เร่ืองไมลับฉบบั
SEXเพศศึกษาทีเ่ ราอยากรู
รวบรวมเรื่องเพศศึกษา
ที่วยั รุนตองรู
เพศ
ศกึ ษา
คํานํา
หนังสือเลมนเ้ี ปนสว นหนึง่ ของรายวชิ า สภ 222 การปองกนั เเละ
ควบคุมโลก คณะกายภาพบาํ บัด สาขาการสงเสรมิ สขุ ภาพ ช้นั ปท ี่ 2
ผจู ดั ทําไดจ ัดทาํ ขึน้ เพือ่ ใชเ ปนสอื่ ในการเรียนการสอนเเละทาํ กิจกกรม
ตา งๆเกยี่ วกับ ธรรมชาติของวยั รุน การเปลี่ยนเเปลงทางดา นรา งกาย
จิตใจและสังคม พฤตกิ รรมทางเพศ โรคท่เี กดิ จากการมีเพศสัมพันธ
วิธีการปอ งกนั เเละการปฏเิ สธเพศตรงขาม ซ่ึงผทู ่เี ขามาศกึ ษาสามารถ
ทําความเขาใจ สามารถพัฒนาความรเู กีย่ วกบั เรื่องเพศไดอยางเหมาะ
สมเเละสามารถนาํ ความรทู ี่ไดใ นหนงั สือเลมนไ้ี ปปรบั ใชในชวี ติ ประจาํ
วนั เเละในอนาคตได หนงั สือเลม น้ีเหมาะสาํ หรบั นกั เรยี น นสิ ิต
นกั ศกึ ษาหรือผูที่มคี วามสนใจท่วั ไป
คณะผจู ัดทาํ หวงั เปน อยา งย่ิงวาหนงั สอื อา นเพิม่ เตมิ สขุ ศึกษา เรอ่ื ง
”เร่อื งไมรับฉบบั เซก็ ส” รายวชิ า สภ 222 การปอ งกนั เเละควบคมุ โลก
จะเปนประโยชนอยางยิ่งสําหรับ นกั เรียน นสิ ิต นักศึกษาเเละผทู ม่ี คี วาม
สนใจ เพ่ือนาํ ไปพฒั นาคุณภาพชวี ิตเเละการศกึ ษาใหม ีประสิทธภิ าพตอไป
คณะผูจดั ทํา
ตัวอยา่ ง ชอื - สกลุ _____________________
วัน/เดือน/ปเกิด ________________
อายุ _________________________
เพศ _________________________
หมเู่ ลือด _____________________
สว่ นสงู ______________________
นาหนกั ______________________
มาฟงกนั เลยดีกวา
¸ÃÃÁªÒµ¢Ô ͧÇÑÂÃ¹Ø !
จะรไู ดยังไงวาเขาสวู ยั รุนเเลว??
วัยรนุ หมายถงึ ชวงระยะเวลาท่เี ปลีย่ นแปลงจากวยั เด็กไปสูวัยผใู หญ
วัยรุน เปนชวงเวลาแหงการเปล่ียนแปลงและมีพัฒนาการรวดเรว็ ไมวาจะ จดิ ใจ
อารมณ สงั คม และ ทางดานรางกาย ที่เห็นไดชดั ท่สี ดุ แลวเปลี่ยนอยางไรบาง?
ไปดกู ัน!
มีขน? สวิ ขึ้น?
หนาอกใหญ?
สะโพกผาย?
ปกกาจใู หญขน้ึ ?
เสยี งแตก?
วัยรนุ เปนวัยที่ฮอรโมนพลุงพลานทาํ ใหรางกาย
เปลย่ี นแปลงอยางรวดเรว็ อะไรที่เลก็ ก็จะใหญไป
หมด
ซึ่งส่งิ ที่เปลี่ยนแปลงนีไ้ มไดแปลกอยางที่คดิ นะคะ เปนเร่ืองของธรรมชาตแิ ละฮอรโมนที่เขาสู
วัยรนุ !
การเปลยี่ นแปลงดานจติ ใจและอารมณ การเปล่ยี นแปลง
จากการเปลยี่ นดานรางกายท่ีเกิดขึ้นอยางรวดเรว็ ดานอารมณ
ทาํ ใหวยั รนุ เกิดความรูสึกวิตกกงั วล ในรปู รางหนาตา
ของตน และยงิ่ เกิดปญหาสิวหนมุ สิวสาว ความวิตก
กงั วลกจ็ ะยงิ่ มีมากขน้ึ ลกั ษณะทางอารมณที่สาํ คัญ
อีกอยางหนึ่งของวัยรุน คอื การมอี ารมณทเ่ี รียกวา
พายบุ ุแคม คอื มีความรุนแรงแต ออนไหวไมมั่นคง ถา
ตองการจะทาํ อะไรก็ตองทาํ ใหได ถาถูกขดั ขวางจะ
ตอบโตอยางรุนแรง แตความตองการนนั้ จะ
เปลีย่ นแปลงไดงาย หันเหไปสคู วามตองการความ
สนใจ ใหม ๆ อยูเสมอ จงึ ตองรูเทาทนั อารมณของวัย
รนุ รจู กั โอนออนผอนตามอยางเหมาะสม เมอ่ื เห็นนา้ํ
เชยี่ วก็อยาเอาเรอื ไปขวาง แตจงใชความเขาใจ ความ
เห็นอกเหน็ ใจ เปนเครอื่ งคา้ํ จุน ใหวยั รุน สามารถผาน
พนอนั ตราย อนั เกิดจากลักษณะทางอารมณ ของวยั
นไี้ ปไดอยางปลอดภยั นอกขากจะมีการเปลย่ี นแปลง
ดานอารมณแลววัยรนุ ยังมี
การเพิ่มความตองการทางเพศ
การเพ่ิมความตองการทางเพศ ทาํ ใหวยั รุนเกดิ
ความ สนใจในเพอ่ื นตางเพศ ตองการใหตนเปนท่รี ูจัก
เปนที่สนใจ ของตางเพศ ตองการความรเู พศศกึ ษา
และการแนะนาํ ในการเตรยี ม ตัวเขาสังคมวัยรุนชาย
และหญงิ
ภารกิจ
พิชติ
รางวลั
ชอื -นามสกุล __________________________________
ชนั _____________
ใหน้ ้องเขยี นบรรยายในหวั ขอ้ ทีวา่ "ดูแลอวยั วะเพศของตนเองอยา่ งไร
ใหถ้ ูกต้องและสะอาดอยูเ่ สมอ"
ใหน้ ้องๆโยงเส้น การเปลียนแปลงทีเหมือนหรอื ต่างของแต่ละเพศใหถ้ ูกต้อง
มขี นข้ึนบริเวณอวัยวะเพศ
สะโพกผาย
มีประจําเดอื น
มอี าการฝันเปียก
ลูกกระเดือกใหญข ้ึน
มสี วิ ข้ึนตามตัวและหลงั
มกี ลนิ่ ตวั
มีน้ํามนี วลผิวเปลงปลัง่
มีน้ําเสยี งใหญทมุ หาว
อวัยวะเพศมขี นาดใหญข ้นึ
คุณครูใหก้ ําลังใจนะคะ
โ ร ค เ อ ด ส์
ติดเชือ HIV
เอดส์
เปนภาวะปวยขนั สดุ ท้ายของการติดเชอื ไวรสั เอชไอวี(HIV)ที
ไปทําลายเมด็ เลือดขาวทําใหม้ ภี มู คิ ้มุ กันบกพรอ่ งจนไม่
สามารถต่อสกู้ ําจัดการติดเชอื ทีเขา้ สรู่ า่ งกาย
จึงเกิดอาการเจ็บปวยต่าง ๆ ซงึ นาํ ไปสกู่ ารเสยี ชวี ิตได้
สาเหตุ
เอดสเ์ กิดจากการติดเชอื เอชไอวีซงึ เปนเชอื ไวรสั ที
ทําลายเมด็ เลือดขาว ทําใหร้ ะบบภมู คิ ้มุ กันทีอยูใ่ นเมด็
เลือดขาวทํางานบกพรอ่ ง โดยเชอื เอชไอวีสามารถ
ติดต่อกันได้ผา่ นทางการรบั ของเหลวอยา่ งเลือด และ
ผา่ นทางการมเี พศสมั พนั ธก์ ับผทู้ ีติดเชอื
อาการ มี 3 ระยะ
- ระยะแรกเรมิ ติดเชอื จะมอี าการ เชน่ มไี ข้ ปวดหวั เจ็บคอ มผี นื
- ระยะอาการสงบ มกั จะไมม่ อี าการแสดงทีเด่นชดั
- ระยะเอดส์ มไี ขอ้ ยูต่ ลอดเวลา เหนอื ยล้า หมดแรง นาหนกั ลด
มเี หงือไหลตลอดทังคืน ท้องรว่ งเรอื รงั มฝี าสขี าว หรอื แผล
บรเิ วณลินและปาก
การรักษา
ในปจจุบนั ไมม่ ยี าหรอื วิธกี ารรกั ษาใดทีจะกําจัดเชอื เอชไอวี
ใหห้ มดไปได้ มเี พยี งแต่ยาทีจะชว่ ยชะลอการพฒั นาของโรค
คือ ยาต้านเอชไอวี หรอื ยาต้านรโี ทรไวรสั
โรคเรมิ
เรมิ (Herpes simplex)
เปนโรคติดจากเชอื ไวรสั ชนดิ หนงึ ของผวิ หนงั และเยอื เมอื ก
ต่างๆ ในรา่ งกาย ซงึ การติดต่อของโรคเรมิ เกิดจากการได้
รบั เชอื ไวรสั จากการสมั ผสั โดยตรงกับผปู้ วยโรคเรมิ เชน่
สมั ผสั โดนนาํ เหลืองจากต่มุ โรคเรมิ ตัวอยา่ งเชน่ การดมื นาํ
แก้วเดยี วกันกับผปู้ วย,การใชล้ ิปติกแท่งเดยี วกับผปู้ วย
สาเหตุ
1.Herpes Simplex virus type 1 หรอื เชอื HSV ชนิดที 1 มกั พบการติดเชอื บรเิ วณ
ปากหรอื รอบๆ ปาก เกิดขนึ เมอื รา่ งกายอ่อนแอ ภมู คิ ้มุ กันตํา เชน่ มคี วามเครยี ด พกั
ผอ่ นน้อย
2.Herpes Simplex virus type 2 หรอื เชอื HSV ชนิดที 2 เปนการติดเชอื ทีบรเิ วณ
อวยั วะสบื พนั ธ์ หรอื อวยั วะเพศ ชอ่ งคลอด ปากมดลกู ทหารหนัก อวยั วะเพศชาย ถงุ
อัณฑะ เปนต้น
อาการ
อาการของการติดเชอื ทัง 2 ชนิดจะเรมิ จากพบต่มุ พองใสๆ
เล็กๆ ทีบรเิ วณผวิ หนัง จากนัน ต่มุ ใสจะเรมิ พองและปวด
แสบปวดรอ้ น เมอื ผา่ นไป 1- 2 วนั ต่มุ ใสจะมนี ําอยูข่ า้ งใน
และเรมิ แตกออก หากมกี ารติดเชอื ก็จะเกิดการอักเสบ
ลกุ ลามและเกิดแผลขนาดใหญ่รกั ษาหายยากขนึ
การรกั ษา
การรกั ษาทีสาํ คัญทีสดุ ของโรคเรมิ คือ การปองกันภาวะแทรกซอ้ น
โดยเฉพาะการติดเชอื แบคทีเรยี ซาํ ซอ้ น โดยเฉพาะในบรเิ วณอวยั วะ
สาํ คัญ เชน่ ดวงตา เพราะ การติดเชอื เรมิ บรเิ วณใดก็ตาม ต้อง
ดแู ลต่มุ ใสไมใ่ หเ้ กิดการอักเสบติดเชอื ซาํ ซอ้ น
โรคหนองใน
โรคหนองใน หรอื
โรคหนองในแท้
โรคหนองในเทียม
เปนโรคตดิ ต่อทางเพศสัมพันธ์ ทีพบได้บ่อยมากทีสุดอกี โรคหนึงเปนโรคทเี กดิ จากการ เปนโรคตดิ เชือทางเพศสัมพันธอ์ ีกชนิดหนึง ทีพบไดบ้ ่อยรองจากโรค
ติดเชือแบคทีเรียทชี ือ Neisseria gonorrhoeae ซงึ สามารถแพรเ่ ชือผ่านทางเพศ หนองในแท้ โดยมสี าเหตุจากการติดเชอื อืนๆ ทนี อกเหนือจากเชอื
สัมพันธ์ ไม่วา่ จะเปนทางช่องคลอด ปาก หรือ ทางทวารหนกั Neisseria gonorrhoeae ซึงอาจเกิดจากเชอื รา เชือแบคทีเรีย
เชอื โปรโตซัว หรอื เชอื ไวรัสกไ็ ด้ แต่ 40 % เกิดจากเชอื Chlamydia
สาเหตุ trachomatis โดยโรคหนองในเทียม นอกจากจะติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ์
แล้ว ยงั สามารถติดไดใ้ นทารกแรกคลอด ซงึ เกดิ จากติดเชือจากมารดา
สาเหตขุ องโรคหนองในแทเ้ กดิ จากเชอื แบคทเี รียทีชือ“ไนซีเรียโกโนเรี ในขณะตงั ครรภ์
ยอ”ี (NEISSERIA GONORRHOEAE)หรือมีอกี ชือหนงึ ว่า“โกโนคอ็ กคสั ”
(GONOCOCCUS)ซงึ สามารถตรวจพบได้ในนําอสุจแิ ละนาํ ในชอ่ งคลอด อาการหนองในแท้
• อาการหนองในของผู้ชาย : จะมอี าการปสสาวะแสบและมหี นอง
ไหล รูส้ ึกระคายเคืองทอ่ ปสสาวะ หลงั จากนันจะมอี าการปวด
แสบเวลาปสสาวะ มีหนองสีเหลืองออกจากท่อปสสาวะ อัณฑะ
บวม อักเสบ
• อาการหนองในของผู้หญิง : จะมอี าการตกขาวทมี กี ลินเหมน็ มี
หนองหรือมกู ปนหนอง ปสสาวะแสบขัด ปวดท้องน้อย ในบาง
รายอาจมอี าการอกั เสบทีท่อปสสาวะ ปากมดลกู ชอ่ งทวารหนัก
อาการหนองในเทียม การรกั ษา
• อาการหนองในของผชู้ าย : ในระยะแรกของการรับเชอื จะรสู้ ึก แพทยจ์ ะให้ยาปฏชิ วี นะกลมุ่ Ceftriaxone และ
แสบๆทที ่อปสสาวะและมีมูกออกเลก็ น้อยเฉพาะในช่วงเช้าเทา่ นนั ตอ่ Azithromycin เมือไดร้ ับยาอาการจะค่อยๆ ทเุ ลา
มาจะมอี าการมากขนึ คอื มีอาการอักเสบ ปสสาวะแสบขัด คัน ปวด ลงใน 24 ชวั โมง แพทยจ์ ะใหย้ ารักษาประมาณ 1
แสบร้อนเวลาปสสาวะ สัปดาห์แลว้ กลบั มาตรวจซํา ในช่วงทีกาํ ลังรกั ษาให้
• อาการหนองในของหญงิ : โดยสว่ นใหญ่ผหู้ ญงิ เปนหนองในจะ งดการมเี พศสัมพันธ์เด็ดขาด
ไม่ ค่อยมีอาการแสดงอยา่ งชดั เจน อาจมเี พียงตกขาวผดิ ปกติ
หรือปสสาวะแสบขดั เทา่ นนั ในขณะเดยี วกันโรคจะเด่นชดั ในผ้ชู าย
เชือราในชอ่ ง
คลอด
เชือราในช่องคลอดไม่ถอื วา่ เปนโรค
ตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ แต่การมเี พศ
สัมพนั ธ์เพมิ ความเสยี งในการตดิ เชอื รา
เชอื ราทีพบได้บ่อยทสี ดุ คือเชือ
Candida Albicans รองลงมาคือเชือ
Candida Grabata เพราะเปนเชือที
สามารถยึดติดกับเซลล์บุชอ่ งคลอดได้ดี
สาเหตุ การปองกันและการรกั ษา
การใชย้ าปฏชิ วี นะติดต่อกนั เปนเวลานาน ปองกัน : รบั ประทานอาหารทีมี
ระดดั เอสโตรเจนในรางกายทเี พิมมากขนึ โภชนาการสมดลุ สวมใส่กางเกงชนั ใน
จากการตงั ครรภ์ การทางยาคมุ กําเนิด ทไี มร่ ดั แน่น ไมส่ วนลา้ งช่องคลอด ไม่
โรคเบาหวานทไี ม่ไดค้ วบคุม ใชย้ าปฏิชวี นะโดยไม่จําเปน เปลยี นผา้
ระบบภูมติ า้ นตํา เช่นผู้ตดิ เชือ HIV หรือ
ผู้ทีบําบดั ด้วยยาคอรต์ โิ คสเตยี รอยด์ อนามยั อยา่ งสมาํ เสมอ
การรักษา : ใช้ยาต้านเชือรา
อาการ (Antifungal Drug) เปนหลกั โดยรปู
มีอาการคนั และระคายบริเวณช่องคลอด แบบของยาอาจจะมีทงั แบบครมี ขผี งึ
หรือภายในช่องคลอด บวมบรเิ วณ ยาเหนบ็ หรอื ยารบั ประทาน เช่น ยา
อวัยวะเพศ รู้สึกแสบร้อน มผี ืนแดง มี คลอไตรมาโซล (Clotrimazole) ยาไม
ตกขาวเปนสคี รีมข้น ไมม่ กี ลนิ โคโนโซล (Miconazole)
*อ้างองิ จาก : บทความสุขภาพภาวะเชือราในช่องคลอด ปญหาพบบ่อยทีผู้หญงิ ควรรู้ 2562
âä«¿Ô Å ÊÔ ( Syphilis )
คุ้นหเู เต่ไม่รวู้ า่ มันคอื อะไร
ซฟิ ิลิส (Syphilis) เป็ นโรคติดตอ ทางเพศสัมพันธ
ทเี่ กิดจากการติดเช้ือแบคทเี รยี ทําใหเกดิ ผ่ืนหรือ
แผลตามผิวหนัง และอาจทําใหเ กิดภาวะแทรกซอน
รา ยแรงข้นึ หากไมรักษา
อาการของซิฟลิสเเบ่งออกได้ 3 ระยะ
สาเหตุ ระยะที่ 1 จะมอี าการหลงั ตดิ เช้อื ประมาณ 10-90 วัน
ผูป วยจะเรมิ่ มตี ุมเล็กๆ ข้ึนตามผิวหนงั บรเิ วณทีต่ ิดเช้อื
เกิดจากการตดิ เช้อื แบคทีเรีย ทริปโปนีมา พลั ลดิ ุม ข้นึ ทีอ่ วยั วะเพศ ชอ วคลอด เป็ นตน จากนั้น ตุม จะ
(Treponema Pallidum) เกิดจากการสมั ผัส ขยายกวางข้ึนแตกออกกลายเป็ นแผลกวาง
เช้ือโดยตรงจากบาดแผลของผปู วย โดยเฉพาะการมี
เพศสัมพนั ธกับผทู เี่ ป็ นแผลและมีเช้ืออยู นอกจากนี้ ระยะที่ 2 ใชเวลาเขาสูระยะนี้ 1-3 เดือน ผูป วย
เช้ือยงั สามารถแพรกระจายผานทางเลอื ด โดยการใช จะมีตมุ นนู คลา ยหูดข้นึ ตามฝ ามอื ฝ าเทา และอวยั วะ
เขม็ ฉดี ยารวมกบั ผูอ่ืน การรบั เลือดจากผอู ่ืน รวมท้ัง เพศ รวมไปถึงสว นอ่ืนๆ ในรางกายได
หญิงต้งั ครรภท ตี่ ดิ เช้อื สงผา นเช้อื ไปยงั ลูกได
ระยะที่ 3 เป็ นระยะทเี่ ช้อื โรคพฒั นาเป็ นระยะ
สุดทายจนเกดิ ภาวะแทรกซอ นทอี่ วยั วะสาํ คญั ใน
รางกาย สง ผลใหอวยั วะน้ัน เกิดอาการ “อัมพาต”
ไมส ามารถทาํ งานได
การปองกนั เเละการรักษา
การสวมถุงยางอนามัยสามารถลดความเสีย่ งของการ
พบเจอโรคเทานั้น เราจงึ ควรป องกันกอ นโรคจะถงึ
ตัวดว ยการหลกี เลยี่ งการมีเพศสมั พันธก บั คนแปลก
หนา นอกจากนีก้ ารตรวจเลอื ดและรกั ษากอ นแพร
กระจายไปสผู ูอ่นื ก็เป็ นการจํากดั ขอบเขตของโรค
ไมใ หแพรกระจายไปสสู ังคมและผอู ่นื ได
วงลอเ้ กสมมุ่ สโร์ ค!!!
คําชี้แจง : เร่ิมเกมสโดยโยนลูกเตาและดูที่ลูกเตาวาออกเลขตรงกับชองใด
จงบอกชื่อโรค สาเหตุและอาการของรูปชองน้ัน 3 โรค มาพอสังเขป
โรค___________ โรค___________ โรค___________
การปองกันโรคติดต่อทางเพศ
สมั พนั ธใ์ นผหู้ ญงิ
1 .ไมม่ เี พศสมั พนั ธช์ ว่ งมปี ระจาํ เดอื น 2. ไมร่ ว่ มเพศทางทวารหนกั
เพราะชว่ งมปี ระจาํ เดือน เปนชว่ งทีมดลกู ของผหู้ ญิง ซงึ สว่ นทางทวารหนักจะมเี ชอื โรคและสงิ สกปรก อาจจะ
กําลังขบั เอาของเสยี ออกจากรา่ งกาย จะเพมิ โอกาสการ เพมิ โอกาสติดเชอื ได้ง่ายมากขนึ หากผหู้ ญิงรว่ มเพศทาง
ติดโรคได้มากกวา่ ปกติ จงึ ควรหลีกเลียงการมเี พศ ทวารหนัก และหากหลีกเลียงไมไ่ ด้ ก็ต้องสวมถงุ ยาง
สมั พนั ธใ์ นชว่ งนีออกไป อนามยั ปองกันทกุ ครงั
3. ไมส่ วนล้างชอ่ งคลอด 4. ตรวจเลือดและรา่ งกายเปนประจาํ
วธิ นี ีจะทําใหต้ ิดเชอื มากขนึ มากกวา่ จะทําความสะอาด เปนการเชก็ รา่ งกายเพราะในบางโรคติดต่อก็ไมแ่ สดง
เพราะในชอ่ งคลอดผหู้ ญิงมกี รดอ่อนตามธรรมชาติที อาการ จะได้รบั รูก้ ่อนวา่ มโี รคแฝงมาไหมและจะได้รกั ษาได้
ชว่ ยลดการติดเชอื อยู่ และการสวนล้างอาจจะสรา้ งความ ทันที
อักเสบใหช้ อ่ งคลอดของผหู้ ญิงได้อีกด้วย
5. รจู้ กั ปฏิเสธเมอื ไมพ่ รอ้ ม 6. ทําความสะอาดรา่ งกายสมาํ เสมอ
เปนอีกเรอื งสาํ คัญทีผหู้ ญิงต้องทํานะคะ เมอื ไมพ่ รอ้ มและ เพอื ลดแบคทีเรยี และโอกาสการติดเชอื ในรา่ งกาย ชาํ ระ
ไมต่ ้องการ ต้องปฏิเสธทีจะมเี พศสมั พนั ธ์ เพอื ปองกันทัง สงิ สกปรกตามรา่ งกายและอวยั วะเพศออกได้ ก็ลดโอกาส
คณุ และคู่ ลดโอกาสติดโรคและโอกาสตังครรภ์เมอื ไม่ ติดเชอื ไปยงั ค่นู อนได้อีกทาง
พรอ้ ม
อ้างอิง
https://www.ladyissue.com/192498
การปองกันโรคติดต่อทางเพศ
สมั พนั ธใ์ นผชู้ าย
1.สวมใสถ่ งุ ยางอนามยั ทกุ ครงั 2.ไมค่ วรเปลียนค่นู อนหลายคน
ถงุ ยางอนามยั จะชว่ ยปองกันการติดเชอื ทีเกิดจากการ การมเี พศสมั พนั ธก์ ับคนหลายคนในเวลาไมก่ ีเดือนก็มี
สมั ผสั ของอวยั วะเพศได้ โดยเฉพาะเมอื มเี พศสมั พนั ธก์ ับ ความเสยี งต่อการเกิดติดเชอื โรคทางเพศสมั พนั ธไ์ ด้ง่าย
คนแปลกหน้าซงึ เราไมส่ ามารถรูไ้ ด้วา่ คนเหล่านันมโี รค และเมอื เกิดโรคก็จะไมท่ ราบแน่ชดั ได้วา่ ติดโรคมาจากคู่
ติดต่อทางเพศสมั พนั ธห์ รอื ไม่ นอนคนไหน
3.รกั ษาความสะอาด 4.ตรวจสขุ ภาพเปนประจาํ ทกุ ป
การรกั ษาความสะอาดของรา่ งกายและอวยั วะเพศให้ ควรมกี ารตรวจสขุ ภาพเพอื หาเชอื โรคต่างๆ เปนประจาํ
สะอาดอยูเ่ สมอ จะชว่ ยลดการเกิดเชอื โรคและเชอื แบคทีเรยี ทกุ ป เพอื ใหม้ นั ใจวา่ ไมม่ กี ารติดโรคทางเพศสมั พนั ธใ์ ดๆ
ได้ เพราะถ้าหากไมร่ กั ษาความสะอาดของอวยั วะเพศ ก็ ต่อใหไ้ มม่ อี าการของโรคเลยก็ตาม เพอื ความปลอดภัย
สามารถเกิดเชอื โรคและไปแพรส่ คู่ ่นู อนได้นันเอง และความสบายใจของทังสองฝายด้วย
5.เรยี นรู้ ศึกษาอาการของโรค 6.หากพบวา่ เปนโรคติดต่อ
ติดต่อทางเพศสมั พนั ธ์ ทางเพศสมั พนั ธ์
เพอื ทีจะได้รูเ้ ท่าทันอาการของโรคและรูแ้ นวทางในการ ต้องแจง้ ค่นู อนใหท้ ราบวา่ เปน โรคติดต่อทางเพศ
ปองกันการติดเชอื ทําใหส้ ามารถปองกันตัวเองและคน สมั พนั ธ์ เพอื จะได้ปองกัน ไมใ่ หเ้ ชอื แพรไ่ ปสคู่ นอืน
รอบตัวได้
อ้างอิง https://www.sanook.com/women/164057/
G M
1 1
A E
1 1
กติกา : ค้นหาคําทีถกู ต้องพรอ้ มวงกลม
ด ท ส ต ร เ อ ด ส์ ด
ต า ด ห ท ส ตร า ง
ร สุ ท เ น ก ล อ า ร
ว พ ส ชื ร อ ะ ย ร า
จ าต อ า สง ส า ร
สุ ข ร ร ม ถุ ง ใ ส า
ข พ ช า ท ส ต ร น ซิ
ภ บ ว ร ด ท ส ตร ฟ
า ค ย า า ว ใ ม อ ลิ
พ ง ย า คุ ม ย ริ ะ ส
า ห น อ ง ใ น เ เ ท้
เ อ ด ส์ ด
ตห าง
ร เน อา
ว ชื อ ะ ย
จ อ สง
สุ ร ม ถุ ใ
ขา น ซิ
ภว ฟ
า ค ม ลิ
พ ย า คุ ม ริ ส
ห น อ ง ใ น เ เ ท้
เฉลย
ทกั ษะการปฏเิ สธ
รูร้ กั รูท้ ัน ปฏิเสธให้เปน
การปฏเิ สธ เทคนคิ ปฏิเสธและต่อรอง
การพูดปฏิเสธ เพือหลีกเลียงการไป 1.อย่าเปดโอกาสอยู่สองต่อสอง
ทําพฤติกรรมเสียงต่างๆโดยไม่เสีย ในบรรยากาศเปนใจ ถ้าไม่มี
สัมพันธภาพ การปฏิเสธอย่างจรงิ จังทัง บรรยากาศเปนใจทุกอย่างก็อาจ
ท่าทาง คําพูดและนําเสียง เพือแสดงความ จะไม่เกิดขึน
ตังใจอย่างชัดเจนทีจะขอปฏิเสธ
2.ปลกุ จติ สาํ นกึ ความเปนสภุ าพบุรษุ
การหาทางออกเมอื ถกู เซา้ ซี EX. "เธอคงไมภ่ มู ใิ จใชไ่ หมถา้ ฉนั ยอม
เธอกอ่ นแตง่ งาน ฉนั มเี ธอคนเดยี ว รอ
ปฏเิ สธซาํ เดนิ จากไปทนั ที กอ่ นนะ ไวถ้ งึ เวลาคอ่ ยมคี วามสขุ กนั "
ตอ่ รอง ทําอยา่ งอนื ทเี หมาะสมกวา่
ผดั ผอ่ น ขอยดื เวลา 3.ใชข้ อ้ อา้ งทีปฏเิ สธได้ยาก
Ex. "ถา้ เรามอี ะไรกนั ตอนนถี า้ พอ่ แมฉ่ นั
รเู้ ขา้ ทา่ นคงจะเสยี ใจ "
หลกั สาํ คญั ชว่ ยให้
ปฏเิ สธสาํ เรจ็
ขนั ตอนการปฏิเสธมี 3 ขนั ตอน 1.ต้องมจี ติ ใจแนว่ แนต่ ้องปฏิเสธจรงิ ๆ
2.พูดปฏิเสธดว้ ยนาํ เสยี งและท่าทาง
1.บอกความรสู้ กึ เปนการบอกใหร้ ถู้ งึ ความกงั วลใจ
ความหว่ งใย เพอื ใหห้ นกั แนน่ บอกความรสู้ กึ ทําใหค้ ู่ จติ ใจ
สนทนาไมส่ ามารถหาขอ้ โตแ้ ยง้ ได้ 3.เมอื ปฏิเสธจบแล้วต้องรบั ออกจาก
2.บอกปฏเิ สธ โดยพูดใหช้ ดั เจน เชน่
เหตกุ ารณ์
"ฉนั ไมไ่ ปนะคะ" 4.เมอื ถกู สบประมาทไมค่ วรหวนั ไหวหรอื
3.ถามความเหน็ ถนอมนาํ ใจผชู้ วน เชน่
ตอบโต้ ใหเ้ ดนิ หนี
"เธอคงเขา้ ใจนะ"
ตั ว อ ย่ า ง
ส ถ า น ก า ร ณ์
วนั นวี า่ งหรอื เปลา่ ตอนเยน็ ไปเทยี วตอ่ ดว้ ยกนั ไหม
เราไมไ่ ป เรากลวั พอ่ แมเ่ ราเปนหว่ ง
เธอคงไมโ่ กรธกนั นะ
ไมเ่ ปนไรไวค้ ราวหลงั กไ็ ด้
ขอบคณุ นะ
หลายวนั ต่อมา
เธอไหนๆวนั นกี ป็ ดเทอมแลว้ เราไปเทยี วดว้ ยกนั เถอะ
เราไมไ่ ป เรากลวั พอ่ แมเ่ ราเปนหว่ ง
เธอคงไมโ่ กรธกนั นะ
ไปเถอะนะๆๆๆ ไหนๆกส็ อบเสรจ็ แลว้ ไปเทยี วพกั
สมองกนั เถอะนานๆทเี อง
งนั ไปกนิ กว๋ ยเตยี วหนา้ โรงเรยี นเสรจ็ แลว้ แยกยา้ ย
กนั กลบั บา้ นเลยนะ
ไมเ่ อาอะ่ เราไมอ่ ยากกนิ กว๋ ยเตยี ว เราอยากไปเทยี ว
กบั เธออะ่
เออ่ งนั เอาไวค้ รงั หนา้ แลว้ กนั บา๊ ย บาย
WHAT HAVE YOU
LEARNED ?
I LIKE ... : สงิ ทีฉันชอบจากหนงั สอื เล่มนี
I LEARN ... : สงิ ทีฉันไดเ้ รยี นรจู้ ากหนงั สอื เล่มนี
I WISH ... : สงิ ทีฉันคาดหวงั จากหนงั สอื เล่มนี
I. I Like
II. I Learn
III. I Wish