สารจาก
อธบิ ดกี รมประมง
เนอ่ื งในโอกาสทช่ี มรมผเู้ ลยี้ งกงุ้ ระนองไดร้ ว่ มกนั จดั งาน “เสวนาหนา้ ฝนกบั คน
เลยี้ งกงุ้ ระนอง” ในวนั ท่ี 24 มถิ นุ ายน 2565 ในนามของกรมประมง กระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ ขอแสดงความชนื่ ชมยนิ ดที เี่ กษตรกรผเู้ ลย้ี งกงุ้ รวมตวั กนั อยา่ งเขม้ แขง็ รว่ ม
กนั จดั ใหม้ เี วทสี มั มนาแลกเปลยี่ นความรู้ แบง่ ปนั ประสบการณ์ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ในการเลยี้ งกงุ้
ทะเลดา้ นตา่ งๆ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การเตรยี มความพรอ้ มของเกษตรกรในการจดั การฟารม์
ชว่ งฤดกู าลเปลย่ี นแปลง เพอ่ื ลดความเสยี หายและผลกระทบทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ในชว่ งเวลาดงั กลา่ ว
กงุ้ ทะเลของไทยนบั เปน็ สนิ คา้ อาหารทะเลสง่ ออกทสี่ ำ� คญั ลำ� ดบั ตน้ ๆ ของสนิ คา้ ภาค
เกษตรมมี ลู คา่ สง่ ออกนบั แสนลา้ นบาท และยงั มผี เู้ กยี่ วขอ้ งในหว่ งโซก่ ารผลติ อกี มากมาย แตช่ ว่ งทผี่ า่ นมาผลกระทบจาก
โรคระบาดสง่ ผลใหผ้ ลผลติ กงุ้ ทะเลจากการเพาะเลย้ี งของไทยลดลงอยา่ งมาก ซง่ึ กระทบตอ่ หว่ งโซอ่ ปุ ทานในอตุ สาหกรรม
การเพาะเลย้ี งกงุ้ ทะเล ทำ� ใหใ้ นปจั จบุ นั ผลผลติ กงุ้ ทะเลของไทยเหลอื เพยี งประมาณหนงึ่ ในสามของผลผลติ ทเี่ คยผลติ ได้
สงู สดุ ในอดตี แตใ่ นขณะเดยี วกนั เกษตรกรมกี ารปรบั ตวั และมแี นวทางในการปอ้ งกนั โดยปรบั แนวทางการเลยี้ ง ดแู ล
และจดั การคณุ ภาพนำ้� และดนิ พน้ื บอ่ จงึ สามารถลดความเสยี่ งจากการเกดิ โรคได้ ประกอบกบั มกี ารนำ� เทคโนโลยแี ละ
นวตั กรรมตา่ งๆ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการเลยี้ ง เพอื่ เพมิ่ ศกั ยภาพในการผลติ
กระทรวงเกษตรและสหกรณเ์ ลง็ เหน็ ถงึ ความสำ� คญั ของสนิ คา้ กงุ้ ทะเลและปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ จงึ มนี โยบายเรง่ ดว่ น
ในการฟน้ื ฟผู ลผลติ กงุ้ ทะเลของประเทศไทยใหก้ ลบั มาอยใู่ นระดบั 400,000 ตนั ภายใน ปี 2566 โดยกรมประมงซงึ่
เปน็ หนว่ ยงานรบั ผดิ ชอบหลกั ไดก้ ำ� หนดเปา้ หมายการผลติ กงุ้ ทะเลใน ปี 2565 และปี 2566 ไวท้ ่ี 320,000 ตนั และ
400,000 ตนั ตามลำ� ดบั และกำ� หนดทศิ ทางแผนการบรหิ ารจดั การตลอดหว่ งโซก่ ารผลติ เพอื่ ใหผ้ ลผลติ กงุ้ ทะเลของ
ไทยเปน็ ตามเปา้ หมายทต่ี งั้ ไว้ ภายใตก้ ารดำ� เนนิ งานเชงิ บรู ณาการกบั ทกุ ภาคสว่ นทเี่ กยี่ วขอ้ ง โดยใหค้ วามสำ� คญั ในการ
บรหิ ารจดั การขอ้ มลู ดา้ นการเพาะเลย้ี งกงุ้ ทะเล เพอ่ื นำ� ขอ้ มลู มาเปน็ แนวทางแกไ้ ขปญั หาหรอื กำ� หนดนโยบายการชว่ ย
เหลอื เกษตรกรดา้ นตา่ งๆ มกี ารดำ� เนนิ การศกึ ษาวจิ ยั เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาดา้ นโรคระบาดกงุ้ การปรบั ปรงุ พนั ธก์ุ งุ้ ทะเล การ
สง่ เสรมิ การนำ� เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการผลติ กงุ้ ทะเล เพอื่ เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพและลดตน้ ทนุ การผลติ
การฟน้ื ฟพู น้ื ทกี่ ารเพาะเลยี้ งกงุ้ ทะเลเสอื่ มโทรมรว่ มกบั การดแู ลดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม การจดั หาแหลง่ เงนิ ทนุ สำ� หรบั เกษตรกร
การสง่ เสรมิ และหาชอ่ งทางการตลาดเพมิ่ เตมิ เพอื่ รองรบั ผลผลติ กงุ้ ทะเลทเี่ พมิ่ ขน้ึ ผา่ นการกระตนุ้ และสง่ เสรมิ การบรโิ ภค
กงุ้ ทะเลทงั้ ในและตา่ งประเทศ โดยนโยบายครงั้ นี้ นอกจากมเี ปา้ หมายในการฟน้ื ฟผู ลผลติ กงุ้ ทะเลของไทยแลว้ ยงั มงุ่
หวงั ใหเ้ ปน็ การสรา้ งความมนั่ คงในอาชพี ใหแ้ กเ่ กษตรกรผเู้ ลย้ี งกงุ้ ทะเลและธรุ กจิ เกยี่ วเนอ่ื งอกี ดว้ ย
สดุ ทา้ ยน้ี ขออวยพรใหก้ ารจดั งานนส้ี ำ� เรจ็ บรรลตุ ามเปา้ หมาย และพนี่ อ้ งเกษตรกรรว่ มมอื รว่ มใจนำ� การประกอบ
อาชพี เลย้ี งกงุ้ ของประเทศเราใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ ยงั่ ยนื ตลอดไป
(นายเฉลมิ ชยั สวุ รรณรกั ษ)์
อธบิ ดกี รมประมง
สารจาก
ประธานชมรมผเู้ ลย้ี งกงุ้ ระนอง
กจิ กรรมการสมั มนาวชิ าการ “เสวนาหนา้ ฝนกบั คนเลย้ี งกงุ้ ระนอง” ภายใตห้ วั ขอ้ เรอื่ ง รทู้ นั การใชย้ าใน
สตั วน์ ำ�้ เพอื่ ลดปญั หาเชอ้ื ดอ้ื ยา กงุ้ ไทย สารา่ มไี รพรอื โฉ.้ .. ทำ� ไมตอ้ งลกู กงุ้ คณุ ภาพสงู ในภาวะวกิ ฤตตน้ ทนุ ตลาดกงุ้
ไทยภายใตว้ กิ ฤตอาหารโลก นวตั กรรมการฆา่ เชอื้ ในนำ�้ สำ� หรบั การเลยี้ งกงุ้ โดยใชค้ ลอรนี ไดออ๊ กไซดแ์ ละคลอดรนี นำ�้
คมั ภรี ์ การเลย้ี งกงุ้ ฤดฝู น โดยวทิ ยากรจากภาครฐั และเอกชน
จดั ขน้ึ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ใหผ้ เู้ ลยี้ งกงุ้ จงั หวดั ระนองไดร้ บั ความรู้ ไดพ้ บปะพดู คยุ แลกเปลยี่ นประสบการณ์
สรา้ งความสมั พนั ธท์ ดี่ ี และสามารถผลติ กงุ้ ทมี่ คี ณุ ภาพ ไดม้ าตรฐาน ตอบสนองนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมประมง ในการฟน้ื ฟผู ลผลติ กงุ้ ทะเลของประเทศไทย
การจดั งานในครงั้ น้ี จงึ ขอขอบคณุ ทมี คณะผจู้ ดั การ วทิ ยากรจากภาครฐั และเอกชน ผสู้ นบั สนนุ การจดั งาน
บรษิ ทั อาหาร บรษิ ทั ผคู้ า้ ปจั จยั กรมประมง และจงั หวดั ระนอง ซงึ่ เปน็ สว่ นสำ� คญั ทช่ี ว่ ยใหผ้ เู้ ลยี้ งกงุ้ จงั หวดั้ ระนอง มี
ขวญั และกำ� ลงั ใจในการผลติ กงุ้ ไดอ้ ยา่ งมน่ั คง ยงั่ ยนื และยาวนาน ตลอดไป
(นายโชคชยั สดุ จติ ร)์
ประธานชมรมผเู้ ลยี้ งกงุ้ ระนอง
สารบญั
หน้า 14
รู้ทนั การใช้ยาในสตั วน์ ำ�้
เพ่ือลดปญั หาเช้อื ดอ้ื ยา
หน้า 19
กงุ้ ไทย สาว่ามไี รพรอื โฉ้
หน้า 26
กว่าจะมาเปน็ ลกู กงุ้ ซพี ีเอฟ
หน้า 33
ASIAN HATCHERY
QUALITY SHRIMP
หนา้ 39
นวัตกรรมการฆ่าเช้อื ในน�ำ้
สำ� หรับการเล้ยี งกุ้ง
หน้า 44
คมั ภีร์ การเลยี้ งกุ้งฤดูฝน
เสวนาหนา ฝน
กับคนเลย้ี งกุงระนอง
โดย ดร.ฐิตพิ ร หลาวประเสริฐ ผู้อ�ำนวยการกองวิจัยและพฒั นาสุขภาพสตั วน์ ำ�้ และ
สตั วแพทยห์ ญงิ ดร.ปรยี านนั ท์ ศรวี รรณยศ นายสตั วแพทยป์ ฏบิ ตั กิ าร กองวจิ ยั และพฒั นาสขุ ภาพสตั วน์ ำ�้ กรมประมง
รทู้ นั การใชย้ าในสตั วน์ ำ�้
เพอ่ื ลดปญั หาเชอื้ ดอ้ื ยา
โรคสัตว์น้ำ� จดั เปน็ ปญั หาและอปุ สรรคสำ� คญั หลักการป้องกันโรคที่
ดี คือ การให้ความส�ำคัญกับการ
ท่ีส่งผลกระทบเชิงลบต่อการผลิตกุ้งทะเลและส่งผล จัดการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้�ำที่ดี
กระทบต่อเน่ืองเป็นวงกว้างไปยังอุตสาหกรรมต่อเน่ือง (Good Aquaculture Practices;
จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคกุ้งทะเลของกรมประมง พบ GAP) การจดั การสขุ ภาพสตั วน์ ำ้� ทด่ี ี
ว่าเชื้อก่อโรคในกุ้งทะเล มีหลายชนิด ท่ีส�ำคัญ ได้แก่ (Health Management Practices;
เชอ้ื ไวรัส (WSSV, IHHNV, YHV, TSV) เชอ้ื แบคทีเรีย HMP) และการจัดการความ
(AHPND) เชอื้ รา (EHP) นอกจากน้ี ยงั มอี าการผดิ ปกตทิ ่ี ปลอดภยั ทางชวี ภาพ (Biosecurity
สง่ ผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของกงุ้ ทสี่ ำ� คญั ไดแ้ ก่ อาการขี้ in Aquaculture; BA) กรณีท่ีกุ้ง
ขาว ซงึ่ เกดิ ขน้ึ ไดจ้ ากหลายสาเหตุ
14
เสวนาหนา ฝน
กบั คนเล้ียงกงุ ระนอง
มีอาการผิดปกติหรือป่วย มีความจ�ำเป็นต้องแก้ไขหรือ
รกั ษา ตอ้ งทำ� การตรวจวนิ จิ ฉยั โรคเพอ่ื ใหร้ สู้ าเหตทุ แ่ี ทจ้ รงิ
เพราะอาจเปน็ ผลมาจากปจั จยั โนม้ นำ� อน่ื ๆ กระตนุ้ ใหก้ งุ้
ออ่ นแอ ยอมรบั เชอื้ กอ่ โรคตา่ งๆ ไดง้ า่ ย การแกป้ ญั หาที่
เกดิ ขน้ึ จำ� เปน็ ตอ้ งแกไ้ ขทส่ี าเหตทุ แี่ ทจ้ รงิ
อย่างไรก็ตามการได้รับเชื้อก่อโรค ชนิดท่ีเป็น
แบคทเี รยี นน้ั ยา(อาจ)มคี วามจำ� เปน็ อยู่ ทง้ั นท้ี ง้ั นน้ั การ
รกั ษาโรคโดยการใชย้ านน้ั เกษตรกรผเู้ พาะเลยี้ งกงุ้ จำ� เปน็
ต้องรู้เท่าทันยาและการใช้ยา เพราะการใช้ยาท่ีไม่สม
เหตผุ ล ไมต่ รงกบั สาเหตขุ องการเกดิ โรค การใชย้ าผดิ วธิ ี
ผดิ วตั ถปุ ระสงค์ จะสง่ ผลกระทบเชงิ ลบหลายประการ เชน่
ยาตกคา้ งในอาหาร สงิ่ แวดลอ้ ม อกี ประเดน็ ผลกระทบท่ี
สำ� คญั และเปน็ ปญั หาระดบั โลก คอื ปญั หาเชอื้ ดอ้ื ยาตา้ น ที่เกิดจากปัญหาเช้ือดื้อยา ในแนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว
จลุ ชพี (Antimicrobial Resistance; AMR) ซง่ึ องคก์ าร (One Health Approach) คน สตั ว์ และสงิ่ แวดลอ้ ม
อนามยั โลก (World Health Organization; WHO) จดั ให้ การรู้ทันยาในการเพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำ เป็นการ
เปน็ โรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ (Emerging Infectious Disease) รจู้ กั ยา ซงึ่ ผใู้ ชต้ อ้ งเขา้ ใจถงึ การใชย้ าทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพใน
และประเทศไทยไดจ้ ดั เปน็ ปญั หาทางสาธารณสขุ ทสี่ ำ� คญั การรกั ษา การใชต้ อ้ งใชใ้ หเ้ ปน็ จงึ เกดิ ประโยชน์ ใชอ้ ยา่ ง
ระดบั ชาติ ดว้ ยขอ้ มลู สถติ กิ ารตายของคนไทย ทเ่ี กดิ จาก ระมดั ระวงั ใชเ้ มอื่ จำ� เปน็ และใชอ้ ยา่ งสมเหตผุ ล ซงึ่ เปน็
การได้รับเชื้อดื้อยาสูงข้ึนเป็นล�ำดับ และมีรายงานว่า ที่แน่นอนว่าจะต้องได้รับค�ำแนะน�ำจากสัตวแพทย์หรือ
ทกุ 15 นาที มผี ปู้ ว่ ยและตายจากการไดร้ บั เชอ้ื ดอื้ ยา 1 นกั วชิ าการประมงทม่ี คี วามรคู้ วามเชยี่ วชาญดา้ นสขุ ภาพ
คน กระทรวงสาธารณสุขได้บูรณาการงานหน่วยงานท่ี สตั วน์ ำ้� ทงั้ นี้ กรมประมง ไดจ้ ดั ทำ� แนวปฏบิ ตั ใิ นการใชย้ า
เกย่ี วขอ้ งกบั งานเชอื้ ดอ้ื ยา ไดแ้ ก่ การแพทย์ สาธารณสขุ ในการเพาะเลยี้ งสตั วน์ ำ้� (Guideline of Antimicrobial
ปศสุ ตั ว์ ประมง การเกษตร และดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม รว่ มกนั Use in Aquaculture) ตามหลกั วชิ าการ เพอื่ เปน็ แนวทาง
จดั ทำ� แผนยทุ ธศาสตรก์ ารจดั การเชอ้ื ดอ้ื ยาตา้ นจลุ ชพี ของ สำ� หรบั ผใู้ ชย้ าตา้ นจลุ ชพี ในสตั วน์ ำ้� ในทศิ ทางเดยี วกนั จะ
ประเทศไทย เพอ่ื แกป้ ญั หาและลดวกิ ฤตกิ ารตายของคน อยา่ งไรบา้ งนนั้ ขอบอกกลา่ วเลา่ ความพอสงั เขป ดงั นี้
15
เสวนาหนาฝน
กับคนเลีย้ งกงุ ระนอง
ความหมาย “ยา” (drug) ตามความในนยิ าม สาธารณสขุ เรอ่ื ง ยาควบคมุ พเิ ศษ ฉบบั ท่ี 50 พ.ศ. 2562
มาตรา 4 แหง่ พระราชบญั ญตั ยิ า พ.ศ. 2510 และฉบบั และฉบบั ที่ 54 พ.ศ. 2562 ไดแ้ ก่ ยาตา้ นแบคทเี รยี ทมี่ วี ธิ ี
แก้ไขเพ่ิมเติม) หมายถึง วัตถุที่รับรองไว้ในต�ำรายาท่ี ใชโ้ ดยผสมในอาหารสตั ว์ (Medicated premix), ยากลมุ่
รฐั มนตรปี ระกาศ, วตั ถทุ มี่ งุ่ หมายสำ� หรบั ใชใ้ นการวนิ จิ ฉยั ควโิ นโลนและอนพุ นั ธ์ (Quinolone and derivatives) ที่
บ�ำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค หรือความเจ็บ ใชส้ ำ� หรบั สตั ว,์ ยากลมุ่ เซฟาโลสปอรนิ (Cephalosporin)
ปว่ ยของมนษุ ยห์ รอื สตั ว,์ วตั ถทุ เี่ ปน็ เภสชั เคมภี ณั ฑ์ หรอื ที่ใช้ส�ำหรับสัตว์, ยากลุ่มมาโครไลด์ (Macrolides) ที่
เภสชั เคมภี ณั ฑก์ งึ่ สำ� เรจ็ รปู หรอื วตั ถทุ มี่ งุ่ หมายสำ� หรบั ให้ ใช้ส�ำหรับสัตว์, ยากลุ่มโพลิมิกซิน (Polymyxins) ที่ใช้
เกดิ ผลแกส่ ขุ ภาพ โครงสรา้ ง หรอื การกระทำ� หนา้ ทใี่ ดๆ สำ� หรบั สตั ว์
ของรา่ งกายของมนษุ ยห์ รอื สตั ว์ ยาต้านจุลชีพท่ีมีข้อบ่งใช้ในสัตว์น�้ำ ที่ได้รับ
ยาตา้ นจลุ ชพี (Antimicrobial) หมายถงึ ยาที่ การขึ้นทะเบียนจากส�ำนักงานคณะกรรมการอาหาร
มฤี ทธใ์ิ นการฆา่ เชอ้ื จลุ นิ ทรยี ์ หรอื ยบั ยงั้ การเจรญิ เตบิ โต และยา (อย.) กระทรวงสาธารณสขุ ไดแ้ ก่ อะมอ็ กซซี ลิ
ของจลุ นิ ทรยี ์ เชน่ แบคทเี รยี ไวรสั และรา ทง้ั ทไี่ ดจ้ าก ลนิ (Amoxicillin), เอน็ โรฟลอ็ กซาซนิ (Enrofloxacin),
สงิ่ มชี วี ติ หรอื จากการสงั เคราะหท์ างเคมี ซง่ึ รวมถงึ ยา
ปฏชิ วี นะ
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) หมายถึง ยาที่มี
ฤทธใิ์ นการฆา่ เชอื้ แบคทเี รยี (Bacteriocidal) รวมทง้ั
มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
(Bacteriostatic)
ยาควบคมุ พเิ ศษ หมายถงึ ยาแผนปจั จบุ นั หรอื
ยาแผนโบราณทรี่ ฐั มนตรปี ระกาศเปน็ ยาควบคมุ พเิ ศษ
(ตาม พรบ.ยา พ.ศ. 2510) ตอ้ งไดร้ บั ใบสง่ั ยา
จากสตั วแพทย์ ยาควบคมุ พเิ ศษ ตามประกาศกระทรวง
16
เสวนาหนาฝน
กับคนเล้ียงกุงระนอง
ซาราฟล็อกซาซิน (Sarafloxacin), อ็อกซี่เตต้าไซคลิน แนวปฏบิ ตั ิ 10 ขอ้ รทู้ นั การใชย้ าในสตั วน์ ำ้�
(Oxytetracycline), ซัลฟาไดเมโทซีน-ออร์เมทโทพริม
(Sulfadimethoxine-Ormetoprim), ซลั ฟาไดเมโทซนี - 1. การใช้ยาปฏิชีวนะ ใช้รักษาโรคติดเช้ือ
ไตรเมทโทพรมิ (Sulfadimethoxine-Trimethoprim), แบคทเี รยี เทา่ นน้ั การใชร้ กั ษาโรคทม่ี าจากสาเหตอุ นื่ จะ
ซลั ฟาโมโนเมทโทซนี (Sulfamonomethoxine) ไมไ่ ดผ้ ลซง่ึ สาเหตกุ ารเกดิ โรคตดิ เชอ้ื ในกงุ้ ทะเล สว่ นใหญ่
ยาและเคมภี ณั ฑ์ ทหี่ า้ มใชใ้ นกงุ้ ทะเล ถกู กำ� หนด เปน็ เชอ้ื ไวรสั อยา่ งไรกต็ าม การใชย้ ารกั ษาโรคในสตั วน์ ำ�้
ในมาตรา 78(4) แห่งพระราชก�ำหนดการประมง พ.ศ. ไมไ่ ดผ้ ลเทา่ ทค่ี วร เนอ่ื งจากการใหย้ าในการรกั ษาโรค ให้
2558 และพระราชกำ� หนด (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2560; ยา ไดแ้ ก่ โดยวธิ ผี สมอาหาร แตเ่ มอ่ื สตั วน์ ำ้� ปว่ ย จะไมก่ นิ อาหาร จงึ
คลอแรมฟนิ คิ อล (Chloramphenicol), ไนโทรฟวิ ราโซน ควร ลด ละ เลกิ ใชย้ า เลอื กใชว้ ธิ อี นื่ เชน่ ควบคมุ คณุ ภาพ
(Nitrofurazone), ไนโทรฟวิ แรนโทอนิ (Nitrofurantoin), นำ้� ใหเ้ หมาะสม เพมิ่ ออกซเิ จน ลดอาหาร ใชจ้ ลุ นิ ทรยี ์
ฟิวราโซลิโดน (Furazolidone), ฟิวแรลทาโดน เปน็ ตน้
(Furaltadone), กลมุ่ เซฟาโลสปอรนิ (Cephalosporins), 2. การใช้ยาปฏิชีวนะ ต้องได้รับค�ำแนะน�ำ
กลมุ่ ไนโตรอมิ ดิ าโซล (Nitroimidazoles) เคมภี ณั ฑไ์ ดแ้ ก่ จากสัตวแพทย์หรือนักวิชาการประมงที่มีความรู้ความ
มาลาไคตก์ รนี (Malachite green) หากผใู้ ดฝา่ ฝนื มโี ทษ เชย่ี วชาญดา้ นสขุ ภาพสตั วน์ ำ�้ โดยการเลอื กใชย้ า พจิ ารณา
ตามมาตรา 150 แหง่ พระราชกำ� หนดการประมง พ.ศ. จากรายงานผลการวนิ จิ ฉยั โรคและผลการทดสอบความไว
2558 และพระราชกำ� หนด (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2560 ตอ้ ง ของเชอื้ แบคทเี รยี ตอ่ ยาตา้ นจลุ ชพี ทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร
ระวางโทษปรบั 30,000 ถงึ 300,000 บาท 3. การเลอื กใชย้ าปฏชิ วี นะ ทมี่ ขี อ้ บง่ ใชใ้ นสตั วน์ ำ้�
ทไ่ี ดร้ บั การขน้ึ ทะเบยี นจาก อย.
17
เสวนาหนา ฝน
กบั คนเล้ยี งกงุ ระนอง
4. การใชย้ าปฏชิ วี นะ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามขอ้ บง่ ใชใ้ น 10. การใชย้ าปฏชิ วี นะ ควรจดั การรว่ มกบั จดั การ
ฉลาก โดยคำ� นงึ ถงึ ชนดิ ขนาดทใี่ ช้ ระยะเวลาการให้ วธิ ี คุณภาพน�้ำและสิ่งแวดล้อมภายในบ่อเลี้ยง/ฟาร์มตาม
การใหย้ า ระยะหยดุ ยาทเ่ี หมาะสม การเกบ็ รกั ษา วนั เดอื น มาตรฐานปฏบิ ตั ิ
ปที ผ่ี ลติ วนั ทย่ี าสนิ้ อายุ ขอ้ หา้ ม คำ� เตอื นตา่ งๆ เปน็ ตน้ เพื่อร่วมกันป้องกันปัญหาต่างๆ และลดผลกระ
และ/หรือค�ำแนะน�ำของสัตวแพทย์หรือนักวิชาการ ทบเชิงลบท่ีเกิดจากท่ีเกิดจากกการใช้ยา กรมประมง
ประมงทมี่ คี วามรคู้ วามเชยี่ วชาญดา้ นสขุ ภาพสตั วน์ ำ้� อยา่ ง และภาคการผลิตสัตว์น�้ำร่วมกันเป็นทีมประเทศไทย
เครง่ ครดั เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการผลิตสัตว์น้�ำตาม
5. การใช้ยาปฏิชีวนะ ที่ไม่ต้องมีใบส่ังยาจาก มาตรฐานสากล ประยุกต์ใช้หลักความปลอดภัยทาง
สตั วแพทย์ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามขอ้ บง่ ใช้ ทรี่ ะบใุ นฉลากหรอื ชีวภาพเพ่ือการป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ สร้าง
เอกสารกำ� กบั ยา ความตระหนกั รแู้ ละรเู้ ทา่ ทนั ยา ลด ละ เลกิ ใชย้ า ใชส้ าร
6. ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อวัตถุประสงค์ในการ เสริมชีวภาพหรือวัตถุทางเลือกทดแทนการใช้ยาต้าน
ปอ้ งกนั โรค หรอื เรง่ การเจรญิ เตบิ โต จลุ ชพี เชน่ สารกระตนุ้ ภมู คิ มุ้ กนั สมนุ ไพร โปรไบโอตกิ
7. ไมใ่ ชย้ าปฏชิ วี นะ นอกขอ้ บง่ ใช้ วิตามินซี เป็นต้น ผลิตสัตว์น้�ำที่มีความปลอดภัยด้าน
8. ใชย้ าปฏชิ วี นะ ทมี่ คี ณุ ภาพ ไมเ่ สอ่ื มอายุ มกี าร อาหาร (Food safety) เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคท้ัง
เกบ็ รกั ษายาตามข้อแนะน�ำที่ระบใุ นฉลากยา เพอื่ ความ ในและตา่ งประเทศ เพมิ่ ขดี ความสามารถการแขง่ ขนั ใน
ปลอดภยั ตอ่ สตั วน์ ำ้� ผใู้ ชย้ า ผบู้ รโิ ภค และสง่ิ แวดลอ้ ม ตลาดโลกและเปน็ ครวั ของโลกอยา่ งยง่ั ยนื ตอ่ ไป
9. ใช้ยาปฏิชีวนะ ท่ีก่อให้เกิดอาการไม่พึง
ประสงคแ์ ละพษิ ตอ่ สตั วน์ ำ้� นอ้ ยทส่ี ดุ
18
เสวนาหนาฝน
กบั คนเลีย้ งกงุ ระนอง
โดย เอกอนนั ต์ ยวเบญจพล
กุ้งไทสายว่ามีอะไร พรอื โฉ?้ ฝา่ ยวชิ าการ บรษิ ทั ไทยยเูน่ยี น ฟดี มิลล ์ จ�ำกดั (มหาชน)
การเลี้ยงกุ้งของคนกุ้งไทย ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปี เรื่องการเล้ียงกุ้งคงต้องเชื่อใจ
คนเลี้ยงกุ้งผู้มีประสบการณ์ทุกท่านอยู่แล้ว มาวันน้ี วันที่มีการจัดงานวัน เสวนาหน้าฝนกับคนเล้ียง
กุ้งระนอง วันท่ี 24 มิถุนายน 2565 และตัวผมเอง ได้เป็นส่วนหน่ึงในกิจกรรมการเสวนาคร้ังน้ีด้วย
โดยเสนอช่อื เรอื่ งไปว่า “กุ้งไทย สาวา่ มอี ะไร พรือโฉ้?” โดยมีจุดมงุ่ หมายเพยี งว่า จะได้มชี ่ือเร่อื งนำ�
เสนอแปลกๆ ทเ่ี ปน็ การบง่ บอกวา่ จดั งานในภาคใตข้ องไทย และ จะบอกวา่ มปี ระเดน็ ใดบา้ งทน่ี า่ สนใจนา่
สงั เกตนา่ สงสยั เปน็ ไปตามทคี่ ดิ จรงิ หรอื ไมข่ องการเลยี้ งกงุ้ ในบอ่ กงุ้ นนั่ เอง ครบั ประสบการณ์ ความรู้
มมุ มอง และสิ่งท่พี บเจอ คือสงิ่ ทจ่ี ะส่อื สารออกมาในรูปแบบแลกเปลีย่ นในสว่ นทเี่ ราไดพ้ บ ครับ
1. การใช้ สารเคมกี ลมุ่ ยาฆา่ เชอื้ ในบอ่ กงุ้ บอ่ ซง่ึ เปน็ สถานทจ่ี ำ� กดั มนี ำ้� มกี งุ้ จรงิ ๆ ซง่ึ มผี ลรายงานดงั นี้
ปลา หลงั จากใชส้ ารเคมหี รอื ยาฆา่ เชอ้ื ไปแลว้ ครบั
ตอ้ งรอนานแค่ไหน สารถงึ หมดฤทธ์ิ จงึ จะใส่ กลมุ่ ยาฆา่ เชอ้ื ตา่ งๆ ทใี่ ชก้ นั ในบอ่ เลย้ี งกงุ้ โดย
จลุ นิ ทรยี ์ ตวั ดลี งไปในบอ่ ไดอ้ กี ? ส่วนใหญ่จะใช้ในการฆ่าหรือลดเช้ือโรคในน�้ำท้ังวงการ
เตรยี มนำ�้ และระหวา่ งเลย้ี ง ผเู้ ลย้ี งมกั จะพจิ ารณาใชย้ าฆา่
ทมี งานวชิ าการไทยยเู นยี่ น ฟดี มลิ ล์ มคี วามสงสยั เชอ้ื โดยดจู ากรอบการเลยี้ งทผี่ า่ นมาวา่ ประสบปญั หาเปน็
ตรงนเี้ ลย ลองเกบ็ ขอ้ มลู จากบอ่ ซง่ึ เปน็ สภาพจรงิ ๆ ตอน โรคหรอื พนื้ ทใ่ี กลเ้ คยี งมโี รคระบาดหรอื ไม่ หลายฟารม์ เคย
มกี งุ้ อย ู่ และ เกบ็ ขอ้ มลู จรงิ จากบอ่ ปนู ในโรงเพาะลกู กงุ้
19
เสวนาหนา ฝน
กบั คนเลยี้ งกงุ ระนอง
ทำ� การทดลองและเกบ็ ขอ้ มลู นนั้ ทา่ นพบวา่ เชอ้ื แบคทเี รยี
จะกลบั มาภายหลงั จากใสย่ าฆา่ เชอ้ื ไปแลว้ (ตอนทม่ี นี ำ�้ มี
แพลงกต์ อน มกี งุ้ แลว้ ) ภายในเวลาไมถ่ งึ 12 ชว่ั โมงและ
ปรมิ าณเชอื้ จะมเี ทา่ เดมิ เมอ่ื ผา่ นไป 24 ชวั่ โมง ดงั นน้ั ทา่ น
จงึ แนะนำ� ใหเ้ กษตรกรใสจ่ ลุ นิ ทรยี ์ ในนำ้� หลงั ใสย่ าฆา่ เชอื้
แลว้ ประมาณ 8-12 ชวั่ โมง นนั่ เอง หากคดิ ใสย่ าฆา่ เชอ้ื
ระหวา่ งเลยี้ ง
พวกเราเอง กอ็ ยากทราบวา่ เมอ่ื ผา่ นไปนานแลว้ ผล
ของการใชย้ าฆา่ เชอ้ื ในนำ�้ จะเหมอื นหรอื แตกตา่ งอาจารย์
หรอื ไม?่ เรากเ็ ลยลงไปฟารม์ ทางอนั ดามนั และขออนุ
ญาติ ฟารม์ กงุ้ แหง่ หนง่ึ ในการตามขอ้ มลู ดงั กลา่ ว ซงึ่ กไ็ ด้
รบั ความเอน็ ดยู อมใหเ้ ราเกบ็ ขอ้ มลู ได้ เนอื่ งจากเขามกี าร
ใชย้ าฆา่ เชอ้ื ระหวา่ งการเลย้ี งเสมอ คอื 5 วนั ตอ่ ครงั้
ใชย้ าฆา่ เชอื้ ระหวา่ งเลยี้ งแลว้ ใหผ้ ลไมค่ อ่ ยดหี รอื ไมแ่ ตก จากการเกบ็ ขอ้ มลู ครา่ วๆ ของการใชไ้ อโอดนี นำ�้
ต่างจากการไม่ใช้ยาฆ่าเช้ือ ท่ีเป็นเช่นนี้เพราะการใช้ยา เพื่อฆ่าเช้ือในน�้ำระหว่างเล้ียง จากบ่อเลี้ยงท่ีปล่อย
ฆา่ เชอื้ ยกตวั อยา่ งเชน่ ไอโอดนี และดา่ งทบั ทมิ ยาฆา่ เชอ้ื กงุ้ ทะเลลงเลยี้ งหนาแนน่ 70,000 ตวั ตอ่ ไร่ ขนาดบอ่ 4 ไร่
สองตวั น้ี เปน็ ยาฆา่ เชอื้ ทมี่ กี ารออกฤทธฆ์ิ า่ เชอื้ ไดด้ แี ตม่ ขี อ้ นำ้� ลกึ 1.5 เมตร ความเคม็ 15 พพี ที ่ี กงุ้ อายุ 15 วนั โดย
จำ� กดั ทส่ี ารออกฤทธิ์ สลายตวั เรว็ มาก และจะหมดฤทธ์ิ เกบ็ นำ�้ ในบอ่ มาเพาะเชอื้ แบคทเี รยี กลมุ่ วบิ รโิ อ ทกุ ชวั่ โมง
เรว็ ขน้ึ ถา้ มสี ารอนิ ทรยี ใ์ นบรเิ วณทจี่ ะใชม้ าก อกี ทง้ั เชอื้ หลงั จากลงไอโอดนี และกอ่ นลงไอโอดนี ไดเ้ กบ็ นำ้� ในบอ่
โรคแตล่ ะชนดิ แตล่ ะกลมุ่ มคี วามคงทนไมเ่ ทา่ กนั มาเพาะเชอื้ แบคทเี รยี กลมุ่ วบิ รโิ อ พบวา่ กอ่ นลงไอโอดนี มี
ดงั นนั้ การฆา่ เชอ้ื ในนำ�้ ระหวา่ งเลย้ี งกงุ้ ทะเล ของ ปรมิ าณเชอื้ แบคทเี รยี กลมุ่ วบิ รโิ อรวม 27 โคโลนี โดยเปน็ ก
เราจะไดผ้ ลจรงิ หรอื แตต่ อ้ งขอบอกกอ่ นวา่ การใชย้ าฆา่ ลมุ่ วบิ รโิ อสเี หลอื ง 6 โคโลน ี และสเี ขยี ว 21 โคโลนี หลงั
เชอ้ื ในการทำ� ความสะอาดโรงเรอื น คอก ของสตั วเ์ ลยี้ ง จากลงไอโอดีนไป แล้วเก็บน้�ำในบ่อเพาะเชื้อทุกช่ัวโมง
เชน่ หมู ไก่ เปด็ นนั้ เปน็ เรอื่ งจำ� เปน็ และการฆา่ เชอ้ื นำ�้ ใน ไดผ้ ลตามตารางแสดงผลเชอ้ื แบคทเี รยี กลมุ่ วบิ รโิ อในบอ่
นำ้� ตอนเตรยี มบอ่ กอ่ นปลอ่ ยกงุ้ กม็ คี วามจำ� เปน็ อยู่ เชน่ เลยี้ งหลงั ลงยาฆา่ เชอ้ื คอื หลงั จากลงไอโอดนี ปรมิ าณเชอื้
กนั แตข่ อ้ สงสยั ทเ่ี กดิ กบั คนกงุ้ ปจั จบุ นั คอื แลว้ การใสย่ า
ฆา่ เชอ้ื ระหวา่ งการเลยี้ ง ซง่ึ มกี งุ้ อยใู่ นบอ่ แลว้ นน้ั มคี วาม
จำ� เปน็ มากนอ้ ยเพยี งใด เพราะคนทใี่ ชก้ ห็ วงั ผลวา่ เชอ้ื โรค
รา้ ยๆ ทอ่ี ยใู่ นบอ่ ทจี่ ะมปี ญั หากบั กงุ้ จะไดห้ ายไป แลว้ กงุ้
จะไดอ้ ยใู่ นบอ่ นน้ั อยา่ งสบายและปลอดภยั
จากจดุ ตรงน้ี เอง เลยทำ� ใหเ้ รามขี อ้ สงสยั วา่ เปน็ จรงิ
หรอื ไมก่ บั สง่ิ ทเ่ี ราหวงั ทมี งานวชิ าการไทยยเู นย่ี น จงึ ได้
ลองตามขอ้ มลู ดแู ละพบวา่ ดร.ชลอ ลมิ้ สวุ รรณ ไดเ้ คย
เขียนไวใ้ นหนังสอื กงุ้ ไทย 2000 แลว้ ว่า จากการทท่ี า่ น
20
เสวนาหนาฝน
กับคนเลี้ยงกงุ ระนอง
รวมลดลงจนถงึ ชว่ั โมงท่ี 5 และเรมิ่ เพมิ่ ขน้ึ ตง้ั แตช่ วั่ โมงท6ี่ ความเปน็ จรงิ คอื เชอ้ื ไมไ่ ดห้ ายไปจากบอ่ เลยเมอ่ื ครบ24
เปน็ ตน้ ไป นา่ สนใจวา่ หลงั จากลงยาฆา่ เชอื้ วบิ รโิ อโคโลนี ชวั่ โมง อกี ทง้ั เชอ้ื กลมุ่ ทเ่ี ราไมต่ อ้ งการกลบั เพมิ่ มาไดก้ อ่ น
สเี หลอื งลดลงแตว่ บิ รโิ อกลมุ่ สเี ขยี วเพม่ิ ขน้ึ อยา่ งชดั เจน และ มากกวา่ เดมิ เสยี อกี หากจะนำ� ขอ้ มลู ทไ่ี ดม้ าประยกุ ต์
จงึ นา่ จะมองไดว้ า่ ถา้ เราจะใสย่ าฆา่ เชอื้ ระหวา่ งเลย้ี งเรา
ตารางแสดงผลของเชือ้ แบคทเี รยกลมุ วบรโอ ตอ้ งรบี ใสจ่ ลุ นิ ทรยี ต์ วั ดไี ปยดึ พนื้ ทบ่ี อ่ เลย หรอื ระหวา่ ง
ในบอ เลย้ี งกุงหลังลงยาฆา เช้อื เลี้ยงเราคงต้องมาพิจารณาอีกทีว่าจะใช้ยาฆ่าเชื้อดีไหม
หรอื จะใชว้ ธิ กี ารใสจ่ ลุ นิ ทรยี ท์ ด่ี เี ชน่ บาซลิ ลสั ในการคมุ เชอ้ื
สีเหลือง สเี ขยว วบรโอรวม หมายเหตุ โรคแทน นนั่ เอง หรอื ถา้ จะใชย้ าฆา่ เชอ้ื ในบอ่ ของเรา ก็
ควรจะมีการทดลองเก็บข้อมูล การตรวจเช็คเช้ือวิบริโอ
6 21 27 กอนลงไอโอดนี ในบอ่ ของเรากบั ยาฆา่ เชอื้ ทเ่ี ราใช้ ในแบบทที่ างเรา เกบ็
ตรวจกไ็ ดค้ รบั คอื กอ่ นใช้ เกบ็ นำ้� มาเขยี่ เชอื้ ทง้ิ ไวร้ อดผู ล
08 8 หลังลงไอโอดีน 2 ชม. หลงั ใช ้ เกบ็ นำ้� มาเขย่ี เชอื้ ทกุ ชวั่ โมง ลองตามตดิ ขอ้ มลู
สกั 12 ชม. ทงิ้ ไวร้ ออา่ นผล เทา่ นท้ี างฟารม์ กจ็ ะเขา้ ใจวา่
2 14 16 หลงั ลงไอโอดีน 3 ชม. ในฟารม์ ของเราหากใช้ สารเคมตี วั นี้ ในการฆา่ เชอื้ ในบอ่
3 9 12 หลังลงไอโอดีน 4 ชม.
1 11 12 หลงั ลงไอโอดนี 5 ชม.
1 15 18 หลงั ลงไอโอดีน 6 ชม.
1 17 18 หลังลงไอโอดีน 7 ชม.
3 20 23 หลงั ลงไอโอดีน 8 ชม.
ภาพ กราฟแสดงปริมาณเชื้อแบคทีเรียกลุม่ วบิ ริโอในบ่อเลย้ี งกงุ้ หลังลงยาฆ่าเช้อื
การใช้ยาฆ่าเช้ือ ตอนเตรียมน้�ำ เตรียมบ่อ ยัง ในอตั ราการใชส้ ารเทา่ นี้ นานแคไ่ หนหลงั ใสท่ างฟารม์ จงึ
เป็นส่งิ จำ� เป็น แตเ่ มอ่ื คดิ จะใชย้ าฆ่าเชอ้ื ระหว่างเลยี้ งจะ จะใสจ่ ลุ นิ ทรยี ต์ วั ดที เ่ี พาะไวไ้ ดเ้ หมาะสมครบั ลองพสิ จู น์
ช่วยลดเชื้อได้เพียงแค่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เม่ือยาฆ่า และพจิ ารณา ดนู ะครบั
เชื้อหมดฤทธ์ิหรือมีฤทธ์ิอ่อนลงจะท�ำให้ปริมาณเช้ือโดย อกี ตวั อยา่ งหนงึ่ เราไดท้ ดลองเกบ็ ขอ้ มลู ใน โรง
เพราะกลมุ่ โคโลนสี เี ขยี วเพมิ่ จำ� นวนขน้ึ ไดด้ กี วา่ กลมุ่ อนื่ เพาะฟกั ทม่ี ลี กู กงุ้ ในบอ่ อยแู่ ลว้ โดยเราใสส่ ารกลมุ่ เปอร์
และ ทำ� ใหเ้ ราเหน็ วา่ การใสย่ าฆา่ เชอ้ื ระหวา่ งเลยี้ งนนั้ สงิ่ ออกซโ่ี มโนเปอรซ์ ลั เฟต เขา้ ไประหวา่ งการเพาะอนบุ าล
ทไ่ี ดต้ ามมาไมไ่ ดเ้ ปน็ อยา่ งทเี่ ราตอ้ งการทง้ั หมด ซงึ่ จรงิ ๆ และตามเกบ็ ขอ้ มลู เชอื้ ในแบบคลา้ ยๆ กบั ในบอ่ ใหญเ่ รา
แล้วเราต้องการให้เช้ือโรคลดลง หรือหายไปจากบ่อแต่
21
เสวนาหนา ฝน
กับคนเลยี้ งกุง ระนอง
พบวา่ เชอ้ื โรคหรอื แบคทเี รยี ในบอ่ ลดลง ในชว่ ง การฆาเชอ้ื ในนำ้ ของบอเพาะลูกกุง
แรกและเชอื้ โรคหรอื แบคทเี รยี จะกลบั ขน้ึ มาในชว่ งเวลา
หลงั จากใสย่ าฆา่ เชอ้ื ไปไดร้ ะยะหนง่ึ ซงึ่ เราพบวา่ เชอ้ื ฟน้ื เวลา (ชั่วโมง) จำนวนเชอื้ สเี ขยว (โคโลนี)
กลับมาในระยะเวลาเร็วกว่าที่เราได้คาดไว้ ดังมีข้อมูล
แสดงตามในตาราง การฆา่ เชอ้ื ในนำ�้ ของบอ่ เพาะลกู กงุ้ ตงั้ ตน กอ นใส 7
จากข้อมูลนี้ยืนยันได้ว่า การใส่ยาฆ่าเชื้อในบ่อเลี้ยงบ่อ
เพาะของกงุ้ หากเราไมไ่ ดท้ ำ� อะไรตอ่ จากนน้ั เชอื้ โรคจะ 15 นาที หลงั ใส 0
กลบั มาในระยะเวลาทเ่ี รว็ กวา่ ทเี่ ราคาดคดิ ซง่ึ คนเลยี้ งกงุ้
กเ็ ขา้ ใจสภาพแบบนเี้ ลยมกี ารปรบั ใชก้ ารใสจ่ ลุ นิ ทรยี ์ ใน 10
บอ่ เลย้ี ง เพยี งแตข่ อตงั้ ขอ้ สงั เกตวา่ การใสจ่ ลุ นิ ทรยี ล์ งบอ่
หลงั ใสย่ าฆา่ เชอ้ื ในบอ่ ของเรานน้ั เรานา่ จะใส่ จลุ นิ ทรยี ์ 2 13
หลงั ใสย่ าฆา่ เชอื้ ไปแลว้ นานเทา่ ไร จงึ จะเหมาะสม นนั่ เอง
ทางฟารม์ หาคำ� ตอบไดค้ รบั เพยี งใหท้ มี งานเกบ็ ขอ้ มลู เพอ่ื 33
ประโยชนส์ งู สดุ ของการใชย้ าฆา่ เชอื้ ทฟ่ี ารม์ เลอื ก
43
5 10
6 14
7 14
8 75
9 69
10 60
11 102
2.ขอ้ สงสยั ตอ่ มา 12 137
“เรามคี วามสงสยั ขน้ึ วา่ ระดบั นำ�้ ในบอ่ ทผ่ี วิ นำ�้ กลางนำ้� และ เหนอื พนื้ บอ่ ประมาณ
10 ซม. ของบอ่ เลย้ี งกงุ้ จะมปี รมิ าณเชอ้ื แบคทเี รยี กลมุ่ วบิ รโิ อแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ ???”
จงึ ทดลองเกบ็ ขอ้ มลู ในบอ่ เลยี้ งกงุ้ ขนาด 4 ไร่ บอ่ ลกึ 1.5 เมตร ปลอ่ ยกงุ้ ลงเลย้ี งความหนาแนน่ 150,000 ตวั
ตอ่ ไร ่ ความเคม็ 20 พพี ที ี ขณะเกบ็ ขอ้ มลู กงุ้ อายุ 40 วนั
22
เสวนาหนาฝน
กบั คนเลีย้ งกุงระนอง
พบวา่ ปรมิ าณเชอื้ วบิ รโิ อรวม จากจดุ ตรงนี้ เราเลยตอ้ งยอ้ นกลบั มาศกึ ษา เรอ่ื ง
- ที่ผิวนำ้� มีปริมาณ 1.5x103 เป็นกลุ่มสีเหลือง แร่ธาตุที่มีการกล่าวถึงกันมาควบคู่กับการเล้ียงกุ้งขาว
120 โคโลนี กลมุ่ สเี ขยี ว 26 โคโลน ี แวนนาไม โดย เรมิ่ ตน้ จาก ตาราง คา่ แรธ่ าตใุ นเลอื ดของ
- กลางน้�ำมีปริมาณเช้ือวิบริโอรวม 1.6 x103 ดร.บญุ รตั น์ ประทมุ ชาติ
เปน็ กลมุ่ สเี หลอื ง 142 โคโลนี กลมุ่ สเี ขยี ว 18 โคโลนี
- เหนอื พน้ื บอ่ 10 ซม. มปี รมิ าณเชอื้ วบิ รโิ อรวม เปรยบเทียบปรมาณแรธาตใุ นเลือด
1.5x103 เปน็ กลมุ่ สเี หลอื ง 130 โคโลนี กลมุ่ สเี ขยี ว 20 โค เปรยบเทียบระหวา งกงุ ขาวกับกุงกลุ าดำ
โลนี ท่คี วามเค็มนำ้ 25-30 พพที
ถา้ ดปู รมิ าณเชอื้ รวมจาก 3 ระดบั ความลกึ นำ้�
แลว้ มองเหน็ ความไมแ่ ตกตา่ งของปรมิ าณเชอ้ื แบคทเี รยี แรธาตุ (mg/l) กุง ขาว กุง กุลาดำ
กลมุ่ วบิ รโิ อมากนกั จากการเกบ็ ขอ้ มลู ทำ� ใหเ้ ขา้ ใจไดว้ า่
ถา้ คนเลย้ี งกงุ้ สามารถหรอื มรี ะบบทท่ี ำ� ใหน้ ำ�้ เคลอ่ื นตวั ดี โซเดียม (Na) 7,500 8,000
ทวั่ บอ่ นำ�้ ตรงไหนกจ็ ะมที กุ อยา่ งใกลเ้ คยี งกนั แตถ่ า้ เรา
เอาตรงพน้ื เลน ตรงจดุ นี้ ยอ่ มมจี ลุ นิ ทรยี ห์ รอื แบคทเี รยี คลอไรด (Cl) 10,500 10,000
เยอะแน่นอนเพราะพ้ืนบ่อมีสารอินทรีย์มาก จากการ
ทำ� ใหเ้ ขา้ ใจไดว้ า่ ถา้ ระบบดนี ำ้� ตรงจดุ ไหนๆ ของบอ่ กจ็ ะ แคลเซียม (Ca) 610 600
มเี ชอื้ ไมแ่ ตกตา่ งกนั ครบั
แมกนเี ซียม (Mg) 250 360
3. ความสงสยั ในเรอ่ื ง
โปแตสเซยี ม (K) 390 400
“ทำ� ไมมแี รธ่ าตนุ ำ้� ในบอ่ ดตี ง้ั หลายตวั
เชน่ แคลเซยี มในนำ�้ มเี พยี บ แมกนเี ซยี มในนำ้� ฟอสฟอรัส (P) 150 15
มเี หลอื เฟอื โปตสั เซยี มกเ็ หมาะสม คา่ อลั คา
ไลนก์ ด็ ีแตก่ งุ้ ในบอ่ ยงั มปี ญั หากงุ้ ลอกคราบ ซลั เฟอร (S) 280 500
ตวั นม่ิ ตวั เปน็ แผลงา่ ย เปลอื กกงุ้ ไมแ่ ขง็ สวย
เกดิ อะไรขน้ึ ?” แมงกานีส (Mn) 0.2 5
บญุ รตั น ปทมุ ชาติ 2550
พบวา่ แรธ่ าตุ ตวั ทนี่ า่ สนใจแต่
พดู ถงึ นอ้ ยมากคอื “ฟอสฟอรสั ”
เมื่อตามติดข้อมูลจะพบว่า
ฟอสฟอรัสในเลือดกุ้งมีค่า
สูงกว่าในน้�ำทุกระดับความ
เค็ม โดยความเข้มข้นของ
ฟอสฟอรัสในเลือดกุ้งขาวมี
คา่ คงท่ี
ย้�ำย่อจากข้อมูล
ดร.บญุ รตั น์ ประทมุ ชาตวิ า่
ฟอสฟอรัสมีความส�ำคัญ
ต่อการสร้างเปลือก โดย
เฉพาะอย่างย่ิงช่วงการเร่ิม
ต้นการสร้างเปลือก มีผลต่อ
สมดุลกรดด่างภายในร่างกาย
23
เสวนาหนา ฝน
กบั คนเล้ียงกงุ ระนอง
2. การใช้น้�ำยาฆ่าเชื้อ (Disinfectants) ขณะ
เตรยี มบอ่ เชน่ คลอรนี Chlorine (65% active) และดา่ ง
ทบั ทมิ สามารถยบั ยงั้ การงอกของสปอรข์ องเชอ้ื EHP ได้
โดยตอ้ งมกี ารปรบั ปรมิ าณและระยะเวลาทใี่ ชใ้ หเ้ หมาะสม
กบั สภาพบอ่ สว่ นเอธลิ แอลกอฮอลท์ คี่ วามเขม้ ขน้ 20%
ขบวนการเมตาโบลซิ มึ ฟอสฟอรสั ในอาหารสตั วน์ ำ�้ จงึ มี สามารถนำ� มาใชใ้ นการลา้ งเครอื่ งมอื ทอี่ าจมกี ารปนเปอ้ื น
ความสำ� คญั เนอ่ื งจากกงุ้ มคี วามจำ� เปน็ ตอ้ งใชฟ้ อสฟอรสั เชอ้ื EHP ได้
ในการสรา้ งเปลอื กตลอดวงจรการลอกคราบ 3. การเตรียมบ่อเลี้ยงก่อนการลงกุ้งรอบต่อไป
ในภาคสนามพบว่าเกษตรกรท่ีมีการเสริม โดยการตากบ่อกลางแจ้งเป็นเวลานานพอท่ีจะฆ่าสปอร์
ฟอสฟอรัส ในอาหารอย่างต่อเน่ืองปัญหาเร่ืองการลอก ของเชอ้ื EHP ทปี่ นเปอ้ื นในบอ่ ในกรณบี อ่ ดนิ ควรมกี าร
คราบ หรือการสร้างเปลือกลดลงอย่างเห็นได้ชัด อีก พลกิ หนา้ ดนิ ใหแ้ นใ่ จวา่ สปอรข์ องเชอ้ื EHP คา้ งอยใู่ นดนิ
ทั้งหากบ่อที่พบปัญหาว่าคุณภาพน้�ำดีทุกตัวแต่กุ้งยังมี จะไดร้ บั อณุ หภมู สิ งู นอกจากนกี้ ารเตรยี มบอ่ โดยใชพ้ เี อช
ปญั หาเรอื่ งการลอกคราบการสรา้ งเปลอื ก แนะนำ� ให้ หา สงู (>10) จะชว่ ยทำ� ลายสปอรไ์ ด้
ฟอสฟอรสั ในรปู แบบทเี่ หมาะสม นำ� มาผสมอาหารใหก้ งุ้ 4. ระหว่างการเล้ียงกุ้ง ควรควบคุมพีเอชให้
กนิ ทนั ทแี ละตอ่ เนอื่ ง จะชว่ ยแกป้ ญั หานไ้ี ด้ อยา่ งชดั เจน เหมาะสมอยใู่ นชว่ ง 7-8 เพอ่ื ปอ้ งกนั การงอกของสปอร์
EHP ถา้ มอี ยใู่ นบอ่ เลยี้ ง
4. ปญั หา “อเี อชพ”ี ในการเลยี้ งกงุ้ ของบอ่ คน 5. การแชแ่ ขง็ อาหารสดหรอื อาหารมชี วี ติ กอ่ นนำ�
เลย้ี งกงุ้ ขาว ปจั จบุ นั ทำ� ไงดี ? มาใชใ่ นการเลยี้ งกงุ้ จะสามารถยบั ยง้ั การงอกของสปอร์
แนะนำ� ใหศ้ กึ ษาขอ้ มลู ของงานวจิ ยั ดๆี ทมี ผวู้ จิ ยั ของเชอ้ื EHP ได้ ทง้ั นท้ี งั้ นน้ั ระยะเวลาในการแชแ่ ขง็ เปน็
ดร.กลั ยาณ์ แดงตบ๊ิ จาก สวทช แลว้ นำ� มา เร่ืองส�ำคัญ ขึ้นอยู่กับความหนาและปริมาณของอาหาร
ประยกุ ตใ์ ช้ ซงึ่ ผลงานวจิ ยั ในปี 2560-2561 สด เพอื่ ใหแ้ นใ่ จวา่ ไดร้ บั อณุ หภมู ทิ ว่ั ถงึ
มี จากผลงานวจิ ยั ในปี พ.ศ. 2562-2564
1. การใชว้ ธิ ี SWP-PCR ในการ ทำ� ใหท้ ราบวา่ การปอ้ งกนั และควบคมุ เชอื้ EHP
ตรวจคัดกรองและตรวจติดตาม จงึ ตอ้ งใหค้ วามสำ� คญั ในทกุ ขน้ั ตอน เรมิ่ จากการทำ� ความ
EHP ระหวา่ งการเลย้ี งกงุ้ และ สะอาดบ่อ การเตรียมบ่อก่อนเล้ียง การคัดกรองลูกกุ้ง
ควรตรวจอาหารสดหรอื อาหาร กอนลงเลยี้ ง การตรวจกงุ้ อยางสมำ่� เสมอ การจดั การกบั
มีชีวิตก่อนการให้กุ้งกิน วิธี ตะกอนของเสยี ทอี่ ยใู่ นบอเลยี้ ง ตลอดจนความระมดั ระวงั
ตรวจ PCR ทเ่ี รยี กวา่ SWP ในการใช้อาหารมีชีวิตและอาหารสดด้วย จึงน�ำผลงาน
primers ทท่ี มี วจิ ยั พฒั นาขนึ้ วจิ ยั ทไ่ี ดม้ าเปน็ ขอ้ เสนอแนะในการดำ� เนนิ การ ดงั ตอ่ ไปนี้
24
เสวนาหนาฝน
กบั คนเล้ียงกงุ ระนอง
ตารางแสดงผลงานวจยั ที่มีอยูจากการศกึ ษาตวั แปรของกระบวนการเล้ยี ง
และขอเสนอแนะท่ีไดจากงานวจยั เพ่อนำไปใชในการปองกันและควบคุมเชอ้ื EHP
ตัวแปร ผลงานวจยั ขอ เสนอแนะ
ความหนาแนน ความหนาแนนสูงทำใหก ารแพรกระจายของเชอื้ เปนไป ลงกงุ ดว ยความหนาแนน ท่ีเหมาะสม
ของกงุ ในบอ เลี้ยง
อายุของกุง อยา งรวดเรว็ กวา ความหนาแนน ต่ำ
วธีการตรวจลกู กุง
การเตรยมบอ เล้ียง EHP เพมจำนวนในกงุ PLs ไดเ ร็วกวากงุ วยั รุน ควรตรวจกุง PL กอนลงในบอเลย้ี ง
ระหวางการเลีย้ ง EHP มีระยะการเจรญเติบโตหลายระยะทีเ่ รยกวา การตรวจ EHP ในลกู กงุ ควรตรวจดว ย
พาหะในบอ plasmodium ท่ีเปนระยะทอี่ ยใู นเซลลก ุงและระยะที่ วธี PCR ทส่ี ามารถตรวจไดท กุ ระยะ
อาหาร เปนสปอรท สี่ ามารถพบนอกเซลลได การเจรญเตบิ โตของเชื้อ EHP
สปอรของเช้ือ EHP ถกู ทำลายท่ี pH สูง ถามรี ายงานการติดเชือ้ EHP ในรอบการ
เลย้ี งกอ นหนาน้ี ควรมีการใชปนู รอน
ที่ทำให pH สงู กวา 9 ในการเตรยมบอ
*ทำใหเ กษตรกรสามารถลดการปนเปอน
ของเช้อื EHP ในบอ ทปี่ ระสบปญหากอ น
หนา นี้
การแพรก ระจายของเชื้อ EHP ในบอเล้ยี ง : ควรตรวจเช้ือ EHP อยางสม่ำเสมอ
ขก้ ุง ติดเช้อื EHP อยางรุนแรงจะพบสปอรจำนวนมาก เม่อื พบอาจมกี ารเปล่ียนถายน้ำ เพ่อลด
และทำใหม สี ปอรในน้ำปรมาณสูง ทำใหกงุ ตวั อ่นื ได ปรมาณสปอรในนำ้ อยา งไรกด็ ีควรมี
รบั สปอร เกดิ การตดิ เชื้อ EHP ขน้ ขอระวงั ในการทงิ น้ำท่ีปนเปอนดวยสปอร
ที่เหมาะสม
พบสปอรของเช้ือ EHP อยูใ นลำไสข องหอยสองฝา กำจดั หอยไมใ หสามารถเจรญเตบิ โตไดท งั้
ระหวา งการเตรยมบอ และระหวา งการเลย้ี ง
*ทำใหสามารถกำจดั พาหะของเชอื้ EHP
ออกจากระบบการเล้ยี ง
1. อาหารเมด็ สำเรจ็ รปู ทผ่ี า นความรอ นอยางนอย 1. อาหารสำเร็จรูปไมท ำใหเ กดิ การติด
75 Cํ สามารถฆา เชือ้ EHP ได เช้อื EHP
2. เม่ือนำสปอรข องเชื้อไปแชใ นอณุ หภูมิ -20 ํC 2. อาหารมชี ีวตควรมีการแชแ ขง็ เพอ่ ลด
พบวาสปอรต าย การปนเปอนของเชอื้ EHP
*ผลงานวจยั นที้ ำใหผูผ ลิตอาหารเมด็
สำเร็จรูปสำหรับกุง สามารถนำไปใชในการ
ยนื ยนั กบั ผซู ้ือวา กระบวนการผลติ อาหาร
ทผ่ี าน 75 Cํ จะไมม ี EHP ทีม่ ีชวี ตอยู
จากขอ้ มลู ทไ่ี ดเ้ สนอมาทงั้ หมดเบอ้ื งตน้ ทงั้ เรอ่ื ง ใชข้ อ้ มลู ของ ดร.กลั ยาณ์ แดงตบิ๊ จากฟารม์ เลย้ี งกงุ้ ของ
การใชย้ าฆา่ เชอื้ ในบอ่ การหาชว่ งเวลาการใชจ้ ลุ นิ ทรยี ท์ ี่ คณุ หมอเจย๊ี บ หรอื น.สพ. สวุ รรณ ยม้ิ เจรญิ และ ทา้ ย
เหมาะสม การมองปญั หาเรอ่ื งการลอกคราบหรอื ความ ทส่ี ดุ ของ บทความ “กงุ้ ไทย สาวา่ มอี ะไรพรอื โฉ?้ ” ผม
ไม่สมบูรณ์ของกุ้งในบ่อ ที่อาจเกิดจากขาดฟอสฟอรัส หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้มุมมองและข้อคิดเห็น ที่
และ การส่งต่อสื่อสารต่อ การเสนองานวิจัยของ ทีม นา่ จะมสี าระเปน็ ประโยชนต์ อ่ ทา่ นไมม่ ากกน็ อ้ ย นะครบั
ดร.กลั ยาณ์ แดงตบิ๊ ซง่ึ ได้ ชว่ ยไขปญั หา เกย่ี วกบั อเี อชพี ขอบคณุ ครบั
ในการเลย้ี งกงุ้ ของไทย โดย ทกุ ทา่ นจะไดม้ องการประยกุ ต์
25