การสื&อสารมวลชน
รศ.ดร.พรปภสั สร ปริญชาญกล
ภาpคoวrชิ knราupศเทna.ดptคiรadโ.tนaกs.oโลุtลrhธnยaิด.@แี pาลrkะiธ@mสรื&อuรkมสtmtาว.auรภิ ctกtชั.t.าahนรc์ศ.tึกhษา
ความหมายของการสื&อสาร
*ความหมายของการส&ือสาร*
มผี ู้ได้ให้ความหมายของการส&ือสารไว้ดงั นีJ
มลิ เลอร์ ( Miller) คือ การถ่ายทอดข่าวสารทห&ี นึ&งไปยงั อกี ทห&ี น&ึง
เกริ ์บเนอร์ ( Gerbner) คือ การแสดงปฎสิ ัมพนั ธ์ทางสังคมโดยใช้สัญลกั ษณ์
โฮฟแลนด์ ( Hovland) คือ กระบวนการทบ&ี ุคคลหนึ&งส่งสิ&งเร้าเพื&อเปลยี& น
พฤตกิ รรมของบุคคลอื&นๆ
*ความหมายของการส&ือสาร*
• ชแรมน์ ( Schramn) คือ การมคี วามเข้าใจร่วมกนั ต่อเครื&องหมายทแี& สดงข่าวสาร
• โรเจอร์และชูเมคเกอร์ ( Roger&Shoemaker) คือกระบวนการซ&ึงสารถูกส่งจากผู้ส่งสารไปยงั
ผู้รับสาร
*ความหมายของการส&ือสาร*
นิวลีพ ( Neuliep) ให้คาํ นิยามว่าการส4ือสารประกอบด้วยมติ ติ ่างๆ 9 ประการดงั นี>
- Process - Intentional
- Dynamic - Contextual
- Interactive - Ubiquitous
- Transactional - Cultural
- Symbolic
*ความหมายของการส&ือสาร*
สรุป
การส4ือสาร คือ กระบวนการ ( Process) ในการส่งสาร ( Message)
จากผู้ส่งสาร ( Sender ) ไปยังผู้รับสาร ( Receiver) โดยผ่านส4ือ (Channel)
*องค์ประกอบทสี& ําคญั ของการสื&อสารระหว่างบุคคล*
วเี วอร์ ( Weaver)
กล่าวถงึ องค์ประกอบสําคญั ของการส&ือสารระหว่างบุคคลว่ามี 3 ประการ คือ
1. บุคคล อย่างน้อย 2 คน ผลดั กนั ทาํ หน้าทผ&ี ู้ส่งสาร – ผู้รับสาร
2. สาร มที Jงั วจั นภาษา ( Verbal Language) และ อวจั นภาษา ( Non- verbal Language)
3. ผลทเ&ี กดิ ขนึJ
*ผลของการสื&อสาร : ความสัมพนั ธ์ระหว่างบุคคล*
เพยี ร์สัน ( Pearson) กล่าวถงึ ลักษณะเฉพาะของความสัมพนั ธ์ระหว่างบุคคลดงั นี>
1. มีหลายรูปแบบ โดยท4วั ไปแบ่งเป็ น 2 แบบ คือ
แบบทางการ และไม่เป็ นทางการ
2. เป็ นขัน> ตอน เช่น รู้จกั สนใจ ใกล้ชดิ และมีกจิ กรรมร่วม
ในทางตรงกันข้าม คือ เหน็ ความแตกต่าง ไม่น่าสนใจ ห่างเหนิ และสิน> สุด
3. มหี ลากหลายมติ ิ ผนั แปรตามสภาพจติ ใจอนั เป็ นผลมาจากสิ&งแวดล้อมทเ&ี ข้ามากระทบ
4. สามารถเปลยี& นแปลงได้ ตามกาลเวลา อาจสนิทสนมขนึJ หรือห่างเหินออกไป
5. มคี วามสลบั ซับซ้อน เพราะมเี รื&องของอารมณ์และจติ ใจเข้ามาเกยี& ว
*ลกั ษณะของผู้สื&อสารทดี& *ี
1. มนี ําJ ใจ มคี วามเป็ นผู้นํา ไม่ยกตนข่มท่าน ทาํ ตวั สบายๆ ถ่อมตน พูดจาสุภาพ กระฉับกระเฉง
สามารถสร้างบรรยากาศสนุกสนาน เป็ นมติ ร (ผู้พูด)
2. ให้ความสําคญั กบั ผู้อื&น ให้เป็ นเกยี รตอิ กี ฝ่ าย เป็ นผู้ฟังทด&ี ี แสดงออกซึ&งความสนใจ (ผู้ฟัง)
3. คาํ นึงถงึ จติ วทิ ยาการส&ือสาร ยดึ แนวมชั ฌมิ า (ไม่ Over/Under)
4. เปิ ดเผย มองโลกในแง่ดี มคี วามดงึ ดูดในทางกายภาพ สร้างความรู้สึกน่าคบ (ทJงั ผู้ฟังและผู้พูด)
5. เคารพความคดิ เห็นของผู้อ&ืน เอาใจเขามาใส่ใจเรา คบง่าย ตดิ ต่อง่าย สามารถช่วยเหลือ
สนับสนุนผู้อื&น และ ซ&ือสัตย์น่าเชื&อถือ (ผู้นํา)
ความสําคญั ของการส&ือสาร
ต่อชีวติ ต่อสังคม ต่ออตุ สาหกรรม ธุรกจิ
ต่อการปกครอง ต่อเวทรี ะหว่างประเทศ
*วตั ถุประสงค์ของการสื&อสาร* To Persuade
To Entertain
ส&ือสารเพ&ืออะไรวตั ถุประสงค์ของผู้ส่งสาร To Decide
To Inform To Enjoy
To Educate
To Understand
To Learn
*วตั ถุประสงค์ของการสื&อสาร*
สื&อสารอย่างไร
1. วตั ถุประสงค์ทเี& กดิ ผลทนั ที เช่น Soft News
2. วตั ถุประสงค์ทใ&ี ช้เป็ นเคร&ืองมือ เช่น Hard News
ตวั อย่างข่าวเบา (Soft News)
เช่น ข่าวอาชญากรรม ข่าวบนั เทงิ ข่าวกฬี า
ตวั อย่างข่าวหนัก ( Hard News)
เช่น ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกจิ ข่าวสถานการณ์ต่างประเทศ
*ประเภทของการส&ือสาร*
• จาํ แนกโดยใช้จาํ นวนได้แก่
v การสื&อสารภายในบุคคล
v การสื&อสารระหว่างบุคคล
v การส&ือสารภายในองค์กร
v การส&ือสารมวลชน
*ประเภทของการส&ือสาร*
• จาํ แนกโดยใช้ภาษาได้แก่
vการสื&อสารเชิงวจั นะ
vการสื&อสารเชิงอวจั นะ
• จาํ แนกโดยใช้การเห็นหน้าค่าตา
• จาํ แนกโดยใช้ความแตกต่างระหว่างผู้ส่งสารกบั ผู้รับสาร ฯลฯ
องค์ประกอบของกระบวนการ
การสื&อสารพืนJ ฐาน
*ความหมายของกระบวนการ*
คือสภาพการเคล&ือนไหว ดาํ เนินต่อไปเปลยี& นแปลงตลอดเวลา อย่างต่อเน&ืองเป็ นลาํ ดบั ขJนั
*องค์ประกอบของกระบวนการส4ือสารพนื> ฐาน*
มี 4 องค์ประกอบ (SMCR) เป็ นตวั กาํ หนดค่าประสทิ ธิผลของการส4ือสาร ได้แก่
1. ผู้ส่งสาร
มีปัจจยั ท4ชี ่วยเพ4มิ -ลดประสทิ ธิผลของการส4ือสาร ต่อไปนี>
- ทกั ษะในการส4ือสาร (Communication Skills) แบ่งเป็ น
1. ทกั ษะในการส4ือสารเชงิ วัจนะ ได้แก่ การเขียน การพดู (เข้ารหสั )
การอ่าน การฟัง (การถอดรหสั ) การคดิ
2. ทกั ษะในการส4ือสารเชงิ อวัจนะ ได้แก่ อากัปกริ ิยา วาดภาพ
- ทศั นคติ ( Attitudes) ต่อตนเอง ต่อเร4ืองท4จี ะส4ือสาร ต่อผู้รับสาร
- ความรู้ ( Knowledge) เร4ืองท4จี ะส4ือสาร เร4ืองกระบวนการส4ือสาร
*องค์ประกอบของกระบวนการส&ือสารพืนJ ฐาน*
- สถานภาพในสังคม - วฒั นธรรม ( Position within a Social – Cultural System)
คุณสมบัตใิ นการเป็ นผู้ส่งสารทดี& ี แมค็ ครอสกีJ กล่าวถงึ ปัจจยั 5 ประการ
ในการสร้างความน่าเช&ือถือของผู้ส่งสาร (Source Credibility) ได้แก่
1. ความเช&ือมนั& (Trustworthiness)
2. ความเชี&ยวชาญ (Expertise)
3. ความเอาใจใส่สิ&งแวดล้อม (Extroversion)
4. ความเป็ นมติ ร (Sociability)
5. ความดงึ ดูดใจ (Attractive)
*องค์ประกอบของกระบวนการส&ือสารพืนJ ฐาน*
2. สาร
มปี ัจจยั ทชี& ่วย เพมิ& – ลด ประสิทธิผลของการสื&อสาร ต่อไปนีJ
- รหัส ( Code) เช่น ภาษา ดนตรี การวาดภาพ การเต้นระบํา
- เนืJอหา ( Content) คือ สาระเร&ืองราว
- การจดั (Treatment) คือ การตดั สินใจของผู้ส่งสารในการเลือก เรียบเรียง รหัส เนืJอหาสาร ซ&ึง
เป็ นลลี า (Style) ของแต่ละบุคคล ทJงั นีขJ นึJ อยู่กบั บุคลกิ ส่วนตวั ของผู้ส่งสารและผู้รับสาร
ทJงั รหัส เนืJอหา และการจดั ต่างกม็ สี ่วนประกอบ(Element) โครงสร้าง ( Structure)
*องค์ประกอบของกระบวนการส&ือสารพืนJ ฐาน*
3. ส&ือ
ผู้ส่งสารควรเลือกทใี& ช้ส&ือทเ&ี หมาะสมกบั สถานการณ์ส&ือสารจงึ จะทาํ ให้การส&ือสารมปี ระสิทธิผลดี
ส&ิงทกี& าํ หนดการตดั สินใจในการเลือกส&ือ
- ผู้รับสาร - สาร
- ผู้ส่งสาร - ส&ือ
*องค์ประกอบของกระบวนการส&ือสารพืนJ ฐาน*
การแบ่งประเภทของสื&อ มหี ลายแบบเช่น
- แบ่งตามระดบั การมสี ่วนร่วมกบั สื&อของผู้รับสาร แบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คือ
(McLuhan นักวชิ าการชาวแคนาดา)
1. ส&ือร้อน (Hot Media) คือสื&อทผี& ู้รับสารเข้าไปมบี ทบาท มสี ่วนร่วมกบั ส&ือได้น้อย เช่น
หนังสือพมิ พ์ นิตยสาร
2. ส&ือเยน็ (Cool Media) คือสื&อทผี& ู้รับสารเข้าไปมบี ทบาท มสี ่วนร่วมกบั ส&ือได้มาก และเป็ นส&ือ
ทม&ี ี แสงเงา เช่น วทิ ยุโทรทศั น์ คอมพวิ เตอร์
*องค์ประกอบของกระบวนการสื&อสารพืนJ ฐาน*
การแบ่งประเภทของส&ือ (ต่อ)
- แบ่งตามธรรมชาตขิ องส&ือ แบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1. สื&อบุคคล คือบุคคลซึ&งเป็ นผู้ส่งสาร
2. สื&อทถ&ี ูกประดษิ ฐ์ เช่น ส&ือมวลชน ซ&ึงสามารถแบ่งได้กว้างเป็ น
2.1 สื&อส&ิงพมิ พ์
2.2 ส&ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์
*องค์ประกอบของกระบวนการส&ือสารพืนJ ฐาน*
ในการเลือกส&ือ (ส&ือมวลชน) มเี กณฑ์ 7 ประการ ดงั นีJ
- มสี &ืออะไรให้เลือกใช้ได้บ้าง
- มเี งนิ มาก - น้อยแค่ไหน
- ความนิยมของผู้ส่งสาร
- สื&อใดมผี ลกระทบ (Imapact) มากทส&ี ุด
- สื&อใดเหมาะกบั วตั ถุประสงค์ของผู้ส่งสารมากทสี& ุด
- สื&อใดเหมาะกบั เนืJอหาสารมากทสี& ุด
*องค์ประกอบของกระบวนการส&ือสารพืนJ ฐาน*
4. ผู้รับสาร
ในกระบวนการรับสารคนๆ หน&ึงสามารถเป็ นได้ทJงั ผู้ส่งสาร– ผู้รับสาร
ดงั นJัน ปัจจยั ทม&ี อี ทิ ธิพลต่อประสิทธิผลของการสื&อสารของผู้รับสาร
จงึ ประกอบไปด้วยปัจจยั 4 ประการ เช่นเดยี วกบั ปัจจยั ของผู้ส่งสาร ( ทกั ษะ ทศั นคติ
ความรู้ สถานภาพในสังคม – วฒั นธรรม) โดยเน้นทกั ษะในการถอดรหัส เช่น
การอ่าน การฟัง
*องค์ประกอบของกระบวนการสื&อสารพืนJ ฐาน*
ลกั ษณะทางประชากรศาสตร์ของผู้รับสารเป็ นส&ิงทม&ี ผี ลต่อการรับรู้
ตคี วามเข้าใจ ในการส&ือสารของผู้รับสารได้แก่
1. อายุ
2. เพศ
3. สถานภาพทางสังคมและเศรษฐกจิ
4. การศึกษา
5.สังคม วฒั นธรรม ฯลฯ
*องค์ประกอบของกระบวนการส&ือสารพืนJ ฐาน*
สรุป
ปัจจยั ทท&ี าํ ให้การสื&อสารประสบความสําเร็จ (เพม&ิ เตมิ )
1. ผู้ส่งสาร มคี วามน่าเช&ือถือ
2. สาร มคี วามเกย&ี วข้องใกล้ชิด มสี ่วนได้ส่วนเสียกบั ผู้รับสารโดยตรง
3. สื&อ สามารถเข้าถงึ กลุ ่มเป้าหมายได้ดี
4. ผู้รับสาร มคี วามพร้อมและผู้ส่งสารได้ศึกษาพฤตกิ รรมการสื&อสารของผู้รับสารมาเป็ นอย่างดี
*องค์ประกอบของกระบวนการส&ือสารพืนJ ฐาน*
กจิ กรรมท&ี 1 วเิ คราะห์การส่งสารจากรายการช่องส่องผี
• ใครส่งสาร ส่งสารว่าอะไร ได้แง่คดิ ว่าอะไร
• ทาํ ไมจงึ ทาํ รายการช่องส่องผี
• อะไรทผ&ี ดิ พลาด
• สื&อควรมจี รรยาบรรณอย่างไร
* องค์ประกอบSMCR *
1.ผู้ส่ งสาร
• ทกั ษะ(เข้ารหัส) ทศั นคติ ความรู้ สถานภาพ
2.สาร
• รหัส เนืJอหา การจดั สาร
3. ส&ือ
ความเหมาะสมของส&ือ (ช่วงเวลา ความนิยมต่อส&ือ)
4. ผู้รับสาร
ทกั ษะ(ถอดรหัส) ทศั นคติ ความรู้ สถานภาพ
*แบบจาํ ลองการส&ือสาร*
หน้าทข&ี องแบบจาํ ลอง DEUTSCH กล่าวว่า แบบจาํ ลองมหี น้าทส&ี ําคญั อยู่ 4 ประการ ดงั นีJ
1. จดั ระเบยี บ
2. ให้คุณค่าในการศึกษา
3. ทาํ นายปรากฏการณ์
4. สามารถวดั ได้ (เป็ นรูปธรรม)
*แบบจาํ ลองการส&ือสาร*
ไม่มแี บบจาํ ลองการส&ือสารใด เพยี งแบบจาํ ลองเดยี วทส&ี ามารถแทนปรากฏการณ์จริงได้อย่าง
สมบูรณ์แต่ผู้ศึกษา / นักวจิ ยั ควรเลือกใช้แบบจาํ ลอง ให้เหมาะสมกบั วตั ถุประสงค์ในการใช้แต่
ละครJัง
แบบจาํ ลองกระบวนการการสื&อสาร
(Model of the Communication Process)
แบบจาํ ลอง ( Model)
คือ การแทนปรากฏการณ์การส&ือสาร
แบบจาํ ลองกระบวนการการสื&อสารของมนุษย์ทมี& ผี ู้นิยมกล่าวถงึ มี 6 แบบดงั นีJ
1. แบบจาํ ลองของอริสโตเตลิ
2. แบบจาํ ลองของลาสเวลล์
3. แบบจาํ ลองของแชนนอนและวเี วอร์
4. แบบจาํ ลองของเวสเลย์และแมคลนี
5. แบบจาํ ลองของชแรมน์
6. แบบจาํ ลองของเบอร์โล
*แบบจาํ ลองการสื&อสารของอริสโตเตลิ *
- บดิ าของสาขาด้านวาทวทิ ยา ( Rhetoric)
- เน้นเรื&องการพูดเพื&อโน้มน้าวใจ
ทฤษฎขี องอริสโตเตลิ
“การจูงใจจะสัมฤทธิผลได้เม&ือผู้ฟังถูกเร้าให้เกดิ ความรู้สึกร่วมจากคาํ พูดของผู้พูด”
Speaker Speech Audience
*แบบจาํ ลองการส&ือสารของอริสโตเตลิ *
การโน้มน้าวใจจะมปี ระสิทธิผลมากน้อยเพยี งใดขนึJ อยู่กบั ปัจจยั
3 ประการคือ
1. Ethos คือ บุคลกิ ลกั ษณะของผู้พูดแบ่งเป็ น 3 ข้อ คือ
1.1 Intelligence มคี วามรู้จริงใจ มไี หวพริบ เชาว์ปัญญา
1.2 Good Character มคี ุณธรรมหรือคุณงามความดใี นตวั ผู้พูด
1.3 Good Will มเี จตนาทดี& ี
*แบบจาํ ลองการสื&อสารของอริสโตเตลิ *
2. Logos คือ การชีJแจงเหตุผล หมายถงึ การใช้ความคดิ พจิ ารณา หากคาํ พูดทเ&ี พยี บพร้อมไปด้วย
เหตุผลมาเสนอต่อผู้ฟัง มขี ้อเทจ็ จริงและหลกั ฐานอ้างองิ ซึ&งสอดคล้องกบั ความเชื&อ ทศั นคติ
ค่านิยมหรืออดุ มการณ์ของผู้ฟัง
*แบบจาํ ลองการสื&อสารของอริสโตเตลิ *
3. Pathos หมายถงึ สภาพอารมณ์ร่วมระหว่างผู้พูดกบั ผู้ฟัง ซ&ึงผู้พูดต้องเป็ นฝ่ ายสร้างขนึJ โดย
สอดแทรกเข้าไปในเนืJอหาสาระ ตรงกบั ความต้องการของกล่มุ ผู้ฟัง และ เลือกใช้ภาษาให้
เหมาะสมกบั ระดบั ของผู้ฟัง เพื&อโน้มน้าวใจให้ผู้ฟังสนใจ
ข้อวจิ ารณ์
* การโน้มน้าวใจโดยการเรียบเรียงสาร *
Toulmin’s Model ศาสตราจารย์แห่งม.เคมบริดจ์ ใช้ในการโต้แย้งแสดงเหตุผลในชีวติ ประจาํ วนั ได้
D-----------------Q-----------------C
…….....W ……………R
……......B
D แฮรี&เกดิ ในเบอร์มวิ ดา Q ดงั นJันเป็ นไปได้อย่างมากว่า C แฮร&ีจะเป็ นพลเมืองสัญชาตอิ งั กฤษ
W โดยเหตุทคี& นเกดิ ในเบอร์มวิ ดา R เว้นเสียแต่ว่า พ่อแม่ของเขาจะเป็ น
จะเป็ นคนสัญชาตอิ งั กฤษ คนต่างด้าว
B ตามประมวลกฎหมายที&
กาํ หนดไว้ในมาตรา...
การโน้มน้าวใจโดยการเรียบเรียงสาร
• D Data ขอ้ มูล
• W Warrant ขอ้ สนบั สนุน มกั ข.ึนดว้ ยโดยเหตุท8ี
• B Backing of Warrant ขอ้ ยนื ยนั ขอ้ สนบั สนุน
• Q Qualifier ขอ้ ขยายความ
• C Claim ขอ้ สรุป
• R Rebuttal ขอ้ แยง้
การโน้มน้าวใจโดยการเรียบเรียงสาร
D-----------------Q-----------------C
…….....W ……………R
……......B
D วชิ ัยสูบบุหร&ีจดั มาก Q ดงั นJันเป็ นไปได้อย่างมากว่า C วชิ ัยอาจเป็ นมะเร็งได้
W โดยเหตุทคี& นสูบบุหร&ีจดั R เว้นเสียแต่ว่าวชิ ัยมี
มที างเป็ นมะเร็งได้มากกว่าผู้ไม่ได้สูบ ภูมคิ ุ้มกนั มากกว่าคนธรรมดา
B กรมอนามยั ของอเมริกาได้ทาํ
การวจิ ยั ปรากฏผลดงั นJัน
จุดจูงใจในสาร
• จุดจูงใจโดยใช้ความกลวั (Fear Appeals)
• จุดจูงใจโดยใช้อารมณ์ (Emotional Appeals) เช่นการใช้ภาพ นําJ เสียง ปลกุ ใจให้รักชาติ
• จุดจูงใจโดยใช้ความโกรธ (Anger Appeals)
• จุดจูงใจโดยใช้อารมณ์ขนั (Humerous Appeals)
• จุดจูงใจโดยใช้ของรางวลั (Rewards as Appeals)
• จุดจูงใจโดยใช้แรงจูงใจ (Motivational Appeals) เช่นความต้องการ 5 ขJนั ของมาสโลว์
* แบบจาํ ลองการสื&อสารของฮาร์โลด์ ดี ลาสเวลล์ *
ใคร ( Who)
ผสู้ ่งสาร ( Communication)
กล่าวอะไร ( Says What)
สาร ( message )
ผา่ นช่องทางใด ( in which channel)
สื8อ ( Channel)
ถึงใคร ( to whom)
ผรู้ ับสาร ( Reciever)
เกิดผลอะไร ( with what effect)
ผล (effect)
* แบบจาํ ลองการสื&อสารของฮาร์โลด์ ดี ลาสเวลล์ *
• เป็ นการจาํ ลองกระบวนการส&ือสารพืนJ ฐานของมนุษย์โดยใช้โมเดลจากการเลือกตJงั ประธานาธิบดี
สหรัฐอเมริกา
• ผ่านการตJงั คาํ ถามง่าย ๆ เพยี ง 5 คาํ ถาม
• เช&ือในผลกระทบ (Effect) ของการสื&อสาร ว่าทุกครJังทผ&ี ู้ส่งสารทาํ การส&ือสารจะต้องเกดิ ผลต่อผู้รับ
สารเสมอ
ข้อวจิ ารณ์
*แบบจาํ ลองการสื&อสารของแชนนอนและวเี วอร์*
เป็ นแบบจาํ ลองอธิบายกระบวนการของการสื&อสารอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ( Electronic Communication)
โดยอธิบายกระบวนการส&ือสารไว้ ดงั นีJ
Source Transmitter Receiver Destination
Message Signal Receiver Message
Signal
Noise Source
*แบบจาํ ลองการสื&อสารของแชนนอนและวเี วอร์*
จากแบบจาํ ลองสามารถอธิบายได้ว่า
ผู้พูด (Source) คือ ผู้ส่งสาร
เครื&องส่ง (Transmitter) คือ ผู้ทท&ี าํ หน้าทใ&ี นการถ่ายทอดสารจากผู้ส่งสารไป
ยงั ผู้รับสาร
สัญญาณ (Signal) คือ สาร
*แบบจาํ ลองการสื&อสารของแชนนอนและวเี วอร์*
เครื&องรับ (Receiver) คือ ผู้ทหี& น้าทร&ี ับสารแล้วส่งต่อไปยงั ผู้รับสาร
ผู้ฟัง (Destination) คือ ผู้รับสารทเี& ป็ นเป้าหมายของผู้ส่งสาร
สิ&งรบกวน (Noise Source) คือ ส&ิงรบกวนทส&ี อดแทรกหรือแข่งขนั กบั การสื&อสารนJัน
ทาํ ให้การส&ือสารนJันขาดความชัดเจนและด้อย
ประสิทธิภาพ
*แบบจาํ ลองการส&ือสารของแชนนอนและวเี วอร์*
• สิ&งรบกวนการสื&อสารอาจเป็ นได้ 2 ลกั ษณะ
- ส&ิงรบกวนทางกายภาพ เช่น คลื&นรบกวน สิ&งแวดล้อม
- สิ&งรบกวนทางจติ ใจ เช่น ภาวะความเครียด ว้าวุ่นใจ
ข้อวจิ ารณ์
*แบบจาํ ลองการสื&อสารของเวสเลย์และแมคลนี *
ได้รับอทิ ธิพลแนวความคดิ มาจากแบบจาํ ลอง ABX ของนิวคอมป์ ( Newcomb) และทฤษฎี
สมดุลของไฮเดอร์ และเฟสตงิ เจอร์ ( Heider and Festinger) ซ&ึงใช้ทฤษฎพี ืนJ ฐานทางจติ วทิ ยา
มาอธิบายปรับใช้กบั พฤตกิ รรมการส&ือสารเวสเลย์และแมคลนี นําเสนอแบบจาํ ลองกระบวนการ
ส&ือสารอยู่ 2 แบบ