รวมเฉลยใบงาน
เรื่อง องค์ ประกอบของสารละลาย
เรื่อง สภาพละลายได้ของสาร
เรื่อง ปั จจัยที่มีผลต่อสภาพละลายได้ของสาร
เรื่อง ความเข้มข้นของสารละลาย
เรื่อง การใช้ ประโยชน์ให้ ถูกวิธีและปลอดภัย
เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลื อด
เรื่อง ระบบหายใจ
เรื่อง ระบบขับถ่าย
ชอ่ื - นามสกลุ
ชน้ั เลขท่ี
ใบงาน เรอ่ื ง องคป์ ระกอบของสารละลาย
คำส่ัง จงเติมคำในช่องวำ่ งให้ถูกต้อง
ตอนที่ 1 ควำมหมำยของสำรละลำย
ควำมหมำยของสำรละลำย
สำรละลำย (solution) หมำยถึง สำรผสมทีป่ ระกอบด้วยอนภุ ำคของสำร ตั้งแต่ (1) ...…2…….. ชนิดขึ้น
ไป ละลำยเป็น (2) สารเนื้อเดียว. ที่ไม่บริสุทธิ์ สำรละลำยแบ่งส่วนประกอบได้ 2 ส่วน คือ (3) .ตัวทาละลาย….
และ (4) ...ตวั ละลาย..... เม่ือสำรทงั้ สองผสมกันจะไมเ่ กิด (5) ....ปฏิกริ ยิ าเคมี.... ต่อกนั
ตอนที่ 2 ตำรำงระบุองคป์ ระกอบของสำรละลำย
สถำนะของ องคป์ ระกอบของสำรละลำย
สำรละลำย
สำรละลำย (0) ....ตวั ทาละลาย.... (0) ...ตวั ละลาย...
สำร สถำนะ ปรมิ ำณ สำร สถำนะ ปรมิ ำณ
นโิ ครม ของแขง็ นิกเกิล (1) (2) โครเมยี ม ของแข็ง (3)
..ของแข็ง . ..มากกว่า . ..น้อยกวา่ .
น้ำส้มสำยชู ของเหลว (4) (5) (6) กรดน้ำสม้ ของเหลว (7)
..นา้ . ..ของเหลว . ..มากกวา่ . ..นอ้ ยกวา่ .
ลกู เหม็นใน (8) (9) แก๊ส (10) (11) ของแข็ง นอ้ ยกว่ำ
..มากกวา่ . ..ลูกเหมน็ .
อำกำศ ..แก๊ส . ..อากาศ .
เงิน (12) เงนิ (13) นอ้ ยกว่ำ ปรอท ของเหลว (14)
อะมลั กรมั ..ของแข็ง . ..ของแข็ง . ..มากกว่า .
สีนำ้ (15) นำ้ (16) (17) เม็ดสี ของแขง็ มำกกวำ่
..ของเหลว . ..ของเหลว . ..นอ้ ยกว่า .
ตอนที่ 3 สรปุ เกณฑ์ในกำรบง่ ชอี้ งค์ประกอบของสำรละลำย
....ถ้าสารละลายเกิดจากตัวละลายและตัวทาละลายที่มีสถานะต่างกัน สารทมี่ ีสถานะเดียวกบั สารละลายจัดเป็นตัวทาละลาย
ถ้าสารละลายเกิดจากตัวละลายและตัวทาละลายที่มีสถานะเดียวกัน สารที่มีปริมาณมากกว่าจะเป็นตัวทาละลาย
....................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
ช่ือ - นามสกลุ
ชน้ั เลขท่ี
ใบงาน เรอื่ ง สภาพละลายไดข้ องสาร
คำส่งั จงเขียนคำว่ำ ถูก หน้ำข้อควำมที่ถูกตอ้ ง และเขยี นคำวำ่ ผิด หนำ้ ขอ้ ควำมท่ีไม่ถกู ตอ้ ง
.....ผิด....... 1. สภำพละลำยไดข้ องผงฟูเปน็ 10 กรัม ในนำ้ 100 กรัม
.....ผดิ ....... 2. สำรละลำยอ่ิมตัวเป็นสำรละลำยทมี่ ีตวั ละลำยไดน้ อ้ ยที่สดุ ในตวั นำ้ 100 กรมั
.....ถกู ....... 3. สำรละลำยอมิ่ ตัวที่อณุ หภมู ติ ำ่ งกนั จะมีปริมำณตัวละลำยต่ำงกนั ในปริมำตรตวั ทำละลำยเทำ่ กนั
.....ถกู ....... 4. สำรละลำยอิม่ ตัว คือ ปรมิ ำณของตัวละลำยท่ีละลำยไดม้ ำกทีส่ ดุ ในตัวทำละลำยจำนวนหนึ่ง ณ
อุณหภูมินน้ั
.....ผดิ ....... 5. สภำพละลำยได้ของสำร คือ ควำมสำมำรถในกำรทำละลำยของตวั ละลำยที่ละลำยได้มำกทีส่ ดุ
ณ อุณหภมู แิ ละควำมดนั ขณะน้นั
คำส่งั จงแสดงวธิ ที ำ พร้อมระบคุ ำตอบให้ถกู ต้อง
1. เมื่อสภำพละลำยได้ของกลูโคสเป็น 120 กรัม ในน้ำ 100 กรัม อุณหภูมิ 30 องศำเซลเซียส แล้วต้องกำร
เตรยี มสำรละลำยกลโู คสอมิ่ ตวั พอดี ในน้ำ 250 กรัม ที่อณุ หภูมิ 30 องศำเซลเซียส ต้องใช้กลูโคสจำนวนกีก่ รมั
สภาพละลายได้ของกลโู คสเปน็ 120 กรมั ในน้า 100 กรัม อณุ หภูมิ 30 องศาเซลเซยี ส
ทอ่ี ุณหภมู ิ 30 องศาเซลเซยี ส ในนา้ 100 กรัม ใชก้ ลูโคสจานวน 120 กรมั
ที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซยี ส ในนา้ 250 กรมั 120x250
ใช้กลูโคสจานวน = 100
= 300 กรมั
ดังนั้น เมื่อต้องการเตรียมสารละลายกลูโคสอิ่มตัวพอดี ในน้า 250 กรัม ที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส จะต้องใช้
กลูโคสจานวน 300 กรมั
2. ถ้ำนำเกลือแกง จำนวน 230 กรัม มำละลำยในน้ำ 450 กรัม ที่อุณหภูมิ 40 องศำเซลเซียส พบว่ำได้
สำรละลำยอิ่มตวั และบำงสว่ นตกตะกอน จำกน้นั กรองเอำเกลือแกงที่ไมล่ ะลำยน้ำออกแล้วทำให้แหง้ ชง่ั มวลได้
120 กรัม สภำพละลำยไดข้ องเกลือแกง ในนำ้ 100 กรมั ท่ีอุณหภูมิ 40 องศำเซลเซียสเป็นอยำ่ งไร
ถ้านาเกลือแกง จานวน 230 กรมั มาละลายในนา้ 450 กรัม ท่ีอณุ หภูมิ 40 องศาเซลเซียส
พบว่า เหลือเป็นตะกอนแห้ง 120 กรมั
จะได้ว่า ท่อี ุณหภูมิ 30 องศาเซลเซยี ส ในน้า 450 กรัม ใชเ้ กลอื แกงจานวน 230-120 = 110 กรัม
ทอี่ ุณหภูมิ 30 องศาเซลเซยี ส ในนา้ 100 กรัม 110x100
ใชก้ ลโู คสจานวน = 450
= 24.44 กรมั
ดังนนั้ สภาพละลายได้ของเกลือแกงเปน็ 24.44 กรัม ในน้า 100 กรัม ทอ่ี ณุ หภูมิ 40 องศาเซลเซียส หรือ สภาพละลาย
ได้ของเกลอื แกง ในนา้ 100 กรัม ที่อณุ หภูมิ 40 องศาเซลเซียส เท่ากับ 24.44 กรมั
ช่อื - นามสกุล
ชน้ั เลขที่
ใบงาน เรอ่ื ง ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ สภาพละลายไดข้ องสาร
คำส่งั วิเครำะห์กรำฟควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงสภำพละลำยได้ของสำร A B C และ D ในน้ำ 100 กรัม ที่อณุ หภมู ิ
ต่ำงๆ พร้อมตอบคำถำมต่อไปน้ี
1. อุณหภูมมิ ผี ลอย่ำงไรต่อสภำพละลำยไดข้ องสำรแต่ละชนดิ
เมอื่ อุณหภมู สิ ูงขึ้น สาร A และ B มสี ภาพละลายไดเ้ พม่ิ ขึ้น แต่สาร C และ D มสี ภาพละลายได้ลดลง
เมือ่ อณุ หภมู ิลดลง สาร C และ D มสี ภาพละลายได้เพ่มิ ขึ้น แต่สาร A และ B มสี ภาพละลายไดล้ ดลง
..............................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................... ...........................
2. นำสำร A B C และ D ชนดิ ละ 30 กรมั มำละลำยในน้ำปรมิ ำณ 100 กรัม ท่ีอุณหภูมิ 40 องศำเซลเซียส
สำรละลำยของสำรแต่ละชนดิ มีลักษณะของสภำพละลำยได้เปน็ อยำ่ งไร
เม่ือนาสาร A B C และ D ชนดิ ละ 30 กรัม มาละลายในน้าปรมิ าณ 100 กรัม ที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส
สารละลายแต่ละชนิดมีลักษณะ ดังนี้ สารละลาย A อิ่มตัว และมีการตกตะกอน สารละลาย B ยังไม่อิ่มตัว สามารถ
ละลายสาร B ตอ่ ไปได้อกี สารละลาย C อิ่มตัว และมกี ารตกตะกอน และสารละลาย D อ่ิมตวั และมกี ารตกตะกอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
คำสั่ง วิเครำะห์ตำรำงที่กำหนดให้ และจงเขียนคำว่ำ ถูก หน้ำข้อควำมที่ถูกต้อง และเขียนคำว่ำ ผิด
หนำ้ ขอ้ ควำมท่ีไม่ถกู ต้อง
สภาพละลายไดเ้ ป็นกรมั ในนา้ 100 กรมั
ตวั ละลาย ท่อี ุณหภมู ิ (องศาเซลเซียส) และความดันปกติ
โซเดียมคลอไรด์ (เกลอื แกง) 0 20 40 60
โพแทสเซียมไนเตรต (ดินประสิว)
แก๊สออกซเิ จน 35.7 36 36.5 37.3
13.9 31.6 47.8 106.0
0.0069 0.0043 0.0031 0.0023
.....ถกู ....... 1. เมอ่ื อณุ หภูมคิ งที่ ในนำ้ 100 กรัม แก๊สออกซิเจนละลำยในน้ำไดน้ ้อยที่สุด
.....ผดิ ....... 2. ถ้ำอุณหภูมิ 30 องศำเซลเซยี ส ในน้ำ 100 กรัม ดนิ ประสวิ จะลำยน้ำได้น้อยลง
.....ผิด....... 3. เมื่ออณุ หภูมิคงที่ ในน้ำ 100 กรัม โพแทสเซียมไนเตรตหรือดินประสวิ ละลำยไดม้ ำกทส่ี ดุ
.....ผดิ ....... 4. ถำ้ อุณหภมู ิ 10 องศำเซลเซยี ส ในน้ำ 100 กรมั แก๊สออกซิเจนจะลำยนำ้ ไดเ้ พม่ิ มำกขนึ้
.....ถกู ....... 5. เม่ือเพ่ิมควำมดันและอุณหภมู คิ งที่ ในน้ำ 100 กรัม แก๊สออกซเิ จนละลำยไดเ้ พม่ิ มำกข้นึ
.....ถกู ....... 6. เมอ่ื อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไป ในตวั ทำละลำยปริมำตรเทำ่ กนั สภำพละลำยได้ของสำรจะ
เปลย่ี นแปลงตำม
.....ถกู ....... 7. ตวั ละลำยชนดิ เดยี วกนั มีสภำพกำรละลำยในตวั ทำละลำยแต่ละชนิด ต่ำงกัน
.....ผดิ ....... 8. สภำพกำรละลำยของตวั ละลำยทกุ ชนิดในตัวทำละลำยชนดิ เดียวกนั มคี ่ำเทำ่ กันเสมอ
.....ผดิ ....... 9. สภำพกำรละลำยไดข้ องเกลือแกงเปน็ 35 กรมั ในน้ำ 100 กรัม ท่อี ุณหภูมิ 20 องศำเซลเซยี ส
.....ถกู ....... 10. ควำมสำมำรถในกำรละลำยของเกลือแกงในนำ้ ท่ีอณุ หภูมิ 20 องศำเซลเซียส ละลำยได้
มำกกว่ำตัวละลำยชนดิ อ่ืนๆ
ช่อื - นามสกลุ
ชน้ั เลขที่
ใบงาน เรอื่ ง ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย
คำส่งั จงแสดงวธิ ที ำ พร้อมระบคุ ำตอบให้ถูกต้อง
1. เกลือแกง 45 กรัม ละลำยในน้ำ 235 กรมั มีควำมเข้มขน้ รอ้ ยละโดยมวลตอ่ มวลเปน็ เท่ำใด
ความเข้มข้นร้อยละโดยมวลต่อมวล = มวลตวั ละลาย (g) x 100
มวลสารละลาย (g)
กาหนดให้ มวลตัวละลาย เท่ากับ 45 กรัม
มวลสารละลาย เท่ากบั มวลตัวละลาย + มวลตวั ทาละลาย = 45 + 235 = 280 กรัม
จะได้ว่า ความเข้มข้นรอ้ ยละโดยมวลตอ่ มวล = 45 (g) x 100 = 16.07
280 (g)
ดงั นั้น เกลือแกง 45 กรัม ละลายในน้า 235 กรมั มคี วามเข้มข้นรอ้ ยละ 16.07 โดยมวลตอ่ มวล
................................................................................................................. ............................................................
2. ถ้ำมโี พแทสเซยี มคลอไรด์ 75 กรัม จะสำมำรถเตรยี มสำรละลำยโพแทสเซียมคลอไรดเ์ ข้มขน้ ร้อยละ 20 โดย
มวลต่อปรมิ ำตร ไดส้ งู สุดกี่มิลลิลิตร
ความเขม้ ข้นรอ้ ยละโดยมวลตอ่ ปรมิ าตร = มวลตัวละลาย (g) x 100
ปริมาตรสารละลาย (cm3)
กาหนดให้ มวลตวั ละลาย เท่ากบั 75 กรัม
สารละลายโพแทสเซยี มคลอไรดเ์ ข้มข้นร้อยละ 20
75 (g)
จะไดว้ ่า 20 = ปรมิ าตรสารละลาย (cm3) x 100
ปรมิ าตรสารละลาย (cm3 ) = 75 (g) x 100 = 375 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร หรือ 375 มลิ ลลิ ติ ร
20
ดังนั้น ถ้ามีโพแทสเซียมคลอไรด์ 75 กรัม จะสามารถเตรียมสารละลายโพแทสเซียมคลอไรด์เข้มข้นร้อยละ 20 โดย
มวลตอ่ ปริมาตร ได้สงู สุด 375 มิลลิลิตร หรอื 0.375 ลติ ร
3. ตอ้ งกำรเตรียมสำรละลำยโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) เขม้ ข้นร้อยละ 48.6 โดยปริมำตรต่อปริมำตร
จำนวน 250 ลกู บำศก์เซนตเิ มตร จะต้องใช้สำรละลำยโซเดียมไฮดรอกไซด์มำตรฐำน จำนวนกลี่ กู บำศก์
เซนติเมตร
ปรมิ าตรตวั ละลาย (cm3)
ความเข้มข้นรอ้ ยละโดยปรมิ าตรตอ่ ปริมาตร = ปรมิ าตรสารละลาย (cm3) x 100
กาหนดให้ ปริมาตรตวั ละลาย เท่ากับ 250 cm3
สารละลายโพแทสเซยี มคลอไรดเ์ ขม้ ขน้ ร้อยละ 48.6
จะไดว้ ่า 48.6 = ปริมาตรตัวละลาย (cm3 ) x 100
250 (cm3)
48.6 x 250
ปริมาตรตวั ละลาย (cm3 ) = 100 = 121.5 cm3
ดงั นั้น ถ้าต้องการเตรียมสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) เขม้ ข้นร้อยละ 48.6 โดยปรมิ าตรตอ่ ปริมาตร จานวน
250 ลูกบาศก์เซนติเมตร จะตอ้ งใชส้ ารละลายโซเดียมไฮดรอกไซดม์ าตรฐาน จานวน 121.5 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร
4. กำรเตรียมสำรละลำยด่ำงทับทิมจำนวน 3 คร้ัง โดย
ครง้ั ท่ี 1 ใช้ปริมำณดำ่ งทบั ทิม 20 กรมั ในสำรละลำยจำนวน 200 ลกู บำศกเ์ ซนติเมตร
คร้ังท่ี 2 ใชป้ รมิ ำณดำ่ งทบั ทมิ 35 กรัม ในสำรละลำยจำนวน 450 ลูกบำศก์เซนตเิ มตร
ครงั้ ท่ี 2 ใช้ปริมำณดำ่ งทับทมิ 30 กรมั ในสำรละลำยจำนวน 160 ลกู บำศก์เซนตเิ มตร
ควำมเข้มข้นในกำรเตรียมสำรละลำยด่ำงทับทิมแต่ละครั้งเป็นเท่ำใด และลำดับควำมเข้มข้นจำกมำกไปน้อย
เป็นอยำ่ งไร
ความเขม้ ข้นร้อยละโดยมวลตอ่ ปริมาตร = มวลตัวละลาย (g) x 100
ปรมิ าตรสารละลาย (cm3)
.ทคี่ รั้งท่ี 1............. ............. ............. ............. ............. ............. ............. ............. ............. ............. ..............
กาหนดให้ มวลตวั ละลาย เทา่ กับ 20 กรมั
สารละลายจานวน 200 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร
20 (g)
จะได้วา่ ความเขม้ ขน้ รอ้ ยละโดยมวลตอ่ ปริมาตร = 200 (cm3) x 100 = 10
ดงั น้ัน การเตรียมสารละลายดา่ งทับทมิ ครัง้ ที่ 1 มคี วามเขม้ ข้นร้อยละ 10 โดยมวลต่อปริมาตร
.ทคี่ รัง้ ที่ 2............. ............. ............. ............. ............. ............. ............. ............. ............. ............. ..............
กาหนดให้ มวลตวั ละลาย เทา่ กบั 35 กรัม
สารละลายจานวน 450 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร
จะไดว้ า่ ความเขม้ ขน้ รอ้ ยละโดยมวลตอ่ ปรมิ าตร = 35 (g) x 100 = 7.78
450 (cm3)
ดงั นั้น การเตรียมสารละลายด่างทบั ทมิ คร้ังที่ 1 มีความเข้มขน้ รอ้ ยละ 7.78 โดยมวลต่อปรมิ าตร
.ทคี่ รัง้ ที่ 3............. ............. ............. ............. ............. ............. ............. ............. ............. ............. ..............
กาหนดให้ มวลตวั ละลาย เท่ากับ 30 กรัม
สารละลายจานวน 160 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร
30 (g)
จะไดว้ า่ ความเขม้ ข้นรอ้ ยละโดยมวลตอ่ ปริมาตร = 160 (cm3) x 100 = 18.75
ดงั น้นั การเตรยี มสารละลายด่างทับทมิ คร้งั ท่ี 1 มีความเข้มขน้ ร้อยละ 18.75 โดยมวลตอ่ ปรมิ าตร
สรปุ ได้ว่า การเตรยี มสารละลายด่างทับทมิ ครั้งที่ 3 มคี วามเข้มข้นมากท่ีสดุ
การเตรยี มสารละลายดา่ งทบั ทมิ ครั้งท่ี 1 มคี วามเขม้ ข้นรองจากครั้งท3ี่
การเตรียมสารละลายด่างทบั ทมิ คร้ังท่ี 2 มคี วามเข้มขน้ นอ้ ยที่สุด
ชอ่ื - นามสกลุ
ชน้ั เลขท่ี
ใบงาน เรอื่ ง การใชป้ ระโยชนใ์ หถ้ ูกวธิ แี ละปลอดภัย
คำสงั่ ใหน้ กั เรียนยกตวั อยำ่ งสำรละลำยในชวี ิตประจำวันมำ 5 สำรละลำย พรอ้ มอธิบำยวิธีกำรใช้ประโยชน์ให้
ถูกวิธีและปลอดภยั โดยทำเปน็ แผนผังควำมคิด
....................................... .......................................
....................................... .......................................
....................................... .......................................
....................................... .......................................
....................................... สารละลายใน .......................................
....................................... ชวี ติ ประจาวนั .......................................
....................................... .......................................
....................................... ....................................... .......................................
.......................................
.......................................
.......................................
ชอื่ - นามสกุล
ชน้ั เลขที่
ใบงาน เรอ่ื ง ระบบหมนุ เวยี นเลอื ด
คำสง่ั จงเตมิ คำในช่องวำ่ งให้ถูกต้อง
ตอนท่ี 1 องค์ประกอบของเลอื ด
นำ้ เลอื ด เซลลเ์ มด็ เลือดแดง เซลล์เมด็ เลอื ดขำว เกล็ดเลือด
เกลด็ เลอื ด น้าเลือด
มีหน้ำท่ี .ลาเลียงสารตา่ ง ๆ ไปยงั เซลล์
มีหนำ้ ท่ี .ชว่ ยทาใหเ้ ลอื ดแขง็ ตวั และ และรบั ของเสียจากเซลล์ไปกาจดั ............
หยุดไหล เมือ่ เกิดบาดแผล.................
เซลล์เมด็ เลอื ดแดง เซลล์เม็ดเลอื ดขาว
มีหน้ำท่ี .ลาเลยี งแกส๊ ออกซิเจนไปยังเซลล์และ มีหนำ้ ที่ .ตอ่ ตา้ นและทาลายเชอื้ โรคหรือ
รับแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์จากเซลลไ์ ปกาจดั สงิ่ แปลกปลอมที่เข้าสูร่ า่ งกาย.......................
............
ตอนท่ี 2 องคป์ ระกอบของหัวใจ
หลอดเลอื ดเวน หลอดเลอื ดอำรเ์ ทอรี หลอดเลอื ดฝอย
หัวใจห้องบนซ้ำย หัวใจหอ้ งลำ่ งซ้ำย หัวใจห้องบนขวำ หวั ใจห้องล่ำงขวำ
หลอดเลอื ดเวน หลอดเลือดอารเ์ ทอรี
มหี นำ้ ที่ .นาเลอื ดจากส่วนตา่ งๆ ของ มีหน้ำท่ี .นาเลอื ดออกจากหวั ใจ ไปยงั
ร่างกายกลบั เข้าส่หู ัวใจ.............................. สว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกาย..............................
หวั ใจห้องบนขวา หัวใจห้องบนซา้ ย
มหี น้ำท่ี .รับเลอื ด เมอ่ื หัวใจมกี ารบบี
ตัว................................................................. หวั ใจห้องล่างซา้ ย
มีหน้ำที่ .ส่งเลือด เมอ่ื หวั ใจมกี ารบบี
หวั ใจห้องลา่ งขวา ตัว.................................................................
หลอดเลอื ดฝอย มหี นำ้ ที่ .บริเวณทมี่ ีการแลกเปลยี่ นแกส๊ และสารกบั เซลล์ของรา่ งกาย............................
ตอนที่ 3 ทิศทำงกำรไหลเวียนของเลือด 4 7
6 8
3
1
25
1. ทศิ ทำงกำรไหลเวียนของเลือด 1-3-5-8-7-4-6-2 หรอื 3-5-8-7-4-6-2-1 หรือ 7-4-6-2-1-3-5-8 หรือ 4-6-2-
1-3-5-8-7
2. หมำยเลข 1 และ 2 คือ ร่างกาย
3. หมำยเลข 7 และ 8 คือ ปอด
4. หมำยเลข 7 ซึง่ ขณะน้นั เลือดมีปริมำณ แกส๊ ออกซิเจนมาก
สีของเลอื ดเปน็ สี แดง
เพรำะ เซลล์เม็ดเลือดแดงได้รับแกส๊ ออกซเิ จน จากการแลกเปล่ยี นแก๊สภายในปอด
5. หมำยเลข 1 ซง่ึ ขณะน้ันเลือดมปี รมิ ำณ แกส๊ ออกซิเจนต่า หรอื แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์มาก
สขี องเลือดเปน็ สี ดา
เพรำะ เซลล์เมด็ เลือดแดงได้รับแก๊สคาร์บอนออกไซด์จากส่วนตา่ งๆของร่างกาย ยกเว้นปอด
ชอ่ื - นามสกลุ
ชน้ั เลขท่ี
ใบงาน เรอื่ ง ระบบหายใจ
คำสงั่ จงเติมคำในช่องว่ำงให้ถูกต้อง
ตอนที่ 1 อวัยวะที่เก่ียวข้องกบั ระบบหำยใจ
จมูก คอหอย กล่องเสยี ง ทอ่ ลม
ถุงลม ถงุ ลมเลก็
หลอดลม หลอดลมฝอย
กลุ่มท่ี 1 มหี นำ้ ที่ ...ลาเลยี งอากาศ...................................... กลุ่มท่ี 2 มหี น้ำท่ี ...แลกเปลย่ี นแก๊ส...................................
ถุงลม ถุงลมเลก็
.
จมูก คอหอย
หลอดลม หลอดลมฝอย
กล่องเสยี ง ทอ่ ลม
ตอนท่ี 2 กลไกกำรหำยใจเข้ำและหำยใจออก
ขณะสูด กล้ำมเนอื้ กล้ำมเน้อื ปรมิ ำตร ควำมดันอำกำศ ผลที่เกิดข้ึน
ลมหำยใจ กะบังลม ยดึ กระดูกซีโ่ ครง ของช่องอก ภำยในชอ่ งอก
หำยใจ ...........หดตวั ............. ...ส่งกระดูกซี่โครง.. ..........เพิ่มขึ้น............. ..........ลดลง............ ...........อากาศ.........
....เลื่อนตา่ ลง........... ....ให้ยกตวั สูงขนึ้ ...... .................................... .................................... .....จากภายนอก....
เข้ำ .................................... .................................... .................................... .................................... เคลื่อนท่ีเขา้ สู่ปอด
หำยใจ .......คลายตวั ............. .......คลายตวั ............. ..........ลดลง............. ..........เพมิ่ ข้นึ ............. .....อากาศในปอด....
ออก .กลับสู่สภาพเดิม.... .กลับสู่สภาพเดิม.... .................................... .................................... .......ถกู ดันออกสู่.....
.................................... .................................... .................................... .................................... ........ภายนอก...........
ช่อื - นามสกุล
ชน้ั เลขที่
ใบงาน เรอื่ ง ระบบขบั ถา่ ย
คำส่ัง จงเติมคำในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ก. กำรกรอง กำรดดู กลบั กำรหลั่งสำร กำรขบั ถำ่ ย
ตอนท่ี 1 จับคูข่ อ้ ควำมท่ีสัมพนั ธ์กัน ข. ปสั สำวะ
......ฉ....... 1. ของเสียจำกระบบขับถ่ำย ค. โบวแ์ มนสแ์ คปซลู โกลเมอรลู สั ทอ่ รวม ท่อขดสว่ น
......ญ....... 2. หนำ้ ท่ขี องระบบขบั ถำ่ ย
......ข....... 3. ของเสยี ที่ขบั ถ่ำยทำงไต ต้น ท่อขดสว่ นปลำย และหว่ งเฮนเล
......ซ....... 4. อวัยวะของระบบขบั ถ่ำยของเสยี ทำงไต ง. กรองสำร ดูดกลบั และขบั สำรอื่นๆ
......ง....... 5. หน้ำทข่ี องไต จ. เหงือ่
......ฑ...... 6. สว่ นท่ีสำคัญในกำรกำจดั ของเสยี ทำงไต ฉ. สำรทีเ่ กดิ จำกกระบวนกำรเมแทบอลิซมึ ภำยใน
......ฌ...... 7. นำเลือดมำเลี้ยงไต และสง่ เลือดไปยังส่วน
รำ่ งกำยของสง่ิ มีชวี ติ ท่ีไม่มีประโยชน์หรือเกนิ ควำม
ต่ำงๆ ตอ้ งกำรรำ่ งกำย
......ฐ....... 8. เนอื้ ไตชั้นนอก และเนอื้ ไตชัน้ ใน ช. แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซดแ์ ละไอน้ำ
......ก....... 9. กลไกกำรทำงำนของกำรขับถำ่ ยของสยี ซ. ไต ทอ่ ไต กระเพำะปัสสำวะ และท่อปัสสำวะ
ฌ. หลอดเลือดรีนลั อำรเ์ ทอรี และหลอดเลือดรีนลั เวน
ทำงไต ญ. กำจดั ของเสยี และรักษำดุลยภำพของร่ำงกำย
......จ....... 10. ของเสียท่ีขบั ถ่ำยทำงผวิ หนงั ฎ. จมูก ทอ่ ลม และปอด
......ฒ...... 11. หนำ้ ท่ีของผิวหนงั ฏ. ถุงลม
......ณ...... 12. สว่ นท่ีสำคัญในกำรกำจดั ของเสียทำง ฐ. ช้นั คอรเ์ ทกซ์ และชน้ั เมดลั ลำ
ฑ. หนว่ ยไต
ผิวหนัง ฒ. ควบคมุ อุณหภูมใิ นร่ำงกำย รบั ควำมร้สู ึกและกำจดั
......ช....... 13. ของเสียทข่ี บั ถ่ำยทำงปอด ของเสีย
......ฏ...... 14. บรเิ วณทม่ี กี ำรแพร่ของแกส๊ ก่อนกำร ณ. ตอ่ มเหง่ือ
ด. ผวิ หนัง
หำยใจออก
ตอนที่ 2 เรียงลำดบั กำรขับถ่ำยของเสียทำงไต ท่อขดส่วนตน้ ท่อไต
โกลเมอรูลัส
ท่อรวม โบวแ์ มนส์
แคปซูล
หว่ งเฮนเล
รนี ัล อำรเ์ ทอรี โกลเมอรูลัส โบวแ์ มนส์แคปซลู ท่อขดสว่ นต้น
กรวยไต ท่อรวม ทอ่ ขดสว่ นปลำย หว่ งเฮนเล
ท่อไต กระเพำะปสั สำวะ ท่อปัสสำวะ