แบบฝึกทักษะ
ถ้อยคำ สำนวน
สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จัดทำโดย
นางสาวเชษฐ์สุดา ศรีนวลดี
คณะครุศาสตร์ สาขาการสอนภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
คำ นำ
แบบฝึกทักษะถ้อยคำสำนวน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้ภาษาไทยเล่มนี้ จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยและมุ่งเน้น
ให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องของสำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ซึ่งได้
นำเสนอเนื้อหา แบบฝึกทักษะ แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนให้สอดคล้องกัน เพื่อให้
ผู้เรียนมีโอกาสพัฒนาตนเองจนเต็มความสามารถ โดยเริ่มจากเแบบฝึกทักษะที่ง่ายไปถึง
แบบฝึกทักษะที่ยากเพื่อมุ่งหวังให้นักเรียนมีความรู้เรื่องสำนวนสุภาษิตและคำพังเพยมากขึ้น
ตลอดจนสามารนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แบบฝึกทักษะถ้อยคำสำนวน สำหรับนักเรียนชั้นประถม
ศึกษาปีที่ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์กับนักเรียนที่มีความสนใจ
เรื่องสำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ให้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
นางสาว เชษฐ์สุดา ศรีนวลดี
ผู้จัดทำ
ส า ร บั ญ ๑. คำชี้แจง ก
คำแนะนำสำหรับครู ๑
คำแนะนำสำหรับนักเรียน ๓
จุดประสงค์การเรียนรู้ ๔
แบบทดสอบก่อนเรียน ๕
๒. ใบความรู้
สำนวน ๑๐
สุภาษิต ๑๑
คำพั งเพย ๑๒
ที่มาของสำนวน ๑๔
ลักษณะของสำนวน ๑๖
คุณค่าและวิธีการใช้สำนวน ๑๗
ตัวอย่างสำนวนสุภาษิตและคำพั งเพย ๑๘
๓. แบบฝึกทักษะ ๓๓
๓๕
แบบฝึกทักษะที่ ๑ ๓๖
แบบฝึกทักษะที่ ๒ ๓๘
แบบฝึกทักษะที่ ๓ ๓๙
แบบฝึกทักษะที่ ๔ ๔๐
แบบฝึกทักษะที่ ๕ ๔๑
แบบฝึกทักษะที่ ๖ ๔๓
แบบฝึกทักษะที่ ๗ ๔๕
แบบฝึกทักษะที่ ๘ ๔๗
แบบฝึกทักษะที่ ๙ ๔๘
แบบฝึกทักษะที่ ๑๐
แบบทดสอบหลังเรียน
แ บ บ ฝึ ก ทั ก ษ ะ เ รื่ อ ง ถ้ อ ย คำ สำ น ว น
๔. ภาคผนวก ข
แบบบันทึกผลการฝึกทักษะ ๕๓
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ๕๔
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๑ ๕๙
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๒ ๖๑
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๓ ๖๒
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๔ ๖๔
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๕ ๖๕
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๖ ๖๖
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๗ ๖๗
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๘ ๖๙
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๙ ๗๑
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๑๐ ๗๓
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ๗๔
๕. บรรณานุกรม
ส า ร บั ญ
แ บ บ ฝึ ก ทั ก ษ ะ เ รื่ อ ง ถ้ อ ย คำ สำ น ว น
๑.
คำ แ น ะ นำ สำ ห รั บ ค รู
คำแนะนำสำหรับครู
แบบฝึกทักษะการเขียนสร้างสรรค์ เรื่อง การเขียนถ้อยคำสำนวนเล่มนี้ใช้ประกอบ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โดยครูผู้สอน
ปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้
๑. ครูผู้สอนควรให้คําแนะนําขั้นตอนการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องการเขียนถ้อยคําสํานวนแก่นักเรียนอย่างละเอียด เพื่อให้
นักเรียนแต่ละคนเข้าใจตรงกันรวมทั้งการ
ให้คะแนนทั้งการทดสอบ ก่อนเรียน หลังเรียน
และคะแนนจากแบบฝึกทักษะแต่ละกิจกรรม
๒. แบบฝึกทักษะนี้นอกจากการใช้สอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ แล้วยังสามารถ
นําไปใช้สอนเสริมนอกเวลาเรียนปกติ หรือตามความเหมาะสม
๓. ครูผู้สอนต้องอธิบายขั้นตอนการใช้แบบฝึกทักษะนี้กับนักเรียนทีละขั้นตอนโดย
ให้นักเรียนทําแบบทดสอบก่อนเรียนก่อนศึกษาเนื้อหาและทําแบบฝึกทักษะ ครูจะต้องบันทึก
คะแนนทุกครั้งไว้ด้วย
๔. ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามความเหมาะสมโดยใช้แบบฝึกทักษะ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้
๒.
คำ แ น ะ นำ สำ ห รั บ ค รู
คำแนะนำสำหรับครู
๕. ครูผู้สอนให้นักเรียนศึกษาใบความรู้ ที่อยู่ในแบบฝึกทักษะ โดยศึกษา ทําความเข้าใจ
อธิบาย ซักถามประกอบ แล้วจึงให้นักเรียนทําแบบฝึกทักษะในแต่ละกิจกรรม
๖. ก่อนทําแบบฝึกทักษะในแต่ละกิจกรรม ครูผู้สอนควรเน้นให้นักเรียนอ่านและทํา
ความเข้าใจกับคําชี้แจงและตัวอย่างให้ชัดเจน
๗. ครูผู้สอนตรวจแบบฝึกทักษะที่นักเรียนได้ทําแบบฝึกพร้อมบันทึกคะแนน ทุกครั้งให้
เรียบร้อย
๘. ครูผู้สอนประเมินตามเกณฑ์การประเมินที่ได้กําหนดไว้
๙. ครูผู้สอนควรเสริมแรงจูงใจ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และทําแบบฝึกทักษะ ในแต่ละ
แบบฝึกอย่างสม่ําเสมอ
๓.
คำ แ น ะ นำ สำ ห รั บ นั ก เ รี ย น
คำแนะนำสำหรับนักเรียน
๑. อ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ของแต่ละแบบฝึกทักษะ
๒. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนก่อนทำกิจกรรมในแบบฝึกทักษะ
๓. อ่านใบความรู้การเขียนถ้อยคำสำนวน
๔. ทำแบบฝึกทักษะ ๑-๑๐
๕. ทำแบบทดสอบหลังเรียนหลัง
๖. นักเรียนฝึกคุณลักษณะนิสัยใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานมีความซื่อสัตย์
ไม่แอบดูเฉลยหลังแบบฝึกทักษะ
๗. นักเรียนสามารถนำแบบฝึกทักษะไปศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองนอกเวลาเรียนได้แต่นักเรียนต้องมี
ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง
๘. เมื่อพบปัญหาข้อสงสัยให้สอบถามและขอคำแนะนำจากครู
๔.
จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ก า ร เ รี ย น รู้
จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. นักเรียนสามารถจับคู่ภาพกับถ้อยคําสํานวนได้
๒. นักเรียนสามารถเติมคําในประโยคถ้อยคําสํานวนได้
๓. นักเรียนสามารถเรียงถ้อยคําสํานวนได้
๔. นักเรียนสามารถเขียนถ้อยคำสำนวนได้ถูกต้อง
๕. นักเรียนสามารถจับคู่สำนวนกับความหมายได้
๖. นักเรียนสามารถบอกความหมายของถ้อยคำสำนวนได้ถูกต้อง
๗. นักเรียนสามารถเขียนความหมายของถ้อยคำสำนวนได้
๘. นักเรียนสามารถเขียนถ้อยคำสำนวนจากความหมายได้
๙. นักเรียนสามารถเขียนถ้อยคำสำนวนจากรูปภาพที่กำหนดได้
๑๐. นักเรียนสามารถแต่งประโยคจากถ้อยคำสำนวนได้
๕.
แบบทดสอบก่อนเรียน
จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนสามารถตอบคำถามได้ถูกต้อง
คำชี้แจง ให้นักเรียน คำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
๑.ข้อใดตรงกับความหมายของสำนวน
ก. ถ้อยคำที่เรียบเรียงเป็นข้อความ หรือคำพูดที่ชั้นเชิงโดยมีความหมายแฝงอยู่
ข. ถ้อยคำที่กล่าวแนะนำ สั่งสอน เตือนสติ ด้วยหลักความจริง
ค. เป็นการกล่าวเปรียบเทียบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ง. ข้อความที่คอยเตือนใจ
๒.ข้อใดตรงกับความหมายของสุภาษิต
ก. การกล่าวเปรียบเทียบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ข. ข้อความที่คอยเตือนใจ
ค. ถ้อยคำที่เรียบเรียงเป็นข้อความ หรือคำพูดที่ชั้นเชิง
ง. ถ้อยคำที่กล่าวแนะนำ สั่งสอน เตือนสติ ด้วยหลักความจริง
๓.ข้อใดตรงกับความหมายของคำพังเพย
ก. ถ้อยคำที่เรียบเรงเป็นข้อความ หรือคำพูดที่ชั้นเชิง
ข. ถ้อยคำที่กล่าวแนะนำ สั่งสอน เตือนสติ ด้วยหลักความจริง
ค. การเปรียบเทียบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ง. ข้อความที่คอยเตือนใจ
๔."ธัญญ่าไม่ชอบเอาเปรียบเพื่อน" ตรงกับสำนวนใด
ก. ทำนาบนหลังคน
ข. โลภมากลาภหาย
ค. น้ำน้อยแพ้ไฟ
ง. คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ
๖.
๕. ข้อใดตรงกับประโยชน์จากสำนวน สุภาษิต และคำพังเพยมากที่สุด
ก. นำหลักคำสอนมาประยุกต์ใช้
ข. ทำให้ทราบความหมายของแต่ละสำนวน
ค. ทำให้เยาวชนประพฤติ ปฏิบัติตนดีขึ้น
ง. ขัดเกลานิสัยเยาวชนให้อยู่ในกรอบและระเบียบมากขึ้น
๖.สำนวนใดมีความหมายเกี่ยวกับเรื่องการอยู่ร่วมกัน
ก. โลภมากลาภหาย
ข. น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า
ค. ขี่ช้างจับตั๊กแตน
ง. กินปูนร้อนท้อง
๗.สำนวนใดที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอยู๋เกี่ยวกับการทำมาให้กิน
ก. ของหายตะพายบาป
ข. ขุนไม่เชื่อง
ค. น้ำขึ้นให้รีบตัก
ง. เกลือจิ้มเกลือ
๘.พ่อของอรวรรณบังคับให้อรวรรณแต่งงานกับคนอื่น ตรงกับสำนวนใด
ก. น้ำขึ้นให้รีบตัก
ข. คลุมถุงชน
ค. น้ำกลิ้งบนในบอน
ง. ไม้เบื่อไม้เมา
๗.
๙.รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา เป็นคำประเภทใด
ก. สุภาษิต
ข. สำนวน
ค. คำพังเพย
ง. คติพจน์
๑๘.ข้อใดเป็นสำนวนที่มีที่มาจากเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน
ก. ติเรือท้้งโกลน
ข. ขนทรายเข้าวัด
ค. น้ำขึ้นให้รีบตัก
ง. ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
๑๑.การทำอะไรที่ต้องเสียทรัพย์มากมายแล้วได้ผลไม่คุ้มค่ากับเงินทองที่ต้องเสียไป
ตรงกับสำนวนใด
ก. ตีงูให้กากิน
ข. ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ค. ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น
ง. เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียนาน
๑๒. ต่างคนต่างแรงไม่ยอมกัน ตรงกับสำนวนใด
ก. ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
ข. ขนมพอสมน้ำยา
ค. ขิงก็ราข่าก็แรง
ง. เกลือจิ้มเกลือ
๘.
๑๓.ความงามของคนเสริมแต่งให้สวยได้ตรงกับข้อใด
ก. ผักชีโรยหน้า
ข. บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ให้ข่น
ค. ไก่งามเพราะคนขน คนงามเพราะแต่ง
ง. ถูกทุกข้อ
๑๔.สำนวนใด "มุ่งสอนผู้หญิงโดยเฉพาะ"
ก. ชิงสุกก่อนห่าม
ข. ปลูกเรือนคร่อมตอ
ค. น้ำตาลใกล้มด
ง. กินน้ำใต้ศอก
๑๕.ข้อใดเป็นสุภาษิตที่ปฏิบัติตัวตามผู้ใหญ่
ก. ไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยาก
ข. เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด
ค. เล่นกับหมา หมาเลียปาก
ง. เงาตามตัว
๑๖.ข้อใดมีความหมายตรงกับเสี่ยงทำสองอย่างพร้อม ๆ กัน
ก. จับปลาสองมือ
ข. วัวหายแล้วล้อมคอก
ค. สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
ง. ยื่นหมูยื่นแมว
๙.
๑๗.ให้ระมัดระวังคำพูดและการกระทำให้ดี อาจมีคนได้ยินหรือเห็นได้ ตรงกับสำนวนใด
ก. ตาเป็นนกแขวก
ข. ตาเป็นสับปะรด
ค. ตาเฟื้องตาสลึง
ง. กำแพงมีหู ประตูมีช่อง
๑๘.ข้อใดเป็นสำนวนที่มีที่มาจากวัฒนธรรมประเพณี
ก. ติเรือท้้งโกลน
ข. ขนทรายเข้าวัด
ค. น้ำขึ้นให้รีบตัก
ง. ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
๑๙."พูดให้เขวไปนอกเรื่อง" ตรงกับสำนวนข้อใด
ก. ชักใบให้เรือเสีย
ข. ชักน้ำเข้าลึก
ค. ชักศึกเข้าบ้าน
ง. ชักแม่น้ำทั้งห้า
๒๐.ผู้ที่มีสิ่งที่ตนไม่รู้คุณค่า อุปมาว่าอย่างไร
ก. กิ้งก่าได้ทอง
ข. ไก่ได้พลอย
ค. หัวล้านได้หวี
ง. ตาบอดได้แว่น
๑๐.
สำนวน
สำนวนหมายถึง ถ้อยคำหรือข้อความสั้น ๆ กะทัดรัด มีความหมายเชิงอุปมา
อุปมัยโดยมีนัยแฝงอยู่อย่างลึกซึ้ง มีความหมายไม่ตรงตามตัว จะเป็นการพูดเชิง
เปรียบเทียบ เชิงสั่งสอน และมักจะไม่แปลความหมายตรง ๆ ซึ่งผู้อ่านต้องตีความ
โดยปกติแล้วเราจะไม่แยกสำนวนสุภาษิตออกจากกันเรามักเรียกว่าเป็น
สำนวนหรือเป็นคําพังเพย หรือเรียกรวม ๆ ว่า เป็นสำนวนไทย ดังนั้น
สำนวน คือ ถ้อยคําที่เรียบเรียงโดยไม่เคร่งครัดในหลักไวยากรณ์แต่ก็ถือว่า
เป็นภาษาที่ถูกต้อง และมักมีความหมายไปในเชิงเปรียบเทียบ หรืออธิบายเรื่องราวโดย
เฉพาะสุภาษิตคําพังเพย ล้วนเป็นสํานวนที่น่าศึกษาในภาษาไทย อาทิ
สํานวนที่เป็นคําเดียว ได้แก่ หมู หิน เค็ม เปรี้ยว ฯลฯ
สํานวนที่เป็น ๒ คํา ได้แก่ ยกเมฆ แก่แดด ตาขาว ฯลฯ
สํานวนที่เป็น ๓ คํา ได้แก่ เสือติดจั่น ไก่ได้พลอย ฯลฯ
สํานวนที่เป็น ๔ คํา ได้แก่ แกว่งเท้าหาเสี้ยน กลิ้งครกขึ้นเขา ฯลฯ
สํานวนที่เป็น ๕ คํา ได้แก่ สีซอให้ควายฟัง น้ำขึ้นให้รีบตัก ฯลฯ
สํานวนที่เป็นวลีหรือประโยค ได้แก่ เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด
ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ ฯลฯ
๑๑.
สุภาษิต
สุภาษิต หมายถึง ข้อความสั้น ๆ กระทัดรัด แต่มีความหมายชัดเจนลึกซึ้ง มีคติ
สอนใจหรือความจริงเกี่ยวกับความคิดและแนวปฏิบัติที่สามารถพิสูจน์ เชื่อถือได้
กงเกวียน กำเกวียน ใช้ในความหมายว่า เวรสนองเวร, กรรมสนองกรรมคนซื่อสัตย์
ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ใช้ในความหมายว่า คนซื่อสัตย์จะอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้นาน และมี
ความมั่นคงในชีวิตการงาน ส่วนคนคดโกง
วัวใครเข้าคอกคนนั้น ใช้ในความหมายว่า อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ไม่นาน
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ใช้ในความหมายว่า กรรมใดใครก่อ ก็ย่อมได้รับผลกรรมนั้น
จะทำการใดๆ ควรคิด ควรศึกษา พยายาม
รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา ใช้ในความหมายว่า ทำด้วยตัวเองอย่างสุดความสามารถ ก่อนที่
จะไปพึ่งพา ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
ใฝ่ดีจะสบาย ใฝ่ชั่วจะลำบาก
๑๒.
คำพังเพย
คำพังเพย คือ มีลักษณะคล้ายสุภาษิตและเกือบเป็นสุภาษิตแต่ไม่ได้สอนใจหรือให้
ความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้โดยตรง เป็นถ้อยคําที่เปรียบเทียบเหตุการณ์ หรือเรื่องราวต่าง ๆ
ใช้ในทํานองเสียดสีประชดประชัน เป็นคำกล่าวที่มีลักษณะติ ชม แสดงความคิดเห็นอยู่ในตัว
กำแพงมีหู ประตูมีตา ใช้ในความหมายว่า ความลับไม่มีในโลก
กิ่งทองใบหยก ใช้ในความหมายว่า หญิงชายที่มีฐานะดีเสมอกันมีชื่อเสียง
เกียรติยศ เสมอกัน มาแต่งงานกัน
จุดไต้ตำตอ ใช้ในความหมายว่า พูดหรือทำสิ่งใดสิ่งหน่ึ่งกับเจ้าของเรื่อง
นั้นเองโดยผู้พูดหรือผู้ทำไม่รู้ตัว
ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ใช้ในความหมายว่า จัดงานฟุ่มเฟือยแต่ได้ผลไม่คุ้ม
ใช้จ่ายทรัพย์ไปในทางที่ไม่มีประโยชน์
ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ กำแพงมีหู ประตูมีตา
๑๓.
อ่านเสริมสักนิด
ถึงแม้ว่าจะสามารถแยกได้ว่าคำไหนเป็นสำนวน คำพังเพย และสุภาษิต
แต่ในทางปฏิบัติจริง ๆ มีปัญหามาก เพราะข้อความหรือคำกล่าวเช่นนี้มีจำนวนมาก
มีลักษณะคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างสำนวน สุภาษิต คำพังเพย จนไม่อาจตัดสินเด็ดขาดว่า
อยู่ในประเภทไหน เช่น
น้ำลดตอผุด (เป็นสำนวน เพราะความหมายไม่ตรงตามอักษร เป็นคำพังเพย
เพราะกล่าวติ หรือเย้อหยันคนชั่ว ที่ความชั่วนั้นปรากฏขึ้น เป็นสุภาษิต เพราะสอน
ความจริงที่ว่า ความชั่ว ความผิดพลาดนั้นไม่สามารถปิดบังได้ตลอดไป)
เพราะเหตุนี้จะไม่เน้นประเภทแต่จะเน้นความหมาย เพื่อจะนำไปใช้ได้ถูกต้อง
ตามกาลเทศะ และบุคคลในสถานการณ์ต่าง ๆ
๑๔.
ที่มาของสำนวน
๑. เกิดจากลักษณะหรือการกระทำที่เป็นไปตามธรรมชาติ อาทิ
คลื่นใต้น้ำ หมายถึง เหตุการณ์ที่กรุ่นอยู่ภายใน แต่ภายนอกดูเสมือนสงบเรียบร้อย
ตื่นแต่ไก่โห่ หมายถึง ตื่นตั้งแต่เช้ามืด
น้ำซึมบ่อทราย หมายถึง หาได้มาเรื่อย ๆ
๒. เกิดจากพฤติกรรมของคนหรือสัตว์ อาทิ
กระดี่ได้น้้ำ หมายถึง การแสดงความดีอกดีใจจนตัวสั่น
กระต่ายตื่นตูม หมายถึง อาการตื่นตกใจง่ายโดยไม่ทัน พิจารณาให้รอบคอบ
กัดหางตัวเอง หมายถึง พูดวกไปวนมา
๓. เกิดจากการเล่นกีฬา อาทิ
แก้เบี้ย หมายถึง ทําตอบแทน
สู้จนเย็บตา หมายถึง สู้ไม่ถอย, สู้จนถึงที่สุด
แฉโพย หมายถึง เปิดเผยข้อที่ปิดบังหรือความลับ
๔. เกิดจากวัฒนธรรมประเพณี อาทิ
ขนทรายเข้าวัด หมายถึง หาประโยชน์ให้ส่วนรวม
คลุมถุงชน หมายถึง ลักษณะการแต่งงานที่ผู้ใหญ่จัดการให้โดยที่เจ้าไม่เห็นด้วย
ราชรถมาเกย หมายถึง โชคลาภหรือยศตำแหน่งมาถึงโดยไม่รู้ตัวหรือคาดฝันมาก่อน
๑๕.
๖. เกิดจากอุบัติเหตุหรือการเผชิญสภาวะลำบาก อาทิ
ตกม้าตาย หมายถึง แพ้เร็ว ยุติเร็ว
ตกหลุมพราง หมายถึง เสียรู้ หลงกล
ตกกระไดพลอยโจน หมายถึง จำเป็นที่จะต้องยอมเข้าไปเกี่ยวขอ้งกับเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีทางเลี่ยง
๗. เกิดจากเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ
หอกข้างแคร่ หมายถึง สิ่งที่เป็นอันตรายอยู่ใกล้ต้ว
ติเรือท้้งโกลน หมายถึง ตำหนิสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จ, ติพล่อย ๆ
จวักตักแกง หมายถึง ทำอยู่กับมือแต่ไม่ได้รับความรู้จากสิ่งนั้น
๘. เกิดจากธรรมชาติของพืช อาทิ
เด็ดบัวไม่ไว้ใย หมายถึง ตัดญาติขาดมิตร
น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง หมายถึง พูดมากแต่ได้เนื้อหาน้อย
แตงร่มใบ หมายถึง ผิวขาวเป็นนวลใยในวัยสาว
๙. เกิดจากเหตุการณ์เรื่องราวในนิทาน ตำนาน วรรณคดี อาทิ
กิ้งก่าได้ท้อง หมายถึง เหิมเกริม ลืมตัว
งอมพระราม หมายถึง มีความทุกข์ยากลําบากเต็มที่
ปากพระร่วง หมายถึง วาจาศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น
๑๐. เกิดจากเหตุการณ์เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ อาทิ
ขอมดําดิน หมายถึง มาอย่างลี้ลับ
ไกลปืนเที่ยง หมายถึง ไม่รู้อะไรเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญ
ข้าเก่าเต่าเลี้ยง หมายถึง คนเก่าคนแก่
๑๖.
ลักษณะสํานวนไทย
สํานวนไทย มีลักษณะดังนี้
๑. ถ้อยคําที่ใช้เป็นสํานวนอาจเป็นเพียงคําเดียว หรือประกอบด้วยถ้อยคำ
ที่เรียงกันต้้งแต่ ๒ คำขึ้นไปซ่ึ่งบางสํานวนเป็นกลุ่มคำบางสํานวนเป็นประโยค
ซ่ึงมีท้้งความเดียวและประโยคความซ้อน
๒. สํานวนไทยบางสํานวนมีทั้งมีเสียงสัมผัสและไม่มีเสียงสัมผัสที่มีเสียง
สัมผัสมีเสียงสัมผัสในและสัมผัสนอก จะมีต้้งแต่ ๔ ถึง ๑๒ คำส่วนที่ไม่มีเสียงสัมผัส
จะมีต้้งแต่ ๒ ถึง ๘ คำบางสำนวนมีการใช้คำซ้ำและเล่นคำ
๓. เนื้อความของสำนวนมีทั้งที่มีเนื้อความตอนเดียว และมีเนื้อความสอง
ตอนขึ้นไป
๔. เนื้อหาของสำนวนจะมีหลากหลายดังนี้
๔.๑ เนื้อหาเกี่ยวกับรูปร่าง หน้าตาผิวพรรณ และกิริยาท่าทาง
๔.๒ เนื้อหาเกี่ยวกับลักษณะนิสัย กิริยาอาการและพฤติกรรม
๔.๓ เนื้อหาเกี่ยวกับจิตใจอารมณ์ความรู้สึก
๔.๔ เนื้อหาเกี่ยวกับการพูด
๔.๕ เนื้อหาเกี่ยวกับความรัก การมีคู่ และการครองเรือน
๔.๖ เนื้อหาเกี่ยวกับการศึกษาหาความรู้และการอบรมสั่งสอน
๔.๗ เนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นอยู่อาชีพ การดํารงชีวิต
๔.๘ เนื้อหาเกี่ยวกับการอยรู่วมกันในสังคม การเมืองการปกครอง
๔.๙ เนื้อหาเกี่ยวกับคุณธรรม การเตือนสติและคำสอนต่าง ๆ
๔.๑๐ เนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ สถานการณ์เวลา สถานที่
๑๗.
คุณค่าทางภาษาของสำนวนไทย
๑. สํานวนไทยเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของไทยที่สะท้อนความเป็นมา
ของชาติศาสนาและวัฒนธรรมประเพณี การดําเนินชีวิตที่เป็นจริงของคนไทยมาแต่โบราณ
จึงควรที่จะช่วยกันรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติสืบไป
๒. สํานวนไทยช่วยเสริมปัญญา พัฒนาตนและสังคม
วิธีการใช้สำนวน
การใช้สำนวนที่ถูกต้องเหมาะสมจะช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน ถูกต้อง และรวดเร็วโดยทั่วไปเราใช้สำนวนเพื่อ
การสื่อสารในกรณีต่อไปนี้
๑. ใช้ในการจูงใจเช่น ทำดีได้ดีทำชั่ว ได้ชั่ว แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร
๒. ใช้ย่อข้อความยาว ๆ เช่น ขิงก็รา ข่าก็แรง ตัดหางปล่อยวัด จับปลาสองมือ
๓. ใช้ขยายความหรือเน้นความเข้าใจ เช่น ปิดทองหลังพระ หนีเสือปะจระเข้
๔. ใช้แทนถ้อยคำที่ไม่ต้องการกล่าวตรง ๆ เช่น เฒ่าหวังงูสิ้นบุญ
ไก่แก่แม่ปลาช่อน
๕. ใช้เพิ่มสีสันและความสละสลวยของถ้อยคำในการสื่อสาร เช่น
ข้าวแดงแกงร้อน อยู่เย็นเป็นสุข
๑๘.
หมวด ก
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
กงเกวียนกำเกวียน ทำกับผู้อื่นอย่างไรก็จะได้รับผลอย่างนั้น
กบในกะลา ผู้มีความรู้และประสบการณ์น้อยแต่สำคัญ
ตนว่ามีความรู้มาก
ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ความสวยงามเกิดขึ้นได้จากการปรุงแต่ง
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ต่างฝ่ายต่างรู้ทันกัน
กรวดน้ำคว่ำขัน เลิกหรือตัดขาด
กินน้ำใต้ศอก อยู่ในภาวะจำยอม
หมวด ข
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ขนทรายเข้าวัด เอาสิ่งหนึ่งมาแทนอีกสิ่งหนึ่งพอให้ลุล่วงไป
ขิงก็รา ข่าก็แรง แสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ต้องลงทุน
ขี่ช้างจับตั๊กแตน พูดหรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งบังเอิญไปโดนเจ้าตัว
เข็นครกขึ้นภูเขา โดยผู้พูดหรือผู้ทำไม่รู้ตัว
ข้าวยากหมากแพง มุ่งจะเอาให้ได้ทั้ง ๒ อย่างพร้อมกัน
ในที่สุดไม่ได้สักอย่าง
๑๙.
หมวด ค
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
คลุมถุงชน ลักษณะการแต่งงานที่ผู้ใหญ่จัดการให้
โดยที่เจ้าตัวไม่รู้จักคุ้นเคยหรือรักกันมา
คว้าน้ำเหลว ก่อน ไม่ได้ผลตาม
คางคกขึ้นวอ ต้องการ
คนที่มีฐานะต่ำต้อย พอได้ดิบได้ดีก็มักแสดง
กิริยาอวดดี ลืมตัว
หมวด ฆ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ฆ่าควายอย่าเสียดายพริก เทําการใหญ่ไม่ควรตระหนี่
ฆ่าช้างเอางา ทำลายของใหญ่เพื่อให้ได้ของเล็กน้อยซึ่ง
ไม่คุ้มค่ากัน
๒๐.
หมวด ง
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
งมเข็มในมหาสมุทร ทำกิจที่สำเร็จได้ยาก
งอมืองอตีน เกียจคร้าน
เงยหน้าอ้าปาก มีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นพอจะเทียมหน้า
เทียมตาผู้อื่น
หมวด จ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
จับแพะชนแกะ เอาสิ่งหนึ่งมาแทนอีกสิ่งหนึ่งพอให้ลุล่วงไป
จับเสือมือเปล่า แสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ต้องลงทุน
จุดไต้ตำตอ พูดหรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งบังเอิญไปโดนเจ้าตัว
โดยผู้พูดหรือผู้ทำไม่รู้ตัว
จับปลาสองมือ มุ่งจะเอาให้ได้ทั้ง ๒ อย่างพร้อมกัน
ในที่สุดไม่ได้สักอย่าง
๒๑.
หมวด ช
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ชักแม่น้ำทั้งห้า พูดจาหว่านล้อมยกยอบุญคุณเพื่อขอ
สิ่งที่ประสงค์
ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม คอ่ ย ๆ คิดค่อย ๆ ทําแล้วจะสําเร็จผล
ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิดไม่มิด ความผิดร้ายแรงจะปิดอย่างไรก็ไม่มิด
ชิงสุกก่อนห่าม ทำสิ่งที่ยังไม่สมควรแก่วันหรือยังไม่ถึงเวลา
ชุบมือเปิบ ฉวยประโยชน์จากคนอื่นโดยไม่ได้ลงทุนลงแรง
หมวด ซ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าหนาว ทำอะไรไม่เหมาะกับกาลเวลาย่อมได้รับ
ความเดือดร้อน
๒๒.
หมวด ฒ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
เฒ่าหัวงู คนแก่หรือคนมีอายุมากที่มีเล่ห์เหลี่ยมหรือ
กลอุบาย หลอกเด็กผู้หญิงในทางกามารมณ์
หมวด ด
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ให้รู้จักพิจารณาลักษณะบุคคลหรือผู้หญิง
ที่จะเลือกเป็นคู่ครอง
เด็ดดอกไม้ร่วมต้น เคยทำบุญกุศลร่วมกันมาแต่ชาติก่อนจึงมา
อยู่ร่วมกันในชาตินี้
เดินตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด ประพฤติตามอย่างผู้ใหญ่ย่อมปลอดภัย
ได้ทีขี่แพะไล่ ซ้ำเติมเมื่อผู้อื่นทำพลาด
๒๓.
หมวด ต
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ตกอยู่ในที่คับขันอย่างไรก็ไม่เป็นอันตราย
ตำข้าวสารกรอกหม้อ ทำให้พอเสร็จไปชั่วครั้งหนึ่ง ๆ
ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ลงทุนไปมากแต่ได้ผลประโยชน์ไม่คุ้มทุน
ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงา ให้รู้จักฐานะที่ต่ำต้อยกว่าของตนและเจียมตัว
ตัดหางปล่อยวัด ตัดขาดไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่ช่วยเหลืออีกต่อไป
หมวด ถ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ถ่มน้ำลายรดฟ้า ประทุษร้ายต่อสิ่งที่สูงกว่าตน ตัวเองย่อม
ได้รับผลร้าย
ถอนรากถอนโคน ทำลายให้สิ้นเสี้ยนหนาม
ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น ดูเหมือนรอบคอบถี่ถ้วน แต่ไม่รอบคอบถี่ถ้วน
เถรส่องบาตร คนที่ทำอะไรตามเขาทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เรื่องราว
๒๔.
หมวด ท
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ทองไม่รู้ร้อน รู้จักผ่อนปรนเข้าหากัน มิให้กระทบกระเทือนใจ
ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป คนที่ชอบพูดส่อเสียดยุยงให้เขาแตกกัน
ทำนาบนหลังคน ถูกซ้ำเติมเมื่อพลาดพลั้งลง
ทำบุญเอาหน้า บ้าสมบัติ เห็นอะไรๆ เป็นของมีค่าจะเอาทั้งนั้น
เทือกเถาเหล่ากอ มีเงินน้อย, มีไม่มาก
หมวด น
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ อย่าขัดขวางผู้ที่มีอำนาจ
น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง พูดมาก แต่ไม่ค่อยได้เนื้อหาสาระ
นกน้อยทำรังแต่พอตัว รู้จักประมาณตน
น้ำขึ้นให้รีบตัก เมื่อโอกาสมาถึง ควรรีบทำ
๒๕.
หมวด บ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น รู้จักผ่อนปรนเข้าหากัน มิให้กระทบกระเทือนใจ
บ่างช่างยุ คนที่ชอบพูดส่อเสียดยุยงให้เขาแตกกัน
ถูกซ้ำเติมเมื่อพลาดพลั้งลง
บ้าหอบฟาง บ้าสมบัติ เห็นอะไรๆ เป็นของมีค่าจะเอาทั้งนั้น
เบี้ยน้อยหอยน้อย มีเงินน้อย, มีไม่มาก
หมวด ป
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยศัตรูไปอาจกลับมาทำร้ายภายหลังอีก
ปลาหมอตายเพราะปาก คนที่พูดพล่อยจนได้รับอันตราย
ปอกกล้วยเข้าปาก ง่าย
ปิดทองหลังพระ ทำความดีโดยไม่เป็นที่รับรู้ของใคร
ปากหวานก้นเปรี้ยว พูดจาอ่อนหวานแต่ไม่จริงใจ
๒๖.
หมวด ผ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ผักชีโรยหน้า การทำความดีเพียงผิวเผิน
ผ้าขี้ริ้วห่อทอง คนมั่งมีแต่แต่งตัวซอมซ่อ
ผีซ้ำด้ำพลอย ถูกซ้ำเติมเมื่อพลาดพลั้งลง
หมวด ฝ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ฝนทั่งให้เป็นเข็ม เพียรพยายามสุดความสามารถจนกว่าจะ
สำเร็จผล
ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาพบกัน พลอยเหลวไหลไปด้วยกัน
ฝากปลาไว้กับแมว ไว้วางใจคนที่ไม่ควรไว้วางใจ
ฝากผีฝากไข้ ขอยึดเป็นที่พึ่งจนวันตาย
๒๗.
หมวด พ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
พบไม้งามเมื่อยามขวานบิ่น พบเจอสิ่งถูกใจก็ต่อเมื่อหมดเวลา
พระอิฐพระปูน ถูไม่รู้สึกยินดียินร้าย
พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ รู้ทันกัน
แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร การยอมแพ้ทำให้เรื่องสงบ
พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง พูดไปไม่มีประโยชน์ นิ่งเสียดีกว่า
หมวด ฟ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด ฟังไม่ได้ความแจ่มชัด แล้วเอาไปพูดต่อ
ไฟสุมขอน อารมณ์ร้อนรุ่มที่คุกรุ่นอยู่ในใจ
๒๘.
หมวด ม
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก พูดจาตลบตะแลงพลิกแพลงไปมาจนจับคำพูด
ไม่ทัน
ม้าดีดกะโหลก มีกิริยากระโดกกระเดกลุกลนหรือไม่เรียบร้อย
มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ไม่พิจารณาให้รอบคอบ
ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก อบรมสั่งสอนเด็กให้ประพฤติดีได้ง่ายกว่า
อบรมสั่งสอนผู้ใหญ่
หมวด ย
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ยกตนข่มท่าน พูดทับถมผู้อื่นแสดงให้เห็นว่าตัวเหนือกว่า
ยกภูเขาออกจากอก โล่งใจ, หมดวิตกกังวล
ยกเมฆ เดาเอา, นึกคาดเอาเอง, กุเรื่องขึ้น
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทำอย่างเดียวได้ผล 2 อย่าง
ยุให้รำตำให้รั่ว ยุให้ผิดใจกัน, ยุให้แตกกัน
๒๙.
หมวด ร
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง ทำไม่ดีหรือทำผิดแล้วไม่รับผิด กลับโทษผู้อื่น
รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา ใฝ่ดีจะมีความสุขความเจริญใฝ่ชั่วจะได้รับ
ความลําบาก
รีดเลือดกับปู เคี่ยวเข็ญหรือบีบบังคับเอากับผู้ที่ไม่มีจะให้
รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม เรียนรู้ไว้ไม่เสียหายอะไร
รักพี่เสียดายน้อง ลังเลใจ
หมวด ล
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ลิงหลอกเจ้า ทำกิริยาล้อหลอกผู้ใหญ่เวลาผู้ใหญ่เผลอ
ลูกไก่อยู่ในกำมือ ศิษย์ที่ประพฤติไม่ตรงตามคำสั่งสอน
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ลูกย่อมไม่ต่างกับพ่อแม่มากนัก
เลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ เลี้ยงลูกศัตรูหรือลูกคนพาลจะได้รับความเดือด
เลือกนักมักได้แร่ ร้อนในภายหลัง
เลือกนักมักจะได้ที่ไม่ดี
๓๐.
หมวด ว
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
วัดรอยเท้า คอยเทียบตัวเองกับผู้ที่เหนือกว่า
วัวหายล้อมคอก เรื่องเกิดขึ้นแล้วจึงคิดแก้ไข
วัวลืมตีน คนที่ได้ดีแล้วลืมฐานะเดิมของตน
วัวสันหลังหวะ คนที่มีความผิดติดตัวทำให้มีความหวาดระแวง
ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ตำหนิผู้อื่นเรื่องใดแล้วตนก็กลับทำเสียเอง
หมวด ศ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
ศิษย์คิดล้างครู ศิษย์เนรคุณที่มุ่งคิดจะทำลายล้างครูบาอาจารย์
ศิษย์นอกครู ศิษย์ที่ประพฤติไม่ตรงตามคำสั่งสอน
ของครูบาอาจารย์
๓๑.
หมวด ส
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
สุกเอาเผากิน ทำลวก ๆ
สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ สอนสิ่งที่เขารู้ดีหรือที่เขาถนัดอยู่แล้ว
สีซอให้ควายฟัง แนะนำคนโง่ไม่มีประโยชน์
เส้นผมบังภูเขา แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
ใส่ตะกร้าล้างน้ำ ทำให้หมดมลทิน
หมวด ห
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
หนีเสือปะจระเข้ หนีภัยอันตรายอย่างหนึ่งแล้วต้องพบภัย
อันตรายอีกอย่างหนึ่ง
หัวล้านได้หวี ผู้ที่ได้ในสิ่งที่ไม่ก่อประโยชน์แก่ตน
หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว ทําประชดหรือแดกดัน ซึ่งรังแต่จะเสียประโยชน์
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นผิดเป็นชอบ
เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง ทำเลียนแบบคนใหญ่คนโต หรือคนมั่งมีโดย
ไม่คิดถึงกำลังทรัพย์ตนเอง
๓๒.
หมวด ห
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ความหมาย
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน อดใจไว้ก่อน เพราะหวังสิ่งที่ดีกว่าข้างหน้า
อ้อยเข้าปากช้าง สิ่งหรือประโยชน์ที่ตกอยู่ในมือแล้วไม่ยอมคืน
เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ อย่าลดตัวลงไปสู้กับคนชั่วต่ำ
เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ รู้เท่าทันคำพูดที่พูดออกมา
๓๓.
แบบฝึ กหัดที่ ๑
จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนสามารถจับคู่ภาพกับถ้อยคําสํานวนได้
คำชี้แจง ให้นักเรียนโยงเส้นจับคู่รูปภาพกับสำนวนที่กําหนดให้ถูกต้อง จำนวน ๑๐ ข้อ ข้อละ ๑ คะแนน
ชื่อ-สุกล เลขที่
สีซอให้ควายฟัง
คางคกขึ้นวอ
ทำนาบนหลังคน
จับปลาสองมือ
๓๔.
ขี่ช้างจับตั๊กแตน
กบในกะลา
จับปูใส่กระด้ง
ตำข้าวสารกรอกหม้อ
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
๓๕.
แบบฝึ กหัดที่ ๒
จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนสามารถเขียนคําสุภาษิตตามความหมายได้
คำชี้แจง ให้นักเรียนเติมพยัญชนะในช่องว่างคําสุภาษิตตามความหมาย ที่กําหนดให้ถูกต้อง
จำนวน ๑๐ ข้อ ข้อละ ๑ คะแนน
ชื่ อ - สุ ก ล เลขที่
คว่ำขัน เข็นครก วัวหาย คางคก น้ำพึ่งเรือ
หลังคน หลังพระ สองมือ เข้าวัด ทั้งห้า
ตัวอย่าง ดินพอกหางหมู ๒. ปิดทอง........................
๔. ขนทราย.......................
๑. ทำนา................................ ๖. จับปลา.........................
๓. กรวดน้ำ........................... ๘. ...........................ขึ้นวอ
๕. ชักแม่น้ำ........................... ๑๐. .....................เสือพึ่งป่า
๗ ............................ขึ้นภูเขา
๙. ..........................ล้อมคอก
แบบฝึ กหัดที่ ๓ ๓๖.
จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนสามารถเรียงถ้อยคําสํานวนได้
คำชี้แจง ให้นักเรียนเรียงคําสุภาษิตที่กําหนดให้ถูกต้อง จำนวน ๑๐ ข้อ ข้อละ ๑ คะแนน
ชื่ อ - สุ ก ล เลขที่
๐.กำ เกวียน กง เกวียน กงเกวียนกำเกวียน
๑.เป็น กงจักร ดอกบัว เห็น
๒.ปลาช่อน ไก่ แม่ แก่
๓.ตำ แม่น้ำ ละลาย น้ำพริก
๔.แห่งตน ที่พึ่ง ตนเป็น
๓๗.
แบบฝึ กหัดที่ ๓ (ต่อ)
๕.ข้างใน เป็นโพรง ข้างนอก สุกใส
๖.น้ำ ตัก ให้รีบ ขึ้น
๗.ท้อง ร้อน กิน ปูน
๘.เปรี้ยว หวาน อด ไว้ กิน
๙.ห่าม ชิง ก่อน สุก
๑๐.หวี หัวล้าน ได้
๓๘.
แบบฝึ กหัดที่ ๔
จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนสามารถเขียนสำนวนได้
คำชี้แจง ให้นักเรียนหาสำนวนไทยที่พบทั้งในแนวตั้งและแนวนอนจำนวน ๑๐ สำนวน
จากนั้นนำไปเขียนลงในช่องว่างให้ถูกต้อง จำนวน ๑๐ ข้อ ข้อละ ๑ คะแนน
ชื่อ-สุกล เลขที่
แนวนอน แนวตั้ง
๑. ................................ ๒. ................................
๓. ................................ ๖. ................................
๕. ................................
๗. ................................ ๔. ................................
๙. ................................ ๘. ................................
๑๐. ..............................
๓๙.
แบบฝึ กหัดที่ ๕
จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนสามารถจับคู่ถ้อยคำสำนวนกับความหมายได้
คำชี้แจง ให้นักเรียนนําอักษรหน้าสำนวนที่กําหนดให้มา ใส่หน้าความหมายสำนวนให้ถูกต้อง
จำนวน ๑๐ ข้อ ข้อละ ๑ คะแนน
ชื่อ-สุกล เลขที่
ฮ.ขมิ้นกับปูน ฉ.เข็นครกขึ้นภูเขา
ก.มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ช.ลิงหลอกเจ้า
ข.แกว่งเท้าหาเสี้ยน ซ.ปิดทองหลังพระ
ค.ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ฌ.รำไม่ดีโทษปี่ โทษกลอง
ง.ขี่ช้างจับตั๊กแตน ญ.ม้าดีดกะโหลก
จ.ทำนาบนหลังคน
ฮ. ชอบวิวาทกันอยู่เสมอเมื่ ออยู่ใกล้กัน
ทำความดีโดยไม่เปิดเผย
กิริยาที่กระโดดโลดเต้น วางตัวไม่สุภาพเรียบร้อย
ทำตัวเรียบร้อยเฉพาะเมื่ ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่พอลับหลังก็ทำตัวอีกแบบ
ไม่ช่วยคนอื่ นทำงานแล้ว ยังจะขัดขวางการทำงานอีก
การทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างลำบากแสนเข็ญ กว่าจะสำเร็จถึงเป้าหมาย
ตนเองทำผิดพลาดเอง แต่ดันไปโยนความผิดให้คนอื่ น
ชอบไปสอดหรือไปยุ่งเรื่ องของคนอื่ น จนสุดท้ายตนเองลำบากเอง
คนจะดูดีได้นั้น จะต้องรู้จักแต่งหน้าแต่งตัวให้สวยงาม
การยอมลงทุนเป็นจำนวนมาก เพื่ อทำสิ่งเล็กๆ แต่สุดท้ายก็ได้ไม่คุ้มทุน
การเอาเปรียบน้ำพักน้ำแรงของผู้อื่ น
๔๐.
แบบฝึ กหัดที่ ๖
จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนทราบความหมายของคําสุภาษิต
คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย หน้าข้อความที่บอกความหมายของสำนวนถูกต้อง
และเขียนเครื่องหมาย หน้าข้อความที่บอกความหมายของสำนวนไม่ถูกต้อง
จำนวน ๑๐ ข้อ ข้อละ ๑ คะแนน
ชื่อ-สุกล เลขที่
๐. กินน้ำใต้ศอก ตกเป็นรอง
๑. ผักชีโรยหน้า ทําดีแต่เพียงผิวเผิน
๒. ผ้าขี้ริ้วห่อทอง คนมั่งมีแต่ทําตัวซอมซ่อ
๓. เด็กเลี้ยงแกะ เด็กขยัน
๔. สุกเอาเผากิน ความพิถีพิถันรอบคอบ
๕. แขวนนวม เลิกการกระทําที่เคยทํามาก่อน
๖. งูกินหาง เกี่ยวโยงกันเป็นทอด ๆ
๗. ทิ้งทวน การต่อสู้โดยใช้อาวุธคล้ายมีด
๘. น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ อย่าขวางผู้มีอำนาจ
๙. นกน้อยทำรังแต่พอตัว อดทนเพื่ อผลที่ดีกว่า
๑๐. คว่ำบาตร ถูกตัดขาดจากสังคม
๔๑.
แบบฝึ กหัดที่ ๗
จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนสามารถเขียนความหมายของถ้อยคำสำนวนได้
คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนความหมายของสำนวนให้ถูกต้อง จำนวน ๑๐ ข้อ ข้อละ ๑ คะแนน
ชื่อ-สุกล เลขที่
๐. ข้าวยากหมากแพง หมายถึง........................................
.............................................................................
๑. มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ หมายถึง..................................
..............................................................................
๒. คางคกขึ้นวอ หมายถึง...............................................
..............................................................................
๓. น้ำน้อยแพ้ไฟ หมายถึง..............................................
..............................................................................
๔. เงียบเป็นเป่าสาก หมายถึง.........................................
..............................................................................
๔๒.
๕. กระต่ายตื่นตูม หมายถึง........................................
..........................................................................
๖. ฟังหูไว้หู หมายถึง.................................................
...........................................................................
๗. นกน้อยทำรังแต่พอตัว หมายถึง..................................
.............................................................................
๘. น้ำขึ้นให้รีบตัก หมายถึง...........................................
...........................................................................
๙. ไก่ได้พลอย หมายถึง.................................................
..............................................................................
๑๐. พบไม้งามเมื่อยามขวานบิ่น หมายถึง............................
..............................................................................
๔๓.
แบบฝึ กหัดที่ ๘
จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนสามารถเขียนสำนวนจากความหมายได้
คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนสำนวนไทยให้ถูกต้อง จำนวน ๑๐ ข้อ ข้อละ ๑ คะแนน
ชื่อ-สุกล เลขที่
๐. คนจะดูดีได้นั้น จะต้องรู้จักแต่งหน้าแต่งตัวให้สวยงาม
ไก่.........................................................................
๑. ตนเองทำผิดพลาดเอง แต่ดันไปโยนความผิดให้คนอื่น
รำ.........................................................................
๒. การทำความดีที่ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ หรือเปิดเผยให้ผู้อื่นรับรู้
ปิด.........................................................................
๓. การยอมลงทุนเป็นจำนวนมาก เพื่อทำสิ่งเล็กๆ แต่สุดท้ายก็ได้ไม่คุ้มทุน
ขี่.........................................................................
๔. เมื่อมีโอกาสดีๆ เข้ามา ให้รีบคว้าไว้ก่อนจะหลุดลอยไป
น้ำ.........................................................................
๔๔.
๕. ลงทุนลงแรงในการทำสิ่งใดสักอย่าง แต่สุดท้ายก็สูญเปล่า
ตำ.........................................................................
๖. ประพฤติตนให้เหมาะสมกับกาลเทศะ
เข้า........................................................................
๗. ทำกิจที่สำเร็จได้ยาก
งม.........................................................................
๘. ความชั่วหรือความผิดร้ายแรงที่คนรู้ทั่วกันแล้ว จะปิดอย่างไรก็ไม่มิด
ช้าง.........................................................................
๙. มุ่งจะเอาให้ได้ทั้ง ๒ อย่างพร้อมกัน ในที่สุดไม่ได้สักอย่าง
จับ.........................................................................
๑๐. เรื่องเกิดขึ้นแล้วจึงคิดแก้ไข
วัว.........................................................................