สามก๊ก
ตอน กวนอูไปรับราชการ
กับโจโฉ
เสนอ
คุณครูชมัยพร แก้วปานกัน
โรงเรียนสงวนหญิง
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖
ชิ้นงาน E-BOOK
เรื่อง สามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ
คณะผู้จัดทำ
นางสาวชนัญชิดา ลำดวล เลขที่ ๒
นางสาวชุติกาญน์ รู้รัก เลขที่๓
นางสาวนพธีรา ทัศนสุวรรณ เลขที่๑๑
นางสาวเนื้อทอง ทองคำ เลขที่๑๓
นางสาวปาณิศา พลายมี เลขที่ ๑๕
นางสาวพรรณพัชร แสนเสนาะ เลขที่๑๖
นางสาวกุลรัตน์ ศรีราชา เลขที่๓๗
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๓
เสนอ
คุณครู ชมัยพร แก้วปานกัน
ชิ้นงานฉบับนี้เป็นเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทย ๖ ท๓๓๑๐๑
ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕
โรงเรียนสงวนหญิง จังหวัดสุพรรณบุรี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต ๙
ก
คำนำ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของ
วิชาภาษาไทยพื้นฐาน ๖ ท๓๓๑๐๑ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ โดย
จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอนเรื่อง สามก๊ก
ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความ
รู้เกี่ยวกับความเป็นมา ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์เนื้อเรื่อง
สามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ เพื่อวิเคราะห์คุณค่า
ทางด้านเนื้อหา ด้านวรรณศิลป์ และด้านสังคม และได้ทำ การ
ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็นประโยชน์ในการเรียนในระดับสูงขึ้น
คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
(E-book) เล่มนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังศึกษาหาข้อมูลในเรื่อง
สามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ หากมีข้อแนะนำหรือข้อ
ผิดพลาดประการใด ทางคณะผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยไว้
ณ ที่นี้ด้วย
คณะผู้จัดทำ
๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๕
สารบัญ ข
หน้า
เรื่อง ก
ข
คำนำ ๑
๑
สารบัญ ๒
๒
ความเป็นมาของสามก๊ก ๔
ผู้แต่งสามก๊ก ตอนกวนอูไปรับราชการกับโจโฉ ๑๔
๒๐
ลักษณะคำประพันธ์ ๒๑
๒๔
เนื้อเรื่องสามก๊ก แบบย่อ
เนื้อเรื่องเต็มสามก๊ก ตอนกวนอูไปรับราชการกับโจโฉ
คุณค่าด้านเนื้อหา
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
คุณค่าด้านสังคม
บรรณานุกรม
๑
ความเป็นมาของสามก๊ก
สามก๊กไม่ใช่พงศาวดารสามัญ จีนเรียกว่า “สามก๊กจี่” แปลว่าจดหมายเหตุ
เรื่องสามก๊กเป็นหนังสือ ซึ่งนักปราชญ์จีนคนหนึ่งชื่อล่อกวนตงเลือกเอาเรื่องใน
พงศาวดารตอนหนึ่งมาแต่งโดยประสงค์จะให้เป็นตำราสำหรับศึกษาอุบายการเมือง
และการสงครามและแต่งดีอย่างยิ่ง จึงเป็นหนังสือเรื่องหนึ่งซึ่งนับถือทั่วไปใน
ประเทศจีนและตลอดไปจนประเทศอื่นๆ
ต้นตำนานของหนังสือสามก๊กนั้นทราบว่าเดิมเรื่องสามก๊กเป็นแต่นิทาน
สำหรับเล่ากันอยู่ก่อน เมื่อถึงสมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ.๑๑๖๑ - ๑๔๔๙) เกิดมีการเล่นงิ้ว
ขึ้นในประเทศจีน พวกงิ้วก็ชอบเอาเรื่องสามก๊กไปเล่นด้วยเรื่องหนึ่ง ต่อมาถึง
ราชวงศ์ไต้เหม็ง (พ.ศ.๑๙๑๑ - ๒๑๘๖) นักปราชญ์จีนผู้หนึ่งชื่อล่อกวนตงคิดแต่ง
หนังสือเรื่องสามก๊กขึ้น ๑๒๐ ตอน ต่อมานักปราชญ์จีนอีก ๒ คน คนหนึ่งชื่อเม่าจง
กัง และกิมเสี่ยถ่ายช่วยกันแต่งและตรวจรวมทั้งแต่งค าอธิบายเพิ่มเติมและจัดพิมพ์
หนังสือเรื่องสามก๊กขึ้น
ตำนานการแปลหนังสือสามก๊กเป็นภาษาไทยมีค าบอกเล่าสืบกันมาว่าราว
พ.ศ.๒๓๔๕ ในสมัยรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุ ทธยอดฟ้าจุฬาโลกมีพระราช
ดำรัสสั่งให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) อำนวยการแปลเรื่องสามก๊ก ซึ่งเป็นหนังสือ
แปลพงศาวดารที่ดีกว่าเรื่องอื่น ๆ เพราะใช้ถ้อยค าและเรียงความเรียบร้อย
สม่ำเสมอ อ่านเข้าใจง่าย จึงใช้หนังสือสามก๊กเป็นแบบส าหรับหัดเรียงความใน
โรงเรียนมาช้านาน มีสำนวนที่คัดลอกกันไว้หลายสำนวน แต่ส านวนที่นำมาตีพิมพ์
ครั้งแรกที่โรงพิมพ์ของหมอบลัดเลย์ มิชชันนารีอเมริกาเป็นสำนวนที่ได้สอบกับ
ต้นฉบับของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ และออกพิมพ์จ าหน่ายครั้งแรก
ในพ.ศ.๒๔๐๘ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ผู้แต่งสามก๊ก ตอนกวนอูไปรับราชการกับโจโฉ
หลัวกว้านจง หรือ ล่อกวนตง เป็นนักประพันธ์สมัยปลายราชวงศ์หยวน (ราชวงศ์หง
วน) ต่อต้นราชวงศ์หมิง (ราชวงศ์เหม็ง) มีชีวิตอยู่ในช่วง ปี ค.ศ. ๑๓๓๐ - ๑๔๐๐ แต่มีประวัติ
บันทึกไว้ ไม่ชัดเจนนัก สามก๊กฉบับเดิมของหลัวกว้านจง มี ๒๔ ม้วน แต่งขึ้นในสมัยรา
ชวงศ์หมิง โดยอาศัยเหตุการณ์ที่ปรากฎในหนังสือซานกว๋อจื้อ (สามก๊กจี่ - ประวัติศาสตร์
สามก๊ก) ของเฉินโซ่วที่ประพันธ์ขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิ๋นตะวันตก และจากหนังสือนิทาน
เรื่องสามก๊กที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับสามก๊กในสมัยราชวงศ์ซ่ง (ราชวงศ์ซ้อง) และ
ราชวงศ์หยวน (ราชวงศ์หงวน) เช่น ซานก๋อจื้อผิงฮว่า มาเป็นโครงเรื่องในการประพันธ์ และ
แต่งเติมจินตนาการของตนในเกิดความสนุกมากขึ้น ถูกน ามาแปลโดยเจ้าพระยาพระคลัง
(หน) ประวัติ เกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้า บรมโกศ และถึง
อสัญกรรมเมื่อปี พ.ศ.๒๓๔๘ ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้า กรุงธนบุรี ได้รับราชการเป็นหลวงสรวิ
ชิต ในสมัยรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุ ทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เลื่อนต าแหน่ง
เป็นพระยาพิพัฒน์โกษาและเป็นเจ้าพระยาพระคลัง เจ้าพระยาพระคลัง (หน) มีความ
สามารถด้านการประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองงานประพันธ์ ที่ส าคัญ ได้แก่ สามก๊ก
ราชาธิราช ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก (กัณฑ์กุมารและกัณฑ์มัทรี) บทมโหรีเรื่องกากี ลิลิต
เพชรมงกุฎ และอิเหนาคำฉันท์
๒
ลักษณะคำประพันธ์
เป็นร้อยแก้วประเภทความเรียงเรื่องนิทาน เป็นวรรณกรรมที่ไม่กำหนดบังคับ
คำหรือฉันทลักษณ์เป็นความเรียงทั่วไป การเขียนในลักษณะนี้เป็น บันเทิงคดี คือ
วรรณกรรมที่มุ่งให้ความเพลิดเพลินแก่ผู้อ่านเป็นประการส าคัญ และให้ข้อคิด
คตินิยม หรือ สอนใจ แก่ผู้อ่านเป็นวัตถุประสงค์รอง เช่น นวนิยาย เรื่องสั้นและบท
ละคร
เนื้อเรื่องสามก๊ก แบบย่อ
แผ่นดินจีนในปลายสมัยราชวงศ์ฮั่น ในรัชกาลพระเจ้าเลนเต้ มีกลุ่มโจรโพกผ้า
เหลืองที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนไปทั่ว ชาวเมือง ๓ คน คือ เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย
ซึ่งสาบานเป็นพี่น้องกันได้อาสาปราบโจรโพกผ้าเหลืองจนสามารถตีโจรแตกพ่ายไป
ได้ พระเจ้าเลนเต้จึงปูนบ าเหน็จให้เล่าปี่ไปครองเมืองเมืองหนึ่งโดยมีกวนอูและเตียว
หุยเป็นขุนนางเอก ฝ่ายขุนพลหนุ่มอีกผู้หนึ่งชื่อโจโฉก็สามารถปราบโจรโพกผ้า
เหลืองแตกพ่ายได้เช่นกันและได้รับปูนบำเหน็จเป็นตำแหน่งสูงขึ้น
เมื่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ขึ้นครองราชย์ ได้แต่งตั้งตั๋งโต๊ะเป็นมหาอุปราชและลิโป้ บุตร
บุญธรรมของตั๋งโต๊ะเป็นทหารเอก ตั๋งโต๊ะเป็นคนอธรรม ทำให้ผู้คนเดือดร้อนไปทั่ว จึง
มีผู้คิดก าจัดตั๋งโต๊ะโดยท าอุบายให้ลิโป้ผิดใจกับตั๋งโต๊ะและฆ่าตั๋งโต๊ะ โจโฉเข้ามากุม
อำนาจราชการ และยกกองทัพไปปราบปรามหัวเมืองต่างๆ จนมีอิทธิพลและบารมี
มาก ต่อมาได้เป้นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว มีอำนาจอยู่ทางตอนเหนือและสู้รบกับเล่าปี่อยู่เนืองๆ
เล่าปี่มักปราชัยแก่โจโฉทุกครั้ง เมื่อได้ขงเบ้งมาเป็นที่ปรึกษากลศึก ขงเบ้งก็แนะนำให้
เป็นพันธมิตรกับซุนกวน ผู้มีอำนาจในดินแดนลุ่มน้ำแยงซีเกียงทางใต้ ขงเบ้งคิดกล
ศึกร่วมกับจิวยี่ ขุนพลของซุนกวน ทำให้สามารถตีทัพโจโฉพ่ายไปได้ ต่อมาเล่าปี่กับ
ซุนกวนแตกพันธมิตรกันทำให้เกิดการสู้รบกับเป็นศึก ๓ ด้าน เมื่อสิ้นพระเจ้าเหี้ยนเต้
แผ่นดินจีนก็แบ่งเป็น ๓ ก๊ก คือ ก๊กฮั่นของเล่าปี่ ก๊กวุ่ยของทายาทโจโฉ ก๊กง่อของซุน
กวนทั้งสามก๊กรบพุ่งกันมาเป็นเวลานานถึง ๖๐ ปี
ในสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ โจโฉตั้งตัวเป็นมหาอุปราชสำเร็จราชการแผ่นดินและคิด
กำจัดเล่าปี่ซึ่งครองเมืองชีจิ๋วอยู่ เล่าปี่หนีไปพำนักลี้ภัยอยู๋ที่เมืองกิจิ๋ว ฝ่ายโจโฉเมื่อ
เข้ายึดเมืองชีจิ๋วของเล่าปี่ก็ยกไปตีเมืองแห้ฝือของกวนอู โจโฉส่งทหารไปล่อให้กวนอู
ไล่ตามออกมานอกเมืองและล้อมจับตัวกวนอู เตียวเลี้ยวซึ่งกวนอูเคยช่วยชีวิตไว้เป็น
ผู้เข้าไปเกลี้ยกล่อมกวนอูให้ไปอยู่กับโจโฉ กวนอูยอมจำนนแต่ขอเงี่อนไขเป็นสัญญา
๓ ข้อ คือ ขอให้ได้เป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ขอให้ได้ปรนนิบัติและคุ้มครองพี่สะใภ้ทั้งสอง
และขอไปหาเล่าปี่ทันทีเมื่อรู้ว่าอยู่ที่ใด แต่แรกโจโฉไม่ยอมรับข้อสุดท้าย เตียวเลี้ยวจึง
ยกนิทานเรื่องอิเยียงผู้กตัญญูมาเล่าเพื่อชี้ให้เห็นว่ากวนอูนั้นเป็นคนกตัญญู หากโจ
โฉเลี้ยงดูกวนอูเป็นอย่างดีอาจผูกใจกวนอูไว้ได้ โจโฉจึงยอมรับเงื่อนไขโจโฉพากวนอู
ไปถวายตัวเป็นทหารของพระเจ้าเหี้ยนเต้ และให้กวนอูกับพี่สะใภ้ทั้งสองได้อยู่อย่าง
สุขสบาย แต่กวนอูก็มิได้น้ าใจตอบสนองโจโฉ กลับแสดงว่ายังซื่อสัตย์และภักดีต่อเล่า
ปี่อย่างแนบแน่น โจโฉคิดน้อยใจแต่ก็เชื่อว่ากวนอูเป็นคนกตัญญู เมื่อกวนอูรู้ว่าเล่าปี่
อยู่กับอ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋ว กวนอูก็ลาโจโฉไปโดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะหาโอกาส
ตอบแทนบุญคุณให้ได้ เมื่อโจโฉถูกจวยี่เผาทัพเรือจนแตกพ่ายขณะสู่รบกับเล่าปี่
และซุนกวน กวนอูก็ยอมปล่อยให้โจโฉหนีไปเพราะคิดถึงบุญคุณของโจโฉ
๓
(น้ำใจของโจโฉ)
โจโฉเป็นมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นขุนพลผั้มีฝีมือมีกลยุทธ์ และทะนง
องอาจแต่เมื่อจะทำการใดมักจะหารือเหล่าขุนนางเพื่อฟังความคิดเห็นต่างๆการ
ตัดสินใจของโจโฉมักขึ้นอยู่กับเหตุผลดังจะเห็นได้จากตอนที่เตียวเลี้ยวนำข้อเสนอ
กวนอูมาแจ้งแก่โจโฉ โจโฉพิจารณาเห็นว่าที่กวนอูจะขอเป็นข้าของพระเจ้าเหี้ยนเต้เม่า
กับได้เข้ามาอยู่ในบังคับบัญชาของตน โจโฉจึงยอมรับข้อเสนอแรกของกวนอู
เมื่อกวนอูเสนอเงื่อนไขที่สองว่าจะดูแลภรรยาทั้งสองของเล่าปี่ โจโฉยืนยันว่า
“ทุกวันนี้อย่าว่าแต่ภรรยาเล่าปี่เลยถึงภรรยาผู้น้อยลงไปเราก็มิได้ให้ทำหยาบช้า”
กล่าวได้ว่าโจโฉรักษาน้ำใจของผู้ที่อยู่ใต้ปกครองของตนโดยไม่ยุ่งเกี่ยวและรังแก
ภรรยาของผู้น้อย
โจโฉต้องการให้กวนอูมีใจสามิภักดิ์ต่อตนจึงพยายามเอาใจทุกโอกาส เมื่อเห็น
กวนอูใส่เสื้อขาดก็เอาเสื้ออย่างดีมาให้ และเมื่อเห็นกวนอูขี่ม้าผอมก็เอาม้าฝีเท้าดีมาให้
กวนอูก็ยังแสดงว่าภักดีต่อเล่าปี่อยู่เหมือนเดิม โจโฉจึงคิดน้อยใจและในที่สุดก็ปลงใจ
ยอมปล่อยกวนอูไป กล่าวได้ว่าโจโฉเป็นคนมีมานะ เพียรทำทุกวิธีที่จะได้ตัวลูกน้องผู้ที่
มีคุณลักษณะที่ดีมาเป็นกำลังแต่เมื่อไม่สำเร็จก็ยอมจำนนมิได้ดึงดันบังคับให้เขาอยู่
ต่อไป
โจโฉเป็นตัวละครที่มีอุปนิสัยและพฤติกรรมทั้งส่วนดีและส่วนเสีย พวกหนึ่งอาจ
เห็นด้วยกับฉายาที่ยาขอบตั้งให้ว่า “โจโฉ ผู้ไม่ยอมให้โลกทรยศ” ในแง่นี้โจโฉไม่ใช้คนดี
นัก ต่างกับทรรศนะของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ปราโมช ได้ตั้งฉายาให้กับโจโฉว่า “โจโฉ
นายกตลอดกาล” นับว่าเป็นผู้ปกครองที่มีความสามารถคนหนึ่ง
(ความสามิภักดิ์ของกวนอู)
กวนอูเป็นคนที่สามิภักดิ์ต่อเจ้านายด้วยจิตใจที่มั่นคงแน่วแน่ เมื่อจะทำการใดก็จะ
คิดถึงประโยชน์ต่อเล่าปี่อยู่เสมอ จะเห็นได้จากการที่กวนอูคุ้มครองดุแลภรรยาของ
เล่าปี่อย่างดีตามที่รับคำจากเล่าปี่ไว้ แม้เมื่อมาเข้ากับโจโฉก็เล็งเห็นประโยชน์เพื่อเล่าปี่
เตียวเลี้ยวเข้าใจความมุ่งมั่นข้อนี้ของกวนอู เมื่อเจรจาเกลี้ยกล่อมกวนอู เตียวเลี้ยวจึง
อ้างถึงเล่าปี่ว่า ถ้ากวนอูไม่ยอมไปอยู่กับโจโฉ แต่ยังดึงดันจะสุ้รบกับต่อไปหากตายไป
ก็จะหมดโอกาสที่จะไปช่วยเหลือเล่าปี่ได้ และจะไม่มีผู้ใดดูแลภรรยาของเล่าปี่ กวนอูจึง
เห็นจริงตามนั้น
กวนอูไม่ปิดบังเจ้านายใหม่ว่าตนยังมีใจจงรักภักดีต่อเจ้านายเก่า เมื่อได้เสื้อใหม่
จากโจโฉ กวนอูสวมใส่ไว้ข้างในโดยสวมเสื้อตัวเก่าที่เล่าปี่ให้ทับและบอกโจโฉว่า “ครั้นจะ
เอาเสื้อใหม่นั้นใส่ชั้นนอก คนทั้งปวงจะครหานินทาว่าได้ใหม่แล้วลืมเก่า” มีนัยความ
หมายว่า แม้มีเจ้านายใหม่ก็ยังไม่ลืมเจ้านายเก่า เมื่อได้ม้าเซ็กเธาว์จากโจโฉ กวนอูบอก
โจโฉว่า “ม้าเซ็กเธาว์ตัวนี้มีกำลังมาก เดินทางไดวันละหมื่นเส้น แม้ข้าพเจ้ารู้ว่าเล่าปี่อยู่
ที่ใด ถึงมาตรว่าไกลก็จะไปหาได้โดยเร็ว” อันที่จริงกวนอูสำนึกในบุญคุณของโจโฉแต่ไม่
เท่าเล่าปี่ เพราะกวนอูเห็นว่า “เล่าปี่นั้นมีคุณแก่เราก่อน” อีกทั้งยังได้สาบานเป็นพี่น้อง
กันไว้ด้วย เมื่อกวนอูตัดสินใจจากโจโฉไปหาเล่าปี่ ”
๔
กวนอูได้สัญญาว่าจะทดแทนบุญคุณโจโฉ และได้ทำตามคำพู ดจริงๆ เมื่อ
ปล่อยโจโฉหนีไปจากเงื้อมมือของซุนกวนและเล่าปี่ เท่ากับกวนอูได้ช่วยชีวิตโจโฉผู้มีบุญ
คุณไว้เป็นการตอบแทนแล้ว นับได้ว่ากวนอูเป็นแบบอย่างของผู้ที่รักษาความสัตย์ สม
ดังที่ยาขอบผู้ประพันธ์เรื่องสามก๊กฉบับวณิพกตั้งฉายาให้กวนอูว่า “เทพเจ้าแห่งความ
สัตย์ซื่อ”
เนื้อเรื่องเต็มสามก๊ก ตอนกวนอูไปรับราชการกับโจโฉ
(โจโฉยกทัพไปปราบเล่าปี่)
โจโฉจึงออกจากพระราชวังกลับมาบ้านแล้วปรึกษาเทียหยกว่า ตังสินกับพวก
ห้าคนซึ่งคิดร้ายเรานั้น เราก็ฆ่าเสียแล้ว ยังแต่เล่าปี่กับม้าเท้ง เราจะคิดประการใดจึง
จะได้ตัวมาฆ่าเสีย เทียหยกจึงว่า ม้าเท้งไปอยู่เมือง เสเหลียงนั้นมีทหารเป็นอันมาก
ถ้าท่านจะยกกองทัพไปตีเอา บัดนี้เมืองเราก็เป็นกังวลอยู่ ขอให้ท่านเร่งแต่งผู้มีสติ
ปัญญาไป เกลี้ยกล่อมหาตัวม้าเท้งกลับเข้ามา อย่าให้ทันม้าเท้งรู้ว่าท่านจับตังสินกับ
พวกเพื่อนฆ่าเสีย ข้าพเจ้าเห็นว่าม้าเท้งไม่แจ้งเนื้อความทั้งนี้ก็จะเข้ามา จึงจับฆ่าเสีย
ก็จะได้โดยง่าย อันเล่าปี่นั้นไปอยู่เมืองชีจิ๋ว ซ่องสุมทหารจะคอยรับกองทัพท่าน บัดนี้
ทหารอ้วนเสี้ยวกับทหารเราก็ยังตั้งรอกันอยู่ ณ ตำบลกัวต่อ เห็นเล่าปี่จะให้มีหนังสือ
ไปคิดกับอ้วนเสี้ยวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าท่านยกกองทัพไปรบเล่าปี่ ดีร้ายอ้วน
เสี้ยวจะยกมาตีเมืองฮูโต๋เป็นมั่นคง ผู้ใดซึ่งจะต้านทานอ้วนเสี้ยวได้นั้นขัดสน โจโฉจึง
ตอบว่า เล่าปี่นั้นเป็นคนมีสติปัญญา ถ้าละไว้ช้าก็จะมีกำลังมากขึ้น อุปมาเหมือนลูก
นกอันขนปีกยังไม่ขึ้นพร้อม แม้เราจะนิ่งไว้ให้อยู่ในรังฉะนี้ ถ้าขนขึ้นพร้อมแล้วก็จะบิน
ไปทางไกลได้ ซึ่งจะจับตัวนั้นเห็นจะได้ความขัดสน อ้วนเสี้ยวนั้น มีทหารมากก็จริง
แต่สติปัญญาน้อย ถึงจะคิดประการใดเราก็ไม่กลัว
ขณะนั้นพอกุยแกเข้ามา โจโฉจึงปรึกษาว่า เราจะยกกองทัพไปรบเล่าปี่ ณ เมือง
ชีจิ๋ว ฝ่ายทิศตะวันออก แต่คิดเกรงอยู่ข้างฝ่ายทิศเหนือ เกลือกอ้วนเสี้ยวรู้จะยก
กองทัพมาโจมตี เอาเมืองฮูโต๋ ท่านจะคิดเห็นประการใด กุยแกจึงว่า อันความคิดอ้วน
เสี้ยวนั้น ถ้าจะทำการ สิ่งใดก็รวดเร็ว จะใช้ผู้ใดอ้วนเสี้ยวมักคิดสงสัยมิวางใจ ประการ
หนึ่งทหารทั้งปวงก็แก่งแย่งกัน ถึงจะยกมาตีเมืองฮูโต๋ ก็เห็นจะไม่สมความคิด อันเล่า
ปี่นั้นก็พึ่งได้กลับไปอยู่เมืองชีจิ๋ว แล้ว ทหารของเราก็ติดไปด้วย ซึ่งจะคิดการศึกไปนั้น
เห็นทหารทั้งปวงยังไม่พร้อมเป็นใจเดียวกัน ครั้นจะนิ่งไว้ทหารก็จะเป็นใจประนอมกัน
เข้า ขอเร่งยกกองทัพไปตีเมืองชีจิ๋วเสียก่อน โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงตอบ
กุยแกว่า ซึ่งเราถามนี้แกล้งจะดูความคิดท่าน ท่านว่ามาก็เหมือนน้ำใจเราคิด แล้วโจโฉ
ก็เกณฑ์ทหารได้ประมาณยี่สิบหมื่นยกออกจาก เมืองฮูโต
ฝ่ายมาใช้รู้ว่าโจโฉยกมา จึงรีบไปเมืองชีจิ๋วบอกเนื้อความแก่ซุนเขียนว่า บัดนี้
กองทัพโจโฉยกมา ซุนเขียนแจ้งดังนั้นก็ไปบอกแก่กวนอู ณ เมืองแห้ฝือตามคำมาใช้
แล้วว่าให้จัดแจงทหารไว้ให้พร้อม แลซุนเขียนก็ไปเมืองเสียวพ่าย บอกเนื้อความแก่
เล่าปี เล่าปี่แจ้งดังนั้นจึงว่า เราจะให้มีหนังสือไปถึงอ้วนเสี้ยวอีก ให้ยกกองทัพมาช่วย
จึงจะต้านทานโจโฉได้ เล่าปี่ก็แต่งหนังสือไปให้อ้วนเสี้ยว ซุนเขียนก็รับเอาหนังสือไป
ถึง เมืองกิจิ๋ว จึงเข้าไปหาเตียนห้อง เล่าเนื้อความให้ฟังทุกประการ แล้วว่าท่านจะช่วย
พา เข้าไปหาอ้วนเสี้ยว เตียนห้องได้ฟังดังนั้นก็พาซุนเขียนเข้าไปถึงอ้วนเสี้ยว ซุน
เขียน คำนับแล้วส่งหนังสือให้ อ้วนเสี้ยวอ่านแจ้งแล้วมิได้ตอบประการใด แกล้งทำ
เป็นทุกข์
๕
เตียนห้องเห็นหน้าอ้วนเสี้ยวนั้นเศร้าหมองจึงถามว่า วันนี้ข้าพเจ้าเห็นท่าน ไม่สบายนั้นมี
วิตกสิ่งใดหรือ อ้วนเสี้ยวจึงบอกว่า เรานี้ใกล้จะตายอยู่แล้วจึงไม่มีความสบาย เตียนห้องจึงว่า
เหตุใดท่านเจรจาเป็นความอัปมงคล อ้วนเสี้ยวจึงว่า ชีวิตเราจะตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ เราวิตกถึง
บุตรห้าคนเห็นว่าบุตรสุดท้องนั้นมีสติปัญญาอยู่บ้างแต่อายุยังเด็กนัก บัดนี้ก็ป่วยหนักอยู่ เราจึง
ไม่มีความสบายจึงคิดการสิ่งใดมิได้ เตียนห้องจึงตอบว่า คนทั้งปวงก็ลือชาปรากฏว่า ท่านเป็น
ใหญ่อยู่ในหัวเมืองฝ่ายเหนือเหตุใดท่านมาคิดย่อท้อจะมาตีตัวตายก่อนไข้นั้นไม่ควร บัดนี้โจโฉก็ยก
กองทัพไปตีเมืองชีจิ๋ว เมืองฮูโต้นั้นหามีผู้ใดอยู่รักษาไม่ เล่าปี่ก็ให้หนังสือมาขอกองทัพท่านไป
ช่วยถ้าท่านยกกองทัพไปโจมตีเมืองฮูโต๋ ครั้งนี้เห็นจะได้โดยง่าย อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า เราก็แจ้งอยู่
ว่าครั้งนี้ได้ที่ทำการศึก แต่ใจเรานั้นเป็นห่วงอยู่ถึงบุตร ถ้าบุตรเป็นอันตรายข้างหลังชีวิตเราก็จะ
ตายด้วยประการหนึ่ง มาตรว่า จะยกไปก็ไม่มี ชัยชนะ ด้วยเหตุไม่สบาย แล้วสั่งซุนเขียนว่า ครั้งนี้
เราไม่ยกไปแล้ว จงไปบอกแก่เล่าปี่เถิด ถ้าอับจนเข้าก็ให้มาหาเรา เราจะช่วยทำนุบำรุงมิให้ขัดสน
เตียนห้องได้ยินอ้วนเสี้ยวว่าดังนั้นก็โกรธจึงว่า เสียดายครั้งนี้ได้ที่อยู่แล้วควรหรือมาคิดเป็น
ห่วงด้วยลูกเล็กเด็กน้อย เตียนห้องทอดใจใหญ่เดินกระทืบเท้าออกไป ซุนเขียน ก็ลาอ้วนเสี้ยวกลับ
ไปเมืองเสียวพ่ายแจ้งเนื้อความแก่เล่าปี่ตามค าอ้วนเสี้ยวว่า เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงปรึกษาซุน
เขียนว่า โจโฉยกกองทัพมาครั้งนี้เราจะคิดอ่านรบพุ่งป้องกันประการใด
เตียวหุยจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า อันทัพโจโฉยกมาครั้งนี้ ถ้าจะละให้ตั้งลงได้ก็จะมีกำลังทำการศึกคิด
ร้ายแก่เรา บัดนี้กองทัพโจโฉก็ยกมาใกล้เมืองเราแล้ว เวลาค่ำวันนี้ ข้าพเจ้าจะอาสาคุมทหารยก
ออกไปโจมตีกองทัพโจโฉ อย่าให้ตั้งมั่นลงได้ เห็นโจโฉจะเสียทีเป็นมั่นคง เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงว่า
น้องเราแต่ก่อนมาเห็นว่าไม่มีความคิด มีแต่ฝีมือรบพุ่งกล้าหาญ เราพึ่งได้เห็นความคิดน้องเราทำ
กลอุบายจับเล่าด้วยได้ครั้งหนึ่ง มาครั้งนี้จะยกออกโจมตีกองทัพอโจโฉมิให้ตั้งมั่นลงได้นั้นต้องใจ
เรานัก แล้วเล่าปี่ก็ให้ เกณฑ์ทหารเตรียมไว้สำหรับเล่าปี่กองหนึ่งจัดทหารไว้สำหรับเตียวหุยกอง
หนึ่ง
ฝ่ายโจโฉยกกองทัพมาใกล้จะถึงเมืองเสียวพ่าย พอเกิดลมพายุใหญ่พัดหนัก ธงชัยซึ่งปักมา
บนเกวียนนั้นหักทบลง โจโฉเห็นวิปริตดังนั้นก็ ให้หยุดทหารตั้งค่ายมั่นไว้ แล้วถามที่ปรึกษาว่า ซึ่ง
ลมพายุพัดมาถูกธงชัยเราหักลงทั้งนี้ จะเห็นดีแลร้ายประการใด ซุนฮกจึงว่าซึ่งเกิดพายุใหญ่พัด
ธงชัยหักทบลงมานั้นเป็นลมตะวันออก เวลาค่ำวันนี้ดีร้าย เล่าปี่จะยกออกมาปล้นค่ายเราเป็น
มั่นคง พอมอกายเข้ามาว่าแก่โจโฉว่า ลมตะวันออกพัดมาถูกธงชัยหักนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่ากลางคืน
วันนี้จะมีผู้มาปล้นค่าย
โจโฉได้ฟังซุนฮกกับมอกายว่าต้องคำกันดังนั้นจึงว่า ซึ่งเกิดลมมาทั้งนี้หาก เทพดาสำแดง
เหตุให้รู้เพราะบุญของเรา โจโฉจึงให้แบ่งทหารเป็นสิบเอ็ดกอง กองหนึ่งให้อยู่รักษาค่าย แปดกอง
นั้นให้นายทหารเอกคุมทหารเลวยกแยกออกไปซุ่มอยู่นอกค่ายทั้งแปดทิศ ถ้าเห็นกองทัพผู้ใดยก
มาปล้นค่าย ก็ให้ทหารทั้งแปดกองตีกระหนาบล้อมเข้ามา สองกองนั้นให้แยกกันไปตั้งสกัดอยู่ปาก
ทางเมืองชีจิ๋วกองหนึ่ง เมืองแห้เฝือกองหนึ่ง
ครั้นเวลาสองยามเล่าปี่กับเตียวหุยก็คุมทหารออกมาจากเมืองเสียวพ่าย เตียวหุยนั้นคิด
กำเริบว่า ครั้งก่อนทำกลอุบายจับเล่าต้ายได้ ครั้งนี้เล่าปี่ก็สรรเสริญความคิดเป็นอันมาก เตียวหุย
จึงขี่ม้าคุมทหารเป็นกองหน้า ยกเข้าไปตีปล้นค่ายโจโฉ เตียวหุยเห็นคน ในค่ายนั้นน้อย แล้วได้ยิน
เสียงทหารภายนอกโห่ร้องอื้ออึง ทั้งคบเพลิงก็สว่างขึ้นเป็นอันมาก จึงคิดว่าดีร้ายโจโฉจะคิดกล
อุบาย ก็พาทหารกลับออกมาหาเล่าป
พอพบเตียวเลี้ยว เคาทู อิกิ๋ม ลิเดียน ซิหลง งักจิ้น แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน คุมทหารตีกระหนาบ
ล้อมเข้ามาทั้งแปดทิศ ได้รบพุ่งฆ่าฟันกันเป็นสามารถ แลทหารซึ่งเตียวหุยคุมมานั้น เป็นทหารเดิม
ของโจโฉก็แตกเข้าหานายทหารทั้งแปดกองนั้น ยังเหลือทหารซึ่งสนิทอยู่ประมาณสี่สิบเศษ เตียว
หุยรบพุ่งป้องกันเป็นสามารถ แล้วพาทหารสี่สิบเศษนั้นรบฝ่าออกมาได้ จึงคิดแต่ในใจว่า ครั้นจะไป
หาเล่าปี่แลไปเมืองชีจิ๋ว เมืองแห้ฝือบัดนี้ก็ไม่ได้ เห็นทหารโจโฉจะไปตั้งสกัดอยู่ปากทาง จึงพาทหาร
ทั้งปวงหนีขึ้นไปอยู่ บนเขาบองเอี๋ยงสัน
๖
(เล่าปี่แตกทัพหนีโจโฉไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยว)
ฝ่ายเล่าปี่นั้นขี่ม้าคุมทหารยกหนุนเตียวหุยเข้าไป ครั้นได้ยินเสียงทหารโห่
ร้อง อื้ออึงล้อมค่ายโจโฉเข้ามา เล่าปี่จึงคิดว่าเตียวหุยเข้าไปปล้นค่ายนั้น ดีร้ายจเสียที
แก่โจโฉ พอแลเห็นแฮหัวตุ้นคุมทหารเข้ามาตัดเอาทหารเล่าปี่ไปได้ประมาณกึ่งหนึ่ง
เล่าปี่เห็นดังนั้นก็โกรธ จึงขับม้าเข้ารบด้วยแฮหัวตุ้น พอแฮหัวเอี๋ยนคุมทหารตี
กระหนาบเข้ามา เล่าปี่ก็ขับม้า รบพุ่งป้องกันเป็นสามารถ ทหารเล่าปี่ล้มตายบ้าง
เข้าหาโจโฉบ้าง เหลือทหารซึ่งสนิทอยู่ ประมาณสามสิบเศษ เล่าปี่จึงพาทหารรบฝ่า
ออกมาจะกลับไปเมืองเสียวพ่าย แลเห็นแสงเพลิงในเมืองสว่างขึ้น เล่าปี่จึงคิดว่า
ทหารโจโฉเข้าตีเอาเมืองได้แล้ว จึงขับม้าพาทหาร หนีไปถึงปากทางเมืองชีจิ๋วแลเมือง
แห้ฝือ เห็นทหารโจโฉตั้งสกัดอยู่ทั้งสองทางเป็นอันมาก จึงคิดว่าครั้งนี้โจโฉยกมา
ทำการใหญ่หลวง เรากับเตียวหุยต่างคนต่างแยกไป แลกวนอูซึ่งอยู่รักษาครอบครัว
ในเมืองแห้ฝือนั้น ก็ยังไม่ได้รู้เหตุว่าดีแลร้าย ซึ่งอ้วนเสี้ยวสั่งมาแก่ ซุนเขียนว่า ขัดสน
ประการใดก็ให้ไปหาเถิดจะช่วยธุระนั้น ครั้งนี้จ าจะไปอาศัยอ้วนเสี้ยวอยู่ก่อน จึงจะได้
คิดการต่อไป แล้วเล่าปี่ก็พาทหารรีบหนีจะไปทางเมืองกิจิ๋ว พอพบลิเตียนคุมทหาร
สกัดทางอยู่ เล่าปี่ตกใจมิได้คิดอ่านสู้รบประการใด จึงทิ้งทหารสามสิบเศษเสีย ขับม้า
หนีเอาตัวรอด ลิเตียนนั้นจับเอาทหารเล่าปี่ไว้ได้สิ้น
ขณะเมื่อเล่าปี่ควบม้าหนีไปนั้น ทั้งกลางวันกลางคืนได้ทางประมาณพันเส้น
ครั้นถึงเมืองเซียงจิ๋วจึงบอกแก่นายประตูว่า เราจะเข้าไปหาอ้วนถ าเจ้าเมืองซึ่งเป็น
บุตรอ้วนเสี้ยว นายประตูก็เอาเนื้อความเข้าไปบอกแก่อ้วนถำ อ้วนถำมีความยินดี จึง
ออกมาคำนับรับเล่าปี่เข้าไป เล่าปี่จึงเล่าเนื้อความแต่หลังให้อ้วนถ าฟังทุกประการ
แล้วว่าเราจะไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยวผู้เป็นบิดาท่านจะได้คิดอ่านกำจัดโจโฉเสีย
อ้วนถำได้ฟังดังนั้นก็มีความสงสารเป็นอันมากก็ให้แต่งโต๊ะเลี้ยงแล้วจัดแจงที่
อยู่ให้เล่าปี่อาศัย จึงแต่งหนังสือบอกไปถึงบิดาตามคำเล่าปี่ให้ม้าใช้ถือไปก่อนแล้วให้
ทหารป้องกันรักษาเล่าปี่ไปภายหลัง ม้าใช้มาถึงเมืองกิจิ๋ว ก็เอาหนังสือนั้นเข้าไปให้แก่
อ้วนเสี้ยว
อ้วนเสี้ยวแจ้งเนื้อความก็มีใจยินดี จึงพาทหารออกมาคอยรับเล่าปี่อยู่นอก
เมือง ครั้นเห็นเล่าปี่มาถึง อ้วนเสี้ยวจึงไปจูงเอามือเล่าปี่ ถ้อยทีถ้อยค านับกันแล้วพา
เล่าปี่เข้ามาในเมือง อ้วนเสี้ยวจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ท่านให้ซุนเขียนมาขอกองทัพนั้น บุตร
เราป่วยหนักอยู่ จึงมิได้ยกไปช่วยท่าน ท่านอย่าน้อยใจแก่เราเลย เรามีความวิตกอยู่
มิได้ขาด บัดนี้ท่านเสียเมืองไปแก่ใจโฉ แต่ตัวท่านได้มาเห็นหน้ากันนี้เรามีความยินดี
นัก
เล่าปี่จึงว่า ครั้งนี้ข้าพเจ้าเป็นคนอนาถา ซึ่งท่านนับถือนี้คุณหาที่สุดไม่ แต่ก่อน
นั้น ข้าพเจ้าก็แจ้งอยู่ว่าน้ำใจท่านกว้างขวางอารี เลี้ยงทหารมิได้อนาทร ข้าพเจ้าก็คิด
อยู่ว่า จะมาพึ่งอยู่ให้ท่านใช้ จะได้ช่วยกันกำจัดโจโฉเสีย บัดนี้เสียทีแก่โจโฉมาแต่ตัว แต่
น้องข้าพเจ้าทั้งสองกับครอบครัวยังไม่รู้ว่าเป็นตายประการใด ซึ่งข้าพเจ้ามาหาท่าน
แต่ผู้เดียวนี้ มีความอัปยศแก่คนทั้งปวงเป็นอันมาก ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะขอกินน้ำสบถอยู่
ทำการด้วยท่านกว่าจะสำเร็จ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงจัดแจงเครื่อง
อุปโภคแลเครื่องบริโภค ให้เป็นอันมาก ทำนุบำรุงเล่าปี่ไว้ในเมืองก็จิ๋ว
๗
(เตียวเลี้ยวอาสาโจโฉไปเกลี้ยกล่อมกวนอู)
ฝ่ายโจโฉในเวลากลางคืนนั้น คุมทหารเข้าตีเอาเมืองเสียวพ่ายได้ แลยก
กองทัพไปตีเมืองชีจิ๋ว แลบิต๊ก บิฮอง กันหยง ซึ่งเล่าปี่ให้รักษาเมืองจึงคิดกันว่า
ทัพโจโฉยกมาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เห็นเราจะต้านทานมิได้ ก็พากันหนีออกจากเมือง
แต่ต้นเต๋งเห็นจวนตัว จึงเปิดประตูเมืองออกไปรับโจโฉให้เป็นความชอบไว้ โจโฉเห็น
ดังนั้นก็มี ความยินดียกทหารเข้าไป จึงก าชับทหารมิให้ทำอันตรายแก่ชาวเมือง แล้ว
ปรึกษาแก่ทหาร ทั้งปวงว่า เราจะยกกองทัพไปตีเอาเมืองแห้ฝือ ท่านทั้งปวงจะเห็น
เป็นประการใด
ซุนฮกจึงว่าข้าพเจ้ารู้กิตติศัพท์ว่า เล่าปี่ให้กวนอูรักษาครอบครัวอยู่เมืองแห้ฝือ
ซึ่งท่านจะยกกองทัพไปตีนั้นควรนัก ถ้าละไว้อ้วนเสี้ยวก็จะยกมาพาเอาครอบครัวเล่า
ปี่ไป โจโฉจึงตอบว่า อันกวนอูนั้นมีฝีมือกล้าหาญชำนาญในการสงคราม เราจะใคร่ได้
ตัวมาเลี้ยงเป็นทหาร เราจะแต่งคนให้ไปเกลี้ยกล่อมกวนอูจึงจะได้กุยแกจึงว่า อัน
น้ำใจกวนอูนั้น ซื่อสัตย์ต่อเล่าปี่นัก ซึ่งจะให้คนไปเกลี้ยกล่อมเห็นกวนอูจะมีลงใจด้วย
แลผู้ใดซึ่งจะไปเกลี้ยกล่อมนั้นกวนอูก็คงจะฆ่าเสีย
เตียวเลี้ยวจึงว่า ข้าพเจ้ากับกวนอูได้รู้จักกันมา ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะขออาสาไป
เกลี้ยกล่อมกวนอูให้ได้ เทียหยกจึงว่า ซึ่งเตียวเลี้ยวจะรับอาสาไปเกลี้ยกล่อมกวนอู
นั้น เห็นกวนอูจะไม่มา ข้าพเจ้าจะขออาสาล่อลวงให้กวนอูออกจากเมืองแห้ฝือแล้ว ถ้า
เห็นกวนอูสิ้นความคิดลงเมื่อใด จึงให้เตียวเลี้ยวไปเกลี้ยกล่อมเห็นจะได้โดยง่าย
โจโฉจึงถามเทียหยกว่า ท่านจะคิดล่อลวงประการใด เทียหยกจึงว่า ท่านจับ
ทหารเล่าปี่ไว้ได้เป็นอันมาก จงให้บำเหน็จรางวัลให้ถึงขนาด แล้วสั่งให้ทำตามคำเรา
จึงปล่อยเข้าไปในเมืองให้บอกว่าหนีกลับมาได้ ถ้าเราจะทำการก็ ให้เป็นไส้ศึกอยู่ใน
เมือง แล้วให้แต่งทหารไปรบล่อ ถ้ากวนอูไล่ออกมานอกเมืองแล้ว จึงให้ทหารซึ่งซุ่ม
อยู่ทั้งสองข้างล้อมไว้ จึงแต่งให้ผู้มีสติปัญญาไปเกลี้ยกล่อมกวนอูเห็นจะได้โดยง่าย
โจโฉเห็นชอบด้วย จึงให้เอาทหาร เล่าปี่ซึ่งจับไว้ได้ประมาณสี่สิบคน แล้วให้บำเหน็จ
รางวัลเป็นอันมาก จึงสั่งเนื้อความตามค่าเทียหยกว่าทุกประการ ทหารทั้งปวงก็
เข้าไปหากวนอูในเมืองแห้ฝือ แล้วบอกว่าข้าพเจ้าหนีโจโฉมาได้ กวนอูได้ฟังดังนั้นก็
มิได้มีความสงสัย จึงเอาไว้ใช้สอยอย
ครั้นเวลาสามยาม โจโฉจึงให้แฮหัวตุ้นคุมทหารห้าพันเป็นกองซุ่ม แล้วสั่งซิหล
กับเคาทูว่า ถ้ากวนอูไล่แฮหัวตุ้นออกมาก็ให้ยกทหารตั้งสกัดไว้คอยรบป้องกันอย่า
ให้กวนอูเป็นอันตราย นายทหารทั้งสามคนก็ยกไปเมืองแห้ฝือ โจโฉก็คุมทหารยก
ตามไปตั้งอยูแต่ไกลแฮหัวตุ้นคุมทหารมาตั้งอยู่ใกล้เชิงกำแพงเมืองแห้ฝือ
ฝ่ายกวนอูเห็นกองทัพมาตั้งประชิดอยู่ดังนั้นก็มิได้ยกออกรบพุ่งให้ทหารขึ้น
รักษาหน้าที่ไว้มั่นคง แฮหัวตุ้นมิได้เห็นกวนอูยกออกมารบ จึงให้ทหารเลวร้องต่อล้อ
ด่ากวนอูเป็นข้อหยาบช้า กวนอูได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงคุมทหารสามพันเปิดประตู
เมืองออกมา รบแฮหัวตุ้นได้สิบเพลง แฮหัวตุ้นแกล้งชักม้าหนี กวนอูมิได้รู้กลอุบายก็
ขับม้าไล่ไปทางไกลเมืองประมาณสองร้อยเส้น กวนอูได้คิดขึ้นมากลัวว่าทหารโจโฉจะ
ยกเข้าทำร้ายเมืองแห้ฝือ จึงพาทหารกลับมา
พอได้ยินเสียงประทัด แล้วแลเห็นเคาทูกับซิหลงคุมทหารออกรบสกัดไว้ทั้งซ้าย
ขวา กวนอูก็ขับม้าเข้ารบพุ่งเป็นสามารถ ซิหลง เคาทูก็รับรองป้องกันอยู่ กวนอูจะ
กลับเข้าไปในเมือง พอพบแฮหัวตุ้นคุมทหารมารบอ้อมสกัดทางไว้ ซิหลงกับเคาทูก็
รบตีกระหนาบเข้ามา กวนอูนั้นป้องกันลูกเกาทัณฑ์ไว้เป็นสามารถ จะกลับเข้า
เมืองก็ไม่ได้ จะหลีกไปข้างทาง ซ้ายขวาทหารก็หนุนหนาเข้ามา
๘
แต่รบป้องกันอยู่นั้นจนใกล้พลบค่ า กวนอูอิดโรยก าลังลง จึงคุมทหาร
หนีไปถึงเนินเขาแห่งหนึ่งก็ขึ้นหยุดพักอยู่บนเขานั้น แฮหัวตุ้น ซิหลง เคาทู
เห็นดังนั้นก็คุมทหารเข้าล้อมเชิงเขาไว
ฝ่ายทหารเล่าปี่ซึ่งเข้าไปหากวนอูนั้น ครั้นเวลาพลบค่ำมิได้เห็นกวนอูกลับเข้า
เมืองก็ชวนกันเปิดประตูออกมาหวังจะรับโจโฉ ม้าใช้เห็นดังนั้นก็เอาเนื้อความมาบอก
แก่โจโฉ โจโฉมีความยินดีก็คุมทหารเข้าเมืองแห้ฝือ แล้วให้เอาเพลิงเผาเมืองขึ้นหวัง
จะให้กวนอูเสียน้ำใจ จึงสั่งให้ทหารรักษาครอบครัวเล่าปี่ไว้จงดี แล้วโจโฉก็กลับมา
เกณฑ์ทหารหนุนเข้าล้อมกวนอูไว้ กวนอูเห็นแสงเพลิงในเมืองสว่างขึ้นก็ตกใจคิดถึง
ครอบครัวเล่าปี่ จึงคุมทหารลงมาถึงเชิงเขา ทหารโจโฉรบสกัดไว้ลงมามิได้ แล้วซื้อ
กลับขึ้นเขาเป็นหลายครั้ง จนรุ่งขึ้นกวนอูจึงขี่ม้าพาทหารลงไปใกล้จะถึงเชิงเขา พอ
เห็นเตียวเลี้ยวขี่ม้าถือง้าวขึ้นมา กวนอูจึงถามว่า ท่านจะมารบกับเราหรือเตียวเลี้ยว
จึงตอบว่า ข้าพเจ้าจะมารบกับท่านหามิได้ ซึ่งข้าพเจ้าขึ้นมานี้หวังจะแทนคุณท่าน
แล้วเตียวเลี้ยวก็ลงจากม้าเอาง้าวนั้นวางไว้ เข้าไปค่านับกวนอู กวนอูเห็นดังนั้นก็ลง
จากมารับค านับเตียวเลี้ยว แล้วถามเตียวเลี้ยวว่า โจโฉ ใช้มาเกลี้ยกล่อมเราหรือ
เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า ท่านได้มีคุณช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ บัดนี้ท่าน มีความทุกข์ใหญ่
หลวง ข้าพเจ้าจึงอุตส่าห์ขึ้นมาหวังจะแทนคุณท่าน
กวนอูจึงถามว่า ท่านคิดถึงคุณเรานั้นจะขึ้นมาช่วยเป็นกำลังเราหรือ เตียว
เลี้ยวก็ว่าหามิได้ กวนอูจึงว่าท่านจะมาเกลี้ยกล่อมแลช่วยเราก็หามิได้ ซึ่งท่านขึ้นมานี้
ด้วยเหตุสิ่งใดเล่า เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า ท่านกับเล่าปี่ เตียวหุยมีความรักกันเป็นอัน
มาก บัดนี้เล่าปี่ กับเตียวหุยแตกไป ท่านก็ยังไม่รู้เหตุว่าเป็นแลตาย เวลาคืนนี้มหา
อุปราชยกกองทัพเข้าตีเมืองแห้ฝือได้ แล้วสั่งแก่ทหารทั้งปวงมิให้ท าอันตรายแก่
อาณาประชาราษฎร์ อันครอบครัว ของเล่าปี่นั้น ก็แต่งให้ทหารไปพิทักษ์รักษามิให้ผู้
ใดท าอันตรายได้ ข้าพเจ้าเห็นว่า มหาอุปราชมีใจเมตตาผูกความรักท่านถึงเพียงนี้
จึงเอาเนื้อความมาแจ้งแก่ท่าน
กวนอูได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าแก่เตียวเลี้ยวว่าเดิมเราถามตัวว่าจะเกลี้ยกล่อม
หรือ ตัวว่าหามิได้แลตัวมากล่าวดังนี้ จะว่าไม่เกลี้ยกล่อมนั้นตัวจะประสงค์สิ่งใดเล่า
แล้วว่าเราอยู่ในที่นี้ก็เป็นที่คับขันอยู่ ซึ่งเราจะเข้าด้วยผู้ใดนอกจากเล่าปี่นั้นอย่าสงสัย
เลย ตัวเราก็มิได้รักชีวิต อันความตายอุปมาเหมือนนอนหลับ ท่านเร่งกลับไปบอกแก่
โจโฉ ให้ตระเตรียมทหารไว้ให้พร้อม เราจะยกลงไปรบ
เตียวเลี้ยวได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบว่าซึ่งท่านว่าทั้งนี้โทษมีอยู่กับตัวท่าน
ถึงสามประการ คนทั้งปวงจะล่วงครหานินทาท่านได้ กวนอูจึงว่า ตัวเราถือความ
สัตย์มั่นคงอยู่ว่า ถึงตัวจะตายก็มิได้เข้ากับผู้ใด ซึ่งท่านว่ามีโทษสามประการนั้นด้วย
เหตุสิ่งใดบ้าง เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า เดิมท่านกับเล่าปี่ เตียวหุยได้สาบานไว้ต่อกันว่า
เป็นพี่น้องร่วมสุข แลทุกข์เป็นชีวิตอันเดียวกัน ถ้าผู้ใดตายก็จะตายด้วย ครั้งนี้เล่าปี่
กับเตียวหุยแตกไป ท่านก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แลบัดนี้ทหารก็น้อยนัก ซึ่งจะยกลงไป
รบนั้น ถ้าท่านเป็นอันตราย ถึงสิ้นชีวิต ฝ่ายเล่าปี่ เตียวหุยยังมีชีวิตอยู่จะเที่ยวตามหา
ท่าน หวังจะช่วยกันคิดการต่อไป เมื่อท่านตายเสียแล้ว เล่าปี่ เตียวหุยก็จะตายด้วย
ซึ่งท่านสาบานไว้ต่อหน้ากันก็จะมิเสีย ความสัตย์ไปหรือ คนทั้งปวงก็จะล่วงนินทาว่า
ความคิดท่านน้อย
๙
ประการหนึ่ง เล่าปี่ก็มอบครอบครัวไว้ให้ท่านรักษาถ้าท่านตายเสียภรรยา
เล่าปี่ทั้งสองนั้นจะพึ่งผู้ใดเล่าอันตรายก็จะมีต่างๆ การซึ่งเล่าปี่ปลงใจไว้แก่
ท่านนั้นก็จะไม่เสียไปหรือข้าพเจ้าเห็นไม่ชอบเป็นสองประการ
อีกประการหนึ่งนั้น ท่านก็มีฝีมือกล้าหาญ แล้วแจ้งใจในขนบธรรมเนียม
โบราณมาเป็นอันมาก เหตุใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิด
การทำนุบำรุงแผ่นดิน ให้อยู่เย็นเป็นสุข ถึงมาตรว่าท่านจะได้ความล าบากก็อุปมา
เหมือนหนึ่งลุยเพลิงอันลุก แลข้ามพระมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ก็จะลือชาปรากฏ
ชื่อเสียงท่านไปภายหน้า ว่าเป็นชาติ ทหารมีใจสัตย์ซื่อกตัญญูต่อแผ่นดิน ซึ่งท่านจะ
มานะลงไปรบพุ่งกับโจโฉ ถ้าชีวิตท่านตาย เสียครั้งนี้ก็จะไม่มีชื่อปรากฏไป ข้าพเจ้า
เห็นโทษสามประการฉะนี้ ข้าพเจ้าจึงว่า
(กวนอูขอค ามั่นสัญญาแล้วยอมไปอยู่กับโจโฉ)
กวนอูได้ฟังดังนั้น ก็นิ่งตรึกตรองอยู่เป็นช้านาน ครั้นเห็นชอบด้วยจึงว่า
ท่านว่าดังนี้ก็ควรแล้ว แต่โทษซึ่งมีสามประการนั้นจะให้เราท าประการใด เตียวเลี้ยว
จึงว่า มหาอุปราชให้ทหารล้อมท่านไว้เป็นอันมาก ถ้าท่านมิสมัครเข้าด้วยเห็นชีวิต
ท่านจะถึงแก่ความตายหาประโยชน์มิได้ขอให้ท่านอยู่กับมหาอุปราชก่อนเถิด จะได้มี
ประโยชน์สามประการ
ประการหนึ่ง ซึ่งท่านสาบานไว้กับเล่าปี่ เตียวหุยว่าจะช่วยกันทำนุบำรุงแผ่น
ดินความสัตย์ข้อนี้ได้คงอยู่
ประการหนึ่ง ท่านจะได้อยู่ปฏิบัติรักษาพี่สะใภ้ทั้งสองมิให้เป็นอันตรายสิ่งใดได้
เป็นสองประการ
อีกประการหนึ่งนั้น ตัวท่านก็มีฝีมือกล้าหาญมีสติปัญญา จะได้คิดการทำนุ
บำรุง พระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ครองราชสมบัติสืบไป ข้าพเจ้าเห็นมีประโยชน์สามประการ
ฉะนี้ จึงเตือนสติท่านให้ค่าริตจงควร
กวนอูจึงตอบว่า ซึ่งท่านว่ามีประโยชน์แก่เราสามประการนั้นก็จริงอยู่ แต่เรา
จะขอสัญญาไว้สามประการบ้างถ้ามหาอุปราชยอมเราจึงจะถอดเกราะออกเสียแล้ว
จะลงไปหามหาอุปราชแม้ความประการใดขาดแต่ข้อหนึ่ง เราก็จะสู้ตายเสียถึงมาตร
ว่าคนทั้งปวงจะครหานินทาเราก็ตามเถิดเตียวเลี้ยวจึงว่ามหาอุปราชนั้นน้ำใจกว้าง
ขวางอารีนักมักสมาคมด้วยผู้มีสติปัญญาถ้าท่านจะว่าประการใดมหาอุปราชก็
คงจะยอม ซึ่งท่านจะขอ สัญญาสามประการนั้น คือข้อใดบ้าง
กวนอูจึงว่า เดิมเราได้สาบานกันไว้กับเล่าปี่ เตียวหุยว่าจะช่วยกันทำนุบำรุง
พระเจ้าเหี้ยนเต้แลอาณาประชาราษฎร์ให้อยู่เย็นเป็นสุขซึ่งเราจะสมัครเข้าด้วยนั้น
เราจะขอเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ประการหนึ่ง เราจะขอปฏิบัติพี่สะไภ้เราทั้งสองแลอย่า
ให้ผู้ใด เข้าออกกล้ ากรายเข้าถึงประตูที่อยู่ได้ จะขอเอาเบี้ยหวัดของเล่าปี่ซึ่งเคยได้
รับพระราชทานนั้น มาให้แก่พี่สะใภ้เราทั้งสองประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง ถ้าเรารู้
ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดตำบลใดถึงมาตรว่าเรามิได้ลามหาอุปราชเราก็จะไปหาเล่าปี่แม้
มหาอุปราชจะห้ามเราก็ไม่ฟัง แลเนื้อความสามประการนี้ ท่านจงเอาไปบอกแก่มหา
อุปราชเถิด ถ้ายอมตามค าเรา เราจะลง ไปหา เตียวเลี้ยวก็ลากวนอูแล้วขึ้นม้ากลับ
มาแจ้งเนื้อความแก่โจโฉทุกประการ
๑๐
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าแก่เตียวเลี้ยวว่า ซึ่งกวนอูไม่ยอมด้วยเรา
นั้น เราเป็นถึงมหาอุปราช กวนอูจะยอมเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็เหมือนเป็นบ่าวเรา
ถ้าเราบังคับบัญชาราชการประการใดกวนอูก็จะไม่ขัดได้กับซึ่งกวนอูว่าจะปฏิบัติรักษา
พี่สะใภ้ ทั้งสองมิให้ผู้ใดแปลกปลอมเข้าไปถึงประตูที่อยู่นั้นเราก็จะยอม ทุกวันนี้อย่าว่า
แต่ภรรยาเล่าปี่เลย ถึงภรรยาผู้น้อยลงไปเราก็มิได้ให้ท าหยาบช้า ซึ่งกวนอูจะขอเอา
เบี้ยหวัดเล่าปี่ ให้แก่พี่สะใภ้นั้น เราจะให้ทวีขึ้นอีก แต่ข้อซึ่งกวนอูรู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใด
มิได้ลาเราก่อนจะไปหากันนั้น โจโฉสั่นศีรษะไม่ยอม แล้วว่าเมื่อกวนอูเอาสัญญาฉะนี้
เราจะเอามาเลี้ยงไว้ให้มี กำลังจะได้ประโยชน์สิ่งใดเล่า
เดี๋ยวเลี้ยวจึงว่า มหาอุปราชไม่แจ้งหรือ ในนิทานอิเยียงซึ่งมีมาแต่ก่อนว่า เดิมอิ
เยียงอยู่กับต๋งหางซึ่งเป็นเจ้าเมือง ต๋งหางเลี้ยงเยียงเป็นทนายใช้สอย ครั้นอยู่มา ยัง
มีคิเป๊กเจ้าเมืองหนึ่งนั้นยกกองทัพมารบฆ่าต๋งหางตาย คิเป๊กได้อิเยียงไปไว้ จึงตั้งอิ
เยี่ยงเป็นขุนนางที่ปรึกษา อิเยียงมีความสุขมาเป็นช้านาน แล้วเซียงจูเจ้าเมืองหั้นก๊ก
ยกทัพมารบฆ่าคิเป๊กตาย อิเยียงนั้นมีใจเจ็บแค้นเป็นอันมาก จึงไปยังเมืองหั้นก๊กแล้ว
เข้าซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ จะลอบท าร้ายเซียงจูให้ถึงแก่ความตาย เซียงจูจับได้ถึงสอง
ครั้ง มิได้เอาโทษ ให้ปล่อยอิเยียงเสีย ครั้นอยู่มาอิเยียงลอบเข้าไปซ่อนอยู่ถึงที่ข้างใน
หมายจะฆ่าเซียงจูเสีย เซียงจูก็จับได้อีกจึงถามอิเยียงว่า ตัวจะทำอันตรายเรา เราจับได้
ถึงสองครั้งแล้ว ก็มิได้เอาโทษ เราให้ปล่อยตัวเสียตัวก็มิได้หลาบจำ รื้อจะมาท าร้าย
เราอีกเราก็จับตัวได้ แลตัวผูกใจแค้นเราด้วยเหตุสิ่งใด อิเยียงจึงบอกว่า เดิมข้าพเจ้า
อยู่กับต๋งหาง ต๋งหางเลี้ยง ข้าพเจ้าเป็นทนายใช้สอย ครั้นที่คิเป๊กยกไปฆ่าต๋งหางเสีย
เอาตัวข้าพเจ้าไปตั้งให้เป็นขุนนาง ที่ปรึกษา ได้ความสุขเป็นอันมาก ครั้งนี้ท่านยกไป
ฆ่าคิเป๊ก ซึ่งเป็นนายมีคุณแก่ข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้ามีใจเจ็บแค้นอยู่ คิดอ่านมาหวังจะทำ
อันตรายท่าน หวังจะแทนคุณคิเป๊ก ซึ่งท่านจับข้าพเจ้าได้ถึงสองครั้งแล้วปล่อยเสีย
นั้น ข้าพเจ้ายังไม่หายแค้น จึงลอบเข้ามาจะท าร้าย ท่านอีกท่านก็จับได้ แลโทษ
ข้าพเจ้านี้ก็ถึงตายตามท่านจะโปรดเถิด เซี่ยงจูจึงว่า เราจะปล่อยเสียตัวจะคิดทำร้าย
เราอีกหรือไม่ อิเยียงจึงว่า ท่านปล่อยข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าก็ยัง คิดร้ายแก่ท่านกว่า
จะท าส าเร็จ ข้าพเจ้าจึงจะหายแค้น ถ้าท่านเอ็นดูข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขอเสื้อซึ่งท่านใส่
แม้ท่านโปรดให้ข้าพเจ้าจะได้สิ้นความพยาบาทท่าน เชียงจูได้ฟังดังนั้นก็ คิดว่าอิเยียง
นี้มีน้ าใจกตัญญู จะใคร่ได้อิเยี่ยงไว้จึงถอดเสื้อให้อิเยียง อิเยี่ยงก็คำนับรับ เอาเสื้อมา
จึงถอดกระบี่ออกฟันเสื้อเสียสามที แล้วว่าแก่เซี่ยงจูว่า ข้าพเจ้าได้แทนคุณคิเป๊กแล้ว
อิเยียงก็เอากระบี่เชือดคอตาย
อันน้ำใจกวนอูนั้น ถ้าผู้ใดมีคุณแล้วเห็นจะเป็นเหมือนอิเยียง อันเล่าปี่กับกวนอู
นั้น มิได้เป็นพี่น้องกันซึ่งมีความรักกันนั้น เพราะได้สาบานต่อกัน เล่าปี่เป็นแต่ผู้น้อย
เลี้ยงกวนอูไม่ถึงขนาด กวนอูยังมีน้ำใจกตัญญูต่อเล่าปี่ จึงคิดจะติดตามมิได้ทิ้งเสีย
อันมหาอุปราชมีวาสนากว่าเล่าปี่เป็นอันมาก ถ้าท่านได้กวนอูมาไว้ทำนุบำรุงให้ถึง
ขนาดเห็นกวนอูจะมีกตัญญูต่อท่านยิ่งนัก
โจโฉจึงว่าแก่เตียวเลี้ยวว่า ท่านว่ากล่าวทั้งนี้ก็ชอบนัก จงเร่งขึ้นไปบอกแก่
กวนอูว่า ซึ่งสัญญาสามประการนั้นเรายอมแล้ว ท่านจงเร่งพากวนอูลงมาเถิด เตียว
เลี้ยวจึงลาโจโฉขึ้นไปบอกแก่กวนอู กวนอูจึงว่า ถ้ามหาอุปราชยอมดังนั้นแล้ว ท่านจง
ลงไปบอกให้กองทัพซึ่งล้อมเราไว้นั้นเลิกไปเสีย เราจะเข้าไปแจ้งเนื้อความแก่
พี่สะใภ้ ทั้งสองคนก่อนถ้าไม่เป็นอันตรายแล้วจึงจะไปหามหาอุปราชเตียว
เลี้ยวก็ลงไปบอกแก่โจโฉ
๑๑
ตามคำกวนอูว่า โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ให้ม้าใช้ไปสั่งทหารซึ่งล้อมกวนอูไว้นั้นให้
เลิกทัพถอยมาซุนฮกจึงว่าแก่โจโฉว่า ซึ่งกวนอูยอมแก่ท่านครั้งนี้เกลือกจะเป็น
กลอุบาย โจโฉจึงตอบว่า กวนอูเป็นคนมีความสัตย์เห็นจะไม่คิดอ่านล่อลวงเรา
ฝ่ายกวนอูครั้นเห็นทหารโจโฉถอยไปก็พาทหารเข้าไปในเมืองแห้ฝือ เห็น
ราษฎรทั้งปวงปกติอยู่ จึงเข้าไปคำนับพี่สะใภ้ทั้งสองแล้วว่า ข้าพเจ้าเสียทีทำให้พี่
ตกใจ ได้ความเดือดร้อนนั้นโทษข้าพเจ้าผิดนัก พี่สะใภ้ทั้งสองจึงถามว่า เจ้ายังแจ้งว่า
เล่าปี่นั้น พลัดไปอยู่แห่งใด กวนอูจึงบอกว่ายังไม่แจ้ง พี่สะใภ้จึงว่าโจโฉก็ได้เมืองแห้
ฝือแล้ว เจ้าจะคิดอ่านประการใด กวนอูจึงบอกเนื้อความให้ฟังทุกประการ แล้วว่า
บัดนี้ข้าพเจ้าเข้ามาปรึกษาด้วย พี่ทั้งสองจะเห็นประการใด นางกำฮูหยินจึงว่าเวลา
คืนนี้โจโฉเข้าในเมืองได้ พี่นี้เกรงอยู่ว่าจะเป็นอันตรายต่าง ๆ เป็นเดชะบุญของเรา โจ
โฉก าชับทหารมิให้แปลกปลอมเข้ามาถึงประตูได้ ครั้งนี้เจ้ากับพี่ก็อยู่ในเงื้อมมือโจโฉ
แลเจ้าจะยอมเข้าอยู่ด้วยเขานั้น ด้วยความจ าเป็นก็ตามเถิด แต่พี่เกรงอยู่ข้อหนึ่งว่า
ถ้ารู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดเราก็จะพากันไปหา เกลือกโจโฉจะมิให้ไป
กวนอูจึงตอบว่า ข้อนี้พี่ทั้งสองอย่าวิตกเลย แม้รู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดเราจะพากัน
ไปหา ถึงมาตรว่าโจโฉจะขัดขวางไว้ ข้าพเจ้าจะคิดอ่านแก้ไขไปให้จงได้ แล้วกวนอูก็ลา
พี่สะไภ้ทั้งสอง พาทหารประมาณสามสิบคนออกไปถึงหน้าค่ายโจโฉ โจโฉเห็นกวนอู
มา ก็มีความยินดี จึงออกไปรับกวนอูเข้ามา กวนอูจึงค านับโจโฉแล้วว่าตัวข้าพเจ้า
เป็นเชลย ท่านมิได้ฆ่าเสีย แล้วออกไปรับข้าพเจ้าถึงนอกค่ายนั้นคุณหาที่สุดมิได้
โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงว่าแก่กวนอูว่า เราก็แจ้งอยู่ว่าท่านมีความสัตย์แลกตัญญู
บัดนี้ เรากับท่านได้พบกันเราก็มีความยินดี กวนอูจึงตอบว่าเตียวเลี้ยวไปบอก
ข้าพเจ้าว่า มหาอุปราชรับปฏิญาณทั้งสามประการแล้ว ข้าพเจ้าก็มีความยินดี เห็นว่า
ถึงนานไปเมื่อหน้ามหาอุปราช ก็จะไม่คืนคำโจโฉจึงว่า ซึ่งปฏิญาณของท่านนั้น เราได้
ออกปากรับแล้ว ถึงจะเป็นประการใด
เราก็มีให้เสียวาจา กวนอูได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีจึงว่า แม้ข้าพเจ้ารู้ว่าเล่าปี่
อยู่ที่ใด ถึงมาตรว่าเป็นทางกันดารจะต้องข้ามพระมหาสมุทรแลลุยเพลิงก็ดี ข้าพเจ้า
จะไปหาเล่าปี่ ให้จงได้ แม้ข้าพเจ้ายังมิทันลามหาอุปราชก็ดี ขอท่านให้อภัยแก่ข้าพเจ้า
อย่าเคืองด้วยเนื้อความข้อนี้เลย โจโฉจึงว่า ซึ่งท่านรู้ข่าวเล่าปี่แล้วจะไปหาก็ตามเถิด
แต่ให้ท่านตรึกตรองดูให้เห็นควรก่อน แล้วโจโฉก็ให้กวนอูกินโต๊ะ แล้วว่าพรุ่งนี้เช้าเรา
จะยกกลับไปเมืองฮูโต๋
กวนอูเข้าไปบอกพี่สะใภ้แล้ว ก็จัดแจงสิ่งของทั้งปวงแล้วออกมา ครั้นเวลาเช้า
โจโฉก็ยกทหารไป กวนอูจึงให้พี่สะใภ้ทั้งสองขึ้นขี่รถตามกองทัพโจโฉไป เวลาค่ำถึงที่
ประทับตำบลใด โจโฉจึงให้กวนอูกับภรรยาเล่าปี่ทั้งสองคนนั้นอยู่เรือนเดียวกัน หวัง
จะให้กวนอูคิดทำร้ายพี่สะใภ้ น้ำใจจะได้แตกออกจากเล่าปี่จะได้เป็นสิทธิ์แก่ตัว ฝ่าย
กวนอูให้พี่สะใภ้ทั้งสองนอนห้องข้างใน ตัวนั้นก็นั่งจุดเทียนดูหนังสือ รักษาพี่สะใภ้
อยู่นอกประตูยันรุ่ง มิได้ประมาทสักเวลาหนึ่งจนถึงเมืองฮูโต๋ โจโฉรู้ดังนั้นก็เกรงใจ
กวนอู ว่ามีความสัตย์แลกตัญญูต่อเล่าปี่ โจโฉจึงให้ กวนอูกับภรรยาเล่าปี่ไปอยู่ ณ
ตึกสองหลังมีชานกลาง กวนอูจึงให้พี่สะใภ้ทั้งสองคนนั้นอยู่ตึกหนึ่ง แล้วให้ทหารที่
แก่ชราอยู่รักษา ประมาณสิบคน ตัวนั้นอยู่ตึกหนึ่งระวังรักษาพี่สะใภ้ทั้งสอง
๑๒
(โจโฉพยายามผูกใจกวนอูแต่ไม่สำเร็จ)
ครั้นอยู่มาวันหนึ่งโจโฉจึงพากวนอูเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้แล้วทูลว่า
กวนอูคนนี้มีฝีมือพอจะเป็นทหารได้ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็มีความยินดีจึงตั้งกวนอูเป็น
นายทหาร โจโฉกับกวนอูก็ลากลับมาบ้าน โจโฉจึงให้เชิญกวนอูกินโต๊ะ จัดแจงให้
กวนอูนั่งที่สูงกว่า ขุนนางทั้งปวง แล้วให้เครื่องเงินเครื่องทองแลแพรอย่างดีแก่
กวนอูเป็นอันมาก กวนอูรับเอาสิ่งของนั้นแล้วก็ลาโจโฉกลับมาที่อยู่ จึงบอกเนื้อ
ความทั้งปวงแก่พี่สะใภ้แล้วเอาสิ่งของนั้นให้
ฝ่ายโจโฉทำนุบำรุงกวนอูมิให้อนาทร สามวันแต่งโต๊ะไปให้ครั้งหนึ่ง ห้าวันครั้ง
หนึ่ง แล้วจัดหญิงสาวที่รูปงามสิบคนให้ไปอยู่ปฏิบัติกวนอู หวังจะผูกน้ำใจไว้ให้
กวนอูหลง กวนอูให้หญิงสิบคนไปอยู่ที่พี่สะใภ้ใช้สอยครั้นถึงสามวันกวนอูจึงไป
เยือนพี่สะใภ้ครั้งหนึ่ง นั่งอยู่แต่นอกประตูแล้วถามว่า พี่อยู่ปกติอยู่หรือ หรือป่วยไข้
ประการใดบ้าง พี่สะใภ้จึงตอบว่า ปกติอยู่มิได้ป่วยไข้ประการใด เจ้ารู้ข่าวเล่าปี่บ้าง
หรือไม่ กวนอูว่าไม่แจ้ง แล้วคำนับพี่สะใภ้ ลากลับมา โจโฉรู้กิตติศัพท์ว่ากวนอูปฏิบัติ
พี่สะใภ้โดยสุจริตดังนั้น ก็สรรเสริญกวนอูว่ามี ความสัตย์หาผู้เสมอมิได
ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง โจโฉให้เชิญกวนอูมากินโต๊ะ เห็นกวนอูห่มเสื้อขาด โจโฉจึง
เอาเสื้ออย่างดีให้กวนอู กวนอูรับเอาเสื้อแล้ว จึงเอาเสื้อใหม่นั้นใส่ชั้นใน เอาเสื้อเกา
นั้นใส่ชั้นนอก โจโฉเห็นดังนั้นก็หัวเราะแล้วถามว่าเอาเสื้อใหม่ใส่ชั้นในนั้นกลัวจะเก่าไป
หรือ กวนอูจึงว่าเสื้อเก่านี้ของเล่าปี่ให้ บัดนี้เล่าปี่จะไปอยู่ที่ใดมิได้แจ้งข้าพเจ้าจึงเอา
เสื้อผืนนี้ใส่ชั้นนอก หวังจะดูต่างหน้าเล่าปี่ ครั้นจะเอาเสื้อใหม่นั้นใส่ชั้นนอก คนทั้ง
ปวงจะครหานินทาว่าได้ใหม่แล้วลืมเก่า โจโฉได้ยินดังนั้นก็สรรเสริญกวนอูว่ามี
กตัญญูนัก แต่คิดเสียใจอยู่ กวนอูก็ลาโจโฉกลับมาที่อยู่
ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง หญิงคนใช้มาบอกแก่กวนอูว่า บัดนี้พี่สะใภ้ทั้งสองร้องไห้
รักกันอยู่ ด้วยเหตุสิ่งใดมิได้แจ้ง กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงเข้าไปถึงริมประตูแล้ว
ถามว่า พี่ทั้งสองร้องไห้ด้วยเหตุสิ่งใด นางกำฮูหยินจึงตอบว่า คืนนี้พี่ฝันเห็นเล่าปี่
ตกหลุมลง ครั้นตื่นขึ้นมาก็ตกใจจึงแก้ฝันนางบิฮูหยิน เห็นพร้อมกันว่าเล่าปี่ตาย
แล้วพี่จึงร้องไห้รัก กวนอูได้ฟังดังนั้น พิเคราะห์ดูเห็นฝันผิดประหลาด สำคัญว่าเล่า
ปี่เป็นอันตรายก็ร้องไห้ด้วย แล้วกวนอูจึงคิดกลอุบาย ว่าแก่พี่สะใภ้ทั้งสองหวังจะให้
คลายความทุกข์ จึงว่าฝันนั้น จะสำคัญเอาเป็นแน่มิได้ ด้วยพี่ทั้งสองมีน้ำใจคิดถึง
เล่าปี่อยู่ จึงเผอิญให้ฝัน ทั้งนี้ ใช่เล่าปี่จะเป็นอันตรายอย่างนั้นหามิได้ พี่ทั้งสองอย่า
เศร้าโศกเลย พอคนใช้ โจโฉมาบอกกวนอูว่า มหาอุปราชให้เชิญไป กวนอูก็ลาพี่สะใภ้
ไปหาโจโฉ โจโฉเห็นหน้ากวนอูเศร้าหมองจึง ถามว่า วันนี้เราเห็นท่านไม่สบาย มีทุกข์
สิ่งใดหรือ กวนอูบอกว่า พี่สะใภ้ข้าพเจ้าทั้งสองคิดถึงเล่าปี่ ด้วยมิรู้ว่าเป็นหรือตาย
แล้วชวนกันร้องไห้ ข้าพเจ้าก็กลั้นน้ าตามได้ โจโฉได้ฟัง ดังนั้นก็ปลอบโยนกวนอู
แล้วก็ชวนกินโต๊ะ หวังจะให้คลายความทุกข์ กวนอูเสพสุราเมา มิได้เกรงใจโจโฉ เอา
มือจับหนวดของตัวเข้าแล้วจึงว่า เกิดมาเป็นชายไม่ได้ทำนุบำรุงแผ่นดิน ทั้งเล่าปี่ผู้พี่
นั้นก็มีคุณมา ถ้าเราจะเอาใจออกหากบัดนี้ ก็หาผู้ใดจะนับถือว่าเป็นชายไม่ โจโฉได้ฟัง
ดังนั้นก็คิดว่า กวนอูยังมีใจสัตย์ซื่อต่อเล่าปี่อยู่ โจโฉท าเป็นไม่ได้ยินจึงแกล้งถาม
กวนอูว่า หนวดของท่านประมาณสักกี่เส้น กวนอูจึงตอบว่าหนวดของข้าพเจ้า
ประมาณ หลายร้อยเส้น ครั้นถึงเทศกาลหนาวก็หล่นไปบ้าง ข้าพเจ้าจึงทำถุงใส่ไว้
โจโฉได้ฟังดังนั้น จึงเอาแพรขาวอย่างดี ทำถุงให้กวนอูส าหรับใส่หนวด กวนอูรับ
เอาถุงนั้นแล้วก็ลากลับมาที่อยู่
๑๓
ครั้นเวลาเช้ากวนอูเข้าไปเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรเห็นกวนอูใส่ถุง
หนวด ดังนั้นจึงตรัสถามว่า ถุงใส่สิ่งใดแขวนอยู่ที่คอนั้น กวนอูจึงทูลว่า ถุงนี้มหา
อุปราช ให้ข้าพเจ้าส าหรับใส่หนวดไว้ แล้วกวนอูก็ถอดถวายให้ทอดพระเนตร พระเจ้า
เหี้ยนเต้เห็นหนวดกวนอูยาวถึงอกเส้นละเอียดงามเสมอกัน แล้วตรัสสรรเสริญว่า
กวนอูนหนวดงาม จึงพระราชทานชื่อว่า บีเยียงก๋ง แปลภาษาไทยว่าเจ้าหนวดงาม
แล้วก็เสด็จขึ้น โจโฉกับขุนนางทั้งปวงแลกวนอูก็ออกจากที่เฝ้า มาถึงประตูวังกวนอู
ก็ขึ้นมาตามโจโฉไป ครั้นถึง หน้าบ้านกวนอูก็ลาโจโฉจะมาที่อยู่
โจโฉเห็นม้ากวนอูผอม จึงถามว่าเหตุใดม้าจึงผอมไม่สมตัวท่าน กวนอูจึงตอบ
ว่า ม้าตัวนี้มีก าลังน้อย ทานก าลังข้าพเจ้ามิได้จึงผอม โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงให้ทหาไป
เอา ม้าเซ็กเธาว์มา แล้วถามกวนอูว่า ม้าตัวนี้เป็นของผู้ใดท่านรู้จักหรือไม่ กวนอูจึง
ว่าม้าตัวนี้ ของลิโป้ข้าพเจ้ารู้จักอยู่ โจโฉก็ให้จัดแจงเครื่องม้าพร้อมแล้วก็ให้กวนอู
กวนอูมีความยินดี ลงจากม้าคุกเข่าลงคำนับแล้วว่า ซึ่งมหาอุปราชให้ม้าตัวนี้แก่
ข้าพเจ้านั้นคุณหาที่สุดมิได
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็คิดกริ่งใจจึงถามว่า เราให้เงินทองสิ่งของแก่ท่านมาเป็นอัน
มาก ก็ไม่ยินดี ท่านไม่ว่าชอบใจแลมีความยินดีเหมือนเราให้ม้าตัวนี้ เหตุไฉนท่านจึง
รักม้าอันเป็น สัตว์เดียรัจฉานมากกว่าทรัพย์สิ่งสินอีกเล่า กวนอูจึงตอบว่าข้าพเจ้า
แจ้งว่ามาเซ็กเธาว์ตัวนี้ มีกำลังมาก เดินทางได้วันละหมื่นเส้น แม้ข้าพเจ้ารู้ข่าว
ว่าเล่าปี่อยู่ที่ใด ถึงมาตรว่าไกลก็จะไปหาได้โดยเร็ว เหตุฉะนี้ข้าพเจ้าจึงมีความยินดี
ขอบคุณมหาอุปราชมากกว่าให้สิ่งของทั้งปวง
โจโฉได้ฟังดังนั้นยิ่งมีความน้อยใจ แล้วคิดว่าเราเสียทีที่ทำนุบำรุงกวนอูด้วย
ยศศักดิ์ศฤงคารบริวาร กวนอูก็คิดรักเล่าปี่อยู่มิได้ขาด กวนอูก็ลาโจโฉไปที่อยู่ โจโฉ
จึงถามเตียวเลี้ยวว่า เราเลี้ยงกวนอูก็ถึงขนาดฉะนี้ แล้วกวนอูยังมีน้ำใจผูกพันรักเล่า
ปี่อยู่ เราจะคิดอ่านประการใดกวนอูจึงจะเอาใจออกหากเล่าปี่ เตียวเลี้ยวจึงว่า ขอให้
งดอยู่สักเวลาหนึ่งก่อน ข้าพเจ้าจะไปว่ากล่าวลองความคิดกวนอูดูว่าจะมีใจสัตย์ซื่อ
ต่อเล่าปี่เที่ยงแท้หรือจะคิดอ่านยักย้ายประการใดบ้าง
ครั้นเวลารุ่งเช้าเตียวเลี้ยวจึงไปหากวนอูถ้อยทีถ้อยคำนับกัน เตียวเลี้ยวจึงว่า
แก่กวนอูว่า ตั้งแต่มหาอุปราชได้ท่านมาไว้ก็มีความยินดีทำนุบำรุงท่านเป็นอันมาก
เพราะ มีความเมตตาท่าน กวนอูจึงว่า ทุกวันนี้มหาอุปราชชุบเลี้ยงเราจึงได้มีความ
สุข คุณนั้นก็มีเป็นอันมาก แต่จะได้วายคิดถึงเล่าปี่นั้นหามิได้ เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า
ธรรมดาเกิดมา เป็นชายให้รู้จักที่หนักที่เบา ถ้าผู้ใดมิได้รู้จักที่หนักที่เบา คนทั้งปวงก็
จะล่วงติเตียนว่า ผู้นั้นหาสติปัญญาไม่ อันมหาอุปราชนี้มีน้ าใจเมตตาท่าน ทำนุบำ
รุงท่านยิ่งกว่าเล่าปี่อีก เหตุใดท่านจึงมีใจคิดถึงเล่าปี่อยู่
กวนอูจึงว่า ซึ่งมหาอุปราชมีคุณแก่เราก็จริงอยู่ แต่จะเปรียบเล่าปี่นั้นยังมิได้
ด้วยเล่าปี่นั้นมีคุณแก่เราก่อน ประการหนึ่งก็ได้สาบานไว้ต่อกันว่าเป็นพี่น้อง เราจึง
ได้ ตั้งใจรักษาสัตย์อยู่ ทุกวันนี้เราก็คิดถึงคุณมหาอุปราชอยู่มิได้ขาด ถึงมาตรว่าเรา
จะไปจาก ก็จะขอแทนคุณเสียก่อนให้มีชื่อปรากฏไว้เราจึงจะไป เตียวเลี้ยวได้ฟังดังนั้น
จึงถามกวนอูว่า ถ้าเล่าปี่ถึงแก่ความตายแล้ว ท่านจะอยู่กับมหาอุปราชหรือ หรือจะ
คิดประการใด กวนอูจึงตอบว่า ตัวเราเกิดมาเป็นชายรักษาสัตย์มิให้เสียวาจา ถึง
มาตรว่าเล่าปี่จะถึงแก่ความตาย เราก็จะตายไปตามความที่ได้สาบานไว้
๑๔
เตียวเลี้ยวเห็นกวนอูนั้นมีใจสัตย์ซื่อต่อเล่าปี่อยู่เป็นมั่นคง ก็ลากลับมา จึง
เอาเนื้อความทั้งปวงบอกแก่โจโฉทุกประการ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ทอดใจใหญ่
มีความวิตก ซึ่งจะเอากวนอูไว้ให้ขาดจากเล่าปี่ก็ไม่สมคิดแล้วสรรเสริญกวนอูว่ามี
ความสัตย์ซื่อมั่นคงนัก ซุนฮกจึงว่าแก่โจโฉว่า อันความคิดกวนอูนั้นจะแทนคุณมหา
อุปราชเสียก่อน แล้วจึงจะ ไปจาก ถ้ามีศึกมาก็อย่าให้กวนอูออกอาสา แม้กวนอูยัง
ไม่มีความชอบก็จะอยู่ด้วยมหาอุปราช โจโฉได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย
คุณค่าด้านเนื้อหา
๑) รูปแบบการประพันธ์
แต่งด้วยลักษณะค าประพัทธ์ประเภทความเรียงร้อยแก้ว โดยแปลจากภาษา
จีนมาเป็นภาษาไทยแล้วเรียบเรียงใหม่ ใช้ประโยคกะทัดรัด ไม่มีศัพท์ยาก ภาษาไม่ซับ
ซ้อน การพรรณนาเด่นชัด มีบทอุปไมยที่ลึกซึ้งคมคาย
๒) องค์ประกอบของเรื่อง
๒.๑ สาระ
เรื่องสามก๊กตอนกวนอูไปรับราชการโจโฉ กล่าวถึงโจโฉตั้งตัวเป็นมหาอุปราช
ในสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ ต้องการกำจัดเล่าปี่ซึ่งครองเมืองซีจิ๋ว และเข้ายึดเมืองได้
สำเร็จ เล่าปี่หนีไปเมืองกิจิ๋ว จากนั้นโจโฉก็ยกกองทัพไปตีเมืองแห้ฝือของกวนอู เมื่อ
โจโฉจับกวนอูได้และให้เตียวเลี้ยวเกลี้ยกล่อมกวนอูให้มาอยู่ด้วย กวนอูยอมจำนนขอ
สัญญาสามข้อ โจโฉยอมรับเงื่อนไขของกวนอู โจโฉทำตามสัญญาของกวนอูทั้ง ๓
ข้อ เอาใจกวนอูและพี่สะใภ้ของกวนอูอย่างดี แต่กวนอูก็ไม่ได้มีน้ำใจตอบโจโฉ ยังคง
ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเล่าปี่อย่างแนบแน่น โจโฉคิดน้อยใจแต่ก็เชื่อในควากตัญญู
ของกวนอู ว่าคงจะไม่หนีไปจนกว่าจะได้ตอบแทนบุญคุณ ความซื่อสัตย์กตัญญูและ
การใช้กลอุบายเจรจาโน้มน้าวใจเป็นสิ่งส าคัญของเรื่องในตอนนี้
๒.๒ โครงเรื่อง
การลำดับเหตุการณ์ต่างๆ แต่ละขั้นตอนในเรื่องสอดคล้องสัมพันธ์กันจน
แสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่กวีต้องการสื่อออกมาอย่างชัดเจน ในเรื่องความซื่อสัตย์
ของกวนอู สามก๊กตอนที่เรียนเป็นการท าสงครามของโจโฉกับเล่าปี่และกวนอู โจโฉ
มีทหารเอกคอยให้ค าปรึกษาและวางกลอุบายในการศึก จนสามารถเอาชนะเล่าปี่และ
เกลี้ยกล่อมให้กวนอูเข้ามาอยู่ฝ่ายตน แต่ในที่สุดโจโฉก็ไม่สามารถชนะใจกวนอูผู้มี
ความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อเล่าปี่ได้
๒.๓ ฉากและบรรยากาศ
เรื่องสามก๊ก สมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้เกิดความแตกแยกแย่งชิงอำนาจกัน ตอน
กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ เป็นช่วงที่โจโฉมีอำนาจตั้งตัวเป็นมหาอุปราชและเป็นผู้
สำเร็จราชการแทนพระเจ้าแผ่นดิน โจโฉขยายอิทธิพลยกทัพไปปราบหัวเมืองต่างๆ
๑๕
๒.๔ ตัวละคร
๒.๔.๑ กวนอู น้องร่วมสาบานของเล่าปี่ หลังจากตายไปได้ถูกยกย่องว่าเป็น
เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ หน้าแดง จักษุยาว หนวดเครางาม มีง้าวคู่กาย ภายหลัง
อยู่ร่วมกับกวนเป๋ง ผู้บุตรบุญธรรมกับจิวฉอง เป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋ว ถูกแผนกลยุทธ์
ของลกซุนและลิบองฆ่าตาย
๒.๔.๒ โจโฉ บุรุษผู้ยอมทรยศคนทั้งโลกแต่ไม่ยอมให้โลกทรยศตนตำแหน่งสูงสุด
คือ มหาอุปราช เป็นผู้กุมอำนาจทั้งปวงอยู่เหนือฮ่องเต้ เดิมทำราชการอยู่ภายใน
ราชสำนัก คนทั้งปวงยำเกรง ถูกแต่งตั้งให้ไปสกัดการโจมตีของขบถโจรโพกผ้า
เหลือง สุดท้ายแยกตัวหนีออกมาหลังจากลอบฆ่าตั๋งโต๊ะไม่สำเร็จ รวบรวมเจ้าเมือง
ต่างๆ เข้าโจมตี ตั๋งโต๊ะ แต่ไม่สำเร็จ จึงแยกตัวออกมาต่างหาก สะสมกำลังพลและ
แสยานุภาพ ครอบครองหัวเมืองฝ่ายเหนือจนถูกเชิญมาเป็นมหาอุปราชได้ใช้ความ
สามารถการรู้จักใช้คนและเลห์เหลี่ยมกลยุทธ์ที่เป็นที่เลื่องลือจนสามารถครอครอง
ส่วนของแผ่นดินจีนไว้มากที่สุด ที่ได้ชื่อว่า วุยก๊ก
๑๖
๒.๔.๓ เล่าปี่ ผู้อ้างว่าสืบเชื้อสายราชวงศ์ฮั่น เดิมเป็นคนยากจนทอเสื่อขาย ได้ร่วม
สาบานเป็นพี่น้องกับกวนอู เตียวหุย ปราบปรามขบถโจรโพกผ้าเหลือง นิสัยโอบ
อ้อมอารี เป็นที่รักใคร่แก่คนทั่วไป ได้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว ภายหลังต้องหกระเหเร่ร่อน
ไปอาศัยเจ้าเมืองต่างๆอยู่ จนได้ ขงเบ้งเป็นที่ปรึกษา จึงได้ฟื้นตัวและสามารถ
ครอบครองดินแดนเสฉวนได้ในชื่อว่า จ๊กก๊ก
๒.๔.๔ ซุนกวน ผู้บุตรของซุนเกี๋ยน และน้องของซุนเซ็ก ครอบครองดินแดนฝั่ งกัง
ตั๋ง อายุน้อยกว่า โจโฉ กับ เล่าปี่ มาก อาศัยความรุ่งเรืองของการค้าขายติดแม่น้ำ
สร้างความแข็งแกร่ง ให้กับก๊กตัวเองได้ใช้ชื่อว่า ง่อก๊ก
๒.๔.๕ เตียวหุย น้องร่วมสาบานของ เล่าปี่ และ กวนอู นิสัยวู่วามอารมณ์ร้อน
ชอบเหล้าสุรา ศีรษะเหมือนเสือ จักษุโตกลม เสียงดัง มีกำลังมาก ติดตาม เล่าปี่
มาตลอด ตายเพราะถูกลอบสังหารจากนิสัยวู่วามของตนเอง
๑๗
๒.๔.๖ ขงเบ้ง ผู้ถูกยกย่องว่า หยั่งรู้ดินฟ้า มหาสมุทร จากคำแนะนำของ ชีซี ทำให้
เล่าปี่ ต้องมาเชิญด้วยตัวเอง ถึงสามครั้งสามครา มีความรู้เป็นเลิศ รับใช้ราชวงศ์
เล่าถึง ๒ ชั่วอายุคน ภายหลัง เล่าปี่ตาย ได้ฝากฝัง เล่าเสี้ยน ให้ดูแลแต่ไม่อาจ
สำเร็จได้ เพราะ พระเจ้าเล่าเสี้ยน หูเบา เชื่อแต่คำยุยง ของขันที ฮุยโฮ ยกทัพไป
ปราบปรามชาวม่าน และได้สู้รบกับวุยก๊กหลายครั้ง มีคู่ปรับคือ สุมาอี้
๒.๔.๗ จูล่ง วีรบุรุษผู้เก่งกาจติดตาม เล่าปี่ และ ขงเบ้ง เป็น ๑ ใน ๕ ทหารเสือที่เล่า
ปี่แต่งตั้งขึ้น ซึ่งประกอบด้วย จูล่ง กวนอู เตียวหุย ม้าเฉียว และ ฮองตง
สร้างวีรกรรมสำคัญคือ จูล่ง ฝ่าทัพรับ อาเต๊า โดยที่ตัวคนเดียวฝ่าช่วยชีวิต
ท่ามกลางทหารและองครักษ์มากมายของ โจโฉ ที่ยกทัพลงใต้ หวังครอบครอง
แผ่นดิน จูล่งตีฝ่าออกมาและนำ อาเต๊า คืนแก่ เล่าปี่ อย่างแสนสาหัส ฆ่าทหารเอก
และทหารเลวของโจโฉ อย่างดาษดื่น เป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมและชื่นชอบมาก
ที่สุดคนหนึ่งในเรื่อง สามก๊ก
๑๘
๒.๔.๘ ตั่งโต๊ะ ทรราชที่อ้างตัวมาชุบเลี้ยง พระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่ไม่อยู่ในจริยธรรม ฆ่า
คนอย่างสนุกสนาน แผ่นดินเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า มีทหารเอกคู่ใจ คือ ลิโป้
ไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย ภายหลังตาย เพราะผู้หญิง โดยเป็นแผนของอ้องอุ้น ใช้
กลยุทธ์ที่เลื่องลือ โดยมีแม่นาง เตียวเสี้ยน หว่านล้อมเสน่ห์ ให้พ่อลูกตั๋งโต๊ะกับลิโป้
ผิดใจกัน
๒.๔.๙ ลิโป้ บุตรบุญธรรมของ ตั๋งโต๊ะ ถูกชุบเลี้ยงมาเป็นองครักษ์ข้างกาย มีฝีมือ
เป็นหนึ่งในแผ่นดินจีน ยอมฆ่าพ่อบุญธรรมคนเดิม เต๊งหงวน เพราะเห็นแก่ลาภยศ
มัวเมาลุ่มหลงอิสตรี ได้ขึ้นชื่อเป็น ลูกทรพี 3 พ่อ ถูกกลยุทธ์แม่นาง เตียวเสี้ยน ลุ่ม
หลงจนฆ่า ตั๋งโต๊ะ ด้วยมือตนเอง หลบหนีไปพึ่งใบบุญ เล่าปี่ แล้วทรยศซ้ำ ภายหลัง
ถูกโจโฉไล่ตามตีจนมุมที่เมืองแห้ฝือ ถูกฆ่าประหารชีวิตตัดศรีษะไปเสียบประจาน
จบยุคของผู้มีฝีมือเก่งกาจที่สุดในแผ่นดิน
๑๙
๒.๔.๑๐ เตียวเลี้ยว ขุนพลคนสำคัญของโจโฉ เดิมอยู่รับใช้ลิโป้ ต่อมาลิโป้ถูกจับได้ที่
เมืองแห้ฝือถูกประหาร ส่วนเตียวเลี้ยว โจโฉเกลี้ยกล่อมให้มาร่วมงานด้วย และเป็น
บุคคลที่กวนอูให้ความเคารพนับถือ เพราะนับถือในความซื่อสัตย์และฝีมือ ทั้ง ๆ ที่
อยู่คนละฝ่ายกัน ซึ่งเตียวเลี้ยวเป็นคนที่อาสาโจโฉไปเกลี้ยกล่อมกวนอูขณะที่
แตกทัพให้มาอาศัยอยู่ชั่วคราวกับโจโฉนั่นเอง
๒.๔.๑๑ อ้วนเสี้ยว สืบตระกูลขุนนางเก่าแก่ หลังจากเหตุการณสิบขันทีแล้ว อ้วน
เสี้ยวได้แยกตัวออกมา สร้างกองทัพจนใหญ่โต และเป็นผู้นำหัวเมืองต่อต้านตั๋งโต๊ะ
เมื่อกำจัดตั๋งโต๊ะได้แล้ว ด้วยความโลเล ใช้คนไม่เป็นชอบคนที่ประจบสอพลอ คนดี ๆ
จึงหนีหาย พ่ายแพ้ต่อกองทัพของโจโฉที่มีทหารน้อยกว่าจนต้องกระอักเลือดตาย
๒๐
๕) กลวิธีการแต่ง
กวีใช้กลวิธีบรรยายเล่าเรื่องอย่างละเอียด บางตอนให้ตัวละครเป็นผู้เล่า
ด้วยการใช้บทสนทนานำซึ่งจากบทสนทนานี้ทำให้ผู้อ่านได้ทราบเรื่องราวความ
เป็นมาของเรื่อง ตลอดจนทราบลักษณะนิสัยใจคอและอารมณ์ของตัวละครได้
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
๑) การสรรคำ
๑.๑ การเลือกใช้คำได้ถูกต้องตรงตามความหมายที่ต้องการ
“กวนอูได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าแก่เตียวเลี้ยวว่า เดิมเราถามตัวว่าจะเกลี้ย
กล่อมหรือ ตัวว่าหามิได้ แลตัวมากล่าวดังนี้จะว่าไม่เกลี้ยกล่อมนั้นตัวจะประสงค์สิ่ง
ใดเล่า แล้วว่าเราอยู่ในที่นี้ก็เป็นที่คับขันอยู่ซึ่งเราจะเข้าด้วยผู้ใดนอกจากเล่าปี่นั้น
อย่าสงสัยเลย”
๑.๒ การเลือกใช้คำที่เหมาะแก่เนื้อเรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง
“ครั้นเวลาเช้ากวนอูเข้าไปเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรเห็นกวนอูใสถุง
หนวดดังนั้นจึงตรัสถามว่า ถุงใส่สิ่งใดแขวนอยู่ที่คอนั้น กวนอูจึงทูลว่า ถุงนี้มหา
อุปราชให้ข้าพเจ้าส าหรับใส่หนวดไว้ แล้วกวนอูก็ถอดถวายให้ทอดพระเนตรพระเจ้า
เหี้ยนเต้เห็นหนวดกวนอูยาวถึงอกเส้นละเอียดงามเสมอกัน แล้วตรัสสรร- เสริญ
ว่ากวนอูนี้หนวดงาม จึงพระราชทานชื่อว่าบีเยียงก๋ง แปลภาษาไทยว่าเจ้าหนวด
งาม แล้วก็เสด็จขึ้น”
๑.๓ การเลือกใช้คำได้เหมาะแก่ลักษระคำประพันธ์
“ฝ่ายทหารเล่าปี่ซึ่งเข้าไปหากวนอูนั้น ครั้นเวลาพลบค่ำมิได้เห็นกวนอูกลับเข้า
เมืองก็ชวนกันเปิดประตูออกมาหวังจะรับโจโฉ ม้าใช้เห็นดังนั้นก็เอาเนื้อความมา
บอกโจโฉ โจโฉมีความยินดีก็คุมทหารเข้าเมืองแห้ฝือ แล้วให้เอาเพลิงเผาเมืองขึ้น
หวังจะให้กวนอูเสียน้ำใจ”
๒)การใช้โวหาร
๒.๑ อุปมาโวหาร
ตอนโจโฉคิดหาหนทางก าจัดเล่าปี่และกล่าวเปรียบเล่าปี่ว่าเหมือนลูกนก ดัง
ความว่า
“เล่าปี่นั้นเป็นคนมีสติปัญญา ถ้าละไว้ช้าก็จะมีก าลังมากขึ้น อุปมาเหมือนลูกนก
อันขนปีก ยังไม่ขึ้นพร้อม แม้เราจะนิ่งไว้ให้อยู่ในรังฉะนี้ ถ้าขนขึ้นพร้อมแล้วก็จะบิน
ไปทางไกลได้ ซึ่งจะจับตัวนั้นจะได้ความขัดสน”
เมื่อกวนอูปฏิเสธที่จะไปรับราชการกับโจโฉ เตียวเลี้ยวพยายามหาเหตุผลโน้มน้าว
ใจกวนอู โดยกล่าวเปรียบความลำบากที่กวนอูต้องเผชิญว่าเหมือนการลุยไฟและ
การข้ามมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ หากทำได้ก็จะเป็นที่รู้จักสรรเสริญในภายภาคหน้า
ดังความว่า
“เหตุใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิด การทำนุบำรุงแผ่น
ดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถึงมาตรว่าท่านจะได้รับความลำบากก็อุปมาเหมือนหนึ่งลุย
เพลิงอันลุกแลข้ามพระมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ก็จะลือชาปรากฏชื่อเสียงท่านไป
ภายหน้า”
๒๑
เมื่อทหารโจโฉล้อมจับกวนอูไว้ แล้วเตียวเลี้ยวขี่ม้าเข้ามาหาเพื่อเกลี้ยกล่อม
ให้กวนอูเข้ากับฝ่ายโจโฉกวนอูได้ฟังเตียวเลี้ยวก็โกรธกล่าวตอบโต้ไปว่าหากตาย
ก็ไม่เสียดายชีวิต โดยเปรียบว่าความตายเหมือนการนอนหลับไม่น่ากลัว ดังความ
ว่า
“ซึ่งเราจะเข้าด้วยผู้ใดนอกจากเล่าปี่นั้นอย่าสงสัยตัวเราก็มิได้รักชีวิต อันความ
ตายอุปมาเหมือนนอนหลับ ท่านเร่งกลับไปบอกแก่โจโฉให้ตระเตรียมทหารไว้ให้
พร้อม เราจะยกลงไปรบ”
๒.๒ การใช้สำนวนโวหาร
ได้ใหม่แล้วลืมเก่า ดังตอนที่กวนอูกล่าวกับโจโฉว่าเหตุที่เอาเสื้อใหม่ที่โจโฉให้ใส่
ไว้ชั้นใน แล้วเอาเสื้อเก่าใส่ชั้นนอกว่า
“กวนอูจึงว่าเสื้อเก่านี้ของเล่าปี่ให้ บัดนี้จะไปอยู่ที่ใดมิได้แจ้ง ข้าพเจ้าจึงเอาเสื้อ
ผืนนี้ใส่ชั้นนอก หวังจะดูต่างหน้าเล่าปี่ ครั้นจะเอาเสื้อใหม่ใส่ชั้นนอก คนทั้งปวงจะ
ครหานินทาว่าได้ใหม่แล้วลืมเก่า”
ตัวตัวตายก่อนไข้ ซึ่งปัจจุบันไม่ใช้แต่ใช้ส านวนว่า ตีตนไปก่อนไข้ ดังปรากฏ
ตอนที่อ้วนเสี้ยวแกล้งทำเป็นทุกข์ เตียนห้องจึงกล่าวกับอ้วนเสี้ยวว่า
“คนทั้งปวงก็ลือชาปรากฏว่า ท่านเป็นใหญ่อยู่ในหัวเมืองฝ่ายเหนือ เหตุใดท่าน
มาคิดย่อท้อจะมาตีตัวตายก่อนไข้นั้นไม่ควร
คุณค่าด้านสังคม
๑)สะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับการทำสงครามของคนจีน
๑.๑ การทำสงครามนั้นมิใช่ใช้กำลังทหารเพียงอย่างเดียว การทำสงคราม
นอกจากการใช้กำลังทหารยังต้องอาศัยสติปัญญาและเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายเป็น
สำคัญ จึงจะสามารถเอาชนะข้าศึกศัตรูได้ ดังเช่น ตอนที่เทียหยกวางกลอุบาย
ล่อลวงให้กวนอูออกจากเมืองแห้ฝือ เพื่อให้ทหารโจโฉเข้ายึดเมืองแห้ฝือและก็ทำ
ได้สำเร็จ
“ม้าเท้งไปอยู่เมืองเสเหลียงนั้นมีทหารเป็นอันมาก ถ้าท่านจะยกทัพไปตีเอา
บัดนี้เมืองเราก็เป็นกังวลอยู่ ขอให้ท่านเร่งแต่งผู้มีสติปัญญาไปเกลี้ยกล่อมหาตัว
ม้าเท้งกลับเข้ามา อย่าให้ทันม้าเท้งรู้ว่าท่านจับตังสินกับพวกเพื่อนฆ่าเสีย ข้าพเจ้า
เห็นว่าเท้งไม่แจ้งเนื้อความทั้งนี้ก็จะเข้ามา จึงจับฆ่าเสียก็จะได้โดยง่าย ”
๑.๒ บุคลิกภาพผู้นำ ผู้นำที่จะยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จ นอกจากจะต้องมี
สติปัญญาเฉลียวฉลาด เขี่ยวชาญในการรบแล้ว ควรมีความพยายามและความ
อดทนในการทำการที่มุ่งหวัง ดังเช่น ตอนที่โจโฉใช้ความเพียรพยายามอดทนและ
ใช้จิตวิทยาเป็นอย่างมากในการผูกมัดใจกวนอูให้เกิดความจงรักภักดีต่อตนเอง
ซึ่งโจโฉก็ทำได้สำเร็จขั้นหนึ่ง แม้กวนอูจะยังคงความซื่อสัตย์ต่อเล่าปี่ไม่คลาย แต่ก็
รู้สึกสำนึกในบุญคุณของโจโฉและพร้อมที่จะตอบแทนบุญคุณในภายหน้า
“โจโฉจึงถามเทียหยกว่า ท่านจะคิดล่อลวงประการใด เทียหยกจึงว่า ท่านจับ
ทหารเล่าปี่ไว้ได้เป็นอันมาก จงให้บ าเหน็จรางวัลให้ถึงขนาด แล้วสั่งให้ท าตามค า
เราจึงปล่อยเข้าไปในเมืองให้บอกว่าหนีกลับมาได้ ถ้าเราจะท าการก็ให้เป็นไส้ศึก
อยู่ในเมือง แล้วให้แต่ง ทหารไปรบล่อ ถ้ากวนอูไล่ออกมานอกเมืองแล้ว จึงให้
ทหารซึ่งซุ่มอยู่ทั้งสองข้างล้อมไว้ จึงแต่งให้ผู้มีสติไปเกลี้ยกล่อมกวนอูเห็นจะ
ได้โดยง่าย”
๒๒
๑.๓ ความสำคัญของนักการทูต นักการทูตมีความสำคัญในการช่วยราชการ
บ้านเมือง แม้กระทั่งในยามศึกสงคราม ผู้ที่ทำหน้าที่ทางการทูตต้องเป็นผู้ที่มีสติ
ปัญญาเฉลียวฉลาด มีโวหารทางการพู ดเป็นเลิศ ดังเช่น เตียวเลี้ยวที่สามารถโน้ม
น้าวใจให้กวนอูยอมรับราชการกับโจโฉเป็นผลสำเร็จ
“เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า เดิมท่านเล่าปี่ เตียวหุยได้สาบานไว้ต่อกันว่า เป็นพี่น้อง
ร่วมสุขแลทุกข์เป็นชีวิตอันเดียวกัน.... เมื่อท่านตายแล้ว เล่าปี่ เตียวหุยก็จะตาย
ด้วย ซึ่งท่านสาบานไว้ต่อหน้ากันก็จะมิเสียความสัตย์ไปหรือ คนทั้งปวงก็จะล่วง
นินทาว่าความคิดท่านน้อย...เตียวเลี้ยวจึงว่า มหาอุปราชให้ทหารล้อมไว้เป็นอัน
มาก ถ้าท่านมิสมัครเข้าด้วยเห็นชีวิตท่านจะถึงแก่ความตายหาประโยชน์มิได้ ขอ
ให้ท่านอยู่กัมหาอุปราชก่อนเถิด จะได้มีประโยชน์สามประการ”
๑.๔ พลังของความสามัคคีช่วยให้บ้านเมืองอยู่รอดปลอดภัยจากข้าศึกศัตรู ใน
การทำสงครามถ้ามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันย่อมเกิดพลังในการต่อสู้ข้าศึก
แต่หากขาดซึ่งความสามัคคีแล้วย่อมเสียทีแก่ข้าศึกโดยง่าย เช่น การที่อ้วนเสี้ยว
ไม่ส่งทหารไปช่วยเล่าปี่ เป็นเหตุหนึ่งที่ท าให้เล่าปี่ปราชัย หรือการที่บิต๊ก บิฮอง
กันหยง ทิ้งเมืองเพราะคิดว่าจะสู้โจโฉมิได้ และตันเต๋งกลับเปิดประตูรับโจโฉเป็นเหตุ
ให้โจโฉยึดเมืองชีจิ๋วได้ง่าย
๒)สะท้อนความเชื่อของคนในสังคม
๒.๑ ความเชื่อในโชคลาง เช่น แม้โจโฉจะเป็นแม่ทัพที่มีความสามารถในการรบ
เมื่อยกทัพมาเกิดลมพายุพัดธงชัยหัก ก็ต้องพึ่งคำทำนายทายทัก จะเห็นได้ว่าเป็น
เรื่องสำคัญของการรบโบราณที่ต้องถือฤกษ์ยามและ โชคลาง ดังความว่า
“ฝ่ายโจโฉยกกองทัพมาใกล้จะถึงเมืองเสียวพ่าย พอเกิดลมพายุใหญ่พัดหนัก
ธงชัยซึ่งปักมาบนเกวียนนั้นหักทับลง โจโฉเห็นวิปริตดังนั้นก็ให้ทหารหยุดตั้งค่าย
มั่นไว้แล้วถามที่ปรึกษาว่า ซึ่งลมพายุพัดมาถูกธงชัยเราหักลงทั้งนี้ จะเห็นดีแลร้าย
ประการใด ซุนฮกจึงว่าซึ่งเกิดพายุใหญ่พัดธงชัยหักทับลงมานั้นเป็นลมตะวันออก
เวลาค่ าวันนี้ดีร้ายเล่าปี่จะยกทัพออกมาปล้นค่ายเราเป็นมั่นคง พอมอกายเข้ามา
ว่าแก่โจโฉว่าลมตะวันออกพัดมาถูกธงหักนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่ากลางคืนวันนี้จะมีผู้มา
ปล้นค่าย”
๒.๒ ความเชื่อในเรื่องความฝัน เช่น เมื่อนางบิฮูหยินและกำฮูหยินเล่าความฝัน
ของนางที่เกี่ยวกับเล่าปี่ให้กวนอูฟัง กวนอูก็เกิดวิตก ดังความว่า
“นางกำฮูหยินจึงตอบว่า คืนนี้พี่ฝันเห็นเล่าปี่ตกหลุมลงครั้นตื่นขึ้นมาก็ตกใจจึง
แก้ฝันนางบิฮูหยินเห็นพร้อมกันว่าเล่าปี่ตายแล้วพี่จึงร้องไห้รัก กวนอูได้ฟังดังนั้น
พิเคราะห์ดูเห็นฝันผิดประหลาด สำคัญว่าเล่าปี่เป็นตายก็ร้องไห้ด้วย ”
๒.๓ ความเชื่อเรื่องบุญกรรมที่ตนได้กระทำไว้ สามก๊ก ตอนกวนอูไปรับราชการ
กับโจโฉ แสดงให้เห็นความเชื่อเรื่องบุญกรรมที่ได้ทำมา ดังความว่า
“แล้วว่าบัดนี้ข้าพเจ้าเข้ามาปรึกษาด้วย พี่ทั้งสองจะเห็นประการใด นางกำฮู
หยินจึงว่าเวลาคืนนี้โจโฉเข้าในเมืองได้พี่นี้เกรงอยู่ว่าจะเป็นอันตรายต่างๆเป็นเดชะ
บุญของเรา ”
๒๓
๓)สะท้อนค่านิยมในการประพฤติปฏิบัติของคนในสังคม
๓.๑ ค่านิยมเรื่องความซื่อสัตย์ จากเรื่องสามก๊กตอนกวนอูไปรับราชการกับ
โจโฉ สะท้อนให้เห็นค่านิยมด้านความซื่อสัตย์ได้เนชัดที่สุด ดังความว่า
“โจโฉรู้ดังนั้นก็เกรงใจกวนอูว่ามีความสัตย์แลกตัญญูต่อเล่าปี่ โจโฉจึงให้
กวนอูกับภรรยาเล่าปี่ไปอยู่ ณ ตึกสองหลังมีชานกลาง กวนอูจึงให้พี่สะใภ้ทั้ง
สองคนนั้นอยู่ตึกหนึ่ง แล้วให้ทหารที่แก่ราชการอยู่รักษาประมาณสิบคน ตัวนั้น
อยู่ตึกหนึ่งระวังรักษาพี่สะใภ้ทั้งสอง”
๓.๒ ค่านิยมความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ การที่โจโฉส่งทหารไปล่อให้
กวนอูตามออกมานอกเมืองและล้อมจับตัวกวนอูไว้ เตียวเลี้ยวทหารฝ่ายโจโฉซึ่ง
กวนอูเคยช่วยชีวิตไว้เป็นผู้เข้าไปเกลี้ยกล่อมกวนอูให้ไปอยู่กับโจโฉ กวนอูยอม
จำนนแต่ขอเงื่อนไขเป็นสัญญาคือขอให้ได้เป็นข้าของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ดังความว่า
“ กวนอูจึงว่า เดิมเราได้สาบานกันไว้กับเล่าปี่ เตียวหุยว่าจะช่วยทำนุบำรุง
พระเจ้าเหี้ยนเต้แลอาณาประชาราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งเราจะสมัครเข้าด้วยนั้น
เราจะขอเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ประการหนึ่ง”
๓.๓ ค่านิยมความกตัญญูรู้คุณ เช่น ตอนที่เตียวเลี้ยวกล่าวถึงลักษณะนิสัย
ของกวนอู ดังความว่า
“อันน้ำใจกวนอูนั้น ถ้าผู้ใดมีแล้วเห็นจะเป็นเหมือนอิเยียง อันเล่าปี่กับกวนอูนั้น
มิได้เห็นพี่น้องกัน ซึ่งมีความรักกันนั้น เพราะได้สาบานต่อกัน เล่าปี่เป็นแต่ผู้น้อย
เลี้ยงกวนอูไม่ถึงขนาด กวนอูยังมีน้ำใจกตัญญูต่อเล่าปี่ จึงคิดจะติดตามมิได้ทิ้ง
เสีย ”
๔)สะท้อนเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆของจีน
๔.๑ การจัดเลี้ยง การจัดเลี้ยงเป็นเอกลักษณ์ของคนจีน ในสังคมจีนไม่ว่าจะใน
โอกาสแสดงความยินดีต้อนรับ หรือขอบคุณมักจะจัดอาหารเลี้ยงกันเป็นประจำจน
กลายเป็นประเพณีไปโดยปริยาย ดังความว่า
“อ้วนถำได้ฟังดังนั้นก็มีความสงสารเป็นอันมาก ก็ให้แต่งโต๊ะเลี้ยงแล้วจัดแจง
ที่อยู่ให้เล่าปี่อาศัย จึงแต่งหนังสือบอกไปถึงบิดาตามค าเล่าปี่ให้ม้าใช้ถือไปก่อน”
๔.๒ การให้ของกำนัล การให้ของกำนัลเป็นสิ่งที่ชาวจีนนิยมทำกันในเกือบทุก
โอกาส จากเรื่องจะเห็นได้ว่า โจโฉให้เครื่องเงิน เครื่องทองเสื้อผ้าดีๆและให้ผ้าแพร
ขาวอย่างดีแก่กวนอูเพื่อทำถุงใส่หนวด การให้ของกำนัลเช่นนี้เป็นกลวิธีหนึ่งที่
ชาวจีนนิยมกระทำเพื่อเป็นเครื่องผูกใจ ดังความว่า
“ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง โจโฉให้เชิญกวนอูมากินโต๊ะ เห็นกวนอูห่มเสื้อขาด โจโฉจึง
เอาเสื้ออย่างดีให้กวนอู กวนอูรับเอาเสื้อแล้ว จึงเอาเสื้อใหม่นั้นใส่ชั้นใน เอาเสื้อเก่า
นั้นใส่ชั้นนอก ”
“กวนอูจึงตอบว่าหนวดของข้าพเจ้าประมาณร้อยเส้น ครั้นถึงเทศกาลหนาวก็
หล่นไปบ้าง ข้าพเจ้าจึงทำถุงใส่ไว้ โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงเอาแพรขาวอย่างดี ทำถุงให้
กวนอูสำหรับใส่หนวด”
๕)ข้อคิดที่ได้รับ
๕.๑ การมีความซื่อตรงและการรักษาสัตย์เป็นคุณสมบัติของนักรบที่จะนำมาซื่ง
เกียรติยศชื่อเสียง
๕.๒ การให้ความสำคัญกับหทารหรือผู้ร่วมงาน ถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญ
ของแม่ทัพและหัวหน้า
๕.๓ การเสียสละของคนชั้นหัวหน้าย่อมเป็นแนวทางให้ผู้น้อยได้
๒๔
บรรณานุกรม
ประเสริฐ ศรีราชพัฒน์. ที่มาของเรื่องสามก๊ก. สืบค้น ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๕
จาก https://www.gotoknow.org/posts/426012
ไม่ปรากฏผู้แต่ง. สามก๊ก ม.6 ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ. สืบค้น ๑๕ มิถุนายน
๒๕๖๕
จาก https://www.samkok911.com/p
เอกรัตน์ อุดมพร. (๒๕๖๔).หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ ๖.
พิมพ์ครั้งที่ ๑๕. โรงพิมพ์ สกสค ลาดพร้าว
กรองทอง โตวรวิรัตน์. คุณค่าที่ได้รับจากเรื่องสามก๊ก. สืบค้น ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๕
จาก https://literaturethai.wordpress.com
ณัฐชยา เพ็ชรรัตน์. ใบความรู้ที่ ๑ สามก๊กตอนกวนอูไปรับราชการกับโจโฉ. สืบค้น ๑๕
มิถุนายน ๒๕๖๕
จาก https://sites.google.com/a/watpa.ac.th/krunatchaya
ไม่ปรากฏผู้แต่ง. ตัวละครหลักในเรื่องสามก๊ก. สืบค้น ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๕
จาก https://www.samkok911.com/p