ทฤษฎีการ สังเคราะห์แสง
ศตวรรษที่ 17 Jean van helmont พบว่าน้ำ หนักของต้นหลิวที่เพิ่มขึ้นมาจากน้ำ ไม่ได้มาจากดิน
แสดงให้เห็นว่าพืชจะรับออกซิเจนจากอากาศเข้าไปและปล่อย ออกซิเจนออกมาโดยมีปัจจัยแสงมาเกี่ยวข้อง ศตวรรษที่18 พบว่าส่วนที่มีสีเขียวของพืชจะปลดปล่อย ออกซิเจน เมื่อพืชได้รับแสง พบว่ากิ่งของตันมิ้นท์สามารถเปลี่ยนอากาศเสียซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ให้กลับมา เป็นอากาศดีได้ Jan Ingenhousz Joseph Priestley Jan Ingenhousz
6CO₂ + 6H₂O —> C₆H₁₂O₆ + 6O₂ ได้ค้นพบว่าพืชใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในจำ นวนที่เป็นสัดส่วนกับออกซิเจนซึ่งปล่อยออกมาและ คาร์บอนไดออกไซด์นั้นถูกตรึงเอาไว้ในลักษณะของสารอินทรีย์ในพืช จึงทำ ให้น้ำ หนักของพืชเพิ่มขึ้นมากกว่า น้ำ หนักของก๊าซที่พืชได้รับ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า “น้ำ หนักที่เกินไปนี้ต้องได้มาจากน้ำ ที่พืชได้รับ” แสดงว่าน้ำ มี ส่วนเกี่ยวข้องและจำ เป็นต่อการสังเคราะห์แสง NICOLAS THEODORE DE SAUSSURE (1767 – 1845) ศตวรรษที่19 วัดปริมาณของคาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเจน ในกา สังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งนำ ไปสู่การดุลสมการเคมีของการ สังเคราะห์ด้วยแสง ดังนี้ JEAN BAPTISTE VAN HELMONT ( 1648 ) ทำ การทดลองสิ่งที่น่าสนใจและมีความสำ คัญมากทาง ชีววิทยา โดยปลูกต้นหลิวหนัก 5 ปอนด์ในถังใบใหญ่ที่ บรรจุดินซึ่งทำ ให้แห้งสนิทหนัก 200 ปอนด์แล้วปิดฝาถัง ระหว่างทำ การทดลองได้รดน้ำ ต้นหลิวที่ปลูกไว้ทุกๆ วัน ด้วยน้ำ ฝนเป็นระยะเวลา 5 ปี ต้นหลิวเจริญเติบโตขึ้น มาก เมื่อนำ ต้นหลิวที่ไม่มีดินติดอยู่ที่รากไปชั่งน้ำ หนัก ปรากฏว่าต้นหลิวหนัก 169 ปอนด์ 3 ออนซ์ และเมื่อนำ ดินในถังไปทำ ให้แห้งแล้วนำ ไปชั่งปรากฏว่ามีน้ำ หนัก น้อยกว่าดินที่ใช้ก่อนทำ การทดลองเพียง 2 ออนซ์ เท่านั้น
ตั้งชื่อสารสีเขียวที่พบในพืชว่า “คลอโรฟิลล์” JOSEPH PELLETIER & JOSEPH CAVENTOU พบว่าพืชเปลี่ยนรูปพลังงานแสงให้อยู่ใน รูปพลังงานเคมี ROBERT MAYER JULIUS SACHS แสดงให้เห็นว่าพืชสร้างคาร์โบไฮเดรต โดยเกี่ยวข้องกับแสงและคลอโรฟิลล์ พืชสีเขียว CO₂ + H₂O ————> คาร์โบไฮเดรต + O₂ แสงสว่าง
Ernst Munch สกัดแยกคลอโรพลาสต์ได้สำ เร็จ และศึกษาการแตกตัวของน้ำ ใน คลอโรพลาสต์ที่แกัดได้ รวมทั้งพบว่า ในการสังเคราะห์ด้วยแสงเกี่ยวข้อง กับปฏิกิริยาที่ให้และรับอิเล็กตรอน Richard Willstatter ศึกษาโครงสร้างของคลอโรฟิลล์ Corelius van Niel ศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสงใน เปตทีเรียที่สังเคราะห์ด้วยแสงได้ Robin Hitl Saumn Ruben & Martin Kamen แสดงให้เห็นว่า 02 ในกระบวนการ สังคราะห์ด้วยแสงมาจากน้ำ เสนอแบบจำ ลองการ ลำ เลียงอาหารที่ ได้จากการสังเคราะห์ ด้วยแสงของพืช ไปยังส่วนต่างๆ ศตวรรษที่20
ศึกษาการตรึงคารับอนใน สาหร่ายสีเขียว Melvin Calvin Manuel Losada & Achim Trebst and co-workers คาร์บอนคันพบเอนไซม์ที่ใข้ในการตรีง Robert Emerson & Eugene Rabinowitch เสนอว่ามีระบบแสง 2 ระบบที่ เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาแสง Daniel Arnon แสดงให้เห็นว่า ATP และ NADPH เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ด้วยแสง Robin Hill & Fay Bendall เสนอแบบจำ ลองแสดงการถ่ายทอด อิเล็กตรอนในปฏิกิริยาแสง Albert Frenkel พบว่าเมื่อให้แสงแก่เยื่อที่สกัดได้จาก แบคทีเรียที่สังเคราะห์ด้วยแสง ได้จะมีการสร้าง ATP ขึ้น
1.ปฏิกิริยาแสง (light reaction) จะสร้างสารพลังงานสูง คือ NADPH และ ATP ในภาวะที่มีแสงซึ่งเกิด ขึ้นที่ไทลาคอยด์ จากการศึกษาเกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วยแสง จนสรุปเป็นสมการเคมีของการสังเคราะห์ด้วย แสงนั้น สมการดังกล่าวเป็นเพียงสมการโดยรวม แต่ใน ความเป็นจริงกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ประกอบด้วยหลายปฏิกิริยา ในปัจจุบันค้นพบ รวมกันแล้วมากว่า50 ปฏิกิริยา ซึ่งเกิดขึ้นใน คลอโรพลาสต์โดยปฏิกิริยาต่างๆ เหล่านี้ แบ่งได้ เป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่ สรุป 2.การตรึงคาร์บอน (Carbon fixation) หรือวัฏจักรคัลวิน (Clavin cycle) เป็นขั้นตอนที่มีการสร้างน้ำ ตาลซึ่งเกิดในสโตรมาโดยใช้ NADPH และ ATP ที่ได้จากปฏิกิริยาแสง
สมาชิก นางสาว กานวรินทร์ สะสีสังข์ เลขที่3 ชั้น ม.5/7 นางสาว ธัญพิชชา ตั้งศิริสุข เลขที่14 ชั้ยม.5/7 นางสาว ลรินทิพย์ มุขรัตน์ เลขที่27 ชั้นม.5/7 นางสาว อาภัสรา ไสยวาฬ เลขที่38 ชั้นม.5/7