ธรรมชาตขิ อง
วทิ ยาศาสตร์
เนื้อหาในบทนี้
01 02 03
ธรรมชาตขิ อง กระบวนการทาง ลกั ษณะของ
วิทยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ นักวทิ ยาศาสตร์
01
ธรรมชาตขิ อง
วทิ ยาศาสตร์
ใชว่ ิทยาศาสตรห์ รือไม?่
ใชว่ ิทยาศาสตรห์ รือไม?่
คาถามชวนคดิ
นักเรยี นคิดวา่ ถ้ากลา่ วถึงคาว่า วทิ ยาศาสตร์มี
วทิ ยาศาสตร์แตกต่าง วิทยาศาสตร์ ลักษณะอยา่ งไร
จากไสยศาสตร์อยา่ งไร นักเรียนจะนกึ ถึง
อะไรบา้ ง
“ วิทยาศาสตร์ จะเปน็ สิ่งท่มี เี หตผุ ล มี
หลกั ฐานพสิ จู น์ได้ และมีการรวบรวมขอ้ มูล
อย่างมีขัน้ ตอน จนสามารถพยากรณส์ งิ่ ทจ่ี ะ ”
เกิดขึ้นได้ และการได้มาซึ่งความรูท้ าง
วทิ ยาศาสตร์มีกระบวนการที่ชดั เจน มีระบบ
ระเบยี บซงึ่ เปน็ ลักษณะของวทิ ยาศาสตร์
ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์
● การสืบเสาะหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์มีขน้ั ตอนทเี่ ปน็ ระบบ แต่ไม่ตายตวั
● วทิ ยาศาสตร์ เปน็ กิจการทเ่ี ปน็ สากลของมนษุ ยชาติ ทกุ คนมีสว่ นร่วมได้
● ปรากฏการณต์ า่ งๆสามารถอธิบาย และทานายได้
● ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์มีความคงทน
● ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์เปลี่ยนแปลงได้ เมอื่ มีหลักฐานใหมๆ่
02
กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
วธิ กี ารทาง ทักษะทาง จิต
วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์
จดุ เริม่ ตน้ ของวิธกี ารทาง
วทิ ยาศาสตร์
การสงั เกต ความสงสัย ความสนใจ
ท่ีตอ้ งการหาคาอธิบายหรือคาตอบของปัญหา
หรือปรากฎการท่ีเกดิ ข้นึ
การกาหนดปัญหา
เม่ือทาการสงั เกต เรามักจะสงสยั ต่อไปวา่ ทาไม หรือเพราะสิ่งใด จงึ เกดิ
ปรากฏการน้นั ๆขึ้น
เซอร์ไอแซก นิวตนั : สงสยั ว่าทาไมเวลาลกู แอป๊ เป้ิลหลน่ จากตน้ ทาไมจึง
ตอ้ งตกลงสู่พน้ื ดินเสมอ ทาไมจงึ ไมล่ อยไปในอากาศ นามาสู่การคน้ พบ ความรู้เร่ือง
‘แรงโน้มถ่วง’
ต้งั สมมตฐิ าน
การคาดเดาคาตอบ หรอื สาเหตลุ ว่ งหนา้ ว่าปรากฏการน้นั ๆเปน็ เพราะ
สาเหตนุ นั้ สาเหตุนี้
ถา้ ไม่รดนา้ ตน้ ไม้ ดังนั้นตน้ ไม้จึงเหยี่ ว
ถ้าน้ามันรถหมด ดงั นนั้ รถจึงดับ
ฝกึ ตัง้ สมมตฐิ าน
ไขไ่ ก่สกุ ไข่ไกด่ บิ
ชาลีนาไขไ่ ก่ 2 ฟองมาหมนุ พบว่าไขไ่ ก่ฟองหน่งึ หยดุ หมนุ เร็วกว่า
(ถา้ ... ดังนั้น...)
ตรวจสอบสมมติฐาน
เม่ือมีการต้ังคาอธบิ ายล่วงหน้า ก็จะมีการทดสอบว่าคาอธิบาย หรือคาตอบ
ท่ตี ้งั ไวน้ ้นั เปน็ จริงหรือไม่
- สบื ค้นข้อมูล
- ออกแบบการทดลอง
ออกแบบการทดลอง
1. จะดาเนินการทดลองอย่างไร
2. เลือกใช้วสั ดอุ ปุ กรณอ์ ะไร
3. มวี ิธกี ารเก็บข้อมลู อยา่ งไร
4. มีสิง่ ใดต้องควบคมุ ให้เหมอื นกัน
5. มีสิง่ ใดต้องเปลยี่ นให้เหมอื นกัน
ออกแบบการทดลอง
สงิ่ ท่ีต้องคานงึ ในการทดลอง คอื “การควบคมุ ตัวแปร”
ตัวแปรมี 2 ประเภท คือ
ตวั แปรทีต่ ้องควบคุม ตวั แปรทต่ี ้อง
ใหค้ งที่ เปลย่ี นแปลง
ตัวแปรต้น ตวั แปรตาม
ตัวแปรควบคมุ
ตัวอย่างการทดลอง
ชาลีนาไข่ไก่สุก และไข่ไกด่ ิบมาหมนุ
เพ่อื ต้องการทดสอบวา่ เมอื่ ไข่ไก่ใบไหนจะหยุดหมุนเรว็ กวา่
ตัวแปรต้น
ตวั แปรตาม
ตวั แปรควบคมุ
ส่งิ ที่ต้องระวังในการเกบ็ ข้อมลู
การบันทึกขอ้ มูล ความซื่อสตั ยต์ อ่ ขอ้ มลู
ต้องจดบนั ทกึ และทาการสงั เกต ต้องซ่ือสตั ยต์ อ่ ข้อมลู ที่เกบ็ ได้
ทุกครงั้ จะใช้วธิ จี าไมไ่ ด้ เพราะจะทา โดยไมใ่ ช้ความคิดเหน็ สว่ นตัวไป
ใหเ้ สยี ขอ้ มูลท่สี าคญั ไป เปล่ยี นแปลงข้อมลู
วเิ คราะห์ขอ้ มลู
การแปลความหมาย ของปรากฏการณ์ หรอื ผลของการทดลองที่เราทดลอง
หรือทดสอบได้ เป็นคาอธิบายท่ีมเี หตผุ ล
สรปุ ผล
การทดลอง ทาใหไ้ ด้ข้อมูลทพ่ี ิสูจน์ว่า สมมติฐานทเ่ี ราต้ังไวเ้ ปน็ จริง
หากทดลองซา้ กันหลายๆครงั้ ได้ผลยืนยนั เหมอื นกันทุกครัง้
>>> สามารถสรปุ เปน็ ความร้ใู หม่ได้
สมมตฐิ านทต่ี ัง้ ไว้ กจ็ ะกลายเป็น ‘กฎความรู้’ หรอื ‘ความจรงิ ทาง
วิทยาศาสตร์’
วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์
1 2345
กาหนดปัญหา ต้งั สมมติฐาน ตรวจสอบ วิเคราะหข์ อ้ มลู สรปุ ผล
สมมติฐาน
ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์
ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ หมายถึง พฤตกิ รรมท่ีเกิด
จากการคดิ และการปฏิบัตกิ ารทางวทิ ยาศาสตรจ์ นเกิดความชานาญ
และความคลอ่ งแคลว่ ในการใชเ้ พ่อื แสวงหาความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์
ตลอดจนหาวธิ ีการเพอ่ื แกป้ ัญหาต่างๆ
ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์
ข้ันพ้นื ฐาน ข้ันผสม 6 ทักษะ
8 ทักษะ ทักษะ กระบวนการ
ทาง
วิทยาศาสตร์
ทักษะทางวทิ ยาศาสตรข์ ั้นพ้ืนฐาน
1. ทกั ษะการสังเกต 3. ทกั ษะการ 4. ทกั ษะการวดั
จาแนกประเภท
2. ทักษะการลง
ความเหน็ จากขอ้ มลู
ทักษะทางวิทยาศาสตร์ขน้ั พืน้ ฐาน
5. ทกั ษะการใชต้ วั เลข 7. ทกั ษะการ 8. ทักษะการหา
พยากรณ์ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง
6. ทกั ษะการส่อื
ความหมายขอ้ มลู สเปสกบั สเปส
และสเปสกับเวลา
ทักษะทางวิทยาศาสตรข์ น้ั ผสม
1. ทักษะการกาหนด 3. ทกั ษะการกาหนด
และควบคมุ ตวั แปร นิยามเชงิ ปฏิบัติการ
2. ทกั ษะการ
ต้งั สมมติฐาน
ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์ขนั้ ผสม
4. ทกั ษะการ 5. ทกั ษะการตคี วามหมาย 6. ทักษะการ
ทดลอง ขอ้ มูลและลงข้อสรปุ สร้างแบบจาลอง
จิตวิทยาศาสตร์
จิตวิทยาศาสตร์ เป็นลกั ษณะนสิ ัยของบุคคล ทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั ความรูส้ ึกนึก
คิดทางวทิ ยาศาสตร์ ซึ่งมกี ารนึกคดิ และแสดงออกได้หลายแนวทาง
เชน่ การวิเคราะห์ และใหเ้ หตุผลแตล่ ะขอ้ มลู ก่อนการประเมนิ และตัดสินใจ
การไม่แสดงความคดิ เหน็ ต่อสถานการณต์ า่ ง ๆ ก่อนลงมือทา หรอื ได้
ข้อมูลเพยี งพอ การรายงานหลักฐานอันประจกั ษอ์ ยา่ งครบถว้ นไม่แอบอ้าง
ผลงานผู้อน่ื รวมทง้ั การเห็นคณุ ค่าความสาคัญและความสนใจต่อ
วทิ ยาศาสตร์
03
ลักษณะสาคัญของ
นกั วิทยาศาสตร์
นกั วิทยาศาสตร์
มักมีลักษณะ
อย่างไร?
ชา่ งสังเกต ชา่ งสงสัย
มคี วามคดิ ริเรม่ิ ลกั ษณะสาคญั ของ มคี วามเปน็ เหตุ
สร้างสรรค์ เป็นผล
นักวิทยาศาสตร์
มคี วามมานะ มีความเชอื่ มน่ั ใน
พยายาม ตวั เอง
คาถามทบทวน
ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ ลักษณะนสิ ยั อยา่ งไรท่ชี ่วย
เปล่ียนแปลงไดห้ รอื ไม่ ใหท้ างานทางวทิ ยาศาสตร์
อยา่ งไร วิทยาศาสตร์ มี สาเร็จ
ลกั ษณะเฉพาะตัวอย่าง
ไร
Thank you