The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานผการปฎิบัติงานตามข้อตกลง (PA) ปี 2566 โดย นางอัมพรศรีวงษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pu Phanuphong, 2023-09-17 04:37:14

รายงานผการปฎิบัติงานตามข้อตกลง (PA) ปี 2566 โดย นางอัมพรศรีวงษา

รายงานผการปฎิบัติงานตามข้อตกลง (PA) ปี 2566 โดย นางอัมพรศรีวงษา

~ 1 ~ แบบรายงานผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2566 ระหว่างวันที่ 1 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2565 ถึงวันที่ 30 เดือน กันยายน พ.ศ. 2566 ผู้จัดทำข้อตกลง ชื่อ นางอัมพร ศรีวงษา ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ สถานศึกษา โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมาเขต 7 ประเภทห้องเรียนที่จัดการเรียนรู้√ ห้องเรียนวิชาสามัญหรือวิชาพื้นฐาน ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง 1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด ภาคเรียน 2/2565 1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน ภาคเรียน 2/2565 รวมจำนวน 19 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้ 1. ภาระงาน จะมีภาระงานตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาสังคม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน/ชุมนุมการงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-ม 3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน วิชาลูกเสือ-เนตรนารี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1-3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กิจกรรมสวดมนต์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-มัธยมศึกษาที่ 3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ 1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - การมีส่วนร่วมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ 1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - ปฏิบัติหน้าที่ครูการศึกษาพิเศษโรงเรียน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ 1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ -กิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ จำนวน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์


~ 2 ~ ภาคเรียน 1/65 1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน ภาคเรียน 1/2566 รวมจำนวน 18 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้ 1. ภาระงาน จะมีภาระงานตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการงาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการงาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการงาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาสังคมศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน/ชุมนุมการงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-ม 3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน วิชาลูกเสือ-เนตรนารี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1-3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กิจกรรมสวดมนต์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-มัธยมศึกษาที่ 3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ 1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - การมีส่วนร่วมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ 1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - ปฏิบัติหน้าที่ครูการศึกษาพิเศษโรงเรียน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ 1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ -กิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ จำนวน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ เอกสารอ้างอิง คำสั่งโรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ที่ 32/2565 เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาปฏิบัติ หน้าที่และรับผิดชอบตามโครงสร้างการบริหารงานโรงเรียนปีการศึกษา 2565 คำสั่งโรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ที่ 20/2566 เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการครูทำการสอนประจำภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2566


~ 3 ~ 2. งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่งครู องค์ประกอบที่ 1 การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่ง ตอนที่ 1 : ระดับความสำเร็จในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง 1. ด้านการจัดการเรียนรู้ 1.1 สร้างและหรือพัฒนาหลักสูตร ข้าพเจ้าได้จัดทำโครงสร้างรายวิชาและหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้ วัดหรือผลการเรียนรู้ตามหลักสูตร เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาสมรรถนะและการเรียนรู้เต็มตามศักยภาพ โดยมีการ ปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ผู้เรียน และท้องถิ่น


~ 4 ~ นำหน่วยการเรียนรู้ที่พัฒนามาประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของนักเรียน เพื่อพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารของนักเรียน ให้มีสมรรถนะและมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น เผยแพร่และให้ คำแนะนำแก่ครูผู้สอนวิชาการงานอาชีพ และตามหน่วยงานต่างๆ เช่นศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน กลุ่ม แม่บ้านประจำตำบลสัมฤทธิ์ทุกหมู่บ้าน สอนการจับจีบผ้า การจัดดอกไม้สดในงานต่างๆ สอนการทำบ่ายศรี วิทยากร สอนการจัดดอกไม้สดแก่ผู้ที่สนใจ กลุ่มแม่บ้านตำบลรังกาใหญ่ 3 วันต่อเนื่อง


~ 5 ~


~ 6 ~ วิทยากร สอนการจับจีบผ้ากลุ่มแม่บ้านที่ตำบลธารหลอด บ้านขามตะมุข 2 วันต่อเนื่อง


~ 7 ~ วิทยากรสอนการจัดดอกไม้สดที่ ตำบลกระเบื้องใหญ่ บ้านจบก แก่กลุ่มแม่บ้าน


~ 8 ~ วิทยากร สอนการประดิษฐิ์บายศรี แก่แม่บ้านแม่ตำบลสัมฤทธิ์


~ 9 ~ บายศรีพญานาคงานบวชนาคงานช่วยเหลือชุมชน


~ 10 ~ วิทยากรสอนการจัดดอกไม้สด แม่บ้านตำบลธารหลอด บ้านกระหาด 3 วันต่อเนื่อง


~ 11 ~ 1.2 ออกแบบการจัดการเรียนรู้ ข้าพเจ้าได้จัดทำ/ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้หน้าเดียวที่สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และปรับประยุกต์/สอดแทรกเนื้อหา เหตุการณ์ที่เป็นประเด็นทาง สังคม ตามบริบทของสถานศึกษา ผู้เรียน ท้องถิ่น และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ข้าพเจ้าได้ดำเนินการจัด กิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต รวมไปถึงการพัฒนาคุณลักษณะที่ดี ของนักเรียน ผ่านกระบวนการจัดการ เรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตามแนวคิด GPAS 5 Steps


~ 12 ~ 1.3 จัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้าพเจ้าได้จัดทำ/ออกแบบการจัดการเรียนรู้/อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ ข้าพเจ้าได้จัดทำ/พัฒนาและคิดค้น สื่อ นวัตกรรม ส่งเสริมผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ โดยจัดส่งสื่อการสอนเป็นคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการเรียนการสอนให้นักเรียนได้ค้นเค้า สืบค้นหาได้ตามช่องยูทูป ที่สามารถแก้ไขปัญหาในการจัดการเรียนเรียนรู้ ทำให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ เรียนรู้และทำงาน ร่วมกัน มีกระบวนการการคิดและค้นพบองค์ความรู้ด้วยตนเอง และสร้างแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างที่ดี ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้


~ 13 ~ 1.4 สร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ ข้าพเจ้าได้จัดทำ/พัฒนาและคิดค้นสื่อ นวัตกรรม และการปรับประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เข้า มามีบทบาทสำคัญในกระบวนการจัดการเรียนรู้ สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้สามารถแก้ไขปัญหาในการ เรียนรู้ของผู้เรียน และทำให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดและสามารถสร้างนวัตกรรมได้และเป็นแบบอย่างที่ดีในการ สร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี่และแหล่งเรียนรู้ เช่น นำไปศึกษาแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น การสอนโดยให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง การเชิญวิทยากรที่มีความรู้มาอบรมให้เด็กๆได้ลงมือปฏิบัติจากผู้รู้ ในแต่ละ สาขา


~ 14 ~


~ 15 ~


~ 16 ~ แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning และงานวิจัยในชั้นเรียน วิจัยในชั้นเรียน แผนการเรียนรู้ ซึ่งผลจากการพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ ดังกล่าวทำให้ข้าพเจ้าและ นักเรียนที่ข้าพเจ้าได้สอนงานประดิษฐิ์ ได้รับ เชิญไปเป็นวิทยากรสอนและออกช่วยเหลืองานในชุมชม และ หน่วยงานต่างๆที่เชิญมา เช่น การจับจีบผ้า การจัดดอกไม้สด ให้แก่ หน่วยงานอื่นๆ เช่น การสอนการจับ จีบผ้าให้แก่กศน ตำบลกระเบื้องใหญ่ กศน ตำบลรังกาใหญ่ และ กลุ่มแม่บ้าน ทุกๆหมูบ้านใน ตำบลสัมฤทธิ์ โดยได้รับเชิญจาก อบต สัมฤทธิ์ และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากร การสอนการจัดดอกไม้สดให้แก่ แม่บ้านใน ตำบลกระเบื้องใหญ่ และที่สำคัญคือ ได้รับเกียรติจะสำนักงานการศึกษาประถมศึกษา เขต 7 ไปเป็น วิทยากรให้ความรู้แก่คณะครูทุกๆโรงเรียนใน สำนักงานการศึกษาประถมศึกษา เขต 7 ทุกๆปี (ผู้เชียวชาญด้านการศึกษาพิเศษ)


~ 17 ~ วิทยากรสอนการจับจีบผ้า วิทยากรสอนการจัดดอกไม้สด


~ 18 ~ วิทยากรด้านการศึกษาพิเศษ


~ 19 ~ ช่วยงานชุมชนและโรงเรียนต่างๆที่ใกล้เคียง


~ 20 ~ 1.5 วัดและประเมินผลการเรียนรู้ ข้าพเจ้าได้จัดทำ/ออกแบบและสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวัดประเมินผลการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อให้สอดคล้องตามมาตรฐาน และตัวชี้วัด ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เช่น ใบงาน แบบประเมินชิ้นงาน แบบสังเกตพฤติกรรม


~ 21 ~ 1.6 ศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ ข้าพเจ้าได้ศึกษาข้อมูลผู้เรียนเป็นรายบุคคลเพื่อพัฒนาและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา นำไปสู่การ จัดทำวิจัยในชั้นเรียน และได้พัฒนาสื่อการสอนนำมาใช้พัฒนาการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน ได้รับรางวัลครูผู้สอน ดีเด่นระดับมัธยมศึกษา สาขาวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ได้รับโลห์รางวัลครู ผู้ผลิตสื่อการสอน ดีเด่นระดับภูมิภาค และได้รับโลห์รางวัลครูผู้สอนเด็กพิเศษเรียนร่วมดีดีเด่นระดับชาติ ล้าสุดได้พัฒนาองค์กร ในโครงการส่งเสริมสุขภาพ โดยมีโครงการโรงเรียนต้นแบบนักเรียนไทยสุขภาพได้รับการคัดสรรคเป็น โรงเรียนต้นแบบนักเรียนไทยสุขภาพดีระดับประเทศ ดังภาพถ่ายและเอกสารแจ้งผลการคัดเลือกจากทาง สพฐ อ้างถึงสำเนาหนังสือสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด่วนที่สุด ที่ ศธ 04188/ว614 ลง วันที่ 1 กันยายน 2566


~ 22 ~ สำเนาหนังสือสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด่วนที่สุด ที่ ศธ 04188/ว614 ลงวันที่ 1 กันยายน 2566


~ 23 ~ 1.7 จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ข้าพเจ้าได้จัดบรรยากาศในการเรียนรู้/บรรยากาศชั้นเรียนที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียน การสอน ที่เหมาะสมสอดคล้องกับความแตกต่างผู้เรียนเป็นรายบุคคล สามารถแก้ไขปัญหาการเรียนรู้ และ สร้างแรงบันดาลใจส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้เกิดกระบวนการคิด ทักษะชีวิต ทักษะการทำงาน ทักษะการ เรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยีและเป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดบรรยากาศที่ ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน


~ 24 ~


~ 25 ~ บรรยากาศในห้องเรียน


~ 26 ~ 1.8 อบรมและพัฒนาคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน ข้าพเจ้าได้ร่วมในการจัดอบรมให้ความรู้กับนักเรียนเพื่อให้มีคุณลักษณะที่ดี และเข้าอบรม ตามโครงการ การประชุมพัฒนาศักยภาพบุคลากรในการเฝ้าระวังและส่งเสริมสุขภาพสายตานักเรียนตาม วิถีชีวิตใหม่รูปแบบเสมือนจริง (Viruat Meeting) โครงการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ประจ าปี การศึกษา 2566 อบรมการพัฒนาครู “ด้านเทคโนโลยี่” ประชุมครูอนามัยและเจ้าหน้าสาธารณสุขงาน ส่งเสริมทันตสุขภาพในโรงเรียนประถมปี 2566 อบรมออนไลน์ ประชุมชี้แจงและสร้างความเข้าใจในการ ส่งเสริม สนับสนุนการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหลักธรรมมาภิบาล อบรมผู้ดำเนินการคัดกรองคนพิการทางการศึกษา อบรมการเข้ารหัสข้อมูลเบื้องต้น (Basic Cipher I)


~ 27 ~


~ 28 ~ อบรมให้ความรู้นักเรียนในเครือข่ายโครงการโรงเรียนต้นแบบนักเรียนไทยสุภาพดี


~ 29 ~ 2. ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ 2.1 จัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา ข้าพเจ้าได้จัดทำข้อมูลในระบบสารสนเทศและเอกสารงานธุรการชั้นเรียน โดยการปรับประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีให้เข้ามามีบทบาทสำคัญในกระบวนการจัดเก็บข้อมูลของนักเรียนในห้องเรียนที่ปรึกษา และใน รายวิชาที่ทำการสอน


~ 30 ~ 2.2 ดำเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน ข้าพเจ้าได้ออกเยี่ยมบ้านนักเรียน ชั้นที่ข้าพเจ้าสอนและออกติดตามช่วยเหลือเป็นระยะ อย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง ทั้งแบบเยี่ยมตามสภาพจริงและ Online เช่นหาทุนการศึกษามาช่วย และงบการช่วยเหลืออื่นๆ แก่เด็กอยากจน เด็กน้ำท่วมบ้าน เด็กขาดแคลน


~ 31 ~ 2.3 ปฏิบัติงานวิชาการ และงานอื่นๆ ของสถานศึกษา ข้าพเจ้าได้ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย พร้อมทั้ง จัดเก็บข้อมูลสารสนเทศของโรงเรียนและปฏิบัติบริหารงานฝ่ายบุคคล หัวหน้าสายกลุ่มวิชาการงานอาชีพ หัวหน้าสายกลุ่มวิชาสังคม หัวหน้าโครงการส่งเสริมสุขภาพ รับผิดชอบโครงการการศึกษาพิเศษเรียนรวม และ งานส่งเสริมสุขภาพอนามัยประจำโรงเรียนใน “โครงการโรงเรียนต้นแบบนักเรียนไทยสุขภาพดี ได้ผ่านผล การคัดสรรคผลงานได้ โลห์..ระดับประเทศ” “งาน อ.ย.น้อยผ่านการประเมินระดับสูงสุดระดับยอดเยี่ยม”


~ 32 ~ 2.4 ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง ภาคีเครือข่ายและหรือสถานประกอบการ ข้าพเจ้าได้ประสานความร่วมมือระหว่างผู้ปกครอง ชุมชน สถานประกอบการ กรรมการ สถานศึกษา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนอย่างเป็นระบบ


~ 33 ~ 3. ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ 3.1 พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ข้าพเจ้าได้เข้าอบรม/ประชุม/สัมมนาตลอด ปี งบประมาณ 2566 ที่เกี่ยวข้องกับพัฒนา ตนเองและวิชาชีพ คุณภาพผู้เรียน และพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ


~ 34 ~


~ 35 ~ 3.2 มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ ข้าพเจ้าได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) หรือเป็นวิทยากรผู้ให้ความรู้ในวงกว้าง ในการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ PLC


~ 36 ~ ต่อ 3.2 มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ


~ 37 ~ ต่อ 3.2 มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ เป็นวิทยากร ประจำเขต 7


~ 38 ~ 3.3 นำความรู้ ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้ ข้าพเจ้าได้จัดทำนวัตกรรมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ในวิชาการงานอาชีพ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษา ปีที่ 1- 3 จำนวน 5 คน


~ 39 ~ ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การ เรียนรู้ของผู้เรียน ประเด็นที่ท้าทาย ในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้เพื่อ พัฒนาทักษะการงานอาชีพซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ ตำบลสัมฤทธิ์ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ขอแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่สูงกว่าคาดหวัง คือ การริเริ่มพัฒนาให้สูงขึ้น คือการจัดการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น 1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาการงานพื้นฐานอาชีพ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่านักเรียนมีปัญหาในด้านทักษะการมีทักษะที่จำเป็นมีประสบการณ์ เห็นแนวทางใน งานอาชีพใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาอาชีพมีคุณธรรม และมีเจตคติที่ดีต่ออาชีพและทักษะ หาความรู้ มีคุณธรรม และลักษณะนิสัยในการทำงาน นักเรียนร้อยละ 80 มีจิตสำนึก ในการใช้พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อการดำรงชีวิตและครอบครัว ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน บ้านสัมฤทธิ์ อ. พิมาย จ.นครราชสีมา มีผลสัมฤทธิ์การเรียนที่ดีขึ้น 2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล 2.1 จัดประสบการณ์ในอาชีพต่างๆ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ได้เห็น ได้ฝึกปฏิบัติกิจกรรมที่เกี่ยวกับอาชีพที่ ตนเองถนัดและสน ใจ เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการทำงานอาชีพ เห็นคุณค่าของงานอาชีพสุจริต และเห็นแนวทาง ในการประกอบอาชีพ เช่น การจัดนิทรรศการ บทบาทสมมติ ฯลฯ อันจะนำไปสู่การรู้จักตนเองด้านความรู้ ความสามารถ ทัศนคติ ศักยภาพ วิสัยทัศน์ แนว โน้มด้านอาชีพที่ต้องการของตลาดแรงงาน ที่เหมาะสมกับ ความสนใจ ความถนัด และทักษะทางด้านอาชีพก่อนตัดสินใจเลือกอาชีพ 2.2 นําแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้กับผู้เรียน 2.3 วัดและประเมินผล ปฏิบัติกิจกรรมที่เกี่ยวกับอาชีพที่ตนเองถนัดและสน ใจ ของผู้เรียน 2.4 นําผลการประเมินการจัดการเรียนรู้มาวิเคราะห์ปัญหาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มภาค 3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง /ผลที่เกิดกับเด็กนักเรียน 3.1 เชิงปริมาณ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ ตำบลสัมฤทธิ์ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ร้อยละ 80 ได้รับการแก้ปัญหาเรื่องการทักษะด้านอาชีพ โดยใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกการอาชีพ


~ 40 ~ 3.2 เชิงคุณภาพ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ ตำบลสัมฤทธิ์ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ผู้เรียนมีทักษะด้านอาชีพ สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำวันได้


~ 41 ~ ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ขอแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่สูงกว่าคาดหวัง คือ การริเริ่มพัฒนา รายงานการวิจัยในชั้นเรียน การศึกษาสภาพความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนโดยการใช้เทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมคึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ อัมพร ศรีวงษา ครูชำนาญการพิเศษ E-mail: [email protected] สอนวิชา การงานอาชีพ รหัสวิชา ง23101 ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา 2566 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นที่มีต่อการจัดการเรียนการ สอนโดยใช้เทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ 2) 2.เพื่อศึกษาความพร้อมในการในการใช้เทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคลกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน บ้านสัมฤทธิ์ จำนวน 10 คน โดยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ผลการวิจัย พบว่า 1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ส่วนใหญ่ผู้ปกครองของประกอบอาชีพ รับจ้างทั่วไป มีรายได้ต่อเดือนส่วนใหญ่ต่ำกว่า 10,000 บาท นักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ร้อยละ 80 เพื่อใช้ในการเรียน 2. การศึกษาระดับความคิดเห็นที่มีต่อสภาพการจัดการเรียนการสอนโดยการใช้เทคโนโลยีของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄= 4.09) โดยด้านที่มี ค่าเฉลี่ยสูงสุด คือด้าน ด้านเนื้อหาและสื่อการสอน (x̄= 4.18) ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือด้าน ด้าน บุคลากร (x̄= 4.04) คำสำคัญ: 1) การเรียนการสอนโดยการใช้เทคโนโลยี , 2) สภาพนักเรียน


~ 42 ~ 1. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีนั้น นั้นเป็นสถานการณ์ที่ต้องปรับรูปแบบการ เรียนการสอนจากรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบปกติ เป็น รูปแบบออนไลน์และมีการใช้ เทคโนยีมากขึ้น ทำให้ผู้สอนต้องหาวิธีการที่เหมาะสมสำหรับการจัดการเรียนการสอน จึงจำเป็นต้องรู้ถึง สภาพความพร้อมของนักเรียนในการใช้เทคโนโลยี และระดับความคิดเห็นในการใช้เทคโนโลยีมาช่วยสอน เพื่อให้ครูผู้สอนสามารถหาแนวทางและวิธีที่เหมาะสมกับนักเรียน ในการจัดการเรียนการโดยใช เทคโนโลยีที่เหมาะสมให้ตรงกับความต้องการของนักเรียนทำให้นักเรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ได้อย่าง เหมาะสม 2. วัตถุประสงค์การวิจัย 2.1 เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยี ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ 2.2 เพื่อศึกษาความพร้อมในการในการใช้เทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้าน สัมฤทธิ์ 3. วิธีดำเนินการวิจัย 3.1 การวิจัยครั้งนี้ใช้ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้าน สัมฤทธิ์จำนวน 10 คน โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( P u r p o s i v e s a m p l i n g ) 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามทั้งหมด 3 ตอน ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามชนิดเลือกตอบ (checklist) เกี่ยวกับสถานภาพส่วนบุคคลของ ผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามชนิด จัดอันดับ (rank rating scales) เกี่ยวกับ ข้อมูลสภาพการ จัดการเรียนการสอนออนไลน์ทั้งหมด 5 ด้าน 1) ด้านเนื้อหาและสื่อการสอน 2) ด้านบุคลากร 3) ด้านระบบสารสนเทศและการสื่อสาร 4) ด้านสภาพแวดล้อม 5) ด้านการวัดและประเมินผล


~ 43 ~ ตอนที่ 3 เป็นข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากผู้เรียน เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล 3.3 การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือคือ การนำแบบสอบถามที่สร้างขึ้นให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ได้แก่ 1) นายศิริวัฒน์ เร่งพิมาย หัวหน้าฝ่ายวิชาการ 2) นายศิริเกศ เยี่ยงวิญูญู หัวหน้าฝ่าย บริหารทั่วไป และ 3) นางจารุวรรณ กรจำจายฤทธิ์ ครูประจำวิชาเทคโนโลยีและสารสนเทศ ตรวจสอบ ความเที่ยงตรง ของเนื้อหา (Context validity) แล้วนำผลมาพิจารณาคะแนนของผู้เชี่ยวชาญในแต่ละข้อมา วิเคราะห์หาค่าดัชนีความ สอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence: IOC) 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยจัดทำแบบสอบถามในรูปแบบออนไลน์โดยใช้แบบสอบถามในการ เก็บข้อมูล ผู้วิจัยได้นำผลของการทำแบบสอบถามออนไลน์ที่ได้มาพิจารณาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของ คำตอบได้ชุดข้อมูลที่ถูกต้องและสมบูรณ์ครบถ้วนจำนวน 10 ชุด ที่สามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป ได้ 3.5 สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือ สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) ได้แก่ค่าความถี่ (frequency) ค่าร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) 3.6 การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้วิธีทางสถิติด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็น เครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลโดยมีรายระเอียดดังนี้ 3.6.1 ข้อมูลสถานภาพส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม นำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิง พรรณนา (Descriptive Statistics) ความถี่และร้อยละ 3.6.2 ข้อมูลสภาพการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีทั้งหมด 5 ด้าน 1) ด้านเนื้อหา และสื่อการสอน 2) ด้านบุคลากร 3) ด้านระบบสารสนเทศและการสื่อสาร 4) ด้าน สภาพแวดล้อม และ 5) ด้านการวัดและประเมินผล จะนำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) และมีเกณฑ์วัดดังต่อไปนี้ คะแนน 4.21 – 5.00 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด คะแนน 3.41 – 4.20 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก คะแนน 2.61 – 3.40 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง คะแนน 1.81 – 2.60 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อย คะแนน 1.00 – 1.80 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อยที่สุด 4. สรุปผลการวิจัย 4.1 ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานภาพส่วนบุคคล ปรากฏตามตาราง ดังนี้ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์


~ 44 ~ ตารางที่ 4.1.1 แสดงจำนวนร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตาม อาชีพผู้ปกครอง อาชีพผู้ปกครอง จำนวน ร้อยละ ข้าราชการ 0 0.0 พนักงานบริษัท 2 20.0 เกษตรกร 1 10.0 รับจ้างทั่วไป 7 70.0 อื่น ๆ 0 0.0 รวม 10 100.0 จากตารางที่ 4.1.1 พบว่า อาชีพผู้ปกครองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ส่วน ใหญ่ประกอบอาชีพ รับจ้างทั่วไป จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 72.4 อื่น ๆ จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 17.2 พนักงานบริษัท จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 6.9 และ เกษตรกร จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 3.4 ตารางที่ 4.1.2 แสดงจำนวนร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตาม รายได้ผู้ปกครองต่อเดือน รายได้ผู้ปกครองต่อเดือน จำนวน ร้อยละ ต่ำกว่า 10,000 บาท 8 80.0 10,001 – 20,000 บาท 2 20.0 20,001 – 30,000 บาท 0 0.0 30,001 บาท ขึ้นไป 0 0.0 รวม 10 100 จากตารางที่ 4.1.2 พบว่า ผู้ปกครองของนักเรียนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ ส่วนใหญ่ มีรายได้ต่อเดือน ต่ำกว่า 10,000 บาท จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 72.4 และ 10,001 – 20,000 บาท จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 27.6


~ 45 ~ ตารางที่ 4.1.3 แสดงจำนวนร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตาม โทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการเรียน อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน จำนวน ร้อยละ มี 2 20.0 ไมมี 8 80.0 รวม 10 100 จากตารางที่ 4.1.3 พบว่า นักนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ที่ไม่มีโทรศัพท์ถือเพื่อ ใช้ในการเรียน คิดเป็นร้อยละ 80.0 และ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ที่มีโทรศัพท์ถือ เพื่อใช้ในการเรียน จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 20.0 4.2 ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับระดับความคิดเห็นที่มีต่อสภาพการจัดการเรียนการสอนโดนใช้ เทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ปรากฏตามตาราง ดังนี้ ตารางที่ 4.2.1 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สภาพการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ สภาพการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ระดับความคิดเห็น ̅ S.D. แปล ความหมาย ด้านเนื้อหาและสื่อการสอน 4.18 .493 มาก ด้านบุคลากร 4.04 .613 มาก ด้านระบบสารสนเทศและการสื่อสาร 4.05 .528 มาก ด้านสภาพแวดล้อม 4.13 .622 มาก ด้านการวัดและประเมินผล 4.07 .753 มาก รวม 4.09 .505 มาก จากตารางที่ 4.2.1 แสดงการวิเคราะห์ข้อมูลระดับความคิดเห็นที่มีต่อสภาพการจัดการเรียนการ สอนโดยใช้เทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่มีระดับ ความคิดเห็นโดยรวมในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.09


~ 46 ~ 5. อภิปรายผล 5.1 การศึกษาระดับความคิดเห็นที่มีต่อสภาพการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยี ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄= 4.09) ถือว่าการจัดการเรียน การสอนโดยการใช้เทคโนโลยีช่วยสอน ที่ ผ่านมาเป็นไปได้ด้วยดีซึ่งเห็นได้ชัดจากด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือด้าน ด้านเนื้อหาและสื่อการสอน (x̄= 4.18) ครูผู้สอนมีการจัดการเนื้อหาและสื่อที่ใช้ในการสอนได้เหมาะสมกับสภาพนักเรียน แต่ในการจัดการเรียนการ สอนจะให้ความสำคัญกับเนื้อหาและสื่ออย่างเดียวไม่ได้ครูผู้สอนจะต้องให้ความสำคัญกับด้านบุคลากรที่มี ค่าเฉลี่ยต่ำสุด (x̄= 4.04) ด้วย ครูผู้สอนต้องมีการเตรียมตัวในการจัดการเรียนการสอนออกแบบวิธีการที่ บูรณาการการสอนกับรายวิชาอื่นๆเพื่อเพิ่มความน่าสนใจในการจัดการเรียนการสอนหรือแม้แต่ออกแบบ กิจกรรมที่ให้นักเรียนได้โต้ตอบแสดงความคิดเห็นให้ เกิดการเรียนรู้ในชั้นเรียน (Active Learning) มากขึ้น ทำให้ดังที่ สถาพร พฤฑฒิกุล (2558) กล่าวว่า Active Learning เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด การสร้างสรรค์ทางปัญญา (Constructivism) ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้มากกว่าเนื้อหาวิชา เพื่อช่วยให้ผู้เรียน สามารถเชื่อมโยงความรู้หรือสร้างความรู้ให้เกิดขึ้น ในตนเอง ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่านสื่อหรือกิจกรรม การเรียนรู้ที่มีครูผู้สอนเป็นผู้แนะนำ กระตุ้น หรืออำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ขึ้นโดย กระบวนการ คิดขั้นสูง กล่าวคือ ผู้เรียนมีการวิเคราะห์ สังเคราะห์และการประเมินค่าจากสิ่งที่ได้รับจาก กิจกรรมการเรียนรู้ทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีความหมายและนำไปใช้ในสถานการณ์อื่นๆ ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 5.2นักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีความพร้อมในการเรียนการสอนโดยมีเทคโนโลยีมากนักเนื่องจากผู้ปกครอง ของนักเรียนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป จำนวนร้อยละ 70.0 และมีรายได้ต่อเดือนส่วนใหญ่ต่ำกว่า 10,000 บาท ต่อเดือน จำนวนร้อยละ 80.0 ทำให้ผู้ปกครองไม่สามารถจัดหาอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการเรียน โดยการใช้โทรศัพท์มือถือในการเรียนให้กับนักเรียนได้ซึ่งจะเห็นได้ว่านักเรียนที่มีความพร้อมในการใช้ โทรศัพท์มือถือเพื่อการเรียนมีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ทำให้การจัดการเรียนการสอนการมอบหมายงานในการ เรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีจึงต้องคำนึงถึงสภาพส่วนบุคคลของผู้เรียนเป็นสำคัญด้วย 6. ข้อเสนอแนะ 6.1. ครูผู้สอนควรหากิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียนเพื่อลด ภาระงานให้ผู้เรียน 6.2. การจัดการเรียนการสอนการมอบหมายงานหรือแม้กระทั่งการส่งงานของนักเรียน ผู้สอนควรใช้ วิธีที่เหมาะสมกับงานให้นักเรียนได้ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมโดยต้องคำนึงถึงสภาพผู้เรียนส่วนใหญ่ที่ไม่มี โทรศัพท์มือถือเพื่อใช้ในการเรียน 7. รายการอ้างอิง ธนพรรณ ทรัพย์ธนาดล. (2552). ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอนบทเรียนออนไลน์


~ 47 ~ (รายงานการวิจัย). นครราชสีมา : มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา วไลพรรณ อาจารีรัฒนา และ ปริญญาภรณ์ พจน์อริยะ (2563). การศึกษาสภาพการจัดการเรียนการสอน ออนไลน์ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาของนักศึกษาโครงการพิเศษ หลักสูตรบริหารธุรกิจ มหาบัณฑิต(รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ท.ศุภสวัสดิ์ จิระประดิษฐ์ผล. (2563). ความคิดเห็นของนักเรียนเตรียมทหาร ชั้นปีที่1 ตอน 14, 17 และ 19 ที่มี ต่อกิจกรรมการเรียนการสอนออนไลน์ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19(รายงานการวิจัย). นครนายก : กองวิชาวิทยาศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนเตรียมทหาร สิริพร อินทสนธ (2563). โควิด - 19 : กับการเรียนการสอนออนไลน์ กรณีศึกษา รายวิชาการเขียนโปรแกรม เว็บ. วารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์, 22(2), 203-213. เสถียร พูลผล และ ปฏิพล อรรณพบริบูรณ์ (2563) การสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาเภสัชศาสตร์ที่มีต่อ การเรียนการสอนออนไลน์ในช่วงโควิท - 19 เพื่อออกแบบแนวทางการจัดการเรียนรู้รูปแบบใหม่ (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ : คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยสยาม (ลงชื่อ) ........................................................................ (นางอัมพร ศรีวงษา) ครูชำนาญการพิเศษ


~ 48 ~ ข้อคิดเห็นของผู้บริหาร ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... (ลงชื่อ) ................................................................ (นางปิยะพร ถนัดค้า) ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์


Click to View FlipBook Version