อุทัยเทวี
ตัวละคร
พญานาคราช นางนาคเทวี สมุทรมาลา
รุขเทวดา พระอินทร์ คางคก
ตัวละคร
ตายาย นางอุทัยเทวี เจ้าชายสุทราช
พระเจ้าการพ เจ้าหญิงฉันทนา พระเจ้ากัญจาราช
นิทานพื้้นบ้านเรื่อง “อุทัยเทวี”
สะท้อนเรื่องราวของกฎแห่งกรรม
ซึ่งเป็นผลแห่งการกระทำ กระทำสิ่งใดไว้
ย่อมได้รับผลแห่งการกระทำนั้นตอบแทนไม่ช้าก็เร็ว
ดังสำนวนที่ว่า “กงเกวียน กำเกวียน”
๑
ณ เมืองในน้ำซึ่งอยู่ลึกลงไป ใต้พื้นดิน เป็นที่อยู่อาศัยของนาค
๒
มีพญานาคราชและนางนาคเทวีเป็นผู้ครองเมืองบาดาล
ทั้งสองมีพระธิดาแสนสวยองค์หนึ่งชื่อว่า สมุทรมาลา
เจ้าหญิงสมทรมาลาเป็นที่รักยิ่งของพระบิดาพระมารดา
เธอจึงได้รับการเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นใกล้ชิดมาตลอด
๓
เมื่อโตเป็นสาวรุ่น เจ้าหญิงเริ่มรู้สึกเบื่อและอึดอัด จึงอยากจะไปเที่ยว
เล่นนอกเมืองบาดาลบ้าง แต่พญานาคราชและนางนาคเทวีไม่
อนุญาต เพราะเป็นห่วงว่า ลูกรักจะได้รับอันตราย โดยเฉพาะจาก
พญาครุฑซึ่งเป็นศัตรู พญานาคราชจึกสั่งให้พระพี่เลี้ยงดูแลพระ
ธิดาอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น
๔
เจ้าหญิงสมุทรมาลาไม่เชื่อฟังพระบิดาพระมารดา
กลับพยายามหาทางหลบหนีจากเมืองบาดาล จนขึ้นไปบนโลก
มนุษย์ได้สำเร็จ
๕
เจ้าหญิงสมุทรมาลาเดินท่องเที่ยวในป่าอย่างเพลิดเพลิน
ชื่นชมกับต้นไม้ดอกไม้นานาพรรณอันสวยสดงดงาม
อย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในเมืองบาดาล
๖
เมื่อรุขเทวดาหนุ่ม ผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาป่าแห่งนี้มาเห็นเจ้า
หญิงสมุทรมาลาเดินอยู่ในป่าตามลำพัง
ก็รู้สึกหลงรักเจ้าหญิงแสนสวย
๗
จึงแปลงกายเป็นชายหนุ่มรูปงาม มาเกี้ยวพานเจ้าหญิงจน
กระทั่งผูกใจรักกัน และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
รุขเทวดารักและหลงใหลเจ้าหญิงสมุทรมาลาจนละเลยการ
ปฏิบัติหน้าที่ของตน ทำให้เกิดความไม่สงบสุขขึ้นในป่า
๘
พระอินทร์ โกรธรุขเทวดามาก จึงลงโทษด้วยการขับไล่ให้
ออกไปอยู่นอกเขตป่า
๙
รุขเทวดายอมรับโทษของตนแต่โดยดี เพราะรู้ตัวว่ากระทำ
ผิดจริง เขาจำต้องรีบออกจากอาณาเขตป่าแห่งนี้ ตามคำสั่ง
ของพระอินทร์ โดยไม่มีโอกาสได้กลับไปบอกกล่าวหรือสั่งลา
กับเจ้าหญิงเลย
๑๐
ส่วนเจ้าหญิงสมุทรมาลานั้นไม่รู้เลยว่าผู้เป็นสามีหายไป
ไหน เธอได้แต่เฝ้ารออย่างโดดเดี่ยว
ด้วยความเศร้าโศกและหวาดกลัว
๑๑
เวลาผ่านไปหลายเดือนเจ้าหญิงตั้งครรภ์แก่จนใกล้คลอด
เต็มที เธอรู้สึกคิดถึงพระบิดาพระมารดาที่เมืองบาดาลเหลือ
เกิน แต่ยังไม่กล้ากลับไป เพราะเกรงว่าพระบิดาจะโกรธมากที่
เธอตั้งครรภ์กับผู้ที่ไม่ได้เป็นเชื้อสายนาคเหมือนพวกตน
๑๒
เจ้าหญิงอดทนรอจนคลอดลูกออกมาเป็นไข่ฟองหนึ่ง
เธอพ่นพิษพญานาคคุ้มครองไข่เอาไว้ แล้วใช้ผ้าสไบห่อไข่
พร้อมกับแหวนวิเศษของเธอ
๑๓
และนำไปซ่อนไว้ที่โพรงไม้ ใกล้หนองน้ำแห่งหนึ่ง แล้วตัดสิน
ใจเดินทางกลับไปยังเมืองบาดาลด้วยควาอาลัย
๑๔
ไม่นานนักมีคางคกเฒ่าตัวหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ริมหนองน้ำออก
มาหาอาหารกินด้วยความหิวโหยมันกระโดดไปทั่ว บังเอิญไป
พบห่อผ้าของเจ้าหญิงสมุทรมาลาที่ซุกไว้ในโพลงไม้ ด้วย
ความหิวจนตาลาย คางคกเฒ่าจึงกินห่อผ้านั้นเข้าไป
๑๕
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น คางคกเฒ่าก็สิ้นใจตาย
เพราะพิษพญานาคที่คุ้มครองไข่เอาไว้นั่นเอง
๑๖
ในขณะเดียวกันไข่ใบนั้นก็ฟักออกมา เป็นเด็กหญิงตัวน้อย
หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ถือแหวนวิเศษของแม่ติดมือมาด้วย
๑๗
เด็กหญิงคิดว่าคางคกเป็นแม่ของตน เธอจึงอาศัยอยู่ใน
ซากคางคกนี้ด้วยความรักและผูกพัน
๑๘
มีตายายคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ ที่ชายป่าใกล้กับ
หนองน้ำแห่งนี้ ทั้งสองยากจนมาก ต้องปลูกผักและออกไป
หาปลามาทำเป็นอาหารทุกวัน
๑๙
วันหนึ่ง ขณะที่ตากับยายออกไปหาปลาที่หนองน้ำ จู่ ๆ ก็ได้
ยินเสียงเด็กน้อยพูดทักทายเจื้อยแจ้ว เมื่อช่วยกันตามหา
ที่มาของเสียงนั้นก็พบครงคกตัวหนึ่งนั่งยิ้มอยู่บนใบบัว
๒๐
หลังจากที่ตากับยายหายตกใจกับคางคกพูดได้แล้ว ก็
เอ็นดูและสงสารคางคกตัวนี้ จึงพามันกลับไปเลี้ยงที่บ้าน
๒๑
เด็กหญิงซาบซึ้งในความเมตตาของตากับยาย เธอจึงอยาก
ทดแทนบุญคุณของท่านทั้งสอง เวลาที่ตากับยายออกไปช่วย
กันเก็บผักและหาปลา เด็กหญิงจะออกจากซากคางคกมา
ช่วยทำงานบ้าน แล้วใช้แหวนวิเศษเสกอาหารดี ๆมากมาย
และจัดเป็นสำรับตั้งรอตากับยา
๒๒
เมื่อตากับยายกลับมาถึง ต่างก็แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เรื่องประหลาดเช่นนี้เกิดขึ้นหลายวัน
ตากับยายจึงคิดหาทางค้นหาความจริง
๒๓
ตากับยายทำที่ออกไปหาอาหารเช่นเคยแล้วย้อนกลับมาที่
กระท่อม จึงได้พบความจริง ตากับยายอยากให้เด็กหญิงออก
จากซากคางคก เพื่อจะได้เลี้ยงดูใกล้ชิดเหมือนเป็นลูกหลาน
แต่เด็กหญิงยังอาลัยรักคางคกจึงขอกลับเข้าไปอยู่ในซาก
คางคกบ้าง
๒๔
ตากับยายตามใจเด็กหญิง
เเละตั้งชื่อให้เธอว่า “อุทัยเทวี”
๒๕
เวลาผ่านไปราวสิบปี นางอุทัยเทวีโตขึ้นเป็นหญิงสาวแสน
สวย เธอเป็นสาวน้อยน่ารักที่มีจิตใจดีและมีกริยาวาจา
งดงามตากับยายจึงทั้งรักและทั้งหวงหลานสาวนักหนา
๒๖
วันหนึ่ง นางอุทัยเทวีและตายายไปทำบุญที่วัด เจ้าชายสุ
ทราชซึ่งเป็นโอรสขอเจ้าเมืองได้แวะมาทำบุญที่วัดนี้ด้วย เมื่อ
แรกเห็นนางอุทัยเทวี เจ้าชายสุทราชก็หลงรักนางขึ้นมาทันที
แต่นางอุทัยเทวีรู้ตัวเสียก่อน และรีบชวนตายายกลับบ้าน
๒๗
เมื่อกลับถึงบ้าน นางอุทัยเทวีจึงเล่าเรื่องให้ตากับยายฟัง
แล้วเธอก็รีบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในซากคางคก
๒๘
เจ้าชายสุทราชติดภารกิจอยู่ในพิธีทำบุญที่วัด
จึงสั่งให้มหาดเล็กไปเชิญตัวนางอุทัยเทวีมาพบที่วัง
มหาดเล็กตามไปถึงกระท่อมของตายาย ได้พบแต่ผู้เฒ่าทั้ง
สองเท่านั้น ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไร ก็ไม่พบนางอุทัยเทวี
๒๙
พวกหมาดเล็กโมโหมากที่หานางอุทัยเทวีไม่พบ จึงพูดจา
ข่มขู่และดุว่าตากับยายต่างๆ นานา
๓๐
ทำให้ตากับยายโกรธ และฝากไปบอกเจ้าชายว่าให้สร้าง
สะพานเงินสะพานทองมาถึงบ้านนี้ จึงจะยอมยกนางอุทัย
เทวีผู้เป็นหลานสาวแก่เจ้าชาย
๓๑
ฝ่ายพระเจ้าการพผู้เป็นพระบิดาของเจ้าชายได้รู้เรื่องราว
ทั้งหมด รู้สึกโกรธตากับยายมากที่บังอาจเรียกร้องในสิ่งที่
เป็นไปไม่ได้ จึงสั่งให้มหาดเล็กกลับไปบอกตากับยายว่า จง
สรร้างปราสาทเงินปราสาททองให้เสร็จภายในเจ็ดวัน เพื่อรอ
รับเสด็จเจ้าชาย ถ้าทำไม่ได้ จะถูกประหารชีวิต
๓๒
นางอุทัยเทวีสงสารตากับยาย จึงใช้แหวนวิเศษเนรมิต
ปราสาทเงินปราสาททองขึ้นมา
๓๓
ฝ่ายพระอินทร์รู้ว่าเจ้าชายสุทราชกับนางอุทัยเทวีเป็น
เนื้อคู่กันจึงช่วยเนรมิตสะพานเงินสะพานทองให้
๓๔
จากความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้พระเจ้าการพเชื่อว่า
เจ้าชายสุทราชกับนางอุทัยเทวีเป็นผู้มีบุญญาธิการและ
เป็นเนื้อคู่กันจริง จึงจัดงานอภิเษกให้ด้วยความยินดี แล้ว
ทุกคนก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
๓๕
จนกระทั่งวันหนึ่ง พระเจ้าการพได้รับสาส์นทวงสัญญาจาก
พระเจ้ากัญจาราชแห่งเมืองจุโลมนคร ที่เคยตกลงกันไว้ว่าจะ
ให้เจ้าชายสุทราชแต่งงานกับเจ้าหญิงฉันทนาผู้เป็นพระธิดา
เมื่อพระเจ้าการพทำผิดสัญญา ทางฝ่ายเมืองจุโลมนครไม่
พอใจเป็นอย่างยิ่ง และขอให้รีบส่งตัวเจ้าชายสุทราชมาเข้าพิธี
อภิเษกกับเจ้าหญิงฉันทนาโดยเร็ว มิฉะนั้นจะไม่ยอมให้อภัย
และจะยกทัพมาทำศึกด้วย
๓๖
พระเจ้าการพรู้ดีว่าไม่สามารถต่อสู่กับทัพขอเมืองจุโลมนคร
ได้ จึงขอร้องให้เจ้าชายสุทราชเดินทางไปอภิเษก
กับเจ้าหญิงฉันทนา ทั้งเจ้าชายสุทราชและนางอุทัยเทวีต่าง
ทุกข์ใจกับเรื่องนี้ แต่นางอุทัยเทวีเกรงว่า หากดื้อรั้นต่อไปจะ
ทำให้บ้านเมืองเดือดร้อน จึงขอให้เจ้าชายเดินทางไปอภิเษก
กับเจ้าหญิงฉันทนาตามสัญญา
๓๗
เจ้าชายจึงสั่งให้ช่างปั้นรูปจำลองของนางอุทัยเทวี
เพื่อนำติดตัวไปด้วย
๓๘
เมื่อเจ้าชายสุทราชเดินทางไปอภิเษกกับเจ้าหญิงฉันทนาแล้ว
ก็ได้แต่ซึมเศร้าและไม่สนใจเจ้าหญิงฉันทนาเลยแม้แต่น้อย
ทั้งยังเฝ้าพร่ำเพ้ออยู่กับรูปปั้นของนางอุทัยเทวีทั้งวัน
เจ้าหญิงฉันทนาคิดแค้นจนผมหงอกทั้งศีรษะ
๓๙
นางสั่งให้ทหารนำรูปปั่นนี้ไปทิ้งในน้ำ และจับนางอุทัยเทวีมา
ทำร้ายจนหมดสติแล้วโยนร่างของเธอทิ้งน้ำด้วยเช่นกัน
เจ้าชายสุทราชเสียใจมาก จึงหนีไปถือศีลเพื่ออุทิศส่วนกุศให้
นางอุทัยเทวีอันเป็นที่รัก
๔๐
แต่นางอุทัยเทวีไม่จมน้ำตายอย่างที่ทุกคนคิด เพราะเธอมี
เชื้อสายของพญานาค พอดีกับมียายเฒ่าขายขนมพายเรือ
ผ่านมาจึงพานางอุทัยเทวีไปพักอยู่ด้วย
๔๑
นางอุทัยเทวีช่วยงานยายเฒ่าโดยอาสาพายเรือไปขายขนม
แทน เธอแปลงเป็นหญิงชรา แต่มีเส้นผมดำขลับ แล้วพายเรือ
ไปขายขนมแถวท่าน้ำหน้าวัง
๔๒
เมื่อนางข้าหลวงเห็นยายเฒ่าผมดำพายเรือมาขายขนม
จึงพาตัวไปพบเจ้าหญิงฉันทนา
ซึ่งกำลังทุกข์ใจกับผมขาวของตน
๔๓
ยายเฒ่าแนะนำว่า ให้นำปลาเน่ามาพอกศีรษะไว้ป็นเวลา
เจ็ดวัน จะช่วยให้เส้นผมกลับมาดำสนิทเป็นเงางามได้
เหมือนเส้นผมของตน
๔๔
เจ้าหญิงฉันทนาเชื่อและทำตามคำแนะนำนี้ ซึ่งทำให้นาง
ทุกข์ทรมานมาก เพราะปลาเน่าส่งกลิ่นเหม็นและทำให้ผม
ร่วงจนศีรษะล้านเลี่ยนเป็นแผลพุพอง
๔๕
เมื่อเจ้าชายสุทราชรู้ว่านางอุทัยเทวียังมีชีวิตอยู่จึงรีบตาม
หาเธอจนพบ และเดินทางกลับไปยังเมืองการพ
แล้วทั้งสองก็ครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป