รายงาน เรื่อง ปกรณัมกรีก เสนอ คุณครู ดวงกมล จันทร์ศิริ จัดทำโดย นางสาว ธัญญาลักษณ์ ชาวม่วงขวัญ เลขที่ 13 นางสาว พิมพ์ลภัส ประภารัตน์ เลขที่ 18 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 2 รายงานนี้เปนสวนหนึ่งของการศึกษารายวิชาภาษาไทย ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2565 วิทยาลัยนาฏศิลป์สุพรรณบุรี อำเภอเมืองสนามชัย จังหวัดสุพรรณบุรี
รายงาน เรื่อง ปกรณัมกรีก เสนอ คุณครู ดวงกมล จันทร์ศิริ จัดทำโดย นางสาว ธัญญาลักษณ์ ชาวม่วงขวัญ เลขที่ 13 นางสาว พิมพ์ลภัส ประภารัตน์ เลขที่ 18 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 2 รายงานนี้เปนสวนหนึ่งของการศึกษารายวิชาภาษาไทย ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2565 วิทยาลัยนาฏศิลป์สุพรรณบุรี อำเภอเมืองสนามชัย จังหวัดสุพรรณบุรี
คำนำ รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทย การศึกษา ปกรณัมกรีก เพื่อให้ได้ศึกษาความรู้เกี่ยวกับปกรณัมกรีก โดยได้ศึกษาผ่าน แหล่งความรู้ต่างๆ เช่น โซเชียล อินเตอร์เน็ต และทางออนไลน์ต่างๆ โดย รายงานเล่มนี้ต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความรู้ของปกรณัมกรีก ประวัติที่มา ผู้จัดทำคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำเอกสารฉบับนี้จะมี ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผ้ที่สนใจศึกษา ปกรณัมกรีก นางสาว ธัญญาลักษณ์ ชาวม่วงขวัญ เลขที่ 13 นางสาว พิมพ์ลภัส ประภารัตน์ เลขที่ 18
สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ บทที่ 1 ประวัติความเป็นปกรณัมกรีก 1-2 บทที่ 2 เทพเจ้าแห่งโอลิมปัส 3 – 14 บรรณานุกรม
บทที่ 1 ประวัติความเป็นปกรณัมกรีก เทพปกรณัมกรีก เป็นเรื่องปรัมปราและตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้า, วีรบุรุษ, ธรรมชาติของโลก และจุดกำเนิดและความสำคัญของวิถีปฏิบัติและพิธีในทาง ศาสนาของชาวกรีกโบราณ เทพปกรณัมกรีกเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาในกรีซ โบราณ นักวิชาการสมัยใหม่กล่าวถึงเรื่องปรัมปราและศึกษาในความพยายามที่ จะอธิบายสถาบันทางศาสนาและการเมืองในกรีซโบราณ อารยธรรม และเพิ่ม ความเข้าใจของธรรมชาติในการสร้างตำนานขึ้นเทพปกรณัมกรีกได้ถูกรวบรวม ขึ้นจากเรื่องเล่าและศิลปะที่แสดงออกในวัฒนธรรมกรีก เช่น การระบายสีแจกัน และของแก้บน ตำนานกรีกอธิบายถึงการถือกำเนิดของโลกและรายละเอียดของ ชีวิต รวมทั้งการผจญภัยของบรรดาเทพ เทพี วีรบุรุษ วีรสตรี และสิ่งมีชีวิตใน ตำนานอื่น ๆ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ได้สืบทอดโดยบทกวีจากปากต่อปากเท่านั้น ใน ปัจจุบัน ตำนานกรีกได้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวรรณกรรมกรีกเป็นส่วน ใหญ่ วรรณกรรมกรีกที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่รู้จักกันคือ มหากาพย์ อีเลียด และ โอดิสซีย์ ของโฮเมอร์ ซึ่งจับเรื่องราวเหตุการณ์ในระหว่างสงครามเมืองทรอย นอกจากนี้มี บทกวีมหากาพย์ร่วมสมัยอีกสองชุดของเฮสิโอด คือ Theogony และ Works and Days เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการกำเนิดโลก การสืบทอดของจอมเทพผู้ ศักดิ์สิทธิ์ ยุคของมนุษย์ กำเนิดศัตรูของมนุษย์ และพิธีบูชายัญต่างๆ เรื่องเล่า ปรัมปรายังพบได้ในบทเพลงสวดสรรเสริญของโฮเมอร์ จากเสี้ยวส่วนหนึ่งของ บทกวีมหากาพย์ Epic Cycle จากบทเพลง จากงานเขียนโศกนาฏกรรมใน
ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล จากงานเขียนของปราชญ์และกวีในยุคเฮเลนนิสติก และในตำราจากยุคของจักรวรรดิโรมันที่เขียนโดยพลูตาร์คกับเพาซานิอัส งานค้นพบของนักโบราณคดีเป็นแหล่งข้อมูลอย่างละเอียดของเทพปกรณัมกรีก เพราะมีภาพของเทพและวีรบุรุษกรีกมากมายเป็นเนื้อหาหลักอยู่ในการตกแต่ง สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ภาพเรขาคณิตบนเครื่องโถในยุคศตวรรษที่ 8 ก่อน คริสตกาลแสดงให้เห็นฉากต่างๆ ในมหากาพย์เมืองทรอย รวมไปถึงการผจญภัย ของเฮราคลีส ในยุคต่อๆ มาเช่น ยุคอาร์เคอิก ยุคคลาสสิก และยุคเฮเลนนิสติก ก็พบภาพฉากเกี่ยวกับมหากาพย์ของโฮเมอร์และตำนานปรัมปราอื่นๆ ซึ่งช่วย เพิ่มเติมแก่หลักฐานทางวรรณกรรมที่มีอยู่ เทพปกรณัมกรีกมีอิทธิพลอย่างมาก ต่อวัฒนธรรม ศิลปะ และวรรณกรรมของอารยธรรมตะวันตก รวมถึงมรดกและ ภาษาทางตะวันตกด้วย กวีและศิลปินมากมายนับแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน ได้รับแรงบันดาลใจจากเทพปกรณัมกรีก และได้คิดค้นนัยยะร่วมสมัยกับการ ตีความใหม่ที่สัมพันธ์กับตำนานปรัมปรา สันนิษฐานของที่มาของการเกิดเทวเทพ ปกรณัมกรีก อาจเป็นเพราะชาวกรีกโบราณพยายามหาคำตอบให้กับตัวเองว่า ทำไมฟ้าร้อง ฟ้าผ่า หรือเหตุใดจึงมีเสียงสะท้อนจากถ้ำเมื่อเราส่งเสียง หรือ ฯลฯ นั่นเพราะความกลัวปรากฏการณ์ธรรมชาติจึงพยายามหาเหตุผลและชาวกรีก ชอบฟังนิทานเรื่องเล่าปรัมปรา, ชอบแต่งโคลงกลอน จึงรักการขับลำนำและดีด พิณคลอไปด้วยจึงทำให้การขับลำนำเป็นที่นิยม เล่ากันว่าโฮเมอร์ (Homer) ก็ เป็นนักขับลำนำชั้นยอดคนหนึ่งของกรีก ใคร ๆ ก็รักน้ำเสียงการเล่านิทานของ เขา แรกเริ่มเทวตำนานเป็นบทกลอนที่ท่องจำกันมาเป็นรุ่น ๆ ต่อมามีการบันทึก เป็นลายลักษณ์อักษร เราจึงไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้แต่งเทพปกรณัม บ้างก็ว่า โฮเมอร์ เป็นผู้แต่ง อีเลียด (Iliad) บ้างก็ว่าแค่รวบรวม บ้างก็ว่ากวีกรีกนาม เฮซิ ออด (Hesiod) แต่ง ส่วน โอวิด (Ovid) กวีโรมก็เล่าถึงเทวตำนานแต่ใช้ชื่อตัว ละครต่างกัน เล่มของโอวิดจะเล่าได้พิสดารกว่าของนักเขียนคนอื่น
บทที่ 2 เทพเจ้าแห่งโอลิมปัส คือเหล่าทวยเทพที่อาศัยร่วมกันอยู่บนยอดเขาโอลิมปัส ซึ่ง มักเข้าใจกันว่ามีอยู่ทั้งหมด 12 องค์ 1. เทพซูส เทพซุส (Zeus) เป็นราชาแห่งทวยเทพ ผู้ปกครองเขาโอลิมปัส (Olympus) และ เทพแห่งท้องฟ้า และ ฟ้าร้อง ของตำนานเทพปกรณัมกรีก มี อสนีบาต (Thunder bolt) เป็นอาวุธประจำกาย ทรงเกราะทองประกายวาววับ ซึ่งเกราะ ทองนี้ไม่มีมนุษย์สามัญจะทน มองได้ แม้แต่ทวยเทพด้วยกันเอง หากไปเพ่งมอง แสงเจิดจ้า ของเกราะทองเข้า ก็ย่ำแย่เช่นกัน ทรงมีพญานกอินทรีเป็นนกเลี้ยง ต้นโอ๊คเป็นพฤกษาประจำองค์ มีมหาวิหาร และศูนย์กลางศรัทธา ในตัวพระองค์ อยู่ที่เมืองโอลิมเปีย สัญลักษณ์ประจำพระองค์คือ โคเพศผู้ นกอินทรี และต้น โอ๊กเทพแห่งสายฟ้า
2. โพไซดอน โพไซดอน เป็นหนึ่งในสิบสอง เทพเจ้าโอลิมปัส ในเทพปกรณัมกรีก พระราชอาณาเขต หลักคือมหาสมุทร และพระองค์ทรงได้รับขนานพระนามว่า “สมุทรเทพ” นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงได้รับขนานพระนามว่า “ผู้เขย่าโลก” (Earth-Shaker) เนื่องจากบทบาท ของพระองค์ในการก่อแผ่นดินไหว และ “ผู้กำราบม้า” (tamer of horses) พระองค์มัก ได้รับการพรรณาว่าเป็นบุรุษสูงวัย มีพระเกษาหยิกและมีพระมัสสุ (หนวด)ผ่นจารึก อักษรไลเนียร์บีแสดงว่า ที่ไพลอสและธีบส์กรีซยุคสำริดก่อนมีเทพเจ้าโอลิมปัสมีการบูชา โพไซดอนเป็นเทพเจ้าหลัก แต่ภายหลังมีการรวมพระองค์เข้าเป็นเทพเจ้าโอลิมปัสใน ฐานะพระอนุชาของเฮดีสและพระเชษฐาของ ซูส ตำนานพื้นบ้านบางตำนานเล่าว่า เรีย พระมารดาของพระองค์ ช่วยพระองค์ไว้โดยซ่อนพระองค์ไว้กับฝูงแกะแล้วแสร้งทำเป็น ว่าให้กำเนิดลูกลาออกมา เพื่อมิให้ถูกโครนัสกลืนกินฮเมอร์แต่งเพลงสวดสรรเสริญแด่โพ ไซดอน โพไซดอนทรงเป็นผู้พิทักษ์นครเฮเลนหลายนคร แม้พระองค์จะแพ้อะธีนาในการ ประชันชิงกรุงเอเธนส์ก็ตาม ส่วนในบทสนทนา Timaeus และ Critias ของเพลโตว่า เกาะแอตแลนติสเป็นพระราชอาณาเขตที่โพไซดอนทรงเลือกโพไซดอน หรือ โพเซดอน หรือ โปเซดอน เทพเจ้าแห่งท้องทะเลและมหาสมุทร ผู้ปกครองดินแดนแห่งท้องน้ำ ตั้งแต่แหล่งน้ำจืด เช่น แม่น้ำ ลำคลอง จนถึงใต้บาดาล มีตรีศูล เป็นอาวุธ บางตำนาน กล่าวว่ามีท่อนล่างเป็นปลา นอกจากนี้แล้วยังถือว่าเป็นเทพแห่งแผ่นดินไหว และเป็น เทพแห่งม้า ด้วย
3. ดิมิเทอร์ ดิมีเทอร์ เป็นธิดาองค์ที่2 ของโครนัส และรีอา นางเป็นเทพีแห่งความอุดม สมบูรณ์ และการเก็บเกี่ยว นางมักจะปรากฏตัวพร้อมกับดอกไม้ ผลไม้ และ เมล็ดธัญญาหาร ต่อมาได้เป็นชายาของเทพซูส และมีธิดา คือ เพอร์เซโฟเน เทพธิดาแห่งฤดูใบไม้ผลิ เมื่อเพอร์เซโฟเนถูกฮาเดส จับตัวไปนางโศรกเศร้ามาก พืชผลไม่ผลิดอกงอกงาม นั่นก็คือต้นกำเนิดของฤดูหนาว เชื่อกันว่านางได้สอนให้ ชาวกรีกโบราณรู้จักศิลปะของการปลูกพืชผล เพื่อพวกเขาจะสามารถดำรงชีวิต อยู่ได้ด้วยการเพาะปลูกและมีอารยธรรมขึ้นมา
4. เอรีส อาเรส หรือ เอรีส (Ares) หรือที่ชาวโรมันเรียกว่า มาร์ส (Mars) เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม และอาวุธชุดเกราะ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัสด้วย โดยเป็นบุตร องค์หนึ่งของเทพซุส กับเทวีฮีรา และอาเรสยังเป็นที่เกลียดชังของเทพ และมนุษย์ทั้งปวง เว้นแต่ชาวโรมัน ผู้มีนิสัยชอบการสงคราม อาเรส เป็นเทพแห่งการสงครามเช่นเดียวกับ อาเธน่า แต่ทว่าอาเธน่า จะได้รับการยกย่องและบูชามากกว่า เนื่องจากอาเธน่าเป็นเทพี ที่ใช้สติปัญญาวางแผนในการสู้รบมากกว่า ซึ่งได้รับการบูชาในฐานะเทพีแห่งสติปัญญา ด้วย ผิดกับ อาเรส ซึ่งมักจะใช้ความดุดันและโหดร้ายในการสงครามมากกว่า ซึ่งโฮเมอร์ กวีเอกคนสำคัญของกรีกโบราณ ยังเคยเขียนถึงอาเรสว่า เป็นเทพที่โหดร้ายและหยาบช้า ชาวโรมันเทิดทูนสดุดีเทพองค์นี้ยิ่งนัก ถึงกับอุปโลกน์ให้เป็นเทพบิดาของ โรมิวลัส (Romulus) ผู้สร้างกรุงโรม และพรรณาสรรเสริญเกียรติคุณนานัปการ ตรงกันข้ามกับ ชาวกรีก ซึ่งนอกจากจะไม่นิยมเลื่อมใสเทพองค์นี้แล้ว ยังถือว่า เป็นเทพที่มีสันดานป่า เถื่อนดุร้าย ปราศจากความเมตตากรุณาเสียอีก
5.อาเทมิส อาร์ทิมิสคือคู่แฝดของอะพอลโล ธิดาของซูส อาร์ทิมิสเป็นเทพีแห่งการล่า มักจะแสดงใน ภาพวาดหรือรูปปั้นพร้อมกวางหรือสุนัขล่า และถือคันธนู เป็นเทพีที่ได้รับความนิยมจาก ผู้คนในชนบท เพราะช่วยปกป้องสัตว์ต่าง ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ เช่น กวาง และหมี เทพีอาร์ทีมิสที่เรามักจะเห็นบ่อยๆ จะอยู่ในรูปเด็กสาวสวมผ้าคลุมสั้นเหนือเข่าดู ทะมัดทะแมง บางครั้งก็จะถือธนูและสะพายกระบอกธนู แต่เทพีอาร์ทีมิสยังมี “ปาง” ที่ ต่างไปจากรูปลักษณ์ปกติ นั่นคือเทพีอาร์ทีมิสแห่งอีเฟซุส เมืองใหญ่ที่สุดในเอเชียไม เนอร์ในยุคคริสต์ศตวรรษแรก (ปัจจุบันอยู่ในเขตประเทศตุรกี) อาร์ทีมิสแห่งอีเฟซุสปรากฏในท่ายืนตรงขาชิดเหมือนถูกมัดไว้ สวมเครื่องทรงศรีษะแบบ เมโซโปเตเมีย และยังมี “นม” จำนวนมากนับสิบเต้า แสดงให้เห็นว่า ในอีเฟซุส เทพีองค์ นี้ถูกเน้นย้ำถึงความสำคัญในด้าน “การเจริญพันธุ์” ยิ่งกว่า “การรักษาพรหมจรรย์”
6.อะพอลโล อะพอลโล เป็นบุตรชายคนโตของมหาเทพซุส เป็นหนึ่งใน 12 เทพแห่งโอลิมปัส เป็นบุตรของซีอุส จอมเทพแห่งสวรรค์และนางเลโต เป็นเทพแห่งแสงสว่าง หรือเทพแห่ง ดวงอาทิตย์ รวมถึงเป็นเทพแห่งสัจจะและการดนตรีด้วย เทพอะพอลโลถือได้ว่าเป็นเทพ เจ้าที่รูปงามและยังเจ้าชู้เหมือนเทพซีอุสผู้เป็นพระบิดา อพอลโลมีน้องสาวฝาแฝดชื่อ อาร์เทมีสหรือ ไดอาน่า (ในโรมัน) ซึ่งเป็นเทพีแห่งดวงจันทร์คู่กัน อพอลโล เป็นบุรุษหนุ่ม รูปงาม มักเล่นดนตรีด้วยพิณเชี่ยวชาญการใช้ธนู ในสงครามกรุงทรอย อพอลโลมี บทบาทเป็นเทพที่รักษาชายฝั่งเมืองทรอย ที่เมืองเดลฟี่มีเทวสถานบูชาอพอลโลอยู่
7.อะธีนา เทพีอธีนา หนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัส เป็นเทพีแห่งปัญญา เนื่องจากเกิด มาจากส่วนหัวของ ซูส ประมุขแห่งเหล่าทวยเทพ ในขณะที่กำลังประชุมเหล่าเทพที่ เทือกเขาโอลิมปัส เมื่อซูสเกิดปวดศีรษะอย่างรุนแรง จึงได้ให้เฮเฟสตัสเทพแห่งการตี เหล็กใช้ขวานผ่าศีรษะออก ปรากฏเป็นอธีนาที่สวมชุดเกราะพร้อมหอกกระโดดออกมา เทพีอธีนาเป็นธิดาของเทพีเมทิส ซึ่งถูกซูสกลืนเข้าไปในท้องตั้งแต่ยังมีครรภ์แก่ เนื่องจาก คำทำนายที่ว่าบุตรที่เกิดจากนางจะเป็นผู้โค่นบัลลังก์ของซูส แต่แม้ว่าอธีนาจะถือกำเนิด มาพร้อมกับคำทำนายนั้น พระนางก็เป็นหนึ่งในลูกรักของซูส ว่ากันว่าฮีราอิจฉาอธีนาที่ ถือตัวว่าเป็นผู้กำเนิดมาจากซูสโดยตรง
8. เฮรา เฮร่า (Hera) หรือ ภาษาโรมันว่า จูโน (Juno) เป็นตัวแทนของความ งามสง่าเย่อหยิ่งเยี่ยงราชินี ในขณะที่อะโฟรไดท์ จะมีความสวยงามในทางเย้า ยวนแบบหญิงสาว เฮร่าก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของภรรยา ที่ซื่อสัตย์ไม่นอกใจสามี และ สตรีขี้หึงอีกด้วย สัญลักษณ์ของเฮร่าคือ วัว นกยูง และสิงโต พฤกษาประจำตัวคือ ผลทับทิม เป็น ราชินีของเทพธิดาทั้งหลาย เพราะเป็นชายาของซุส และ เฮร่า ยังเป็นธิดาคนโต ของ เทพไทแทนโครนัส กับเทพีรีอา อีกด้วย ต่อมาในตอนหลังได้อภิเษกสมรส กับ ซุส ซึ่งเป็นน้องชายของนาง ทำให้นางกลายเป็นราชินีสูงสุดในสวรรค์ชั้น โอลิมปัส
9.อะโฟรไดท์ อโฟรไดท์ (อังกฤษ: Aphrodite; ละติน: Venus) เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก ความ ปรารถนา และความงาม ของกรีก ชื่ออื่นๆ ที่เรียกนอกจากนี้คือ “ไคพริส” (Kypris) “ไซธีเรีย” (Cytherea) ซึ่งเรียกตามสถานที่ ไซปรัส และ ไซธีรา ซึ่งเชื่อว่า เป็นที่เกิดขอ งอโฟรไดท์ ในส่วนของศักดิ์สิทธิประจำตัวของอโฟรไดท์ คือ ต้นเมอร์เติล (Myrtle) นกพิราบ นกกระจอก และ หงส์ โดย เทพีอโฟรไดท์ เทียบได้กับเทพีวีนัส ในตำนานเทพ เจ้าโรมัน เทพีอโฟรไดท์ (Aphrodite) หรือ วีนัส (Venus) เป็น เทวีแห่งความรัก และความงาม สามารถสะกดเทพ และ มนุษย์ทั้งปวง ให้ลุ่มหลง โดยอาจทำให้สติปัญญาของผู้ฉลาดตก อยู่ในความโฉดเขลา
10.เฮอร์มีส เฮอร์มีส (Hermes) เป็นชื่อเทพเจ้าในปกรณัมกรีก เรียกชื่อในตำนานเทพเจ้าโรมันว่า เมอร์คิวรี่ เป็น เทพผู้คุ้มครองเหล่านักเดินทาง คนเลี้ยงแกะ โจรผู้เร่ร่อน กวี นักกีฬา นัก ประดิษฐ์ และพ่อค้า อาจเรียกได้ว่า เฮอร์มีส เป็นเทพแห่งการสื่อสาร พระองค์เป็นบุตร ของเทพซุส เกิดแต่นางเมยา (Maia) มีของวิเศษคือหมวกและรองเท้ามีปีก เรียกว่า เพต ตะซัส (Petasus) ซึ่งเป็นของขวัญที่ได้รับจากเทพบิดา เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นเทพ สื่อสาร บุตรของเทพเฮอร์มีสได้แก่ เทพแพน เทพเฮอร์มาโฟรไดทัส และเทพออโตไลคัส เมอร์คิวรี่ (Mercury) หรือ เฮอร์มีส (Hermes) เป็นเทพ ที่มีผู้รู้จักมาก เนื่องจากรูปของ ท่าน ปรากฏคุ้นตาคนมากกว่าเทพองค์อื่น ๆ คนมักนำรูปเทพองค์นี้ หรืออย่างน้อย ก็ ของวิเศษอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น รองเท้ามีปีก มาแสดงเป็นเครื่องหมายถึงความเร็ว นอกจากรองเท้า หมวก และไม้ถืออันศักดิ์สิทธิ์ก็มีปีกเช่นกัน เมอร์คิวรี่ไปไหนมาไหนได้ เร็วถึงขนาดว่ากันว่า “ไปเร็วเพียงความคิด” ทีเดียว
11.เฮสเทีย เฮสเทียเทพีผู้ถือว่าเป็นเทพีที่สำคัญพระองค์หนึ่งและทรงสิริโฉมงดงาม พระองค์ทรงสง่า งามและเป็นตัวอย่างที่ดีต่ออิสตรีทั่วไปในการถือครองพรหมจรรย์ พระองค์ไม่มีพระ สวามี ถึงจะเคยถูกตามตื้อจากเทพโพไซดอนและเทพอพอลโลก็ตาม พระเทพีก็มิสนใจ พระองค์ทรงอยู่แต่หน้าเตาไฟที่รุ่งโชติช่วง พระเทพีทรงเป็นพระพี่นางคนโตแห่งเทพซีอุ สอีกด้วย เทพีเฮสเทียป็นเทพเจ้าที่ใกล้ชิดกับมนุษย์มากองค์หนึ่ง เพราะชาวกรีกเชื่อ ว่า พระเทพีได้ทอดทิ้งความสุขสบายแห่งพระองค์ลงจากเขาโอลิมปัสอันเป็นสถานที่อัน บรมสุข มาสถิตคุ้มครองผู้คนโดยประทับในเตาผิงไฟในแต่ละบ้านเรือน ชาวกรีกจึงมี ความเชื่อว่าพระเทพีจะเป็นเทพคุ้มครองบ้านเรือน เวลามีเด็กแรกเกิดเกิดขึ้นในบ้าน ผู้ เป็นพ่อจะนำบุตรของตนมายังหน้าเตาผิงเพื่อให้พระเทพีรับรู้ว่ามีสมาชิกใหม่เกิดขึ้นแล้ว และให้พระองค์เมตตาคุ้มครองบุตรของตน ซึ่งรูปลักษณ์ของพระเทพีคือ ไฟในเตาผิงนั้น
12.ไดอะไนเซิล ไดอะไนเซิส ใน ตำนานเทพเจ้ากรีก “ไดอะไนเซิส” เป็นเทพเจ้าแห่งไวน์ ผู้เป็น แรงบันดาลใจของความประเพณีความคลั่งและความปิติอย่างล้นเหลือ (ecstasy) และเป็นเทพองค์ล่าสุดในสิบสองเทพโอลิมปัส ที่มาของไดอะไนเซิสไม่ เป็นที่ทราบ แต่ตามตำนานว่าได้รับอิทธิพลมาจากต่างประเทศ เทพไดโอไนซูส เป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า แบคคัส เทพแห่งเมรัย และไวน์องุ่น เป็นบุตรของเทพซูสกับนางซิมิลี่ ซึ่งเป็นมนุษย์ ธิดาแห่งกรุงเธป เทพซูสได้แปลง กายเป็น มนุษย์รูปงามลงมาโลกมนุษย์ เพราะเกรงว่ามเหสี พระนางเฮร่า จะรู้ เข้า และกลัวว่านางซิมิลี่จะเกรงกลัวในรัศมีของ
บรรณานุกรม Twinkl. (ม.ป.ป). ตำนานเทพเจ้ากรีก. สืบค้นเมื่อ 5 มีนาคม 2566. อ้างอิงจาก https://www.twinkl.co.uk/teaching-wiki/tanan-thephcea-krik-greekgods-and-goddesses sites.google.com. (ม.ป.ป). เทพปกรณัมกรีก. สืบค้นเมื่อ 5 มีนาคม 2566. อ้างอิงจาก https://sites.google.com/site/ancientgreeceborun/theph-pkrnamkrik