องค์ความรู้ในการทาอาหารพนื้ บา้ นเมอื งเพชร : ขนมหมอ้ แกง
อาเภอเมืองเพชรบรุ ี จังหวัดเพชรบุรี
โครงการส่งเสรมิ สนบั สนนุ การอนรุ กั ษฟ์ นื้ ฟขู นบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ
ของจังหวัดเพชรบุรี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
กิจกรรม : สง่ เสรมิ สนบั สนนุ การศกึ ษา การเรียนรู้ถ่ายทอดองคค์ วามรู้มรดกภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน
การถา่ ยทอดภมู ิปัญญาอาหารพื้นบา้ นเมอื งเพชร
โดย สานักงานวัฒนธรรมจังหวดั เพชรบรุ ี
โทร. ๐๓๒ ๔๒๔๓๒๓-๕
คานา
เอกสารฉบับน้ีจัดทาข้ึนภายใต้โครงการส่งเสริมอนุรักษ์ฟ้ืนฟูขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม
ท้องถิ่นของจังหวัดเพชรบุรี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ กิจกรรม : ส่งเสริม สนับสนุนการศึกษา
การเรียนรู้ถ่ายทอดองค์ความรู้มรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น เพ่ือเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการทาอาหาร
พืน้ ถิ่น สืบสาน สืบทอด และอนุรักษ์วัฒนธรรมของจังหวัดเพชรบุรีให้คงอยู่สืบไป ตลอดจนขับเคล่ือนเพชรบุรี
เป็นเมอื งสรา้ งสรรค์ดา้ นอาหารของยเู นสโก
สานักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี โดยกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม คณะผู้จัดทา
เอกสารองค์ความรู้ฯ ฉบับนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กบั เด็ก เยาวชน และประชาชนผ้ทู ่ีสนใจ หรือ
ต้องการสืบค้นเก่ียวกับองค์ความรู้ด้านการทาอาหารพื้นบ้าน : ขนมหม้อแกงเมืองเพชร จังหวัดเพชรบุรี
หากมขี ้อแนะนาหรือข้อผิดพลาดประการใด ผจู้ ัดทาขอนอ้ มรับไว้ และขออภยั มา ณ ทน่ี ีด้ ว้ ย
สานักงานวฒั นธรรมจงั หวัดเพชรบุรี
คณะผ้จู ัดทา
สารบญั ๑
๑
องคค์ วามรู้ในการทาอาหารพนื้ บา้ นเมืองเพชร : ขนมหม้อแกง ๓
๘
ข้อมูลสภาพทวั่ ไป ๙
ประวตั ิความเปน็ มาของตาบลนาพนั สาม ๑๐
ความเปน็ มาของชมุ ชนนาพันสาม ๑๗
ภูมปิ ญั ญาผ้ปู ระกอบกิจการขนมหวานในตาบลนาพนั สาม ๒๑
ประวตั คิ วามเป็นมาของขนมหม้อแกงเมืองเพชร
ขนมหม้อแกงบา้ นทวีศรี
ขนมหม้อแกงร้านลงุ อเนก
แหล่งจาหนา่ ยขนมหม้อแกงเมอื งเพชร
ภาคผนวก
- โครงการส่งเสรมิ สนบั สนุนการอนุรักษ์ฟน้ื ฟูขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วัฒนธรรมทอ้ งถ่ิน
ของจังหวัดเพชรบุรี ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
- คณะผู้จัดทา
องค์ความรู้ในการทาอาหารพ้ืนบา้ นเมืองเพชร : ขนมหม้อแกง
สภาพทัว่ ไป
ลกั ษณะภูมิประเทศ จงั หวัดเพชรบุรตี ั้งอยู่ในเขตทีร่ าบลุ่มแม่นา้ บรเิ วณตอนกลางของจังหวดั
เปน็ พน้ื ท่ีอุดมสมบรู ณ์ท่ีสุด เน่ืองจากมแี ม่น้าเพชรบรุ ซี ่ึงเป็นแม่น้าสายสาคัญไหลผ่าน นอกจากน้ี ยังมเี ขอื่ น
แก่งกระจานและเข่ือนเพชรบุรี ซง่ึ เป็นแหล่งน้าระบบชลประทาน ทาใหบ้ รเิ วณนี้เป็นเขตเกษตรกรรมทส่ี าคัญ
ของจังหวดั อาทิ พื้นทีข่ องอาเภอเมอื งเพชรบรุ ี ทา่ ยาง ชะอา บา้ นลาด บา้ นแหลม และเขาย้อย มดี นิ ท่มี ี
ลกั ษณะเปน็ ดนิ เหนยี วปนทราย ประกอบกบั อากาศอบอนุ่ ตลอดปี ไม่ร้อนหรอื หนาวจดั เนอื่ งจากสภาพภมู ิ
ประเทศ เป็นภเู ขาสงู ทางด้านตะวันตก และเป็นชายฝัง่ ทะเลด้านตะวนั ออก มีอุณหภมู ิเฉลย่ี ท้งั ปีตา่ สุด ๒๔
องศาเซลเซยี ส สูงสุด ๓๒ องศาเซลเซยี ส โดยประมาณเหมาะแก่การปลกู ต้นตาลโตนด และมะพร้าว ซึง่ นา้ ตาล
โตนดและนา้ ตาลมะพราวเป็นวตั ถุดบิ หลักสาคัญท่ีทาใหเ้ พชรบรุ ขี ้ึนชอ่ื เรอื่ งขนมหม้อแกง
จังหวดั เพชรบรุ ี จึงมีภูมปิ ญั ญาการทาขนมหวานในพนื้ ทีท่ ุกอาเภอ โดยเฉพาะตาบลนาพันสามเป็น
แหล่งผลติ ขนมหวานทั้งตาบล เช่นหม้อแกง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เมด็ ขนนุ อาลวั ขนมตาล ฯลฯ
จงึ ได้ช่อื วา่ เป็นนครแห่งขนมหวาน
ประวตั ิความเป็นมาตาบลนาพนั สาม
ตาบลนาพนั สาม ในอดตี คอื ตาบลนาขลู่ ในสมยั นั้นนาขลขู่ นึ้ อยกู่ ับตาบลสามะโรง เพราะเป็น
ตาบลทไ่ี ม่ใหญน่ ัก ประชาชนของตาบลนาขลูก่ ็มนี ้อยประกอบกับการต้ังกานันก็มีอิทธิพลมาก ขาดความสามคั คี
ทางอาเภอจึงให้ไปขึ้นกับตาบลสามะโรงไปก่อน ครั้นต่อมาคนในตาบลนาขลู่มากขึ้น อาเภอเมืองจึงต้ังเป็น
ตาบลขึ้นกับอาเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ต่อมาได้ย้ายไปขึ้นกับอาเภอเมืองเนื่องจากการเดินทาง
ไม่สะดวก ไม่มีถนน มีแต่ทางคนเท่านั้นและทางเรือ และการ เปลี่ยนมาเป็น ตาบลนาพันสามนั้นด้วยเหตุ
2 ประการ
๑. ตาบลนาพันสามนัน้ ในอดีตสมยั มีผ้เู ลา่ วา่ มนี าอยู่ 3,000 ไร่ จงึ ต้ังเป็นชือ่ ตาบล
นาพันสาม
๒. ตาบลนาพันสาม คงจะตง้ั ตาบลตามความเจริญของหมู่บา้ นนั้นเองเม่ือหมู่บ้านใดมีคนอยู่
มากและเป็นหมบู่ า้ นที่เจรญิ กวา่ หมูบ่ า้ นอืน่ ในเขตน้นั ก็ยกหมบู่ า้ นน้ันแหละขึ้นเป็นตาบล ต้ังอย่ใู นเขตการ
ปกครองของอาเภอเมือง
ทีต่ ้ัง อาณาเขต
ตาบลนาพันสาม อาเภอเมืองเพชรบรุ จี งั หวดั เพชรบรุ ี มที ่ีตั้งและระยะหา่ งจากอาเภอเมือง
เพชรบุรี ดังนี้
หมู่ ๑ หา่ งจากอาเภอ ๙ กิโลเมตร หมู่ ๒ หา่ งจากอาเภอ ๙ กิโลเมตร
หมู่ ๓ หา่ งจากอาเภอ ๑๕ กโิ ลเมตร หมู่ ๔ ห่างจากอาเภอ ๑2 กโิ ลเมตร
หมู่ ๕ หา่ งจากอาเภอ ๑๘ กิโลเมตร หมู่ ๖ ห่างจากอาเภอ ๘ กโิ ลเมตร
หมู่ ๗ ห่างจากอาเภอ ๑2 กิโลเมตร หมู่ ๘ ห่างจากอาเภอ ๑๐ กโิ ลเมตร
หมู่ ๙ ห่างจากอาเภอ ๑๙ กิโลเมตร
๒
มีอาณาเขตติดตอ่ ดังน้ี ติดต่อกับตาบลสามะโรง ตาบลโพพระ อาเภอเมือง จังหวดั เพชรบรุ ี
ติดต่อกับตาบลหาดเจ้าสาราญ อาเภอเมือง จังหวัดเพชรบรุ ี
ทิศเหนือ : ตดิ ต่อกับตาบลแหลมผกั เบีย้ อาเภอบ้านแหลม จงั หวดั เพชรบุรี
ทศิ ใต้ : ตดิ ตอ่ กับตาบลหนองพลบั อาเภอเมอื ง จังหวดั เพชรบรุ ี
ทศิ ตะวนั ออก :
ทศิ ตะวันตก : แผนทต่ี าบลนาพนั สาม
ตาบลนาพันสามมเี นอ้ื ท่ปี ระมาณ 25.040 ตารางกโิ ลเมตร (หรือประมาณ 15,650ไร่) สภาพพ้ืนทสี่ ่วนใหญ่เปน็
ที่ราบลมุ่ มจี านวนหมู่บา้ น ๙ หมู่บ้าน ไดแ้ ก่ ๑) หมู่ท่ี 1 บ้านนาขลู่ ๒) หมทู่ ี่ 2 บา้ นนาขลู่ ๓) หมทู่ ่ี 3
บ้านฝ่ังท่า-นาโตนด ๔) หม่ทู ่ี 4 บา้ นนาหวั เรอื -โรงแถว ๕) หม่ทู ่ี 5 บา้ นดอนมะขามช้าง ๖) หม่ทู ี่ 6 บา้ นนา
พันสาม ๗) หมู่ท่ี 7 บา้ นฝงั่ ท่า-คลองใหญ่ ๘) หมู่ที่ 8บ้านดอนหวั กรวด-นาพรม ๙) หมู่ที่ 9บา้ นดอนแตง
คาขวัญ
สองวัดคบู่ ้าน สืบสานนาข้าว ประเพณเี รือยาว โบสถ์เก่าโบราณ ขนมหวานของดี กฬี าวัวลาน เรือนไทย
ตระหงา่ น วิหารศกั ดิส์ ิทธ์ิ
๓
ชุมชนนาพนั สาม ตาบลนาพันสาม อาเภอเมอื งเพชรบุรี จงั หวัดเพชรบรุ ี
ชุมชนนาพันสาม สภาพพื้นท่ีเป็นที่ราบลุ่ม การคมนาคมขนส่งของตาบลนาพันสาม สามารถติดต่อ
ระหว่างชุมชนได้สะดวกโดยทางรถ ห่างจากตัวเมอื งเพชรบุรี ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร มีราษฎรอาศัยในหมบู่ า้ น
ตามทะเบียนบ้าน มีจานวน ๑๐๒ ครัวเรือน มีประชากรทั้งหมด ๔๑๔ คน ประชากรส่วนใหญ่ อาชีพ
เกษตรกรรม ทานา เล้ียงสัตว์ และทาขนมหวาน เป็นชุมชนท่ีมีวัฒนธรรม เอกลักษณ์วิถีชีวิต ประชากรส่วน
ใหญ่ สามารถใช้ชีวิต บนความเรียบง่ายแบบพอเพียง ทางวัฒนธรรมร่วมกันอย่างมีความสุข นอกจากน้ันใน
ชุมชนยังมีแหล่งท่องเท่ียวที่สาคัญ คือตลาดน้านาพันสาม วัดนาพรมท่ีมีศิลปวัฒนธรรม ภูมปัญญา ประเพณี
ต่างๆ เส้นทางศึกษาตามโครงการโรงเรียนเศรษฐกิจพอเพียง มีศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญา และมีการจัดต้ัง
พิพิธภัณฑ์ชาวนา เรียนรู้วิถี ทานา มีการสีข้าวซ้อมมือเพื่อสุขภาพตามแนวเกษตรด้วยวิถีชีวิตท่ีเรียบง่าย ซ่ึง
ประกอบด้วยเส้นทางที่สะท้อนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมในท้องถิ่นที่โดดเด่นออกมาอย่างเป็นรูปธรรม และ
แสดงอัตลักษณ์ความเป็นท้องถิ่น ได้อย่างชัดเจน เช่น มีอาคารท่ีเก่าแก่ มีสถาปัตยกรรมที่บ่งบอกถึงความเป็น
ท้องถิ่น มีตลาดที่ยังเป็นธรรมชาติคงความเป็นท้องถิ่น มีวัดนาพรม ภายในวัด มีโบราณสถาน ศาสนสถาน
วหิ ารศกั ด์ิสิทธ์ิ อุโบสถ ภาพจิตกรรมฝาผนัง(ภาพเขียนด้วยสชี าติแบบโบราณ) กุฎิโบราณ ศาลาการเปรียญไม้
สกั ทั้งหลัง พระปรางค์ รวมถงึ วิถีชวี ิตแบบไทย ๆ อาชีพ การสาธิตความรู้เชิงช่าง ภูมิปัญญาท้องถ่ิน กิจกรรม
ทางศิลปะ ดนตรี กีฬา และการแสดงพ้ืนบ้าน เชิดหนังตะลุงเด็ก แห่เรือบก ประเพณีกวนข้าวทิพย์ ตักบาตร
หลังเกวียน การแข่งขันเรือมาด วัวเทียมเกวียน มีตลาดน้านาพันสามจาหน่ายสินค้าพื้นบ้าน การสาธิต
การซ่อมเรือมาด การสีข้าว การซ้อมข้าว การปั้นหัวสัตว์ สาธิตการทาไข่เค็มดินนาเกลือ อาชีพทาขนมหวาน
เช่น ฝอยทอง ทองหยอด เม็ดขนุน ใบบัว ลอดช่อง ตะโก้ ถั่วกวน การกวนข้าวทิพย์ การกวนกระยาสาตร์
ทาข้าวเมา่
แหลง่ ศึกษาดูงานและแหล่งทอ่ งเท่ียวทส่ี าคญั
๑. วดั นาพรม เป็นวดั เก่าแก่ในสมัยอยุธยา ภายในวัดมศี ลิ ปกรรมอันทรงคุณคา่ ได้แก่ อโุ บสถหลังเดิม
ศลิ ปกรรมรูปแบบสมัยอยธุ ยาตอนปลาย ภายในมีภาพจติ รกรรมฝาผนงั และพระประธานซง่ึ เป็นศิลปะสมัย
สุโขทัย
๔
- อุโบสถหลงั ใหม่ ศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ ท่ีสรา้ งจากแนวคดิ ที่จะอนรุ ักษง์ านชา่ งเมอื งเพชร ผลงาน
ประกอบด้วย การออกแบบลายแกะสลักไม้และลายปูนปัน้ โดยนายเฉลิม พ่ึงแตง ครูชา่ งปนู ปัน้ เมืองเพชร
ประตูหนา้ ตา่ งเปน็ งานแกะสลักไม้ ภายในประดิษฐานพระประธานแบบพระพทุ ธชนิ ราช ลงรักปดิ ทอง ฐาน
พระประธานเป็นลายปนู ป้นั ประดบั ดว้ ยเบญจรงค์
- วหิ าร สรา้ งขึ้นราวร้อยกวา่ ปี ฝมี อื ช่างในท้องถน่ิ กอ่ อฐิ ถอื ปูน โบสถแ์ บบมหาอตุ ม์ หลังคามงุ ดว้ ยกระเบื้อง
วา่ ว ไมม่ ีช่อฟ้า ใบระกา เคร่ืองแต่ง ภายในวหิ ารมเี ศยี รพระศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ เปน็ พระพุทธรปู สมัยอ่ทู อง
๕
- เรือแมเ่ ก๋ง เป็นเรอื ขดุ สมยั โบราณท่ีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั พระราชทานให้หลวงปเู่ อีย่ ม อดีต
เจ้าอาวาสวดั นาพรม
- พิพิธภัณฑช์ าวนา ต้ังอยใู่ นบรเิ วณวัดนาพรม ภายในจดั เกบ็ รวบรวมส่งิ ของเครอ่ื งใชว้ ิถชี ีวติ ชาวนาในอดตี
เพ่ือเผยแพรแ่ ละอนุรักษ์วิถชี วี ิตชาวนาแบบดง้ั เดมิ ไว้ใหเ้ ยาวชนรุน่ หลงั ได้ศึกษาเรยี นรู้ มีการจัดแสดงสาธิต
การทานา การสขี ้าว การซ้อมขา้ ว และการทาตาลน้าตาลโตนด
๒. แหลง่ ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
- ทุ่งทานตะวนั หม่ทู ่ี ๓ และ หมู่ที่ ๖ ตาบลนาพันสาม อาเภอเมืองเพชรบรุ ี
๖
๓. โรงเรยี นเศรษฐกจิ พอเพียง ตั้งอยใู่ นบริเวณวัดนาพรม เปน็ แหล่งศกึ ษาเรียนรตู้ ามแนวศาสตรพ์ ระราชา
เรอ่ื งเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพ่ือการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยนาพนื้ ทีม่ าจัดสรรเปน็ ทพ่ี ้นื ท่ีทดลองทานา ปลูกพชื
เลี้ยงสตั ว์ ตามแนวคิด “หนึง่ ไร่ไดห้ น่งึ แสน”
๔. ศูนย์การเรยี นรู้ขนมหม้อแกง ตงั้ อยทู่ ี่บา้ นทวศี รี ของนางนกแกว้ ทวศี รี เป็นแหล่งผลิต จาหนา่ ย ขนม
หม้อแกง ปลกี และสง่ ทั้งในและตา่ งจงั หวดั ตลอดจนเป็นแหล่งเรียนรู้การทาขนมหม้อแกง ซ่ึงเป็นขนมหวาน
ทเี่ ปน็ เอกลักษณข์ ึ้นชือ่ ของจงั หวดั เพชรบุรี
๕. ศูนยก์ ารเรยี นรู้ไขเ่ ค็ม ตง้ั อย่ทู บ่ี ้านนางกนกวรรณ ทับพกุ เป็นแหล่งผลติ จาหนา่ ย ไขเ่ คม็ ของตาบลนา
พนั สาม มีท้งั ขายปลกี และส่ง ทัง้ ในและต่างจงั หวัด ตลอดจนเปน็ แหล่งศกึ ษาเรยี นรกู้ ารทาไขเ่ ค็ม สาหรบั
ผสู้ นใจ
๗
การสืบสานและดาเนินชวี ติ ตามวิถีวฒั นธรรมทดี่ ีงาม
ชุมชนนาพนั สามยังคงสบื สานวฒั นธรรมประเพณีของชมุ ชนไวอ้ ย่างเหนียวแนน่ โดยมหี ลวงพอ่
วดั นาพรมเปน็ ศนู ย์รวม และจัดตั้งกล่มุ เยาวชนลูกหว้า@นาพันสาม เพื่อสบื สานศลิ ปวฒั นธรรมประเพณีของ
ชมุ ชน โดยเรียนรกู้ ารทาขนมหวาน การแสดงเหเ่ รอื บก การแสดงหนงั ตลุง แลว้ นามาจัดแสดง เผยแพรต่ ่อ
สาธารณะทั้งพ้นื ท่ีตลาดน้านาพนั สาม วดั นาพรม ภายในจังหวดั และตา่ งจงั หวัด อย่างต่อเน่อื ง กิจกรรมด้าน
วัฒนธรรมของชุมชน เชน่
๑) จัดต้งั พิพธิ ภัณฑ์ชาวนาตาบลนาพนั สาม เพื่อสง่ เสรมิ สืบสานวิถชี ีวิตชาวนา โดยการจดั
แสดงสาธิต การทานา การสีข้าว การซ้อมข้าว การทาตาล
๒) การทาขนมหวานในชมุ ชน ชมุ ชนนาพนั สาม มีภมู ปิ ัญญาด้านการทาขนม ทกุ หมูบ่ า้ น
ทั้งขนมหมอ้ แกง ฝอยทอง ทองหยอด เมด็ ขนุน
๓) กจิ กรรมสง่ เสริมศิลปวฒั นธรรมภูมิปัญญาท้องถิน่ งานช่างพน้ื บา้ น สสู่ าธารณะ /
สถานศึกษา
๔) การสง่ เสริมประเพณีท้องถ่ิน ทาบุญตักบาตรบนหลงั เกวยี น กวนข้าวกระยาทิพย์ การ
แต่งงานบนหลงั เกวียน เปน็ ต้น
ประเพณีตกั บาตรบนหลงั เกวียน
การกวนขา้ วกระยาทิพย์
ภูมปิ ญั ญาผู้ประกอบกจิ การขนมหวานในตาบลนาพันสาม ๘
ลาดบั ท่ี ช่ือ - สกลุ ปราชญ์ชาวบ้านด้าน ทอี่ ยู่
ทาขนมทองหยอด หมู่ 1
1. นางปรียานุช ขาอินทร์ ทามะพรา้ วแก้ว หมู่ 1
ทองหยอด หมู่ 1
2. นางอุไร มะลลิ า ทาขนมทองหยอด,ฝอยทอง หมู่ 2
ทาขนมทองหยอด หมู่ 2
3. นางสาวนทั ธ์ชวลั จบั ใจ ทาขนมตาล หมู่ 2
ทาอะลวั หมู่ 2
4. นายไทย เชยชิต ทาขนมทองหยอด หมู่ 3
ทาขนมทองหยอด,หม้อแกง,ฝอยทอง หมู่ 3
5. นายธีระ พลายเผอื ก ทาขนมทองหยอด,ขนมเมด็ ขนนุ หมู่ 3
ทาขนมทองหยอด,ขนมเม็ดขนุน,เผอื กกวน หมู่ 3
6. นายประสงค์ โตทรัพย์ ทาขนมทองหยอด,หม้อแกง หมู่ 3
ทาขนมทองหยอด,ขนมเมด็ ขนนุ หมู่ 3
7. นางสาวอมั พร กลิ่นนิรันต์ ทาขนมฝอยทอง หมู่ 3
ทาขนมฝอยทอง หมู่ 3
8. นายประทิว ปงั ขา ทาขนมฝอยทอง หมู่ 3
ทาหมอ้ แกง,ขนมเม็ดขนนุ ,ขนมทองหยอด หมู่ 3
9. นายใจ แสงอ่มิ ทาหม้อแกง,ขนมทองหยอด หมู่ 3
ทาขนมทองม้วน,ขนมทองหยอด หมู่ 3
10. นายสุทธยา ทองขาว ทาขนมช้นั ,หม้อแกง,ของเชือ่ ม หมู่ 4
ทาขนมทองหยอด,หม้อแกง,ฝอยทอง,ขนมชนั้ หมู่ 4
11. นายสมชาย สนพลาย
ทาขนมทองหยบิ หมู่ 4
12. นางบุปผา สนพลาย ทาขนมฝอยทอง,เมด็ ขนุน หมู่ 4
ทาขนมฝอยทองกรอบ หมู่ 4
13. นางเฉลา ชะเอมนอ้ ย ทาขนมฝอยทอง หมู่ 4
ทาขนมทองม้วน หมู่ 4
14. นางสายหยุด สนพลาย ทาขนมทองม้วน หมู่ 4
ทาขนมทองม้วน หมู่ 4
15. นางสาวชโลม ทองขาว ทาขนมทองมว้ น หมู่ 4
ทาขนมทองม้วน หมู่ 4
16. นางสาววราภรณ์ อยรู่ วม ทาขนมเชื่อม หมู่ 4
ทาขนมเช่ือม หมู่ 4
17. นายเฉลมิ ทองขาว ทาขนมฝอยทอง หมู่ 4
ทาขนมลูกชุบชาววงั หมู่ 6
18. นายเฉลิม พระจันทร์ ทาขนมทองหยอด,ทองหยิบ หมู่ 6
19. นายยศระวี กรี ติโชตมิ ติ ร
20. นายบุญสง่ อินทราพงษ์
21. นางมณฑา ทพิ ย์
พระจนั ทร์
22. นางชชู ีพ อบรม
23. นายกาพล พลายแกว้
24. นางยุพนิ พลายแก้ว
25. นางสมาพร เณรแกว้
26. นางสรุ ินทร์ ปานมณี
27. นางสาวบุญช่วย แสนสขุ
28. นางชลธชิ า อบรม
29. นางสาวสรุ มี าส ผ่องสี
30. นายจารัส ดวงโต
31. นายสทิ ธเิ ดช กะเปาะนอ้ ย
32. นายณัฐดนัย กะเปาะน้อย
33. นางปญั ญา น้อยแสง
34. นางทองเพยี ร แสงสุด
35. นายบรรจง แคล้วคลาด
ลาดับท่ี ชือ่ - สกลุ ปราชญ์ชาวบา้ นด้าน ๙
ทาขนมทองหยอด
36. นางอนงค์ แสงมณี ทาขนมทองหยบิ ที่อยู่
ทาขนมฝอยทอง หมู่ 6
37. นายชดิ แคล้วคลาด ทาขนมทองหยิบ หมู่ 6
ทาขนมลูกชบุ หมู่ 6
38. นางบุญรวม พวงกลน่ิ ทาขนมทองหยบิ หมู่ 6
ทาขนมฝอยทอง หมู่ 7
39. นายพชิ ัย จันทสาร ทาขนมลูกชุบ หมู่ 7
ทาขนมนางเล็ด หมู่ 7
40. นางสาวกมลทิพย์ ไทยเทศ ทาขนมทองหยบิ หมู่ 7
ทาขนมชัน้ ,ขนมหมอ้ แกง,ขนมบ้าบิน่ หมู่ 8
41. นางสาวอาภรณ์ พลู ผวิ หมู่ 8
หมู่ 8
42. นางกฤชสร รินสอน
43. นางละออง ทบั ทิมสวุ รรณ
44. นางชานิดา บัวศริ ิ
45. นายอาคม กล่ามณี
46. นางนกแกว้ ทวีศรี
ประวตั ิความเปน็ มาของขนมหม้อแกงเมืองเพชร
ต้ังแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช คุณท้าวทองกีบม้า ซ่ึงเป็นผู้ที่มีช่ือเสียงในการทาอาหารคาว
หวานได้อย่างยอดเย่ียม ได้ริเริ่มทาขนมหวาน คือ ขนมทองหยิบ ขนทองหยอด ขนมฝอยทอง ขนมท้องม้วน
ขนมสัมปันนี และขนมหม้อแกง ซ่ึงนาไข่มาเป็นส่วนประกอบหลัก และสอนให้ชาวสยามทาอาหารต่าง ๆ จน
เป็นความรู้ติดตัว ด้วยมีรสชาติของไข่และน้าตาล เป็นส่วนประกอบทาให้ขนมต่าง ๆ โดยเฉพาะขนมหม้อแกง
ท่ีได้รับความนิยมชมชอบจากเจ้านายช้ันสูงในรั้วในวัง และได้รับการขนานนามว่า “ขนมกุมภมาศ” ที่เรียกชื่อ
ตามภาชนะท่ีใสข่ นม “กมุ ภ แปลว่า หม้อ มาศ แปลว่า ทอง กุมภมาศ จึงแปลวา่ หม้อทอง” ขนมหม้อทองสมัย
นั้น เป็นขนมที่ทาขึ้นในวังสาหรับเจ้าแผ่นดินหรือพระสงฆ์ เม่ือลูกมือในบ้านคุณท้าวทองกีบม้าแต่งงาน ก็นา
ความรู้ที่ได้รับไปทาและเผยแพร่ต่อไปอีก ทาให้ตารับการทาขนมคาวหวานท่ีเป็นของสูงในพระราชวัง ได้ถูก
เผยแพรอ่ อกไปสูป่ ระชาชน และสบื เนือ่ งมาจนถงึ ปัจจุบนั
ขนมหม้อแกง จังหวัดเพชรบุรี มีมาต้ังแต่สมัยรัชกาลท่ี ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อครั้งเสด็จประทับ ณ พระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี ได้นาขนมหม้อแกง ซึ่งเป็นอาหารชาววังมาเผยแพร่
และต่อมาขนมหวานต่าง ๆ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ชาวเมืองเพชรจึงได้มีการสืบสาน ถ่ายทอดกันมา
จากรุ่นสู่รุ่น ตลอดจนมีการปรับปรุง พัฒนา ต่อยอด จนขนมหม้อแกงกลมกลืนกับวิถีชีวิตของคนเมืองเพชร
เป็นขนมสาคัญท่ีใช้ในงานพิธีต่าง ๆ อาทิ งานแต่งงาน งานบวช งานศพ งานทอดกฐิน งานขึ้นบ้านใหม่ เป็น
ต้น ประกอบกับจังหวัดเพชรบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยว ขนมหม้อแกงจึงเป็นของฝากที่ผู้รับช่ืนชอบ และกลายเป็น
เอกลักษณ์ของชาวเพชรบุรีในที่สุด ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙ จังหวัดเพชรบุรี มีการบูรณะพระนครคีรีให้เป็น
สถานทีท่ ่องเท่ียว ชาวบา้ น ในละแวกน้ัน ได้ทาขนมหม้อแกงออกจาหน่าย โดยใช้น้าตาลโตนดเมืองเพชรที่มีอยู่
มากเปน็ ส่วนผสมหลัก ดงั คาสวนสบุ ินกุมารที่มอี ายกุ ว่าร้อยปี กล่าววา่ “โตนดเตา้ แลจาวตาล เป็นเคร่ืองหวาน
เพชรบุรี กินกับน้าตาลปีบ ของมากมีมาช่วยกัน” จากกล่ินหอม รสชาติหวานกลมกล่อม ทาให้ขนมหม้อแกง
เป็นขนมท่ีขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี และรู้จักกันแพร่หลายมาตราบ ทุกวันนี้ จนคนทั่วไป เรียกขนมหม้อแกง
ท่มี าจากจงั หวดั เพชรบุรวี า่ ขนมหม้อแกงเมอื งเพชร
๑๐
ตาบลนาพนั สามมีการผลติ ขนมหวานจานวนมากนนั้ นางบุญส่ง คลา้ พงษ์ รองปลัดองค์การบริหาร
ส่วนตาบลนาพนั สาม ซ่งึ เปน็ ชาวตาบลนาพันสาม เล่าวา่ สืบเนอ่ื งมาจากตาบลนาพนั สามประกอบอาชพี การ
ทานา เลี้ยงเปด็ ในสมยั รชั กาลที่ ๔ ชาวบา้ นนาพันสามตามหลวงปู่เอย่ี ม หลวงพ่อวดั นาพรม ไปเข้าเฝา้ รชั กาล
ท่ี ๔ ที่เขาวงั จงึ ได้ไปครูพักลักจับการทาขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมหม้อแกง กลบั มาทาแล้วก็
ถา่ ยทอดจากร่นุ สู่กดรนุ่ จนถึงปัจจบุ นั
ขนมหม้อแกงบ้านทวี ของนางนกแกว้ ทวีศรี บา้ นเลขท่ี ๑๒๗ หมทู่ ี่ ๘ ตาบลนาพนั สาม อาเภอเมือง
เพชรบุรี จังหวดั เพชรบุรี สบื ทอดมาจากรุน่ คุณยา่ แตเ่ ดิมทากนิ กนั เฉพาะในงานสาคัญ ซ่ึงเป็นแบบดงั้ เดิม
ถกู อบในเตาถ่านทีใ่ ช้แผ่นสงั กะสีมาคลุมบนถาดขนม แลว้ ใชถ้ ่านหรือกาบมะพรา้ วจดุ ไฟ แล้วเกล่ยี ใหท้ วั่ สังกะสี
ขนมหม้อแกงจะไดร้ ับความร้อนทง้ั ดา้ นบน และด้านล่าง ทาให้หน้าของขนมหม้อแกงมลี ักษณะเปน็ สนี ้าตาล
ทองเตาถา่ น ปจั จบุ นั ได้มกี ารใช้เทคโนโลยสี มยั ใหมเ่ ข้ามาชว่ ย ทามาแล้วเปน็ เวลา ๑๗ ปี ทาขนมส่งไปขาย
ทง้ั ในและตา่ งจังหวัด ทั้งท่ีติดตราของตวั เองและผซู้ ้ือไปติดตราของตนเอง
สว่ นประกอบ
วตั ถดุ บิ
๑. มะพร้าว (หวั กะทิ)
๒. ไขแ่ ดง ไข่ขาว ๑๑
ไขข่ าว
ไข่แดง
๓. น้าตาลมะพรา้ วแท้
๔. เผอื ก เมด็ บวั
๑๒
ข้ันตอนวธิ ีการทา
๑. ปั่นน้าตาลผสมกับไข่แดง ไขข่ าว
๒. ปั่นเผือกทป่ี ิ้งแลว้ กับไข่ขาว
๓. ซึกมะพร้าวคัน่ กะทิ (คัน่ แต่หวั ไม่เอาหาง)
๑๓
๔. นาน้าตาลทผ่ี สมกบั ไข่แดง ตามขนั้ ตอนท่ี ๑ และเผือกท่ีป้ิงแล้วกบั ไข่ขาว ตามข้ันตอนท่ี ๒ ผสมให้
เข้ากัน
๕. แลว้ ใสก่ ระทิลงไปผสมให้เขา้ กัน
๖. นาสว่ นผสมตามข้อ ๔ – ๕ กรองดว้ ยผา้ ขาวบางอีกครัง้ สว่ นผสมจะเขา้ กันดีจนเน้ือเนียนเปน็ ครีม
และทกุ ครง้ั ท่ีกรองเสรจ็ แล้วให้ตักเอาส่วนผสมที่ค้างอยู่ในผ้ากรองท้งิ ไป
๗. จากน้นั นาไปเทลงในถาดท่ีเตรยี มไว้ แตไ่ มต่ ้องใหเ้ ต็มถาดเนอื่ งจากขนมจะฟูขึน้ อีก เมื่อนาเข้าอบใน
ตู้อบ
๑๔
๘. หยอดเสรจ็ แล้ว อบด้วยความร้อน (จดุ ไฟล้างและไฟบน) ต้องคอยดแู ละจบั เวลาเอง ประมาณ
๑ – ๑.๓๐ ชัว่ โมง เมอ่ื ขนมข้ึนฟแู ละหนา้ ขนมเร่มิ เปลี่ยนสเี ป็นสนี า้ ตาลอ่อน
๑๕
๙. กลับสีขาวไปไวต้ รงกลาง แลว้ จุดไฟลนให้ความร้อนกระจายจนหนา้ ขนมหม้อแกงมสี ีเหลอื งทอง
เทา่ กนั
๑๐ นาออกมาวาง เปา่ ด้วยพัดลมให้เย็น
๑๑. ตกแต่งหน้าขนมหม้อแกง โดยใส่เมด็ บวั โรยหนา้ พอประมาณ
๑๖
๑๒. นาขนมบรรจุหีบหอ่ มที ง้ั ตราของบ้านทวีศรเี องและผู้ซ้ือนาไปติดตราของตนเอง จาหน่ายถาดละ
๒๕ บาท
เคล็ดลับความอร่อย : ใชน้ า้ ตาลมะพร้าวแท้ ผลิตวนั ต่อวัน ทาตามทล่ี กู คา้ ส่งั
ภูมปิ ญั ญาการถ่ายทอดขนมหม้อแกงบา้ นทวศี รี
๑. นางนกแก้ว ทวีศรี
๒. นางสาวกรอบแกว้ ป่ินทอง
๑๗
โรงงานลุงอเนกขนมหวานเมืองเพช็ ร์ ของนายประวิทย์ เครอื ทรัพย์ เกดิ วันท่ี 10 มถิ นุ ายน 2525
อายุ 39 ปี 6 เดอื น ทอ่ี ยู่ปจั จุบนั เลขท่ี 9 หมู่ 5 ต.สามะโรง อ.เมือง จ.เพชรบรุ ี โทรศัพท์ 089-796-5052
และ 062-636-4956 e-mail address [email protected] เจา้ ของแบรนด์ ลงุ อเนกขนมหวาน
เมืองเพ็ชร์ และบ้านเดือนขนมไทย ผลิตขนมหมอ้ แกงแบบด้ังเดิมและขนมหม้อแกงถว้ ย มีการนานวตั กรรม
ใหม่เขา้ มาปรับใชเ้ พื่อพัฒนาขนมหมอ้ แกงผ่านกระบวนการผลติ ท่ที นั สมัย ในรปู แบบบรรจุภณั ฑ์และรสชาติ
ของขนมหม้อแกงทม่ี หี ลากหลาย
๑๘
วัตถุดิบ
ไขเ่ ป็ด น้าตาล แป้งมนั กะทิ (หวั กบั ห่าง) สว่ นผสม
๑๙
กระบวนการผลิต
ห้องอบขนม
ห้องปดิ ฝา
- การปดิ ฝาภาชนะ ชว่ ยยืดอายขุ นมหมอแกง
๒๐
การบรรจหุ ีบห่อ
เคลด็ ลับ : ขนมหม้อแกงลุงเนตรสบื สานสตู รต้นตารบั ชาวเพชรบรุ นี านวกรรมด้านบรรจุภณั ฑ์ทม่ี ฝี าปดิ
สนิท ช่วยเพม่ิ อายุการจดั เก็บรักษาขนมให้ยาวนานขน้ึ ประมาณ ๑๕ วนั ซงึ่ แต่เดิมอยู่ได้ ๑-๒ วัน โดยเฉพาะ
ขนมหมอแกงพร้อมทานขนาดพอดีตอ่ การทานหนึง่ คร้ัง สะดวกในการพกพา มที ง้ั ถัว่ ทอง ฟกั ทอง เผือก กลว้ ย
หอม ทเุ รยี น เมรอล ยังคงรักษาแบบดัง่ เดิม สตู รตน้ ตารับเพชรบุรี เพยี งแต่ปรบั ปรุงรสชาติหวานน้อย สะอาด
ในส่วนของโรงเรอื น ยดื อายุของขนมหมอ้ แกงใหอ้ ยู่ได้นานถงึ ๑๕ วนั
๒๑
แหล่งผลิตและจาหน่ายขนมเมืองเพชร
นอกจากนีย้ ังมีแหล่งผลติ และจาหน่ายขนมหม้อแกง ขนมหวานอ่ืน ๆ อีกมากมายเพื่อเป็นของฝาก
จากเมืองเพชร อาทิ รา้ นขนมหมอแกงแมป่ น่ิ แมล่ ะเมยี ด แมก่ มิ ไล้ แม่กิมล้ัง แม่อบุ ล สงวนโพพระ รา้ นพันธส์ุ ขุ
ฟ้ดู แอนดฟ์ าร์ม บา้ นขนมนนั ทวัน รา้ นสคุ นั ธา ร้านขนมลกู เจีย้ บ เปน็ ตน้
ขนมหม้อแกงเมืองเพชร จงึ มีความสาคัญกับคนเพชรมายาวนานแต่เดมิ ทาขนมในงานพิธีตา่ ง ๆ ตอ่ มา
ไดม้ ีการสบื สานถ่ายทอดจากรนุ่ สู่ร่นุ ตลอดจนมีการนานวตั กรรมและเทคโนโลยีสมยั ใหม่มาปรบั ปรุง พฒั นา
ต่อยอดขนมหม้อแกงให้กลมกลนื กบั วิถีชีวติ ของคนเมืองเพชร ประกอบกับจังหวัดเพชรบุรเี ปน็ เมอื งท่องเทยี่ ว
ขนมหม้อแกงจึงเป็นของฝากทีผ่ รู้ บั ชนื่ ชอบ และกลายเป็นเอกลักษณ์ของเพชรบุรี จนไดร้ ับการคัดเลือกเป็น
เครอื ข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของของยูเนสโก ในปี 2564