การฟื้ นฟูผ้าทอเกาะยอ
ภูมิปัญญาท้องถิ่น
ก
คำนำ
หนังสือ E-book เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา
ระเบียบวิธีการและหลักฐานทางประวัติศาสตร์
ประกอบไปด้วยข้อมูลของเกาะยอ ผ้าทอเกาะยอ
และการฟื้นฟูผ้าทอเกาะยอ
ซึ่งผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะ
เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน
หากผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ผู้จัดทำ
นางสาวนันทิตา มุ้งส่าง
สารบัญ ข
เรื่อง หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
บทนำ 1
ที่ตั้งชุมชนเกาะยอ 2
ความเป็นมาของชุมชเกาะยอ 3
สะพานติณสูลานนท์ 4
ผ้าทอเกาะยอ 5
การทอผ้าในอดีต 6-12
การฟื้นฟูของผ้าทอเกาะยอ 13-16
ผ้าทอเกาะยอในยุครุ่งเรือง 17
ลักษณะโดดเด่นของผ้าทอเกาะยอ 18
ขั้นตอนการทอผ้า 19-25
สรุป 26-29
บรรณาณุกรม 30
บทนำ 1
เกาะยอ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เป็นเกาะที่ตั้ง
อยู่แถวทะเลสาบสงขลาโดยมีสะพานติณสูลานนท์ที่
ก่อสร้างในสมัย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ดำรงตำแหน่ง
นายกรัฐมนตรี ซึ่งเกาะยอมีการตั้งถิ่นฐานในชุมชนระยะ
แรกมีประชากรในกลุ่มแรกคือพวกชาวจีนที่อพยพเข้ามา
ตั้งถิ่นฐานบนเกาะยอในสมัยอยุธยาจนถึงสมัยราชกาลที่
3 และราชกาลที่ 5 นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนไทยที่นับถือ
พุทธศาสนา จากท้องถิ่นเมืองสงขลาได้อพยพเข้ามาตั้ง
ถิ่นฐานส่วนหนึ่งด้วย
เกาะยอจะมีเอกลักษณ์ประจำถิ่น คือ ผ้าทอเกาะยอ
ซึ่งผ้าทอเกาะยอนั้นส่วนมากทอมาจากเส้นใยฝ้ายมีเนื้อ
แน่นลวดลายไม่ซับซ้อน แต่ระยะแรกของการทอผ้านั้นจะ
ทอเพื่อใช้กันในครัวเรือนและแจกจ่ายญาติ ผ้าที่ทอจะ
เป็นผ้าพื้นเรียบๆ ไม่มีลวดลาย ต่อมาในสมัยกรุง
ศรีอยุธยาตอนปลายเมื่อมีการติดต่อค้าขายกับชาวต่าง
ชาติวัฒนธรรมการทอผ้าถูกถ่ายทอดเข้ามาทำให้รูปแบบ
การทอผ้าเปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบยกดอกชนิดต่างๆ
ผ้าทอเกาะยอเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
ที่ได้รับการสานต่อมานานนับร้อยปีจนสามารถสร้างราย
ได้ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนได้เพราะชาวบ้านนำ
มาประกอบอาชีพในท้องถิ่น
ที่ตั้งชุมชนเกาะยอ 2
เกาะยอตั้งอยู่ที่ทะเลสาบสงขลา ขึ้นอยู่กับ
อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา อยู่ห่างจาก
ตัวเมืองจังหวัดสงขลา 14 กิโลเมตรการเดิน
ทางต้องผ่านทางสะพานติณสูลานนทเป็นเกาะที่
มี ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมีผลไม้ขึ้น
ชื่อและปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยงที่น่าสนใจ
แหล่งหนึ่งใน จังหวัดสงขลา
ความเป็นมาของชุมชเกาะยอ 3
เกาะยอในยุคแรกเริ่มประวัติศาสตร์มีสภาพเป็นป่าเขายัง
ไม่มีผู้คนอพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐาน แต่เนื่องจากเป็นเกาะที่มีความ
อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติทำให้มีผู้คนอพยพตั้ง
ถิ่นฐานเมื่อหลายร้อยปี จนเกิดชุมชนขยายตัวไปรอบๆเกาะยอ
กลุ่มคนจีนอพยพจากเมืองจีน นอกจากนี้แล้วคงจะมีกลุ่มคน
ไทยที่นับถือพุทธศาสนาจากท้องถิ่นเมืองสงขลาได้อพยพเข้ามา
ตั้งถิ่นฐานส่วนหนึ่งด้วย จึงได้พบหลักฐานเจดีย์บรรจุอัฐิสมเด็จ
เจ้าเกาะยอบนยอดเขากุฎที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา จากหลักฐาน
ดังกล่าวพอสรุปได้ว่าชาวเกาะยอในรุ่นแรกๆ ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน
เป็นชาวไทยและชาวจีนจากโพ้นทะเลซึ่งผู้คนกลุ่มนี้ต่อมาได้ผสม
กลมกลืนทางสังคมและวัฒนธรรมกับคนไทยพื้นถิ่นได้กลาย
เป็นตัวตนที่แท้จริงของชาวเกาะยอสืบทอดมาจนปัจจุบัน
สะพานติณสูลานนท์ 4
หลังจากมีการสร้างสะพานติณสูลานนท์เชื่อมเกาะยอ
กับแผ่นดินใหญ่ พ.ศ. 2529 เป็นต้นมาทำให้ชาวเกาะยอ
หันมาประกอบอาชีพใหม่ๆ มากขึ้นที่สำคัญได้แก่ การ
ค้าขายและการรับจ้าง
การค้าขายของชาวเกาะยอจะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ
ลงทุนกับร้านอาหารเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว
เป็นการค้าขายของชาวบ้าน การค้าขายสินค้าพื้น
เมือง ผลไม้ต่างๆ ผ้าพื้นเมือง
รวมถึงผ้าทอเกาะยอ
ผ้าทอเกาะยอ 5
ผ้าทอเกาะยอ หรือ ผ้าเกาะยอ เป็นผ้าทอพื้น
เมืองของตำบลเกาะยอ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
เป็นผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสงขลาที่มี
ความประณีตและสีสันที่สวยงาม โดยมีการทอยกด
อกที่มีลวดลายอ่อนนุ่ม ถือเป็นสัญลักษณ์
หัตถกรรมพื้นบ้านของภาคใต้และยังเป็นสุดยอด
ผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ OTOP
อุตสาหกรรมการทอผ้าในครัวเรือนจึงเป็น
อุตสาหกรรมที่น่าสนใจ มีความสำคัญต่อการ
พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดสงขลา ช่วย
ให้คนในท้องถิ่นมีงานททำก่อให้เกิดรายได้ ลดการ
ว่างเงิน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นทั้งนี้ในตำบลเกาะยอมี
ผู้ประกอบการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอเกาะยออยู่
หลายกลุ่ม ซึ่งบางกลุ่มก็ไม่ประสบความสำเร็จและ
ไม่ได้ดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่องทั้งนี้พบว่ามีกลุ่ม
วิสาหกิจชุมชนเพียงจำนวนไม่มากที่ประสบความ
สำเร็จและยังคงดำเนินกิจการอยู่จนถึงปัจจุบัน เช่น
กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทอผ้าเกาะยอ กลุ่มราชวัตถ์
แสงส่องหล้ากลุ่มดอกพิกุลกลุ่มผ้า ทอร่มไทรกลุ่ม
ผ้าทอเกาะยอป้าลิ่ม เป็นต้น
การทอผ้าในอดีต 6
ชาวเกาะยอในอดีต มักจะทอผ้าเป็นพื้นเรียบเพื่อ
นำมาใช้สอยและใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้ากับ
ต่างถิ่น เกาะยอเป็นแหล่งผลิตผ้าทอส่งไป
จำหน่ายในตัวเมืองสงขลามาตลอดเป็นระยะเวลา
อันยาวนาน ทำให้กรมการเมืองสงขลาเห็นความ
สำคัญของการทอผ้าจึงต้องการจะเพิ่มผลผลิต
ให้เร็วขึ้นกว่าการทอผ้าด้วยกี่มือหรือกี่พื้นบ้าน
และสอดคล้องกับนโยบายรัฐนิยมของจอมพล
แปลก พิบูลสงความ ในขณะนั้น ส่งเสริมให้คน
ไทยใช้ของที่ผลิตในประเทศไทยจึงเป็นผลให้ชาว
เกาะยอเริ่มเปลี่ยนจากการทอผ้าด้วยกี่มือหรือกี่
พื้นบ้านมาเป็นการทอผ้าด้วยกี่กระตุก จึงขอให้
ครูจีน 2 คน ซึ่งเป็นครูทอผ้าจากเซี่ยงไฮ้ คือ
นายพุดดิ้น และ นายยี่ลุ่น มาสอนการทอผ้าด้วย
กี่กระตุกในปี พ.ศ. 2482 ให้ชาวเกาะยอเป็นครั้ง
แรก โดยใช้สถานที่ของวัดแหลมพ้อ มีคนในเกาะ
ยอมาเรียนการทอผ้าหลายคน
7
ครูจีน นายยี่ลุ่น
ภาพถ่ายโดย ทีปกา โยธารักษ์
บันทึกภาพเมื่อ 25 กุมภาพันธ์
2560
8
คณะนักเรียน
คณะนักเรียนที่ได้เรียนการทอผ้ากี่กระตุก
กับครูจีนทั้ง 2 คน
ภาพถ่ายโดย ทีปกา โยธารักษ์ บันทึกภาพ
เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2560
นายยี่ แสงอรุณ 9
เป็นคนที่ให้ความสนใจมาก
และตักตวงความรู้ได้มากที่สุดใน
การเรียนการทอผ้ากับครูจีน ซึ่งเป็น
ผู้ช่วยครูสอนทอผ้าคนสำคัญของ
เกาะยอ นับได้ว่าเป็นศิษย์เอก ครูตา
กริ้ม สินธุรัตน์ ได้เล่าว่า นายยี่
แสงอรุณ ได้พัฒนาการทอผ้ามา
เป็นผ้าขนหนู ผ้ามุ้ง ซึ่งทอได้ยาก
มากเมื่อครูจีนกลับไปแล้ว นายยี่จึง
ได้จัดตั้งโรงทอผ้าขึ้นเป็นแห่งแรก
ขอเกาะยอที่บ้านนายยี่ ณ หมู่4
บ้านสวนทุเรียน โดยมีนายทุนจาก
ตัวเมืองสงขลาเป็นผู้ออกเงินให้
นายยี่จึงเกณฑ์คนในเกาะยอมาเรียน
การทอผ้า
10
นายยี่ แสงอรุณ
ภาพถ่ายโดย ทีปกา โยธารักษ์
บันทึกภาพเมื่อ 25 กุมภาพันธ์
2560
นายกริ้ม สินธุรัตน์ 11
ได้เข้าไปเรียนการทำกี่การผูก
กระตอและการทอผ้า เนื่องจากที่
บ้านก็ทำอยู่ด้วย ได้เรียน
กระบวนการทอผ้าด้วยกี่กระตุกโดย
ใช้ระยะเวลาในการเรียน 1 ปี จึง
กลับไปเปิดโรงทอผ้าที่บ้านของตน
และถ่ายทอดภูมิปัญญาให้กับคนใน
ครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อน
บ้านในละแวกใกล้เคียง จึงทำให้กี่
กระตุกกระจายไปทั่วทั้งเกาะยอ
เนื่องจากใช้เวลาในการทอได้จำนวน
มากกว่า 1 ผืนต่อวัน ซึ่งมีความ
รวดเร็วกว่ากี่ทอมือที่ใช้เวลานานนับ
เดือนกว่าจะได้ผ้าทอ 1 ผืนมา ด้วย
เหตุนี้ทำให้กี่พื้นบ้านพื้นบ้านหรือกี่
มือค่อยๆหายไป
ต่อมาช่วงเวลา 2484-2488 12
เกิดสงครามโลกครั้ง 2
เป็นเหตุที่ทำให้การทอ
ผ้าของเกาะยอหยุดซะงัก
ไปเพราะภัยของสงคราม
เส้นใยต่างๆก็เริ่มหายาก
หลังจากสงครามโลกครั้งที่
2 ในยุค สมัยจอมพล
แปลก พิบูลสงคราม ได้ให้
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา
ทางฟื้ นฟูการทอผ้าเกาะยอ
ขึ้นมาใหม่
แต่ดำเนินไปไม่ค่อยสะดวกเนื่องจากขาดแคลนเส้น
ด้าย และผ้าจากต่างประเทศที่มีสีสันสวยงาม ราคาถูก
กว่า มีคุณภาพที่ดีกว่า ผู้คนก็หันไปนิยมใช้ผ้าจากโรงงาน
มากกว่า ในที่สุดผ้าทอเกาะยอก็ถูกลืมไปนานกว่า 30 ปี
การฟื้นฟูของผ้าทอเกาะยอ 13
พ.ศ. 2516
ได้เริ่มมีการส่งเสริมโดยสมาคมสตรีนักธุรกิจและ
วิชาชีพแห่งประเทศไทย ซึ่งมีคุณหญิงชื่นจิต สุขุม เป็น
นายกสมาคมฯส่งเสริมการทอผ้าโดย ผู้เชี่ยวชาญเข้ามา
อบรมการทอผ้าสอนวิธีการย้อมสีเส้นใยและนำเส้นใย
สังเคราะห์เข้ามาใช้ในการทอผ้าทำให้ผ้าเกาะยอมีคุณภาพ
ที่ดีขึ้นและสีสันสวยงาม
โดยมี นายกริ้ม สินธุรัตน์ เป็นครูช่าง ที่ช่วยถ่ายทอด
ความรู้และทักษะการทอผ้าให้กับชาวบ้าน ซึ่งเป็นผู้ที่
รอบรู้ถึงวิธีการและกระบวนการทอผ้าในทุกขั้นตอนได้
เป็นอย่างดี แต่ในระยะแรกๆใช้วิธีการทอผ้าแบบการทอ
ด้วยกี่มือที่มีโครงสร้างเป็นไม้ไผ่ ซึ่งเป็นการทอผ้าที่มี
ลักษณะผ้าพื้นเรียบๆไม่มีลวดลายเนื่องจากมีการทอผ้าที่
ใช้กันในครัวเรือนและแจกจ่ายให้ญาติ จนมาถึงในสมัย
กรุงศรีอยุธยาตอนปลายได้มีการติดต่อค้าขายกับชาวต่าง
ชาติ ทำให้วัฒนธรรมในการทอผ้าถูกถ่ายทอดเข้ามาใน
รูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปในแบบการทอผ้าแบบยกดอก
ชนิดต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันลายที่พบนั้นมีทั้งแบบโบราณ
และแบบประยุกต์ ลวดลายของผ้าทอที่ได้ถูกดัดแปลงขึ้น
ให้มีความหลากหลาย ทำให้ผ้าทอเกาะยอมีลักษณะเด่น
คือ สวยงามประณีต ลายผ้าทอมีหลากหลายและมี
ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์
การฟื้นฟูของผ้าทอเกาะยอ 14
พ.ศ. 2517
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม
ราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าฯ ให้
นายกริ้ม สินธุรัตน์ ไปเป็นครูสอนทอผ้าที่
ศูนย์พัฒนาอาชีพ จังหวัดนราธิวาส และยัง
ได้รับโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ให้ไปสอนการทอ
ผ้าที่จังหวัดปัตตานีและจังหวัดยะลา โดย
ไท่ด้ารนับเปเ็งินนชเ่ดาืงอชนั้นจคารูกท่สาำน
นหักนึพ่งระราชวัง
นับว่า
การฟื้นฟูของผ้าทอเกาะยอ 15
พ.ศ. 2544
การทอผ้าในชุมชนนี้ ถือได้ว่าเป็นอัต
ลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของชุมชน จึงมี
วัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนส่ง
เสริมให้สมาชิกมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นสร้างความ
สามัคคีในหมู่สมาชิกและสืบสานภูมิปัญญาท้อง
ถิ่นด้านการทอผ้าเกาะยอ ซึ่งความรู้ที่กลุ่ม
กำหนดขึ้นเป็นความรู้ที่ชุมชนสืบต่อกันมาช้า
นาน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทอผ้าเกาะยอ จึงได้
จดทะเบียนจัดตั้งกลุ่มขึ้น
การฟื้นฟูของผ้าทอเกาะยอ 16
พ.ศ. 2549
ผ้าทอเกาะยอได้รับคัดสรรให้เป็น
ผลิตภัณฑ์เด่นของจังหวัดสงขลา และได้รับ
เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน
(มผช.) เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพและสร้าง
ความมั่นในใจให้กับผู้ใช้ผ้าทอเกาะยอ ถือเป็น
สัญญาลักษณ์หัตถกรรมพื้นบ้านของภาคใต้
และยังเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่ง
ผลิตภัณฑ์ OTOP
ผ้าทอเกาะยอในยุครุ่งเรือง 17
พ.ศ. 2545
ได้มีการก่อตั้งกลุ่มทอผ้าร่มไทรเพื่อให้
เป็นแหล่งเรียนรู้และเผยแพร่ภูมิปัญญาด้าน
การทอผ้าเกาะยอ โดยมีนายกริ้ม สินธุรัตน์
เป็นที่ปรึกษา และนางสาวจงกลนี สุวรรณ
พรรค เป็นประธานกลุ่ม โดยมีการถ่ายทอด
ความรู้ในเรื่องการทอผ้าด้วยกี่กระตุกให้กับ
สมาชิกและผู้ที่สนใจ
โดยมีสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่ง
ประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ สาขา
จังหวัดสงขลา โดยมีนางประณีต ดิษยะศริน
นายกสมาคมฯ (ในสมัยนั้น) ได้ให้การ
สนับสนุน
18
ลักษณะโดดเด่นของผ้าทอเกาะยอ
ผ้าทอเกาะยอเป็นผ้าทอที่มีลักษณะทาง
ด้านความงามและพิเศษเฉพาะตัว ดังนี้
ความสมดุล ผ้าทอเกาะยอส่วนใหญ่จะมี
ความสมดุลทั้งสองข้าง เช่น ลายดอกจันทร์ลาย
ข้าวหลามตัด
สัดส่วน คุณค่าของความงามอีกอย่างหนึ่ง
ที่เกิดจากสัดส่วนที่ลงตัวทำให้เหมาะกับการนำ
ไปใช้ประโยชน์ กล่าวคือขนาดของผืนผ้าไม่กว้าง
หรือแคบจนเกินไป
ความประสานกลมกลืน มีทั้งการประสาน
กลมกลืนกันด้วยสี ขนาดและรูปทรงต่างๆ
สำหรับการผสมกลมกลืนของสีนั้น ผู้ทอมักเลือก
ใช้สีวรรณะเดียวกันในผืนผ้าเดียวกัน เช่น แดง
ส้ม ส้มแดง ม่วงแดง ส้มเหลือง เป็นต้น
19
ขั้นตอนการทอผ้า 20
การเตรียมเส้นด้ายยืน ประกอบด้วย
กรรมวิธีต่างๆ คือก่อนจะทอผ้า ช่างจะต้องนำ
ด้ายริ้วที่เป็นไจ นำไปกรอเข้าหลอดเพื่อสำหรับ
งานโดยเฉพาะ เมื่อสอดด้ายเข้าพิมพ์เสร็จแล้ว
ก็นำไปขึงบนกี่สำหรับเก็บตะกอหรือร้อยตะกอ
ต่อไป
ขั้นตอนการทอผ้า 21
สับตะกอให้ด้ายแยกออกจากกัน
โดยใช้เท้าเหยียบคานเหยียบที่อยู่ข้าง
ล่างเพื่อเปิดช่องว่างสำหรับให้ด้ายพุ่ง
ผ่านเข้าไปได้
ขั้นตอนการทอผ้า 22
การเตรียมเส้นพุ่ง เริ่มจากการที่ช่างทอกรอด้าย
ที่จะใช้เป็นด้ายพุ่งเข้ากระสวยแล้วนำกระสวยแต่ละสี
ไปใส่ในรางกระสวย โดยใช้มือพุ่งกระสวยด้ายพุ่งให้
สอดไปตามหว่างด้ายที่มีช่องสอดกระสวยซึ่งทำด้วยไม้
เส้นพุ่งที่ถูกกรอไว้กับหลอดด้าย
กระสวยสำหรับใส่เส้นพุ่ง สอดพุ่งตาม
แนวนอนขัดกับเส้นยืน
ขั้นตอนการทอผ้า 23
ลำดับขั้นการทอในกี่กระตุกสับตะกอให้ด้าย
ยืนแยกออกจากกัน โดยมีที่เหยีบอยู่ข้างล่าง
(ใช้เท้าเหยียบ) เป็นการเปิดช่อว่างสำหรับด้าย
พุ่งผ่านเข้าไปได้ ใช้มือพุ่งกระสวยด้ายให้สอดไป
ตามระหว่างด้ายโดยมีช่องสอดกระสวยซึ่งทำ
ด้วยไม้ ปล่อยเท้าที่เหยียบเครื่องบังคับตะกอ
เพื่อให้ด้ายพุ่งรวมเป็นหมู่เดียวกันตามเดิม
กระทบฟันหวีโดยแรง ฟันหวีจะพาด้ายพุ่งให้เข้า
มาชิดกันเป็นเส้นตรง เหยียบที่บังคับตะกออีก
ครั้งหนึ่ง
ขั้นตอนการทอผ้า 24
เหยียบคานเหยียบอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งตรงกันข้ามกับขั้นที่ ๒ กระทบ
ฟันหวีโดยแรงอีกครั้งหนึ่ง จากนั้น
จึงพุ่งด้ายเส้นที่ ๒ จะทำให้ได้ผ้า
เนื้อแน่นขึ้น
25
ครูสอนการทอผ้าให้ชาวเกาะยอ
ครูวิหลุน แช่หลี
ครูสอนการทอผ้าให้ชาวเกาะยอ
(พ.ศ. ๒๔๘๗)
ภาพจาก : ผ้าทอภาคใต้, ๒๕๓๘, ๕๒
สรุป 26
ผ้าทอเกาะยอ หรือ ผ้าเกาะยอ
เป็นผ้าทอพื้นเมืองของตำบลเกาะยอ
อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เป็นผ้าพื้นเมือง
ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสงขลาที่มีความ
ประณีตและสีสันที่สวยงาม โดยมีการทอย
กดอกที่มีลวดลายอ่อนนุ่ม ถือเป็น
สัญลักษณ์หัตถกรรมพื้นบ้านของภาคใต้
และยังเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล
หนึ่งผลิตภัณฑ์ OTOP อุตสาหกรรมการทอ
ผ้าในครัวเรือนจึงเป็นอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ
มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมของจังหวัดสงขลา
สรุป 27
ซึ่งการทอผ้าในอดีต มักจะทอผ้าเป็น
พื้นเรียบเพื่อนำมาใช้สอยและใช้ในการแลก
เปลี่ยนสินค้ากับต่างถิ่นนโยบายรัฐนิยมของ
จอมพลแปลก พิบูลสงความ ในขณะนั้น ส่ง
เสริมให้คนไทยใช้ของที่ผลิตในประเทศไทย
จึงเป็นผลให้ชาวเกาะยอเริ่มเปลี่ยนจากการ
ทอผ้าด้วยกี่มือหรือกี่พื้นบ้านมาเป็นการทอ
ผ้าด้วยกี่กระตุก จึงขอให้ครูจีน 2 คน ซึ่ง
เป็นครูทอผ้าจากเซี่ยงไฮ้ คือนายพุดดิ้น และ
นายยี่ลุ่น มาสอนการทอผ้าด้วยกี่กระตุกในปี
พ.ศ. 2482 ให้ชาวเกาะยอเป็นครั้งแรก
สรุป 28
พ.ศ. 2516 ได้เริ่มมีการส่งเสริม
โดยสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพ
แห่งประเทศไทยส่งเสริมการทอผ้าโดย
ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาอบรมการทอผ้าสอนวิธีการ
ย้อมสีเส้นใยและนำเส้นใยสังเคราะห์เข้ามาใช้ใน
การทอผ้าทำให้ผ้าเกาะยอมีคุณภาพที่ดีขึ้นและ
สีสันสวยงาม เมื่อได้มีการติดต่อค้าขายกับชาว
ต่างชาติ ทำให้วัฒนธรรมในการทอผ้าถูก
ถ่ายทอดเข้ามาในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปใน
แบบการทอผ้าแบบยกดอกชนิดต่างๆ ซึ่งใน
ปัจจุบันลายที่พบนั้นมีทั้งแบบโบราณและแบบ
ประยุกต์ ลวดลายของผ้าทอที่ได้ถูกดัดแปลงขึ้น
ให้มีความหลากหลาย ทำให้ผ้าทอเกาะยอมี
ลักษณะเด่น คือ สวยงามประณีต ลายผ้าทอมี
หลากหลายและมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์
การทอผ้าในชุมชนนี้ ถือได้ว่าเป็นอัตลักษณ์ที่
สำคัญอย่างหนึ่งของชุมชนและได้รับคัดสรรให้
เป็นผลิตภัณฑ์เด่นของจังหวัดสงขลา
สรุป 29
ต่อมาได้มีการก่อตั้งกลุ่มทอผ้า
ร่มไทรเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้และเผย
แพร่ภูมิปัญญาด้านการทอผ้าเกาะยอ
โดยมีนายกริ้ม สินธุรัตน์ เป็นที่
ปรึกษา และนางสาวจงกลนี สุวรรณ
พรรค เป็นประธานกลุ่ม โดยมีการ
ถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการทอผ้าด้วย
กี่กระตุกให้กับสมาชิกและผู้ที่สนใจ
บรรณาณุกรม 30
ทีปกา โยธารักษ์ (2559) ผ้าทอเกาะยอ : ทุนทางวัฒนธรรม
ในยุคโลกาภิวัตน์ กรณีศึกษา กลุ่มราชวัตถ์แสงส่องหล้าที่1
ภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
http://www.sure.su.ac.th/xmlui/bitstream/id/a6ca8f7f-
61ca-4a61-989c-2edabd14d579/BA_Teepaka_yotharuk.pdf?
attempt=2&fbclid=IwAR2NnqlZGQUiEHq7R16bK3GBXrKnJTI
wYtb3Dkg1UEKIWDe75T1bigDv2EQ
ผ้าทอเกาะยอ : กลุ่มทอผ้าร่มไทร สถาบันทักษิณคดีศึกษา
มหาวิทยาลัยทักษิณ
https://ists.tsu.ac.th/menuDetail.php?
pid=496&fbclid=IwAR1dVWqQ4pSGP8BxjZDgxYnL_Tj6Fg
UpXRE5a9lWeXQ_m_xfCEqoCvvnAAw
ยมนา สินธุรัตน์ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มร่มไทร
(2560) (ฉบับปรับปรุง) องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะยอ
https://kohyor.go.th/otop/detail/1174/data.html
ชนี กัลยาณคุณาวุฒิ (2538) ผ้าทอภาคใต้ สงขลา : คณะ
วิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
หนังสือผ้าไทยจังหวัดสงขลา : ผ้าทอสองนที ผ้าเนื้อดี ผ้าทอ
เกาะยอ (2554) สงขลา : เอสพริ้นท์ (2004)
https://clib.psu.ac.th/southerninfo/content/2/279259a6