ตอน นารายณ์ปราบนนทก รองศาสตราจารย์ ดร.อัฐพล อินต๊ะเสนา เสนอ รายงานนี้จัดทำ ขึ้นมาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อนักเรียน ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ รามเกียรติ์
รามเกียรติ์ วรรณกรรมทรงคุณค่ามีเรื่องราวถ่ายทอดสืบต่อมาเป็นระยะเวลา นานสร้างมโนภาพจินตนาการของเหล่าเทพยดา วงศ์ยักษา วานรมีอิทธิฤทธิ์ และ มนุษย์ที่ต่างมีชีวิตไปตามวิถีของตนเอง นำ มาสู่ซึ่งการต่อสู้ในมหาสงคราม และ ชะตากรรมในบั้นปลายชีวิตของตนเอง วรรณกรรมเรื่องนี้มีเค้าโครงเรื่องมาจาก มหากาพย์ รามายณะของอินเดียเนื้อเรื่องมีความสนุกสนานและให้ข้อคิด คติสอนใจ ซึ่งวรรณกรรมเรื่องนี้พระบาทสมเด็จ-พระพุทธยอดฬาจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรด เกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าบริพารช่วยกันแต่ง โดยใช้ลักษณะคำ ประพันธ์ เป็นกลอนบทละคร จะมีลักษณะบังคับแบบกลอนสุภาพ วรรคแรกมักขึ้นตันด้วย เมื่อนั้น บัดนั้น มาจะกล่าวบทไป รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่คณะผู้จัดทำ ได้ตั้งใจและพากเพียรนำ เสนอในรูปแบบร่วมสมัย ให้ตัวละครได้โลดแล่นผ่านตัว อักษร และภาพประกอบอย่างมีชีวิตชีวาและปรารถนาให้ผลงานนี้เป็นประโยชน์ แก่คนรุ่นหลังต่อไป คำ นำ
สารบัญ ๑. ผู้แต่ง ๒. ความเป็นมา ๓. ตัวละคร ๔. ลักษณะคำ ประพันธ์ ๕. เรื่องย่อ ๖. คำ ศัพท์น่ารู้ ๗. การอ่านจับใจความ ๘. การพูดวิเคราะห์ วิจารณ์ จากเรื่องที่ฟังและดู ๙. คำ ราชาศัพท์ ๑๐. คุณค่าและข้อคิดที่ได้จากวรรณคดี ๑๑. เกร็ดความรู้ ๑๒. บรรณานุกรม ๑ ๒ ๓ ๕ ๗ ๑๒ ๑๓ ๑๗ ๒๑ ๒๕ ๓๑ ๔๑ เรื้่อง หน้า
ผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช เป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกในราชวงศ์จักรี พระราชสมภพ เมื่อวันพุธ ที่ ๒๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๒๗๙ ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์ เป็นปฐมกษัตริย์แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ ขณะมีพระชนมายุได้ ๔๖ พรรษา และทรงย้ายราชธานีจากฝั่งธนบุรีมาอยู่ฝั่งพระนคร และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังเป็นที่ประทับ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสร ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ให้เป็นยอดแห่งกลอนบทละคร ผู้อ่านไม่ได้เกิดจินตภาพเท่านั้น แต่ ยังมีเนื้อหาที่ให้ข้อคิด ควรพิจารณาและนำ มาเปรียบกับพฤติกรรมของคนในสังคม ปัจจุบันได้ ดังจะเห็นได้ว่าเมื่ออำ นาจตกอยู่ในมือของคนที่ลืมตัว ก็จะเกิดผลร้ายตามมา ผู้มอบอำ นาจ จึงต้องพิจารณาก่อนว่าจะจำ กัดขอบเขตอำ นาจที่เป็นรางวัลได้อย่างไร มิฉะนั้นจะต้องมาแก้ไขภายหลังเพราะมองคน ๑
จุดประสงค์ในการแต่ง ๑. ใช้เป็นบทละครใน ๒. ทรงเกรงว่าจะสูญหายไป ๓. เพื่อปลุกให้ประชาราษฎรให้ห้าวหาญ ๔. เพื่อให้มีเรื่องรามเกียรติ์ฉบับสมบูรณ์ ๕. เพื่อแสดงให้เห็นว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรม ๖. เพื่อให้มีความซื่อสัตย์ สุจริตต่อบิดามารดา ๗. เพื่อให้เห็นตัวอย่างของความไม่เที่ยงแท้ของสิ่งต่าง ๆ ในโลก ความเป็นมา รามเกียรติ์ เป็นวรรณคดีที่ได้รับอิทธิพลและมีเค้าโครงเรื่องมาจากมหากาพย์ รามายณะที่ฤๅษีวาลมีกิ ชาวอินเดียเป็นคนแต่งขึ้นเป็นภาษาสันสกฤต แม้จะไม่ปรากฏ ปีที่วรรณคดีเรื่องดังกล่าวเข้ามาเผยแผ่ในไทยอย่างแน่ชัด แต่ด้วยจากหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ก็ทำ ให้นักวิชาการคาดการณ์ว่าเป็นช่วงสมัยอยุธยา และในสมัยกรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินได้ทรงประพันธ์เพื่อให้ละครหลวงเล่น ก่อนที่ต่อมาสมเด็จพระพุทธยอดฟ้- -จุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ ได้พระราชนิพนธ์รามเกียรติ์เพื่อรวบรวมให้สมบูรณ์ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพระแก้ว เรื่อง รามเกียรติ์ ๒
ตัวละคร พระนารายณ์ พระอินทร์ ยักษ์นนทก เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก พระอิศวร ๓
ตัวละคร เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก สุวรรณอัปสร เหล่าเทวดา ๔ (อ้างอิง : ภาพจากสมุดวาดโขน)
ลักษณะคำประพันธ์ บทละครในเรื่อง รามเกียรติ์ แต่งด้วย กลอนบทละคร เป็นคำ ประพันธ์ ชนิดหนึ่ง แต่งขึ้นเพื่อใช้ในการแสดงละคร หลักเกณฑ์ในการแต่งโดยทั่วไปเหมือน กับการแต่งกลอนสุภาพ แต่ละวรรคมีคำ ตั้งแต่ 6-9 คำ การนับกลอนบทละครจะ นับเป็นคำ กลอน คือ 2 วรรค เท่ากับ 1 คำ กลอน โดยกลอนบทละครนี้ต้องอาศัย ทำ นอง ขับร้องและเครื่องดนตรีประกอบ แต่งเสร็จต้องนำ ไปชักซ้อมปรับปรุง ดังนั้นจำ นวนคำ ของแต่ละวรรคจึงไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับจังหวะขับร้องเป็นสำ คัญ (รามเกียรติ์ : รัชกาลที่ ๑) เมื่อนั้น พระตรีภพลบโลกเรืองศรี ไสยาสน์เหนืออาสน์รูจี ยังที่สุวรรณพลับพลา ตรึกไปในการรณยุทธ์ พระทรงครุฑแสนโสมนัสา ด้วยได้ดวงใจอสุรา ทศพักตร์นั้นมาไว้กับกร ตัวอย่างแผนผังกลอนบทละคร ๕
การขึ้นต้นกลอนบทละคร เมื่อนั้น ใช้กับตัวละครเอกของเรื่อง เช่น ตัวเอกหรือกษัตริย์ บัดนั้น ใช้กับตัวละครที่กล่าวถึงผู้น้อย หรือผู้ใต้บังคับบัญชา เช่น เสนา ทหาร อำ มาตย์ สามัญชน มาจะกล่าวบทไป ใช้สำ หรับขึ้นความใหม่หรือตอนใหม่ เมื่อนั้น พระอิศวรบรมรังสรรค์ เห็นนนทกโศกาจาบัลย์ พระทรงธรรม์ให้คิดเมตตา บัดนั้น นนทกผู้มีอัชฌาสัย น้อมเศียรบังคมแล้วทูลไป จะขอพรเจ้าไตรโลกา มาจะกล่าวบทไป ถึงเทพไทเรืองศรี อันสถิตถ้ำ ธารคีรี มีทิพยโสตนัยนา ตัวอย่างการขึ้นต้นกลอนบทละคร ๖
เนื้อเรื่องย่อ นนทกเป็นยักษ์มีหน้าที่ล้าง เท้าให้กับเทวดา ที่จะเข้าเฝ้า พระอิศวรที่เชิงเขาไกลลาส รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก เทวดาเหล่านั้นชอบข่มเหง นนทกเป็นประจำ บ้างลูบหัว บ้างตบหัว จนหัวของนนทก โล้นเกลี้ยง นนทกแค้นใจมาก จึงไปทูลขอ พรจากพระอิศวรให้ประทาน นิ้วเพชรแก่ตน มีฤทธิ์เมื่อชี้ ผู้ใดผู้นั้นจะตาย ๗
เนื้อเรื่องย่อ พระอิศวรก็ประทานพรให้เพื่อ เป็นรางวัลที่นนทกรับผิดชอบ หน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดี รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก เมื่อได้นิ้วเพชรนนทกก็ชี้นิ้ว สังหารเทวดาทุกตน ที่มา แกล้งตนเสียสิ้น พระอินทร์จึงนำ ความทูลพระ อิศวร พระอิศวรทรงทราบ ก็กริ้ว จึงให้พระนารายณ์ ไปปราบนนทก ๘
เนื้อเรื่องย่อ พระนารายณ์ได้แปลงกาย เป็นนางฟ้าผู้งดงาม นามว่า “สุวรรณอัปสร” รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก เมื่อนนทกเห็นเข้าก็คิด ผูกพันรักใคร่ พระนารายณ์ ที่แปลงกายจึงออกอุบายให้ นนทกรำ ตามท่าทางต่างๆ ท่าสุดท้ายเป็นท่านาคาม้วนหาง คือต้องใช้นิ้วชี้ขาตนเอง เมื่อนนทกชี้ไปถูกขา ขาของ นนทกก็หักและล้มลง ๙
เนื้อเรื่องย่อ นางสุวรรณอัปสรจึง กลับร่างเป็นพระนารายณ์ เหยียบนนทกไว้เพื่อจะ สังหาร รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก นนทกเห็นดังนั้น จึงกล่าว ว่าตนนั้นมีสองมือ จะสู้สี่มือ ได้อย่างไร พระนารายณ์จึงตรัสว่า “ชาติหน้าให้นนทกมีสิบ หน้ายี่สิบมือ” ๑๐
SCAN ME เนื้อเรื่องย่อ ส่วนพระองค์จะเป็นเพียง มนุษย์ที่มีสองมือสู้กับ นนทก รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก เมื่อตรัสแล้วก็ตัดเศียรนนทก กระเด็นไป แล้วก็เสด็จคืนยัง เกษียรสมุทร โดยประทับบน หลังพระยาอนันตนาคราช รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก [3D Animation] ๑๑ อ้างอิง : ช่องYouTube Chinnawat Prayoonrat
คำ ศัพท์ ความหมาย เทพอัปสร (เทบ-อับ-สอน) นางฟ้า นาคี นาค ในสัตว์เทพนิยาย เพลา เพลา ตัก ในที่นี้หมายถึง ขา มโนรถ (มะ-โน-รด) ความใฝ่ฝัน ความประสงค์ สยมภูวญาณ (สะ-หยม-พู-วะ-ยาน) พระอิศวร สาหส (สา-หด) สาหัส ร้ายแรง สุราฤทธิ์ (สุ-รา-ริด) เทวดา , สุรารักษ์ก็ใช้ สุราลัย (สุ-รา-ไล) สวรรค์ อสุนี (อะ-สุ-นี) สายฟ้า คำ ศัพท์น่ารู้ ๑๒
การอ่านจับใจความ ความหมาย ใจความสำ คัญ หมายถึง ใจความที่สำ คัญ และเด่นที่สุดในย่อหน้า เป็นแก่น ของย่อหน้า ที่สามารถครอบคลุมเนื้อความในประโยคอื่นๆ ในย่อหน้านั้นหรือ ประโยคที่สามารถเป็นหัวเรื่องของย่อหน้านั้นได้ ถ้าตัดเนื้อความของประโยคอื่น ออกหมด หรือสามารถเป็นใจความหรือประโยคเดี่ยวๆ ได้โดยไม่ต้องมีประโยคอื่น ประกอบ ซึ่งแต่ละย่อหน้าจะมีประโยคในความสำ คัญเพียงประโยคเดียว หรืออย่าง มากไม่เกิน ๒ ประโยค ใจความรอง หรือ พลความ (พน-ละ-ความ) หมายถึง ใจความ หรือประโยคที่ ขยายความ ประโยคใจความสำ คัญ เป็นใจความสนับสนุนใจความสำ คัญให้ชัดเจน ขึ้น อาจเป็นการอธิบายให้รายละเอียด ให้คำ จำ กัดความ ยกตัวอย่าง เปรียบเทียบ หรือแสดงเหตุผลอย่างถี่ถ้วน เพื่อสนับสนุนความคิด ส่วนที่ไม่ใช่ใจความสำ คัญ หรือไม่ใช่ใจความรอง แต่ช่วยขยายความให้มากขึ้น คือ รายละเอียด การอ่านจับใจความสำ คัญ หมายถึง การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำ คัญหลักของข้อความ หรือเรื่องที่อ่าน เป็นข้อความที่คลุมข้อความอื่นๆ ในย่อหน้าหนึ่งๆ ไว้ทั้งหมด ๑๓
การอ่านจับใจความ ลักษณะของใจความ ๑. ใจความสำ คัญเป็นข้อความที่ทำ หน้าที่คลุมใจความของข้อความอื่นๆ ใน ตอนนั้นๆ ได้หมดข้อความ นอกนั้นเป็นเพียงรายละเอียดหรือส่วนขยายใจความ สำ คัญเท่านั้น ๒. ใจความสำ คัญของข้อความหนึ่งๆ หรือย่อหน้าหนึ่งๆ ส่วนมากจะมีเพียง ประการเดียว ๓. ใจความสำ คัญส่วนมากมีลักษณะเป็นประโยค อาจเป็นประโยคเดียวหรือ ประโยคซ้อนก็ได้ แต่ในบางกรณีใจความสำ คัญไม่ปรากฏเป็นประโยค เป็นเพียง ใจความที่แฝงอยู่ในข้อความตอนนั้นๆ ๔. ใจความสำ คัญที่มีลักษณะเป็นประโยคส่วนมากจะปรากฏอยู่ต้นข้อความ ในการอ่านใดๆ ก็ตาม จุดมุ่งหมาย เพื่อจับใจความสำ คัญของข้อความที่ได้อ่าน ดังนั้นถ้ารู้จักสังเกตประโยคที่เป็นใจความสำ คัญของข้อความแต่ละข้อความและ รู้จักแยกใจความหลักออกจากใจความรองได้ ก็จะทำ ให้เราเข้าใจในสิ่งที่อ่านได้ อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ๑๔
การอ่านจับใจความ หลักในการอ่านจับใจความสำ คัญ ๑. สำ รวจส่วนประกอบของหนังสือ เช่น ชื่อเรื่อง คำ นำ สารบัญ ฯลฯ เพราะ ส่วนประกอบของหนังสือจะทำ ให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องหรือหนังสือที่อ่านได้ กว้างขวางและรวดเร็ว ๒. ตั้งจุดมุ่งหมายในการอ่านเพื่อเป็นแนวทางใช้กำ หนดวิธีการอ่านให้เหมาะสม และจับใจความ หรือหาคำ ตอบได้รวดเร็วขึ้น โดยจับใจความให้ได้ว่าใคร ทำ อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร แล้วนำ มาสรุปเป็นใจความสำ คัญ ๓. มีทักษะในการใช้ภาษา สามารถเข้าใจความหมายของคำ ศัพท์ต่างๆ มี ประสบการณ์ หรือภูมิหลังเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน มีความเข้าใจลักษณะของหนังสือ เพราะหนังสือแต่ละประเภทมีรูปแบบการแต่ง และเป้าหมายของเรื่องที่แตกต่างกัน ๔. ใช้ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องที่อ่านมาประกอบจะช่วยให้เข้าใจและจับใจ ความได้ง่ายขึ้น สรุป การอ่านจับใจความสำ คัญ หมายถึง การอ่านที่ต้องการแยกแยะเรื่องที่อ่านให้ได้ ว่า ส่วนใดเป็นใจความหรือข้อความที่สำ คัญที่สุด และส่วนใดเป็นข้อความประกอบ การจับใจความจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่าผู้เขียนต้องการสื่ออะไรอย่างถูกต้อง โดยผู้ อ่านต้องใช้ความสามารถทางภาษา ประสบกาหรือภูมิหลังในด้านการแปลความ หมายของคำ ข้อความ เพื่อจับใจความได้รวดเร็วขึ้น ๑๕
การอ่านจับใจความ วิธีจับใจความสำ คัญ วิธีจับใจความสำ คัญมีหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความชอบอย่างไร เช่น การขีด เส้นใต้ การใช้สีต่างกัน แสดงความสำ คัญมากน้อยของข้อความ การบันทึกย่อเป็น ส่วนหนึ่งของการอ่านจับใจความสำ คัญที่ดี แต่ผู้ที่ย่อควรย่อด้วยสำ นวนภาษาและ สำ นวนของตนเอง ไม่ควรย่อโดยการตัดเอาข้อความสำ คัญมาเรียงต่อกัน เพราะ อาจทำ ให้ผู้อ่านพลาดสาระสำ คัญบางตอนไป อันเป็นเหตุให้การตีความผิดพลาด ๑. พิจารณาทีละย่อหน้า ๒. ตัดส่วนที่เป็นรายละเอียดออกได้ เช่น ตัวอย่าง สำ นวนโวหาร อุปมา อุปไมย ตัวเลข สถิติ ตลอดจนคำ ถามหรือคำ พูดของผู้เขียนซึ่งเป็นส่วนขยาย ใจความสำ คัญ ๓. สรุปใจความสำ คัญด้วยสำ นวนภาษาของตนเอง การพิจารณาตำ แหน่งใจความ ใจความสำ คัญของข้อความในแต่ละย่อหน้าจะปรากฏดังนี้ ๑. ประโยคใจความสำ คัญอยู่ตอนต้นของย่อหน้า ๒. ประโยคใจความสำ คัญอยู่ตอนกลางของย่อหน้า ๓. ประโยคใจความสำ คัญอยู่ตอนท้ายของย่อหน้า ๔. ประโยคใจความสำ คัญอยู่ตอนต้นและตอนท้ายของย่อหน้า ๕. ผู้อ่านสรุปขึ้นเอง จากการอ่านทั้งย่อหน้า ในกรณีใจความสำ คัญหรือความ คิดสำ คัญ อาจอยู่รวมในความคิดย่อยๆ โดยไม่มีความคิดที่เป็นประโยคหลัก ๑๖
การวิเคราะห์ คือ เป็นการแยกแยะสิ่งที่จะพิจารณาออกเป็นส่วนย่อยมีความสัมพันธ์กัน เพื่อทำ ความเข้าใจ แต่ละส่วนให้แจ่งแจ้ง รวมทั้งการสืบค้นความสัมพันธ์ของ ส่วนต่างๆ เพื่อดูว่าส่วนประกอบปลีกย่อยนั้นสามารถเข้ากันได้หรือไม่ สัมพันธ์ เกี่ยวเนื่องกันอย่างไร ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเข้าใจต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างแท้จริง การพูดวิเคราะห์ วิจารณ์จากเรื่องที่ฟังและดู การวิจารณ์ คือ ให้คำ ตัดสินที่เป็นศิลปกรรมหรือวรรณกรรม โดยผู้มีความรู้ควรเชื่อถือ ได้ ว่ามีค่าความงามไพเราะดีอย่างไร หรือมีข้อขาดตกบกพร่องอย่างไรบ้าง เช่น เขาวิจารณ์ว่าหนังสือนี้แสดงปัญหาสังคมไทยในปัจจุบันได้ดีมากควรได้ รับรางวัล ติชม มักใช้เต็มคำ ว่า”วิพากษ์วิจารณ์” หลักการพูดวิเคราะห์ วิจารณ์จากสื่อที่ฟังและดู ๑.ฟังและดูเรื่องที่จะวิจารณ์จากสื่อที่ฟังและดู ๒.แยกแยะข้อมูลโดยละเอียด ๓.พิจารณาว่าส่วนใดเป็นประโยชน์ในการนำ ไปประยุกต์ใช้ ๔.นำ เสยอผลการวิเคราะห์วิจารณ์โดยยกเหตุผลประกอบ ๕.สรุปข้อคิดที่ได้จากการวิเคราะห์วิจารณ์เพื่อไปใช้ในชีวิตประจำ วัน ๑๗
ลักษณะของข้อเท็จจริง ลักษณะของข้อคิดเห็น สามารถพิสูจน์ได้ มีการแสดงความรูัสึก มีหลักฐานน่าเชื่อถือ มีการคาดคะเน มีความสมเหตุสมผล แสดงการเปรียบเทียบ แยกแยะข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น ข้อเท็จจริง ข้อความที่แสดงเรื่องราว ข้อมูล หรือเหตุการณ์ที่เป็นจริง สามารถพิสูจน์ได้ ข้อคิดเห็น ข้อความที่แสดงความคิด ความรู้สึก ความเชื่อ และทัศนคติ ของผู้เขียนที่ต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ข้อควรปฎิบัติในการพูดวิเคราะห์ และวิจารณ์ที่ดี ๑.พูดอย่างมีการเตรียมตัว มีการเตรียมความพร้อมก่อนการพูด เช่น การหาข้อมูล การใช้เหตุผล ๒.พูดด้วยความสุภาพ ไม่ใช้คำ ส่อเสียดหรือหยาบคาย ๓.หลีกเลี่ยงการพูดก่อให้เกิดความขัดแย้ง ๔.ควบคุมอารมณ์และความคิดเห็นให้อยู่ภายใต้ความยุติธรรมและ ความเที่ยงธรรม ๕.ระมัดระวังในการใช้คำ ๑๘
เพลงประกอบบทเรียนรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก คิวอาร์โค้ดเพื่อรับชม จากช่องYouTube NTPniverse จากเนื้อหาข้างต้นผู้สอนใช้กระบวนการสอนอุปนัยและสามารถนำ มาประยุกต์ กับการใช้สื่อวีดีโอเพลง ประกอบบทเรียนรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก และสามารถทำ สื่อที่ผู้เรียนได้ฝึกทักษะในด้านความรู้ ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์ วิจารณ์ จากเรื่องที่ฟังและดู คิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลด ๑๙
๒๐
คำ ราชาศัพท์ หมายความว่า ศัพท์หลวง ศัพท์ราชการ และหมาย รวมถึงคำ สุภาพซึ่งนำ มาใช้ให้ถูกต้องตามชั้นหรือฐานะของบุคคล บุคคลผู้ที่พูดต้องใช้ราชาศัพท์ด้วย จำ แนกเป็น ๕ ประเภท คือ ๑. พระมหากษัตริย์ ๒. พระบรมวงศานุวงศ์ ๓. พระสงฆ์ ๔. ข้าราชการชั้นสูงหรือขุนนาง ๕. สุภาพชนทั่วไป คำ ราชาศัพท์แบ่งได้ ๖ หมวด คือ ๑. หมวดร่างกาย ๒. หมวดเครือญาติ ๓. หมวดเครื่องใช้ ๔. หมวดกริยา ๕. หมวดสรรพนาม ๖. หมวดคำ ที่ใช้กับพระสงฆ์ คำ ราชาศัพท์ ๒๑
๑. วิธีเปลี่ยนคำ นามสามัญให้เป็นคำ นามราชาศัพท์ ก. สามานยนามและอาการนาม ๑. พระบรมมหาราช พระบรมราช และพระบรม ใช้นำ หน้าคำ นามสามัญ เพื่อแสดงเกียรติยศ พิเศษ ใช้เฉพาะพระเจ้าแผ่นดิน เช่น พระบรมราโชวาท พระบรมเดชานุภาพ พระบรมราชูปถัมภ์ ฯลฯ ๒. พระราช ใช้นำ หน้าคำ นามสามัญ ส่วนมากเป็นคำ บาลี สันกฤต และเขมร ส่วนใหญ่ใช้สำ หรับ พระเจ้าแผ่นดิน และเจ้านายที่ได้รับสถาปนาพระยศชั้นสูง คือ สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จ พระบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชกุมารี สมเด็จพระยุพราช เช่น พระราชดำ ริ พระราชวัง พระราช ดำ รัส พระราชพาหนะ ฯลฯ ๓. พระ ใช้นำ หน้าคำ นามสามัญทั่วไป ส่วนมากเป็นคำ บาลี สันกฤต และเขมร ใช้สำ หรับ พระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์ เช่น พระมาลา พระบาท พระศก พระขนง คำ ประสมที่มีคำ ท้ายเป็น คำ ราชาศัพท์ ไม่ต้องมี พระ นำ หน้า เช่น เรือพระที่นั่ง (ใช้กับเจ้านาย) ช้างพระที่นั่ง รถพระที่นั่ง รถที่ นั่ง (ใช้กับเจ้านาย) ฉลองพระองค์ (เสื้อใช้กับพระเจ้าแผ่นดิน) เป็นต้น ข้อสังเกต ในกรณีที่คำ นั้นไม่มี คำ ราชาศัพท์อยู่ก่อน ถ้าเป็นคำ บาลีสันสกฤตใช้คำ พระราช หรือ พระ นำ หน้า เช่น พระโทรทัศน์ พระราชโทรเลข แต่ถ้าไม่ใช่คำ บาลีสันสกฤตให้ต่อท้ายด้วยคำ ราชาศัพท์ตามความเหมาะสม เช่น แก้วน้ำ เสวย กระเป๋าทรงถือ ที่เขี่ยพระโอสถมวน ๔. หลวง หรือ ต้น ใช้ประกอบท้ายคำ นาม ใช้สำ หรับพระเจ้าแผ่นดิน หลวง ใช้กับ คน สัตว์ และสิ่งของทั่วไป เช่น โครงการหลวง ฝนหลวง เรือหลวง ม้าหลวงต้น ใช้กับ สัตว์และสิ่งของซึ่งเป็นชั้นดี เช่น ช้างต้น เรือนต้น เรือต้น เครื่องต้น ๕. เทว หรือ เทพ ใช้นำ หน้าคำ บาลีสันสกฤต ใช้กับเทพเจ้าผู้ใหญ่ เช่น เทพบุตร เทวโองการ ๖. พุทธ หรือ พระพุทธ ใช้นำ หน้าคำ บาลีสันสกฤต ใช้กับพระพุทธเจ้า เข่น พุทธโอวาท พระพุทธ คุณ คำ ราชาศัพท์ ๒๒
๑. วิธีเปลี่ยนคำ นามสามัญให้เป็นคำ นามราชาศัพท์ ข. ลักษณนาม ๑. พระองค์ ใช้สำ หรับพระเจ้าแผ่นดิน พระราชวงศ์ และเทพเจ้าชั้นสูง เช่น พระเจ้าแผ่นดินทั้ง ๒ พระองค์ พระราชโอรส ๔ พระองค์ เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ มี ๓ พระองค์ ๒. องค์ ใช้สำ หรับพระราชวงศ์และเทพเจ้าชั้นรอง เช่น พระอินทร์มีพระสหาย ๒ องค์ พระเจ้าหลานเธอ ๓ องค์ ๓. องค์ ใช้สำ หรับส่วนในร่างกาย ของเสวย และเครื่องใช้ของพระเจ้าแผ่นดิน พระ ราชวงศ์ และเทพเจ้า เช่น พระที่นั่ง ๒ องค์ (หลัง) พระราชดำ รัส ๑ องค์ (บท) พระ มาลา ๓ องค์ (ใบ) คำ ราชาศัพท์ ๒๓
๒. คำ กริยาราชาศัพท์ มี ๔ ชนิด ๑. คำ กริยาที่บัญญัติขึ้นเป็นคำ ราชาศัพท์โดยเฉพาะ เช่น ทอดพระเนตร (ดู, เห็น, มอง, แล) สรง (อาบน้ำ , ล้าง) ชำ ระพระบาท (ล้างเท้า) ฉายพระรูป (ถ่ายรูป) แย้มพ ระสรวล (ยิ้ม) สรงพระพักตร์ (ล้างหน้า) ๒. คำ กริยาราชาศัพท์ที่ใช้ ทรง นำ หน้า มีวิธีการใช้ คือ – ทรง ใช้นำ หน้าคำ กริยาสามัญ สำ หรับพระเจ้าแผ่นดิน พระราชวงศ์ และสมเด็จ พระสังฆราช เช่น ทรงถือ ทรงอุตสาหะ ทรงกราบ ทรงสั่งสอน ทรงเมตตา – ทรง ใช้เป็นกริยามีกรรม สำ หรับพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์ เช่น ทรงปืน (ยิงปืน) ทรงม้า (ขี่ม้า) ทรงธรรม (ฟังธรรม, ฟังเทศน์) ทรงกีฬา (เล่นกีฬา) ทรงศีล (ถือศีล) ทรงดนตรี (เล่นดนตรี) – ทรง ใช้นำ หน้าคำ นามราชาศัพท์ โดยเปลี่ยนคำ นามราชาศัพท์เป็นคำ กริยา ราชาศัพท์ และคำ นามที่ตามหลังนิยมใช้คำ ว่า พระ นำ หน้า ใช้สำ หรับพระเจ้าแผ่น ดิน พระราชวงศ์ และสมเด็จพระสังฆราช เช่น ทรงพระสุหร่าย (ประพรมน้ำ ) ทรง พระดำ ริ (คิด) ทรงพระสรวล (หัวเราะ) ทรงพระดำ เนิน (เดิน) กริยา มี กับ เป็น ถ้านำ หน้าคำ ราชาศัพท์อยู่แล้วไม่ต้องใช้ ทรง เช่น มีพระราชดำ รัส เป็นพระราชธิดา ๓. คำ กริยาราชาศัพท์ที่ใช้ เสด็จ นำ หน้า คำ กริยาที่ตามหลังเป็นคำ สามัญหรือคำ ราชาศัพท์ก็ได้ เช่น เสด็จกลับ เสด็จประพาส เสด็จพระราชดำ เนิน ๔. คำ กริยาราชาศัพท์ที่ประสมขึ้นใช้ตามประเภทของบุคคล เป็นคำ กริยาที่มีความ หมายเหมือนกัน แต่บัญญัติไว้หลายคำ ตามระดับชั้นของบุคคล เช่น กริยา ตาย คำ ราชาศัพท์ ๒๔
คุณค่า และข้อคิดที่ได้จากวรรณคดี สาเหตุที่นนทกทูลขอนิ้วเพชรก็มาจากความโกรธแค้นที่ถูกรังแก แต่ ผลของการใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาทำ ให้นนทกต้องถึงแก่ความตายด้วยอำ นาจ ของตนเอง การใช้อารมณ์โกรธที่ไม่เป็นผลดีกับใครเลย คุณค่าด้านเนื้อหา ข้อคิด ๑. อำ นาจตกอยู่ในมือของคนที่ลืมตัว จะเกิดผลร้ายตามมาได้ ๒. เมื่อคนมีอำ นาจ จะตัดสินใจด้วยความรู้สึกก้าวร้าวรุนแรงได้ง่าย เมื่อคิดว่าถูกรังแก ๓. คนเราควรใช้อำ นาจเพียงเพื่อป้องกันตัวไม่ให้รับพิบัติเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อทำ ลายผู้อื่นเพื่อแก้แค้น คำ ถาม นักเรียนได้ข้อคิดใดจากเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ที่สามารถนำ ไปใช้ชีวิตประจำ วันได้อย่างไร..................................... ๒๕
คุณค่า และข้อคิดที่ได้จากวรรณคดี วรรณคดี และวรรณกรรมมักสอดแทรกความรู้ สะท้อนวัฒนธรรม สภาพวิถีชีวิต ความคิด ค่านิยม ความเชื่อ ของผู้คนในสมัยที่แต่ง ซึ่งผู้อ่าน จะต้องอ่านอย่างพิจารณาว่าผู้อ่านได้รับความรู้เรื่องใดบ้าง กลอนบทละคร เรื่องนี้สอนให้เห็นถึงการแบ่งชนชั้นวรรณะ สะท้อนความเชื่อของไทยเกี่ยว กับการกลับชาติมาเกิด เรื่องของเวรกรรม ทำ ดีได้ดี ทำ ชั่วได้ชั่ว และเนื้อหา ของบทละครยังสอดแทรกท่ารำ แม่บท ว่ามีความสวยงามเพียงใด คุณค่าด้านสังคม “ ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์ จงไปอุบัติเอาชาติใหม่ ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร เหาะเหินเดินได้ในอัมพร มีมือยี่สิบซ้ายขวา ถือคทาอาวุธธนูศร กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร ตามไปราญรอนชีวี ” คำ ถาม จากบทประพันธ์ข้างต้นสะท้อนให้เห็นความเชื่อของคนไทย อย่างไร................................................................. ๒๖
คุณค่า และข้อคิดที่ได้จากวรรณคดี หลักการวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ผู้อ่านจะต้องพิจารณาทั้งรสของ ถ้อยคำ และรสความ เพื่อให้เห็นความงามของภาษา การที่ผู้อ่านจะเกิดจินตนาการ ตามเนื้อเรื่องได้จะต้องเข้าใจการใช้สำ นวนโวหาร ภาพพจน์ การเล่นคำ การเล่นเสียง และรสในวรรณคดีไทย คุณค่าด้านวรรณศิลป์ โวหารที่ใช้ในการประพันธ์ ๑. บรรยายโวหาร คือ การเขียนบรรยายเหตุการณืที่เป็นข้อเท็จจริงของสิ่ง ต่าง ๆอย่างตรงไปตรงมา ๒. พรรณนาโวหาร คือ การเล่ารายละเอียดของเรื่องราว เพื่อให้ผู้อ่านเกิด จินตภาพตามบทประพันธ์ของกวี ๓. เทศนาโวหาร คือ โวหารที่มุ่งในการสั่งสอนชักจูงจิตใจผู้อ่านให้คล้อยตาม ๔. สาธกโวหาร คือ โวหารที่มีจุดมุ่งหมายให้ความชัดเจนด้วยการยกตัวอย่าง ประกอบ เพื่ออธิบายสนับสนุนความคิดเห็นให้ผู้อ่านเข้าใจและเกิดความเชื่อถือ ๕. อุปมาโวหาร คือ โวหารเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ ชัดเจนยิ่งขึ้นมักมีคำ เปรียบ ประดุจ ดุจ ดั่ง เหมือน ราวกับ เพียง เล่ห์ เป็นต้น ๒๗
กิจกรรม ลองเขียนลองเล่า... ๑.จงเขียนพรรณนาถึงความงามของนางสุวรรณอัปสร ร่างนางฟ้า จำ แลงขององค์พระนารายณ์ ................................................................. ................................................................. ................................................................. ................................................................. .... ................................................................. ................................................................. .. ๒.จงเขียนบรรยายลักษณะของพระอินทร์ .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. ๒๘
คุณค่า และข้อคิดที่ได้จากวรรณคดี ภาพพจน์ของวรรณคดี ๑. อุปมา คือ การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งคล้ายหรือเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง โดยมีคำ แสดงความเปรียบ เช่น เปรียบ ประดุจ ดุจ ดั่ง เหมือน ราว เพียง เพี้ยง ฯลฯ ๒. อุปลักษณ์ คือ การเปรียบสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งงมักใช้คำ ว่า เป็น คือ ในการเปรียบเทียบ ๓. อติพจน์คือ การใช้ถ้อยคำ ที่กล่าวผิดไปจากความเป็นจริง โดยกล่าวถึงสิ่ง หนึ่งเปรียบเทียบกับสิ่งที่ดูเกินมากกว่าความจริง ๔. บุคคลวัตหรือบุคลาธิษฐาน คือ การกล่าวถึงสิ่งที่ไม่มีชีวิตจิตใจ ให้มีการ กระทำและความรู้สึกนึกคิดอย่างมนุษย์ ๕. สัทพจน์คือ การใช้คำ เลียนเสียงธรรมชาติโดยใช้ตัวอักษรสะกดให้ออกเสียง คล้ายกับเสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือที่ได้ยินทั่วไปมากที่สุด ๖. สัญลักษณ์ คือ การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งแทนอีกสิ่งหนึ่ง โดยไม่มีคำ แสดง ความเปรียบ “เขาเป็นคนเจ้าชู้มาก เห็นเปลี่ยนตุ๊กตาหน้ารถประจำ เลย” คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๒๙
คุณค่า และข้อคิดที่ได้จากวรรณคดี คุณค่าด้านวรรณศิลป์ การใช้ภาษา ๑. การเล่นเสียง คือ การเลือกสรรคำ ที่มีเสียงสัมผัสกัน ได้แก่ การเล่นเสียง อักษร เสียงสระ และเสียงวรรณยุกต์ เพื่อเพิ่มความไพเราะและแสดงความ สามารถของกวีที่แม้จะเล่นเสียงของคำ แต่ยังคงความหมายไว้ได้ ๒. การเล่นเสียงอักษร คือ การใช้คำ ที่มีเสียงพยัญชนะเดียวกันหลาย ๆ พยางค์ติดกัน เพื่อความไพเราะ ๓. การเล่นเสียงสระ คือ การใช้สัมผัสสระที่มีเสียงตรงกัน ถ้ามีตัวสะกดก็ต้อง เป็นตัวสะกดในมาตราเดียวกัน แม้จะใช้พยัญชนะมาใช้เล่นสัมผัสเสียงสระอีก ๔. การเล่นเสียงวรรณยุกต์ คือ การใช้คำ ที่ไล่ระดับเสียง ๒ หรือ ๓ ระดับเป็นชุดๆ ๕. อื่นๆ เช่น การเล่นคำ ซ้ำ การเล่นคำ พ้องเสียง การเล่นคำ พ้องความหมาย การเล่นคำ ตรงข้าม การเล่นคำ เชิงถาม ๓๐
เกร็ดความรู้ “ เทพนมปฐมพรหมสี่หน้า สอดสร้อยมาลาเฉิดฉิน ทั้งกวางเดินดงหงส์บิน กินรินเลียบถ้ำ อำ ไพ อีกช้านางนอนภมรเคล้า ทั้งแขกเต้าผาลาเพียงไหล่ เมขลาโยนแก้วแววไว มยุเรศฟ้อนในอัมพร ลมพัดยอดตองพรหมนิมิต ทั้งพิสมัยเรียงหมอน ย้ายท่ามัจฉาชมสาคร พระสี่กรขว้างจักรฤทธิรงค์ ” พระนารายณ์แปลงกลายเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยงาม ออกอุบายล่อให้นนทก รำ ตามเพื่อให้นนทกชี้นิ้วใส่ตัวเอง บทนี้จึงกล่าวถึงท่ารำ โดยมีท่ารำ แม่บทปรากฏ ทั้งหมด ๑๘ ท่า ดังนี้ ๑. เทพนม ๒. ปฐม ๓. พรหมสี่หน้า ๔. สอดสร้อยมาลา ๕. กวางเดินดง ๖. หงส์บิน ๗. กินรินเลียบถ้ำ ๘. ช้านางนอน ๙. ภมรเคล้า ๑๐. แขกเต้า ๑๑. ผาลาเพียงไหล่ ๑๒. เมขลาล่อแก้ว ๑๓. มยุเรศฟ้อน ๑๔. ลมพัดยอดตอง ๑๕. พรหมนิมิต ๑๖. พิสมัยเรียงหมอน ๑๗. มัจฉาชมสาคร ๑๘. พระสี่กรขว้างจักร ๓๑
เกร็ดความรู้ ๑. เทพนม ๒. ปฐม ๓๒
เกร็ดความรู้ ๓. พรหมสี่หน้า ๔. สอดสร้อยมาลา ๓๓
เกร็ดความรู้ ๕. กวางเดินดง ๖. หงส์บิน ๓๔
เกร็ดความรู้ ๗. กินรินเลียบถ้ำ ๘. ช้านางนอน ๓๕
เกร็ดความรู้ ๙. ภมรเคล้า ๑๐. แขกเต้า ๓๖
เกร็ดความรู้ ๑๑. ผาลาเพียงไหล่ ๑๒. เมขลาล่อแก้ว ๓๗
เกร็ดความรู้ ๑๓. มยุเรศฟ้อน ๑๔. ลมพัดยอดตอง ๓๘
เกร็ดความรู้ ๑๕. พรหมนิมิต ๑๖. พิสมัยเรียงหมอน ๓๙
เกร็ดความรู้ ๑๗. มัจฉาชมสาคร ๑๘. พระสี่กรขว้างจักร ๔๐ (อ้างอิง : โรงเรียนสงวนหญิง)
บรรณานุกรม ๔๑ กลมลักษณ์ และคณะ. (๒๕๖๕). รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก. สืบค้นเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๖ จาก https://anyflip.com ธนิษฐา และคณะ. (๒๕๖๕). รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก. สืบค้นเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๖ จาก https://fliphtml5.com ชิษณุชา. (๒๕๖๔). รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก. สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๖ จากhttps://nockacademy.com ทีมงานทรูปลูกปัญญา. (๒๕๖๔). คำ ราชาศัพท์ สืบค้นเมื่อวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๖ จากhttps://www.dltv.ac.th/teachplan/
สมาชิกผู้จัดทำ นางสาวชนภรณ์ วังคะวิง รหัสนิสิต ๖๔๐๑๐๕๑๔๐๐๒ นางสาวจุทานันท์ นิรงบุตร รหัสนิสิต ๖๔๐๑๐๕๑๔๐๑๒ นางสาวจุฬาลักษณ์ บัวก่ำ รหัสนิสิต ๖๔๐๑๐๕๑๔๐๑๓ นางสาวนิลระณี ดิง รหัสนิสิต ๖๔๐๑๐๕๑๔๐๑๙ ๔๑ นิสิตชั้นปีที่ ๓ สาขาวิชาภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
นนาารราายยณ์ณ์ ณ์ปณ์ปรราาบบนนนนททกก " ปฐมบทก่ก่ ก่ อ ก่ อเกิกิ กิ ด กิ ดตำตำตำตำนาน สืสืสื บสื บสานมหากาพย์ย์ ย์สย์ะเทืทื ทื อ ทื อนโลกา " ตัตั ตั นตั นกำกำกำกำเนินิ นิ ด นิ ดแห่ห่ ห่งห่ ศึศึศึ ก ศึ กสงครามที่ที่ ที่ ก่ ที่ ก่ ก่ อ ก่ อความวุ่วุ่วุ่นวุ่ วายไปทั้ทั้ ทั้งทั้สามโลก มีมี มี บ่มี บ่ บ่ อ บ่ อเกิกิ กิ ด กิ ดจากความแคัคั คั นคั นของยัยั ยั ก ยั กษ์ษ์ ษ์ ต ษ์ ตนหนึ่นึ่ นึ่งนึ่ ผู้ผู้ผู้ซึ่ผู้ซึ่ซึ่งซึ่ ถูถู ถูก ถูกรัรั รังรัแกจนได้ด้ ด้ พด้ พรวิวิ วิ เวิ เศษ แต่ต่ ต่ เต่ เพราะความหลงในอำอำอำอำนาจ ยัยั ยั ก ยั กษ์ษ์ ษ์ ต ษ์ ตนนั้นั้ นั้ นนั้ นจึจึ จึงจึ ต้ต้ ต้ อ ต้ องพบจุจุจุ ด จุ ดจบ ที่ที่ ที่ แที่ แสนอนาถซึ่ซึ่ซึ่งซึ่ใครเล่ล่ ล่ า ล่ าจะรู้รู้รู้ว่รู้ว่ ว่ า ว่ ามัมั มั นมั นเป็ป็ป็นป็เพีพี พียพีงจุจุจุ ด จุ ดเริ่ริ่ ริ่มริ่ ตัตั ตั นตั น (อ้างอิง : https://hariraks.wordpress.com )