THE
age of
Napoleon
จักรพรรดินโปเลียน
ที 1
นโปเลียน โบนาปารต (ฝรัง่ เศส:Napoléon
Bonaparte; 15 สิงหาคม ค.ศ. 1769 - 5
พฤษภาคม ค.ศ. 1821), มพี ระนามเดิมวา
นโปลีโอนิ ดิ บวั นาปารต (ภาษาอิตาลี:
[napoleˈoːne di ˌbwɔnaˈparte]), มี
พระนามเลน วา "เลอ คอรส"(ชาวคอรซิกา)
หรอื "เลอ เปอติ กาโปรลั "(สบิ โทน อย)
เป็นรฐั บุรษุ และผูนําทหารชาวฝรงั่ เศสที่
มชี ่ือเสยี งในฐานะผบู ัญชาการทหารปืน
ใหญในชวงการปฏวิ ัติฝรงั่ เศส เขานําการ
ทพั ที่ประสบความสําเร็จมากมายในชวง
สงครามการปฏวิ ัตฝิ รงั่ เศสและเป็น
จักรพรรดิแหงฝรัง่ เศสในพระนามวา นโป
เลยี นท่ี 1 ตงั้ แตป ี ค.ศ. 1804 จนถึง ค.ศ.
1814 และอีกครัง้ ในชวงเวลาสนั้ ๆ ในปี
ค.ศ. 1815 ในชว งสมยั รอ ยวนั นโปเลยี น
ไดค รอบครองกจิ การในทวีปยโุ รปและทัว่
โลก
มานานกวา่ ทศวรรษ ในขณะทไี ดน้ ําพาฝรังเศสเขา้ ต่อส้รู บกับกลมุ่ พนั ธมิตรประเทศรอบดา้ น
ในช่วงสงครามนโปเลียน เขาไดร้ ับชัยชนะในศึกสงครามหลายครังและการรบสว่ นใหญ่ของ
เขาไดแ้ ผ่กวา้ งใหญไ่ พศาล ได้กอ่ ตังจักรวรรดขิ นาดใหญ่ทีปกครองทวั ทวปยโุ รปส่วนใหญ่ก่อน
ทจี ะลม่ สลายในทีสดุ ในป ค.ศ. 1815 เขาไดร้ ับการยกย่องวา่ เปนหนงึ ในผูบ้ ญั ชาการทหารทยี งิ
ใหญท่ ีสดุ ในประวตั ิศาสตร์ และการทําสงครามและการทพั ต่าง ๆ ของเขาไดถ้ กู บรรจไุ วใ้ น
หลักสูตรการศกึ ษาในโรงเรยนวชาทหารทวั โลก มรดกทางการเมอื งและวฒั นธรรมของนโป
เลียนทาํ ให้เขาเปนหนึงในผูน้ าํ ทีมชี ือเสยี งและเปนทีถกเถยี งกันมากทีสุดในประวตั ศิ าสตร์
มนษุ ยชาติ
เปนชาวเกาะคอร์ซิกามาแต่กาํ เนิด นโปเลียนเกิดในครอบครัวชาว
อติ าลที คี ่อนข้างจะเรยบงา่ ย เพียงไม่กีเดือนภายหลงั จากเกาะแห่งนีจะ
ถกู ผนวกรวมเข้ากบั ราชอาณาจกั รฝรังเศส เขาไดเ้ ขา้ รับราชการทหาร
ในฐานะเจา้ หน้าทีนายทหารปนใหญ่ในกองทพั หลวงฝรังเศส เมอื การ
ปฏิวตั ิฝรังเศสได้ปะทขุ นึ ในป ค.ศ. 1789 เขาได้ก้าวขนึ สู่ตาํ แหนง่ ยศ
ทหารอย่างรวดเร็ว ควา้ โอกาสใหม่ ๆ ทไี ด้รับการเสนอแนะโดยฝาย
คณะปฏวิ ตั แิ ละกลายเปนนายพล เมือตอนอายุ 24 ป จนในทสี ดุ คณะ
ดีแร็กตัวร์ฝรังเศสได้แตง่ ตังให้เขาเปนผูบ้ ัญชาการกองทัพแหง่ อิตาลี
ภายหลงั จากทเี ขาได้เขา้ ปราบปรามการก่อจลาจลในวนั ที 13 เดอื นว็
องเดมีแยร์ ซึงทาํ การตอ่ ต้านรัฐบาลโดยกลมุ่ กอ่ กบฎฝายนิยมเจ้า
เมอื อายุ 26 ป เขาไดเ้ รมการทัพทหารเปนครังแรกในการตอ่ กรกับ
ออสเตรยและราชวงศอ์ ิตาลีทอี ย่เู คยี งข้างกับราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค -
เอาชนะการสู้รบเกอื บทุกครังในการพิชิตคาบสมทุ รอติ าลใี นหนึงป ใน
ขณะทีได้ก่อตัง "สาธารณรัฐน้องสาว" ดว้ ยการสนบั สนุนในท้องถิน
และกลายเปนวรบรุ ุษสงครามในฝรังเศส
ในป ค.ศ. 1798 เขาได้นาํ คณะเดนิ ทางทหารไปยัง
อียิปตซ์ งึ เปนจดุ เรมตน้ ของอํานาจทางการเมือง
เขาได้ก่อรัฐประหารในเดือนพฤศจกิ ายน ค.ศ. 1799 และกลายเปนกงสลุ
คนแรกของสาธารณรัฐ ภายหลงั จากสนธิสญั ญาอาเมยี งในป ค.ศ.
1802 นโปเลยี นไดห้ ันไปสนใจในอาณานิคมของฝรังเศส เขาได้ขายดนิ
แดนลยุ เซียนาใหก้ ับสหรัฐอเมรกาและเขาได้พยายามรอฟนทาสในดิน
แดนอาณานคิ มทะเลแครเบียนของฝรังเศส อยา่ งไรก็ตามในขณะทีเขาได้
ประสบความสาํ เร็จในรอฟนทาสในทางตะวนั ออกของทะเลแครเบยี น น
โปเลยี นได้ล้มเหลวในความพยายามทจี ะเข้าปราบปรามในเมอื งแซงต์-
โดมังก์ และดนิ แดนอาณานิคมทฝี รังเศสเคยอวดอา้ งวา่ เปน "ไข่มุกแหง่
แอนทิลลสี " ไดก้ ลายเปนอิสระจนกลายเปนประเทศเฮตใิ นป ค.ศ. 1804
ความทะเยอทะยานของนโปเลียนและการยอมรับจากสาธารณชนเปน
แรงบันดาลใจใหเ้ ขากา้ วไปให้ไกลกวา่ นีและเขาไดก้ ลายเปนจักรพรรดิ
องคแ์ รกของฝรังเศสในป ค.ศ. 1804 ความแตกต่างทยี ากจะเขา้ ใจกับ
บรติชซึงหมายความวา่ ฝรังเศสกําลังเผชญิ หน้ากบั ฝายสหสัมพันธมติ ร
ครังทสี ามในป ค.ศ. 1805 นโปเลยี นไดท้ ําลายฝายสหสมั พันธมติ รนีลง
ด้วยชัยชนะทเี ดด็ ขาดในการทัพอลู ม์ และการได้รับชัยชนะครังสาํ คัญใน
ประวตั ศิ าสตร์เหนอื จักรวรรดริ ัสเซยี และจักรวรรดอิ อสเตรยในยทุ ธการที
เอาสเทอร์ลิทซซ์ งึ นาํ ไปสกู่ ารลม่ สลายของจักรวรรดิโรมันอนั ศกั ดสิ ทิ ธิ
นโปเลยี นไดก้ อ่ ตงั พนั ธมิตรฝรังเศส-เปอร์เซียและต้องการทีจะสร้างพันธมิตร
ฝรังเศส-อินเดยี ขึนมาอีกครังกับสลุ ต่านตปิ ู จักรพรรดิอนิ เดยี ชาวมุสลมิ โดย
จัดหากองทัพทไี ดร้ ับการฝกฝนจากฝรังเศสในช่วงสงครามองั กฤษ-มัยซอร์ ดว้ ย
มีจุดมุง่ หมายอย่างต่อเนืองในการเปดทางเพือเขา้ โจมตีบรติชในอนิ เดยี
ในป ค.ศ. 1806 ฝายสหสมั พนั ธมิตรครังทสี ไี ด้จับอาวธุ ปนลกุ ขนึ มาตอ่ สรู้ บกับเขาเพราะปรัส
เซียเรมกงั วลเกียวกบั การขยายอทิ ธิพลทัวทงั ทวปของฝรังเศส นโปเลยี นไดเ้ อาชนะปรัสเซยี ได้
อยา่ งรวดเร็วในยุทธการทเี ยนา–เอาเออร์ชเต็ท จากนนั กองทัพใหญข่ องเขาได้กรฑาทพั เขา้ ลกึ
ไปในยุโรปตะวนั ออกและทําลายลา้ งกองทัพรัสเซียในเดือนมถิ นุ ายน ค.ศ. 1807 ในยทุ ธการทีฟ
รายด์ลนั ด์ จากนันฝรังเศสได้บีบบงั คบั ให้ประเทศของฝายสหสมั พันธมติ รครังทสี ที ีเปนฝาย
พา่ ยแพท้ าํ การลงนามในสนธสิ ัญญาทิลซิทในเดอื นกรกฎาคม ค.ศ. 1807 ไดน้ าํ พาความสงบ
สุขทีไมส่ บายใจมาสูท่ วั ทังทวป ทลิ ซทิ ทมี ีความหมายวา่ นาํ ขนึ ไดก้ ลายเปนสัญลกั ษณข์ อง
จกั รวรรดิฝรังเศส ในป ค.ศ. 1809 ออสเตรยและบรตชิ ได้ท้าทายฝรังเศสอีกครังในช่วง
สงครามสหสมั พนั ธมติ รครังทหี ้า แต่นโปเลียนได้ยดึ ครองทวปยุโรปได้อย่างมันคง ภายหลัง
จากได้รับชยั ชนะในยุทธการทวี ากรัมในเดอื นกรกฎาคม
นโปเลยี นได้เข้ายดึ ครองคาบสมุทรไอบเี รย คาดหวงั วา่ จะขยายระบบทวป
และขัดขวางการคา้ ของบรติชกบั แผน่ ดินใหญใ่ นทวปยุโรป และประกาศ
ใหโ้ ฌแซฟ็ โบนาปาร์ต พระเชษฐาของพระองค์ ขึนครองราชยเ์ ปนกษตั รย์
แห่งสเปน ในป ค.ศ. 1808 สเปนและโปรตเุ กสได้ก่อการลุกฮอื ดว้ ยการ
สนับสนนุ ของบรติช สงครามคาบสมทุ รได้กนิ เวลาถงึ หกป โดยมีการรบ
แบบกองโจรทกี วา้ งขวาง และจบลงดว้ ยชัยชนะของฝายสัมพันธมติ รในป
ค.ศ. 1814 ระบบทวปทําให้เกดิ ความขดั แย้งทางการทูตขึนมาอีกครัง
ระหวา่ งฝรังเศสและรัฐบรวาร โดยเฉพาะอยา่ งยิงคือ รัสเซยี รัสเซียไม่
เตม็ ใจทจี ะแบกรับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการคา้ ทีลดลงและละเมิด
ระบบทวปอยเู่ ปนประจํา ทาํ ใหน้ โปเลียนต้องเข้าสสู่ งครามอีกครัง ฝรังเศส
ได้เปดฉากการบุกครองรัสเซียครังใหญ่ในชว่ งฤดรู ้อน ป ค.ศ. 1812 การ
ทพั ครังนีได้ทาํ ลายเมอื งตา่ ง ๆ ของรัสเซยี แตไ่ มไ่ ด้รับชัยชนะทเี ด็ดขาด
อย่างทนี โปเลียนต้องการ สง่ ผลทาํ ใหเ้ กิดการล่มสลายของกองทพั ใหญแ่ ละ
เปนแรงบันดาลใจก่อให้เกดิ แรงผลักดนั ขนึ มาใหม่เพือต่อตา้ นนโปเลยี นโดย
ศตั รูของพระองค์
นป ค.ศ. 1813 ปรัสเซยี และออสเตรยไดเ้ ขา้ ร่วมกับกองทพั รัสเซยี ในสงครามสหสมั พันธมิตร
ครังทหี กกบั ฝรังเศส การทัพทางทหารทียาวนานได้สนิ สดุ ลงด้วยกองทพั ฝายสมั พนั ธมิตร
ขนาดใหญ่ทีเอาชนะนโปเลียนลงไดใ้ นยุทธการทีไลพซ์ ิช แตช่ ัยชนะทางดา้ นกลยุทธ์ของ
พระองค์ในยุทธการทีฮาเนาซงึ ไดอ้ นญุ าตให้ล่าถอยกลบั ไปยังแผน่ ดินฝรังเศส จากนนั ฝาย
สมั พนั ธมิตรไดบ้ กุ ครองฝรังเศสและเข้ายดึ ครองกรุงปารสในฤดูใบไมผ้ ลิ ป ค.ศ. 1814 บบี
บังคับให้นโปเลยี นสละราชบังลังก์ในเดือนเมษายน พระองคไ์ ดถ้ ูกเนรเทศไปยังเกาะเอลบา
ด้านนอกชายฝงของทัสกานี และราชวงศบ์ รู ์บงไดร้ ับการฟนฟกู ลบั มาเขา้ สูอ่ ํานาจอีกครัง น
โปเลียนได้หลบหนีออกจากเกาะเอลบาในเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ ค.ศ. 1815 และเข้าควบคุมฝรังเศส
อีกครัง ฝายสัมพันธมติ รไดต้ อบสนองดว้ ยการกอ่ ตงั ฝายสหสมั พันธมิตรครังทเี จ็ดซงึ ได้
เอาชนะพระองค์ลงได้ในยุทธการทวี อเตอร์ลู บรติชได้เนรเทศพระองคไ์ ปยังเกาะเซนตเ์ ฮเลนา
ทีห่างไกลออกไปในมหาสมทุ รแอตแลนตกิ ตอนใต้ ซึงพระองคไ์ ดส้ วรรคตในอีกหกปตอ่ มา
เมอื มพี ระชนมายุ 51 พรรษา
อทิ ธิพลของนโปเลียนทีมตี ่อโลกสมยั ใหม่ทําใหเ้ กิดการปฏริ ูปแบบเสรนยิ มไปส่ดู นิ แดนจาํ นวน
มากทพี ระองคไ์ ด้ยดึ ครองและเข้าควบคุม เช่น กลุ่มประเทศแผน่ ดนิ ตํา สวตเซอร์แลนด์ และ
ส่วนขนาดใหญ่ของอิตาลแี ละเยอรมนใี นสมัยใหม่ พระองค์ได้ดําเนนิ นโยบายเสรนิยมทีเปน
รากฐานสาํ คัญในฝรังเศสและทัวยุโรปตะวนั ตก ประมวลกฎหมายนโปเลียนของพระองค์นนั มี
อทิ ธพิ ลตอ่ ระบบกฎหมายของประเทศมากกวา่ 70 ประเทศทวั โลก แอนดรว โรเบริ ์ต นักประ
วตั ศิ าตร์ชาวอังกฤษได้กลา่ ววา่ "แนวความคดิ ทคี อยคาํ จุนโลกสมัยใหม่ของเรา - ไม่วา่ จะเปน
คุณธรรมนิยม ความเสมอภาคตามกฎหมาย สิทธิในทรัพยส์ นิ การยอมรับความต่างทาง
ศาสนา การศึกษาทางโลกสมัยใหม่ การเงินทดี ี และอนื ๆ - ได้รับการปกปอง ทําใหเ้ กิด
ความมันคง ประมวลและขยายทางภูมศิ าสตร์โดยนโปเลียน" สาํ หรับพระองค์ทีไดเ้ พิมการ
บรหารปกครองสว่ นท้องถนิ ทมี เี หตุผลและมปี ระสิทธิภาพ เปนอันยตุ ิในการโจรกรรมใน
ชนบท การส่งเสรมวทยาศาสตร์และศิลปะ การยกเลิกระบอบศกั ดินาและประมวลกฎหมายที
ยิงใหญ่ทีสดุ นบั ตงั แตก่ ารลม่ สลายของจักรวรรดโิ รมนั
napoleon
bonaparte
วงศกร ไตรศริ ิ เลข
ท1ี 1