วงเวลาน้ัน ให้นกั เรยี นฝกึ วิเคราะห์ และอภปิ รายรว่ มกนั
6. นกั เรยี นเขียนสรปุ ใจความสารคดีทน่ี ักเรยี นสนใจ โดยอาศัยการแต่งประโยค และเรียบเรียง
ประโยค จากทไ่ี ดศ้ กึ ษามา
7. ทาความรู้จักบทดอกสร้อย คาราชาศัพท์ และสานวนไทย
8. ในแต่ละหวั ข้อของการสนทนา มกี ารบันทึกและเขยี นเป็นบทความ หรอื ความประทับใจ ในเรอ่ื ง
นัน้ ๆ
9. ในทุกชน้ิ งานของนักเรยี นจะมีการใหค้ ะแนนความสวยงามของลายมือด้วย
ส่ือการเรียนรู้
1. ใบกจิ กรรม
2. บัตรคา
3. สารคดี
4. บทดอกสรอ้ ย
5. คาราชาศพั ท์
6. สานวนไทย
59
แบบบันทึกหน่วยการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรือ่ ง ขบวนแหเ่ รอื
รหสั วิชา ท 12101 รายวิชาภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 25 ชวั่ โมง โรงเรียนบ้านใหมห่ นองบัว
คาอธิบายประจาหน่วยการเรียนรู้
วิเคราะห์ใจความบรรยายภาพ โดยการลาดบั เหตุการณ์ และการเรียบเรียงประโยค เพื่อใช้ในการ
บรรยายภาพ ทัง้ นอ้ี าศยั การสะกดคา สามารถนาไปประยุกตใ์ ชเ้ พื่อ การอา่ นแบบสอบถาม การอ่านแผน
ทีก่ ารอ่านข้อมลู การอา่ นกลอน หรอื บทเพลง รวมทงั้ การอ่านสารคดี โดยการฝกึ เขยี นและอ่าน มาตรา
ตวั สะกด แมเ่ กอว และการศึกษาสานวนไทย คาคล้องจอง อกั ษรย่อ เพื่อใช้ในการอา่ นเสรมิ บทเรียน
เพอ่ื ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจเรื่องภาษา ใชภ้ าษาถกู ต้องเหมาะสมกบั บุคคล เหน็ คุณคา่ และนาข้อคิด
จากสานวนสภุ าษิตไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั
แผนผงั ความคิดประจาหน่วยการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้ ทกั ษะ / กระบวนการ
- การจับใจความ
- การวเิ คราะห์ใจความ - ทักษะการอา่ น
- การลาดับเหตุการณ์ - ทักษะการเขยี น
- การเรียบเรียงประโยค - ทกั ษะการสื่อสาร
- การบรรยายภาพ - ทกั ษะกระบวนการกลมุ่
- การสะกดคา
- การอ่านแบบสอบถาม ขบวน คณุ ลกั ษณะ
- การอ่านแผนท่ี แหเ่ รอื
- การอ่านข้อมลู - ซอ่ื สตั ย์
- การอา่ นกลอน สือ่ การเรียนรู้ - มวี ินยั
- บทเพลง - ใบกจิ กรรม - ใฝเ่ รยี นรู้
- การอ่านสารคดี - บตั รคา - อยู่อย่างพอเพียง
- มาตราตวั สะกด แม่เกอว - สารคดี - มงุ่ มน่ั ในการทางาน
- สานวนไทย - แบบสอบถาม แผนท่ี - มีจิตสาธารณะ
- คาคลอ้ งจอง
- อักษรย่อ ขอ้ มลู เชิงปรมิ าณ
- อา่ นเสริมบทเรียน - กลอน เพลง สานวน
มาตรฐานการเรียนรู้ ไทย
- อักษรย่อ
60
มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคดิ เพือ่ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ัญหาในการ
ดาเนนิ ชวี ติ และมนี ิสยั รักการอ่าน
มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราวในรูปแบบ
ต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่าง มี
ประสิทธภิ าพ
มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ
ความรูส้ ึกในโอกาสต่างๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ
มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า
และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตจริง
ตวั ชวี้ ดั
ท 1.1 ป.2/1 อ่านออกเสียงคา คาคล้องจอง ข้อความ และบทร้อยกรองง่ายๆ ไดถ้ ูกต้อง
ท 1.1 ป.2/2 อธิบายความหมายของคาและข้อความท่ีอ่าน
ท 1.1 ป.2/3 ตั้งคาถาม ตอบคาถามเกี่ยวกับเรือ่ งที่อ่าน
ท 1.1 ป.2/4 ระบใุ จความสาคัญและรายละเอยี ดจากเร่ืองท่ีอา่ น
ท 1.1 ป.2/5 แสดงความคิดเหน็ และคาดคะเนเหตุการณ์ จากเร่อื งที่อ่าน
ท 1.1 ป.2/6 อ่านหนังสือตามความสนใจอยา่ งสม่าเสมอ และนาเสนอเรื่องท่ีอ่าน
ท 1.1 ป.2/7 อา่ นข้อเขยี นเชงิ อธิบายและทาตามคาสง่ั หรือข้อแนะนา
ท 2.1 ป.2/1 คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด
ท 2.1 ป.2/2 เขยี นเลา่ เรอื่ งส้ันๆ เก่ียวกับประสบการณ์
ท 2.1 ป.2/3 เขียนเรอื่ งสั้นๆ ตามจินตนาการ
ท 3.1 ป.2/1 เล่าเรอ่ื งท่ีฟงั และดู ทง้ั ท่เี ปน็ ความรแู้ ละความบันเทงิ
ท 3.1 ป.2/2 บอกสาระสาคญั จากการฟังและการดู
ท 3.1 ป.2/3 ต้งั คาถามและตอบคาถามเก่ยี วกับเรื่องทฟ่ี ังและดู
ท 3.1 ป.2/4 พูดแสดงความคิดเหน็ และความรสู้ กึ จากเร่อื งท่ฟี ังและดู
ท 3.1 ป.2/5 ฟงั คาสง่ั ท่ีซบั ซ้อนและปฏิบัติตาม
ท 3.1 ป.2/6 พูดขอร้องด้วยถ้อยคาทีเ่ หมาะสม เพือ่ ให้ ผู้อื่นปฏบิ ตั ติ าม
ท 3.1 ป.2/7 เล่าประสบการณโ์ ดยสื่อสารกับผอู้ น่ื ได้ชดั เจน
ท 4.1 ป.2/1 บอกและเขียนพยญั ชนะ สระ และ วรรณยุกต์
ท 4.1 ป.2/2 เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา
ท 4.1 ป.2/3 เรียบเรยี งคาเป็นประโยคได้ตรงตามเจตนา ของการสือ่ สาร
ท 4.1 ป.2/4 แตง่ คาคลอ้ งจองง่ายๆ
ท 4.1 ป.2/5 เลือกใชภ้ าษาไทยมาตรฐานและภาษาถนิ่ ได้ เหมาะสมกบั กาลเทศะ
ท 5.1 ป.2/1 ระบขุ ้อคดิ ที่ไดจ้ ากการอา่ นหรอื ฟังนิทานสาหรบั เด็ก เพื่อนาไปใช้ใน
ชวี ิตประจาวนั
ท 5.1 ป.2/1 รอ้ งบทร้องเลน่ สาหรบั เดก็ ในทอ้ งถิ่น
ท 5.1 ป.2/2 ทอ่ งจาบทอาขยานตามที่กาหนด และ บทรอ้ ยกรองที่มีคณุ คา่ ตามความสนใจ
61
สาระสาคัญ
การจบั ใจความ การวเิ คราะหใ์ จความ โดยการลาดบั เหตุการณ์ และการเรยี บเรยี งประโยค เพ่อื
ใช้ในการบรรยายภาพ ทั้งนี้อาศัยการสะกดคา สามารถนาไปประยุกต์ใช้เพ่อื การอ่านแบบสอบถาม การ
อา่ นแผนท่ีการอ่านข้อมูล การอ่านกลอน หรอื บทเพลง รวมทัง้ การอา่ นสารคดี โดยการฝึกเขียนและอ่าน
มาตราตวั สะกด แมเ่ กอว และการศึกษาสานวนไทย คาคลอ้ งจอง อักษรย่อ เพอื่ ใช้ในการอา่ นเสริม
บทเรยี น และในไปใชใ้ นชีวิตจริง
สาระการเรยี นรู้
ความรู้
- การจับใจความ
- การวเิ คราะห์ใจความ
- การลาดับเหตกุ ารณ์
- การเรียบเรียงประโยค
- การบรรยายภาพ
- การสะกดคา
- การอ่านแบบสอบถาม
- การอา่ นแผนที่
- การอ่านข้อมลู
- การอ่านกลอน
- บทเพลง
- การอา่ นสารคดี
- มาตราตัวสะกด แมเ่ กอว
- สานวนไทย
- คาคลอ้ งจอง
- อกั ษรย่อ
- อา่ นเสริมบทเรยี น
ทักษะ / กระบวนการ
- ทกั ษะการอ่าน
- ทักษะการเขียน
- ทักษะการสื่อสาร
- ทักษะกระบวนการกล่มุ
คณุ ลกั ษณะ
- ซ่ือสัตย์
- มีวนิ ยั
- ใฝเ่ รียนรู้
- อยู่อยา่ งพอเพียง
- มงุ่ ม่ันในการทางาน
- มจี ิตสาธารระ
62
การประเมินผลรวบยอด
ช้ินงานหรอื ภาระงาน
แผนผงั ความคิด สรปุ ใจความ เร่ือง ขบวนแห่เรือ
การประเมินผล
ประเดน็ ระดับคณุ ภาพ น้าหนกั รวม
การประเมิน 1 4
1. ความถูกตอ้ ง 4 32 1
ของขอ้ มูล 1 4
มอี งคป์ ระกอบ มีองค์ประกอบ มอี งคป์ ระกอบ มอี งคป์ ระกอบ
2. การใช้ภาษา ครบถว้ น มี ครบถ้วน มี ครบถ้วน มี ครบถว้ น มี 0.5 2
ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง 1.25 5
4. ตรงตอ่ เวลา กนั และการ กัน และการ กัน และการ กนั และการ 15
เรยี งลาดับได้ เรยี งลาดับได้ เรียงลาดับได้ เรียงลาดับได้ไม่
5.ความซ่ือสตั ย์ ถกู ต้องครบถ้วน ถกู ต้องเป็นส่วน ถกู ต้องเปน็ ถกู ต้อง
และความ ใหญ่ บางส่วน
รับผิดชอบ สะกดคา เขยี น สะกดคา เขยี น สะกดคาผิด
สือ่ ความหมาย สอ่ื ความหมาย สะกดคา เขยี น สว่ นมากเขียน
ไดถ้ ูกตอ้ ง ไดถ้ ูกต้อง สื่อความหมาย สื่อความหมาย
ครบถว้ น ครบถ้วน ได้ถูกต้อง ไมช่ ดั เจน ไม่
ชัดเจน ตรง ชดั เจน สว่ น ครบถว้ น ตรงประเดน็
ประเดน็ ใหญ่ ชดั เจน
ส่งงานตาม สง่ งานชา้ กวา่ บางสว่ น ส่งงานชา้ กวา่
กาหนด กาหนด 1 วนั กาหนดเกนิ 1
สง่ งานช้ากวา่ สัปดาห์
ทางานดว้ ย ทางานสว่ นใหญ่ กาหนดภายใน 1 ลอกงานเพื่อน
ตนเอง ด้วยตนเอง สัปดาห์
ทางานด้วย
ตนเองบางสว่ น
รวม
63
เกณฑก์ ารประเมิน ผลการประเมนิ ดีมาก
ได้ระดับคุณภาพ 4 ผลการประเมนิ ดี
ได้ระดบั คุณภาพ 3 ผลการประเมิน พอใช้
ได้ระดับคณุ ภาพ 2 ผลการประเมนิ ปรบั ปรุง
ไดร้ ะดบั คุณภาพ 1
เกณฑ์การผา่ น
ได้คะแนน 14 - 15 ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 4 ( ผา่ น )
ไดค้ ะแนน 11 - 13 ได้ระดับคณุ ภาพ 3 ( ผา่ น )
ไดค้ ะแนน 8 - 10 ไดร้ ะดับคุณภาพ 2 ( ผา่ น )
ได้คะแนน 0 - 7 ได้ระดบั คณุ ภาพ 1 ( ไมผ่ า่ น )
กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครแู นะนาและนักเรียนฝึกสะกดคา มาตราตัวสะกดแม่ เกอว
2. นักเรียนอ่านเร่ือง ขบวนแห่เรอื จากนั้นอภปิ ราย เรยี บเรียง วเิ คราะหล์ าดับเหตุการณ์ท่ีเกดิ ข้นึ
ในเรื่อง
3. จากนน้ั นักเรียนรว่ มกันวเิ คราะหเ์ นือ้ เรื่อง โดยมคี รเู ป็นผู้ช้ีแนะ (หากนักเรยี นวเิ คราะหไ์ มไ่ ด้
หรือไม่ถูกต้อง ครูต้องแกไ้ ขทันท)ี
4. แบ่งกลุ่มนักเรยี นโดยคละระดับความสามารถ เลอื กภาพท่ีนกั เรียนประทับใจ และเขยี นบรรยาย
ภาพตามความรสู้ กึ ของนักเรยี น
5. ครูนาเสนอ สารคดี ที่เป็นท่ีสนใจในช่วงเวลานัน้ ให้นักเรียนฝึกวเิ คราะห์ และอภปิ รายรว่ มกัน
6. ครนู าเนอแบบสอบถาม แผนท่ี การนาเสนอข้อมลู แล้วรว่ มกนั อภปิ ราย
7. ทาความรูจ้ กั คาคล้องจอง กลอน เพลง สานวนไทย อักษรยอ่
8. ในแตล่ ะหวั ข้อของการสนทนา มกี ารบนั ทึกและเขยี นเปน็ บทความ หรือ ความประทับใจ ในเร่ือง
นน้ั ๆ
9. ในทกุ ช้ินงานของนักเรียนจะมีการใหค้ ะแนนความสวยงามของลายมือด้วย
สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
1. ใบกิจกรรม
2. บัตรคา
3. สารคดี
4. แบบสอบถาม แผนท่ี ขอ้ มูลเชงิ ปรมิ าณ
5. กลอน เพลง สานวนไทย
6. อกั ษรย่อ
64
แบบบนั ทกึ หน่วยการเรยี นรู้
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 8 เร่ือง การเขียนแผนภมู ิ
รหสั วิชา ท 12101 รายวิชาภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 25 ชวั่ โมง โรงเรยี นบ้านใหมห่ นองบัว
คาอธบิ ายประจาหนว่ ยการเรียนรู้
วิเคราะห์ใจความศึกษา การอ่านแผนภูมิ การอ่านข้อมูล การอ่านกลอนแปด และเรียนรู้การ
ถอดความบทรอ้ ยกรอง คาประสม พยัญชนะต้อน สระ ตัวสะกด วรรณยุกต์ สานวนไทย คาคล้องจอง
เพือ่ ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจเร่ืองภาษา ใช้ภาษาถูกตอ้ งเหมาะสมกับบุคคล เห็นคุณค่าและนาข้อคิด
จากสานวนสภุ าษติ ไปใช้ในชีวติ ประจาวนั
ผงั ความคดิ ประจาหน่วยการเรยี นรู้
สาระการเรียนรู้ ทักษะ / กระบวนการ
- การเรียบเรียงประโยค
- การเขียนแผนภมู ิ - ทกั ษะการอ่าน
- การเขยี นคาอธิบายภาพ - ทักษะการเขียน
- การลาดับเหตุการณ์ - ทักษะการส่ือสาร
- การแต่งเร่ืองจากภาพ - ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม
- การจบั ใจความ
- การวิเคราะห์ใจความ การเขยี น คุณลกั ษณะ
- การอา่ นแผนภมู ิ แผนภมู ิ
- การอ่านข้อมลู - ซือ่ สตั ย์
- การอ่านกลอนแปด สื่อการเรียนรู้ - มวี ินัย
- การถอดความบทร้อย - ใบกิจกรรม - ใฝ่เรียนรู้
- บัตรคา - อยู่อย่างพอเพยี ง
กรอง - ขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณ - มงุ่ มน่ั ในการทางาน
- คาประสม - กลอนแปด - มจี ติ สาธารณะ
- พยัญชนะต้อน สระ
ตัวสะกด วรรณยกุ ต์
- สานวนไทย
- คาคล้องจอง
65
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความร้แู ละความคิดเพือ่ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการ
ดาเนินชวี ติ และมนี ิสัยรักการอ่าน
มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราวในรูปแบบ
ต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่าง มี
ประสิทธิภาพ
มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ
ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัติของชาติ
มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า
และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ
ตัวชีว้ ัด
ท 1.1 ป.2/1 อา่ นออกเสยี งคา คาคลอ้ งจอง ข้อความ และบทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถูกตอ้ ง
ท 1.1 ป.2/2 อธิบายความหมายของคาและข้อความท่ีอา่ น
ท 1.1 ป.2/3 ตัง้ คาถาม ตอบคาถามเก่ยี วกับเร่ืองท่ีอา่ น
ท 1.1 ป.2/4 ระบุใจความสาคัญและรายละเอยี ดจากเรื่องท่ีอา่ น
ท 1.1 ป.2/5 แสดงความคดิ เห็นและคาดคะเนเหตุการณ์ จากเรือ่ งท่ีอา่ น
ท 1.1 ป.2/6 อา่ นหนงั สอื ตามความสนใจอย่างสมา่ เสมอ และนาเสนอเร่ืองท่ีอ่าน
ท 1.1 ป.2/7 อ่านข้อเขียนเชงิ อธิบายและทาตามคาส่งั หรอื ข้อแนะนา
ท 2.1 ป.2/1 คดั ลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทัด
ท 2.1 ป.2/2 เขียนเลา่ เร่ืองสน้ั ๆ เกยี่ วกบั ประสบการณ์
ท 2.1 ป.2/3 เขียนเรอ่ื งสัน้ ๆ ตามจนิ ตนาการ
ท 3.1 ป.2/1 เล่าเร่ืองทีฟ่ ังและดู ทั้งท่ีเปน็ ความรแู้ ละความบนั เทิง
ท 3.1 ป.2/2 บอกสาระสาคญั จากการฟังและการดู
ท 3.1 ป.2/3 ตัง้ คาถามและตอบคาถามเก่ยี วกับเรื่องที่ฟงั และดู
ท 3.1 ป.2/4 พูดแสดงความคิดเหน็ และความรสู้ กึ จากเรื่องท่ีฟังและดู
ท 3.1 ป.2/5 ฟังคาสง่ั ที่ซบั ซ้อนและปฏิบัตติ าม
ท 3.1 ป.2/6 พูดขอร้องด้วยถอ้ ยคาที่เหมาะสม เพอ่ื ให้ ผูอ้ น่ื ปฏบิ ัติตาม
ท 3.1 ป.2/7 เล่าประสบการณ์โดยสื่อสารกับผอู้ ื่นได้ชัดเจน
ท 4.1 ป.2/1 บอกและเขยี นพยญั ชนะ สระ และ วรรณยกุ ต์
ท 4.1 ป.2/2 เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
ท 4.1 ป.2/3 เรียบเรียงคาเปน็ ประโยคได้ตรงตามเจตนา ของการสือ่ สาร
ท 4.1 ป.2/4 แตง่ คาคล้องจองง่ายๆ
ท 4.1 ป.2/5 เลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถนิ่ ได้ เหมาะสมกับกาลเทศะ
ท 5.1 ป.2/1 ระบุข้อคิดท่ีไดจ้ ากการอา่ นหรอื ฟงั นิทานสาหรับเด็ก เพอ่ื นาไปใชใ้ น
ชวี ิตประจาวัน
ท 5.1 ป.2/1 ร้องบทร้องเล่นสาหรับเดก็ ในท้องถนิ่
66
ท 5.1 ป.2/2 ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนด และ บทรอ้ ยกรองที่มีคณุ ค่าตามความสนใจ
สาระสาคญั
เรยี บเรยี งประโยค และการเขยี นแผนภมู ิ เพื่อใช้ในการเขียนคาอธบิ ายภาพ โดยอาศยั การลาดบั
เหตุการณ์เพือ่ นาไปใชใ้ นการแต่งเร่ืองจากภาพ การจับใจความ เพื่อการวเิ คราะห์ใจความ และศกึ ษา การ
อา่ นแผนภูมิ การอา่ นข้อมูล การอ่านกลอนแปด และเรียนรู้การถอดความบทร้อยกรอง คาประสม
พยัญชนะตน้ สระ ตวั สะกด วรรณยุกต์ สานวนไทย คาคล้องจอง เพื่อใช้ในชวี ิตจรงิ
สาระการเรียนรู้
ความรู้
- การเรยี บเรียงประโยค
- การเขียนแผนภูมิ
- การเขยี นคาอธบิ ายภาพ
- การลาดบั เหตุการณ์
- การแต่งเรื่องจากภาพ
- การจบั ใจความ
- การวิเคราะห์ใจความ
- การอ่านแผนภมู ิ
- การอ่านขอ้ มูล
- การอ่านกลอนแปด
- การถอดความบทรอ้ ยกรอง
- คาประสม
- พยญั ชนะตน้ สระ ตวั สะกด วรรณยกุ ต์
- สานวนไทย
- คาคลอ้ งจอง
ทกั ษะ / กระบวนการ
- ทกั ษะการอ่าน
- ทกั ษะการเขียน
- ทกั ษะการสื่อสาร
- ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม
คุณลกั ษณะ
- ซื่อสตั ย์
- มวี นิ ยั
- ใฝเ่ รยี นรู้
- อยอู่ ย่างพอเพยี ง
67
- มุง่ มั่นในการทางาน
- มีจติ สาธารระ
การประเมินผลรวบยอด
ช้นิ งานหรอื ภาระงาน
ถอดบทความกลอนแปด
การประเมินผล
ประเดน็ ระดบั คณุ ภาพ นา้ หนกั รวม
การประเมิน 1 4
1. ความถูกต้อง 4 32 1
ของขอ้ มูล 1 4
มีองคป์ ระกอบ มอี งคป์ ระกอบ มอี งค์ประกอบ มอี งคป์ ระกอบ
2. การใชภ้ าษา ครบถ้วน มี ครบถ้วน มี ครบถ้วน มี ครบถ้วน มี 0.5 2
ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง ความสอดคล้อง 1.25 5
4. ตรงตอ่ เวลา กัน และการ กนั และการ กัน และการ กนั และการ 15
เรียงลาดับได้ เรียงลาดับได้ไม่
5.ความซ่ือสัตย์ ถูกต้องครบถ้วน เรียงลาดับได้ เรยี งลาดับได้ ถกู ต้อง
และความ ถกู ต้องเป็นสว่ น ถูกต้องเป็น
รบั ผดิ ชอบ สะกดคา เขยี น ใหญ่ บางส่วน สะกดคาผิด
สือ่ ความหมาย ส่วนมากเขียน
ไดถ้ ูกต้อง สะกดคา เขียน สะกดคา เขยี น ส่ือความหมาย
ครบถว้ น สื่อความหมาย สอื่ ความหมาย ไมช่ ดั เจน ไม่
ชัดเจน ตรง ตรงประเดน็
ประเด็น ไดถ้ ูกต้อง ไดถ้ ูกตอ้ ง
สง่ งานตาม ครบถว้ น ครบถว้ น สง่ งานชา้ กวา่
กาหนด ชัดเจน ส่วน ชัดเจน กาหนดเกิน 1
สัปดาห์
ทางานด้วย ใหญ่ บางสว่ น ลอกงานเพื่อน
ตนเอง
สง่ งานชา้ กว่า ส่งงานชา้ กว่า
กาหนด 1 วนั กาหนดภายใน 1
สัปดาห์
ทางานส่วนใหญ่ ทางานดว้ ย
ดว้ ยตนเอง ตนเองบางสว่ น
รวม
68
เกณฑ์การประเมนิ ผลการประเมิน ดีมาก
ไดร้ ะดับคุณภาพ 4 ผลการประเมิน ดี
ได้ระดบั คุณภาพ 3 ผลการประเมิน พอใช้
ได้ระดบั คุณภาพ 2 ผลการประเมนิ ปรับปรงุ
ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 1
เกณฑก์ ารผ่าน
ไดค้ ะแนน 14 - 15 ไดร้ ะดับคุณภาพ 4 ( ผา่ น )
ไดค้ ะแนน 11 - 13 ไดร้ ะดับคุณภาพ 3 ( ผ่าน )
ไดค้ ะแนน 8 - 10 ไดร้ ะดับคุณภาพ 2 ( ผา่ น )
ได้คะแนน 0 - 7 ได้ระดับคุณภาพ 1 ( ไม่ผ่าน )
กิจกรรมการเรียนรู้
1. ครูแนะนาและนักเรยี นฝกึ สะกดคา คาประสม พยญั ชนะต้น สระ ตัวสะกด วรรณยุกต์
2. นักเรยี นอ่านเร่ือง สวนใหม่ในโรงเรียน จากน้ันอภิปราย เรยี บเรยี ง วเิ คราะหล์ าดับเหตุการณท์ ่ี
เกิดข้ึนในเรื่อง
3. จากนัน้ นกั เรียนร่วมกันวิเคราะห์เน้อื เรื่อง โดยมีครูเปน็ ผ้ชู ี้แนะ (หากนักเรยี นวิเคราะห์ไม่ได้
หรอื ไม่ถกู ต้อง ครูต้องแก้ไขทันท)ี
4. แบ่งกลุ่มนักเรียนโดยคละระดับความสามารถ เลือกภาพที่นักเรียนประทับใจ และเขียนบรรยาย
ภาพตามความรู้สกึ ของนกั เรยี น
5. ครนู าเสนอข้อมลู เชิงปริมาณ จากนนั้ แนะนาให้นักเรยี นรูจ้ ักแผนภูมิ และอภปิ รายข้อดี ของ
แผนภูมิ นักเรียนฝึกอา่ น และเขียนแผนภูมิ
6. ทาความรู้จกั คาคล้องจอง กลอนแปด พร้อมทง้ั การถอดความบทรอ้ ยกรอง
7. ทาความร้จู ัก สานวนไทย
8. ในแต่ละหวั ข้อของการสนทนา มกี ารบันทึกและเขยี นเป็นบทความ หรือ ความประทับใจ ในเรื่อง
นั้นๆ
9. ในทกุ ชิน้ งานของนักเรยี นจะมีการใหค้ ะแนนความสวยงามของลายมือดว้ ย
สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
1. ใบกิจกรรม
2. บัตรคา
3. ข้อมูลเชิงปรมิ าณ
4. กลอนแปด
69
ภาคผนวก
70
อภิธานศพั ท์
กระบวนการเขียน
กระบวนการเขยี นเปน็ การคดิ เรอ่ื งท่จี ะเขียนและรวบรวมความรู้ในการเขียน กระบวนการเขียน มี 5
ข้นั ดังนี้
1. การเตรียมการเขียน เป็นข้ันเตรียมพร้อมที่จะเขียนโดยเลือกหัวข้อเร่ืองที่จะเขียนบนพ้ืนฐาน
ของประสบการณ์ กําหนดรูปแบบการเขียน รวบรวมความคิดในการเขียน อาจใช้วิธีการอ่านหนังสือ
สนทนา จดั หมวดหมูค่ วามคิด โดยเขยี นเป็นแผนภาพความคิด จดบันทึกความคิดท่ีจะเขียนเป็นรูปหัวข้อ
เรื่องใหญ่ หวั ขอ้ ยอ่ ย และรายละเอยี ดคร่าวๆ
2. การยกร่างข้อเขียน เม่ือเตรียมหัวข้อเรื่องและความคิดรูปแบบการเขียนแล้ว ให้นําความคิด
มาเขียนตามรูปแบบท่กี ําหนดเป็นการยกรา่ งข้อเขยี น โดยคาํ นึงถึงว่าจะเขียนให้ใครอ่าน จะใช้ภาษาอย่างไร
ให้เหมาะสมกบั เร่ืองและเหมาะกบั ผอู้ ื่น จะเร่ิมต้นเขียนอย่างไร มีหัวข้อเร่ืองอย่างไร ลําดับความคิดอย่างไร
เชอื่ มโยงความคดิ อย่างไร
3. การปรับปรุงข้อเขียน เมื่อเขียนยกร่างแล้วอ่านทบทวนเรื่องที่เขียน ปรับปรุงเร่ืองที่เขียน
เพิ่มเติมความคิดให้สมบูรณ์ แก้ไขภาษา สํานวนโวหาร นําไปให้เพื่อนหรือผู้อ่ืนอ่าน นําข้อเสนอแนะมา
ปรบั ปรุงอีกครงั้
4. การบรรณาธิการกิจ นําข้อเขียนที่ปรับปรุงแล้วมาตรวจทานคําผิด แก้ไขให้ถูกต้อง แล้ว
อ่านตรวจทานแกไ้ ขข้อเขียนอีกคร้ัง แกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดท้ังภาษา ความคดิ และการเว้นวรรคตอน
5. การเขยี นใหส้ มบูรณ์ นําเร่ืองท่ีแก้ไขปรับปรุงแล้วมาเขียนเรื่องให้สมบูรณ์ จัดพิมพ์ วาด
รูปประกอบ เขียนให้สมบูรณ์ด้วยลายมือท่ีสวยงามเป็นระเบียบ เมื่อพิมพ์หรือเขียนแล้วตรวจทานอีกครั้ง
ใหส้ มบูรณ์ก่อนจัดทํารูปเลม่
กระบวนการคิด
การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เป็นกระบวนการคิด คนท่ีจะคิดได้ดีต้องเป็นผู้ฟัง ผู้พูด
ผู้อ่าน และผู้เขียนท่ีดี บุคคลที่จะคิดได้ดีจะต้องมีความรู้และประสบการณ์พื้นฐานในการคิด บุคคลจะมี
ความสามารถในการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง วิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่า จะต้องมีความรู้
และประสบการณ์พื้นฐานที่นํามาช่วยในการคิดทั้งสิ้น การสอนให้คิดควรให้ผู้เรียนรู้จักคัดเลือกข้อมูล
ถ่ายทอด รวบรวม และจําข้อมูลต่างๆ สมองของมนุษย์จะเป็นผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร และสามารถแปล
ความขอ้ มลู ข่าวสาร และสามารถนํามาใช้อ้างอิง การเป็นผู้ฟัง ผู้พูด ผู้อ่าน และผู้เขียนที่ดี จะต้องสอนให้
เปน็ ผูบ้ ริโภคข้อมลู ข่าวสารทดี่ ีและเป็นนกั คดิ ทด่ี ีดว้ ย กระบวนการสอนภาษาจึงต้องสอนให้ผู้เรียนเป็นผู้รับรู้
ข้อมลู ข่าวสารและมที ักษะการคิด นาํ ขอ้ มูลขา่ วสารที่ได้จากการฟังและการอ่านนํามาสู่การฝึกทักษะการคิด
นําการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน มาสอนในรูปแบบ บูรณาการทักษะ ตัวอย่าง เช่น การเขียนเป็น
กระบวนการคิดในการวิเคราะห์ การแยกแยะ การสังเคราะห์ การประเมินค่า การสร้างสรรค์ ผู้เขียนจะนํา
ความรู้และประสบการณ์สู่การคิดและแสดงออกตามความคิดของตนเสมอ ต้องเป็นผู้อ่านและผู้ฟังเพ่ือรับรู้
ขา่ วสารทจ่ี ะนํามาวเิ คราะหแ์ ละสามารถแสดงทรรศนะได้
71
กระบวนการอา่ น
การอ่านเป็นกระบวนการซ่ึงผู้อ่านสร้างความหมายหรือพัฒนา การตีความระหว่างการอ่านผู้อ่าน
จะต้องรู้หัวข้อเร่ือง รู้จุดประสงค์ของการอ่าน มีความรู้ทางภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาท่ีใช้ในหนังสือท่ีอ่าน
โดยใชป้ ระสบการณ์เดมิ เป็นประสบการณ์ทําความเขา้ ใจกับเรื่องทีอ่ า่ น กระบวนการอา่ นมดี งั นี้
1. การเตรียมการอ่าน ผู้อ่านจะต้องอ่านช่ือเร่ือง หัวข้อย่อยจากสารบัญเร่ือง อ่านคํานําให้
ทราบ จุดมุ่งหมายของหนังสือ ต้ังจุดประสงค์ของการอ่านจะอ่านเพื่อความเพลิดเพลินหรืออ่านเพื่อหา
ความรู้ วางแผนการอ่านโดยอ่านหนังสือตอนใดตอนหน่ึงว่าความยากง่ายอย่างไร หนังสือมีความยากมาก
น้อยเพียงใด รูปแบบของหนังสือเป็นอย่างไร เหมาะกับผู้อ่านประเภทใด เดาความว่าเป็นเร่ืองเก่ียวกับ
อะไร เตรยี มสมดุ ดินสอ สาํ หรับจดบนั ทึกข้อความหรือเนอื้ เร่ืองทส่ี าํ คัญขณะอ่าน
2. การอา่ น ผูอ้ ่านจะอา่ นหนังสือให้ตลอดเล่มหรือเฉพาะตอนที่ต้องการอ่าน ขณะอ่านผู้อ่านจะ
ใช้ความรู้จากการอ่านคํา ความหมายของคํามาใช้ในการอ่าน รวมทั้งการรู้จักแบ่งวรรคตอนด้ วย
การอ่านเร็วจะมีส่วนช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องได้ดีกว่าผู้อ่านช้า ซ่ึงจะสะกดคําอ่านหรืออ่านย้อนไปย้อนมา
ผอู้ า่ นจะใชบ้ ริบทหรอื คําแวดลอ้ มช่วยในการตีความหมายของคําเพือ่ ทําความเข้าใจเร่ืองที่อา่ น
3. การแสดงความคิดเห็น ผู้อ่านจะจดบันทึกข้อความที่มีความสําคัญ หรือเขียนแสดง
ความคิดเห็น ตีความข้อความท่ีอ่าน อ่านซ้ําในตอนท่ีไม่เข้าใจเพ่ือทําความเข้าใจให้ถูกต้อง
ขยายความคิดจากการอ่าน จับคู่กับเพ่ือนสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ต้ังข้อสังเกตจากเร่ืองท่ีอ่าน
ถ้าเป็นการอ่านบทกลอนจะตอ้ งอ่านทาํ นองเสนาะดังๆ เพือ่ ฟังเสยี งการอา่ นและเกดิ จินตนาการ
4. การอ่านสารวจ ผู้อ่านจะอ่านซ้ําโดยเลือกอ่านตอนใดตอนหน่ึง ตรวจสอบคําและภาษา
ที่ใช้ สํารวจโครงเรื่องของหนังสือเปรียบเทียบหนังสือท่ีอ่านกับหนังสือที่เคยอ่าน สํารวจและเช่ือมโยง
เหตุการณ์ในเรื่องและการลาํ ดับเร่ือง และสํารวจคําสําคญั ที่ใชใ้ นหนงั สอื
5. การขยายความคิด ผู้อ่านจะสะท้อนความเข้าใจในการอ่าน บันทึกข้อคิดเห็น คุณค่าของ
เรื่อง เชื่อมโยงเรื่องราวในเร่ืองกับชีวิตจริง ความรู้สึกจากการอ่าน จัดทําโครงงานหลักการอ่าน
เชน่ วาดภาพ เขียนบทละคร เขยี นบันทึกรายงานการอ่าน อ่านเร่ืองอ่ืนๆ ท่ีผู้เขียนคนเดียวกันแต่ง อ่าน
เร่ืองเพ่ิมเติม เร่อื งท่ีเกีย่ วโยงกบั เร่อื งทอ่ี ่าน เพอื่ ใหไ้ ด้ความรูท้ ีช่ ดั เจนและกวา้ งขวางข้ึน
72
การเขยี นเชิงสร้างสรรค์
การเขียนเชิงสร้างสรรค์เป็นการเขียนโดยใช้ความรู้ ประสบการณ์ และจินตนาการในการเขียน
เชน่ การเขยี นเรยี งความ นิทาน เร่อื งส้ัน นวนยิ าย และบทรอ้ ยกรอง การเขยี นเชิงสรา้ งสรรค์ผู้เขียน
จะต้องมีความคิดดี มีจินตนาการดี มีคลังคําอย่างหลากหลาย สามารถนําคํามาใช้ ในการเขียน
ตอ้ งใชเ้ ทคนคิ การเขียน และใช้ถอ้ ยคําอยา่ งสละสลวย
การดู
การดูเป็นการรับสารจากสื่อภาพและเสียง และแสดงทรรศนะได้จากการรับรู้สาร ตีความ แปล
ความ วิเคราะห์ และประเมินคุณค่าสารจากส่ือ เช่น การดูโทรทัศน์ การดูคอมพิวเตอร์ การดูละคร การดู
ภาพยนตร์ การดูหนังสือการ์ตูน (แม้ไม่มีเสียงแต่มีถ้อยคําอ่านแทนเสียงพูด) ผู้ดูจะต้องรับรู้สาร จากการดู
และนํามาวิเคราะห์ ตีความ และประเมินคุณค่าของสารท่ีเป็นเนื้อเร่ืองโดยใช้หลักการพิจารณาวรรณคดี
หรือการวิเคราะห์วรรณคดีเบ้ืองต้น เช่น แนวคิดของเรื่อง ฉากที่ประกอบเร่ืองสมเหตุสมผล กิริยาท่าทาง
และการแสดงออกของตัวละครมีความสมจริงกับบทบาท โครงเร่ือง เพลง แสง สี เสียง ที่ใช้ประกอบการ
แสดงให้อารมณ์แก่ผู้ดูสมจริงและสอดคล้องกับยุคสมัยของเหตุการณ์ท่ีจําลองสู่บทละคร คุณค่าทาง
จริยธรรม คณุ ธรรม และคุณค่าทางสงั คมทมี่ ีอิทธิพลตอ่ ผดู้ หู รือผ้ชู ม ถา้ เปน็ การดขู ่าวและเหตุการณ์ หรือ
การอภิปราย การใช้ความรู้หรือเร่ืองที่เป็นสารคดี การโฆษณาทางส่ือจะต้องพิจารณาเน้ือหาสาระว่า
สมควรเช่ือถือได้หรือไม่ เป็นการโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่ ความคิดสําคัญและมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้มาก
และการดูละครเวที ละครโทรทัศน์ ดูข่าวทางโทรทัศน์จะเป็นประโยชน์ได้รับความสนุกสนาน ต้องดูและ
วเิ คราะห์ ประเมินคา่ สามารถแสดงทรรศนะของตนไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล
การตคี วาม
การตีความเป็นการใช้ความรู้และประสบการณ์ของผู้อ่านและการใช้บริบท ได้แก่ คําที่แวดล้อม
ข้อความ ทําความเขา้ ใจขอ้ ความหรือกาํ หนดความหมายของคาํ ให้ถกู ต้อง
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายว่า การตีความหมาย ช้ีหรือกําหนด
ความหมาย ให้ความหมายหรืออธบิ าย ใชห้ รือปรบั ให้เข้าใจเจตนา และความมุ่งหมายเพ่อื ความถกู ต้อง
การเปล่ียนแปลงของภาษา
ภาษาย่อมมกี ารเปลีย่ นแปลงไปตามกาลเวลา คําคําหน่ึงในสมัยหนึ่งเขียนอย่างหนึ่ง อีกสมัยหน่ึงเขียน
อกี อยา่ งหน่ึง คําว่า ประเทศ แต่เดิมเขียน ประเทษ คําว่า ปักษ์ใต้ แต่เดิมเขียน ปักใต้ ในปัจจุบันเขียน
ปักษ์ใต้ คําว่า ลุ่มลึก แต่ก่อนเขียน ลุ่มฦก ภาษาจึงมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งความหมายและการเขียน
บางคร้ังคําบางคํา เช่น คําว่า หล่อน เป็นคําสรรพนามแสดงถึงคําพูด สรรพนามบุรุษท่ี 3 ท่ีเป็นคําสุภาพ
แตเ่ ด๋ยี วนี้คําวา่ หล่อน มีความหมายในเชิงดแู คลน เป็นต้น
73
การสร้างสรรค์
การสร้างสรรค์ คือ การรู้จกั เลอื กความรู้ ประสบการณท์ ม่ี ีอยู่เดมิ มาเปน็ พนื้ ฐานในการสร้างความรู้
ความคิดใหม่ หรอื สง่ิ แปลกใหมท่ ม่ี คี ณุ ภาพและมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม บุคคลท่ีจะมีความสามารถในการ
สร้างสรรค์จะต้องเป็นบุคคลท่ีมีความคิดอิสระอยู่เสมอ มีความเช่ือมั่นในตนเอง มองโลกในแง่ดี คิด
ไตรต่ รอง ไม่ตัดสนิ ใจสิง่ ใดง่ายๆ การสร้างสรรค์ของมนุษย์จะเกี่ยวเนื่องกันกับความคิด การพูด การเขียน
และการกระทาํ เชิงสรา้ งสรรค์ ซง่ึ จะต้องมกี ารคดิ เชงิ สรา้ งสรรคเ์ ปน็ พน้ื ฐาน
ความคิดเชิงสร้างสรรค์เป็นความคิดที่พัฒนามาจากความรู้และประสบการณ์เดิม ซึ่งเป็น
ปัจจยั พ้นื ฐานของการพดู การเขียน และการกระทาํ เชงิ สร้างสรรค์
การพูดและการเขียนเชิงสร้างสรรค์เป็นการแสดงออกทางภาษาท่ีใช้ภาษาขั ดเกลาให้ไพเราะ
งดงาม เหมาะสม ถกู ตอ้ งตามเน้ือหาทพ่ี ูดและเขยี น
การกระทําเชิงสร้างสรรค์เป็นการกระทําที่ไม่ซ้ําแบบเดิมและคิดค้นใหม่แปลกไปจากเดิม และเป็น
ประโยชนท์ ส่ี งู ขึน้
ขอ้ มลู สารสนเทศ
ขอ้ มูลสารสนเทศ หมายถงึ เรือ่ งราว ข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสงิ่ ใดสง่ิ หนึง่ ท่ีสามารถสื่อความหมาย
ด้วยการพูดบอกเล่า บนั ทึกเป็นเอกสาร รายงาน หนังสือ แผนท่ี แผนภาพ ภาพถา่ ย บันทึกด้วยเสียง
และภาพ บนั ทึกดว้ ยเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ เปน็ การเก็บเรื่องราวตา่ งๆ บันทกึ ไวเ้ ป็นหลกั ฐานด้วยวิธตี ่างๆ
ความหมายของคา
คาํ ท่ใี ช้ในการติดตอ่ ส่อื สารมีความหมายแบง่ ได้เปน็ 3 ลกั ษณะ คือ
1. ความหมายโดยตรง เป็นความหมายท่ีใช้พูดจากันตรงตามความหมาย คําหน่ึงๆ น้ัน อาจมี
ความหมายได้หลายความหมาย เช่น คําว่า กา อาจมีความหมายถึง ภาชนะใส่น้ํา หรืออาจหมายถึง นก
ชนิดหนง่ึ ตวั สีดํา ร้อง กา กา เป็นความหมายโดยตรง
2. ความหมายแฝง คําอาจมีความหมายแฝงเพ่ิมจากความหมายโดยตรง มักเป็นความหมาย
เกยี่ วกบั ความรู้สกึ เชน่ คาํ ว่า ขเี้ หนียว กบั ประหยดั หมายถึง ไม่ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย เป็นความหมาย
ตรง แตค่ วามรู้สึกตา่ งกัน ประหยดั เป็นสง่ิ ดี แตข่ ้ีเหนยี วเปน็ สง่ิ ไมด่ ี
3. ความหมายในบริบท คําบางคํามีความหมายตรง เม่ือร่วมกับคําอ่ืนจะมีความหมายเพ่ิมเติม
กวา้ งขึน้ หรอื แคบลงได้ เชน่ คําวา่ ดี เดก็ ดี หมายถงึ ว่านอนสอนงา่ ย เสยี งดี หมายถึง ไพเราะ ดินสอ
ดี หมายถึง เขียนได้ดี สุขภาพดี หมายถึง ไม่มีโรค ความหมายบริบทเป็นความหมายเช่นเดียวกั บ
ความหมายแฝง
74
คุณคา่ ของงานประพันธ์
เม่ือผู้อ่านอ่านวรรณคดีหรือวรรณกรรมแล้วจะต้องประเมินงานประพันธ์ ให้เห็นคุณค่าของงาน
ประพนั ธ์ ทําให้ผอู้ า่ นอา่ นอย่างสนุก และได้รับประโยชนจ์ าการอา่ นงานประพันธ์ คณุ ค่าของงานประพันธ์
แบง่ ได้เปน็ 2 ประการ คอื
1. คณุ ค่าด้านวรรณศิลป์ ถ้าอ่านบทร้อยกรองก็จะพิจารณากลวิธีการแต่ง การเลือกเฟูนถ้อยคํา
มาใช้ได้ไพเราะ มีความคิดสร้างสรรค์ และให้ความสะเทือนอารมณ์ ถ้าเป็นบทร้อยแก้วประเภทสารคดี
รูปแบบการเขียนจะเหมาะสมกับเนื้อเร่ือง วิธีการนําเสนอน่าสนใจ เน้ือหามีความถูกต้อง ใช้ภาษา
สละสลวยชดั เจน การนําเสนอมีความคิดสร้างสรรค์ ถ้าเป็นร้อยแก้วประเภทบันเทิงคดี องค์ประกอบของ
เรอ่ื งไม่ว่าเรื่องสั้น นวนิยาย นิทาน จะมีแก่นเร่ือง โครงเร่ือง ตัวละครมีความ สัมพันธ์กัน กลวิธีการ
แต่งแปลกใหม่ น่าสนใจ ปมขัดแย้งในการแต่งสร้างความสะเทือนอารมณ์ การใช้ถ้อยคําสร้างภาพ
ไดช้ ดั เจน คาํ พดู ในเร่ืองเหมาะสมกับบุคลกิ ของ ตวั ละครมีความคิดสรา้ งสรรคเ์ ก่ยี วกบั ชีวิตและสังคม
2. คุณค่าด้านสังคม เป็นคุณค่าทางด้านวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ ชีวิตความ
เปน็ อยูข่ องมนุษย์ และคณุ ค่าทางจริยธรรม คณุ ค่าดา้ นสังคม เป็นคุณค่าที่ผู้อ่านจะ เข้าใจชีวิตท้ังในโลก
ทัศน์และชีวทัศน์ เข้าใจการดําเนินชีวิตและเข้าใจเพ่ือนมนุษย์ดีข้ึน เน้ือหาย่อมเกี่ยวข้องกับการช่วย
จรรโลงใจแก่ผู้อ่าน ช่วยพัฒนาสังคม ช่วยอนุรักษ์ส่ิงมีคุณค่าของชาติบ้านเมือง และสนับสนุนค่านิยมอันดี
งาม
โครงงาน
โครงงานเป็นการจัดการเรียนรู้วิธีหน่ึงท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนด้วยการค้นคว้า ลงมือปฏิบัติจริง ใน
ลักษณะของการสํารวจ ค้นคว้า ทดลอง ประดิษฐ์คิดค้น ผู้เรียนจะรวบรวมข้อมูล นํามาวิเคราะห์
ทดสอบเพ่ือแก้ปัญหาข้องใจ ผู้เรียนจะนําความรู้จากชั้นเรียนมาบูรณาการในการแก้ปัญหา ค้นหาคําตอบ
เป็นกระบวนการค้นพบนําไปสู่การเรียนรู้ ผู้เรียนจะเกิดทักษะการทํางานร่วมกับผู้อื่น ทักษะการจัดการ
ผู้สอนจะเข้าใจผู้เรียน เห็นรูปแบบการเรียนรู้ การคิด วิธีการทํางานของผู้เรียน จากการสังเกตการทํางาน
ของผเู้ รยี น
การเรียนแบบโครงงานเป็นการเรียนแบบศึกษาค้นคว้าวิธีการหนึ่ง แต่เป็นการศึกษาค้นคว้าท่ีใช้
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์มาใชใ้ นการแก้ปญั หา เป็นการพัฒนาผเู้ รยี นใหเ้ ปน็ คนมเี หตุผล สรุปเร่ืองราว
อย่างมีกฎเกณฑ์ ทํางานอย่างมีระบบ การเรียนแบบโครงงานไม่ใช่การศึกษาค้นคว้าจัดทํารายงานเพียง
อยา่ งเดยี ว ตอ้ งมกี ารวิเคราะห์ข้อมูลและมกี ารสรปุ ผล
75
ทักษะการส่ือสาร
ทักษะการส่ือสาร ได้แก่ ทักษะการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน ซึ่งเป็นเครื่องมือของ
การส่งสารและการรับสาร การส่งสาร ได้แก่ การส่งความรู้ ความเช่ือ ความคิด ความรู้สึกด้วยการพู ด
และการเขียน ส่วนการรับสาร ได้แก่ การรับความรู้ ความเชื่อ ความคิด ด้วยการอ่านและการฟัง
การฝกึ ทกั ษะการสอ่ื สารจงึ เปน็ การฝึกทักษะการพดู การฟงั การอ่าน และการเขียน ให้สามารถ รับสาร
และสง่ สารอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ธรรมชาตขิ องภาษา
ธรรมชาติของภาษาเป็นคุณสมบัติของภาษาท่ีสําคัญ มีคุณสมบัติพอสรุปได้ คือ ประการที่หน่ึง
ทุกภาษาจะประกอบด้วยเสียงและความหมาย โดยมีระเบียบแบบแผนหรือกฎเกณฑ์ในการใช้ อย่างเป็นระบบ
ประการท่ีสอง ภาษามีพลังในการงอกงามมิรู้สิ้นสุด หมายถึง มนุษย์สามารถใช้ภาษา สื่อความหมายได้โดย
ไม่ส้ินสุด ประการที่สาม ภาษาเป็นเรื่องของการใช้สัญลักษณ์ร่วมกันหรือสมมติร่วมกัน และมีการรับรู้
สัญลักษณ์หรือสมมติร่วมกัน เพื่อสร้างความเข้าใจตรงกัน ประการที่สี่ ภาษาสามารถใช้ภาษาพูดในการ
ตดิ ต่อสือ่ สาร ไม่จาํ กดั เพศของผสู้ ง่ สาร ไม่ว่าหญิง ชาย เด็ก ผู้ใหญ่ สามารถผลัดกันในการส่งสารและรับ
สารได้ ประการท่ีห้า ภาษาพูดย่อมใช้ได้ท้ังในปัจจุบัน อดีตและอนาคต ไม่จํากัดเวลาและสถานท่ี
ประการท่ีหก ภาษาเป็นเครื่องมือการถ่ายทอดวัฒนธรรม และวิชาความรู้นานาประการ ทําให้เกิดการ
เปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมและการสรา้ งสรรค์สงิ่ ใหม่
แนวคิดในวรรณกรรม
แนวคิดในวรรณกรรมหรือแนวเร่ืองในวรรณกรรมเป็นความคิดสําคัญในการผูกเรื่องให้ ดําเนิน
เร่ืองไปตามแนวคิด หรือเป็นความคิดท่ีสอดแทรกในเร่ืองใหญ่ แนวคิดย่อมเกี่ยวข้องกับมนุษย์และสังคม
เป็นสารทีผ่ ูเ้ ขยี นสง่ ใหผ้ อู้ ่าน เชน่ ความดีย่อมชนะความช่ัว ทําดีได้ดีทําช่ัวได้ชั่ว ความยุติธรรมทําให้โลก
สันติสุข คนเราพ้นความตายไปไม่ได้ เป็นต้น ฉะน้ันแนวคิดเป็นสารท่ีผู้เขียนต้องการส่งให้ผู้อื่นทราบ
เชน่ ความดี ความยตุ ิธรรม ความรกั เปน็ ต้น
บรบิ ท
บริบทเป็นคําท่ีแวดล้อมข้อความท่ีอ่าน ผู้อ่านจะใช้ความรู้สึกและประสบการณ์มากําหนด
ความหมายหรือความเข้าใจ โดยนําคําแวดล้อมมาช่วยประกอบความรู้และประสบการณ์ เพ่ือทํา ความ
เข้าใจหรือความหมายของคํา
76
พลงั ของภาษา
ภาษาเป็นเครื่องมือในการดํารงชีวิตของมนุษย์ มนุษย์จึงสามารถเรียนรู้ภาษาเพ่ือการดํารงชีวิต
เป็นเครื่องมือของการส่ือสารและสามารถพัฒนาภาษาของตนได้ ภาษาช่วยให้คนรู้จักคิดและแสดงออก
ของความคิดดว้ ยการพูด การเขียน และการกระทําซึ่งเป็นผลจากการคิด ถ้าไม่มีภาษา คนจะคิดไม่ได้
ถ้าคนมีภาษาน้อย มีคําศัพท์น้อย ความคิดของคนก็จะแคบไม่กว้างไกล คนท่ีใช้ภาษาได้ดีจะมีความคิดดี
ดว้ ย คนจะใช้ความคดิ และแสดงออกทางความคิดเปน็ ภาษา ซง่ึ สง่ ผลไปสู่ การกระทํา ผลของการกระทํา
ส่งผลไปสู่ความคิด ซึ่งเป็นพลังของภาษา ภาษาจึงมีบทบาทสําคัญต่อมนุษย์ ช่วยให้มนุษย์พัฒนา
ความคดิ ชว่ ยดํารงสงั คมให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข มีไมตรีต่อกัน ช่วยเหลือกันด้วยการใช้
ภาษาติดต่อส่ือสารกัน ช่วยให้คนปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์ของสังคม ภาษาช่วยให้มนุษย์เกิดการพัฒนา
ใช้ภาษาในการแลกเปล่ียนความคิดเห็น การอภิปรายโต้แย้ง เพื่อนําไปสู่ผลสรุป มนุษย์ใช้ภาษาในการ
เรยี นรู้ จดบันทึกความรู้ แสวงหาความรู้ และชว่ ยจรรโลงใจ ด้วยการอ่านบทกลอน ร้องเพลง ภาษายังมี
พลังในตัวของมันเอง เพราะภาพย่อมประกอบด้วยเสียงและความหมาย การใช้ภาษาใช้ถ้อยคําทําให้เกิด
ความรูส้ กึ ตอ่ ผู้รับสาร ให้เกิดความจงเกลียดจงชังหรือเกิด ความช่ืนชอบ ความรักย่อมเกิดจากภาษาท้ังสิ้น
ทนี่ าํ ไปสูผ่ ลสรุปทม่ี ีประสิทธิภาพ
ภาษาถนิ่
ภาษาถนิ่ เปน็ ภาษาพน้ื เมืองหรือภาษาทใี่ ช้ในท้องถิ่น ซง่ึ เป็นภาษาด้ังเดิมของชาวพื้นบ้านที่ใช้พูดจา
กันในหมเู่ หลา่ ของตน บางคร้งั จะใชค้ าํ ท่มี คี วามหมายตา่ งกันไปเฉพาะถ่ิน บางคร้ังคําท่ีใช้พูดจากันเป็นคํา
เดียว ความหมายต่างกันแล้วยังใช้สําเนียงท่ีต่างกัน จึงมีคํากล่าวที่ว่า “สําเนียง บอกภาษา” สําเนียงจะ
บอกว่าเป็นภาษาอะไร และผู้พูดเป็นคนถิ่นใด อย่างไรก็ตามภาษาถ่ินในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นภาษาถิ่น
เหนอื ถ่นิ อสี าน ถ่นิ ใต้ สามารถสอื่ สารเข้าใจกนั ได้ เพยี งแตส่ ําเนยี งแตกต่างกันไปเท่านัน้
ภาษาไทยมาตรฐาน
ภาษาไทยมาตรฐานหรือบางทีเรียกว่า ภาษาไทยกลางหรือภาษาราชการ เป็นภาษาท่ีใช้ สื่อสาร
กันท่ัวประเทศและเป็นภาษาที่ใช้ในการเรียนการสอน เพ่ือให้คนไทยสามารถใช้ภาษาราชการ ในการ
ติดต่อส่ือสารสร้างความเป็นชาติไทย ภาษาไทยมาตรฐานก็คือภาษาท่ีใช้กันในเมืองหลวง ท่ีใช้ติดต่อกันท้ัง
ประเทศ มีคําและสําเนียงภาษาท่ีเป็นมาตรฐาน ต้องพูดให้ชัดถ้อยชัดคําได้ตามมาตรฐานของภาษาไทย
ภาษากลางหรือภาษาไทยมาตรฐานมีความสําคัญในการสร้างความเป็นปึกแผ่น วรรณคดีมีการถ่ายทอดกัน
มาเป็นวรรณคดีประจําชาติจะใช้ภาษาท่ีเป็นภาษาไทยมาตรฐานในการสร้างสรรค์งานประพันธ์ ทําให้
วรรณคดเี ปน็ เคร่ืองมือในการศึกษาภาษาไทยมาตรฐานได้
77
ภาษาพดู กับภาษาเขยี น
ภาษาพูดเป็นภาษาที่ใช้พูดจากัน ไม่เป็นแบบแผนภาษา ไม่พิถีพิถันในการใช้แต่ใช้ส่ือสารกันได้ดี
สร้างความรู้สึกท่เี ปน็ กนั เอง ใช้ในหมเู่ พอ่ื นฝงู ในครอบครวั และตดิ ต่อสื่อสารกันอย่างไม่เป็นทางการ การ
ใชภ้ าษาพูดจะใช้ภาษาทเ่ี ป็นกันเองและสุภาพ ขณะเดียวกันก็คํานึงว่าพูดกับบุคคลท่ีมีฐานะต่างกัน การใช้
ถ้อยคาํ ก็ตา่ งกนั ไปด้วย ไม่คํานงึ ถึงหลักภาษาหรือระเบียบแบบแผนการใช้ภาษามากนัก
ส่วนภาษาเขียนเป็นภาษาที่ใช้เคร่งครัดต่อการใช้ถ้อยคํา และคํานึงถึงหลักภาษา เพ่ือใช้ในการ
ส่ือสารให้ถูกต้องและใช้ในการเขียนมากกว่าพูด ต้องใช้ถ้อยคําท่ีสุภาพ เขียนให้เป็นประโยค เลือกใช้
ถ้อยคําท่ีเหมาะสมกับสถานการณ์ในการสื่อสาร เป็นภาษาท่ีใช้ในพิธีการต่างๆ เช่น การกล่าวรายงาน
กล่าวปราศรัย กล่าวสดุดี การประชุมอภิปราย การปาฐกถา จะระมัดระวังการใช้คําท่ีไม่จําเป็นหรือ คํา
ฟมุ เฟือย หรือการเลน่ คําจนกลายเปน็ การพูดหรือเขียนเลน่ ๆ
ภมู ปิ ัญญาท้องถิน่
ภูมิปัญญาท้องถ่ิน (Local Wisdom) บางคร้ังเรียกว่า ภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นกระบวนทัศน์
(Paradigm) ของคนในท้องถ่ินท่ีมีความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับธรรมชาติ เพื่อความอยู่รอด แต่
คนในท้องถิ่นจะสร้างความรู้จากประสบการณ์และจากการปฏิบัติ เป็นความรู้ ความคิด ที่นํามาใช้ใน
ทอ้ งถ่นิ ของตนเพ่อื การดาํ รงชีวติ ทีเ่ หมาะสมและสอดคลอ้ งกบั ธรรมชาติ ผู้รู้จึงกลายเป็น ปราชญ์ชาวบ้าน
ท่มี ีความรเู้ ก่ียวกับภาษา
ยารกั ษาโรคและการดําเนนิ ชวี ติ ในหมู่บา้ นอย่างสงบสขุ
ภูมปิ ญั ญาทางภาษา
ภูมิปญั ญาทางภาษาเป็นความรู้ทางภาษา วรรณกรรมท้องถ่ิน บทเพลง สุภาษิต คําพังเพยใน
แต่ละท้องถิ่น ที่ได้ใช้ภาษาในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในกิจกรรมทางสังคมที่ต่างกัน
โดยนําภูมิปัญญาทางภาษาในการสั่งสอนอบรมพิธีการต่างๆ การบันเทิงหรือการละเล่น มีการแต่งเป็นคํา
ประพันธใ์ นรูปแบบต่างๆ ทง้ั นิทาน นิทานปรมั ปรา ตํานาน บทเพลง บทร้องเล่น บทเห่กล่อม บทสวด
ต่างๆ บททําขวญั เพือ่ ประโยชนท์ างสงั คมและเป็นสว่ นหนึ่งของวัฒนธรรมประจําถ่ิน
78
ระดับภาษา
ภาษาเป็นวัฒนธรรมที่คนในสังคมจะต้องใช้ภาษาให้ถูกต้องกับสถานการณ์และโอกาสที่ใช้ภาษา
บคุ คลและประชุมชน การใชภ้ าษาจึงแบ่งออกเปน็ ระดับของการใช้ภาษาได้หลายรูปแบบ ตําราแต่ละเล่มจะ
แบง่ ระดบั ภาษาแตกต่างกันตามลกั ษณะของสัมพันธภาพของบุคคลและสถานการณ์
การแบ่งระดับภาษาประมวลได้ดงั นี้
1. การแบง่ ระดับภาษาที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
1.1 ภาษาท่ีไม่เป็นทางการหรือภาษาทเ่ี ป็นแบบแผน เชน่ การใช้ภาษาในการประชุม ในการ
กลา่ วสุนทรพจน์ เป็นต้น
1.2 ภาษาท่ไี มเ่ ปน็ ทางการหรอื ภาษาท่ีไม่เป็นแบบแผน เชน่ การใช้ภาษาในการสนทนา การ
ใชภ้ าษาในการเขียนจดหมายถึงผูค้ ุ้นเคย การใชภ้ าษาในการเลา่ เรื่องหรอื ประสบการณ์ เปน็ ต้น
2. การแบง่ ระดบั ภาษาทีเ่ ปน็ พธิ กี ารกับระดับภาษาทไ่ี ม่เป็นพธิ ีการ การแบ่งภาษาแบบนเี้ ปน็ การ
แบง่ ภาษาตามความสมั พนั ธร์ ะหว่างบุคคลเปน็ ระดับ ดงั นี้
2.1 ภาษาระดบั พธิ ีการ เป็นภาษาแบบแผน
2.2 ภาษาระดับกง่ึ พธิ กี าร เป็นภาษากึง่ แบบแผน
2.3 ภาษาระดับที่ไมเ่ ป็นพิธีการ เป็นภาษาไม่เป็นแบบแผน
3. การแบ่งระดบั ภาษาตามสภาพแวดล้อม โดยแบ่งระดบั ภาษาในระดับย่อยเป็น 5 ระดบั คอื
3.1 ภาษาระดบั พิธีการ เชน่ การกล่าวปราศรยั การกล่าวเปิดงาน
3.2 ภาษาระดับทางการ เช่น การรายงาน การอภปิ ราย
3.3 ภาษาระดบั กึ่งทางการ เช่น การประชุมอภปิ ราย การปาฐกถา
3.4 ภาษาระดับการสนทนา เช่น การสนทนากับบุคคลอยา่ งเปน็ ทางการ
3.5 ภาษาระดับกันเอง เช่น การสนทนาพูดคยุ ในหม่เู พอ่ื นฝงู ในครอบครวั
วจิ ารณญาณ
วจิ ารณญาณ หมายถึง การใช้ความรู้ ความคิด ทําความเข้าใจเรอ่ื งใดเรื่องหน่งึ อยา่ งมเี หตุผล การมี
วจิ ารณญาณตอ้ งอาศยั ประสบการณใ์ นการพจิ ารณาตดั สนิ สารด้วยความรอบคอบ และอยา่ งชาญฉลาดเปน็ เหตุ
เป็นผล
79
คณะทป่ี รึกษา ผอู้ ํานวยการโรงเรียนบา้ นใหม่หนองบัว
รองผู้อาํ นวยการโรงเรยี นบ้านใหมห่ นองบวั
1. นายคําสขุ สาอา้ ย รองผู้อาํ นวยการโรงเรียนบา้ นใหม่หนองบัว
2. นายชชู าติ ประดิษฐทอง
3. นายนิวฒั น์ จอมคํา
คณะผู้จดั ทากลมุ่ สาระภาษาไทย
1. นายสรุ ศักด์ิ เลพล หัวหน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้
2. นายจกั รพงค์ สวุ รรณศิลป์ คณะทาํ งาน
3. นางสาวอฉั ราพร เลิศศรี คณะทาํ งาน
4. นางสาวสุกญั ญา จนั ตะ๊ เสาร์ คณะทาํ งาน
5. นางปฏิณญา ยะใจ คณะทํางาน
6. นางชลุ ีพร ยาวะโนภาส คณะทาํ งาน
80
คาส่ังโรงเรยี นบ้านใหม่หนองบวั
ท่ี 108 / 2561
เรอ่ื ง แตง่ ตั้งคณะกรรมการดาเนินงานจัดทาหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช
2561
*********************************
ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กาหนดให้โรงเรียนดาเนินการ
จัดทาหลักสตู รสถานศกึ ษา เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องและเหมาะสมกับผู้เรียนในชุมชน
ดังนั้น เพื่อให้การจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนบ้านใหม่หนองบัว ระหว่าง วันที่ 26-27
พฤษภาคม 2561 ณ โรงเรียนบ้านใหม่หนองบัว บรรลวุ ตั ถุประสงค์ที่ตั้งไว้ จึงแต่งต้ังคณะกรรมการการ
ดาเนนิ งาน ดงั น้ี
1. คณะกรรมการฝ่ายอานวยการ
1.1 นายวรรษะ วงศศ์ กั ดิ์ ประธานกรรมการ
1.2 นางวิไลวรรณ จันต๊ะเสาร์ รองประธานกรรมการ
1.3 นางวันเพญ็ ปญั โญกิจ รองประธานกรรมการ
1.4 นางศริ าณี บญุ เกิด รองประธานกรรมการ
1.5 นางเนาวรัตน์ สันกาวี กรรมการ
1.6 นางพทั ยา อินตะ๊ แก้ว กรรมการและเลขานุการ
มีหนา้ ท่ี เป็นทีป่ รึกษา ใหค้ าเสนอแนะการดาเนินงาน แก่คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ รวมทั้ง
ประสานงาน การแก้ไขปญั หาต่างๆ ทีอ่ าจเกิดข้ึนในการดาเนนิ งาน
2. คณะกรรมฝ่ายการดาเนินงานจดั ทาหลักสตู ร
1. หลกั สูตรปฐมวยั
1. นางบัวขาว วงศก์ ่า หวั หนา้ กลุ่มปฐมวัย
คณะทางาน
2. นางสาวผทยั กาญจน์ วงค์สรุ ยิ ะ คณะทางาน
คณะทางาน
3. นางทิพยรัตน์ เรือนวงค์
4. นางสาวปภัสสร ปญั ญา
81
5. นางสาวรุ่งนภา แก้วกองมา คณะทางาน
6. นางจนั ทร์สม เสารตั นไพร คณะทางาน
7. นางสาวน้าทิพย์ - คณะทางาน
2. หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์
1. นางกลั ยา คาชยั ยะ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณะทางาน
2. นายมานพ ศรขี ัติย์ คณะทางาน
คณะทางาน
3. นางจิราลักษณ์ ศรใี จวงค์ คณะทางาน
คณะทางาน
4. นางพทั ยา อินตะ๊ แก้ว
5. นายฉตั รมงคล จนั ทรา
6. นางรัชรารีย์ ขตั ิยศ
3. หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์
1. นางสมจติ ร์ คาหม่นื หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณะทางาน
2. นางสาวนิลประภา โพธาชัย คณะทางาน
คณะทางาน
3. นายสุชาติ เตชะพนาลยั คณะทางาน
4. นางสาวขวญั จริ า ทะปัญญา
5. นางวนั เพ็ญ วังตาล
4. หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
1. นายสรุ ศักดิ์ เลพล หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณะทางาน
2. นายจกั รพงค์ สุวรรณศลิ ป์ คณะทางาน
คณะทางาน
3. นางสาวอัฉราพร เลิศศรี คณะทางาน
คณะทางาน
4. นางสาวสุกญั ญา จนั ตะ๊ เสาร์
5. นางปฏิณญา ยะใจ
6. นางชลุ ีพร ยาวะโนภาส
5. หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
1. นายกิตตวิ ฒั น์ คากัมพล หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
2. นางสาวสุภคั ธิญา นารายณ์ คณะทางาน
3. นางจนั ทร์จริ า วรรณสทุ ธิ์ คณะทางาน
82
4. นางสาวภญิ ญลักษณ์ ธรรมพรพิมนต์ คณะทางาน
5. นายไชยเวทย์ วิเศษคณุ คณะทางาน
6. หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรูส้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา
1. นายอุธร เพ็งสอน หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
2. นายจิรพงศ์ กาศเกษม คณะทางาน
3. นายพลากร นนั ทเสน คณะทางาน
4. นายเอนก อนุ ามลู คณะทางาน
7. หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรศู้ ิลปะ
1. นางสาวอัจฉรา วงค์คาแดง หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
2. นายพร้อมพงศ์ ศลิ ปะไพรวรรณ คณะทางาน
3. นางสาวศรัณยร์ ักษ์ ศลิ านุรกั ษ์ คณะทางาน
4. นางสาวพนิดา จนั ทะศรี คณะทางาน
5. นางสาวรุ่งอรณุ ไก่นุ คณะทางาน
8. หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
1. ว่าทีร่ อ้ ยตรีพิทยา กาสุริยะ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
2. นายอภิศกั ดิ์ ไชยเสน คณะทางาน
3. นายฐิตพิ งศ์ ปริยวาณชิ คณะทางาน
4. ว่าทีร่ อ้ ยตรีนรากร ณ น่าน คณะทางาน
5. นายเอกสิทธิ์ ตาคา คณะทางาน
9. หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ
1. นางพัชราภรณ์ วิเศษคุณ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
2. นางเนาวรัตน์ สนั กาวี คณะทางาน
3. นางสาวเพชรดารินทร์ ไชยนทัศน์ คณะทางาน
4. นางสาวรตั ติกาล ทาสีคา คณะทางาน
5. นางสาวจิตอารี วรรณพีระ คณะทางาน
10. หลกั สูตรกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น 83
1. นางสาวพนิดา จนั ทะศรี หัวหนา้ กลุ่มกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน
คณะทางาน
2. นายมานพ ศรขี ตั ิย์ คณะทางาน
คณะทางาน
3. นางจริ าลักษณ์ ศรใี จวงค์
4. นางทิพยรัตน์ เรือนวงค์
มีหน้าท่ี ในการดาเนินการวางแผนการดาเนินงานวิชาการ กาหนดโครงสร้างสาระรายละเอียด
ของหลักสูตรระดับสถานศึกษาและแนวการจัดสัดส่วนสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของ
สถานศกึ ษาใหส้ อดคล้องกบั หลักสูตรการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. 2551 จัดทาคู่มือการบริหารหลักสูตร
และงานวิชาการของสถานศึกษา นิเทศ กากับ ติดตาม ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนา
บุคลากร เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรการจัดกระบวนการเรียนรู้ การวัดผลประเมินผล การ
วิจัย การแนะแนว ให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายและแนวทางการดาเนินการของหลักสูตร รวมท้ัง
ประสานความร่วมมือจากบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่างๆ และชุมชน เพื่อให้การใช้
หลักสูตรเปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนตรวจสอบ ประเมินมาตรฐานการปฏิบัติงานของครู
และการบริหารหลักสูตรระดับสถานศึกษา ในรอบปีที่ผ่านมาและใช้ผลการประเมินเพื่อวางแผน
พัฒนาการปฏิบตั ิงานของครูและการบริหารหลักสตู รปีการศึกษาต่อไป
3. คณะกรรมการฝ่ายทะเบียนและเอกสาร
3.1 นางพัทยา อินตะ๊ แก้ว ประธานกรรมการ
กรรมการ
3.2 นางบัวขาว วงศก์ า่ กรรมการ
กรรมการ
3.3 นางสมจติ ร์ คาหม่นื กรรมการ
กรรมการ
3.4 นายอธุ ร เพ็งสอน กรรมการ
กรรมการ
3.5 นางสาวพนิดา จันทะศรี กรรมการ
กรรมการ
3.6 นางพัชราภรณ์ วิเศษคณุ
3.7 ว่าที่รอ้ ยตรีพิทยา กาสุริยะ
3.8 นายสรุ ศกั ดิ์ เลพล
3.9 นางสาวอจั ฉรา วงค์คาแดง
3.10 นายกิตตวิ ัฒน์ คากมั พล
84
มีหน้าท่ี จดั พิมพ์เอกสารต่างๆ รวบรวมข้อมลู ตามที่กรรมการแต่ละฝ่ายเสนอ เพื่อ
ประกอบการใช้ในการจดั ทาหลักสูตร จัดเตรียมเอกสารประกอบการอบรมตลอดจน
รายงานผลกการดาเนินงานเม่ือเสร็จสิน้ การอบรม
4. คณะกรรมการฝา่ ยการเงนิ - พัสดุ
4.1 นางวนั เพ็ญ วังตาล ประธานกรรมการ
กรรมการ
4.2 นายฉัตรมงคล จนั ทรา กรรมการ
กรรมการ
4.3 นายสชุ าติ เตชะพนาลัย
4.4 นางทิพยรัตน์ เรือนวงค์
มีหน้าท่ี ดาเนินการเบิก - จ่ายตามงบประมาณที่กาหนดและจัดทาบญั ชรี บั จ่ายให้
เรียบร้อยท้ังน้ี เพือ่ ให้การดาเนินงานสาเร็จตามวตั ถปุ ระสงค์ จงึ ขอให้คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ที่
ได้รับการแตง่ ต้ังปฏิบัติหน้าทีอ่ ย่างเตม็ ความรคู้ วามสามารถ
สัง่ ณ วนั ที่ 20 เดือนมิถนุ ายน พ.ศ. 2561
(ลงชือ่ )
(นายวรรษะ วงศศ์ กั ดิ์)
ผอู้ านวยการโรงเรียนบ้านใหมห่ นองบัว