The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by munin.saes, 2022-11-29 17:58:55

6 ประเทศ 2

6 ประเทศ 2

6 countries Japan

Turkey Singapore Russia France Japan Korea Korea

Turkey

Russia

Singapore
France

คำนำ

นิตยสารดิจิทัลเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา Global Alliance and Emerging Issues จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาหาความรู้เกี่ยว
กับภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ศาสนา ภาษา รูปแบบการเมือง การปกครอง ตลอดจนถึงวิถีชีวิต
ความเป็นอยู่ของแต่ละประเทศ เเละเป็นการรวบรวมข้อมูลทั้งหมด 6 ประเทศ ดังนี้ ได้เเก่ ประเทศตุรกี ประเทศสิงคโปร์ ประเทศ
รัสเซีย ประเทศฝรั่งเศส ประเทศญี่ปุ่นประเทศเกาหลี

ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นิตยสารดิจิทัลเล่มนี้ จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านเเละผู้ศึกษาต่อไป ทั้งนี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด
จึงขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ

เรื่อง หน้า
คำนำ
สารบัญ 1-12
13-24
Turkey ประเทศตุรกี 25-34
Singapore ประเทศสิงคโปร์ 35-46
Russia ประเทศรัสเซีย 47-57
France ประเทศฝรั่งเศส 58-68
Japan ประเทศญี่ปุ่น 69-71
Korae ประเทศเกาหลี
อ้างอิง

1

Turkey

ประเทศตุรกี

ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ประเทศตุรกี(Turkey) 2

ประเทศตุรกี หรือ ประเทศทูร์เคีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐตุรกี หรือ สาธารณรัฐ นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว
ทูร์เคีย เป็นสาธารณรัฐระบบประธานาธิบดีในยูเรเชีย พื้นที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันตก โดยมี
พื้นที่ส่วนน้อยในอีสต์เทรซในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศตุรกีมีพรมแดนติดต่อกับ 8 ประเทศ
ได้แก่ ประเทศซีเรียและประเทศอิรักทางใต้ ประเทศอิหร่าน ประเทศอาร์มีเนีย และดินแดนส่วนแยก
นาคีชีวันของประเทศอาเซอร์ไบจานทางตะวันออก ประเทศจอร์เจียทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ประเทศบัลแกเรียทางตะวันตกเฉียงเหนือ และประเทศกรีซทางตะวันตก ทะเลดำอยู่ทางเหนือ ทะเล
เมดิเตอร์เรเนียนทางใต้ และทะเลอีเจียนทางตะวันตก ช่องแคบบอสฟอรัส ทะเลมาร์มะรา และดาร์
ดะเนลส์ (รวมกันเป็นช่องแคบตุรกี) แบ่งเขตแดนระหว่างเทรซกับอานาโตเลีย และยังแยกทวีป
ยุโรปกับทวีปเอเชีย ที่ตั้งของตุรกีตั้งอยู่ ณ ทางแพร่งของยุโรปและเอเชียทำให้ตุรกีมีความสำคัญ
ทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างยิ่ง โดยเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
มีเมืองหลวงคืออังการา ในขณะที่เมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจคืออิสตันบูล
(เคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิออตโตมันจนถึง ค.ศ. 1923)

ลักษณะภูมิประเทศ ประเทศตุรกี(Turkey) 3

ตุรกีเป็นประเทศสองทวีปที่มีดินแดนอยู่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ตุรกีในฝั่งเอเชียซึ่ง นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว
ครอบคลุมบริเวณส่วนใหญ่ของคาบสมุทรอานาโตเลีย นับเป็นพื้นที่ร้อยละ 97 ของประเทศ และถูก
แยกจากตุรกีฝั่งยุโรปด้วยช่องแคบบอสพอรัส ทะเลมาร์มะรา และช่องแคบดาร์ดะเนลส์ (ซึ่งรวมกัน
เป็นพื้นน้ำที่เชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) ตุรกีในฝั่งยุโรปซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทร
บอลข่านมีพื้นที่คิดเป็นร้อยละ 3 ของทั้งประเทศ ดินแดนของตุรกีมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มี
ความยาวมากกว่า 1,600 กิโลเมตร และกว้างประมาณ 800 กิโลเมตร ตุรกีมีพื้นที่ (รวมทะเลสาบ)
ประมาณ 783,562 ตารางกิโลเมตร

ตุรกีถูกล้อมรอบด้วยทะเลสามด้าน ได้แก่ทะเลอีเจียนทางตะวันตก ทะเลดำทางเหนือ และทะเล
เมดิเตอร์เรเนียนทางใต้ นอกจากนี้ ยังมีทะเลมาร์มะราในเขตตะวันตกเฉียงเหนือ

ตุรกีฝั่งเอเชียที่มักเรียกว่าอานาโตเลียหรือเอเชียไมเนอร์ประกอบด้วยที่ราบสูงในตอนกลางของ
ประเทศ อยู่ระหว่างเทือกเขาทะเลดำตะวันออกและเกอรอลูทางตอนเหนือกับเทือกเขาเทารัสทาง
ตอนใต้ และมีที่ราบแคบๆ บริเวณชายฝั่ง ทางตะวันออกของตุรกีมีลักษณะเป็นภูเขาและเป็นต้นน้ำ
ของแม่น้ำหลายสายเช่น แม่น้ำยูเฟรติส แม่น้ำไทกริส และแม่น้ำอารัส นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบวัน
และยอดเขาอารารัด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของตุรกีที่ 5,165 เมตร

ลักษณะประชากร ประเทศตุรกี(Turkey) 4

ในปี พ.ศ. 2550 ตุรกีมีประชากร 70.5 ล้านคน และมีอัตราการเติบโตร้อยละ 1.04 ต่อปี ความหนา นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว
แน่นของประชากรเฉลี่ย 92 คนต่อตารางกิโลเมตร ความหนาแน่นของประชากรในแต่ละจังหวัดแตก
ต่างกันตั้งแต่ 11 คนต่อตารางกิโลเมตร (ในตุนเจลี) จนถึง 2,420 คนต่อตารางกิโลเมตร (ในอิสตันบูล)
จากข้อมูลของทางการในปี พ.ศ. 2548 อายุคาดหมายเฉลี่ยของประชากรทั้งหมด คือ 71.3 ปี

ประชากรส่วนใหญ่ของตุรกีมีเชื้อสายตุรกี ซึ่งมีอยู่ประมาณ 50 ถึง 55 ล้านคน ชนชาติอื่น ๆ ที่
สำคัญได้แก่ชาวเคิร์ด, เซอร์ซาสเซียน, ซาซา บอสเนีย, จอร์เจีย, อัลเบเนีย, โรมา (ยิปซี), อาหรับ และอีก
3 ชนชาติที่ได้รับการยอมรับจากทางการได้แก่พวกกรีก, อาร์มีเนีย และยิว ในบรรดาชนชาติเหล่านี้
กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือชาวเคิร์ด (ประมาณ 12.5 ล้านคน) ซึ่งมักจะอาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ
ประเทศ

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวตุรกีจำนวนมากอพยพไปยังยุโรปตะวันตก (โดยเฉพาะเยอรมนีตะวัน
ตก) เนื่องจากความต้องการแรงงานในยุโรปเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดชุมชนชาวตุรกีนอกประเทศขึ้น แต่ใน
ระยะหลังตุรกีกลับกลายเป็นจุดหมายของผู้อพยพจากประเทศข้างเคียง ซึ่งมีทั้งผู้อพยพที่ปักหลักอยู่
ในประเทศตุรกี และผู้ที่ใช้ตุรกีเป็นทางผ่านต่อไปยังประเทศกลุ่มยุโรป

ประเทศตุรกี(Turkey) 5

ภาษา

ประเทศตุรกีมีภาษาทางการเพียงภาษาเดียวคือภาษาตุรกี ซึ่งภาษาตุรกี
ยังเป็นภาษาที่พูดในหลายพื้นที่ในยุโรป เช่น ไซปรัส ทางตอนใต้ของคอซอวอ
มาเซโดเนีย และพื้นที่ในคาบสมุทรบอลข่านที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ
ออตโตมัน เช่น แอลเบเนีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา บัลแกเรีย กรีซ
โรมาเนีย และเซอร์เบีย

นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ใช้ภาษาตุรกีมากกว่า 2 ล้านคนอาศัยอยู่ในเยอรมนี
และมีกลุ่มผู้ใช้ภาษาตุรกีในประเทศออสเตรีย เบลเยียม ฝรั่งเศส อิตาลี
เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร

ศาสนา อะฮฺมัด ร่อฟีก นักประวัติศาสตร์ชาวตุรกี กล่าวไว้ในหนังสือสารานุกรมของเขาที่ชื่อ “อัตตารีค อัลอุมูมีย์
อัลกะบีร” ว่า : “อุษมาน อิบนุ อุรตุฆฺรุ้ล มีความเคร่งครัดต่อศาสนาเป็นอันมาก เขาเชื่อว่าการเผยแผ่
ร้อยละ 99 นับถือศาสนาอิสลาม (31,129,845 คน) ที่เหลือเป็นคริสต์ ศาสนาอิสลามและทำให้อิสลามแพร่ไปทั่วทุกดินแดนคือ ภารกิจอันศักดิ์สิทธิสำหรับเขา”
นิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ (143,251) คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก (25,833 คน)
คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ (22,983 คน) และยิว (38,267 คน)




นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว

ประเทศตุรกี(Turkey) 6

วัฒนธรรม การเเต่งกายแบบผู้ชาย การเเต่งกายแบบผู้หญิง

รากฐานทางสังคมของตุรกีมีลักษณะเป็นครอบครัวแบบขยายที่มีความสัมพันธ์กันทั้งสาย นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว
เลือดและแต่งงาน โดยยึดถือการสืบทอดทางฝ่ายชาย สมาชิกทุกคนยึดถือปฏิบัติตามหลัก
ศาสนา ผู้ชายทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว ในปัจจุบันมีความพยายามส่งเสริมเรื่องความเท่าเทียม
กันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย โดยผู้หญิงสามารถออกไปทำงานนอกบ้านได้ ทั้งในส่วนของ
รัฐบาลและภาคเอกชน แต่ผู้ชายก็ยังมีความคิดว่าผู้หญิงด้อยกว่าทั้งทางด้านร่างกายและ
อารมณ์
ตุรกีมีวัฒนธรรมที่หลากหลายมากที่ผสมผสานองค์ประกอบต่าง ๆ ของเติร์ก อนาโตเลีย ออต
โตมัน (ซึ่งเป็นความต่อเนื่องของทั้งวัฒนธรรมกรีก-โรมันและอิสลาม) วัฒนธรรมตุรกีเป็น
ผลผลิตจากความพยายามในการเป็นรัฐตะวันตกที่ "ทันสมัย" โดยที่ยังคงรักษาคุณค่าทาง
ศาสนาและประวัติศาสตร์แบบดั้งเดิมไว้

การแต่งกายของชาวตุรกี

ผู้ชายชาวตุรกีจะสวมกางเกงขาพอง สวมเสื้อเชิ้ตไม่มีปก และสวมทับด้วยเสื้อกั๊ก
หรือแจ็คเก็ตสั้นผ่าแขน เรียกว่า เซปเกน

ผู้หญิงชาวตุรกีสวมเสื้อเชิ้ตเรียกว่า มินตัน กางเกงขาพอง กระโปรงที่มีสามชิ้น
และสวมที่คลุมศีรษะ

เศรษฐกิจ ประเทศตุรกี(Turkey) 7

นับตั้งแต่การเป็นสาธารณรัฐ ตุรกีได้มีแนวทางเข้าหาการนิยมอำนาจรัฐ โดยมีการควบคุมจาก นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว
รัฐบาลในด้านการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน การค้าต่างประเทศ และการลงทุนโดยตรงจากต่าง
ประเทศ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังปี 2526 ตุรกีเริ่มมีการปฏิรูป นำโดยนายกรัฐมนตรีตุรกุต เออซัล
ตั้งใจปรับจากเศรษฐกิจแบบอำนาจรัฐเป็นแบบของตลาดและภาคเอกชนมากขึ้น การปฏิรูปนี้ส่งผลให้มี
การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็สะดุดจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤติทางการเงินในปี 2537
2542 และ 2544 เป็นผลให้มีการเจริญเติบโตของจีดีพีเฉลี่ยต่อปีตั้งแต่ปี 2524 ถึง 2546 อยู่ที่ 4
เปอร์เซนต์ การขาดหายของการปฏิรูปเพิ่มเติม การขาดดุลงบประมาณของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
และคอร์รัปชัน ทำให้เกิดเงินเฟ้อสูง ภาคการธนาคารที่อ่อนแอ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
มหภาคที่เพิ่มขึ้น

เศรษฐกิจของตุรกีขับเคลื่อนโดยภาคอุตสาหกรรมและการบริการเป็นหลัก แต่ภาคการเกษตรยังมี
สัดส่วนสูงถึง 25% ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้การค้าโลกหยุด
ชะงัก เกิดสภาวะเงินทุนไหลออก กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงในไตรมาส 2 กระทบต่อภาคการส่งออก
การท่องเที่ยว การเข้าถึงบริการทางการเงิน เสถียรภาพของค่าเงิน อัตราการจ้างงาน และอัตรา
เงินเฟ้อของตุรกี โดยธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของตุรกีจะหดตัว 3.8% ในปี 2563

เศรษฐกิจ(ต่อ) ประเทศตุรกี(Turkey) 8

สถานการณ์สำคัญ นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว

นับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจปี 2544 และการปฏิรูปที่เริ่มโดยรัฐมนตรีคลังในขณะนั้น เกมัล เดร์วึช

อัตราเงินเฟ้อได้ลดลงเหลือเป็นเลขหลักเดียว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการลงทุนจากต่าง

ประเทศเพิ่มมากขึ้น และการว่างงานลดลง ไอเอ็มเอฟพยากรณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2551 ของตุรกีไว้ที่

6 เปอร์เซนต์ ตุรกีได้พยายามเปิดกว้างระบบตลาดมากขึ้นผ่านการปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยลดการควบคุม

จากรัฐบาลด้านการค้าต่างประเทศและการลงทุน และการแปรรูปอุตสาหกรรมของรัฐ การเปิดเสรีใน

หลายด้านไปสู่ภาคเอกชนและต่างประเทศได้ดำเนินต่อไปท่ามกลางการโต้เถียงทางการเมือง

การท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวในตุรกีเพิ่มขึ้นเกือบทุกปีในศตวรรษที่ 21 และเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ ปัจจุบัน
กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของตุรกีสนับสนุนการท่องเที่ยวตุรกีภายใต้โครงการ Turkey
Home ตุรกีเป็นหนึ่งในสิบประเทศปลายทางชั้นนำของโลก โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาจาก
ยุโรปเป็นเปอร์เซ็นต์สูงสุด โดยเฉพาะเยอรมนีและรัสเซียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในปี 2019 ตุรกีอยู่ใน
อันดับที่หกของโลกในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือน โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 51.2
ล้านคน ตุรกีมีมรดกโลกขององค์การยูเนสโก 19 แห่ง

การเมืองการปกครอง ประเทศตุรกี(Turkey) 9

ตุรกีปกครองในรูปแบบสาธารณรัฐประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี นับตั้งแต่การก่อตั้ง ประธานาธิบดีประเทศศตุรกี
สาธารณรัฐ ในปี พ.ศ. 2466 การเป็นรัฐโลกวิสัยเป็นส่วนสำคัญของการเมืองตุรกี ประมุขแห่งรัฐของ เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน
ตุรกีคือประธานาธิบดี ได้รับการเลือกตั้งโดยตรง ดำรงตำแหน่งเป็นเวลาห้าปี ไม่เกินสองสมัยติดต่อ (Recep Tayyip Erdogan)
กัน
นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว
ประธานาธิบดีตุรกี




ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐตุรกี ถือเป็นประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล ทำหน้าที่สร้างความ
ความเป็นเอกภาพของชาติ มีการดำเนินงานภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐตุรกี (Constitution
of Turkey) และมีการจัดความเป็นระเบียบภายในรัฐ นับตั้งแต่มาตรา 101 ถึง 106 ของรัฐธรรมนูญได้
ระบุถึงหน้าที่ที่รับผิดชอบของประธานาธิบดี

ซึ่งประเทศตุรกีมีประธานาธิบดีมาแล้ว 12 คน (พ.ศ. 2560) โดยแต่ละคนมีวาระการดำรงตำแหน่ง
คนละ 5 ปี และประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน (Recep Tayyip Erdogan) โดย
ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557 จนถึงปัจจุบัน

สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศตุรกี(Turkey) 10

วิหารเซนต์โซเฟีย (Mosque of Hagia Sophia) นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว

เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นตั้งอยู่ใจกลางกรุงอิสตันบูล โดยโซเฟียนับเป็นสิ่งก่อสร้างจากฝีมือ
มนุษย์ที่มีความสวยงามอลังการเป็นอย่างมาก และทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้ความ
สนใจและอยากมาเยือนด้วยตนเองสักครั้ง โดยภายในเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา
คริสต์ ต่อมาได้ใช้เป็นสุเหร่าในการละหมาดในภายหลัง ปัจจุบันได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่นักท่อง
เที่ยวสามารถเดินทางมาเยี่ยมชมได้ จึงทำให้การออกแบบด้านในมีลักษณะเหมือนยุคแซนไทน์ ที่มี
การใช้ศิลปะกรีกโรมัน และเปอร์เซียผสมผสานกัน

เมืองเอเฟซุส (Ephesus)

เมืองเอเฟซุล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวตุรกีแนวประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นในเรื่องของสถาปัตยกรรม
โบราณยุคโรมันที่มีความงดงาม โดยปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาสัมผัสและ
เรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญในอดีตที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 2,500 ปี จนได้รับ
ฉายานามว่าเป็นมหานครโบราณของโรมันที่มีความสำคัญต่อชาวตุรกีเป็นอย่างมาก

สถานที่ท่องเที่ยว(ต่อ) ประเทศตุรกี(Turkey) 11

คัปปาโดเชีย (Cappadocia) นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว

แคปพาโดเชีย” เป็นชื่อที่ปรากฏตลอดมาในประวัติศาสตร์ของคริสต์ศาสนาและเป็นชื่อที่ใช้โดย
ทั่วไปที่หมายถึงบริเวณที่เป็นที่น่าสนใจแก่นักท่องเที่ยว ในบริบทของภูมิภาคอันมีความน่าตื่นตา
ตื่นใจทางธรรมชาติ โดยเฉพาะภูมิสัณฐานที่มีลักษณะเป็นแท่ง ๆ คล้ายหอปล่องไฟ หรือ เห็ด
(ปล่องไฟธรรมชาติ (fairy chimney)) และประวัติความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อันเป็น
เอกลักษณ์ของภูมิภาคอานาโตเลีย

ปามุคคาเล่ (Pamukkale)

ปามุกคาเล เป็นภาษาตุรกี หมายถึง ปราสาทปุยฝ้าย ตั้งชื่อตามลักษณะภูมิศาสตร์ ซึ่งเกิดจาก
ปรากฏการณ์ที่ตะกอนของหินปูนทำปฏิกิริยากับอากาศ จับตัวแข็งกลายเป็นแอ่ง และมีธาร
น้ำแร่ใต้ดินไหลเอ่อล้นผุดขึ้นมาบนพื้นผิว รวมเป็นแอ่งน้ำหินปูนที่ลดหลั่นกัน

บุคคลที่สร้างประวัติศาสตร์หรือมีความโดดเด่น ประเทศตุรกี(Turkey) 12

มุสทาฟา เคมัล อาทาทืร์ค พ.ศ. 2424 - 10 พ.ย. 2481 มุสทาฟา เคมัล อาทาทืร์ค

เคมัล อาทาทืร์ค เป็นจอมพล นักปฏิวัติ รัฐบุรุษ นักเขียนชาวตุรกี และเป็นบิดาผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกี ทำหน้าที่ Mustafa Kemal Atatürk
เป็นประธานาธิบดีคนแรก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1923 จนกระทั่งเขาถึงแก่อสัญกรรมในปี ค.ศ. 1938 การปกครองแบบ
เผด็จการอย่างมีเมตตากรุณาของเขาได้ยอมรับการปฏิรูปที่ก้าวหน้าอย่างกว้างขวาง ซึ่งทำให้ตุรกีกลายเป็น นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว
ประเทศที่เป็นรัฐฆราวาส และอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ด้วยอุดมการณ์ในฆราวาสนิยมและชาตินิยม นโยบายของเขา
ได้กลายเป็นที่รู้จักกันคือ ลัทธิเคมัล เนื่องจากความสำเร็จทางทหารและการเมืองของเขาทำให้อาทาทืร์คได้รับการ
ยกย่องตามผลศึกษาว่า เป็นหนึ่งในผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20

อาทาทืร์คได้มีชื่อเสียงในบทบาทของเขาในการรักษาชัยชนะของตุรกีออตโตมันในยุทธการที่กัลลิโพลี ช่วง
สงครามโลกครั้งที่ 1 ภายหลังจากความปราชัยและการล่มสลายของจักรวรรดิออตโตมัน เขาได้นำขบวนการ
ชาตินิยมตุรกี ซึ่งได้ต่อต้านการแบ่งแยกแผ่นดินใหญ่ของตุรกีท่ามกลางอำนาจฝ่ายสัมพันธมิตรผู้มีชัย ได้มีการจัด
ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลในเมืองหลวงตุรกีในปัจจุบันคือ อังการา เขาได้มีชัยเหนือกองกำลังที่ถูกส่งมาโดยฝ่าย
สัมพันธมิตร ดังนั้นชัยชนะที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ต่อมาถูกเรียกว่า สงครามประกาศอิสรภาพตุรกี เขาได้ดำเนินทำการ
ยุบจักรวรรดิออตโตมันที่เสื่อมโทรมและประกาศวางรากฐานของสาธารณรัฐตุรกีขึ้นมาแทน

13

Singapore

ประเทศสิงคโปร์

ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ประเทศสิงคโปร์(Singapore) 14

ช่วงต้น นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว

สิงคโปร์เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ปลายสุดแหลมมาลายู เป็นสถานพักสินค้าของพ่อค้าทั่วโลก เดิมชื่อว่า เทมา
เส็ก (ทูมาสิค) มีกษัตริย์ปกครอง ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้มีเจ้าผู้ครองนครปาเล็มบังเดินทาง
แสวงหาดินแดนใหม่เพื่อสร้างเมือง แต่เรือก็อับปางลง พระองค์ได้ว่ายน้ำขึ้นฝั่ง แล้วก็เห็นสัตว์ชนิดหนึ่งมี
รูปร่างลำตัวสีแดงหัวดำหัวคล้ายสิงโตหน้าอกขาว พระองค์จึงถามคนติดตามว่า สัตว์ตัวนั้นคืออะไรคน
ติดตามก็ตอบว่ามันคือ สิงโต พระองค์จึงเปลี่ยนชื่อเทมาเส็กเสียใหม่ว่า สิงหปุระ ต่อมาสิงหปุระก็ได้ตกเป็น
ของสุลต่านแห่งมะละกา

ยุคการล่าอาณานิคม

ประเทศแรกที่มายึดสิงคโปร์ไว้ได้คือโปรตุเกส เมื่อปี ค.ศ. 1511 แล้วก็ถูกชาวดัตช์มาแย่งไป แต่ประมาณ
ปี ค.ศ. 1817 อังกฤษได้แข่งขันกับดัตช์ในเรื่องอาณานิคม อังกฤษได้ส่งเซอร์ โทมัส แสตมฟอร์ด บิงก์เลย์
แรฟเฟิลส์ มาสำรวจดินแดนแถบสิงคโปร์ ตอนนั้นสิงคโปร์ยังมีสุลต่านปกครองอยู่ แรฟเฟิลส์ได้ตกลงกับ
สุลต่านว่า จะตั้งสถานีการค้าของอังกฤษที่นี่ แต่สุดท้ายอังกฤษก็ยึดสิงคโปร์ไว้เป็นเมืองขึ้นได้สำเร็จ
ค.ศ. 1819 เซอร์ แสตมฟอร์ด ราฟเฟิล สำรวจเกาะสิงคโปร์ และก่อตั้งประเทศ

ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ (ต่อ) ประเทศสิงคโปร์(Singapore) 15

สงครามโลกครั้งที่ 2 นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว

ประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศสงครามกับอังกฤษ และก็สามารถยึดครองสิงคโปร์ไว้ได้ แต่
เมื่อสงครามสิ้นสุดลง อังกฤษก็ได้ครอบครองสิงคโปร์เหมือนเดิม

การรวมชาติเข้ากันมาเลเซีย

เมื่อสิงคโปร์เห็นมาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษ สิงคโปร์จึงรีบขอรวมชาติเข้ากับ
มลายูกลายเป็นสหภาพมลายาทันที เพื่อจะได้ไม่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอีก แต่สิงคโปร์ก็
ไม่พอใจกับมาเลเซียมากนักเพราะมีการเหยียดชนชาติกัน ทำให้พรรคกิจประชาชนของ
สิงคโปร์ประกาศให้สิงคโปร์เป็นเอกราชตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1965 ตั้งแต่บัดนั้นมา
ในชื่อ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เมื่อแยกตัวออกมาแล้วพรรคกิจประชาชนก็ครองประเทศมา
ตลอดจนถึงทุกวันนี้

ลักษณะภูมิประเทศ ประเทศสิงคโปร์(Singapore) 16

สิงคโปร์เป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็กที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่นอกปลายทิศใต้ นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว
ของคาบสมุทรมลายูและอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร 1 องศา หรือประมาณ 137 กิโลเมตร ดินแดนของ
ประเทศประกอบด้วยเกาะหลักรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ซึ่งมักเรียกว่าเกาะสิงคโปร์ในภาษาอังกฤษ
และเกาะอูจง (Pulau Ujong) ในภาษามลายู และเกาะที่เล็กกว่ามากอีกกว่า 60 เกาะ ประเทศ
สิงคโปร์แยกจากคาบสมุทรมลายูโดยช่องแคบยะโฮร์ทางทิศเหนือ และจากหมู่เกาะเรียวของ
ประเทศอินโดนีเซียโดยช่องแคบสิงคโปร์ทางทิศใต้ ประเทศมีลักษณะแบบเมืองอย่างสูง และคง
เหลือพืชพรรณดั้งเดิมเล็กน้อย ดินแดนของประเทศขยายอย่างต่อเนื่องโดยการแปรสภาพที่ดิน
ภาคกลางและภาคตะวันตกเป็นเนินเขา ซึ่งเนินเขาทางภาคกลางเป็นเนินเขาที่สูงที่สุดของประเทศ
เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญของสิงคโปร์ และภาคตะวันออกเป็นที่ราบต่ำ ชายฝั่งทะเลมักจะ
ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ต้องมีการถมทะเล

ภูมิอากาศ

ประเทศสิงคโปร์มีภูมิอากาศ แบบร้อนชื้นเส้นศูนย์สูตร ซึ่งสภาพอากาศของประเทศสิงคโปร์ ก็จะ
คล้ายคลึงกับสภาพอากาศทางภาคใต้ของประเทศไทย กล่าวคือ อากาศจะร้อนและเปียกชื้นทั้งปี และ
จะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นระหว่างอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 31 องศาเซลเซียส และต่ำสุด
23 องศาเซลเซียส

ลักษณะประชากร ประเทศสิงคโปร์(Singapore) 17

สิงคโปร์มีประชากรราว 5.567 ล้านคน (ปี 2015) โดย 62% ของจำนวนทั้งหมดคือพลเมืองสัญชาติ นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว
สิงคโปร์ในขณะที่อีก 38% ที่เหลือคือผู้อยู่อาศัยถาวร (Permanent Residents) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแรงงาน
หรือนักศึกษาต่างชาติ ประชากรสิงคโปร์ 23% เกิดนอกประเทศ ลักษณะของประชากรในด้านชาติพันธุ์มีความ
หลากหลาย โดยหลักประกอบด้วย ชาติพันธุ์จีน 74.2% ชาติพันธุ์มาเลย์ 13.4% ชาติพันธุ์อินเดีย 9.2% และ
กลุ่มอื่นๆ รวมทั้งลูกครึ่งเอเชียยุโรปอีก 3.3% ซึ่งก่อนหน้าปี ค.ศ. 2010 รัฐบาลสิงคโปร์อนุญาตให้ประชาชน
ลงทะเบียนเชื้อชาติตามเชื้อชาติของบิดาเท่านั้น เพราะฉะนั้นในการทำสำมะโนประชากรจึงเป็นการจัดกลุ่มตาม
เชื้อชาติของบิดาเป็นหลัก แต่หลังจากปี 2010 เป็นต้นมา รัฐบาลอนุญาตให้ประชาชนลงทะเบียนโดยระบุเชื้อ
ชาติได้ถึงสองเชื้อชาติคือมีเชื้อชาติหลัก และเชื้อชาติรอง

อายุเฉลี่ยของประชากรสิงคโปร์คือ 37 ปี ส่วนขนาดครอบครัวเฉลี่ยคือ 3.5 คน ครอบครัวส่วนใหญ่จ้างคน
ทำงานบ้านมาอยู่ด้วย โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย อัตราการเกิด ณ ปี
2012 อยู่ที่ 0.78 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในโลก ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงต้องเปิดรับคนอพยพมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน
(ปี2009) ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเป็นชาวต่างชาติซึ่งมีบทบาทอย่างมากต่อเศรษฐกิจของ
ประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้เพราะเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของคนเหล่านี้ทำงานในภาคการก่อสร้าง และอีกกว่า 50
เปอร์เซ็นต์ทำงานในภาคอุตสาหกรรมการให้บริการ

ภาษา ประเทศสิงคโปร์(Singapore) 18

สิงคโปร์มีภาษาราชการถึง 4 ภาษาด้วยกัน คือ ภาษาอังกฤษ ภาษามลายู ภาษาจีนกลาง นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว

และภาษาทมิฬ โดยมีภาษามาเลย์เป็นภาษาประจำชาติ และ ภาษาอังกฤษที่ใช้ในวงการธุรกิจ 1.

และการศึกษา ส่วนภาษาจีนกลาง เป็นภาษาที่มีการใช้ในการสื่อสารทางสังคมมากที่สุด

เนื่องจากประชากรประกอบด้วยคนเชื้อชาติจีนมากกว่าครึ่ง สิงคโปร์มีการส่งเสริมให้

ประชาชนพูด 2 ภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาจีนกลาง ซึ่งประชากรในสิงคโปร์

เกือบทั้งหมดสามารถสื่อสารได้ 2 ภาษา

ศาสนา

ประเทศสิงคโปร์มีผู้นับถือศาสนา แบ่งได้ดังนี้ 2.
ศาสนาพุทธ 33%
ศาสนาคริสต์ 18.3% 1. วัดพระเขี้ยวแก้ว
ศาสนาอิสลาม 14.7% 2. วัดศรีมาริอัมมัน
ลัทธิเต๋า 10.9%
ศาสนาฮินดู 5.1%

ศาสนาอื่น ๆ 0.7%
และไม่มีศาสนา 17%

วัฒนธรรม ประเทศสิงคโปร์(Singapore) 19

ประชากรสิงคโปร์มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ อีกทั้งส่วนใหญ่ยังยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิม นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว
ทำให้สิงคโปร์มีวัฒนธรรมหลากหลายทั้งทางด้านอาหาร การแต่งกาย ตลอดจนการเซ่นไหว้วิญญาณ
บรรพบุรุษ และความเชื่อในองค์เทพเจ้าที่แตกต่างกันไป ชาวจีนส่วนมากบูชาเจ้าแม่กวนอิม ธิดาแห่ง
ความสุข กวนอูเทพ เทพเจ้าแห่งความยุติธรรม รวมถึงเทพเจ้าจีนองค์อื่น ๆ ขณะที่ชาวฮินดูบูชาเทพเจ้า
แห่งดวงอาทิตย์ เป็นต้น

ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกกล้วยไม้แวนด้าโจควิม (Vanda Miss Joaquim) โดยตั้งชื่อตามผู้ผสมพันธุ์
คือ Miss Agnes Joaquim จัดเป็นดอกกล้วยไม้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในประเทศสิงคโปร์ มีสีม่วงสด
สวยงามและเบ่งบานอยู่ตลอดทั้งปี และกลายเป็นดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ.
2524)

วัฒนธรรมการกิน

สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีลักษณะเบ้าหลอมของอาหารการกิน (Melting Pot of Cuisines) จากทั่วโลก
มีอาหารจากหลายประเทศให้เลือกสรรไม่ว่าจะเป็นอาหารจีน อาหารมาเลย์ อาหารญี่ปุ่น อาหาร
อิตาเลียน อาหารฝรั่งเศส หรืออาหารไทย อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ก็มีอาหารจานพิเศษที่ขึ้นชื่อซึ่งอาจได้
รับอิทธิจากหลายวัฒนธรรม เช่น ปูทะเลผัดซอสพริก (Chilli Crabs) ลักซากาตอง (Laksa Katong)
และสะเต๊ะ

ประเทศสิงคโปร์(Singapore) 20

เศรษฐกิจ


กิจกรรมที่สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจในสิงคโปร์

1.การเพาะปลูก ปลูกยางพารา มะพร้าว ผัก ผลไม้ แต่พื้นที่มีจำกัด
2.อาศัยวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน มีอุตสาหกรรมเบา เช่น ผลิตยางพารา ขนมปัง
เครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมหนัก เช่น อู่ต่อเรือ ทำเหล็กกล้า ยางรถยนต์ มีกิจการกลั่น
น้ำมันซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้สร้างแท่นขุดเจาะ
น้ำมันรายใหญ่ด้วย
3.การค้าขาย เป็นท่าเรือปลอดภาษี ประเทศต่าง ๆ ส่งสินค้าต่าง ๆ มายังสิงคโปร์เพื่อส่ง
ออก และสิงคโปร์ยังรับสินค้าจากยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลียญี่ปุ่น เพื่อส่งไปขาย
ต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน มีท่าเรือน้ำลึก เหมาะในการจอดเรือส่งสินค้า


สิงคโปร์เป็นประเทศที่เล็กที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติมากเหมือนประเทศอื่น แต่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี เพราะสิงคโปร์พัฒนา

เศรษฐกิจด้านการค้า โดยเป็นประเทศพ่อค้าคนกลางในการขายสินค้าเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าปลอดภาษี ทำให้สินค้าที่ผ่านทางสิงคโปร์มีราคาถูก ปัจจุบัน
สิงคโปร์มีท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ และทันสมัยที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และยังได้เข้าไปลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา
และพม่า สิงคโปร์มีประชากรน้อยจึงต้องพึงพาแรงงานจากต่างชาติในทุกระดับ สิงค์โปร์เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และมีฐานะทางเศรษฐกิจและการเงินที่มั่งคั่งที่สุดประเทศนึงในโลก

นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว

ประเทศสิงคโปร์(Singapore) 21

การเมือง การปกครอง ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน นายกรัฐมนตรี
นางฮาลิมาห์ ยาคอบ นายลี เซียน ลุง
ปัจจุบันปี ค.ศ. 2006 ประเทศสิงคโปร์ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกผู้นำคนใหม่และทีม เพื่อ
ร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป แต่อย่างไรก็ดี พรรคกิจประชาก็ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นเหมือนอย่าง
เดิม โดยพรรค PAP ได้รับที่นั่งในฝ่ายรัฐบาล 82 ที่นั่งจาก 84 ที่นั่ง ซึ่งเท่ากับสมัยนายโก๊ะ จ๊กตงได้
รับในปี พ.ศ. 2544 แต่ได้คะแนนเสียงลดลงจากสมัยแรกที่ได้ 75.3 เป็น66.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรัฐบาลนี้
ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของนาย ลี เซียน ลุง สมัยที่สองซึ่งรัฐบาลจะมีนโยบายผลักดันในเรื่อง
ปัญหาคนยากไร้ ผู้สูงอายุและคนว่างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่นาย ลี เซียน ลุงจะได้รับการ
เลือกตั้งในครั้งนี้นั้น เขาได้เน้นโยบายแบ่งปันรายได้ผนวกกับความอ่อนแอและแตกแยกของพรรค
ฝ่ายค้าน ทำให้พรรค PAP ได้ครองอำนาจสืบทอดมาเป็นเวลา 4 ทศวรรษ

บริหาร

ระบอบการปกครองของสิงคโปร์ คือ ระบอบประชาธิปไตย มีประธานาธิบดีเป็นประมุข
ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นางฮาลิมาห์ ยาคอบ เข้ารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน พ.ศ.
2560 ส่วนนายกรัฐมนตรีคือ นายลี เซียน ลุง ซึ่งรับตำแหน่งต่อจากนายโก๊ะ จ๊กตง และนายลี กวน
ยูซึ่งมีฐานะเป็นบิดาของนาย ลี เซียน ลุง สิงคโปร์แยกตัวออกจากมาเลเซียเมื่อปี พ.ศ.2508 มีการ
ปกครองในระบอบสาธารณรัฐโดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขทางพิธีการ และมีนายกรัฐมนตรีเป็น
ประมุขทางด้านบริหาร สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางการเมืองมากที่สุดของโลก

นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว

สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศสิงคโปร์(Singapore) 22

Merlion Park นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว
ถูกออกแ
บบขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคณะกรรมการการท่องเที่ยวของสิงคโปร์

(Singapore Tourism Board - STB) ในปี 1964
– รูปปั้นนี้มีหัวเป็นสิงโต ร่างเป็นปลา ยืนอยู่บนยอดคลื่น ต่อมาไม่นานทั่วโลกก็ถือกันว่า
สิงโตทะเลตัวนี้คือเครื่องหมายประจำชาติสิงคโปร์

Jewel Changi Airport


เป็นอาคารพาณิชยกรรมแบบประสมและห้างสรรพสินค้าบริเวณส่วนติดกับท่าอากาศยานชางงี

สิงคโปร์ ในรูปแบบอาคารสีเขียวแบบป่าเขตร้อนชื้นในโครงสร้างยกลอยขนาดใหญ่ ส่วนลานกลาง
อาคารเป็นส่วนของหุบเขาป่าชิเซโด้ (Shiseido Forest Valley) ประกอบด้วยแกนกลางที่เป็นช่อง
น้ำตก รายล้อมด้วยระเบียงต้นไม้ที่ไล่ระดับ 4 ชั้น ซึ่งถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอีก
แห่งของสนามบินชางงี

สถานที่ท่องเที่ยว(ต่อ) ประเทศสิงคโปร์(Singapore) 23

Gardens by the Bay นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว


ภายในมี 5 ชั้น เป็นการจำลองบรรยากาศป่าดิบชื้นและพืชเมืองร้อนโดยมีน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ที่

มีความสูงกว่า 25 เมตรเป็นจุดเด่น และยังมีวีดีโอจำลองสภาพของโลกในอนาคตหากไม่รักษาสิ่ง

แวดล้อมด้วย สำหรับการชมบรรยากาศนั้นสามารถขึ้นไปยังชั้นบนสุดแล้วจึงค่อยๆ เดินวนลงมา

จนถึงชั้นล่าง ระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้ชมพืชพรรณนานาชนิดอย่างใกล้ชิด

Flower Dome โดมเรือนกระจกที่จัดแสดงไม้ดอกสวยงามจากทั่วทุกมุมโลก ภายในโดมแบ่ง

เป็น 9 โซน ได้แก่ สวนออสเตรเลีย สวนแอฟริกาใต้ สวนอเมริกาใต้ สวนแคลิฟอร์เนีย สวน

เมดิเตอร์เรเนียน สวนมะกอก จุดที่เป็นไฮไลท์คือสวนดอกไม้ตรงกลางโดมที่มีทั้งสวนฝรั่งเศส สวน

ทิวลิป สวนเปอร์เซียน และสวนญี่ปุ่นที่จะมีการหมุนเวียนไม้ดอกไปตามฤดูกาลและตามธีมพิเศษของ

แต่ละเทศกาลด้วย

Marina Bay Sands



มารีนาเบย์แซนส์มีขนาดพื้นที่ 581,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยโรงแรม, ศูนย์ประชุมและ

นิทรรศการ, พิพิธภัณฑ์, โรงละคร, สถานบันเทิง, ภัตตาคารและ ห้างสรรพสินค้า คาสิโนแบบเปิด
โล่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก รีสอร์ทแห่งนี้มีสกายพาร์ค (สวนสันทนาการลอยฟ้า) และสระว่ายน้ำ ซึ่ง
ตั้งอยู่บนดาดฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก

บุคคลที่สร้างประวัติศาสตร์หรือมีความโดดเด่น ประเทศสิงคโปร์(Singapore) 24

โทมัส สแตมฟอร์ด แรฟเพิลล์ (Thomas Stamford Bingley Raffles) โทมัส สแตมฟอร์ด แรฟเพิลล์

ผู้บริหารอาณานิคม ผู้ก่อตั้งเมืองสิงคโปร์ เกิดบนเรือที่ลอยทะเลนอกฝั่งพอร์ตมอแรนต์ จาเมกา แรฟเฟิลส์ ได้ Thomas Stamford Bingley Raffles
รับการศึกษาอย่างเป็นทางการน้อยมากแต่ก็ได้เข้าทำงานเป็นสมียนของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ หลัง
จากการศึกษาด้วยตนเอง แรฟเฟิลส์ ก็ได้รับตำแหน่งก้าวหน้าเป็นผู้ช่วยเลขานุการเมืองปีนังได้เลื่อนตำแหน่ง นางสาวมุนินท์ แซ่เซียว
อย่างรวดเร็วจนถึงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการเขตอาณานิคมชวา (พ.ศ. 2354- พ.ศ. 2359) และ ได้ปฏิรูประบบ
การบริหารใหม่โดยสิ้นเชิง

เมื่อปี พ.ศ. 2359 แรฟเฟิลส์ต้องกลับบ้านที่อังกฤษเนื่องจากการป่วยไข้ และได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินชั้น
เซอร์

เมื่อแรฟเฟิลส์หายป่วยและกลับมาดำรงตำแหน่งรองผู่ว่าราชการเขตอาณานิคม "เบิงกูลู"
(พ.ศ. 2361 - พ.ศ. 2366) ก็ได้จัดตั้งนิคมขึ้นที่เกาะสิงคโปร์อีก แรฟเฟิลส์จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีบทบาท
มากที่สุดผู้หนึ่งในการพัฒนาจักรวรรดิอังกฤษในตะวันออกไกล และเป็นคนแรกที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของ
สิงคโปร์เมื่อ พ.ศ. 2366 นอกจากนี้เขายังนำบริษัท บริติชอินเดีย เข้ามาตั้งด่านสินค้า ทำให้สิงคโปร์กลายเป็น
ศูนย์กลางทางการค้า

25

Russia
รัสเซีย

รัสเซีย (Russia) 26

ภูมิหลังประวัติศาสตร์

ปัจจัยต่าง ๆ ทั้งทางสังคม วัฒนธรรม ชาติพันธุ์ และ ภาษาล้วนมีผลให้เกิดการก่อการกำเริบในภาคใต้และภาคตะวัน
ออกของยูเครน
ซึ่งต่อมาปะทุเป็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ในฐานะผลสืบเนื่องจากการปฏิวัติแห่งศักดิ์ศรี (Revolution of Dignity) ที่เกิดขึ้น
ก่อนหน้า นับตั้งแต่ยูเครนได้รับเอกราชจากสหภาพโซเวียตในปี 1991 ความแตกแยกทั้งทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ประกอบกับโครงสร้างของรัฐที่อ่อนแอ ล้วนเป็นผลให้การสร้างอัตลักษณ์ร่วมของชาติยูเครนไม่เกิดขึ้นในภาคตะวันออก
และภาคใต้ของยูเครนใช้ภาษารัสเซียเป็นภาษาหลักแม้กระทั่งในหมู่ชาวยูเครนเองอันเป็นผลมาจากทั้งการทำให้กลายเป็น
รัสเซียและการตั้งรกรากของกลุ่มชาติพันธุ์รัสเซียนับตั้งแต่ในสมัยจักรวรรดิรัสเซีย ประชากรในพื้นที่เป็นชาวไครเมียซึ่ง
เป็นกลุ่มชาติพันธุ์รัสเซียที่ตั้งรกรากในพื้นที่นับตั้งแต่การขับไล่ชาวตาตาร์ไครเมียโดยโจเซฟ สตาลิน ผู้นำโซเวียต หลังสิ้น
สุดสงครามโลกครั้งที่สอง ลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้แตกต่างสุดขั้วกับภาคตะวันตกและภาคกลางซึ่งในประวัติศาสตร์เคยอยู่
ภายใต้ปกครองของจักรวรรดิต่าง ๆ ทั้งเครือจักรภพโปแลนด์–ลิทัวเนียและจักรวรรดิออสเตรีย ในพื้นที่นี้ อัตลักษณ์ทาง
ชาติพันธุ์ ภาษา และความเป็นชาติอย่างยูเครนล้วนคงอยู่อย่างเหนียวแน่น

ความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่มที่แตกต่างกันทั้งในทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมได้ปะทุเป็นความขัดแย้งในทางการ
เมืองและสังคมภายหลังเหตุการณ์ยูโรไมดานซึ่งเริ่มขึ้นจากการที่วิกตอร์ ยานูกอวึช ประธานาธิบดียูเครนปฏิเสธการลง
นามในความตกลงสมาคมกับสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2013 มีแรงสนับสนุนให้ยูเครนสร้างความสัมพันธ์ที่
ใกล้ชิดกับสหภาพยุโรปอย่างมากในภาคกลางและภาคตะวันตก ในขณะที่ภาคใต้และภาคตะวันออกสนับสนุนให้กระชับ
ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับรัสเซีย ท้ายที่สุด ยานูกอวึชถูกบังคับให้ลาออกจากตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 ตามมา
ด้วยการประท้วงสนับสนุนรัสเซียในภาคใต้และภาคตะวันออกซึ่งให้ความสำคัญกับความผูกพันกับรัสเซียในทาง
ประวัติศาสตร์ ภาษา และต่อต้านขบวนการยูโรไมดาน

น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น

รัสเซีย (Russia) 27

ลักษณะภูมิประเทศ

โดยทั่วไปลักษณะภูมิประเทศของรัสเซีย จะมีเขตที่ราบที่กว้างใหญ่ในหลายบริเวณของ
ประเทศ สลับกับพื้นที่ราบต่ำ และบางบริเวณพื้นที่ราบจะสลับกับภูเขาสูง จะพบอยู่ทางตะวัน
ตกของภูเขา Ural และจะมีป่าไม้เนื้ออ่อนที่สำคัญ เป็นป่าไม้ผลัดใบสลับกับเขตทุนดราในเขต
ไซบีเรีย มีพื้นที่ราบต่ำสลับกับภุเขาที่ทอดยาว จะอยู่ในชายแดนทางด้านใต้ของประเทส จุดต่ำ
สุดของประเทศ อยู่ที่ Caspian sea ที่ระดับ - 28 เมตร จุดสูงสุดของประเทศ อยู่ที่ Gora El
brus ที่ระดับความสูง 5,633 เมตร ในประเทศมีพื้นที่เหมาะต่อการเพาะปลูก
ร้อยละ 8 ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ร้อยละ 4 พื้นที่ป่าและป่าไม้ ร้อยละ 46 พื้นที่ด้านอื่นๆ รวมทั้ง
พื้นที่ทุ่งน้ำแข็ง ร้อยละ 42 มีพื้นที่รองรับ
น้ำเพื่อการชลประทานประมาณ 40,000 ตารางกิโลเมตร

น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น

ลักษณะประชากร รัสเซีย (Russia) 28

ประชากร 146,171,021 คน (ณ ม.ค. 2564 ) ประกอบด้วย รัสเซีย 77.7% ตาตาร์ 3.7% ยูเครน 1.4% บาชคีร์ 1.1%
เชเชน 1% อื่นๆ 10.2%
และระบุไม่ได้ 3.9% โดยรัสเวียมี 124 ชาติพันธุ์

รายระเอียดประชากร สัดส่วน ชาย 46.26% หญิง 53.74% ที่อยู่อาศัย ในเมือง 74.9% (เมืองที่หนาแน่น 6
อันดับแรก ได้แก่ มอสโก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โนโวซีบีรสค์ ยากาเตรินเบิร์ก คาซาน และ นิจนีนอฟโกรอด)
ชนบท25.2% อัตราส่วนประชากรจำแนก ตามอายุ : วัยเด็ก (0-14 ปี) 17.24% วัยรุ่น (15-24 ปี) 9.54% วัยทํา
งาน (25-54 ปี) 43.38% วัยเริ่มชรา (55-64 ปี) 14.31% และวัยชรา (65 ปีขึ้นไป) 15.53% อายุขัยเฉลี่ย ของ
ประชากร 72.16 ปี เพศชาย 66.61 ปี เพศหญิง 78.05 ปี อัตราการเกิด 9.71 คนต่อ 1,000 คน อัตราการตาย 13.4
คนตอ 1,000 คน อัตราการเพิ่มของประชากร -0.2% อัตราการย้ายถิ่นฐาน 1.7 คนตอ 1,000 คน อายุเฉลี่ย
หญิงตั้งครรภ์แรก 25 ปี

ศาสนา คริสต์นิกายรัสเซียออร์ทอดอกซ์ 75% อิสลาม 10-15% หรือประมาณ 20 ล้านคน (มีกว่า 40 กลุ่ม ส่วน
มากเป็นอิสลาม (ซุนนี)) และคริสต์นิกายอื่น ๆ 2%

ภาษา ภาษารัสเซียเป็นภาษาราชการ มีผู้ใช้ 85.7% ภาษาตาตาร์ 3.2% ภาษาเชเชน 1% และ ภาษาของชนกลุ่ม
น้อยอื่น 10.1%

น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น

วัฒนธรรม รัสเซีย (Russia) 29

รัสเซีย หรือ สหพันธรัฐรัสเซียเป็นประเทศในยูเรเชียเหนือ และเป็นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่กว่า 10,000,000 ตารางกิโลเมตร น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น
และครอบคลุมพื้นที่ที่สามารถอยู่อาศัยของโลกถึงหนึ่งในแปด อีกทั้งรัสเซียยังเป็นชาติมีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 9 ของโลก
การยิ้ม
ในขณะที่ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม แต่ในรัสเซียเขาจะไม่ค่อยยิ้มมากนัก ชาวรัสเซียจะยิ้มก็ต่อเมื่อเป็นคนที่เขารู้จักกัน
เป็นการส่วนตัว รอยยิ้มเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงถึงความจริงใจของชาวรัสเซียการส่งยิ้มให้กับคนที่ไม่รู้จัก ไม่สนิทจึงมีความ
หมายในเชิงลบที่แสดงถึงความไม่จริงใจ ดังนั้นหากคนรัสเซียไม่ยิ้มเมื่อเขาเห็นคุณ นั้นก็เพราะเขายังไม่รู้จักคุณดีพอ และถ้าเขารู้จัก
คุณแล้วการยิ้มของเขาจะหมายถึงการยิ้มอย่างจริงใจและยินดีที่ได้พบคุณ
ลักษณะท่าทาง
การแสดงท่าทางของชาวรัสเซียอาจจะดูล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่น เราจะพบเห็นบ่อยครั้งที่มีการจับต้องตัวคู่สนทนาในขณะพูด
คุย และเมื่อชาวรัสเซียต้องการดึงความสนใจจากคุณ เขาจะแตะมือคุณ และถ้าเขาต้องการคุยเรื่องที่เป็นความลับ เขาจะจับศอกคุณ
ดังนั้นถ้าชาวรัสเซียมาแตะตัวคุณขณะพูดคุย นั่นเป็นการบ่งบอกว่าเขาชอบคุณหรือรู้สึกไว้วางใจในตัวคุณแล้ว
ระยะห่าง
ส่วนใหญ่ชาวรัสเซียมักจะยืนใกล้ชิดและไม่เว้นระยะห่างมากเกินไปในขณะที่ยังพูดคุยกับคู่สนทนาอยู่ แม้ว่าคนนั้นจะเป็นคนแปลกหน้า
ก็ตาม ชาวรัสเซียอาจจะพูดแทรก หรืออาจถามคำถามแทรกแม้ว่าคนๆ นั้นกำลังคุยกับคนอื่น หรือคุยโทรศัพท์อยู่ หรือกำลังทำ
กิจกรรมบางสิ่งอยู่ก็ตาม ขอให้เข้าใจว่า สิ่งนี้เป็นวัฒนธรรมของชาวรัสเซีย ดังนั้นเค้าไม่ได้เป็นคนหยาบคายหรือเสียมารยาทแต่
อย่างใด เขาเพียงต้องขอเวลาหรือดึงความสนใจจากเราเท่านั้นเอง
การโต้แย้งอย่างมีเหตุผล
การโต้แย้งถือเป็นส่วนที่สำคัญสำหรับการสื่อสารของชาวรัสเซีย ชาวรัสเซียเชื่อว่าการโต้แย้งจะทำให้เกิดการเข้าใจความจริงอย่าง
มีเหตุผล ซึ่งในขณะที่เกิดการโต้แย้งอาจมีการแสดงอารมณ์ การขึ้นเสียงหรือการมีท่าทางเพื่อแสดงอารมณ์จึงถือเป็นเรื่องปกติ
ทั่วไป

เศรษฐกิจ รัสเซีย (Russia) 30

รัสเซียสามารถฟื้นตัวจากวิกฤติทางการเงินในปี 1998 และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยร้อยละ 7 ต่อปี
เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น การลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของการบริโภคในประเทศ และความ
มั่นคงทางการเมือง ในปี 2007 รัสเซียมีจีดีพีใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก (มูลค่า 2.088 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อวัดด้วย
ความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ) ค่าแรงเฉลี่ยต่อเดือนในรัสเซียเพิ่มขึ้นจาก 80 ดอลลาร์ในปี 2000 เป็น 640
ดอลลาร์ในต้นปี 2008 ชาวรัสเซียที่ยากจนมีประมาณร้อยละ 14 ในปี 2007 ซึ่งลดลงอย่างมากจากร้อยละ 40
ในปี 1998 ซึ่งสถิติสูงสุดหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย อัตราว่างงานในรัสเซียลดลงจากร้อยละ 12.4 ในปี 1999
เหลือร้อยละ 6 ในปี 2007 การที่ประชากรมีรายได้เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ตลาดของชนชั้นกลางในรัสเซียขยายตัวหลายเท่า

ระบบภาษีที่เข้าใจง่ายกว่าเดิมเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2001 ซึ่งทำให้ภาระต่อประชาชนลดลงในขณะที่รายได้ของรัฐ
เพิ่มขึ้น รัสเซียใช้ระบบอัตราภาษีคงที่ที่ร้อยละ 13 กับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และทำให้กลายเป็นประเทศที่มีระบบ
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ดึงดูดผู้บริหารได้ดีเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากการสำรวจในปี
2007 งบประมาณของรัฐเกินดุลตั้งแต่ปี 2001 และจนถึงสิ้นปี 2007 มีงบประมาณเกินดุลมาร้อยละ 6 ของผลิตภัณฑ์
มวลรวมภายในประเทศ รัสเซียใช้รายได้จากน้ำมันที่ได้รับผ่านกองทุนความมั่นคงของสหพันธรัฐรัสเซียในการจ่ายหนี้
ซึ่งเกิดขึ้นในยุคโซเวียตคืนแก่ปารีสคลับและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ รายได้จากการส่งออกน้ำมันยังสามารถ
ทำให้รัสเซียมีเงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มจาก 1 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 1999 เป็น 5.97 แสนล้าน
ดอลลาร์ในปี 2008 ซึ่งสูงเป็นอันดับสามของโลก รัสเซียยังสามารถลดหนี้ต่างประเทศที่ก่อขึ้นในอดีตได้อย่างมาก

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศไม่เท่าเทียมกันในแต่ละภูมิภาค โดยเขตมอสโกเป็นเขตที่ส่งผล
ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศมากที่สุด

น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น

การเมืองการปกครอง รัสเซีย (Russia) 31

ตามรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ประเทศนี้เป็นประเทศที่ถูกปกครองโดยระบอบสหพันธ์แบบ น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น
อสมมาตรและระบอบสาธารณรัฐแบบกึ่งประธานาธิบดี โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐ[67] และมี
นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐมนตรี สหพันธรัฐรัสเซียมีโครงสร้างทางรากฐานเป็นระบอบประชาธิปไตย
แบบมีผู้แทนโดยมีหลากหลายพรรค โดยรัฐบาลสหพันธ์ประกอบไปด้วยอำนาจการบริหารสามส่วน ดังนี้

ฝ่ายนิติบัญญัติ: มีรัฐสภาสหพันธ์แห่งรัสเซียซึ่งใช้ระบบสองสภา ซึ่งประกอบไปด้วยสภาดูมา มี
สมาชิกจำนวน 450 คน และสภาสหพันธ์ มีสมาชิกจำนวน 170 คน ซึ่งมีอำนาจในการใช้กฎหมาย
สหพันธ์, การประกาศสงคราม, การอนุมัติสนธิสัญญา, มีอำนาจในทางการเงิน และมีอำนาจในการ
ถอดถอนประธานาธิบดี
ฝ่ายบริหาร: มีประธานาธิบดีเป็นผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพสหพันธรัฐรัสเซีย สามารถยับยั้งร่าง
กฎหมายได้ก่อนที่จะกลายเป็นกฎหมาย และมีอำนาจในการแต่งตั้งรัฐบาลแห่งสหพันธ์รัสเซีย
(คณะรัฐมนตรี) และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่ดูแลและบังคับใช้กฎหมาย และนโยบายอื่น ๆ ของสหพันธ์
ฝ่ายตุลาการ: มีศาลรัฐธรรมนูญสหพันธ์ ศาลสูงสุด และศาลชั้นต้นสหพันธ์ ซึ่งตุลาการจะได้รับการ
แต่งตั้งจากสภาสหพันธ์ ตามคำแนะนำของประธานาธินดี มีอำนาจตีความกฎหมาย และสามารถ
คว่ำกฎหมายที่พวกเขาเห็นว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญสหพันธ์ได้

สถานที่ท่องเที่ยว รัสเซีย (Russia) 32

จัตุรัสแดง Red Square น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น
จัตุรัสแดง เป็นลานที่มีกิจกรรมที่มีผู้คนมาเที่ยวมากที่สุดของกรุงมอสโคว เพราะที่จัตุรัสแดง เราจะได้
ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมรัสเซีย ด้วยตัวอาคารรอบๆ เป็นสีแดงจึงเรียกว่าจัตุรัสแดง
ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และยังใช้ในการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสต่างๆ เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันชาติ
วันแรงงาน ฯลฯ

บริเวณโดยรอบจัตุรัสแดงยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากมาย เช่น พระราชวังเครมลิน วิหาร
เซนต์บาซิล ห้างสรรพสินค้ากุม อนุสรณ์สถานเลนินซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของประเทศรัสเซีย

โบสถ์แห่งหยดเลือด Church of the Savior on Spilled Blood
โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ซึ่งถูกลอบปลงพระชนม์ใน
บริเวณที่สร้างโบสถ์นี้ขึ้น เนื่องจากพระองค์ได้ประกาศเลิกทาส จึงมีกลุ่มต่อต้านพระองค์ปาระเบิดใส่
รถม้าพระที่นั่งขณะพระองค์เสด็จผ่าน บริเวณนี้เองจึงกลายเป็นโบสถ์หยดเลือดมาจนถึงทุกวันนี้
ตัวโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมรัสเซีย ใช้เวลาสร้างยาวนานกว่า 24 ปี จึงแล้วเสร็จ ภายในเต็มไปด้วย
ศิลปะอันวิจิตรตระการตา สวย เคลิ้ม มาก มีลวดลายของกระเบื้องโมเสกอันโด่งดังน่าประทับใจ

สถานที่ท่องเที่ยว รัสเซีย (Russia) 33

พระราชวังฤดูหนาว (Hermitage Museum) น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น

พระราชวัง Hermitage Museum หรือพระราชวังฤดูหนาว กำแพงสีเขียวสลับขาวด้านนอกว่าสวยแล้ว ยิ่งได้เข้าไปเยี่ยม
ชมข้างในแล้วเพื่อนจะต้องตะลึงถึงความงดงามหนักกว่าเดิม เพราะ ด้านในพระราชวังฤดูหนาว
มีการออกแบบไว้อย่างวิจิตรตระการตา ประดับประดาข้าวเครื่องเครื่องใช้ต่างๆ ด้วยทองคำบริสุทธิ์สีทองเรืองรองไป
ทั่วทุกที่ ภายในพระราชวังมีการจัดแบ่งโซนเที่ยวชมได้ตามราคาและแพ็คเก็จที่เพื่อนๆ เลือก แนะนำว่าให้จองตั๋วออนไลน์
ก่อนไป เพราะจะได้ไม่ต้องไปต่อแถวซื้อตั๋วให้เสียเวลา

ถนนอาราบัท (Arbat Street)

ถนนอาราบัทถือว่าเป็นถนนที่เก่าแก่ของกรุงมอสโค เมื่อครั้งอดีตเคยเป็นที่พบปะสังสรรค์ของชนชั้นขุนน้ำขุนนางมากมาย
ทำให้อาคารบ้านเรือนโดยรอบนั้นมีการออกแบบที่สวยงามและดูหรูหรา ปัจจุบันถนนอาราบัทถูกเนรมิตให้เป็นถนนคนเดิน
ที่ได้รับความนิยมจากทั้งคนรัสเซียและนักท่องเที่ยวทั่วโลก เราสามารถเดินเล่นเที่ยวชมผลงานชิ้นเยี่ยมของเหล่าจิตรกร
ได้อย่างเพลิดเพลินท่ามกลางร้านรวงเก่าแก่ที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี

ตลาดอิซเมโลฟสกายา (Izmailovsky Market)

ตลาดอิซเมโลฟสกายาเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของรัสเซีย เป็นแหล่งรวมสินค้าพื้นเมืองมากมายไม่ว่าจะเป็นผลไม้
ของสด ของแห้ง แม้กระทั่งเครื่องประดับต่างๆ ก็มีให้เราได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไป ของฝากยอดนิยมก็คือตุ๊กตา
ลูกดก ที่ถูกแกะขึ้นจากไม้ระบายด้วยสีสันสวยงามสดใส หรือถ้าเราเดินเล่นจนเหนื่อยแล้ว ด้านในก็ยังมีร้านขายอาหาร
และเครื่องดื่มไว้คอยบริการ ให้เราได้นั่งพัก จิบเครื่องดื่มเติมพลัง

บุคคลที่สร้างประวัติศาสตร์หรือความโดดเด่น รัสเซีย (Russia) 34

ปีเตอร์มหาราช (Peter the Great) จักรพรรดิพระองค์แรกของจักรวรรดิรัสเซีย

ตำนานของปีเตอร์มหาราช (Peter the Great) กษัตริย์ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดผู้หนึ่งในประวัติศาสตร์ของยุโรป ได้รับการกล่าว
ขานไปทั่วโลกอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เผยว่าสุดยอดผู้นำในอุดมคติที่เป็นต้นแบบและแรง
บันดาลใจของเขา ก็คือจักรพรรดิพระองค์แรกของจักรวรรดิรัสเซียที่เกรียงไกรในศตวรรษที่ 18-19 นั่นเอง

ผู้นำรัสเซียคนปัจจุบันกล่าวเป็นนัยกับบรรดาผู้นำเยาวชนคนรุ่นใหม่ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า
การทำสงครามรุกรานยูเครนนั้น แท้จริงแล้วมีความชอบธรรมและเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของ
รัสเซีย อย่างที่ปีเตอร์มหาราชได้ทำไว้เป็นแบบอย่างอันน่าชื่นชมในประวัติศาสตร์

"ปีเตอร์มหาราชรบกับสวีเดนในมหาสงครามแดนเหนือ 21 ปี อาจจะดูเหมือนว่าเป็นฝ่ายเข้าโจมตีและยึดครองดินแดนของ
สวีเดน แต่ที่จริงแล้วไม่ได้แย่งชิงอะไรมาเลย ! ท่านเพียงกอบกู้ดินแดนที่เคยเป็นของเรากลับคืนมาเท่านั้น" ประธานาธิบดีปูติ
นกล่าว

"ตอนที่ปีเตอร์มหาราชก่อตั้งเมืองหลวงใหม่ ไม่มีประเทศไหนในยุโรปยอมรับเลยว่ามันเป็นดินแดนของรัสเซีย ทุกคนมองว่ามัน
คือเขตแดนของสวีเดนที่ถูกช่วงชิงไป ทั้งที่ชาวสลาฟกับคนเชื้อสายฟินโน-อูกิก (Finno-Ugic) อาศัยอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด ยิ่ง
ไปกว่านั้นมันเคยอยู่ใต้ การปกครองของรัสเซียมาก่อน"

น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น

35

France

ฝรั่งเศส

French (ฝรั่งเศส) 36

ภูมิหลังประวัติศาสตร์

ฝรั่งเศส หรือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส เป็นประเทศที่มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ทั้งยังประกอบไปด้วย
เกาะและดินแดนอื่น ๆ ในต่างทวีป ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบ
อังกฤษและทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า หกเหลี่ยม
(L'Hexagone) เนื่องจากรูปทรงทางกายภาพของประเทศ ประเทศฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบกึ่งประธานาธิบดี โดย
ยึดอุดมการณ์จากปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และของพลเมือง

ประเทศฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โมนาโก อันดอร์รา
และ สเปน และเนื่องจากประเทศฝรั่งเศสมีดินแดนโพ้นทะเลไว้ในครอบครอง ทำให้มีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิลและ
ซูรินาเม (ติดกับเฟรนช์เกียนา) และเนเธอร์แลนด์แอนทิลลิส (ติดกับแซ็ง-มาร์แต็ง) อีกด้วย นอกจากนั้นประเทศ
ฝรั่งเศสยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษ

ประเทศฝรั่งเศสเคยเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ,19
จักรวรรดิฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศจักรวรรดินิยมที่มีอาณานิคมในครอบครองมากที่สุดในโลก แผ่อาณาเขตตั้งแต่แอฟริกา
ตะวันตกจนถึงเอเชียอาคเนย์ ซึ่งเห็นได้ชัดจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม ภาษาและการเมืองการปกครองของดินแดนนั้น ๆ
ประเทศฝรั่งเศสถูกจัดให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศผู้
ก่อตั้งสหภาพยุโรปและมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอีกด้วย ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ เป็น
สมาชิกประชาคมผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสโลก จีแปด นาโต้และสหภาพละติน ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรี
ความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 360 หัวรบและเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 59
แห่ง

น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น

French (ฝรั่งเศส) 37

ลักษณะภูมิประเทศ

ขณะที่ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรป ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ฝรั่งเศสก็ยังมีดินแดนที่ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือทะเล
แคริบเบียน อเมริกาใต้ มหาสมุทรอินเดียทางตะวันตกและทางใต้ มหาสมุทรแปซิฟิกใต้ รวมทั้งบางส่วนในทวีปแอนตาร์กติกาอีก
ด้วย (การอ้างสิทธิเหนือดินแดนในแอนตาร์กติกาไม่ได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ ดู สนธิสัญญาแอนตาร์กติก)

ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปนั้นมีพื้นที่ 543,935 ตารางกิโลเมตร (210,013 ตารางไมล์) ทำให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศ
ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป ตั้งแต่ที่ราบชายฝั่งในภาคเหนือและตะวันตก ซึ่งติดกับทะเลเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติก ไป
จนถึงเทือกเขาแอลป์ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่ราบสูงมาซิฟซ็องทราลทางภาคใต้ตอนกลางและเทือกเขาพิเรนีสทางภาคตะวัน
ตกเฉียงใต้ ประเทศฝรั่งเศสยังมีจุดที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปตะวันตกคือ ยอดเขามงบล็อง
(Mont Blanc) ซึ่งสูง 4,807 เมตร (15,770 ฟุต) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ บริเวณชายแดนประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี

ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปยังมีแม่น้ำต่าง ๆ ที่สำคัญอีกมากมาย เช่น แม่น้ำลัวร์ แม่น้ำการอน แม่น้ำแซนและแม่น้ำโรน
โดยไหลลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่กามาร์กซึ่งเป็นจุดที่ต่ำที่สุดในประเทศฝรั่งเศส และยังมีกอร์ส (คอร์ซิกา) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเล
เมดิเตอร์เรเนียน

พื้นที่ของประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งจังหวัดและดินแดนโพ้นทะเล (ไม่รวมดินแดนอาเดลี) คือ 674,843 ตาราง
กิโลเมตร(260,558 ตารางไมล์) นับเป็น 0.45% ของพื้นแผ่นดินโลกทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามประเทศฝรั่งเศสครอบครองพื้นที่เขต
เศรษฐกิจจำเพาะเป็นอันดับสองของโลก ด้วยเนื้อที่ 11,035,000 ตารางกิโลเมตร (4,260,000 ตารางไมล์) นับเป็น 8% ของพื้นที่
เขตเศรษฐกิจจำเพาะทั้งหมดในโลก

ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปตั้งอยู่ระหว่าง เหนือตอนบนขอบทวีปยุโรปตะวันตกและตั้งอยู่ในภูมิอากาศเขตอบอุ่นเหนือ
ทางภาคเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือมีสภาพภูมิอากาศเขตอบอุ่น แต่กระนั้นภูมิประเทศและทะเลก็มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศเหมือนกัน
ละติจูด ลองจิจูดและความสูงเหนือระดับน้ำทะเลทำให้ประเทศฝรั่งเศสมีภูมิอากาศแบบคละ ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้มีสภาพภูมิ
อากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ภาคตะวันตกส่วนมากจะมีปริมาณน้ำฝนสูง ฤดูหนาวไม่มากและฤดูร้อนเย็นสบาย ภายในประเทศภูมิ
อากาศจะเปลี่ยนไปทางภาคพื้นทวีปยุโรป อากาศร้อน มีมรสุมในฤดูร้อน ฤดูหนาวหนาวกว่าเดิมและมีฝนตกน้อย ส่วนภูมิอากาศ
เทือกเขาแอลป์และแถบบริเวณเทือกเขาอื่น ๆ ส่วนมากมักจะมีภูมิอากาศแถบเทือกเขา ด้วยอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งกว่า 150
วันต่อปีและปกคลุมด้วยหิมะกว่า 6 เดือน

น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น

French (ฝรั่งเศส) 38

ลักษณะประชากร

วัยเด็ก (0-14 ปี) 18.36% วัยรุนถึงวัยกลางคน (15-64 ปี) 61.18% และวัยชรา (65 ปีขึ้นไป) 20.46%
อายุขัยเฉลี่ย 82.39 ปี เพศชาย 79.31 ปี เพศหญิง 85.61 ปี อัตราการเกิด 11.77 คนต่อประชากร 1,000 คนอัตรา
การตาย 9.58 คนต่อประชากร 1,000 คน
บทบัญญัติรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสไม่ให้มีการจัดรวบรวมข้อมูลประชาชนด้วยการแบ่งแยกเชื้อชาติ และสีผิว กลุ่มเชื้อ
ชาติต่าง ๆ ทําให้ไม่ได้มีการสํารวจตัวเลขดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ชาวฝรั่งเศสประกอบด้วย คนหลากหลาย
ชาติพันธุ์ เนื่องจากประวัติศาสตร์และการอพยพจากประเทศอาณานิคม เช่น ชาวเคลต์สลาฟ แอฟริกาเหนือ อินโด
จีน ชนกลุ่มน้อยบาสก์ ลาติน ส่วนอาณาเขตโพนทะเลของฝรั่งเศสเปนคนผิวดํา ผิวขาว ลูกครงึ่ ระหว่างผิวขาว
กับผิวดํา (Mulatto)
อินเดีย จีน

ศาสนา รัฐธรรมนูญให้เสรีภาพการนับถือศาสนาและไม่กําหนดศาสนาประจําชาติ แตอาจแบ่งเป็น
ศาสนาคริสต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนิกายโรมันคาทอลิก (63-66%) อิสลาม (7-9%) พุทธ (0.5-0.75%) ยูดาย (0.5-
0.75%) อื่น ๆ (0.5-1.0%) ไม่นับถือศาสนา (23-28%) ทั้งนี้ ฝรั่งเศสเปนประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดใน
ยุโรป

ภาษา ภาษาราชการ ได้แก่ ภาษาฝรั่งเศส น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น
กาศึกษา งบประมาณด้านการศึกษา 5.5% ของ GDP
วันชาติ 14 ก.ค. (ปี 2333) Fete de la Federation หรือ Bastille Day

วัฒนธรรม French (ฝรั่งเศส) 39

ชาวฝรั่งเศสมีวัฒนธรรมการนอนกลางวัน จึงส่งผลให้ประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศสชอบนอน น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น
กลางวันตามไปด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนลึกของวัฒนธรรม คล้ายคลึงกับของอังกฤษและอิตาลี
อยู่แล้ว ไม่สามารถแบ่งได้ชัดเจนเด่นชัด เช่น การจับมือ ภาษา เป็นต้น
สิ่งที่ควรทำ – ไม่ควรทำ
1.คุณสามารถกล่าวทักทายว่าบงชู (Bonjour) ซึ่งหมายถึงสวัสดีตอนเช้า
หรือบงซัว (Bonsoir) ที่หมายถึงสวัสดีตอนเย็น
กล่าวลาเมื่อจะจากไปด้วยคำว่า โอ”เครอ”วัว (Au revoir) ที่แปลว่า ลาก่อน
และกล่าวขอบคุณว่า แม็กซิ (Merci) ได้
2. วิธีทักทายสำหรับคนที่รู้จักกันนั้นคือการแลกจูบแก้มซึ่งกันและกัน ไม่ว่าคู่ทักทายของคุณจะ
เป็นหญิงหรือชาย ตามงานพิธีต่างๆ ชาวฝรั่งเศสใช้วิธีชนแก้มกันทั้งสองข้าง (la bise) ว่ากันว่า
ชาวปารีสนิยมแนบแก้มกันถึง 4 ครั้ง ถ้าเป็นเมืองนอกเขตปารีสทำเพียง 2 ครั้ง
3. เมื่อไปรับประทานอาหารตามภัตราคารอย่าตะโกนเรียกบริกรว่า”การ์ซ็อง (garçon)” ที่ตรงกัน
กับภาษาอังกฤษว่า boy ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสถือว่าไม่ สุภาพ ควรเรียกว่าเมอซิเออร์ และกล่าวคำ
ว่า ซิล วู เปล ซึ่งแปลว่ากรุณา เวลาสั่งอาหารหรือขออะไรเพิ่มเติมจึงถือว่าสุภาพและควรถอด
หมวก เสื้อคลุม โอเวอร์โค๊ดหรือแจ้กเก็ต เพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ก่อนทุกครั้ง
4. สนามหญ้าในฝรั่งเศสมีไว้ให้ดูและชื่นชมความเขียวชอุ่ม ห้ามแตะต้องเด็ดขาด ยกเว้นตาม
สนามหญ้าที่เปิดเป็นสาธารณะ หากคุณละเมิดกฏเข้าไปในสนามหญ้าซึ่งมีป้าย pelouse interdite
แปลว่า สนามหญ้าห้ามเข้า กำกับอยู่ ถือว่าคุณทำผิดกฏหมาย
5. เมื่อชาวฝรั่งเศสต้องการโบกมือลาเขาจะยกมือพร้อมกับขยับนิ้วขึ้นลง ๆ
6. รถแท็กซี่ในฝรั่งเศสนั่งได้ 3 คน เฉพาะที่ตรงด้านหลังคนขับเท่านั้นที่นั่งด้านขวามือข้างหน้าคู่
กับคนขับ นั้น มักไว้ให้เป็นที่นั่งของสัตว์เลี้ยง

เศรษฐกิจ French (ฝรั่งเศส) 40

เมื่อดูจากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ประเทศฝรั่งเศสนับเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก ประเภทของ น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น
อุตสาหกรรมที่เป็นที่มาของความสำเร็จดังกล่าว ได้แก่ อุตสาหกรรมทางด้านการขนส่ง โทรคมนาคม อุตสาหกรรมอาหาร
ผลิตภัณฑ์ยา รวมไปถึงภาคธนาคาร การประกันภัย การท่องเที่ยว และสินค้าฟุ่มเฟือย (เครื่องหนัง เสื้อผ้าสำเร็จรูป น้ำหอม
และเหล้า)

ในปี พ.ศ. 2547 ประเทศฝรั่งเศสเสียเปรียบดุลการค้าถึง 6.6 พันล้านยูโร ถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของ
โลกทางด้านสินค้าทุน (ส่วนมากจะเป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์) และเป็นอันดับ 2 ในส่วนของภาคบริการและทางด้าน
เกษตรกรรม (โดยเฉพาะธัญพืชและอุตสาหกรรมอาหาร) ส่วนในระดับภูมิภาคยุโรป ประเทศฝรั่งเศสนับเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ส่ง
ออกสินค้าการเกษตรรายใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ สัดส่วนการค้าระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปคิดเป็น
ร้อยละ 70 (ร้อยละ 50 เฉพาะประเทศในโซนยูโร)

ในด้านการลงทุน ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีการลงทุนจากต่างประเทศมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ทั้งนี้เพราะผู้
ลงทุนพอใจในคุณภาพของแรงงานชาวฝรั่งเศส การค้นคว้าวิจัยขั้นสูง เทคโนโลยีชั้นสูงที่ก้าวหน้ามาก เสถียรภาพของค่าเงิน
และการควบคุมต้นทุนการผลิต

- ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (PIB) ปี พ.ศ. 2547 มีมูลค่า 1,648.4 พันล้านยูโร
- อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ปี พ.ศ. 2549 คิดเป็นร้อยละ 2
- รายได้เฉลี่ยต่อหัว 30,100 ดอลลาร์สหรัฐ (พ.ศ. 2549)
- อัตราเงินเฟ้อคิดเป็นร้อยละ 2.0 (ปี พ.ศ. 2549)
- ดุลการค้าขาดดุลมีมูลค่า 6.6 พันล้านยูโร (พ.ศ. 2547)
ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองลงมาจากประเทศ
สหรัฐอเมริกา (59 เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ใน 19 โรงงานปรมาณูทั่วประเทศ) การผลิตกระแสไฟฟ้าในประเทศ 88% มาจาก
พลังงานนิวเคลียร์ ค่าไฟฟ้าในประเทศราคาถูกกว่าประเทศใกล้เคียง จึงมีการส่งออกกระแสไฟฟ้าไปยังประเทศอื่น

การเมืองการปกครอง French (ฝรั่งเศส) 41

สาธารณรัฐฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แบบสาธารณรัฐเดี่ยวกึ่ง น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น
ประธานาธิบดี รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ.
2501 โดยผ่านการลงประชามติ สาระสำคัญในรัฐธรรมนูญนั้นคือการเพิ่มอำนาจ
ประธานาธิบดี อำนาจฝ่ายบริหารนั้นถูกแบ่งออกและมีหัวหน้า 2 คน ซึ่งก็คือประธานาธิบดี
แห่งสาธารณรัฐ ผ่านการเลือกตั้งโดยตรงแบบสากล มีวาระ 5 ปี (เดิม 7 ปี) มีตำแหน่ง
ประมุขแห่งรัฐอีกด้วย และนายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรัฐบาล ซึ่งถูกแต่งตั้งโดย
ประธานาธิบดี

รัฐสภาฝรั่งเศสนั้นแบ่งออกเป็น 2 สภาได้แก่ สภาผู้แทนราษฎร (Assembl?e
Nationale) และ วุฒิสภา (S?nat) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนในเขตเลือกตั้ง มา
จากการเลือกตั้งโดยตรง มีวาระ 5 ปี สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
คณะรัฐมนตรีและเสียงข้างมากในสภาสามารถกำหนดการตัดสินใจของรัฐบาลอีกด้วย
สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกของคณะผู้เลือกตั้ง มีวาระ 6 ปี (เดิม 9 ปี)
การแบ่งเขตการปกครอง

ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรป (Metropolitan France) แบ่งการปกครองออกเป็น 22 แคว้น ได้แก่ French (ฝรั่งเศส) 42

- อาลซัส

- อากีแตน

- โอแวร์ญ

- บัส-นอร์ม็องดี

- บูร์กอญ

- เบรอตาญ

- ซ็องทร์

- ช็องปาญาร์แดน

- กอร์ส

- ฟร็องช์-กงเต

- โอต-นอร์ม็องดี

- อีล-เดอ-ฟร็องส์

- ล็องก์ด็อก-รูซียง

- ลีมูแซ็ง

- ลอแรน

- มีดี-ปีเรเน

- นอร์-ปาดกาแล

- เปอีเดอลาลัวร์

- ปีการ์ดี

- ปัวตู-ชาร็องต์

- พรอว็องซาลป์โกตดาซูร์

- โรนาลป์ น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น

French (ฝรั่งเศส) 43

(ต่อ)

โดยในแต่ละแคว้นแบ่งออกเป็น จังหวัด รวมทั้งหมด 96 จังหวัด นอกจากในทวีปยุโรปแล้ว ประเทศฝรั่งเศสยังมีเขต
การปกครองโพ้นทะเล อยู่ในทวีปต่าง ๆ ทั้งอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา แอนตาร์กติกา และภูมิภาคโอเชียเนียอีก
ได้แก่
- 5 จังหวัดโพ้นทะเล ได้แก่ กัวเดอลุป เฟรนช์เกียนา มาร์ตีนิก เรอูว์นียง และ มายอต ทั้งห้าดินแดนมีฐานะเดียวกับ
แคว้นในฝรั่งเศสภาคพื้นทวีป (อย่างเดียวกับฮาวายที่มีฐานะเท่าเทียมกับรัฐอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา) กล่าวคือ เป็นทั้ง
แคว้นและจังหวัดในเวลาเดียวกัน
- 4 อาณานิคมโพ้นทะเล ได้แก่ แซงปีแยร์และมีเกอลง วาลลิสและฟุตูนา แซ็งบาร์เตเลอมี และแซ็งมาร์แต็ง
- 1 ประเทศโพ้นทะเล ดินแดนแห่งเดียวของฝรั่งเศสที่ได้รับการเรียกชื่อนี้คือ เฟรนช์โปลินีเซีย ซึ่งเคยเป็นดินแดนโพ้น
ทะเล (TOM) มาก่อน แต่ได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2546 โดยแบ่งออกเป็น 5 เขตบริหารย่อย
- 1 อาณานิคมพิเศษ คือ นิวแคลิโดเนีย เคยมีฐานะเป็นดินแดนโพ้นทะเลมาจนถึงปี พ.ศ. 2542 จึงได้รับการเปลี่ยนแปลง
ฐานะ แบ่งออกเป็น 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนอร์ ซูด และอีลลัวโยเต
- 1 ดินแดนโพ้นทะเล คือ เฟรนช์เซาเทิร์นและแอนตาร์กติกแลนส์ โดยแบ่งออกเป็น 4 เขต ได้แก่ หมู่เกาะแกร์เกแลน หมู่
เกาะครอเซ เกาะอัมสเตอร์ดัมและเกาะแซ็ง-ปอล และอาเดลีแลนด์
- ดินแดน 5 เกาะในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งไม่มีผู้อาศัยอยู่อย่างถาวร รู้จักกันในชื่อ หมู่เกาะกระจายหรืออีลเซปาร์ส ได้แก่
บาซัสดาอินเดีย ยูโรปา ฌุอ็องเดอนอวา โกลรีโอโซ และตรอมแล็ง ทั้งหมดถูกปกครองโดยจังหวัดโพ้นทะเลเรอูว์
เนียง
- เกาะที่ไม่มีผู้อาศัย 1 แห่ง คือ เกาะกลีแปร์ตอน อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้ชายฝั่งประเทศเม็กซิโกปกครองโดย
ข้าหลวงใหญ่สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำท้องถิ่นโพ้นทะเลเฟรนช์โปลินีเซีย

น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น

สถานที่ท่องเที่ยว French (ฝรั่งเศส) 44
หอไอเฟล (Eiffel Tower)
น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น
สัญลักษณ์อันดับหนึ่งของฝรั่งเศสที่ไม่มาเหมือนมาไม่ถึง อีกทั้งยังสามารถซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปชม
วิวทิวทัศน์ปารีสในมุมสูงได้อีกด้วย นับเป็นจุดเช็กอินที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่
ตลอดทั้งวัน ซึ่งช่วงกลางคืนก็มีเสน่ห์ไม่แพ้ช่วงกลางวันโดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ปิด
เวลาเที่ยงคืนเลยทีเดียว

ล่องเรือชมแม่น้ำแซน (Seine River)

เพียงเดินทางด้านหลังหอไอเฟลก็จะพบอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเด็ดอย่างแม่น้ำเซน ที่สามารถ
ล่องเรือท่องเที่ยวไปตามสายน้ำที่จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง แนะนำให้ชมในช่วง
เย็นๆที่จะได้ชมช่วงพระอาทิตย์ตกซึ่งได้ชื่อว่างดงามอย่างที่สุด

ประตูชัยฝรั่งเศส(Arc de Triomphe)

อีกหนึ่งแลนมาร์กและอนุสรณ์สถานที่สำคัญของปารีส ได้รับการยอมรับให้เป็นประตูชัยที่ยิ่ง
ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รวมทั้งยังมีความละเอียดอ่อนในการออกแบบสถาปัตยกรรม
สไตล์ศิลปะนีโอคลาสสิก โดยเฉพาะรูปแกะสลักลอยที่นับเป็นผลงานชั้นยอดจากศิลปินชั้นเยี่ยม
ที่มีเล่าเหตุการณ์การปฏิวัติและจักรวรรดิฝรั่งเศสผ่านผลงานศิลปะรอบๆประตูรอบ 4 ทิศ

สถานที่ท่องเที่ยว(ต่อ) French (ฝรั่งเศส) 45

กอลมาร์ (Colmar) น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น

เมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในแคว้นอัลซาสทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ที่ได้รับ
การขนานนามให้เป็น “ลิตเติ้ลเวนิสแห่งฝรั่งเศส” ด้วยบรรยากาศแห่งความโรแมนติกที่
รายล้อมรอบเมือง อาคารบ้านเรือนที่ยังคงสถาปัตยกรรมแบบยุโรปยุคกลางมีคลองตัด
ผ่าน ทำให้เป็นจุดปลายปลายทางสำหรับคู่รักหลายๆคู่ที่ต้องการมาสัมผัสและเป็นสถานที่
จัดงานแต่งงานยอดนิยม อีกทั้งยังเต็มไปด้วยไร่องุ่นจากการเป็น “เมืองหลวงแห่งไวน์แห่
งอาลซัส” มาที่นี่จึงไม่ควรพลาดชิมไวน์เป็นอันขาด

โบสถ์แอ็บบีเดอซีนอคค์ (Abbaye de Senanque)

โบสถ์ที่โด่งดังจากทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงเข้มที่อยู่บริเวณด้านหน้า ตั้งอยู่ที่เมืองกอร์ด
(Gordes) โดยเหล่าดอกลาเวนเดอร์จะบานสะพรั่งพร้อมๆกันอย่างงดงามตั้งแต่เดือน
มิถุนายนไปจนถึงวันที่ 14 เดือนกรกฎาคม ซึ่งถ้าไปหลังจากกลางเดือนก็อาจจะพลาด
โอกาสในการชมความงดงามของทุ่งลาเวนเดอร์เนื่องจากจะถูกเก็บเกี่ยวในวันชาติของ
ฝรั่งเศส พร้อมซื้อสินค้าจากดอกลาเวนเดอร์นานาชนิดเป็นของฝาก

บุคคลที่สร้างประวัติศาสตร์หรือความโดดเด่น French (ฝรั่งเศส) 46

โกลด มอแน (Claude Monet) น.ส.เข็มอัปสร ศรัทธามั่น

มอแน เป็นผู้ริเริ่มศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์ เป็นจิตรกรคนสำคัญของฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 ถึง 20 เขาเกิดที่กรุงปารีส
เมื่อปี 1840 แต่ไปเติบโตและเรียนศิลปะที่เมืองเลออาฟวร์ ในนอร์ม็องดีทางเหนือของฝรั่งเศส จนอายุ 19 ปีจึงได้มาล่า
ฝันการเป็นศิลปินต่อในกรุงปารีส ได้เรียนศิลปะเพิ่มและได้พบกับศิลปินที่มีความคิดต่อศิลปะแนวใหม่คล้ายๆกันหลาย
คน รวมทั้งเอดัวร์ มาแน และปีแยร์-โอกุสต์ เรอนัวร์ ในปี 1865 มอแนได้พบกับ Camille Doncieux ซึ่งมาเป็นนางแบบ
ให้และต่อมาได้เป็นภรรยาคนแรกของเขา มอแนเขียนภาพที่มี Camille อยู่ในภาพด้วยจำนวนมาก ที่โดดเด่นได้แก่
Camille (The Woman in the Green Dress), Women in the Garden, Woman with a Parasol
มอแนกับเพื่อนหลายคนช่วยกันผลักดันภาพเขียนแนวใหม่จนได้จัดแสดงนิทรรศการครั้งแรกในกรุงปารีสเมื่อปี 1874
มอแนใช้ภาพ ‘Impression, Sunrise’ เป็นภาพหนึ่งในการจัดแสดงซึ่งต่อมาชื่อภาพถูกนำไปใช้เรียกศิลปะแนวใหม่ว่า
อิมเพรสชันนิสม์ แต่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จและยังถูกต่อต้านจากกลุ่มนิยมศิลปะดั้งเดิม ทำให้มอแนต้องอยู่
อย่างยากจนข้นแค้นยาวนานถึง 20 ปี

ปี 1883 มอแนย้ายไปอยู่ที่เมืองจิแวร์นีย์ ในนอร์ม็องดี และทำสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ใช้เป็นสถานที่เขียนภาพไปตลอด
จนถึงบั้นปลายของชีวิต ภาพชุด Water Lilies ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา เขียนจากสวนหลังบ้านของเขาเอง ช่วง
หลังมอแนนิยมเขียนภาพชุดที่มีองค์ประกอบเดียวกันแต่ต่างมุมมอง ต่างเวลา ต่างสภาวะอากาศและแสงสี เกิดเป็น
ภาพชุดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากมาย เช่น ชุด Rouen Cathedral, ชุด Poplars, ชุด Haystacks มอแนเสียชีวิตเมื่อปี
1926 ด้วยวัย 86 ปี ทิ้งผลงานให้ผู้คนได้ชื่นชมด้วยความ ‘ประทับใจ’ มากมาย

47

JAPAN

ประเทศญี่ปุ่น


Click to View FlipBook Version