คู่มือ การส่งเสริม นินินิสินิสิสิตสิ คณะพยาบาลศาสตร์ร์ ร์ร์ มหาวิวิวิทวิยาลัลัลัยลับูบูบูรบูพา ชั้ชั้ชั้นชั้ ปีปีปีที่ปีที่ที่ที่2 เซค 3 กลุ่ลุ่ ลุ่ ม ลุ่ ม 2 วัยก่อนเรียน สุขภาพเด็ก
การส่งเสริมสุขภาพ เด็กก่อนวัยเรียน นินินิสินิสิสิตสิ คณะพยาบาลศาสตร์ร์ ร์ร์ มหาวิวิวิทวิยาลัลัลัยลับูบูบูรบูพา ชั้ชั้ชั้นชั้ ปีปีปีที่ปีที่ที่ที่2 เซค 3 กลุ่ลุ่ ลุ่ ม ลุ่ ม 2 จัจัจัดจัทำทำทำทำโดย ณัณัณัณัฐณิณิณิณิชา มะลิลิลิลิซ้ซ้ซ้ซ้อน 65010061 จีจีจีจีรพร แซ่ซ่ซ่ซ่โอ่อ่อ่อ่ว 65010049 สุสุ สุสุ ทธิธิธิธิดา สีสีสีสีเจริริริริญ 65010032 กักักักัณฐมณีณีณีณี แย้ย้ย้ย้มอ่อ่อ่อ่วม 65010040 รามมิมิมิมินทร์ร์ ร์ร์ อามาน 65010034 ณัณัณัณัฐพร มูมูมูมูลขุขุ ขุขุ นทด 65010064 จารุรุ รุรุ วรรณ อิอิอิอินทโฉม 65010046 ชลธิธิธิธิชา วงค์ค์ ค์ค์ ตะวัวัวัวัน 65010055 ชญาดา เก๋ก๋ก๋ก๋งป้ป้ป้ป้อง 65010052 มาลิลิลิลินีนีนีนีสดสูง 65010031 ขวัวัวัวัญวลัลัลัลัย ศรีรีรีรีสุสุ สุสุ ข 65010043
คำ นำ รายงานเล่มนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชา การพยาบาลสุขภาพเด็กและ วัยรุ่น 1 (10820164) จัดขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนสำ หรับนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่องการประเมินและการ ส่งเสริมสุขภาพของเด็กวัยก่อนเรียนและได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็นประโยชน์กัน์ กับ การเรียน ผู้จัดทำ หวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กัน์ กับผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษา ที่กำ ลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อเสนอแนะหรือผิดพลาดประการใด ผู้ จัดทำ ขอน้อน้มรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย คณะผู้จัดทำ
บทที่ 5 ปัญหาพฤติกรรมของเด็กวัยก่อนเรียนและ แนวทางแก้ไขปัญหา สารบัญ บทที่ 2 การเจิรญเติบโตและพัฒนาการของวัยก่อนเรียน บทที่ 3 การส่งเสริมสุขภาพและการป้อ ป้ งกันโรคในเด็กวัย ก่อนเรียน บทที่ 4 ภาวะเสี่ยงทางสุขภาพที่พบในเด็กวัยก่อนเรียน และแนวทางป้อ ป้ งกัน บทที่ 1 บทนำ
เด็กวัยก่อนเรียนคือช่วงอายุ 3-6 ปี เด็กจะสามารถควบคุม อารมณ์ตัณ์ ตัวเองได้ดีขึ้นเล็กน้อน้ย มีทักษะทางด้านร่างกาย เพิ่มมากขึ้น เช่น สามารถกระโดดไปมายืนขาเดียว เริ่ม กระโดดขาเดียว แต่งตัวเองได้ นอกจากนี้ยังสนใจในการ เรียนรู้และลองทำ สิ่งใหม่ ๆ พยายามสร้างความสัมพันธ์ และเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ พูดคุยหรือสนทนายาว ๆ กับผู้ อื่นได้ ซึ่งเด็กในวัยนี้จะชอบพูดคุยและชอบซักถามในทุก ๆ เรื่อง เด็กในวัยนี้เป็นวัยที่เริ่มหัดอ่านหนังสือ เป็นวัยที่มี จินตนาการสูง สร้างสรรค์ บทที่ 1 คำ จำ กัดความ ลักษณะทั่วไปของเด็กวัยก่อน เรียน การเจริญเติบโตขอร่างกายช้าลงกว่าวัย 1-3 ปี รูปร่างและสัดส่วน แขน ขา ยาวขึ้น ลำ ตัวยาวและกว้างขึ้นเป็น 2 เท่าของแรก เกิด พัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทรงตัวได้ดีขึ้น ควบคุมระบบขับถ่ายและอุจจาระและปัสสาวะได้ดีขึ้น จนอายุ 6 ปีจะควบคุมได้ อย่างสมบูรณ์ รักสนุกนุชอบเล่น พยามยามใช้มือ แขน ขา ในการทำ กิจกรรม อยากรู้อยากเห็น ช่างซักถาม ชอบทดลอง อยากมีเพื่อน มักสร้างเพื่อนสมมติเล่นบทบาทพ่อแม่ พัฒนาการของเซลล์สมองเร็ว และพัฒนาเต็มที่เมื่ออายุ 6 ปี 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. ความหมาย ของ เ ด็ ก ใ น วัยเ ด็ ก ก่ อ น เ รีย น
การเจิจิ จิรจิญเติติ ติ บ ติ บโตและพัพั พัฒพั นาการ ของ เ ด็ ก ใ น วัยเ ด็ ก ก่ อ น เ รีย น บทที่ที่ ที่2ที่ การเจริริ ริ ญริ ญเติติ ติ บ ติ บโต 1.การเจริริริญริเติติติบติ โตของร่ร่ร่าร่งกาย 2.น้ำน้ำน้ำน้ำน้ำน้ำหนันันักนั 3.ส่ส่ส่วส่นสูสูสูงสู การเจริญเติบโตของร่างกายโดยทั่วไปรูปร่างและสัดส่วน ของร่างกายเด็กวัยก่อนเรียนเปลี่ยนแปลงไปจากวัยทารก ค่อนข้างมากมีอัตราการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างช้าเมื่อ เปรียบเทียบกับระยะวัยทารมือและเท้าใหญ่แข็งแรงขึ้น กล้ามเนื้อและประสาทสัมผัสทำ หน้าน้ที่ได้ดีขึ้น การเพิ่มน้ำ หนักของเด็กวัยก่อนเรียนเกิดจากการ เจริญเติบโตของกระดูกและกล้ามเนื้อเป็นส่วนใหญ่ ต่างกับวัยทารกซึ่งน้ำ หนักจะเพิ่มขึ้นจากเนื้อเยื่อไข มัน ส่วนสูงและน้ำ หนัก ขึ้นอยู่กับอาหารและการ เลี้ยงดูที่เหมาะสม เช่น การออกกำ ลังกาย การได้ พักผ่อน • ในการวัดส่วนสูงของเด็ก ให้วัดขณะเด็กยืนตรง โดยให้หัน หลังแนบกับฝาหรือแนบกับไม้ที่ใช้วัด ใบหน้าน้วางตรง ให้วัดจาก ยอดศีรษะถึงพื้นที่เด็กยืน ปกติเด็กแรกเกิด จะมีความยาวหรือ ส่วนสูงประมาณ 50 เซนติเมตร
การเจิจิ จิรจิญเติติ ติ บ ติ บโตและพัพั พัฒพั นาการ ของ เ ด็ ก ใ น วัยเ ด็ ก ก่ อ น เ รีย น บทที่ที่ ที่2ที่ การเจริริ ริ ญริ ญเติติ ติ บ ติ บโต 4.การเจริริริญริของศีศีศีรศีษะ 5.การเจริริริญริเติติติบติ โตของฟัฟัฟันฟั สรุรุรุปรุการเจริริริญริเติติติบติ โตของเด็ด็ ด็ ก ด็ กวัวัวัยวัเรีรีรียรีน • เด็กเกิดใหม่ศีรษะจะแลดูใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับขนาด ของลำ ตัวขนาดของศีรษะจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับขนาด ของสมองมีศีรษะเจริญเติบโตเป็นปกติดีจะมีสมองเจริญ เติบโตดีเมื่อสมองมีการเจริญเติบโตดีพัฒนาการของสมอง และระดับสติปัญญาจะดีตามไปด้วย • ฟันของเด็กจะเริ่มมีการพัฒนาตั้งแต่เด็กยังอยู่ใน ครรภ์มารดาฟันซี่แรกจะงอกจากเหงือกขึ้นมาให้มองเห็น ได้เมื่ออายุประมาณ 6 เดือน และเมื่ออายุประมาณ 2 ปี ฟันน้ำ นมจะขึ้นครบทั้ง 20 ซี่ ส่วนฟันชุดที่สองซึ่งเป็น ฟันแท้จะเริ่มขึ้นเมื่อเด็กอายุประมาณ 6 ปี • การเจริญเติบโตทางด้านร่างกายของเด็กวัยก่อน เรียนมีอัตราการเจริญเติบโตสม่ำ เสมอเพื่อให้การ เจริญเติบโตเป็นไปด้วยดีมีสุขภาพสมบูรณ์แณ์ละแข็ง แรง ขึ้นอยู่กับความรู้ ความเข้าใจของผู้เลี้ยงดู ให้เด็ก รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่การดูแลสุขภาพ
การเจิจิ จิรจิญเติติ ติ บ ติ บโตและพัพั พัฒพั นาการ ของ เ ด็ ก ใ น วัยเ ด็ ก ก่ อ น เ รีย น บทที่ที่ ที่2ที่ พัพั พัฒพั นาการ 2.พัพัพัฒพันาการด้ด้ด้าด้นสติติติปัติปัปัญปัญา 1.พัพัพัฒพันาการด้ด้ด้าด้นร่ร่ร่าร่งกาย 3.พัพัพัฒพันาการด้ด้ด้าด้นอารมณ์ณ์ณ์ณ์ • โดยใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ (gross motor) เช่น การนั่ง การยืน เดิน วิ่ง และกระโดด เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวมไป ถึงการใช้สัมผัสรับรู้ การใช้ตาและมือประสานกันในการ ทำ กิจกรรมต่าง ๆ (fine motor adaptive) การหยิบ สิ่งของ การขีดเขียน ปั้นและประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ • ความสามารถในการเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่ง ต่างๆกับตนเอง การรับรู้ รู้จักสังเกต จดจำ วิเคราะห์ การคิด การมีเหตุผล และความสามารถในการแก้ ปัญหา ตลอดจนการสังเคราะห์ ซึ่งเป็นความสามารถ เชิงสติปัญญาในระดับสูง แสดงออกด้วยการใช้ภาษา สื่อความหมายและการกระทำ • การเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ขณ์องเด็กวัยก่อน เรียนเป็นวัยที่มีอารมณ์เณ์ปลี่ยนแปลงง่ายเป็นคนเจ้า อารมณ์ มีการแสดงอารมณ์ตณ์ามวัยขึ้นอยู่กับการอบรม เลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมช่วยให้เด็กมั่นคงทางอารมณ์ พยายามปลอบโยนเมื่อเด็กเกิดอารมณ์
การเจิจิ จิรจิญเติติ ติ บ ติ บโตและพัพั พัฒพั นาการ ของ เ ด็ ก ใ น วัยเ ด็ ก ก่ อ น เ รีย น บทที่ที่ ที่2ที่ พัพั พัฒพั นาการ สรุรุ รุ ป รุ ปพัพัพัฒพันาการเด็ด็ ด็ ก ด็ กวัวัวัยวัเรีรี รี ย รี ยน 4.พัพัพัฒพันาการด้ด้ ด้ าด้ านสัสัสังสัคม • เมื่อพ้นขวบปีที่หนึ่งเด็กเริ่มต้องการเป็นอิสระ เริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นเริ่มห่างจากครอบครัวมาสู่ สังคมภายนอก สามารถเล่นกับเพื่อนบ้านใกล้ๆในระยะต้น ของวัยการเล่นมีลักษณะต่างคนต่างเล่น แต่เล่นอยู่ใกล้ ๆ กัน เมื่อเด็กอายุเพิ่มขึ้นจะชอบเล่นเป็นกลุ่มและจะเปลี่ยน กลุ่มไปตามความสนใจ เด็กจะเรียนรู้วิธีการหาเพื่อนและ เล่นกับเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆบ้าน • การวางพื้นฐานเบื้องต้นของการพัฒนาความเป็น ตัวของตัวเอง เด็กจะเรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่นใน สังคมจากการเล่นระยะแรกพ่อแม่ควรให้โอกาสเด็ก ได้เล่นกับเด็กวัยเดียวกัน จะช่วยให้พัฒนาการทาง สังคมในระยะต่อมาเป็นไปด้วยความราบรื่น เด็กจะ รู้จักเสียสละ ปรับตัว รอคอย รักเพื่อน รู้จักให้ รู้จัก การรับ
ให้เด็กๆเล่นตัวต่อเลโก้ บล๊อกต่างๆ เพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้าม เนื้อมัดเล็กและเสริมสร้างพัฒนาการด้านความคิดและจินตนาการ ฝึกให้ช่วยเหลือตนเอง เช่น อาบน้ำ แต่งตัว ติดกระดุม ผูกเชือกรองเท้า ส่งเสริมพัฒนาการผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การเล่นกีฬา ว่ายน้ำ เตะ ฟุตฟุบอล บทที่ที่ ที่ที่3 การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มสุสุ สุ ข สุ ขภาพและการป้ป้ป้ อ ป้ องกักั กั นกั นโรค ในเด็กวัยก่อนเรียน เด็กวัยก่อนเรียนหรือวัยอนุบนุาล (preschool) เป็นวัยที่ สำ คัญ เพราะเป็นช่วงที่เด็กเริ่มมีพัฒนาการหลายด้าน ทั้งด้าน ความคิด ภาษา การสื่อสาร การเคลื่อนไหว และการช่วยเหลือ ตนเอง นอกจากนี้ยังเป็นวัยที่เด็กเริ่มออกจากครอบครัวไปสู่ โรงเรียน ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่นและใช้ชีวิตภายนอกบ้าน มากขึ้น โดยพัฒนาการของเด็กวัยนี้จะแบ่งเป็น 4 ด้านหลัก 1 พัพั พัฒพั นาการด้ด้ ด้ า ด้ านร่ร่ ร่ า ร่ างกายและการเคลื่ลื่ ลื่ อลื่ อนไหว เด็กในวัยนี้ กล้ามเนื้อมัดเล็กเริ่มแข็งแรง ขึ้น ใช้มือได้คล่องในทุกทิศทาง สำ หรับกล้าม เนื้อมัดใหญ่จะเริ่มแข็งแรงขึ้นจนสามารถ กระโดดขาเดียว วิ่งเร็วขึ้น โยนรับเตะลูกบอลได้ ดี การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มพัพั พัฒพั นาการ
ให้เด็กๆได้ทดลองแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยคอยให้คำ แนะนำ ชมเชยเมื่อ เด็กทำ สำ เร็จ ให้กำ ลังใจและช่วยแนะวิธีแก้ไขเมื่อทำ ผิดพลาด จะทำ ให้เด็ก เติบโตเป็นคนกล้าคิดกล้าแสดงออก มีความคิดสร้างสรรค์และไม่เกรงกลัวต่อ ปัญหา เด็กๆจะเกิดความภาคภูมิใจในตนเองเมื่อสามารถเอาชนะปัญหาต่างๆได้ ทำ กิจกรรมต่างๆร่วมกับเด็ก เช่น เกมส์ต่อภาพ ต่อบล็อก สอนให้รู้จักและสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มพัพั พัฒพั นาการ บทที่ที่ ที่ที่3 การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มสุสุ สุ ข สุ ขภาพและการป้ป้ป้ อ ป้ องกักั กั นกั นโรค ในเด็กวัยก่อนเรียน 2 พัพั พัฒพั นาการด้ด้ ด้ า ด้ านความคิคิ คิ ดคิ ดและความเข้ข้ ข้ า ข้ าใจ การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มพัพั พัฒพั นาการ เด็กในวัยนี้ รู้จักสี รูปร่าง และรูปทรง จดจำ สัญลักษณ์ไณ์ด้ รู้จักซ้าย-ขวา นับ 1-10 ได้ เด็กวัยนี้ จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยสิ่งที่รับรู้และจินตนาการ ของตนเอง การแก้ปัญหาของเขาจึงเป็น แบบลอง ผิดลองถูก และเรียนรู้จากผลของการกระทำ 3 พัพั พัฒพั นาการด้ด้ ด้ า ด้ านการพูพู พู ด พู ดและการสื่สื่ สื่ อสื่ อสาร ไม่ชอบอะไร เด็กในวัยนี้มีความอยากรู้อยาก เห็น มีคำ ถามมากมาย สนใจสิ่งแปลก ใหม่ สามารถพูดคุยเป็นประโยคที่ซับ ซ้อนมากขึ้น สามารถเล่าเรื่องราวได้ สามารถเข้าใจคำ พูดของผู้ใหญ่ได้ เกือบทั้งหมด บอกได้ว่า ชอบ หรือ ใช้การ์ดตัวอักษร หรือ การ์ดตัวเลข เพื่อ เพิ่มคำ ศัพท์ และ สอนวิธีการนับเลข เล่านิทาน อ่านหนังสือให้ฟัง และชี้ตามคำ ที่อ่านด้วย เพื่อให้เด็กๆรู้จักตัวสะกดเหล่านั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรแสดงความหงุดหงิด หรือรำ คาญที่จะต้องตอบคำ ถามของเด็กๆ
ควรพาเด็กๆไปเข้ากิจกรรมกลุ่ม (play group) เพื่อสร้าง ปฏิสัมพันธ์กับเด็กคนอื่น สอนให้รู้จักการให้ การแบ่งปัน และ การรับ หากลูกรู้สึกหงุดหงิดหรือโกรธง่าย ให้พยายามสอนลูกถึง การควมคุมอารมณ์ และค่อยๆแก้ปัญหาไป เตรียมความพร้อมด้านจิตใจให้กับเด็กก่อนเข้าโรงเรียน เช่น หัดให้มีความอดทน รู้จักรอคอย สามารถจากพ่อแม่และ อยู่กับคนที่ไม่รู้จัก ได้นานหลายชั่วโมงในแต่ละวัน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับลูก บทที่ที่ ที่ที่3 การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มสุสุ สุ ข สุ ขภาพและการป้ป้ป้ อ ป้ องกักั กั นกั นโรค ในเด็กวัยก่อนเรียน พัพั พัฒพั นาการด้ด้ ด้ า ด้ านอารมณ์ณ์ ณ์ แ ณ์ และสัสั สั งสั งคม 4 การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มพัพั พัฒพั นาการ เด็กในวัยนี้มีความสนใจและอยากมีส่วน ร่วมในการเล่นกับเด็กคนอื่น สามารถเข้าร่วม กลุ่มกับเพื่อนได้แต่อาจจะยังไม่รู้จักกฏและ กติกา ยังคงเห็นพฤติกรรมหวงและแย่งของ เล่น ยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไณ์ด้ดีนัก อาจ อารมณ์เณ์สียใส่เพื่อนคนอื่น โกรธและหงุดหงิด ง่าย
เด็กเป็นวัยที่ร่างกายกำ ลังเจริญเติบโตเป็นวัยที่มีการ เรียนรู้ และสั่งสมประสบการณ์ ตลอดจนมีกิจกรรมการเล่น หรือการออกกำ ลังกายสูงกว่าวัยอื่น ๆ ร่างกายจึงมีความ ต้องการสารอาหารต่าง ๆในปริมาณสูง การมีโภชนาการที่ดี เพียงพอกับความต้องการของร่างกายในวัยนี้จะช่วยให้ร่างกาย เจริญเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ และมีสุขภาพสมบูรณ์แณ์ข็งแรง บทที่ที่ ที่ที่3 การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มสุสุ สุ ข สุ ขภาพและการป้ป้ป้ อ ป้ องกักั กั นกั นโรค ในเด็กวัยก่อนเรียน โภชนาการสำสำ สำสำ หรัรั รั บรั บเด็ด็ ด็ ก ด็ กวัวั วั ยวั ยก่ก่ ก่ อ ก่ อนเรีรี รี ยรี ยน พลัลั ลั งลั งงาน อายุ 4-6 ปี ควรได้วันละ 1,200- 1,450 กิโลแคลอรี่ต่อ วัน คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 50-60 ไขมันร้อยละ 25-35 โปรตีนร้อยละ 10-15 ของพลังงานทั้งหมด อายุ 1-3 ปี ต้องการพลังงาน 100 กิโลแคลอรี่ต่อกิโลกรัม โปรตีตี ตี นตี น เด็กวัยนี้ต้องดื่มนม วันละ 2-3 ถ้วย อายุ 1-3 ปี ต้องการโปรตีนประมาณวันละ 18 กรัม อายุ 4-6 ปี ต้องการโปรตีนวันละ 22 กรัม วิวิ วิ ตวิ ตามิมิ มิ น มิ นและ เกลืลื ลื อลื อแร่ร่ ร่ ควรได้รับ 10 มิลลิกรัมต่อวัน วิตามินเอ ช่วยในการมองเห็น แคลเซียม มีบทบาทสำ คัญต่อกระดูกและการ ทำ งานระบบต่างๆในร่างกาย ธาตุเหล็ก ควรได้รับ 5-6 มิลลิกรัมต่อวัน สังกะสี มีความจำ เป็นต่อการเจริญเติบโต หากขาดจะทำ ให้ความยากอาหารลดลงและแผลหายช้า น้ำ เด็กต้องการน้ำ 4-6 แก้วต่อวัน หรือ 1,000-1,500 มิลลิลิตร
การให้เด็กลองรับประทานอาหารใหม่ ควรให้ครั้งละ น้อน้ยๆ ปรุงรส มีสีสันตามความชอบของเด็ก ค่อยๆ ปรับปรุงให้เหมาะสมตามความต้องการของเด็ก ไม่ควรให้ รางวัลจูงใจให้เด็กรับประทานอาหารเป็นการสร้างนิสัยที่ไม่ ถูกต้อง บทที่ที่ ที่ที่3 การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มสุสุ สุ ข สุ ขภาพและการป้ป้ป้ อ ป้ องกักั กั นกั นโรค ในเด็กวัยก่อนเรียน โภชนาการสำสำ สำสำ หรัรั รั บรั บเด็ด็ ด็ ก ด็ กวัวั วั ยวั ยก่ก่ ก่ อ ก่ อนเรีรี รี ยรี ยน การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มภาวะโภชนาการ เด็กมีการเจริญเติบโตของร่างกาย และมีการเล่นออกกำ ลังกาย ทำ ให้สูญ เสียพลังงานไป จึงต้องจัดอาหารให้ เพียงพอ และให้เพิ่มเมื่อเด็กต้องการ ไม่ควรบังคับหรือฝืนใจเด็ก ควรหาวิธี ปรุงอาหารตามที่เด็กชอบ การสร้าง นิสัยการรับประทานอาหารที่ดีแก่เด็ก มีแนวทางดังนี้ 1 ให้มีอาหารว่างระหว่างมื้อเช้า และ บ่าย จะเป็นนมสดหรือนมถั่วเหลือง วันละ 2-3 แก้ว ควรฝึกให้เด็กในวัยนี้ได้รับ ประทานอาหารหลักวันละ 3 มื้อ 2 เด็กในวัยนี้ ต้องการอาหารเช่น เดียวกับผู้ใหญ่ แต่ควรเพิ่มปริมาณ สารอาหารให้มากกว่าเดิม เพราะมี การเติบโตอย่างรวดเร็ว จำ เป็นที่ต้อง ให้อาหารโปรตีนเพิ่มมากขึ้น จึงต้อง ปรุงอาหารด้วยเนื้อสัตว์ต่างๆบ้าง เพราะเด็กสามารถเคี้ยวได้แล้ว 3 ควรหัดให้เด็กได้รับประทานอาหารทุกชนิด ผักและ ผลไม้ สดควรมีทุกวัน โดยให้เด็กหัดรับประทานเล่นๆ เช่น แตงกวา มะละกอสุก ส้ม ฯลฯ เพื่อให้เด็กได้รับสารอาหารครบถ้วนเพียง พอกับความต้องการของร่างกาย การตักอาหารให้เด็กควรตักที ละน้อน้ย และเพิ่มให้อีกเมื่อต้องการ 4
ควรหาวิธีการ หรือ เทคนิคในการจูงใจ ให้เด็กรับประทานอาหารให้ ครบทั้ง 5 หมู่ โดยไม่ต้องบังคับให้เด็กรับประทาน โดยการปรุงแต่ง รูป รส ของอาหารให้น่ารับประทาน เช่น เด็กไม่กินผัก ควรจะนำ มาชุบแป้งป้ ทอดกรอบ แล้วจัดให้ดูน่ากิน ลักษณะและรสชาติของอาหารต้องอร่อยแต่ไม่ควรเค็ม จัดหรือหวานจัดเกินไป บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่ดีมีผลต่อการรับ ประทานอาหาร สถานที่ไม่อับจนเกินไป แต่ไม่ควรเดิน ป้อป้นเพราะจะทำ ให้เด็กขาดระเบียบและไม่รู้จักเวลาใน การดำ เนินชีวิตต่อไป เปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการเตรียมโต๊ะอาหาร เช่น การจัดโต๊ะ ช้อนส้อม และให้เด็กมีส่วนร่วมในการ ปรุงอาหารได้บ้าง เช่น ทอดไข่อาจให้เด็กช่วยตอกไข่ใส่ จาน ผู้ใหญ่ควรพิจารณาดูความสามารถให้เหมาะกับอายุ ของเด็กด้วย จัดอาหารให้น่ารับประทาน เพื่อกระตุ้นให้เกิดความ สนใจในการรับประทานอาหารที่มีสีสันสวยงามชิ้นที่พอดีคำ แม้แต่เด็ก การจัดอาหารย่อมต้องสวยงามเพื่อให้มองแล้ว อิ่มใจแบบผู้ใหญ่ และจัดเป็นคำ ๆไม่ใหญ่เกินไป เด็กจะมี ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการรับประทานอาหาร บทที่ที่ ที่ที่3 การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มสุสุ สุ ข สุ ขภาพและการป้ป้ป้ อ ป้ องกักั กั นกั นโรค ในเด็กวัยก่อนเรียน โภชนาการสำสำ สำสำ หรัรั รั บรั บเด็ด็ ด็ ก ด็ กวัวั วั ยวั ยก่ก่ ก่ อ ก่ อนเรีรี รี ยรี ยน 5 ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กต้องปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างที่ ดีเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพราะเด็กชอบเลียนแบบ ผู้ใหญ่ 6 7 8 9 10
พบทันตแพทย์ครั้งแรกเมื่อเด็กมีอายุครบ 1 ขวบ โดยทันตแพทย์จะทำ การประเมินความเสี่ยง ต่อการเกิดฟันผุของเด็ก แนะนำ ให้ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณ น้อน้ยไม่เกิน 1 เม็ดข้าวสารแล้วใช้ผ้าสะอาดช่วยเช็ด ฟองออกเพื่อป้อป้งกันการกลืนยาสีฟันในเด็ก รับประทานอาหารระหว่างมื้อ ไม่ควรเกิน 2 ครั้ง ต่อวัน หลีกเลี่ยงการให้ขนมกรุบกรอบ ขนมถุง ลูกอม เยลลี่ น้ำ หวาน น้ำ อัดลม ประเมินว่าเด็กมีนิสัยติดจุกนมปลอม ดูดนิ้ว เม้ม หรือกัดริมฝีปาก กัดเล็บหรือไม่ ถ้ามีควรเข้ารับการ ปรึกษาจากทันตแพทย์เพื่อแนะนำ การปรับเปลี่ยน นิสัยดังกล่าว บทที่ที่ ที่ที่3 การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มสุสุ สุ ข สุ ขภาพและการป้ป้ป้ อ ป้ องกักั กั นกั นโรค ในเด็กวัยก่อนเรียน การดูดู ดู แ ดู แลสุสุ สุ ข สุ ขภาพช่ช่ ช่ อ ช่ องปาก หน้น้ น้ า น้ าที่ที่ ที่ขที่องฟัฟัฟั นฟั นน้ำน้ำ น้ำน้ำ นม ใช้เพื่อบดเคี้ยวอาหาร ให้ความสวยงาม สร้างความมั่นใจให้กับเด็ก สร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็น ช่วยในการออกเสียง ช่วยเก็บที่ให้กับฟันแท้ที่จะขึ้นมาในวันข้างหน้าน้ ฝึกรับประทานอาหารให้เป็นเวลา การป้ป้ป้ อ ป้ องกักั กั นกั นฟัฟัฟั นฟั นผุผุ ผุผุ วิธีการที่ดีที่สุดที่จะสอนลูกคือการทำ เป็นตัวอย่าง ผู้ปกครองควรแสดงให้เห็นว่า สิ่งนี้เป็น กิจวัตรประจำ วัน และเป็นส่วนหนึ่ง ในการรักษาสุขอนามัยที่ต้องปฏิบัติทุก วันเหมือน การทานน้ำ
บทที่ที่ ที่ที่3 การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มสุสุ สุ ข สุ ขภาพและการป้ป้ป้ อ ป้ องกักั กั นกั นโรค ในเด็กวัยก่อนเรียน การดูดู ดู แ ดู แลทำทำ ทำทำความสะอาด ร่ร่ ร่ า ร่ างกายและการขัขั ขั บขั บถ่ถ่ ถ่ า ถ่ าย สอนให้เด็กซึมซับและเคยชินกับการดูแลความสะอาด ผู้ปกครองยังต้องคอยช่วย คอยแนะแนวทางปฏิบัติให้ลูกที ละขั้นตอน และทำ ให้เป็นกิจวัตร ซึ่งต้องบวกกับความสนุกนุ และใช้เวลาสั้นๆ เพื่อไม่ให้ลูกเบื่อ เด็กวัยนี้จะมีความกลัวมากกว่าวัยอื่นๆ หากมีเหตุการณ์ ที่ทำ ให้กลัวเพียงครั้งเดียว ก็จะจดจำ จนทำ ให้แก้ไขได้ยาก เช่น หากเด็กเคยโดนแชมพู หรือสบู่เข้าตา จึงควร ระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไณ์ม่ดีที่จะทำ ให้ลูกฝังใจได้ เด็กวัยนี้ ส่วนใหญ่ไปเข้าห้องน้ำ อุจจาระปัสสาวะและ ทำ ความสะอาดตัวเองได้แล้ว แต่มีบางครั้งเด็กเล่นเพลิน อยู่ข้างนอกจนเผลอฉี่รดกางเกง แม้จะเป็นเช่นนี้ผู้ ปกครองก็ไม่ควรดุว่าเด็กนัก พอโตขึ้นเรื่องแบบนี้ก็จะ หายไปเอง เด็กอนุบนุาลบางคนรังเกียจห้องน้ำ ที่เฉอะแฉะ และไม่สะอาด ห้องน้ำ ที่สะอาดและสวยงาม จะช่วยจูงใจ ให้เด็กชอบทำ ธุระในห้องน้ำ
ทำ เป็นกิจวัตร ทำ ให้เด็กคุ้นเคยกับการทำ ความสะอาดร่างกายอย่างเป็น ประจำ สม่ำ เสมอ โดยทำ ให้เป็นเวลา เพิ่มความมั่นใจ ด้วยการพูดชมทุกครั้งที่ทำ กิจกรรมเสร็จ พูดให้เห็นข้อดีของการทำ ความสะอาด ช่วยให้เด็กรับรู้ว่าการดูแลความ สะอาดร่างกายเป็นสิ่งจำ เป็นที่ต้องปฏิบัติทุกวัน คุณต้องพูดข้อดีให้เด็กเห็นทั้ง ขณะและหลังทำ ความสะอาดร่างกายทุกครั้ง ชวนทำ กิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นแปรงฟัน อาบน้ำ สระผม เป็นตัวอย่างให้เด็กดู เมื่อถึงเวลาอาบน้ำ แปรงฟัน เด็กจะค่อยๆ จดจำ และ อยากทำ เหมือนคุณบ้าง ตามลักษณะนิสัยชอบเลียนแบบของเด็กวัย 1-3 ปี เปลี่ยนคำ สั่งให้เป็นการชักชวน จึงควรหลีกเลี่ยงการบังคับ หันมาใช้วิธีพูด เชิญชวนแทน บทที่ที่ ที่ที่3 การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มสุสุ สุ ข สุ ขภาพและการป้ป้ป้ อ ป้ องกักั กั นกั นโรค ในเด็กวัยก่อนเรียน การดูดู ดู แ ดู แลทำทำ ทำทำความสะอาด ร่ร่ ร่ า ร่ างกายและการขัขั ขั บขั บถ่ถ่ ถ่ า ถ่ าย การสอนเด็ด็ ด็ ก ด็ กทำทำ ทำทำความสะอาดร่ร่ ร่ า ร่ างกาย
วัคซีนวัณโรค(BCG )จะฉีดเมื่อแรกคลอด ส่วนมากฉีดที่โรงพยาบาลก่อนกลับ บ้านบริเวณที่ไหล่ซ้ายหรือสะโพก วัคซีนตับอักเสบบี(HBV) ควรฉีดตั้งแต่แรกเกิดและ 1เดือน 6 เดือน ตามลำ ดับ วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DPT) ควรฉีดตามช่วงอายุตั้งแต่ 2, 4 และ 6 เดือน และฉีดเพื่อกระตุ้นการทำ งานของวัคซีนอีกครั้งในช่วงอายุ 1 ปี 6 เดือน, 4-6 ปี และ 11-12 ปี (ฉีดเฉพาะบาดทะยัก-คอตีบ) วัคซีนโปลิโอ มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ ชนิดกิน และชนิดฉีดควรให้ตามช่วงอายุ ตั้งแต่ 2, 4, 6 เดือน, 1 ปี 6 เดือน และ 2 ปี ครึ่งตามลำ ดับ วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม(MMR) / วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JE) ควรฉีด ตามช่วงอายุคือ 1ปี และ 2 ปี 6 เดือน วัคซีนป้อป้งกันไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดในเด็กปีละครั้ง ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ถึง 18 ปี สำ หรับเด็กในปีแรกฉีด2 เข็ม และห่างกัน 4 สัปดาห์ วัคซีนเอชพีวี(HPV) เป็นวัคซีนที่ช่วยป้อป้งกันการติดเชื้อเอชพีวี สาเหตุสำ คัญของ มะเร็งปากมดลูก โดยสามารถป้อป้งกันได้ร้อยละ 70-90 ชนิด 2 สายพันธุ์เฉพาะเด็กผู้ หญิงเท่านั้น และชนิด 4 สายพันธุ์จะเพิ่มป้อป้งกันหูดอวัยวะเพศได้ด้วย ใช้ได้ทั้งผู้ หญิงและผู้ชาย ช่วงวัยที่เหมาะสมที่แนะนำ คือ 9 ปีขึ้นไป บทที่ที่ ที่ที่3 การส่ส่ ส่ ง ส่ งเสริริ ริ ม ริ มสุสุ สุ ข สุ ขภาพและการป้ป้ป้ อ ป้ องกักั กั นกั นโรค ในเด็กวัยก่อนเรียน วัวั วัควัซีซีซี นซี นสำสำ สำสำ หรัรั รั บรั บเด็ด็ ด็ ก ด็ ก วัวั วัควัซีซีซี นซี นพื้พื้ พื้ นพื้ นฐาน ตามคำ แนะนำ ของสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย 2561 ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข การปฏิฏิ ฏิ บั ฏิ บั บั ติบั ติ ติ ตัติ ตั ตั วตั วสำสำ สำสำ หรัรั รั บรั บการรัรั รั บรั บวัวั วัควัซีซีซี นซี น ควรนำ สมุดบันทึกวัคซีนมาด้วยทุกครั้ง ไม่ควรรับวัคซีนขณะที่มีไข้สูง หรือเจ็บป่วป่ยเฉียบพลัน ยกเว้นเป็น หวัด ท้องเสียโดยไม่มีไข้สามารถรับ วัคซีนได้ หลังรับวัคซีนควรอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อน้ย 30นาทีเพื่อดู ปฏิกิริยาแพ้ยา หากเคยฉีดยาแล้วมีอาการแพ้ยา แพ้อาหาร กรุณาแจ้งกุมาร แพทย์หรือพยาบาล
แนวทางในการป้ป้อป้ป้งกักักันกั แนวทางในการป้ป้อป้ป้งกักักันกั 1) โรคติติติดติเชื้ชื้ชื้อชื้ ไวรัรัรัสรัทางเดิดิดินดิหายใจ RVS พบมากในช่วงที่มีอากาศชื้น สามารถติดต่อได้ผ่านทางน้ำ ลาย น้ำ มูก หรือการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อไวรัส เด็กจะมีไข้ ไอรุนแรง หายใจลำ บาก หายใจเร็ว มีเสียงวี๊ดวี๊เสมหะมาก ซึม กินอาหารได้น้อน้ย ภาวะแทรกซ้อนของโรค คือ หูชั้นกลางอักเสบ ติดเชื้อทางเดินหายใจ ส่วนล่าง เช่น หลอดลมอักเสบ หรือปอดบวม 3) ไข้ข้ข้หข้ วัวัวัดวั ใหญ่ญ่ญ่ญ่ ภาวะเสี่สี่ สี่ ยสี่ ยง ทางสุขภาพ ที่ พ บ ใ น วัยเ ด็ ก ก่ อ น เ รีย น โรคติติ ติ ดติ ดเชื้ชื้ชื้ อชื้ อ หมั่นล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือให้คนแปลก ทำ ความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ และดูแลอากาศในบ้านให้ปลอดโปร่ง แนวทางในการป้ป้อป้ป้งกักักันกั 2) โรคอุอุอุจอุจาระร่ร่ร่วร่ง พบบ่อยที่สุดในเด็กเล็ก เนื่องจากได้รับเชื้อที่ปนเปื้อนมากับอาหาร หรือเครื่องดื่ม การหยิบสิ่งของเข้าปาก เด็กจะมีถ่ายเหลว อาจมีไข้ร่วม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง บางรายมีอาการรุนแรงร่างกายเสียน้ำ มากจน มีอาการขาดน้ำ หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำ ให้อาการวิกฤตได้ อาการท้องร่วง ส่วนมากจะหายได้เอง ล้างมือให้สะอาด ดื่มน้ำ สะอาด รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ล้างขวดนมให้สะอาดกำ จัดขยะมูลฝอยและถ่ายอุจจาระให้ถูก สุขลักษณะ โรคทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส เด็กจะมีอาการ มีไข้ ตัวร้อน น้ำ มูกไหล แต่มีความรุนแรงและมีโอกาสพัฒนาสู่ภาวะแทรกซ้อนได้ เป็นโรคที่พบได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะฤดูฝนและหนาว การรักษา จะรักษาตามอาการไข้หวัด ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดได้ คือ ภาวะขาดน้ำ การติดเชื้อแบคทีเรียในอวัยวะต่างๆ เช่น หู ไซนัส หลอดลม และปอด ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำ ทุกปี หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเสมหะ ของผู้ป่วป่ย ล้างมือสม่ำ เสมอ และสวมหน้าน้กากอนามัยเพื่อป้อป้งกัน บทที่ที่ ที่4ที่
แนวทางในการป้ป้อป้ป้งกักักันกั แนวทางในการป้ป้อป้ป้งกักักันกั ภาวะเสี่สี่ สี่ ยสี่ ยง ทางสุขภาพ ที่ พ บ ใ น วัยเ ด็ ก ก่ อ น เ รีย น โรคติติ ติ ดติ ดเชื้ชื้ชื้ อชื้ อ แนวทางในการป้ป้อป้ป้งกักักันกั 4) ไข้ข้ข้เข้ลืลืลือลืดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี ซึ่งเป็นไวรัสชนิดหนึ่งมียุงลาย เป็นพาหะนำ โรค เด็กจะมีอาการ ไข้สูง ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว การรักษาจะดูแลตามอาการ ภาวะแทรกซ้อนใน กลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ในเด็กหรือผู้ที่เคยติดเชื้อแล้วป่วป่ยซ้ำ ได้ ป้อป้งกันยุงลายกัด กำ จัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ดูแลสุขภาพร่างกาย ให้แข็งแรง เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มเอ็นเทอโรไวรัสโดยเด็กเล็กอาการจะ รุนแรงกว่าในเด็กโต มีตุ่มพอง ผื่นหรือแผลอักเสบบริเวณฝ่าฝ่มือ ฝ่าฝ่เท้า และภายในปาก มีไข้สูง ไอ เจ็บคอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เด็กจะมีอาการงอแงไม่สบายตัวและหายไปในระยะเวลาประมาณ 10 วัน ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ซึมลง ปวดศีรษะมาก ปวดต้นคอ 5) โรคมืมืมือมืเท้ท้ท้าท้ ปาก หลีกเลี่ยงการคลุกคลีหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วป่ย ควรล้างทำ ความสะอาด มือก่อนหยิบจับอาหาร ไม่ใช้สิ่งของหรือภาชนะร่วมกับผู้อื่น 6) ฟัฟัฟันฟัผุผุผุผุ ฟันน้ำ นมเริ่มขึ้นเมื่อเด็กอายุประมาณ 6 - 8 เดือน และขึ้นครบเมื่ออายุประมาณ 20 - 30 เดือน การดูแลฟันที่ไม่ถูกวิธี ส่งผลให้เกิดฟันผุได้ถึงแม้จะเป็นฟันน้ำ นม จะพบลักษณะจุดดำ ที่บริเวณ ฟันซึ่งเป็นอาการแสดงเริ่มแรกก่อนที่ฟันจะผุมากจนกระทั่งเด็กปวดฟัน ทำ ความสะอาดช่องปากด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ แปรงฟันอย่างน้อน้ยวัน ละ 2 ครั้ง เช้า/ก่อนนอน ผู้ปกครองควรแนะนำ วิธีที่ถูกต้องในทำ ความ สะอาดฟันและช่องปากโดยปฏิบัติอย่างสม่ำ เสมอจนเด็กเกิดเป็นความ เคยชิน และไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน บทที่ที่ ที่4ที่
แนวทางการป้อป้งกัน ผู้ปกครองควรดูแลเรื่องอาหารการกินของเด็ก ส่งเสริมการการเคลื่อนไหวร่างกาย ของเด็ก และติดตามประเมินนํ้าหนักเด็กให้สัมพันธ์กับอายุตามกราฟมาตรฐานการเจริญเติบโตของเด็ก แนวทางการป้อป้งกัน ผู้ปกครองควรให้เด็กได้อาหารอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ โดยการให้ความรู้ด้านโภชนาการที่ถูกต้องกับผู้ปกครอง ภาวะที่ร่างกายเด็กมีการสะสมไขมันที่มากเกินปกติ พบว่าเด็กที่เป็น โรคอ้วนจะมีพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่บกพร่อง มักเป็นเด็กที่รับ ประทานได้จำ นวนมากในแต่ละมื้อ ชอบรับประทานขนมหวาน ดื่มน้ำ อัดลมหรือพบในเด็กที่ผู้เลี้ยงดูให้เด็กดื่มนมข้นหวานแทน นมวัวซึ่งเด็กที่อ้วนมากมีแนวโน้มน้เจ็บป่วป่ยบ่อยกว่าเด็กปกติทั่วไป และเด็กที่อ้วนมากตั้งแต่อายุ 1 ปีจะเป็นคนอ้วนไปจนโต ที่ พ บ ใ น วัยเ ด็ ก ก่ อ น เ รีย น โภชนาการ โรคอ้อ้ อ้ ว อ้ วน ควาชิออกอร์ (Kwashhorkor) เด็กมีภาวะขาดโปรตีนอย่างมาก มีอาการ บวมเห็นได้ชัดที่ขา 2 ข้าง เส้นผมมีลักษณะบาง เปราะ และร่วงหลุดง่าย ตับโต มีอาการซึม และดูเศร้า ไม่สนใจต่อสิ่งแวดล้อม ผิวหนังบางและลอกหลุด ภาวะขาดโปรตีตี ตี นตี นและพลัลั ลั งลั งงาน ภาวะเสี่สี่ สี่ ยสี่ ยง ทางสุขภาพ มารัสมัส (Marasmus) เด็กที่มีภาวาขาดโปรตีนและพลังงาน เด็กจะมีแขนขาลีบเล็ก เพราะทั้งไขมัน และ กล้ามเนื้อ ถูกเผาผลาญมาใช้เป็นกำ ลังงาน เพื่อการอยู่รอด ลักษณะที่พบเห็น เป็นแบบ หนังหุ้มกระดูก ผิวหนังเหี่ยวย่น ไม่มีอาการ บวม และตับไม่โต บทที่ที่ ที่4ที่
พฤติติ ติ ก ติ กรรมก้ก้ ก้ าก้ าวร้ร้ ร้ าร้ าว บทที่ที่ ที่ที่5 ปัปัปั ญปั ญหาพฤติติ ติ กติ กรรมและ แนวทางแก้ก้ ก้ไก้ขปัปัปั ญปั ญหา ของเด็ด็ ด็ กด็ กวัวั วั ยวั ยก่ก่ ก่ อ ก่ อนเรีรี รี ยรี ยนที่ที่ ที่ พที่ พบบ่บ่ บ่ อ บ่ อย เมื่มื่มื่อมื่เด็ด็ด็กด็ใช้ช้ช้พช้ ฤติติติกติรรมก้ก้ก้าก้วร้ร้ร้าร้วเพื่พื่พื่อพื่ เรีรีรียรีกร้ร้ร้อร้งหรืรืรือรืต่ต่ต่อต่รองให้ห้ห้ไห้ด้ด้ด้ใด้นสิ่สิ่สิ่สิ่งสิ่ที่ที่ที่ที่ที่ ต้ต้ต้อต้งการ อย่ย่ย่าย่ ให้ห้ห้ให้นสิ่สิ่สิ่สิ่งสิ่ที่ที่ที่ต้ที่ต้ต้อต้งการ ควรหยุยุยุดยุพฤติติติกติรรมโดยจัจัจับจัมืมืมือมืเด็ด็ด็กด็ ไว้ว้ว้ว้เมื่มื่มื่อมื่อารมณ์ณ์ณ์สณ์งบจึจึจึงจึชวนให้ห้ห้เห้ด็ด็ด็กด็ทำทำทำทำ กิกิกิจกิกรรมสร้ร้ร้าร้งสรรค์ค์ค์อื่ค์อื่อื่นอื่ๆ แนวทางแก้ก้ก้ไก้ข เด็ด็ ด็ ก ด็ กพูพู พู ด พู ดช้ช้ ช้ าช้ า พฤติติ ติ ก ติ กรรมซน ไม่ม่ ม่ อ ม่ อยู่ยู่ยู่นิ่ยู่นิ่นิ่นิ่ง ฝึฝึฝึฝึกให้ห้ห้เห้ด็ด็ด็กด็พูพูพูดพูหรืรืรือรืออกเสีสีสียสีงคำคำคำคำง่ง่ง่าง่ยๆ ในชีชีชีวิชีวิวิตวิ ประจำจำจำจำวัวัวันวัที่ที่ที่สำที่สำสำสำคัคัคัญคัก็ก็ก็คืก็คืคือคืต้ ต้อง ไม่ม่ม่บัม่บับังบัคัคัคับคัว่ว่ว่าว่เด็ด็ด็กด็ต้ต้ต้อต้งออกเสีสีสียสีงหรืรืรือรื พูพูพูดพูตามให้ห้ห้ไห้ด้ด้ด้ใด้นทัทัทันทัทีทีทีทีและต้ต้ต้อต้งลอง สัสัสังสัเกตดูดูดูว่ดูว่ว่าว่เด็ด็ด็กด็ ชอบหรืรืรือรืสนใจใน เรื่รื่รื่อรื่งอะไร จากนั้นั้ นั้ น นั้ นค่ค่ค่อค่ย ๆ ชวนเด็ด็ด็กด็ คุคุคุยคุในเรื่รื่รื่อรื่งนั้นั้ นั้ น นั้ น ๆ แนวทางแก้ก้ก้ไก้ข ให้ห้ห้เห้ด็ด็ด็กด็นั่นั่ นั่ ง นั่ งเก้ก้ก้าก้อี้อี้อี้ใอี้นการทำทำทำทำกิกิกิจกิวัวัวัตวัร ประจำจำจำจำวัวัวันวัเช่ช่ช่นช่เล่ล่ล่นล่ของเล่ล่ล่นล่กิกิกินกิข้ข้ข้าข้ว ทำทำทำทำการบ้บ้บ้าบ้น เพิ่พิ่พิ่พิ่มพิ่ระยะเวลาการนั่นั่ นั่ ง นั่ งทำทำทำทำกิกิกิจกิกรรมไป เรื่รื่รื่อรื่ยๆ พาเด็ด็ด็กด็ ไปทำทำทำทำกิกิกิจกิกรรมสร้ร้ร้าร้งสรรค์ค์ค์ค์ เพื่พื่พื่อพื่ปลดปล่ล่ล่อล่ยพลัลัลังลังานในร่ร่ร่าร่งกาย เช่ช่ช่นช่ ปลูลูลูกลูต้ต้ต้นต้ ไม้ม้ม้ม้ออกกำกำกำกำลัลัลังลักาย แนวทางแก้ก้ก้ไก้ข
พฤติติ ติ ก ติ กรรมแยกตัตั ตั ว ตั ว ไม่ม่ ม่ สม่ สนใจเล่ล่ ล่ น ล่ นกักั กั บ กั บเพื่พื่พื่อพื่น สอนการเล่ล่ล่นล่กักักับกัเด็ด็ด็กด็อื่อื่อื่นอื่ ให้ห้ห้ดูห้ดูดูดูเช่ช่ช่นช่จัจัจับจั มืมืมือมืหยิยิยิบยิของเล่ล่ล่นล่แล้ล้ล้วล้ยื่ยื่ยื่นยื่ ให้ห้ห้เห้ด็ด็ด็กด็อื่อื่อื่นอื่ แบ่บ่บ่งบ่ขนมให้ห้ห้เห้ด็ด็ด็กด็อื่อื่อื่นอื่ พาเด็ด็ด็กด็ ไปร่ร่ร่วร่มกิกิกิจกิกรรมกลุ่ลุ่ลุ่มลุ่ ที่ที่ที่มีที่มีมีเมีด็ด็ด็กด็ วัวัวัยวัเดีดีดียดีวกักักันกัอยู่ยู่ยู่ยู่ เช่ช่ช่นช่ ศูศูศูนศูย์ย์ย์เย์ด็ด็ด็กด็เล็ล็ล็กล็ สวนสาธารณะ แนวทางแก้ก้ก้ไก้ข พฤติติ ติ ก ติ กรรมแยกจาก ผู้ผู้ผู้เผู้ลี้ลี้ ลี้ ย ลี้ ยงดูดู ดู ไ ดู ได้ด้ ด้ ยด้ ยาก ให้ห้ห้เห้ด็ด็ด็กด็เล่ล่ล่นล่ของเล่ล่ล่นล่หรืรืรือรืกิกิกินกิของที่ที่ที่ที่ที่ ชอบตามลำลำลำลำพัพัพังพัหรืรืรือรืเล่ล่ล่นล่กักักับกัคนอื่อื่อื่นอื่ จากนั้นั้ นั้ น นั้ นผู้ผู้ผู้เผู้ลี้ลี้ลี้ยลี้งดูดูดูค่ดูค่ค่อค่ยๆ แยกห่ห่ห่าห่งจาก เด็ด็ด็กด็ โดยยัยัยังยัอยู่ยู่ยู่ใยู่ นระยะที่ที่ที่เที่ด็ด็ด็กด็มองเห็ห็ห็นห็ ค่ค่ค่อค่ยๆเพิ่พิ่พิ่พิ่มพิ่ระยะเวลาของการแยก จาก 1 นาทีทีทีทีเป็ป็ป็นป็ 2 นาทีทีทีทีและเพิ่พิ่พิ่พิ่มพิ่ เวลาขึ้ขึ้ขึ้ขึ้นขึ้ ไปเรื่รื่รื่อรื่ยๆ แนวทางแก้ก้ก้ไก้ข ปัปัปั ญปั ญหาพฤติติ ติ กติ กรรมและ แนวทางแก้ก้ ก้ไก้ขปัปัปั ญปั ญหา ของเด็ด็ ด็ กด็ กวัวั วั ยวั ยก่ก่ ก่ อ ก่ อนเรีรี รี ยรี ยนที่ที่ ที่ พที่ พบบ่บ่ บ่ อ บ่ อย
เบรนคิดดี้ สถาบันพัฒนาศักยภาพสมองและเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ในเด็กปฐมวัย. (มปป). ปัญหาพฤติกรรม และ อารมณ์ในเด็ก และแนวทางแก้ไขตามหลักการทางด้านจิตวิทยา. สืบค้นเมื่อ 22 กันยายน 2566. จาก https://www.brainkiddy.com/article/112/%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB %E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3 %E0%B8%A3%E0%B8%A1- สืบค้นเมื่อ 21 กันยายน 2566. จาก https://www.paolohospital.com โรงพยาบาลเปาโล. (2566). พัฒนาการของเด็กตามช่วงวัย. ผู้จัดการทีม ตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ. (มปป). โรคในเด็ก ที่พบบ่อยวัยทารก 0-5 ปี จนถึงช่วงปฐมวัย. สืบค้นเมื่อ 22 กันยายน 2566. จาก https://aiaplanner.com/child-disease/ ยุพาวรรณ ทองตะนุนาม. (2020). โรคอ้วนในเด็กก่อนวัยเรียน (Obesity in Preschool Children). สืบค้นเมื่อ 22 กันยายัน 2566. จาก http://164.115.41.60/excellencecenter/?p=441 มหาวิทยาลัยราชพัฎเทพสตรี. (มปป). บทที่ 6 สุขภาพเด็กวัยก่อนเรียน. สืบค้นเมื่อ 22 กันยายน 2566. จาก http://library.tru.ac.th/images/academic/book/b64502/08chap6.pdf โรงพยาบาลกรุงเทพ. (มปป). เสริมพัฒนาการเตรียมพร้อมสุขภาพฟันให้เจ้าตัวเล็ก. สืบค้นเมื่อ 22 กันยายน 2566. จาก https://www.bangkokhospital.com/content/preparing-your-child-inthe-first-years-of-life รักลูก. (มปป). สอนลูกรู้จักทำ ความสะอาดร่างกายได้ตั้งแต่เล็ก. สืบค้นเมื่อ 22 กันยายน 2566. จาก https://www.rakluke.com/child-development-all/toddlerdevelopment/item/2020-03-21-13-28-28.html โรงพยาบาลเปาโล. (2564). วัคซีนพื้นฐานสำ หรับเด็กแรกเกิด- 12 ปีที่พ่อแม่ต้องรู้. สืบค้นเมื่อ 22 กันยายน 2566. จาก https://www.paolohospital.com/th-TH/phahol/Article/Details/บทความแม่และเด็ก%252Fวัคซีนพื้นฐานสำ หรับเด็กแรกเกิด--12-ปีที่พ่อแม่ต้องรู้ คณาจารย์ สาขาพยาบาลเด็ก (2023). ,การเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กวัยทารก [เอกสารไม่ตีพิมพ์]. สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2566. จากเอกสารประกอบการสอนรายวิชา 10820164 การพยาบาลเด็กและวัยรุ่น 1 บียอนด์ โค้ด อคาเดมี. (มปป). พัฒนาการของเด็กอายุ 4-6 ปี. สืบค้นเมื่อ 22 กันยายน 2566 จาก https://www.beyondcodeacademy.com/post/4-6-child-development เอกสารอ้างอิง คณาจารย์ สาขาพยาบาลเด็ก (2023). ,โภชนบําบัดสําหรับพยาบาล [เอกสารไม่ตีพิมพ์]. สืบค้นเมื่อ 22 กันยายน 2566 จากเอกสารประกอบการสอนรายวิชา 10720564 โภชนบําบัดสําหรับพยาบาล