อารยธรรมโลก
อารยธรรมเมโสโปเตเมย
ี
โรงเรียนสาธิตแหงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
วิทยาเขตกําแพงแสน ศูนยวิจัยและพัฒนาการศึกษา
ี
ี
ั
จดทําโดย นายกนกพล เดือนแจง ช นมัธยมศึกษาปท ๖/๑ เลขท ๑๒
ั
้
เมโสโปเตเมีย
ู
ั
ํ
เป นคากรีกโบราณ ตามรปศพท ์
ี ํ
แปลว่า "ทระหว่างแม่นา "
ั
โดยมีนยหมายถง
ึ
ํ
"ดินแดนระหว่างแม่นา
ํ ั ู ี
แม่นาไทกริส กบ ยเฟรทส "
ดินแดนดังกลาวนเป นส่วนหนงของ
ี
ึ
่
ั ุ ู
" พระจันทร์เสี ยวอนอดมสมบรณ์ "
( F e r t i l e C r e s c e n t ) ซึงเป นดินแดน
รปครึงวงกลมผืนใหญ่
ู
้
ทอดโคงขึนไปจากฝ งทะเล
เมดิเตอร์เรเนยนไปจรดอาวเปอร์เซีย
่
ี
องกฤษ : Mesopotamia
ั
ี
ี
กรก : Μεσοποταμία, เมโซโปตามอา
(meso = กลาง + potamia = แมนา)
่
เมโสโปเตเมีย
ิ
ต น กา เ น ด
้
ํ
ช่วงประมาณ 3 0 0 0 ปกอนคริสตกาล
่
่
คนกลุมแรกทสร้างอารยธรรมเมโสโปเตเมียขึน
ี
ิ
ื
คอชาวสุเมเรียน ผู้คดประดษฐ์ตวอกษรขึน
ิ
ั
ั
เปนครั งแรกในโลก อารยธรรมทชาวสุเมเรียน
ี
ขึนเปนพืนฐานสําคญของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย
ั
ั ั ิ ื
"สถาปตยกรรม ตวอกษร ศลปกรรมอนๆ "
ตลอดจนทศนคตตอชีวิตและเทพเจ้า
่
ิ
ั
ิ
ของชาวสุเมเรียน ไดดารงอย่และมีอทธิพล
ู
้
ํ
ํ
ั
อย่ในลุมแม่นาท งสองตลอดช่วงสมัยโบราณ
ู
่
ชาวสุเมเรียน
่
ั
์
เมือประมาณ 4 , 0 0 0 ปกอนคริสตศกราช
ั
ชาวสุเมเรียนไดอพยพเข้ามาต งถ นฐานในบริเวณ
ิ
้
ี
ํ
ิ
ดนดอนสามเหลยม ( D e l t a ) ปากแม่นา
ู
ี
ั
ไทกรีส -ยเฟรตส ซึงเรียกกน ในเวลาตอมาว่า
่
ดนแดนซเมอร์ ในระยะแรกชมชนชาวสุเมเรียน
ู
ุ
ิ
ุ
ู
่
ี
ู
้
ั
เปนหม่บ้านยคหินใหม่ หม่บ้านเหลานไดขยายตวขึน
่
เปนชมชนวัด และในเวลาตอมา ชมชนวัดแตละแห่ง
่
ุ
ุ
ั
ไดพัฒนาขึนเปนเมือง ทสําคญ ไดแกเมือง
่
้
้
ี
ิ ิ
เออร์( U r )เมืองอเรค ( E r e c k ) เมืองอริดู ( E r i d u )
ิ
เมืองลากาซ ( L a g a s h ) และเมืองนปเปอร์ ( N i p p u r )
ุ
่
ู
ี
แตละเมืองมีชมชนเลกๆ ทรายรอบอย่เปนบริวาร
็
ํ
ทาให้มีลกษณะเปนรัฐขนาดเลกทเรียกว่านครรัฐ
ี
็
ั
่
ิ
ี
( C i t y S t a t e ) นครรัฐเหลานตางปกครองเป นอสระ
่
่ ั
แกกน
ชาวสุเมเรียน
ี
ในขณะทชาวสุเมเรียน สถาปนานครรัฐขึน
่
ทางตอนลางของลุมแม่นําไทกรีส - ยเฟรตส
ู
ี
่
่
หลายนครรัฐชนกลุมอนๆ กได้สถาปนา
็
ื
นครรัฐของตน ในบริเวณตอนเหนือขึนไป
่
ี
อกหลายแห่งแตมีความเจริญทางอารยธรรม
ด้อยกว่านครรัฐ ของชาวสุเมเรียนใน
ี
ู
ดินแดนซเมอร์กตามแตภาษาทใช้สืบมาจาก
็
่
ื
ั
ู
รากเดียวกนคอ ภาษาอนโด -ยโรเปยน
ิ
อนเปนตนกาเนิดจากภาษาลาตน กรีก
ิ
ั
ํ
้
ั
เปอร์เซีย สันสกฤต รวมท งภาษาเยอรมันและ
ภาษาโรมานซ์ในปจจบัน มองจากแงของ
ุ
่
ภาษาอนารยชนกลุมใหม่เหลานี กคอบรรพบรุษ
่
ุ
็
ื
่
ของเรานั นเอง การบกรุกทางใตของชนเหลานี
่
ุ
้
ี
ํ
มีผลทาให้ชนเผ่าอนถูกแย่งทไปอย่างรุนแรง
ื
ึ
ใน ช่วงประมาณป 1 7 5 0 ถง 1 5 5 0
กอนคริสตกาล พวกอนารยชนดังกลาว
่
่
ํ
ื
ตลอดจนพวกอนๆ ทดําเนินรอยตามได้ทาลาย
ี
ความตอเนืองทางการเมืองและวัฒนธรรม
่
้
ของดินแดนตะวัน ออกใกลสมัยโบราณ
ู
ประมาณป 1 5 9 5 ผู้รุกรานเผ่าอนโด -ยโรเป ยน
ิ
์
ั
กทาให้ราชวงศของพระเจ้าฮมบราบี
็
ู
ํ
้
ในนครบาบิโลนตองสิ นสุดลงซึงฉุดให้
ั
เมโสโปเตเมียเข้าสู่ช่วงเวลาอนยาวนานของ
ความเสือมของทางวัฒนธรรม
และความไม่สงบ ทางการเมือง
่
็
ึ
เปนชนเผาเซเมติคอีกพวหนงใน
ชนเผ่าอัสซีเร ยน
ั
ระยะแรกไดเริ่มต้งถิ่นฐานและ
สรางสรรคอารยธรรมในบริเวณ
ื
้
ภาคเหนอของลุมแมนาไทกริส
ํ
ประมาณ 1300 ป กอนคริสตกาลชาวอัสซีเรียนเริ่มทําการชยายอาณาเขตและ
ี
ในไมชาก็มีอํานาจครอบคลุมทางเหนอของหุบเขาท้งหมด ในศตวรรษที่ 10
ื
ั
กอนคริสตกาล ชาวอัสซีเรียนไดโคนอํานาจของพวกแคสไซตลงไดและสถาปนา
่
ึ
้
ึ
ื
่
จักวรรดิอัสซีเรียขน ชาวอัสซีเรียนไดขนชอวาเปนพวกที่มีชอเสียงในความเกงกลา
็
้
ื
สามารถในการรบและความดึรายทําใหสามารถแผขยายจักวรรดิออกไปอยาง
กวางขวางนบเปนจักวรรดิแหงแรกที่เจริญขนในยุคเหล็ก โดยไดท้งินุสรณแหง
็
้
ั
ึ
ิ
ํ
่
ความโหดราย ทารุณและความยิ่งใหญไวในภาพแกะสลักนูนตาอันเปนศิลปะวัตถ ุ
็
่
ที่ยังคงอยูมาจนถึงวันน ซงจักพรรดิที่ทรงอนุภาพคือ แอสซูรบานปาลไดโปรดให
ึ
ี
้
ิ
ิ
รวบรวมแผนดินเผาซงบรรจุขอเขียนดวยตัวอักษรคิวนฟอรมไวในหอสมุดใหม
ึ
่
ิ
ที่กรุงนเนอเวร ซงเปนศูนยกลางของจักวรรด ิ
็
ึ
่
ชนเผ่าบาบิโลเนียน
ั
ี
ํ
ห ล ง จ า ก ท พ ว ก สุ เ ม เ รีย น เ สื อ ม อา น า จ ล ง เ พ ร า ะ ก า ร
ั
ื
ํ
ทา ส ง ค ร า ม ก บ ช น เ ผ่ า อ น ๆ ท เ ข้ า ม า ร ก ร า น แ ล ะ แ ย่ ง ชิง
ี
ุ
่
ั
ค ว า ม เ ป น ใ ห ญ ใ น ร ะ ห ว่า ง พ ว ก สุ เ ม เ รีย น ด้ ว ย ก น เ อ ง
้
่
ต อ ม า พ ว ก อ า ม อ ไ ร ต ์ ( A M O R I T E ) ไ ด ต ง อ า ณ า จั ก ร
ั
ี
บ า บิ โ ล เ น ย ( B A B Y L O N I A K I N G D O M S ) ขึ น ม า
ี
ี
ู
ู
มี เ มื อ ง ห ล ว ง อ ย่ ท เ มื อ ง บ า บิ โ ล น ริม ฝ ง แ ม่ นา ย เ ฟ ร ท ส
ํ
ี
ี
อ า ณ า จั ก ร บ า บิ โ ล เ น ย เ ป น อ า ณ า จั ก ร ท เ ข้ ม แ ข็ ง มี ก า ร
ป ก ค ร อ ง แ บ บ ร ว ม ศ น ย์ ( C E N T R A L I Z A T I O N ) มี ก า ร
ู
์
ี
็
้
เ ก บ ภ า ษ อ า ก ร แ ล ะ ก า ร เ ก ณ ฑ ท ห า ร รัฐ ค ว บ คุ ม ก า ร ค า
้
ั
ี
่
ต า ง ๆ อ ย่ า ง ใ ก ล ชิด ผ ล ง า น ท สํา ค ญ ข อ ง อ า ณ า จั ก ร
้
บ า บิ โ ล เ น ย ไ ด แ ก ก า ร ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย เ ป น ล า ย
่
ี
์
ู
ั
ั
ั
ล ก ษ ณ อ ก ษ ร ใ น ส มั ย พ ร ะ เ จ้ า ฮ ม ม ร า บี ( H A M M U R A B I ,
่
์
ั
5 ป ก อ น ค ริส ต ศ ก ร า ช ) ซึง มี ชื อ เ รีย ก ว่า
1 7 9 2 - 1 7 4
ั
ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย ข อ ง พ ร ะ เ จ้ า ฮ ม ม ร า บี ( T H E C O D E
ู
) จ า รึก อ ย่ บ น แ ผ่ น ศ ล า ห ล ก ก า ร ข อ ง
ู
ั
ิ
O F H A M M U R A B I
ก ฎ ห ม า ย มี ร า ก ฐ า น ม า จ า ก ก ฎ ห ม า ย ข อ ง พ ว ก สุ เ ม เ รีย น
้
้
ี
่
แ ต ไ ด จั ด ใ ห้เ ป น ร ะ บ บ แ ล ะ ใ ห้อา น า จ ห น า ท ใ น ก า ร ล ง โ ท ษ
ํ
ผู้ ก ร ะ ทา ผิ ด แ ก ช น ชั น ป ก ค ร อ ง ยิ ง ขึ น ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย
ํ
่
ื
ั
ั
่
่
ู
ข อ ง ฮ ม ม ร า บี ยึ ด ถ อ ห ล ก ต า ต อ ต า ฟ น ต อ ฟ น ( A N
) ใ น ก า ร
E Y E F O R E Y E , A T O O T H F O R A T O O T H
ล ง โ ท ษ ก ล า ว ค อ ใ ห้ใ ช้ก า ร ท ด แ ท น ค ว า ม ผิ ด ด้ ว ย ก า ร ก
ื
่
ั
ํ
ี
ร ะ ทา อ ย่ า ง เ ด ย ว ก น
ํ
็
อ ย่ า ง ไ ร ก ต า ม ฝ า ย ป ก ค ร อ ง มี อา น า จ ไ ด้ ไ ม่ น า น
ั
ิ
ิ
เ พ ร า ะ พ ว ก พ ร ะ ก ล บ มี อ ท ธิพ ล เ ช่น เ ด ม อ า ณ า จั ก ร
ิ
่
บ า บิ โ ล เ น ย จึ ง เ ริ ม อ อ น แ อ แ ล ะ ถู ก พ ว ก ฮ ต ไ ท ต ์
ี
) ซึง อ พ ย พ ม า จ า ก ท า ง เ ห น อ แ ล ะ ใ ต ้ ซึง ม า
ื
( H I T T I T E (
ื
้
จ า ก เ ท อ ก เ ข า ซ า ก ร อ ส ) เ ข้ า ป ล น ส ะ ด ม เ มื อ 1 5 9 ป
0
ก อ น ค ริส ต ศ ก ร า ช ต อ ม า พ ว ก ฮ ต ไ ท ต ก เ สี ย อา น า จ ใ ห้แ ก ่
ํ
์
ิ
ั
่
์
่
็
ุ
พ ว ก ค ส ไ ซ ต แ ล ะ เ ข้ า ค ร อ บ ค ร อ ง ก ร ง บ า บิ โ ล น เ ป น เ ว ล า
ั
์
ึ
ถ ง 4 0 0 ป
เมื่อ 612 ปกอนคริสตศักราช พวกคาลเดียน (Chaldean) ซึงเปนชนเผาฮีบรูทางทิศ
ตะวันออกเฉียงใตของลุมแมนํ้าไทกริส-ยูเฟรทีสก็สามารถเขายึดกรุงนิเนเวหไดสําเร็จ และ
สถาปนากรุงบาบิโลนขึ้นเปนเมืองหลวงอีกครั้งหนึ่ง และจัดตั้งเปนอาณาจักรบาบิโลเนียขึ้น
มา อาณาจักรบาบิโลเนียใหมเปนอาณาจักรที่รุงเรืองมาก ในสมัยพระเจาเนบูคัดเนซซาร
(Nebuchadnezzar, 605-562 ปกอนคริสตศักราช) พวกคาลเดียนสามารถยกกองทัพไปตี
ไดเมืองเยรูซาเลม และกวาดตอนเชลยชาวยิวมายังกรุงบาบิโลนไดเปนจํานวนมาก ยิ่งไป
กวานั้นยังมีการสรางสวนขนาดใหญเรียกวา สวนลอยแหงบาบิโลน (Hanging Gardens
of Babylon) ซึ่งถือไดวาเปนสิ่งมหัศจรรยของโลกยุคโบราณเพราะสามารถใชความรูใน
การชลประทาน ทําใหสวนลอยนี้เขียวขจีไดตลอดทั้งป นอกจากนั้นพวกคาลเดียนใน
บาบิโลเนียใหมยังปรับปรุงดานเกษตรกรรม และเริ่มตนงานดานวิทยาศาสตร โดยเฉพาะ
อยางยิ่งทางดาราศาสตร มีการแบงสัปดาหออกเปน 7 วัน แบงวันออกเปน 12 คาบ คาบละ
120 นาที และยังสามารถพยากรณสุริยุปราคาตลอดจนคํานวณเวลาการโคจรของดวงอาทิตย
ในรอบปไดอยางถูกตอง ชาวคาลเดียนเปนชาติแรกที่ริเริ่มนําความรูทางดาราศาสตรมา
ทํานายโชคชะตาของมนุษย
เมื่อ 539 ปกอนคริสตศักราช อาณาจักรบาบิโลเนียใหมถูกกองทัพเปอรเซียโดย
การนําของ พระเจาไซรัสมหาราช (Cyrus the Great, 559-530 ปกอนคริสตศักราช) เขา
ยึดครองและผนวกเขาเปนสวนหนึ่งของจักรวรรดิเปอรเซียที่เรืองอํานาจอยูในบริเวณเอเชีย
ตะวันตก จึงนับไดวาประวัติศาสตรของดินแดนแถบเมโสโปเตเมียในยุคโบราณไดสิ้นสุดลง
ไปดวย
่
ช น เ ผ า อ ะ ม อ ไ ร ต ์
ี
์
ํ
ิ
ิ
ิ
อะมอไรตหรือบาบิโลเนยน เปนชนเผ่าเซมิตกซึงมีถ นกาเนดในแถบตะวันออกกลาง ได้
ิ
ี
ิ
ขยายอทธิพลในดนแดนเมโสโปเตเมียและสร้างจักรวรรดิบาบิโลนทเจริญร่งเรืองในช่วง
ุ
ประมาณป 1800-1600 กอนคริสตศกราช ผู้นาสําคญคอกษตริย์ฮมมราบีผู้ยิ งใหญ ซึงได้
ื
ั
์
่
ั
ํ
ั
ู
่
ั
ํ
่
ํ
ิ
สร้างความเข้มแข็งให้แกจักรวรรดบาบิโลน โดยการทาสงครามขยายดนแดนและจัดทาประมวล
ิ
ั
ั
ู
กฎหมาย คอ ประมวลกฎหมายพระเข้าฮมมราบี เพือเป นหลกฐานในการปกครองและจัดระเบียบ
ื
ํ
ึ
ี
ื
ั
ั
์
สังคม ถอเปนกฎหมายลายลกษณอกษรฉบับแรกของโลก และกฎหมายฉบับแรกทคานึงถง
สิทธิสตรีและให้สิทธิในการฟ องหย่าสามีได้ จารึกด้วยภาษาคูนฟอร์มจดเด่นใช้บทลงโทษรนแรง
ุ
ุ
ิ
ื ่ ่
คอ “ตาตอตา ฟ นตอฟ น”
นอกจากนยังสืบทอดความเจริญตางๆ ของพวกสุเมเรียนไว้ เช่น ความเชื อทางศาสนาซึงได้แก ่
ี
่
ู
่
การบชาเทพเจ้า การแบ่งกลุมชนชั นในสังคมเพื อแบ่งแยกหน้าที และความสะดวกในการ
ปกครอง การผลตสินคาอตสาหกรรมและการคาขายกบดนแดนอนๆ เช่น อยิปตและอนเดียซึง
์
ี
ิ
ื
ิ
ั
้
ุ
้
ิ
ั
่
นาความมั งค งให้แกจักวรรดบาบิโลน
ิ
ํ
ิ
ํ
ิ
ิ
ื
จักรวรรดบาบิโลนคอยๆเสือมอานาจลง เมือมีชนชาตอนขยายอทธิพลเข้ามาในดินแดนเมโสโป
่
เตเมียและสลายลงไปโดยถูกพวกแอลซีเรียนโจมต ี
ต ะ ล อ น ท ว ร์
ั
0 3
ิ
่
ชนเผาฮตไทต ์
ี
พวกฮตไทตเปนพวกอนโด-ยโรเป ยน ทอพยพมาจากทาง
ู
์
ิ
ิ
่
่
์
เหนือของทะเลดําเมือประมาณป 2300 กอนคริสตศกราช ตอมา
ั
ได้ขยายอทธิพลเข้าไปในเขตจักรวรรดิบาบิโลนและเข้าครอบ
ิ
็
์
ิ
ุ
ครองดินแดน ซีเรียในปจจบันพวกฮตไทตสามารถนําเหลกมาใช้
ุ
่
ประดิษฐ์อาวธแบบตางๆ และจัดทาประมวลกฎหมายเพือใช้
ํ
ํ
้
ี
ควบคุมสังคม โดยเน้นการใช้ความรุนแรงตอบโตผู้ทกระทาความ
่
ี
ิ
ผิด เช่น ให้จ่ายคาปรับแทนการลงโทษทรุนแรง อาณาจักรฮต
ไทตเสือมอานาจลงในราวป 1200 กอนคริสตศกราช
์
่
ํ
์
ั
ิ
ิ
ั
อกษรล มหรืออกษรคูนฟอร์ม
ั
ั
ิ
ู
ั
อกษรล มหรืออกษรคนฟอร์ม (Cuneiform)
ิ
ี
ู
เปนรปแบบการเขียนแรกเริ มทประดิษฐ์โดยชาวสุเมเรียน
ั
ในดนแดนเมโสโปเตเมียราว 3 , 0 0 0 ป กอนคริสตศกราช อกษรน ี
์
ั
ิ
่
ั
ู
เมือเขียนลงบนแผ่นดนเหนียว จะมีรปร่างเปนเหลยมๆ มีลกษณะ
ี
ิ
ี
ั
้
้
คลายกบรอยตนไก เชื อว่าเขียนดวยกานออและกดลงบน
่
้
้
ี
ิ
แผ่นดนเหนยวทออนตวแลวนําไปตากแดดหรือเผาให้แห้ง
ี
้
ั
่
ํ
จากลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเมโสโปเตเมีย เป นที ราบลุ่มแม่น ามีการทับถม
ํ
ั
ของดินตะกอนตามชายฝงแม่น าท งสอง ทําให้บริเวณแถบนี อุดมสมบูรณ ์
และมีสภาพเหมาะสมแก่การเพาะปลูก แม้ว่าสภาพอากาศในดินแดนแถบน ี
จะแปรปรวนไม่จนสามารถคาดเดาได้ก็ตาม เกิดความแห้งแล้งลําน าท่วม
ํ
ํ
เป นประจํา อันเป นเหตุให้การควบคุมน าหรือการชลประทานสาคัญจําเป น
ํ
ต่อการทํากสกรรมของผู้คนแถบนี นอกจากน นแล้ว ทางบกยังติดกับ
ั
ิ
ื
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เชอมต่ออียิปต์และอารยธรรมที กําลังก่อตัวในยุโรป
่
ได้ทางตอนใต้ก็ยังเป ดสอ่าวเปอร์เซีย ซ งเออํานวยต่อการขนสงค้าขายทางทะเล
ึ
ู่
ิ
กับอารยธรรมที ห่างไกล เช่น สนธุ ลักษณะเช่นนี เอง
ทําให้ดินแดนเมโสโปเตเมียแห่งนี เป นที หมายปองของชนกลุ่มต่างๆ
ความเจริญ
ของเมโสโปเตเมีย
- การปฏิวัติเกษตรกรรม การเพาะ
ื
ปลูก ประดิษฐ์เครองมือ จัดระบบ
ี
ั
ชลประทานขึ นเปนคร งแรก ทสามารถ
เอาชนะธรรมชาติด้วยการสร้างทํานบ
ํ
ปองกันน าท่วม คลองส่งน าและอ่างเก็บ
ํ
ํ
น า
- วรรณกรรม มหากาพย์กิลกาเมซ
ี
เกยวกับการผจญภัยของประมุขและ
วีรบุรุษ
- การประดิษฐ์จานหมุน ใช้ทํา
เครองปนดินเผาเปนเครองกลชนิดแรก
ื
ื
ของโลก
ิ
- การประดิษฐ์อักษรล มหรืออักษรค ู
นิฟอร์มคร งแรกของโลก ททําจากดิน
ั
ี
ื
เหนียว เพอบันทึกการบริหารจัดการการ
ั
ใช้ทดิน ผลผลิต ค่าเช่า สัตว์ เมล็ดพนธ ์
ี
พชทางการเกษตร การประดิษฐ์อักษร
ื
ของชาวสุเมเรียน ใช้เปนหลักฐานในการ
ศกษาประวัติศาสตร์ของโลกได ้
ึ
- ความสามารถเชิงคณิตศาสตร์ใน
การคิดคํานวณ การคํานวณพนท ี
ื
วงกลม การคิดมาตราช งตวงวัด การ
ั
นับเดือนปแบบจัรทรคติ 1 ปมี 12 เดือน
ซึ งเปนทมาของวิชาโหราศาสตร์และ
ี
ดาราศาสตร ์
- สถาปตยกรรมขนาดใหญ่ เช่น
เทวสถาน
ี
ซิกูแรต ใช้เปนสถานทบูชาเทพเจ้า
เมโสโปเตเมีย
ประมวลกฎหมาย
ู
ี
ฮมบราบ
ั
เ ม โ ส โ ป เ ต เ มี ย
ั ั ั ู
กษตริย์โบราณพระนามว่า กษตริย์ฮมมราบี (King Hammurabi)
์ ั ่
พระองคนี ปกครองกรุงบาบิโลน (Babylon) ต งแตป 1792-1750
่
ั
ู
ิ
ั
กอนคริสตกาล เริ มแรกของรัชสมัยกษตริย์ฮมมราบี ดนแดน
่
ั
เมโสโปเตเมียแตกออกเป นรัฐตางๆ ซึงตางกมีกฎข้อบังคบเป น
็
่
็
้
่
่
ั
ั
ั
ู
ของตวเอง แตสุดทายกษตริย์ฮมมราบีกสามารถรวบรวมรัฐตางๆ
็
้
ู
มาอย่ใตการปกครองของพระองคได จากนั นพระองคกรวบรวมเอา
้
์
์
้
ึ
กฎหมายจากรัฐตางๆ แลวบันทกเป นประมวลกฎหมายฉบับเดยวท ี
่
ี
ั
ั
ใช้ปกครองท วท งดินแดน ซึงเป นบทบัญญตทรวบรวมกฎหมายทมี
ี
ี
ั
ิ
เนือหาเกยวข้องกบท งการคาและภาษ การแตงงานและหย่าร้าง
้
่
ี
ั
ั
ี
และการลกขโมยและฆาตกรรมดวย และเป นประมวลกฎหมายทเกาแก ่
ั
่
ี
้
ทสุด ประมวลกฎหมายนี คดลอกไว้โดยการแกะสลกลงบนหินบะซอลต ์
ั
ั
ี
่ ี ุ ี ิ ึ
ตอมาทมนักโบราณคดีฝรั งเศสขดพบทประเทศอรัก ในป 1901 ถง 1902
ุ
้
หินสลกนี แตกเป น 3 ชิ น และไดรับการบรณะ ปจจบันประมวลกฎหมาย
ู
ั
ู
ฮมมราบีอย่ในพิพิธภณฑลูฟร์ กรุงปารีส ประเทศฝรั งเศส
ู
ั
์
ั
ี
กฎหมายดังกลาวเป นกฎหมายอาญา โดยยึดหลกทปจจบันเรียกว่า
่
ุ
ั
ั
่
"ตาตอตา ฟ นตอฟ น" อนหมายถงทาผิดอย่างไรไดโทษอย่างนั น
ึ
้
ํ
่
ั
ื
ี
ี
มีทฤษฎใหม่บางทฤษฎถอว่า การนับกฎหมายฮมมราบีให้สถานะ
ู
อย่างประมวลกฎหมายอย่างปจจบันนั นไม่ถูกตองนัก
้
ุ
ความจริงเป นเพียงอนุสรณว่ากษตริย์ฮมมราบีเปน
ั
ั
ู
์
ี
ั
"ตวอย่างกษตริย์ททรงไว้ซึงความยตธรรม" เทานั น เพราะในชีวิต
ั
ุ
ิ
่
ื ี ั
ของคนย่อมมีความผิดอย่างอนทไม่ใช่การลกขโมย
การบันทกประมวลกฎหมายของกษตริย์ฮมมราบีเป นลายลกษณอกษร
ั
ั
์
ู
ึ
ั
ั
ํ
เช่นนี ทาให้กฎหมายกลายเป นความรู้ของสาธารณะ
ั
และเป นการพัฒนาตวบทกฎหมายของสังคมดวย
้
ต ะ ล อ น ท ว ร์
ั
0 3
เกรดความร ู้ ื ั ี ื
็
พนหลงของประมวลกฎหมายนเป นเนอหาของ
ุ
์
ึ
ู่
ุ
ี
ิ
ั
กฎหมายของชาวสเมเรยนซ งชมชนทศวไลซอาศยอยมาหลายศตวรรษ
ิ
ี
ี
ู่
่
ั
ี
้
ี
ขอความทมอยเป นภาษาอคคาเดยน (เซมตก) แตรหสนมข น
ิ
ึ
ั
ี
ี
ิ
่
้
ื
้
ั
เพอใชกบขอบเขตทกวางกวาประเทศใด ๆ และเพอรวมประเพณ ี
ี
ื
ั
้
และชนชาตเซมตกและสเมเรยนเขาดวยกน ย งไปกวาน นแมจะม ี
ั
้
ิ
ิ
ุ
ิ
่
้
ี
ิ
่
ิ
่
ี
ผรอดชวตเพียงไมกคนทเกยวของกบความเป นป กแผนของ
ู้
ี
้
ั
ี
ี
ิ
ครอบครวความรบผดชอบของเขตการพจารณาคดโดยการทดสอบ
ั
ิ
ั
ี
่
่
และlex talionis (เชนตาตอตาฟนตอฟน)
่
ความเชื อ
ื
มีความเชื อถอโชคลาง
เทพเจ้าทสถตในธรรมชาตซึงมี
ิ
ี
ิ
อย่หลายองค ยกเว้นพวกฮบร ู
ู
์
ิ
ั
ื
ซึงเปนชนเผ่าทนบถอพระเจ้า
ี
์
ี
องคเดยว มีพระนามว่า
์
“พระยะโฮวาห ”
ความเชื อในศาสนาทาให้เกดการ
ิ
ํ
สร้างศาสนสถาน เช่น ชาวสุเมเรียน
ิ
ี
ํ
นาดนเหนยวมาสร้างศาสนสถาน
่ ี
ขนาดใหญทเรียกว่า “ซิกกูแรต ”
ู
ี
์
เพือบชาเทพเจ้าทมีหลายองค เช่น
เทพเจ้าแห่งทองฟ า ดวงอาทตย์
ิ
้
และดวงจันทร์ ส่วนเทพเจ้าสูงสุด
ไดแก เทพทควบคุมฤดูกาล สิ งของ
่
ี
้
ทนามาบชาเทพเจ้า ไดแก โลหะ เงน
ี
ํ
้
ู
่
ิ
ทอง และสิ งมีคาอนๆ
่
ื
ั ู
รวมท งการบชายัญ
เทพเทวีอแนนนา ( Inanna )
ิ
หรือ อนานา ( Inana )
ิ
ั ์ ู ั
เปนเทพเจ้าแห่งความรักฉนทช้สาว ( เทพปกรณมเมโสโปเตเมีย )
ั
พระองคเปนเทพเทวีแห่งสรวงสวรรค เทพแห่งความรักฉนทช้สาวใน
ู
์
์
์
้
ั
ลกษณะมีความสัมพันธ์โดยมิไดสมรสเปนเทพแห่งสงครามซึง
ี
ู
ั
ํ
ํ
พระองคแสวงหาอานาจอย่ตลอดเวลาและไม่ลงเลทจะแย่งชิอานาจน น
ั
์
์
็
มา ครั งหนงพระองคยังเคยเสดจไปยังดนแดนแห่งความตายเพือทจะ
ึ
ี
ิ
ํ
แย่งชิงอานาจจากพี สาวของตน
เกร็ดความร้ ู
้
ั
ซิกกูแรตน นเป นมหาวหารของชาวเมโสโปเตเมีย ทรงคลายพระมิด
ี
ิ
ขั นบันได มีหลายช นซ้อนขึ นไป บ้างกวาอาจสูงไดถง 7 ชั น
ึ
ั
็
่
้
ั
้
ช นบนสุดเป นวหารสาหรับบชาเทพเจามาร์ดค
ํ
ิ
ู
ุ
์
ั
ั
ซึ งเป นเทพอปถมภหลกของนครบาบิโลน
ุ
ํ ั ี ั ี
ตานานหอคอยบาเบล เมืองบาบิโลน ใน พระคมภร์ไบเบิล ในพระคมภร์ไบเบิลบทปฐมกาล 11 (Genesis 11)
ี
ุ
ิ
ั
ึ
ู
้
ี
่
ี
ั
ั
น นบันทกไว้ว่า แรกเริ มเดมทมนษย์เราพดจาภาษาเดยวกนท งหมด และไดพยายามทจะสร้างสิ งกอสร้างท ี
ั
ํ
สูงเทยมฟ าขึนมาในนครแห่งหนง เมือมนษย์สือสารด้วยภาษาเดยวกนจึงทาให้พวกเขาเข้าใจกนได้เป นอย่างด ี
ึ
ี
ุ
ั
ี
ั
้
มนษย์จึงสามารถทาไดทุกสิ งทตองการ เมือพระเจ้าเห็นดงนั นจึงเข้ามาแทรกแซงดวยการทาให้มนษย์พดกน
้
ี
ํ
ํ
้
ั
ู
ุ
ุ
คนละภาษาเสียในทสุดมนษย์ท งหลายกกระจัดกระจายออกไปท วแผ่นดิน และเลกลมความต งใจทจะสร้างเมือง
ั
็
ี
้
ิ
ี
ุ
ั
ั
ี
และสิ งปลูกสร้างสูงเทยมฟ าไป
ี
พระคมภร์บทปฐมกาล 11ให้ข้อมลไว้ว่า หอคอยบาเบลนอย่ในบริเวณทเรียกว่า ชินาร์ (Shinar) ซึงเป นคาเรียก
ํ
ู
ู
ี
ี
ั
ึ
ี
ุ
โดยท วไปของดนแดนเมโสโปเตเมีย ซึงอาณาจักรทมีอารยธรรมร่งเรืองถงขีดสุดในบริเวณนเห็นจะมีเพียงบาบิ
ิ
ี
ั
้
โลนนเอง อกท งคาว่า “ชินาร์” ยังปรากฏในพระคมภร์บทอนๆ อกหลายครั ง ซึงลวนแลวแตชี ไปหาเมืองบาบิโลน
ํ
ี
ี
ั
้
่
ื
ี
ี
ั
ท งสิ น
ั
ี
ี
้
ั
ึ
้
ี
็
ี
นกโบราณคดเองกพยายามตามหาททคาดว่าน่าจะเป นหอคอยบาเบล สุดทายพบว่ามีอาคารแห่งหนงทเคาเข้าว่า
็
ิ
ั
ี
ี
จะใช่มากทสุด กคอซิกกูแรต (Ziggurat) ทชื อว่า อ-เตเมน-อนก (Etemenanki) ทชื อแปลได้ว่า "บ้านแห่ง
ี
ื
ี
์
รากฐานของสวรรคบนพืนโลก"