ลักษณะของ
ภาษาไทย
ลักษณะของภาษาไทย
ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ เป็น
สมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความ
เป็นเอกภาพ จึงเป็นสมบัติของชาติที่ควร
ค่าแก่การเรียนรู้ อัจฉริยลักษณะของภาษา
ไทยมีความโดดเด่นเทียบเท่ากับภาษา
สากลได้ ภาษาไทยมีลักษณะที่นัก
ภาษาศาสตร์ได้ศึกษาไว้
ภาษาคำโดด
นักภาษาศาสตร์จัดให้ภาษาไทยอยู่ในภาษา
ตระกูลคำโดด คือภาษาที่อุดมไปด้วยคำพยางค์
เดียว เช่น คำที่เกี่ยวกับญาติพี่น้อง ต่อมาเกิด
การยืมคำจากภาษาต่างประเทศจึงมีคำหลาย
พยางค์ใช้ ในที่สุดก็สร้างคำขึ้นใช้เองจากคำ
พยางค์เดียว และคำที่ยืมมาจากภาษาต่าง
ประเทศ เป็นการเพิ่มคำขึ้นใช้ในภาษาเป็นคำ
หลายพยางค์ ได้แก่ คำซ้ำ คำซ้อน คำประสม
คำสมาส
ลักษณะพิเศษของคำไทยซึ่ง
ไม่มีในภาษาอื่น
๑.ภาษาไทยมีคำลักษณนามที่ใช้บอกลักษณะของคำ
นาม เพื่อให้ทราบสัดส่วนรูปพรรณสัณฐาน เช่น ใช้ วง
เป็นลักษณนามของ
แหวน นามวลีที่มี ลักษณนามอยู่ด้วย จะมีการเรียงคำ
แบบ นามหลัก + คำบอกจำนวน + คำลักษณนาม เช่น
นก ๓ ตัว ไก่ ๗ ตัว
๒.ภาษาไทยมีคำซ้ำ คำซ้อนที่เป็นการสร้างคำเพิ่มเพื่อ
ใช้ในภาษา เช่น โน้น ๆ น้ำหมูก
๓.ภาษาไทยมีคำบอกท่าทีของผู้พูด เช่น นั้น นี้ หรอ
โน้น ไป
๔.ภาษาไทยมีคำบอกสถานภาพของผู้พูดกับผู้ฟัง เช่น
กระผม ดิฉัน ครู เรา นาย
การเรียงคำแบบ
ประธาน กริยา กรรม
ภาษาไทยเรียงคำแบบประธาน กริยา กรรม
เมื่อนำคำมาเรียงกันเป็นประโยค
ประโยคทั่ว ๆ ไปในภาษาจะมีลักษณะสามัญ
จะมีการเรียงลำดับ ดังนี้ นาม กริยา นาม
นามที่อยู่หน้ากริยา เป็นผู้ทำกริยา มักอยู่ต้น
ประโยค ทำหน้าที่เป็นประธาน ส่วนคำนามที่
บอกผู้รับกริยา มักอยู่หลังคำกริยานั้นทำหน้าที่
เป็นกรรม ด้วยเหตุนี้ประโยคสามัญในภาษา
ไทยจึงมักเรียงคำแบบ ประธาน กริยา กรรม
ตัวอย่างการเรียงคำแบบ
ประธาน กริยา กรรม
๑. ก. เขาเป็นญาติกับทอง
ข. ตุ้มเป็นญาติกับทอง
๒. ก. พ่อเอาน้ำใส่กระติก
ข. พ่อเอากระติกใส่น้ำ
๓. ก. ดินเปื้ อนกระเป๋า
ข. กระเป๋าเปื้ อนดิน
*ประโยค ก ในตัวอย่าง มีความหมายไม่ต่าง
กับ ประโยค ข ทั้ง ๆ ที่ลำดับคำต่างกัน
ภาษาวรรณยุกต์
ภาษาไทยเป็นภาษาวรรณยุกต์ ภาษา
วรรณยุกต์เป็นภาษาที่มีการไล่เสียงของคำ ใน
ภาษาไทยมีการไล่เสียงวรรณยุกต์ หรือการผัน
วรรณยุกต์ ได้ ๕ เสียง ได้แก่ เสียงสามัญ
เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี และเสียงจัตวา การ
ที่ภาษาไทยผันไล่เสียงได้นี้ ทำให้มีคำใช้มากขึ้น
การไล่เสียงสูง ต่ำ ทำให้ความหมายของคำ
เปลี่ยนไปด้วย
เสียงสระ พยัญชนะ
วรรณยุกต์เป็นหน่วยภาษา
ภาษาไทยมีเสียงสระ พยัญชนะและวรรณยุกต์
เป็นหน่วยภาษา หน่วยเสียงที่ใช้ในภาษาไทย
แบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ หน่วยเสียงสระ
หน่วยเสียงพยัญชนะ และหน่วยเสียง
วรรณยุกต์ หน่วยเสียง เป็นเสียงสำคัญที่ใช้ใน
ภาษาใดภาษาหนึ่ง เป็นเสียงซึ่งทำให้คำมีความ
หมายต่างกันได้
การวางคำขยายไว้ข้าง
หลังคำหลัก
ภาษาไทยเป็นภาษาวรรณยุกต์ ภาษา
วรรณยุกต์เป็นภาษาที่มีการไล่เสียงของคำ ใน
ภาษาไทยมีการไล่เสียงวรรณยุกต์ หรือการผัน
วรรณยุกต์ ได้ ๕ เสียง ได้แก่ เสียงสามัญ
เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี และเสียงจัตวา การ
ที่ภาษาไทยผันไล่เสียงได้นี้ ทำให้มีคำใช้มากขึ้น
การไล่เสียงสูง ต่ำ ทำให้ความหมายของคำ
เปลี่ยนไปด้วย
การลงเสียงหนัก-เบาของคำ
ภาษาไทยมีการลงเสียงหนัก-เบาของคำ การ
ลงเสียงหนัก เบาของคำในภาษาไทย จะมีการ
ลงเสียงหนัก-เบาของคำในระดับคำซึ่งมี
มากกว่าสองพยางค์ และการลงเสียงหนัก-เบา
ของคำในระดับประโยค โดยพิจารณาในแง่ของ
ไวยากรณ์ และเจตนาของการสื่อสาร เมื่อ
พิจารณาในแง่ของไวยากรณ์การออกเสียงคำ
ภาษาไทยมิได้ออกเสียงเสมอกันทุกพยางค์
กล่าวคือ ถ้าคำพยางค์เดียวอยู่ในประโยค คำ
บางคำก็อาจไม่ออกเสียงหนัก และถ้าถ้อยคำมี
หลายพยางค์ แต่ละพยางค์ก็อาจออกเสียงหนัก
เบาไม่เท่ากัน
สมาชิก
นายอัจฉริยะ นิจจิระ เลขที่ 2
นางสาวกัญญาวีร์ ศรีอ่อน เลขที่ 3
นางสาวอภิสรา ประทุม เลขที่ 16
นางสาวฐิติวรดา วิจิตรไกรศรี เลขที่ 22
นางสาวตรึงใจ แก้วประไพ เลขที่ 23
นางสาวนิชนันท์ เครือทรัพย์ เลขที่ 24
นางสาวพัชรวลัย ขาวงาม เลขที่ 25
นางสาวสิริพร ตั้งบุญทวี เลขที่ 26
นายพีรณัฐ รู้บุญ เลขที่ 41
นายภูมิภัทร ชาตรีกุล เลขที่ 44
นายวชิรวิชญ์ ลิมปสนธิพงศ์ เลขที่ 45
นายอัครพงษ์ การย์กมลโรจน์ เลขที่ 46
ห้อง ม.6/3