ประวัติความเป็นมา แซนโฎนตา เมืองขุขันธ์ บุญประเพณีแซนโฎนตา”เทศกาล งานทำ บุญอุทิศและสารทแห่งความ กตัญญูกตเวทิตาต่อบรรพบุรุษของชาว เขมรป่าดง*ในจังหวัดแถบอีสานใต้และ ที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศกัมพูชา ประเพณีบุญแซนโฎนตาเป็นวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของคนไทยใน ท้องถิ่นที่พูดภาษาเขมรและภาษากูย แถบจังหวัดในภาคอีสานตอนใต้จัด ทำ ขึ้นเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที ต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วซึ่งใน ภาษาเขมรเรียกว่า“บุญประเพณีแซ นโฎนตา”ประเพณีนี้ได้สืบทอดต่อ กันมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน คำ ว่า “บุญ”ในใบลานภาษาเขมร ถิ่นไทยจารว่าបុន แต่ต่อมาได้จาร เป็นបុណ្យตามอักขรวิธีสมัยใหม่แบบ ภาษาเขมรที่กัมพูชา ส่วนคำว่า “แซนโฎน ตา” เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาเขมร ใ น ท้ อ ง ถิ่ น ขุ ขั น ธ์ ซึ่ ง เ ขี ย น ว่ า សែនដូនតា อ่านว่า /แซน -โดน-ตา/ส่วนที่ฝั่งประเทศ กั ม พู ช า เ รี ย ก ว่ าភ្ ជុំ បិ ណ្ ឌ อ่านว่า/ปจุม-เบ็น/จริงๆก็คือ ประเพณีอันเดียวกันเพียงแต่ใช้ ศัพท์เรียกแตกต่างกันหรือบาง ครั้งก็เอาคำ ศัพท์ทั้งสองคำ มารวม กันเป็นបុណ្យភ្ជុំបិណ្ឌ សែ ន ដូ ន តា อ่ า น ว่ า / ป จุ ม - เบ็น-แซน-โดน-ตา/ซึ่งก็ยิ่งจะ ทำ ให้สามารถสื่อถึงความหมายได้ ชัดเจนยิ่งขึ้นសែន/แซน/แปล ว่าการเซ่นไหว้ การอุทิศ หรือ บวงสรวง ส่วนคำว่า ដូនតា หรือ “โฎนตา”แปลว่า ปู่ย่าตายาย หรือ บรรพบุรุษญาติพี่น้องที่ได้ล่วงลับ ไปแล้วนั่นเองโดยชาวบ้านจะจัด ให้มีขึ้นทุกปีในช่วงวันขึ้น1ค่ำ ถึง วันแรม 14 หรือ 15 ค่ำเดือนสิบ โดยเฉพาะชาวบ้านในแถบจังหวัด อีสานใต้ เช่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ฯลฯซึ่งบุตรหลานและ ญาติพี่น้องที่ไปประกอบอาชีพ หรือตั้งถิ่นฐานที่อื่นไม่ว่าจะใกล้ หรือไกลทั่วทุกสารทิศจะเดินทาง กลับมารวมญาติและมาทำ บุญ ที่บ้านเกิดเพื่อทำ พิธีแซนโฎน ตาร่วมกันทำ บุญกรวดน้ำ อุทิศ ส่วนกุศลไปให้บรรพบุรุษและ ญาติของตนเองที่ได้ล่วงลับไป แล้วนอกจากนี้ใน่ช่วงประเพณี แซนโฎนตายังเป็นโอกาสที่จะ ได้ทำ ความดีตามหลักพระพุทธ ศาสนาด้วยการทำ บุญบริจาคทาน รักษาศีลและฟังพระธรรมเทศนา อันจะส่งผลให้จิตใจแจ่มใส
ประเพณีแซนโฎนตาเป็นพิธีกรรมความเชื่อทางพุทธศาสนาของคนไทยเชื้อ สายเขมรที่ปฏิบัติกันมาช้านาน กล่าวกันว่า ในรอบ 1 ปีนักษัตรของโลกมนุษย์ พระยายมราชจะอนุญาตให้ผู้ที่รับกรรมอยู่ในนรกทั้งหลายได้ขึ้นไปรับบุญกุศล จากลูกหลานญาติมิตรได้หนึ่งครั้ง ในเดือน 10 โดยนับตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 10 ไปจนถึงวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 แล้วจึงกลับไปรับโทษทัณฑ์ในนรกภูมิ ต่อไปจนสิ้นกรรม ด้วยความเชื่อว่า เหล่ามนุษย์ที่รับกรรมอันแสนทรมานและ ยาวนานอยู่ในนรก เมื่อขึ้นมาเห็นข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยและผลไม้อันอุดม สมบูรณ์ที่ลูกหลานจัดเตรียมไว้ให้ ก็จะเกิดความปลื้มอกปลื้มใจ เมื่อถึงกำหนด ที่ต้องกลับไปรับโทษในนรกก็จะอำนวยอวยพรให้ลูกหลานประสบแต่สิ่งที่ดี งาม ส่วนพวกที่ขึ้นมาแล้วได้เที่ยวเดินตามหาบ้านเรือนลูกหลานทุกคนแต่ไม่ เห็นมีใครตั้งสำรับคับค้อนเตรียมไว้ให้ ก็จะเกิดความเศร้าโศกผิดหวัง จนพาล โกรธเคืองลูกหลานที่จะคิดเลี้ยงดูปู่ย่าตาทวดเพียงปีละครั้งก็ทำไม่ได้ จึงกล่าว วาจาสาปแช่งให้ได้รับความเดือดร้อน ชาวบ้านจึงยังยึดถือปฏิบัติตามประเพณี นี้ แต่ก็มีการเซ่นไหว้เฉพาะแต่ละครอบครัว ญาติมิตรในชุมชนหรือหมู่บ้าน ปัจจุบันเมื่อเวลาผ่านไปบางครอบครัวที่เป็นคนรุ่นใหม่เริ่มขาดความรู้ ความเข้าใจในพิธีกรรมดังนั้นทางอำ เภอขุขันธ์ประชาชนและหน่วยงาน ต่างๆจึงได้ร่วมกันจัดงานประเพณีแซนโฎนตาให้เป็นงานใหญ่ของ อำ เภอและเพื่อให้การประกอบพิธีมีความสมบูรณ์ถูกต้องทั้งยังเป็นการ เปิดให้สาธารณชนทั่วไปได้เข้ามาสัมผัสวิถีวัฒนธรรมอันน่าสนใจ สำหรับการประกอบพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ หรือแซนโฎนตานั้น จะเริ่มตั้งแต่วันแรม 13 ค่ำ ชาวบ้านจะทำความสะอาดบ้านเรือน ของตนเป็นพิเศษและเตรียมเครื่องสักกา ระเซ่นไหว้ ประกอบด้วยเครื่องสักการบูชา อาทิ ธูปเทียน ข้าวตอกดอกไม้ น้ำอบ เสื้อ ซิ่น สไบ ผ้าขาวม้า ฯลฯ และเครื่องเซ่น ไหว้หรือเครื่องกระยาสังเวยทั้งอาหารคาว หวาน ไก่ย่าง ปลาย่าง ผัด แกง และอาหาร ประเภทข้าวต้ม เช่น ข้าวต้มหมู ข้าวต้ม ด่าง ข้าวต้มมะพร้าว รวมถึงขนม เช่น ขนม เทียน ข้าวเม่า กระยาสารท ผลไม้และกล้วย สุกชนิดต่างๆ เครื่องดื่มทั้งเหล้า น้ำอัดลม น้ำ สะอาดเครื่องเซ่นเหล่านี้แต่ละบ้านจะ ช่วยกันจัดหาจัดทำ ขึ้นซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น อาหารคาวหวานและผลไม้ที่ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วเคยชอบรวม ทั้งเตรียมเสื่อสาดปูทับด้วยผ้าขาวเตรียมไว้ ญาติๆที่มาร่วมพิธีก็จะผลัดเปลี่ยนกัน เข้าไปกรวดน้ำ และกล่าวเชิญโฎนตาให้ มารับเครื่องสักการะบูชาพร้อมทั้งจารนัย ชื่อของขนมผลไม้อาหารคาวหวานต่างๆ ที่ปู่ย่าตายายเคยชอบว่าลูกหลานได้ตระ เตรียมไว้ให้แล้วอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ เชิญโฎนตาทุกท่านได้รับรู้และรับเอา เป็นสมบัติทิพย์ให้อิ่มเอมเปรมปรีดิ์ ส่วนสำ คัญอีกส่วนหนึ่งของประ เพณีแซนโฎนตาก็คือการเตรียม “บาย ตะเบิ๊ดตะโบร” และ “บายเบ็ญ” เพื่อใช้ ประกอบพิธีในวันแรม 15 ค่ำ สำหรับบาย ตะเบิ๊ดตะโบรนั้น คือของถวายพระที่จัดใส่ ภาชนะ เช่น กาละมังใบเล็กๆ หรือกระบุง กระเฌอ โดยจัดให้มีถ้วยใบหนึ่งใส่ไว้ ตรงกลางเย็บกรวยด้วยใบตองครอบไว้ ข้างในกรวยใส่ข้าวเหนียวนึ่งแล้วปิดปาก กรวยด้วยเงินเหรียญ แล้วนำกรวยวาง ลงในถ้วย คล้องด้วยฝ้าย 1 ไจ รอบกรวย จะจัดวางกล้วยน้ำว้าสุก 1 หวี ข้าวต้มด่าง 1 พวง ข้าวต้มผัดหรือข้าวต้มอื่นๆ รวมถึง อาหารแห้ง เช่น ไก่ย่าง ปลาหรือหมูย่าง
“เมืองขุขันธ์”มีบรรพบุรุษที่สืบเชื้อสายจากชนเผ่าเขมรเป็นส่วนใหญ่รองลงมาเป็นชนเผ่าลาวส่วย (กูย)และเยอตามลำดับมีวัฒนธรรมที่ดีงามซึ่งบรรพบุรุษได้รักษาไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลังได้ถือปฏิบัติตามจนกลายมา เป็นประเพณีที่สำคัญ คือ “ประเพณีแซนโฎนตา” อันเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของชาวขุขันธ์โดยเฉพาะปีนี้ เป็นปีที่ครบรอบ ๒๕๐ ปีของการสร้างเมืองขุขันธ์ (พุทธศักราช ๒๓๐๒ - ๒๕๕๒) จึงได้ชื่องานอันยิ่งใหญ่นี้ว่า “ งานเทศกาลรำลึกพระยาไกรภักดี ประเพณีแซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี ” เป็นปี แรก ทั้งนี้เพื่อให้ลูกหลานได้แสดงออกถึงคุณงามความดีที่เป็นคุณูปการที่บรรพบุรุษเมืองขุขันธ์มีต่อลูกหลานชาว ขุขันธ์ อีกทั้งลูกหลานได้มีโอกาสเซ่นไหว้และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษของวงศ์ตระกูลของตนเองที่ได้ ล่วงลับไปแล้ว ชาวบ้านจะพากันไปวัดเพื่อประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เช่น ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ บรรพบุรุษและญาติที่ล่วงลับ ฟังพระสงฆ์แสดงธรรมเทศนา เป็นต้นเหลืออีก ๑ - ๒ วันก่อนจะถึงวันแรม ๑๕ ค่ำ ชาวบ้านจะเตรียมการจัดทำพิธีแซนโฎนตาโดยทำขนมหลากหลายชนิดมีข้าวต้มมัดขนมเทียนเป็นต้น เพื่อเอาไปทำ บุญที่วัดและเป็นของฝากให้ญาติพี่น้องที่อยู่ใกล้ชิดกันตอนเช้าของวันแรม๑๕ค่ำ เดือน๑๐ชาวบ้านจะทำอาหารและเครื่องสักการะต่างๆนำไปตักบาตรเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปยังบรรพบุรุษและ ญาติที่ได้ล่วงลับไปแล้วซึ่งในวันนี้ญาติพี่น้องลูกหลานที่อยู่ในต่างถิ่นต่างมารวมกันและพบกันเป็นพิเศษเพื่อร่วม ทำพิธีแซนโฎนตาด้วยกัน ตอนบ่ายในวันเดียวกันนี้ จะมีพิธีแซนโฎนตา ที่บ้านตระกูลตัวเอง โดยจัดให้มีการปูเสื่อ วางฟูกและหมอนวางบนส่วนท้ายของฟูกอีกด้านหนึ่งและเอาผ้าขาวคลุมหมอนอีกชั้นหนึ่งเพื่อวางกระป๋อง สำหรับจุดธูปเทียนข้างล่างจะมีแก้วน้ำ ๔ ใบ จัดเป็นแถว ถัดมามีพาน ๑ คู่ ที่บรรจุหมาก พลู บุหรี่แถว ถัดมาจัดพานขนมและผลไม้ส่วนถัดไปเป็นถาดใส่อาหารเซ่นไหว้และใส่ข้าวในจานข้าวด้วยเมื่อญาติพี่น้องใน ครอบครัวและญาติจากที่อื่นๆมาพร้อมกันแล้วชาวบ้านจะทำพิธีเซ่นไหว้โดยจุดธูปเทียนกล่าวอัญเชิญให้บรรพบุรุษ และญาติที่ได้ล่วงลับไปแล้วมารับประทานอาหารที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ โดยอัญเชิญเป็นระยะ ๆ จำนวน ๓ ครั้ง การ อัญเชิญในแต่ละครั้ง จะมีการเทน้ำใส่เเก้วเพื่อกรวดน้ำทุกครั้งเมื่อครบ 3 ครั้งแล้ว จะนำถ้วยชามมาตักอาหารใส่ ขนมและผลไม้ที่เป็นเครื่องเซ่นไหว้รวมทั้งบุหรี่และธูปเทียนแล้วนำไปเท หรือวางไว้บนดินนอกบ้าน เพื่อส่งไป ให้ญาติที่ล่วงลับไปแล้วเพื่อเก็บไว้กินและขณะเดียวกันก็จะกล่าวคำขอพรให้ลูกหลานมีความสุขความเจริญทำมา ค้าขายมีกำไรและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน สุดท้าย ชาวบ้านจะจัดทำเรือ/กระทงเล็กๆ โดยใช้ต้นกล้วย บรรทุกข้าว ข้าวโพด ถั่ว และเงิน เมื่อถึงเวลา ใกล้จะถึงตี ๔ หรือตี ๕ จะนำเรือ / กระทงเล็กๆ ไปลอยตามกระแสน้ำ เพื่อส่งไปยังพวกเปรตตามความเชื่อ โดยชาวบ้าน เชื่อว่า เปรตมี ๔ ชนิด ได้แก่ ๑) เปรตที่เลี้ยงตัวเองด้วยเลือด ๒) เปรตที่หิวตลอดเวลา ๓) เปรตที่ไฟไหม้ตลอด ๔) เปรตที่เลี้ยงตัวโดยผลบุญกุศลที่เขาอุทิศให
ประเพณีแซนโฎนตา เป็นประเพณีดั้งเดิมที่ประชาชนชาวไทยเชื้อสายเขมรได้ถือปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน เป็นการทำบุญให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ให้ได้รับกุศลผลบุญ ที่ลูกหลานได้อุทิศให้ซึ่งตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี หยุดภารกิจหน้าที่การงานทั้งหมด และนัดหมายไปรวมกัน ณ บ้านที่เป็นศูนย์กลางของครอบครัวส่วน ใหญ่จะเป็นบ้านของผู้ที่อาวุโสที่สุดของครอบครัว พร้อมกับเตรียมเครื่องไหว้มาทำพิธีเซ่นหรือแซน เช่นหัวหมู ไก่ เนื้อ ปลา ข้าวสาร ข้าวสวย ผลไม้ ขนมหวาน ขนมกระยาสารท ข้าวต้ม หมูและข้าวต้มหางยาว เพื่อไหว้บรรพบุรุษของตนเองที่ล่วงลับไป แล้ว ประเพณีแซนโฎนตา นอกจากเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ยังเป็นกุศโลบายของ บรรพบุรุษที่มีจุดหมายให้ลูกหลานได้แสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษผู้มีพระคุณ และมีโอกาสได้พบปะเครือญาติ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ได้พึ่งพาอาศัยช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งยังมีความเชื่อว่า วันแซนโฏนตานี้ ถ้าลูกหลาน คนใดไม่ได้ไม่ไปร่วมแซนโฎนตา โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วอาจไม่พอใจ ส่งผลให้การทำมาหากิน ประกอบอาชีพไม่ราบรื่น ไม่ก้าวหน้า จิตใจเป็นกังวลไม่เป็นสุข แซนโฎนตาจัดเป็นประเพณีวัฒนธรรมประจำปีของคนไทยเชื้อ สายเขมร ประเพณีและงานประจำปีของกลุ่มชาติพันธุ์เขมรถือได้ว่าเป็นกลุ่มชาติพันธ์เดียวกัน ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี นั้นคนในท้องถิ่นจึงมีความเชื่อและปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน การประกอบพิธีกรรมประเพณี ในชุมชนนั้นจึงมีความเป็น เอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ประเพณีส่วนใหญ่ของคนในชุมชนจึงมีความเชื่อ มุขปาฐะ สอดแทรกไปในการประกอบพิธีกรรมนั้น ๆ ประเพณี พิธีกรรมโดยส่วนใหญ่ไม่พ้นความเชื่อในเรื่องของการบูชา นับถือผีทั้งนี้ในประเพณีพิธีกรรมของคนในชุมชนจึงมีที่ เกี่ยวกับพุทธศาสนา และการนับถือผี ซึ่งเป็นวัฒนธรรมความเชื่อแบบเขมรที่คนในชุมชนยังยึดถือและปฏิบัติตามจนถึงปัจจุบัน
กิจกรรมต่างๆ ในงานประเพณี เเซนโฎนตาเมืองขุขันธ์ พิธีทำบุญตักบาตรข้าสารอาหารแห้ง แด่ พระภิกษุ สามเณร หลังจากเซ่นไหว้ในช่วงกลางคืนแล้ว เช้ามืด 15 ค่ำ ทุกบ้านก็จะเอาของเซ่น ไหว้มาทำพิธีทางสงฆ์ต่อที่วัด
พิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองอำ เภอขุขันธ ์และ พิธีบวงสรวงพระยาไกรภักดีศรีนครลำ ดวน (ตากะจะ)
พิธีบวงสรวงเซ่นไหว้บรรพบุรุษ แต่ละบ้านจะเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ ทั้งอาหารคาว-หวาน ผลไม้ อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อเซ่น ไหว้ศาลปู่ตาประจำหมู่บ้าน เซ่นไหว้ศาลพระภูมิประจำบ้าน ประกอบพิธีกรรมแซนโฎนตาที่บ้าน
การประกวดกล้วยงามเม ืองขุขันธ์ ในการประกวดกล้วยงามเมืองขุขันธ์ ครั้งนี้มีเกษตรกรและครัวเรือนต้นแบบโคกหนองนา กรมการพัฒนา ชุมชน ได้นำกล้วยซึ่งเป็นผลผลิตจากโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตาม หลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา”
การประกวดแส่ วผ้าทอผ้าพื้นเมือง การประกวดแส่วผ้า ทอผ้าพื้นเมือง เพื่อเป็นการสอดรับยุทธศาสตร์การขับ เคลื่อนผ้าอัตลักษณ์ของจังหวัดศรีสะเกษ “ธานีผ้าศรี..แส่ว” เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอดสินค้าภูมิปัญญาของชาวศรีสะเกษ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอขุขันธ์ โดยนายสุรัตน์ อินทร์แก้ว พัฒนาการอำเภอขุขันธ์ จึงได้ดำเนินการจัดทำโครงการ การประกวดผ้าอัตลักษณ์และผ้าแส่วของอำเภอขุขันธ์ขึ้นเพื่อสืบสาน รักษา และ ต่อยอดสินค้าภูมิปัญญาของชาวอำเภอขุขันธ์ พร้อมทั้งเป็นการส่งเสริม ยกระดับผ้า เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ทักษะฝีมือผู้ผลิตผ้า รวมถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยใน การประกวดครั้งนี้มีกลุ่ม/บุคคล
การประกวดเครื่องเซ่นไหว้ การประกวดขบวนแห่สวยงาม การประกวดเครื่องเซ่นไหว้ การประกวดขบวนแห่สวยงาม
กิจกรรมสาธิตการทำ ข้าวต้มรูปแบบต่างๆ ข้าวต้มด่าง ข้าวต้มกล้วย ข้วต้มใบมะพร้าว หรือ อันซอมซะเลอะโดง
กิจกรรมการแสดงศิ ลปวัฒนธรรมพื้นถิ่ น และการจัดแสดง จำ หน่ายสิ นค้าผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดศรีสะเกษ กิจกรรมการแสดงศิ ลปวัฒนธรรมพื้นถิ่ น
การจัดแสดง จำ หน่ายสิ นค้าผลิตภัณฑ์ OTOP อำ เภอขุขันธ์ เกวียนน้อย คุณสมเกียรติ เตารัตน์ 325 หมู่ที่ 1 ตำบลใจดี อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ผ้าฝ้ายทอมือลายลูกแก้ว กลุ่มสตรีทอผ้าลายลูกแก้ว บ้านเลขที่ 41 หมู่ที่ 6 ตำบล นิคมพัฒนา อำเภอ ขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ผอบใบตาล บ้านหนองก๊อก หม่ที่ 10 ตำบลห้วยสำราญ อำเภอขุขันธ์ จังหวัด ศรีสะเกษ ถาดก้านมะพร้าว ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยอำเภอขุขันธ์ (กศน.ขุขันธ์) อำเภอขุขันธ์ จังหวัด ศรีสะเกษ โทร.081-8797879