รายการยาที่มีหลักฐานชัดเจว่าการเกิด
Stevens Johnson syndrome
สัมพันธ์กับยา
ยารักษาโรคเกาต์และยาลดกรด: Allopurinol
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Allopurinol
ปวดตามข้อต่อต่าง ๆ เช่น ข้อมือ ข้อต่อนิ้วเท้า หัวเข่ามีอาการข้อยึด
ตึงแข็ง หรือบวมตามข้อต่อ
มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง
ง่วงซึม
ปวดท้อง รู้สึกเหมือนท้องไส้ปั่นป่วน
คลื่นไส้วิงเวียน
ท้องร่วง
การใช้ยา Allopurinol
สำหรับยารับประทาน ต้องรับประทานในปริมาณและวิธีที่แพทย์กำหนดเท่านั้น ดื่ม
น้ำเปล่าเต็มแก้วตามทุกครั้งหลังใช้ยา และควรดื่มน้ำปริมาณมาก ๆ อย่างน้อย 8-
10 แก้วต่อวัน เพื่อป้องกันการเกิดนิ่ว หรือตามปริมาณที่แพทย์กำหนด
หากลืมรับประทานยาในรอบเวลาหนึ่ง ให้รับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้
ถึงช่วงเวลาในการรับประทานยารอบถัดไป ให้ข้ามยารอบนี้แล้วรับประทานยาของ
รอบใหม่แทน โดยใช้ยาตามปริมาณปกติ ไม่เพิ่มปริมาณยา ไม่รับประทานยาเกิน
ประมาณที่กำหนดในแต่ละครั้ง
ยากันชัก
carbamazepine,Phenytoin และ Lamotrigine
ผลข้างเคียง
ยากันชัก เวียนศีรษะ ง่วงซึม อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ตัวสั่น มีผื่นขึ้น และ
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยาในกลุ่มนี้อาจส่งผลทำลายตับ ไต ลดจำนวน
เกล็ดเลือด ทำให้ผู้ป่วยเห็นภาพซ้อน และสูญเสียความสามารถในการทำงาน
ประสานกันของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย
การใช้ยา
ผู้ป่วยต้องได้ยากันชักนานประมาณ2ปีหรือมากกว่า เพื่อลดโอกาสในการชักซ้ำ
หากไม่มีอาการชักแล้วแพทย์อาจพิจารณาให้หยุดยาโดยจะค่อยๆลดยากันชักลงที
ละน้อยจนหยุดยาได้ เวลาที่ใช้ลดยาอาจยาวนานประมาณ 6-12 เดือน หลังจาก
นั้นแพทย์จะนัดตรวจตามเพื่อเฝ้าระวังมิให้เกิดอาการชักขึ้นอีก
ข้อบ่งชี้แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนใช้ยากลุ่มนี้ หากมีประวัติแพ้ยากันชักชนิดใด
ๆ รวมไปถึงประวัติอาการแพ้อื่น ๆ เพราะยานี้อาจมีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดอาการแพ้
ชนิดรุนแรง หรือก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้
ยาแก้ปวดหรือยาต้านการอักเสบกลุ่ม NSAIDs
Ibuprofen,Meloxicam,Piroxicam,Tenoxicam,Celecoxib และ Parecoxib
ผลข้างเคียงต่อระบบผิวหนัง
ยา NSAIDs สามารถส่งผลกระทบได้ตั้งแต่เป็นผื่นเล็กน้อยจนถึงผื่นที่
มีความรุนแรง เช่น ผื่นแพ้ยา Erythema Multiforme, Toxic
Epidermal Necrolysis และกลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน
(Stevens-Johnson Syndrome)
การใช้ยา NSAIDs
ในกรณีที่ซื้อยารับประทานด้วยตนเอง เช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน นา
โปรเซน ควรอ่านฉลากยาและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะผู้
ป่วยที่เป็นเด็ก ปริมาณยาจะขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักของผู้ป่วย ไม่ควร
รับประทานยาเกินปริมาณที่กำหนด และควรใช้เครื่องมือตวงที่แนบมา
กับตัวยา ในกรณีที่ไม่ใช่ยาเม็ด ไม่ควรตวงด้วยช้อนที่ใช้รับประทาน
อาหาร เพราะจะทำให้ปริมาณยาคลาดเคลื่อนได้
ข้อบ่งชี้ ไม่ควรรับประทานยานี้ติดต่อกันเกิน 10 วัน ยา NSAIDs เป็นยาที่ใช้รักษาใน
ระยะสั้น ถ้าใช้ติดต่อกันนานเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาตามมา
ยาต้านไวรัสเอชไอวี(HIV)
Nevirapine,Abacavir
ผลข้างเคียง
Hiv ปฏิกิริยาแพ้ยาอะบาคาเวียร์ (มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน และผลข้างเคียงอื่นๆ
จากการใช้ยาอะบาคาเวียร์) เลือดออก สูญเสียกระดูก โรคหัวใจ ระดับน้ำตาลใน
เลือดสูงและโรคเบาหวาน มีระดับของกรดแลกติกในเลือดสูง หรือภาวะเลือด
เป็นกรด ไต ตับ หรือตับอ่อน เกิดความเสียหาย มีอาการชา ปวดแสบปวดร้อน
หรือปวดที่มือหรือเท้า จากปัญหาที่ระบบประสาท
ข้อบ่งชี้ ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคตับ หรือ การใช้ยา
เคยมีอาการบวม แดง พุพอง ผิวซีด การใช้ยาhiv กินยาตรงเวลา ทุกมื้อ และทุกวัน อย่าเปลี่ยนยาด้วย
หลังจากใช้ยานี้ ควรแจ้งให้แพทย์ ตนเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์ ถ้าพบว่าปฏิบัติตามแผนการรักษาได้
ทราบก่อนใช้ยา ยาก ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อค้นหาแนวทางการรักษาใหม่ที่เหมาะ
สม หากจะใช้ยาอื่นนอกเหนือที่แพทย์สั่ง ควรปรึกษาแพทย์และ
เภสัชกรก่อนทุกครั้ง ควรกินอย่างสม่ำเสมอ หากหยุดยาระยะหนึ่ง
แล้วมากินต่อ ก็อาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา การรักษาจะยิ่งยากมากขึ้น
ยากลุ่มซัลโฟนาไมด์
Co-trimoxazole,Sulfadiazine,Sulfadoxine,Sulfamethoxazole
และ Sulfasalazine
ผลข้างเคียง การใช้ยา
-มีรอยบวม แดง มีรอยฟกช้ำหรือเลือดออกผิดปกติบริเวณ การรับประทานยาในกลุ่มซัลฟาควรรับประทานพร้อม
ผิวหนัง น้ำ 1 แก้ว หรือประมาณ 250 มิลลิลิตร โดยในระหว่างวัน
อาการแพ้ยา เช่น เกิดผื่นคัน มีอาการของโรคลมพิษ มี ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากการดื่มน้ำจะช่วย
อาการบวมบริเวณหน้า ปาก และลิ้น หายใจลำบาก แน่น ป้องกันผลข้างเคียงจากยา
หน้าอก หากผู้ป่วยรับประทานยากลุ่มซัลฟาชนิดน้ำ ควรใช้
เกิดภาวะกลุ่มอาการสตีเวน-จอห์นสัน หรือมีอาการผื่นแพ้ เครื่องมือที่ระบุปริมาณอย่างชัดเจน เช่น ช้อนตวง หรือ
ยา โดยจะเกิดแผลพุพองบริเวณผิวหนัง ผิวลอกจนเห็นสีแดง เครื่องมืออื่น ๆ เพื่อให้ตวงปริมาณการใช้ยาอย่าง
และมีของแหลวไหลออกมาจากผิวหนังชั้นนอก จัดเป็นภาวะ แม่นยำ ไม่ควรใช้ช้อนชาทั่วไปในการรับประทานยาชนิด
ที่มีความรุนแรงจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต น้ำ เนื่องจากปริมาณอาจคลาดเคลื่อน
กรณีของผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาหยอดตาหรือยาป้ายตา เมื่อ
นำยาเข้าสู่ในตาแล้วให้ปิดตาลงอย่างช้า ๆ หลับตาค้าง
ไว้ประมาณ 1-2 นาที ห้ามกระพริบตา หากรู้สึกว่า
หยอดยาไม่ตรงกับดวงตา ให้หยอดใหม่อีกครั้ง
ข้อบ่งชี้sulfonamide ยังส่งผลให้มีอาการแพ้ที่ผิวหนังอย่างรุนแรง หรือแม้แต่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ด้วย ดังนั้นคุณต้อง
แจ้งให้แพทย์ทราบหากพบว่า มีผื่นขึ้น หรือผิวหนังเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ
ยากลุ่มPenicillin
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา ข้อบ่งชี้
หายใจเร็ว
มีไข้
การใช้ยาเพนนิซิลิน ควรอยู่ใน
เจ็บที่ข้อต่อ
เวียนศีรษะและเป็นลม ความดูแลของแพทย์ทั้งเรื่อง
หน้าหรือหนังตาบวม ปริมาณการใช้และระยะเวลา เพราะ
ผิวแดงและเป็นขุย การใช้ยาเพนนิซิลินเป็นเวลานาน
หายใจสั้น ทำให้เกิดการดื้อยาหรือไปทำลาย
แบคทีเรียที่เป็นภูมิต้านทานของ
ร่างกายได้
มีผื่นหรือลมพิษขึ้นบนผิวหนัง รวมทั้งเกิดอาการคัน การใช้ยา
ร่วมด้วย โดยปกติเพนนิซิลินจะต้องรับประทานตอน
ท้องว่าง โดยให้รับประทานก่อนอาหาร
2 ชั่วโมงหรือหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
ขึ้นไป นอกจากนี้จำเป็นจะต้องรับประทานยา
ให้ครบตามที่แพทย์สั่งแม้ว่าอาการจะดีขึ้น
แล้วก็ตามเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการเชื้อ
ดื้อยาและห้ามปรับเพิ่มหรือลดขนาดยาเอง
โดยเด็ดขาด
ยารักษาวัณโรค
Rifampicin,Isoniazid และ Ethambutol
ผลข้างเคียง การใช้ยา
การได้ยินผิดปกติ สูตรการรักษาหลักสำหรับผู้ป่วยใหม่ มีระยะเวลาการรักษา 6
เวียนหัวเดินเซ เดือน โดยใน 2 เดือนแรกเป็นช่วงการรักษาเข้มข้น ผู้ป่วยจะได้
ผื่น มีไข้เจ็บคอ เจ็บตา รับยา 4 ตัว ส่วนอีก 4 เดือนหลังเป็นช่วงการรักษาต่อเนื่อง
การมองเห็นผิดปกติ แพทย์จะลดยาลงเหลือเพียง 2 ตัว โดยผู้ป่วยต้องรับประทาน
ตัวเหลือง ตาเหลือง ยาอย่างต่อเนื่องและห้ามหยุดยาเองแม้อาการจะดีขึ้นแล้ว
ข้อบ่งชี้ หากพบว่ามีผื่นขึ้นตามตัว เยื่อบุ
ตาแดง บวม ซึ่งอาจเป็น อาการของการ
แพ้ยา มีอาการ ตัวเหลืองตาเหลือง หรือ
พบอาการข้างเคียงแบบรุนแรง ให้หยุด
ยา และกลับมาพบแพทย์ทันที
ยารักษาโรคผิวหนังอักเสบคล้ายเฮอร์ปิส
ยารักษาป้องกันการติดเชื้อบางชนิด
ผลข้างเคียงโดยส่วนใหญ่แล้วผลข้าง การใช้ยา
เคียงของยา Acyclovir ที่สามารถพบได้
คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปัสสาวะ ผู้ใหญ่ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 8
บ่อย กระหายน้ำบ่อย ความอยากอาหาร ชั่วโมง ติดต่อกัน 5-7 วัน โดยให้ทางหลอดเลือดดำ
ลดลง รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนแรงโดยไม่ ติดต่อกันมากกว่า 1 ชั่วโมง
ทราบสาเหตุ และหากเป็นยาชนิดฉีดก็ เด็ก อายุมากกว่า 3 เดือน-12 ปี ให้ครั้งละ 250
อาจมีอาการบวมแดง และอักเสบบริเวณที่ มิลลิกรัมต่อพื้นที่ร่างกาย 1 ตารางเมตร ทุก ๆ 8
ฉีดยาได้ ชั่วโมง ติดต่อกัน 5-10 วัน โดยให้ทางหลอดเลือดดำ
ติดต่อกันมากกว่า 1 ชั่วโมง
ข้อบ่งชี้
เป็นยาที่ต้องใช้ภายในการควบคุมของแพทย์ และใช้ในระยะเวลาสั้น
ๆ เท่านั้น เนื่องจากเป็นยาที่มีผลข้างเคียง สามารถใช้ในสตรีมีครรภ์
ได้ แต่ห้ามใช้ในสตรีที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรโดยไม่แจ้งให้แพทย์ทราบ
สิ่งที่ควรกระทำหากเพิ่งเริ่มใช้ยาดังกล่าวข้างต้น
เพื่อลดอันตรายหรือความรุนแรงให้เกิดน้อยที่สุด
1.สังเกตและเฝ้าระวังตนเองอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนแรกของการใช้ยา
หากเกิดอาการต่อไปนี้ได้แก่ มีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อย ร่วมกับอาการผื่นขึ้น แผลในปาก
ตาแดง เคืองตา เยื่อบุตาอักเสบ
2.หยุดยาและรีบมาพบแพทย์ทันที
3.หากแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นผื่นแพ้ยารุนแรงแล้วจำเป็นต้องจำชื่อยาที่แพ้นี้ไว้และห้ามใช้
ยานี้อีกต่อไป รวมทั้งแจ้งแพทย์ เภสัชกร หรือบุคลากรทางแพทย์ทราบทุกครั้งที่มา
ติดต่อสถานพยาบาลหรือร้านขายยา
ทั้งนี้หากเกิดผื่นแพ้ยารุนแรงที่สงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วน
ประกอบของประเภทยาข้างต้นสามารถแจ้งศูนย์ติดตามอาการไม่พึงประสงค์จาก
การใช้ยา กลุ่มงานเภสัชกรรมโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โทรศัพท์ (02) 256
4000ต่อ100 หรือเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ สำนักงานคณะ
กรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์(02)590 7288 โทรสาร(02)
519 8457 หรือทาง E-mail:[email protected]