The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือพิมพ์ กสิกร เล่ม 1 ปี 64 final file

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by smartcoatingcnx, 2022-02-10 23:22:42

งานกสิกร เล่มที่ 1

หนังสือพิมพ์ กสิกร เล่ม 1 ปี 64 final file

Keywords: งานกสิกร เล่มที่ 1

ค่ากลาง

ความสมดลุ ระหวา่ งงบประมาณทใ่ี ช้
กบั ผลงานวจิ ัยสสู่ าธารณชน

วิลาวณั ย์ ใคร่ครวญ

มีค�ำกล่าวว่า การลงทุนเพ่ือการวิจัย ไม่มีก�ำไรหรือขาดทุน ในความเป็นจริงแล้ว เป็นเช่นนั้นหรือ?

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 25 ปี ในการเขียนข้อเสนองานวิจัยของนักวิจัย หัวข้อของจ�ำนวน
งบประมาณมักจะเปน็ ล�ำดับท้าย ๆ ทน่ี ักวิจยั ให้ความสำ� คญั นกั วจิ ยั ส่วนใหญ่มกั จะมุ่งเป้าไปทว่ี ธิ ีการวิจยั วา่
จะมกี รรมวิธอี ะไร ทำ� ที่ไหน มีขอ้ มลู มาสนับสนุนอยา่ งไร หาเอกสารอา้ งอิง รอ้ ยเรียงหลักการเหตผุ ล ทมี่ า

ความสำ� คัญให้สอดคลอ้ งกัน

แตจ่ นถงึ ทกุ วนั นนี้ กั วจิ ยั หลายคนกย็ งั ใหค้ วามสำ� คญั การทกี่ รมวชิ าการเกษตรของบประมาณไมม่ ากแตส่ ามารถ
กับรายละเอียดในการของบประมาณเป็นล�ำดับท้าย ๆ ทำ� งานไดเ้ พราะกรมวชิ าการเกษตรมที รพั ยากรเดมิ อยบู่ า้ ง
เหมือนเดมิ แนวคิดแบบเดิมน้ีนา่ จะต้องเปล่ียนไปเพราะ นกั วจิ ยั มีงานวิจยั หลายงานจึงสามารถนำ� มาถวั เฉลยี่ เพ่ือ
สถานการณ์เปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร เพราะเม่ือถึง ให้ได้ผลงานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และนักวิจัยส่วนใหญ่
ช่วงท้ายที่ถูกจ�ำกัดด้วยระยะเวลา การท�ำงานจะเป็นไป จะมีความคดิ อยูใ่ นใจเสมอว่า ตอ้ งทำ� ให้สำ� เรจ็ ใหไ้ ดไ้ มว่ า่
แบบรีบ ๆ บางครงั้ อาจจะต้องใชฐ้ านขอ้ มลู จากงานเดิม จะมีอุปสรรคใด ๆ ก็ตาม นอกจากน้ันคือผู้บริหารของ
มาใส่ไว้ก่อน (แต่ก็ไม่ได้เปล่ียนในภายหลัง) ท�ำให้ หน่วยงานท่ีเม่ือเกิดวิกฤติเรื่องงบประมาณขึ้นคร้ังใด
ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง บางคร้ังงบประมาณมาก มกั จะหาทางชว่ ยเหลอื และผลกั ดนั จนงานสำ� เรจ็ ตลอดมา
เกินไปไม่คุ้มกับส่ิงที่จะได้ บางครั้งน้อยเกินไปจนไม่พอ ทผ่ี า่ นมาอาจทำ� ไดแ้ ตน่ า่ จะเปน็ ไปไดย้ ากในปจั จบุ นั เพราะ
สำ� หรบั ทำ� งานจนสำ� เรจ็ เมอ่ื ถกู ทวงถามจากผใู้ หท้ นุ จงึ มี ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตรมิใช่เป็นหน่วยงานเดียวท่ี
หลายครั้งที่นักวิจัยเจ้าของงานตอบไม่ได้ เป็นท่ีมาของ เปน็ หลกั ในงานวจิ ยั ดา้ นการเกษตร มหี นว่ ยงานอกี หลาย
การถูกตัดงบประมาณ หรืออาจถูกกล่าวหาถึงความ หนว่ ยงานทมี่ คี วามประสงคจ์ ะทำ� งานวจิ ยั ดา้ นการเกษตร
ไม่โปร่งใส ท้ังท่ีในความเป็นจริงแล้วการของบประมาณ มากข้ึน ๆ ดังนั้นเม่ือมีการเสนอข้อเสนอวิจัย ทุกองค์
สำ� หรบั งานวจิ ยั ของกรมวชิ าการเกษตรนนั้ มรี าคาถกู ทสี่ ดุ ประกอบทเ่ี กย่ี วขอ้ ง โดยเฉพาะงบประมาณทดี่ ำ� เนินการ
ในประเทศก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเปรียบกับหน่วยงานใดก็ตาม จะต้องมีการพิจารณาเข้มข้นมากขึ้น สมเหตุสมผล

49

สอดคลอ้ งกบั เป้าหมาย ผลงานทจี่ ะเกิด และการน�ำไป วิจัยข้ึนเพื่อให้นักวิจัยน�ำไปใช้ประโยชน์เป็นฐานในการ
ใชป้ ระโยชน์ คดิ ค�ำนวณงบประมาณ โดยปรับปรงุ จากฐานเดมิ ทเี่ คย
ใช้กันอยู่ในปี 2538 โดยการกำ� หนดหวั ขอ้ ตา่ ง ๆ ท่เี ปน็
จะเห็นได้ว่าต้ังแต่ ปี 2562 เป็นต้นมา การขอ ทมี่ าของคา่ ใชจ้ า่ ยทต่ี อ้ งใชใ้ นงานวจิ ยั มกี ารเพมิ่ เตมิ กลมุ่
งบประมาณสำ� หรบั การวจิ ยั ตอ้ งชแี้ จงรายละเอยี ดทย่ี บิ ยอ่ ย พืชให้ทันสมัยเข้ากับสถานการณ์มากขึ้น เช่น เดิมการ
มากขึ้นถึงขนาดดินสอแต่ละแท่งราคาเท่าไร ตลอดปี ปลูกไมผ้ ลสว่ นใหญจ่ ะปลกู ระยะคอ่ นขา้ งหา่ ง แต่ในชว่ ง
ใชก้ แี่ ทง่ เรมิ่ ตง้ั แตร่ ะดบั การทดลอง รวมแตล่ ะการทดลอง ดงั กลา่ ว (ปี 2554) ไมผ้ ลหลายชนดิ ปลกู ระยะชดิ มากขน้ึ
เป็นโครงการ หลายโครงการรวมเป็นชุดโครงการหรือ หรอื บางหวั ขอ้ ทเ่ี ปน็ การปฏบิ ตั ทิ เี่ พมิ่ ขนึ้ มา เชน่ การหอ่ ผล
แผนยอ่ ย ซงึ่ หวั ขอ้ การรวมงบประมาณคอื หวั ขอ้ ทน่ี กั วจิ ยั การตดั แตง่ การใชร้ ะบบนำ้� กไ็ ดม้ กี ารเพม่ิ ขนึ้ มา เปน็ การ
ทกุ ระดบั โดยเฉพาะผู้ที่ต้องรวบรวมในแตล่ ะระดบั รูส้ ึก ดแู ลพเิ ศษ จากนนั้ สง่ แบบฟอรม์ นไ้ี ปยงั นกั วจิ ยั ทงั้ สว่ นกลาง
ทรมานมากทสี่ ดุ เปน็ หวั ขอ้ ทดี่ ไู มย่ าก หากแตเ่ ปน็ หวั ขอ้ และในส่วนภูมิภาคที่มีประสบการณ์การท�ำงานในพืช
ที่ใช้เวลานาน น่ันก็เป็นเพราะแต่ละการทดลอง แต่ละ แตล่ ะชนดิ และสามารถใหข้ ้อมูลในพืชอนื่ ๆ ได้ดว้ ย
โครงการ จะมีหลักการในการค�ำนวณแตกต่างและ
หลากหลายมาก ในกรณีนหี้ ากมีค่ากลางทีม่ ีฐานมาจาก จากนั้นน�ำมาหาค่ากลางท่ีใกล้เคียงหรือเท่ากับ
ความเปน็ จริง กจ็ ะช่วยให้นักวจิ ัยมีกรอบในการค�ำนวณ ข้อเท็จจริงมากที่สุด ได้เป็นค่าใช้จ่ายในการด�ำเนินการ
ทำ� ใหใ้ ชเ้ วลาไมม่ าก และในอนาคตหากมกี ารเปลยี่ นแปลง ในกลมุ่ พืชสวนท้ังหมด 10 กลุ่ม ประกอบดว้ ย 1) ไม้ผล
ในบางรายการกส็ ามารถปรบั เปลยี่ น เพมิ่ เตมิ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ กบั ระยะปลกู ห่าง 8x8 เมตร ท่ีมีการดูแลทั่วไป 2) ไม้ผล
ยุคสมัยและสถานการณ์ไดอ้ ีกดว้ ย ระยะปลกู ห่าง 8x8 เมตร ที่ต้องใช้เทคนิคหรอื การดแู ล
มากเปน็ พิเศษเพ่ือใหอ้ อกดอก ตดิ ผล 3) ไมผ้ ลระยะชดิ
เดมิ สถาบนั วจิ ยั พชื สวนเคยมกี ารกำ� หนดคา่ กลาง 4–6 x 4-6 เมตร 4) ไมผ้ ลอายไุ มเ่ กิน 3 ปี (ทีม่ กั จะมี
สำ� หรบั งานวิจยั ทเี่ รยี กว่าคา่ ใช้จา่ ยตอ่ ไร่ หรอื unit cost ระยะปลูกค่อนข้างถ่ี) 5) พืชท่ีน�ำไปใช้ประโยชน์ในเชิง
โดยแบ่งพืชออกเป็น 5 กลุ่มพืชหลัก แต่ละกลุ่มมีพืช อตุ สาหกรรม 6) ผักและสมนุ ไพรทมี่ อี ายมุ ากกว่า 1 ปี
ตัวอย่าง 3 - 5 ชนิด เพ่ือให้นักวิจัยใช้เป็นมาตรฐาน ระยะปลกู ห่าง เป็นไม้ยืนต้น 7) ผกั และสมนุ ไพรทมี่ อี ายุ
ในการเสนอของบประมาณในระดบั การทดลอง นักวิจัย มากกวา่ 1 ปี แตส่ ว่ นใหญเ่ ปน็ เถาเลอ้ื ย 8) ผกั และสมนุ ไพร
สว่ นใหญก่ จ็ ะใชค้ า่ กลางนมี้ าอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จนเมอื่ ยคุ สมยั ทมี่ อี ายุ 6 - 12 เดอื น 9) ผกั ทม่ี อี ายสุ น้ั และสามารถปลกู
เปล่ียนไป ที่งานวิจัยมไิ ด้ท�ำเฉพาะในแปลงทดลอง หรือ ไดถ้ งึ 2 คร้งั ต่อปี และ 10) ไม้ดอกไม้ประดับ คา่ กลางนี้
ตอ้ งมคี วามรว่ มมอื กบั หนว่ ยงานภายในกรม หรอื อาจจะ ถูกน�ำไปใช้ในการค�ำนวณงบประมาณของนักวิจัยของ
ร่วมงานกับหน่วยงานนอกกรม ท�ำให้มีการก�ำหนด สถาบนั วิจยั พืชสวนส่วนใหญ่ รวมถึงผเู้ ขียนด้วย พบวา่
งบประมาณเปลี่ยนแปลงไป ส่วนมากจะเป็นไปในทาง งบประมาณท่ีได้จากการน�ำค่ากลางมาใช้น้ีครอบคลุม
เพ่มิ หลายคร้ังเพ่มิ เปน็ เทา่ ตวั และเพียงพอกับการด�ำเนินการตั้งแต่ปี 2554 จนถึง
ปจั จุบัน
ในช่วงที่ผ่านมาการพิจารณาข้อเสนอวิจัยมักจะ
พบปญั หาของความลกั ลนั่ ของงบประมาณเมอื่ เขา้ สกู่ าร นอกจากนั้นมีหลายครั้งท่ีค่าใช้จ่ายต่อหน่วยน้ี
พิจารณาของคณะกรรมการบริหารงานวิจัยของหน่วย ถกู นำ� ไปใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู สำ� หรบั หนว่ ยงานนอกกรมวชิ าการ
งาน ท่ีสังเกตเหน็ วา่ งบประมาณทีใ่ ชใ้ นงานท่ีมีคล้ายกนั เกษตร เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาท่ีดิน
กลับมีการเสนอของบประมาณท่ีแตกต่างกันมาก หาก เปน็ ตน้ อยา่ งไรกต็ ามในปจั จบุ นั ทกี่ ารเปลย่ี นแปลงคา่ เงนิ
จะใช้ค่าเดียวควรจะใช้ของงานใด จึงเป็นที่มาของการ เมอ่ื เทยี บกบั คา่ ครองชพี ปจั จบุ นั คา่ ใชจ้ า่ ยตอ่ ไรท่ ท่ี ำ� การ
จัดท�ำ unit cost ปรบั ปรงุ ใหม่ สำ� หรบั งานวจิ ัยพืชสวน ปรับปรุงในปี 2554 จงึ ไดเ้ พิม่ ค่าใช้จา่ ยดังกล่าวอีก 8%
ท่ีได้เรมิ่ ดำ� เนนิ การในปี 2554 ปรากฏในตาราง คา่ ใช้จ่ายต่อไร่ (unit cost) งานวิจยั ปี
2563
ขณะท่ีในปี 2554 สถาบันวิจัยพืชสวนยังมีกลุ่ม
วจิ ยั เศรษฐกิจอยู่ ได้ท�ำการปรับปรงุ คา่ ใช้จ่ายต่อไรง่ าน

50

คา่ ใชจ้ า่ ยตอ่ ไร่ (Unit Cost) งานวจิ ัย ปี 2563
สถาบันวจิ ยั พชื สวน กรมวิชาการเกษตร

51

โดยปกติส�ำหรับงานวิจัยด้านการเกษตรที่เป็น พอสมควรที่จดบันทึกข้อมูลที่สามารถน�ำไปใช้ได้
งบประมาณในการดำ� เนนิ การจะมอี ยู่3 สว่ นหลกั สว่ นแรก งบประมาณในการจ้างผู้ช่วยนักวิจัยที่พอจะมีวุฒิการ
คือค่าจ้างแรงงาน ซึ่งแรงงานท่ีต้องใช้ในการเกษตรจะ ศกึ ษาทเี่ กย่ี วขอ้ งจึงตอ้ งมกี ารเสนอขอเสมอ
เริ่มต้นด้วยขั้นตอนของการเตรียมพ้ืนที่ท่ีอาจจะต้องมี
การบกุ เบกิ หรอื ใชพ้ น้ื ทเี่ ดมิ ทเ่ี คยมกี ารปลกู พชื กอ่ นหนา้ ส่วนที่ 2 คือค่าวัสดุ อันประกอบด้วยค่าวัสดุ
เตรยี มแปลงปลูก เตรียมพันธ์ุ การปลูก การดูแลรกั ษา การเกษตร เชน่ เมลด็ พนั ธ์ุ ตน้ พนั ธพ์ุ ชื ปยุ๋ อนิ ทรยี ์ ปยุ๋ เคมี
ต้นพืชท่ีปลูกให้เจริญเติบโตปกติ ซ่ึงการดูแลรักษาก็ สารปอ้ งกนั กำ� จดั ศตั รพู ชื อาหารเสรมิ ถงุ หอ่ ผลไม้ สแลน
มักจะไม่พ้นการให้น�้ำ อาจจะมีการท�ำระบบน�้ำเฉพาะ ไม้ค�้ำยัน ตลอดจนวัสดุปลกู สำ� เรจ็ รูป ภาชนะปลกู ฯลฯ
ใชร้ ะบบนำ้� หยด ระบบพน่ ฝอย หรอื เปน็ เพยี งการทำ� รอ่ ง ซงึ่ ปจั จุบันวงการเกษตรมีการพฒั นาอย่างมาก บางครงั้
ระบายน�ำ้ ตื้น ๆ ส�ำหรับการใหน้ ำ้� แบบสายยาง หรือการ การใชว้ ัสดุใหม่ที่มใี นท้องตลาดทที่ ำ� ใหเ้ กดิ ความสะดวก
ให้น้�ำตามร่อง มีการใช้พลาสติกคลุมแปลงหรือไม่คลุม ในการด�ำเนินงานนักวิจัยก็ต้องตามสถานการณ์ให้ทัน
หรอื ใชฟ้ างขา้ วคลมุ แปลง การกำ� จดั วชั พชื การตดั แตง่ กง่ิ เพอ่ื จะไดม้ ขี อ้ มลู ทเี่ ปน็ ทางเลอื กใหก้ บั เกษตรกรดว้ ย วสั ดุ
การตัดแต่งส่วนเป็นโรค การหอ่ ผลในไมผ้ ล การฉดี พ่น อน่ื ๆ ไดแ้ ก่ วสั ดสุ ำ� นกั งาน วสั ดสุ ำ� หรบั การบนั ทกึ ขอ้ มลู
สารเคมปี อ้ งกนั โรค แมลง การเกบ็ เกย่ี วผลผลติ และอาจ และน้ำ� มันเชอ้ื เพลิง ระบบน�ำ้ เหล่านีค้ ือวัสดุจำ� เปน็ ท่ีจะ
จะมขี น้ั ตอนอน่ื ๆ เพมิ่ เตมิ ขนึ้ กบั พชื และจดุ ประสงคข์ อง ตอ้ งใชใ้ นการดำ� เนนิ การทดลองในแต่ละครั้ง
การทดลอง

ข้นั ตอนตา่ ง ๆ เหลา่ น้ีนอกจากจะต้องเกี่ยวข้อง
กับวัสดุที่ต้องใช้แล้ว งบประมาณส�ำคัญคือค่าจ้างแรง
ของบุคลากร ซ่ึงบางท่ีใช้ลูกจ้างประจ�ำ หรือพนักงาน
ราชการ ขณะท่ีส่วนใหญ่มักจะต้องเป็นลูกจ้างช่ัวคราว
รายวัน หรือที่เรียกกันติดปากว่า “จ้างเหมา” เป็น
ผู้ด�ำเนินการ และเม่ือเป็นงานวิจัย งานส�ำคัญท่ีถือเป็น
หัวใจคือการจดบันทึกข้อมูลซึ่งนอกจากนักวิจัยแล้ว
ในการบันทึกผลการทดลอง ข้อมูลต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง
จะตอ้ งใชผ้ ชู้ ว่ ยนกั วจิ ยั ทม่ี คี วามรู้ ความเขา้ ใจงาน มที กั ษะ

52

สว่ นที่ 3 ในระหวา่ งการทำ� งานของนกั วจิ ยั จำ� เปน็ ค่ากลางของงานวิจัยท่ีเป็นพืชผักที่มักจะใช้พื้นที่
จะตอ้ งมกี ารเดนิ ทางเพอื่ ตดิ ตามงาน ไปประชมุ ไปอบรม ในการท�ำงานน้อย แต่ต้องใช้ความประณีตในการดูแล
สมั มนา เพอ่ื เพม่ิ พนู ความรู้ เพอื่ เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในการ รักษาสูง ระยะปลูกชิดมากจะมีค่าใช้จ่ายในการเตรียม
ทำ� งานใหก้ บั ตนเองหรอื ใหก้ บั ผอู้ นื่ ซง่ึ งบประมาณสว่ นน้ี แปลง ค่าเมล็ดพันธุ์ค่อนข้างสูง การจดบันทึกต้องท�ำถ่ี
จะใชใ้ นอตั ราสว่ นทพี่ อสมควร สว่ นใหญจ่ ะประกอบดว้ ย มากกว่า ขณะที่งานด้านไม้ผลจะมีจ�ำนวนต้นต่อพื้นท่ี
คา่ เบย้ี เลย้ี ง คา่ ทพี่ กั และคา่ เดนิ ทาง บางครงั้ อาจเดนิ ทาง นอ้ ย การเตรียมพื้นที่ไม่คอ่ ยพิถีพิถนั นัก เตรียมอย่างดี
เพยี งคนเดียว หรอื ตอ้ งไปเป็นคณะ เฉพาะหลุมปลูก มีการบันทึกข้อมูลตามฤดูกาลท่ีไม่ถี่
เท่าผัก การฉีดพ่นสารก�ำจัดศัตรูพืชเฉพาะบางช่วง แต่
จะตอ้ งใชพ้ น้ื ทด่ี ำ� เนนิ การจำ� นวนมากในแตล่ ะการทดลอง
ขณะทง่ี านไมด้ อกไมป้ ระดบั จะเปน็ งานทต่ี อ้ งมเี ครอ่ื งมอื
อุปกรณ์หลายอย่าง มักจะเป็นอุปกรณ์เฉพาะท่ีมีราคา
แพง การดูแลรักษาย่ิงต้องมีความประณีตมากกว่า
พชื สวนกลมุ่ อนื่ ๆ

ค่ากลางดังกล่าวใช้ส�ำหรับงานวิจัยพืชสวนท่ัวไป
การปฏบิ ตั สิ ว่ นใหญอ่ ยใู่ นแปลงทดลอง ไมร่ วมถงึ งานวจิ ยั
ที่มีขัน้ ตอนพิเศษ เชน่ การวเิ คราะห์สารส�ำคญั การวจิ ยั
ในห้องปฏิบัติการข้ันสูงท่ีต้องใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์
และ/หรือใชส้ ารเคมรี าคาแพง งานวจิ ยั ในเชิงส�ำรวจที่มี
เนอ้ื หาของงานตา่ งออกไป อยา่ งไรกต็ ามนกั วจิ ยั สามารถ
ใช้คา่ กลางนีแ้ ล้วผนวกรายละเอยี ดของค่าใช้จา่ ยเฉพาะ
เหล่าน้ีเขา้ ไปได้เช่นกัน

การมีค่ากลางเพื่อให้นักวิจัยมีฐานในการค�ำนวณค่าใช้จ่ายในการของบประมาณ หากได้มีการ
น�ำไปใช้ แม้ในบางการทดลองอาจจะมกี ารปรบั เปลีย่ นเพอ่ื ให้เขา้ กับบรบิ ทกบั เนอ้ื หา ก็จะท�ำให้นกั วิจัย
มีทศิ ทางในการคำ� นวณไปในแนวเดียวกนั ดกี ว่าตา่ งคนต่างคิด

เม่ือนักวิจัยมีความตั้งใจท่ีจะท�ำการทดลองใดก็ตาม
งบประมาณเป็นสิ่งจ�ำเป็นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารายละเอียดของ
วิธีการที่จะท�ำการทดลอง การจัดท�ำข้อเสนองานวิจัยที่ต้อง
ทำ� อยา่ งเครง่ เครยี ดในทกุ วนั น้ี กเ็ พอ่ื ใหไ้ ดง้ บประมาณมาดำ� เนนิ
การ อย่างไรก็ตามงบประมาณท่ีเสนอขอจะต้องสมเหตุสมผล
มที มี่ า มคี วามสมดลุ ระหวา่ งเงนิ ทจ่ี ะใชแ้ ละผลงานทจ่ี ะได้ เพอ่ื ให้
ผลงานงานวจิ ยั นนั้ คมุ้ คา่ สามารถสรา้ งประโยชนใ์ หก้ บั สาธารณชน
ท่วั ไป

53

สนิ คา้ เกษตรน�ำเข้าและส่งออก
ชายแดนไทย-ลาว

ช่วงโควิด-19

วชั รนิ แหลมคม

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19
ทำ� ใหด้ า่ นชายแดนไทย-ลาว เพมิ่ มาตรการการคดั กรองคนเขา้ -ออก อยา่ งเขม้ งวด สง่ ผลให้
การส่งออก-นำ� เข้าสนิ ค้ามีความลา่ ชา้ มาก ในสว่ นสินค้าเกษตรท่จี ะสง่ ออกไปยงั ต่างประเทศ
จะตอ้ งมเี อกสารใบรับรองสขุ อนามยั พชื (Phytosanitary Certificate: PC) รับรองและก�ำกบั
ควบคู่ไปกับสินค้าทางการเกษตรทุกคร้ัง ซึ่งหน่วยงานที่ควบคุม ดูแล ก�ำกับ ตรวจสอบ
โดยเฉพาะดา่ นตรวจพชื และหนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง ไดร้ ว่ มมอื กนั จดั เตรยี มความพรอ้ มสำ� หรบั
การนำ� เขา้ -สง่ ออก เพือ่ อ�ำนวยความสะดวกแกผ่ ูป้ ระกอบการให้น�ำเขา้ -ส่งออกได้รวดเรว็ ข้นึ

54

ขอ้ ก�ำหนดในการขนสง่ สนิ คา้ หากจะส่งเข้าไปยังเมืองหรือแขวงต่าง ๆ ของ
กรณีการส่งออกสามารถแจ้งนายตรวจพืชให้ไป สปป.ลาว จะต้องให้ชาวลาวเป็นคนขบั รถหรือใชร้ ถลาว
ในการขนส่งต่อเท่าน้ัน และพนักงานขับรถบรรทุกและ
ตรวจสินค้าท่ีโรงคัดบรรจุ และให้ผู้ประกอบการ หรือ พนกั งานประจำ� รถตอ้ งผา่ นการตรวจคดั กรองโรคตดิ เชอื้
ตัวแทนผปู้ ระกอบการ มารบั เอกสารเพอ่ื ไปตรวจปลอ่ ย ไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 จากเจ้าหน้าท่ีด่าน
สนิ คา้ ตามขน้ั ตอนตอ่ ไป ในสว่ นของการตรวจสอบสนิ คา้ ควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ระหว่างประเทศ ณ จุดผา่ นแดนถาวร
ทางการเกษตรทน่ี ำ� เขา้ กเ็ ชน่ กนั นายตรวจพชื จะไปตรวจ สะพานมติ รภาพไทย-ลาว แล้วเท่าน้นั
สมุ่ เกบ็ ตวั อยา่ งสนิ คา้ รว่ มกบั หนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งทลี่ าน
ตรวจศุลกากร หรือตามเขตท่ีก�ำหนดตามศุลกากรเม่ือ มาตรการคดั กรองการขา้ มแดน
รถบรรทุกมาถงึ
ในการเดินทางเข้าออกของบุคคลจะต้องแสดง
โดยปฏิบัติตามข้อก�ำหนดในขนส่งสินค้าเฉพาะ เอกสารตรวจสุขภาพกับเจ้าหน้าท่ีที่ตรวจคนเข้าเมือง
สินคา้ ท่ีก�ำหนดเท่านั้นทส่ี ามารถเขา้ -ออก ระหว่างด่าน เพื่อยืนยันว่าปลอดโรคโควดิ -19 และเจ้าหน้าทจ่ี ะตรวจ
สากล หรือจดุ ผา่ นแดนถาวร บุคคลท่วั ไปยงั ไม่สามารถ สอบประวัตกิ ารเดนิ ทางยอ้ นหลัง 14 วัน รฐั บาล สปป.
เข้า-ออกได้ (ตามประกาศสถานเอกอัครราชทูต ลาว สั่งปดิ ดา่ นประเพณีและดา่ นทอ้ งถน่ิ ทัง้ หมด (หรือ
ที่ 17/2563 เรอ่ื ง มาตรการการเข้าเมอื งของ สปป.ลาว ทีท่ างการไทยเรยี กวา่ “จุดผอ่ นปรน”) รวมท้งั ทางด้าน
เพ่ือป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ประเทศไทย ตง้ั แตว่ นั ท่ี 19 มนี าคม - 20 เมษายน 2563
2019 หรือโรคโควดิ -19 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2563) เปน็ ตน้ ไป จนกวา่ การการแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรสั
โคโรนา 2019 หรอื โรคโควดิ -19 จะคลคี่ ลายหรอื มคี ำ� สงั่
ส�ำหรับการน�ำเข้า-ส่งออกสินค้า และสินค้า เปลีย่ นแปลงเป็นอย่างอืน่
ผา่ นแดน สามารถด�ำเนนิ การได้ตามระเบียบกฎหมายที่
เกยี่ วขอ้ ง โดยรถบรรทกุ ตอ้ งมกี ารฉดี พน่ นำ้� ยาฆา่ เชอ้ื ให้
มพี นกั งานขบั รถและพนกั งานประจำ� รถรวมไมเ่ กนิ 2 คน
ไม่อนุญาตให้มีผู้โดยสารหรือผู้ติดตามออกนอกราช
อาณาจักรไปกับรถบรรทุกขนสง่ สนิ ค้าเข้า-ออก ไดท้ จี่ ุด
ขนส่งระหว่างประเทศเทา่ น้นั

55

สถานการณ์ข้อมลู การนำ� เข้าและส่งออกสนิ ค้าเกษตรชายแดนไทย-ลาว ในเดือนเมษายน - สงิ หาคม 2563
ภายใตก้ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 เกือบทว่ั โลกได้ประกาศลอ็ กดาวน์ เพ่ือ
ปอ้ งกันการแพร่ระบาดไวรสั โคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มคี ำ� สงั่ หา้ มบุคคลเข้า-ออก ข้ามเขตพน้ื ทจ่ี งั หวัด เวน้ แต่
เพอ่ื ประโยชนใ์ นการรักษาพยาบาลฯ ตลอดจนการขนส่งสนิ คา้ ท่จี ำ� เป็น สินค้าอุปโภค-บรโิ ภค อุปกรณเ์ ครื่องมือเพ่ือ
ประโยชน์ทางการแพทย์ ฯลฯ เป็นต้น

ขอ้ มลู การน�ำเขา้ และสง่ ออก บาท คดิ เปน็ สดั สว่ นรอ้ ยละ 4.44 ดา่ นตรวจพชื หนองคาย
มมี ลู คา่ การนำ� เขา้ -สง่ ออก รวม 209.892 ลา้ นบาท คดิ เปน็
พบว่าข้อมูลการน�ำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตร สัดส่วนร้อยละ 0.87 และด่านตรวจพืชท่าลี่ มีมูลค่า
ชายแดนไทย-ลาว ชว่ งทมี่ กี ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอื้ การน�ำเข้า-ส่งออก รวม 178.854 ล้านบาท คิดเป็น
ไวรสั โคโรนา 2019 หรอื โรคโควดิ -19 ตงั้ แตเ่ ดอื นเมษายน สดั สว่ นร้อยละ 0.74 ดงั ภาพ
ถึงเดือนสิงหาคม 2563 ซ่ึงมีด่านตรวจพืชถาวรส�ำคัญ
ทางภาคอสี านทอี่ ยตู่ ดิ ประเทศเพอื่ นบา้ น สปป.ลาว มมี ลู คา่
การน�ำเข้า-ส่งออกรวมท้ังหมด 24,196.097 ล้านบาท
ไดแ้ ก่ ดา่ นตรวจพืชนครพนม มีมลู ค่าการนำ� เข้า-สง่ ออก
รวม 17,852.919 ลา้ นบาท คดิ เปน็ สดั สว่ นรอ้ ยละ 74.24
ด่านตรวจพืชมกุ ดาหาร มีมลู ค่าการนำ� เขา้ -สง่ ออก รวม
2,430.742 ลา้ นบาท คดิ เปน็ สดั สว่ นรอ้ ยละ 10.11 ดา่ น
ตรวจพชื บงึ กาฬ มมี ลู คา่ การนำ� เขา้ -สง่ ออก รวม 2,308.405
ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 09.60 ด่านตรวจพืช
ชอ่ งเมก็ มมี ลู คา่ การนำ� เขา้ -สง่ ออก รวม 1,066.913 ลา้ น

56

แผนภาพแสดงข้อมลู การน�ำเขา้ และสง่ ออกสินคา้ เกษตรชายแดนไทย-ลาว
ช่วงท่ีมีการแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 หรอื โรคโควิด-19

ตงั้ แต่เดือนเมษายน ถึงเดือนสงิ หาคม 2563

0.87% 0.74% นครพนม
บงึ กาฬ
มกุ ดาหาร
ช่องเม็ก
หนองคาย
ท่าลี่

ทม่ี า : สำ� นกั ควบคมุ พชื และวัสดกุ ารเกษตร กรมวชิ าการเกษตร

สินคา้ น�ำเข้าทสี่ ำ� คัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มนั สำ� ปะหลงั (Cassava) มีมลู ค่า 433.025 ลา้ นบาท รองลงมาคือ
กล้วย (Banana) มีมูลคา่ 216.456 ลา้ นบาท ต่อมาคอื เมล็ดกาแฟดบิ (Coffee bean) มีมลู ค่า 188.230 ล้านบาท
ยาสูบ (Tobacco) มีมูลค่า 169.732 ล้านบาท และกะหล่�ำปี (Fresh cabbage) มีมูลค่า 97.561 ล้านบาท
ตามล�ำดับ

สินคา้ ส่งออกทสี่ ำ� คญั 5 อันดับแรก ได้แก่ ทุเรยี น (Durian) มีมลู ค่า 13,401.83 ลา้ นบาท รองลงมาคือ มังคดุ
(Mangosteen) มมี ลู คา่ 6,045.800 ลา้ นบาท ตอ่ มาคอื ยางธรรมชาตผิ สมยางสงั เคราะห์ (Natural and Synthetic
Rubber) มีมูลค่า 2,008.267 ลา้ นบาท ยางแท่ง (Block Rubber) มมี ลู ค่า 253.928 ล้านบาท และไมส้ ับไม้ชิ้น
(Wood Chips) มมี ูลคา่ 253.578 ลา้ นบาท ตามลำ� ดบั

57

การเปรียบเทยี บมูลค่าการนำ� เขา้ และส่งออกสินค้าเกษตรชายแดนไทย-ลาว
ปี 2561 - 2563 (เมษายน - สิงหาคม)

ทม่ี า : สำ� นกั ควบคุมพชื และวัสดุการเกษตร กรมวชิ าการเกษตร

เม่ือเทียบมูลค่าการน�ำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตร
ชายแดนไทย-ลาว กับเดือน เมษายน - สิงหาคม 2562
จะพบวา่ การน�ำเข้าสินค้าเกษตรเพม่ิ ขึ้น ร้อยละ 16.94 และ
การส่งออกลดลง ร้อยละ 11.00 มูลค่าการส่งออกท่ีลดลง
คาดวา่ เปน็ ผลสบื เนอ่ื งมาจากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของ
โรคโควิด-19 และการออกมาตรการรับมือและสกัดกั้น
การแพรร่ ะบาดของโรคดงั กลา่ ว โดยเฉพาะคำ� สง่ั นายกรฐั มนตรี
ทีก่ ำ� หนดมาตรการเพม่ิ เติมเพื่อสกัดกนั้ ควบคมุ และเตรียม
ความพร้อมรอบด้านเพ่ือป้องกันโรคโควิด-19 มีการปิดการ
ด�ำเนินกิจการโรงงานขุดค้น แปรรูปแร่ธาตุ และโครงการ
กอ่ สรา้ งเขอ่ื นไฟฟา้ นำ�้ ลน้ สง่ ผลใหโ้ รงงานและโครงการขนาด
ใหญ่ปิดการด�ำเนินกิจการช่ัวคราว นอกจากนี้ยังมีแนวโน้ม
การระบาดรอบสอง ขณะที่การพัฒนาวัคซีนคาดว่าจะใช้
ระยะเวลานานพอสมควรกว่าจะสามารถผลิตออกมา
ใช้ได้อย่างกว้างขวาง ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกไม่สามารถ
ฟ้นื ตัวได้
58

มะแขวน่

เครื่องเทศของชาวลา้ นนา

กองบรรณาธกิ าร

มะแขวน่ หรอื พรกิ หอม มชี อ่ื วทิ ยาศาสตรว์ า่ Zanthoxylum limonella Alston อยใู่ นวงศ์ Rutaceae

จดั เปน็ ไมย้ นื ตน้ ทช่ี าวเหนอื นยิ มนำ� ผลและเมลด็ แหง้ มาประกอบอาหาร รวมถงึ ใชท้ ำ� เปน็ ยาสมนุ ไพร เนอื่ งจาก
ผลแห้งมีกล่ินหอมแรง และมีรสเผ็ดร้อน ท�ำให้ช่วยดับกลิ่นคาว และเพ่ิมรสชาติของอาหารให้อร่อยมากขึ้น
นอกจากน้ัน ยงั นิยมนำ� ผลแหง้ มาสกดั น�ำ้ มันหอมระเหยส�ำหรบั ใชท้ านวด ใชเ้ ปน็ สว่ นผสมเครอ่ื งส�ำอางหรือ
ใชพ้ น่ ปอ้ งกันยุงลายได้ด้วย

ในบางทอ้ งทจ่ี ะเรยี กมะแขวน่ วา่ พรกิ หอม เนอื่ งจาก ผลแหง้ ทใี่ ชม้ รี สเผด็ รอ้ นเหมอื นพรกิ มาก และใชป้ ระกอบ
อาหารแทนพรกิ ไดเ้ ป็นอย่างดี ประกอบกับสามารถใหก้ ล่นิ หอมแรงไดด้ ว้ ย จงึ เรยี กอีกชื่อวา่ พริกหอม

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

มะแขว่น เปน็ ไม้ขนาดกลาง สงู ประมาณ 5 - 10
เมตร มีหนามอยู่รอบล�ำต้นและกิ่ง ต้นอ่อนจะมีสีแดง
แกมเขียว ลักษณะของใบเปน็ ใบประกอบ แต่ละใบจะมี
ใบยอ่ ย 10 - 25 ใบ ชอ่ ดอกเป็นชอ่ แบบกลุ่มยอ่ ย มสี ี
ขาวอมเทา ยาวประมาณ 10 - 20 เซนตเิ มตร มดี อกตวั ผู้
และดอกตัวเมียอยู่คนละต้น ผลมีเส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 0.3 - 0.5 เซนติเมตร เปลือกของผลสีเขียว
เมื่อแก่จัดจะเปล่ียนเป็นสีน้�ำตาลเข้ม ผลแก่จัดจะแตก
ออก เมล็ดกลมเรียบ เมื่อแก่จัดจะมีสีด�ำเข้มเป็นมัน
มกี ลิ่นหอมฉนุ คล้ายผักชี มีรสเผ็ดเลก็ นอ้ ย

ถนิ่ ก�ำเนดิ และการกระจายพันธ์ุ

มะแขวน่ พบทางภาคเหนอื ของประเทศไทย โดยธรรมชาตพิ บข้ึนในปา่ ดบิ แลง้ หรอื ปา่ ดบิ เขา

59

แหล่งผลิตมะแขว่น

เกษตรกรจะปลูกมะแขวน่ สลับกบั พืชสวนป่า คือ
ปลูกร่วมกับพืชชนิดอ่ืนเพ่ือเพิ่มรายได้ มะแขว่นมีการ
ปลูกมากในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชยี งใหม่ เชยี งราย
พะเยา และน่าน แหล่งผลิตมะแขว่นที่มีคุณภาพ เช่น
ตำ� บลผาชา้ งนอ้ ย อำ� เภอปง จงั หวดั พะเยา ตำ� บลดอยฮาง
อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งราย ตำ� บลปา่ แป๋ อำ� เภอแมแ่ ตง
จงั หวดั เชยี งใหม่ ตำ� บลเมอื งลี อำ� เภอนาหมน่ื จงั หวดั นา่ น
และตำ� บลยอด อ�ำเภอสองแคว จงั หวัดน่าน

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

มะแขว่น เจริญเติบโตในท่ีมีความสูงจากระดับ
น�้ำทะเล 800 - 1,000 เมตร ต้องการสภาพอากาศ
คอ่ นขา้ งเยน็ ความชน้ื ในอากาศสงู เจรญิ เตบิ โตดใี นสภาพ
กลางแจง้ ไมต่ อ้ งการนำ้� มากนกั ชอบดนิ ทรี่ ะบายนำ�้ ไดด้ ี
จงึ ควรปลกู ตามไหล่เขา หรือพืน้ ท่ีสงู ชัน

การผลติ มะแขวน่ ท�ำลายไขท่ีเคลือบเมล็ดออกด้วย เพ่ือจะช่วยให้เมล็ด
สามารถงอกได้เร็วและได้ผลดีขึ้น หรืออาจน�ำเมล็ด
โดยทวั่ ไปการขยายพนั ธม์ุ ะแขวน่ ใชว้ ธิ เี พาะเมลด็ มะแขวน่ สดมาขดู เอาสว่ นของเนอื้ หมุ้ เมลด็ ออกกอ่ น โดย
โดยใช้เมล็ดแก่จัด และเป็นเมล็ดสดที่ออกจากเปลือก ใช้ทรายถู จากน้นั นำ� ไปเพาะในกระบะทราย รดน�้ำเป็น
ใหม่ ๆ ยังไม่แห้ง น�ำลงเพาะทันที โดยแช่ในน�้ำอุ่น ระยะ แต่อย่าให้น้�ำขังมากเกินไป เป็นเวลาประมาณ
ประมาณ 50 องศาเซลเซยี ส 5 - 10 นาที แลว้ น�ำไปแช่ 1 - 2 เดือน เมอ่ื ตน้ กล้างอกมีใบจริงและแข็งแรงดีแลว้
ในน้�ำเย็น 1 คืน เพื่อให้เปลือกนอกแตก และเป็นการ ย้ายลงปลูกในถุงเพาะช�ำ เพื่อเตรียมย้ายลงแปลงปลูก
ตอ่ ไป กลา้ ทเ่ี หมาะสมยา้ ยปลกู ควรมอี ายุ 3 เดอื น ความสงู
ประมาณ 3 - 5 นิว้ กล้าขนาดเล็กจะมีอตั ราการรอดสงู
ดงั นนั้ จงึ ควรเพาะกลา้ ตง้ั แตเ่ ดอื นมนี าคมเพอ่ื ใหท้ นั ปลกู
ในต้นฤดฝู น

60

การปลูกและดูแลรกั ษา การทำ� แหง้ โดยทวั่ ไปเกษตรกรจะนำ� มามดั เปน็ กำ�
และแขวนผึง่ แดดบนราวยกพนื้ ตากแดดประมาณ 3 - 4
การย้ายปลูกควรท�ำในฤดูฝน หลุมปลูก วัน จนแหง้ สนทิ และเก็บเขา้ ในเวลากลางคนื ทุกวนั เพ่อื
ต้องไม่ขังน�้ำ กล้าจะเน่าตายได้ ใช้ระยะปลูก ป้องกันความชื้นจากน้�ำค้างท่ีท�ำให้เกิดเช้ือรา การอบ
4X4 เมตร จำ� นวน 100 ต้นต่อไร่ ในระยะแรก ด้วยเคร่ืองอบแห้งเป็นอีกวิธีหน่ึงที่ท�ำให้ได้คุณภาพดี
ควรให้มะแขวน่ เติบโตตามธรรมชาติ การพรวน สมำ่� เสมอ กระบวนการอบแหง้ ดว้ ยเครอ่ื งอบลมรอ้ น คอื
ดนิ หรอื การกำ� จดั วชั พชื ตอ้ งระมดั ระวงั อาจทำ� ให้ ตดั มะแขวน่ จากชอ่ ใหญใ่ หม้ ขี นาดชอ่ เลก็ ลง สามารถวาง
ระบบรากกระทบกระเทือน เพราะรากมะแขว่นอยู่ เกล่ียบนตะแกรงอบได้อย่างสม่�ำเสมอ ใช้อุณหภูมิการ
ระดับผิวดิน จึงอาจท�ำให้ต้นมะแขว่นตายหรือชะงัก อบที่ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 ช่ัวโมง แล้วลด
การเจรญิ เติบโตได้ อณุ หภมู ลิ งทลี ะ 5 องศา ทกุ ช่วั โมง จนแหง้ สนิท ซึง่ ใช้
เวลาประมาณ 4 ชว่ั โมง อัตราส่วนผลผลิตสดต่อผลผลติ
เม่อื ต้นมะแขวน่ มีอายุ 1 - 2 ปี ควรเดด็ ยอดเพื่อ แห้ง คอื ผลสด 3 กิโลกรมั ตากแห้งเหลอื 1 กโิ ลกรัม
ให้แตกกงิ่ ก้าน เปน็ การเพม่ิ ผลผลติ และยงั ทำ� ให้ตน้ เตีย้
ซึ่งจะสะดวกต่อการเก็บเกี่ยว ในระยะ 1 - 3 ปีแรก การเกบ็ รกั ษาผลผลติ แหง้ นำ� มะแขวน่ แหง้ มาเขยา่
ตน้ มะแขวน่ จะไมส่ ามารถจำ� แนกตน้ ตวั ผหู้ รอื ตน้ ตวั เมยี ได้ แยกเมลด็ ออก และนำ� ไปบรรจถุ งุ พลาสตกิ เพอ่ื การขนสง่
จนกระทง่ั เร่ิมออกดอกในปที ี่ 3 หรือ 4 ดอกบานเตม็ ที่ การเก็บรักษาเพื่อให้มีกล่ินหอม คุณภาพดี ควรเก็บใน
ตน้ ตัวเมยี เรมิ่ ตดิ ผล แตต่ น้ ตวั ผู้ดอกจะร่วงและไม่ติดผล ถุงฟอยล์ที่ปดิ ผนึกจะสามารถเก็บรกั ษาไดน้ าน
นยิ มตดั ตน้ ตวั ผบู้ างสว่ นทงิ้ และใชว้ ธิ เี สยี บยอดแทน โดย
ตัดส่วนยอดออกเหลอื ลำ� ตน้ สงู ประมาณ 1 - 1.5 เมตร ผลผลิตมะแขวน่
แล้วใช้วิธเี สียบยอดของตน้ ตัวเมยี แทนตน้ เดมิ
มะแขวน่ อายุ 3 - 5 ปี จะใหผ้ ลผลติ ประมาณ
ปัญหาส�ำคัญที่พบ ได้แก่ ปลวกกัดกินรากและ 1 - 5 กิโลกรัมแห้งตอ่ ต้น อายุ 6 - 10 ปี จะใหผ้ ลผลิต
โคนต้น ท�ำให้ต้นกลวงและถูกมดดำ� เขา้ ทำ� ลายซ�้ำ ทำ� ให้ 10 - 15 กโิ ลกรมั แหง้ ตอ่ ตน้ อายุ 11 - 15 ปี จะใหผ้ ลผลติ
ตน้ ตาย หรอื ถกู สตั วจ์ ำ� พวกตวั ตนุ่ กดั กนิ ราก ทำ� ใหย้ นื ตน้ 30 - 35 กโิ ลกรมั แหง้ ต่อต้น และอายุ 21 - 25 ปี จะให้
ตายบางสว่ น และทีส่ ำ� คัญคอื ถูกไฟปา่ เผาท�ำลาย ในฤดู ผลผลิตถึง 50 กโิ ลกรมั แห้งตอ่ ตน้
แลง้ จึงควรถางหญ้าเพอ่ื ป้องกันไฟป่า

การเก็บเกี่ยวและการทำ� แห้ง

มะแขวน่ จะเรม่ิ ใหผ้ ลผลติ เมอื่ อายุ 3 - 5 ปี โดยท่ี
มะแขวน่ มพี นั ธห์ุ นกั และพนั ธเ์ุ บา พนั ธเ์ุ บาจะเรมิ่ ออกดอก
ในเดือนกรกฎาคม และเก็บเก่ียวในเดือนตุลาคม -
พฤศจิกายน ส่วนพันธุ์หนักจะเริ่มออกดอกในเดือน
สงิ หาคม และเกบ็ เกย่ี วผลในเดอื นพฤศจกิ ายน - ธนั วาคม
การเกบ็ เกยี่ ว ผลแก่จัดซึ่งเมื่อแห้งจะมีสีน้�ำตาลด�ำและ
มกี ลน่ิ หอม หากเกบ็ ผลผลติ มะแขวน่ ออ่ นเมอื่ ทำ� แหง้ แลว้
สเี ปลอื กจะไมด่ ำ� ผลเหยี่ ว เปน็ เชอื้ ราไดง้ า่ ย กลน่ิ เสอื่ มเรว็
และตลาดไม่ต้องการ

61

การตลาดและผลติ ภณั ฑ์

เนอื่ งจากเปน็ พชื เครอ่ื งเทศทใี่ ชใ้ นอาหารพนื้ เมอื ง
ตลาดมะแขว่นส่วนใหญ่จึงอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ราคา
มะแขวน่ ที่เกษตรกรขายได้ (เดือนสงิ หาคม 2553) อยู่
ในช่วง 50 - 70 บาทตอ่ กโิ ลกรัมแหง้ นอกจากเกษตรกร
จะจ�ำหน่ายผลผลิตมะแขว่นแล้ว ยังมีการแปรรูปเป็น
ผลิตภัณฑม์ ะแขวน่ ดองนำ้� เกลือ นำ้� พรกิ ลาบ เปน็ ต้น

ส่วนท่ีใช้ในการประกอบอาหารคือ ใบอ่อนและ
ผลมะแขว่น ใบและยอดอ่อน รับประทานเป็นผักสด
จิ้มน้�ำพริก ลาบ ย�ำ ผลเป็นเคร่ืองเทศท่ีนิยมใช้เป็น
เครื่องปรุงน้�ำพริกลาบ มีรสเผ็ด น�ำมาดองน�้ำปลา
รบั ประทานกบั ลาบ ใสใ่ นยำ� ชนิ้ ไก่ หลู้แกงขนนุ แกงผกั กาด
ช่วยท�ำให้รสชาติของอาหารดีข้ึน มะแขว่นมีภูมิปัญญา
ชาวบ้านที่ใช้รับประทานแกล้มส�ำหรับอาหารจานท่ีมี
เนอื้ สตั วม์ าก เพราะชว่ ยยอ่ ยเนอ้ื ได้ ทางภาคใตน้ ยิ มผสม
มะแขว่นในเคร่ืองแกง เช่น แกงฟักทอง แกงปลาไหล
เป็นตน้ ชว่ ยใหแ้ กงมรี สเผ็ดร้อน และมีกลนิ่ หอม

สารส�ำคญั ออกฤทธิ์ ฤทธท์ิ างเภสัชวิทยา
และสรรพคณุ

น้�ำมันหอมระเหยสกัดจากเมล็ดมะแขว่น มีฤทธิ์
ต้านการอกั เสบทเี่ กิดจากพิษของสาร Formalin และ
Carragenin และเม่ือทดลองกับคนสามารถระงับการ
อกั เสบบนผวิ หนงั ได้ เมอ่ื ทาดว้ ยนำ�้ มนั นำ้� มนั หอมระเหย
ท่ีสกัดจากผลมีฤทธ์ิในการขับพยาธิล�ำไส้ และยังไม่มี
รายงานวจิ ยั ความเปน็ พิษของมะแขวน่

สรรพคุณทางยาแผนโบราณ ใช้รากและเนื้อไม้เป็นยาขับลมในล�ำไส้ ลมข้ึนเบ้ืองสูง ท�ำให้หน้ามืดตาลาย
วงิ เวยี น ลดความดนั เปน็ ยาขบั โลหติ ระดขู องสตรี แตไ่ มใ่ ชก้ บั หญงิ มคี รรภ์ ใบ แกร้ ำ� มะนาด แกป้ วดฟนั เมลด็ สามารถ
สกัดน�้ำมันหอมระเหย แก้ลมวิงเวียน บ�ำรุงโลหิต บ�ำรุงหัวใจ ขับลม การใช้ในต�ำรายาจีน แก้ปวดท้อง ท้องอืด
ท้องเฟอ้ แก้อาเจียน แกท้ อ้ งเสีย

มะแขวน่ เปน็ พชื เศรษฐกจิ ทอ้ งถน่ิ หนง่ึ ทส่ี รา้ งรายไดแ้ กเ่ กษตรกรภาคเหนอื ตน้ มะแขวน่ เปน็ ไมย้ นื ตน้
ขนึ้ ในทสี่ งู โลง่ แจง้ และอากาศเยน็ มะแขวน่ นำ� มาเปน็ สว่ นประกอบของอาหารเหนอื แทบทกุ ชนดิ การสง่ เสรมิ
ปลูกมะแขวน่ ควรเปน็ พชื หลงั บ้าน หรอื พืชร่วมกับพชื อ่นื ๆ ในระบบสวนปา่

ขอบคณุ ขอ้ มลู และภาพ : ภูมิปญั ญาชาวบา้ น กลมุ่ สง่ เสริมผลติ พชื สมนุ ไพร กรมส่งเสริมการเกษตร

62

การขน้ึ ทะเบยี นโรงงานผลติ สนิ คา้ พชื

พ.ศ. 2563

วรญั ญา ปานเกตุ

สนิ ค้าเกษตรของไทยถอื เป็นสนิ คา้ สง่ ออกทส่ี �ำคญั ซึง่ เป็นทต่ี ้องการของตลาดต่างประเทศและยงั คง
มีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเน่ือง จากข้อมูลส�ำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ในปี 2562 ท่ีผ่านมา มีมูลค่า
การส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ที่ส�ำคัญรวมกว่า 1.3 ล้านล้านบาท โดยตลาดส่งออกหลัก ได้แก่
สาธารณรัฐประชาชนจีน ญป่ี นุ่ สหรัฐอเมริกา และกลมุ่ ประเทศอาเซยี น สินค้าเกษตรและผลติ ภณั ฑส์ ่งออก
ด้านพชื ทีส่ ำ� คัญ ไดแ้ ก่ ยางธรรมชาติ ข้าว ผกั ผลไม้ และมนั สำ� ปะหลัง สนิ คา้ เกษตรด้านพชื ถอื เป็นหนึ่งใน
สนิ คา้ ทมี่ กี ารแขง่ ขนั สงู ในตลาดโลก ในปจั จบุ นั หลาย ๆ ประเทศมคี วามเขม้ งวดในการนำ� เขา้ สนิ คา้ เพม่ิ มากขน้ึ
และหนั มาใหค้ วามสำ� คญั เกยี่ วกบั คณุ ภาพมาตรฐานของสนิ คา้ มกี ารยกระดบั ขอ้ กำ� หนดกฎหมาย กฎระเบยี บ
ของการผลิตและการน�ำเข้าสินค้า เพ่ือดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคและรักษาผลประโยชน์ทางการค้า
ระหว่างประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการของไทยท่ีส่งออกสินค้าจะต้องมีการปรับตัว พัฒนาคุณภาพ และ
ระบบการผลิตสินค้า ให้เข้าสู่มาตรฐาน เพ่ือเป็นท่ียอมรับของประเทศคู่ค้าและเพ่ิมโอกาสทางการแข่งขันใน
ตลาดโลก

63

กรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ การถ่ายโอนภารกิจของกรมวิชาการเกษตร โดยได้เร่ิม
การตรวจรับรองมาตรฐานระบบการผลิตสินค้าเกษตร ออกประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์
ดา้ นพชื ใหแ้ กผ่ ปู้ ระกอบการทผี่ ลติ สนิ คา้ ดา้ นพชื เพอ่ื การ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขการขนึ้ ทะเบยี นโรงงานผลติ สนิ คา้ พชื
ส่งออก ซ่ึงเรม่ิ ด�ำเนินการตรวจรับรองมาตง้ั แต่ปี 2547 พ.ศ. 2559 ขึ้นทะเบียนให้กับผู้ผลิตท่ีได้การรับรอง
ต่อมาในปี 2553 คณะรัฐมนตรีได้มีนโยบายมาตรการ มาตรฐานสินค้าเกษตรจากหน่วยรับรองเอกชนที่
ทบทวนบทบาทภารกจิ ของสว่ นราชการตามมาตรา 33 กรมวิชาการเกษตรให้การยอมรับ โดยผู้ประกอบการ
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ จะไดร้ บั “หนงั สือส�ำคัญแสดงการขนึ้ ทะเบยี นโรงงาน
บริหารกจิ การบ้านเมืองท่ดี ี พ.ศ. 2546 โดยเหน็ ชอบให้ ผลติ สนิ คา้ พืช” ซงึ่ มกี ารระบทุ ะเบียนเลขที่ของโรงงาน
ดำ� เนนิ การถา่ ยโอนภารกจิ งานดา้ นตรวจสอบและรบั รอง ผลติ สนิ ค้าพืช
คุณภาพมาตรฐานของส่วนราชการให้ภาคเอกชนรับไป
ดำ� เนนิ การแทน กรมวชิ าการเกษตรจงึ ปรบั เปลย่ี นบทบาท
หน้าท่ีจากการตรวจรับรองมาตรฐาน มาสู่การควบคุม
ก�ำกับดูแลมาตรฐานการผลิตสินค้าพืช โดยดูแลท้ัง
ในสว่ นผผู้ ลติ และหนว่ ยรบั รองภาคเอกชนทรี่ บั งานตรวจ
รบั รองแทนกรมวชิ าการเกษตร

การขึ้นทะเบยี นโรงงานผลติ สนิ ค้าพชื

การขนึ้ ทะเบยี นโรงงานผลติ สนิ คา้ พชื เปน็ มาตรการ
หนงึ่ ในการควบคมุ กำ� กบั ดแู ลผผู้ ลติ สนิ คา้ พชื เพอื่ รองรบั

64

ปัจจุบันกรมวชิ าการเกษตรไดม้ กี ารข้นึ ทะเบียนให้กับโรงงานผลิตสนิ ค้าพืชประเภทต่าง ๆ ไดแ้ ก่ โรงคดั บรรจุ
โรงงานแปรรปู โรงรมสารเคมี และโรงรวบรวม ในขอบขา่ ยมาตรฐานหลกั ปฏบิ ัตทิ ี่ดีในการผลติ สินคา้ เกษตรด้านพืช
และมาตรฐานสินคา้ เกษตร ภายใต้พระราชบญั ญัตมิ าตรฐานสินคา้ เกษตร พ.ศ. 2551 และทแี่ กไ้ ขเพิ่มเติม ได้แก่

- มาตรฐานสินค้าเกษตรหลกั เกณฑก์ ารปฏิบตั ิ: หลกั การทว่ั ไปเกย่ี วกับสขุ ลักษณะอาหาร (มกษ.9023-2550)
- มาตรฐานสินคา้ เกษตรระบบการวเิ คราะหอ์ นั ตรายและจุดวิกฤตทตี่ ้องควบคมุ และแนวทางในการนำ� ไปใช้
(มกษ.9024-2550)
- มาตรฐานสินค้าเกษตรการปฏิบตั ิทีด่ สี ำ� หรบั โรงคัดบรรจผุ ักและผลไม้สด (มกษ.9035-2553)
- มาตรฐานสนิ คา้ เกษตรการปฏบิ ตั ทิ ดี่ สี ำ� หรบั การผลติ ผกั และผลไมส้ ดตดั แตง่ พรอ้ มบรโิ ภค (มกษ. 9039-2556)
- มาตรฐานสนิ คา้ เกษตรหลักปฏบิ ัตสิ ำ� หรบั กระบวนการรมผลไมส้ ดด้วยก๊าซซัลเฟอรไ์ ดออกไซด์
(มกษ.1004-2557)
- มาตรฐานสินค้าเกษตรการปฏิบัติทีด่ สี �ำหรบั การผลติ ทุเรยี นแช่เยือกแขง็ (มกษ.9046-2560)
- มาตรฐานสินค้าเกษตรการปฏบิ ัตทิ ี่ดีส�ำหรับโรงรวบรวมผักและผลไม้สด (มกษ.9047-2560)

โรงคดั บรรจุ

ผู้ซ่ึงได้รับหนังสือส�ำคัญแสดงการขึ้นทะเบียน ทะเบยี นเลขทโี่ รงงานผลติ สนิ คา้ พชื เปน็ ขอ้ มลู ในการทวน
โรงงานผลติ สินค้าพชื นั้นจะต้องปฏบิ ตั ิตามหลักเกณฑ์ท่ี สอบย้อนกลับไปยังผู้ผลิต แจ้งเตือน และตรวจติดตาม
ก�ำหนดไว้ และรักษามาตรฐานตามที่ได้ขอขึ้นทะเบียน ระบบการผลิต และผู้ผลิตจะต้องด�ำเนินการปรับปรุง
ไวก้ บั กรมวชิ าการเกษตร หากมกี ารตรวจพบปญั หาดา้ น แกไ้ ขให้แลว้ เสร็จภายในระยะเวลาท่ีก�ำหนด
ความปลอดภัยอาหาร กรมวิชาการเกษตรสามารถใช้

65

การขนึ้ ทะเบยี นโรงงานผลติ สนิ คา้ พชื เปน็ ขอ้ กำ� หนด เง่ือนไขพิเศษตามข้อตกลงของประเทศผู้น�ำเข้า เช่น
ท่ีผู้ผลิตสินค้าพืชจะต้องปฏิบัติเพ่ือใช้ในการด�ำเนินการ พิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่ง
ต่าง ๆ ส�ำหรับการส่งออก เช่น การยื่นขอใบรับรอง ราชอาณาจักรไทยและกระทรวงควบคุมคุณภาพและ
สขุ อนามยั (Health Certificate) และใบรบั รองสขุ อนามยั ตรวจสอบกกั กนั โรคแหง่ สาธารณรฐั ประชาชนจนี วา่ ดว้ ย
พชื (Phytosanitary Certificate) การจดทะเบยี นผสู้ ง่ ออก ขอ้ กำ� หนดดา้ นการกกั กนั โรคและตรวจสอบสำ� หรบั สนิ คา้
ผกั และผลไมไ้ ปตา่ งประเทศ การขนึ้ ทะเบยี นระบบบญั ชี ผลไม้เมืองร้อนที่ส่งออกจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐ
รายชอ่ื โรงคดั บรรจตุ ามมาตรการควบคมุ พเิ ศษ การสง่ ออก ประชาชนจนี ซง่ึ กำ� หนดใหผ้ ลไมท้ สี่ ง่ ออกมาสาธารณรฐั
ผกั และผลไมส้ ดไปสหภาพยโุ รป นอรเ์ วยแ์ ละสมาพนั ธรฐั ประชาชนจีนต้องมาจากโรงบรรจุหีบห่อท่ีได้รับการข้ึน
สวิส (Establishment List: EL) การขอสทิ ธปิ ระโยชน์ ทะเบยี นจากกระทรวงเกษตรและสหกรณเ์ พอื่ วตั ถปุ ระสงค์
ในการออกใบรบั รองสขุ อนามยั การขอใบรบั รองการขาย ของการตรวจสอบย้อนกลับ
(Certificate of Free Sale) รวมไปถงึ การสง่ ออกภายใต้

ประชุมรว่ มกบั ภาคเอกชน

ประกาศกรมวิชาการเกษตร เร่อื ง หลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขการข้ึนทะเบยี นโรงงานผลิต
สินคา้ พชื พ.ศ. 2563

หลงั จากทกี่ รมวชิ าการเกษตรไดอ้ อกประกาศ เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงอื่ นไขการขน้ึ ทะเบยี นโรงงาน
ผลิตสนิ คา้ พชื พ.ศ. 2559 ตอ่ มาภายหลังในปี 2561 ภาคเอกชนไดม้ กี ารขอใหท้ บทวนแกไ้ ขประกาศทเ่ี กี่ยวขอ้ งเพือ่
ลดปัญหาอุปสรรคท่ีส่งผลต่อการส่งออกสินค้าเกษตรด้านพืช กรมวิชาการเกษตรจึงได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็น
และหารอื รว่ มกนั ระหวา่ งหนว่ ยงานภาครฐั และภาคเอกชนตลอดจนผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี เพอ่ื ปรบั ปรงุ แกไ้ ขกฎระเบยี บ
ตา่ ง ๆ รวมทงั้ ดำ� เนนิ การออกประกาศกรมวชิ าการเกษตร เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขการขนึ้ ทะเบยี นโรงงาน
ผลติ สินค้าพชื พ.ศ. 2563 แทนฉบับเดิมซงึ่ มผี ลบังคับใชแ้ ลว้ ในปจั จุบนั

66

ตารางแสดงสาระสำ� คัญท่มี ีการปรับเปลี่ยนในประกาศฉบบั ใหม่

เรอ่ื งทีม่ กี ารปรับแก้ไข การข้นึ ทะเบยี นโรงงานผลิตสนิ ค้าพืช การข้ึนทะเบยี นโรงงานผลติ สินค้าพืช
พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2563
ระยะเวลาในการยื่นขอตอ่ อายุ
การขนึ้ ทะเบียน ไม่มีระบ ุ สามารถย่นื ขอต่ออายไุ ด้ไมน่ ้อยกวา่ 45 วัน
การออกใบแทน
ไมม่ รี ะบ ุ พนักงานเจ้าหน้าท่ีที่มีอ�ำนาจสามารถออก
การรกั ษาสถานภาพการรบั รองมาตรฐาน ไมม่ ีระบุ ใบแทนกรณหี นงั สอื สำ� คญั แสดงการขนึ้ ทะเบยี น
ทไ่ี ดข้ อข้ึนทะเบยี น โรงงาน ผลติ สนิ คา้ พืชสูญหายหรอื ถูกท�ำลาย
ไม่มรี ะบุ โรงงานผลิตสนิ คา้ พชื จะตอ้ งรกั ษาสถานภาพ
คุณสมบัติของผู้ย่นื ค�ำขอ การรบั รองมาตรฐานทไ่ี ดข้ อขน้ึ ทะเบยี นโรงงาน
กรณีเคยถูกระงับหนังสือส�ำคัญแสดง ผลิตสินค้าพืชไว้กับกรมวิชาการเกษตรและ
การขนึ้ ทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพชื หากมกี ารเปลยี่ นแปลงตอ้ งแจง้ ใหก้ รมวชิ าการ
เกษตรทราบภายใน 90 วนั นับแตว่ นั ที่มกี าร
เปลย่ี นแปลง
โรงงานผลติ สนิ คา้ พชื ซง่ึ ถกู ระงบั หนงั สอื สำ� คญั
แสดงการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืช
จะขอขึ้นทะเบียนอีกไม่ได้ จนกว่าจะด�ำเนิน
การปรบั ปรุงแกไ้ ขใหแ้ ล้วเสรจ็

ระยะเวลาของการแก้ไขข้อบกพร่อง ภายในระยะเวลา 60 วนั และสามารถ ภายในระยะเวลา 90 วนั
จากการตรวจติดตามโรงงาน ย่ืนขอขยายได้อกี 30 วัน
ผลิตสินค้าพืช นบั ครั้งรวมทุกกรณแี ละทุกปญั หาดา้ น นับคร้ังแยกตามกรณีและตามปัญหาด้าน
บทก�ำหนดโทษ กรณีพบการฝา่ ฝนื /ไม่ ความปลอดภยั อาหารท่ตี รวจพบ ความปลอดภยั อาหารทีต่ รวจพบ
ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ท่ีก�ำหนด หรือ
กรณีพบปัญหาด้านความปลอดภัย ไมม่ ีระบ ุ ระยะเวลาการพจิ ารณาภายใน 15 วันทำ� การ
อาหาร
กรอบระยะเวลาในการพจิ ารณายกเลกิ กองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐาน กองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้า
การระงับ สินค้าพชื พืช หรือทางไปรษณีย์ หรือสถานที่อ่ืนที่
สถานทใี่ นการยื่นคำ� ขอ

กรมวชิ าการเกษตรกำ� หนด

ประกาศฉบับใหม่น้ันมีการปรับให้ยืดหยุ่นสอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ลดปัญหาอุปสรรค
และขอ้ จำ� กดั ทส่ี ง่ ผลตอ่ การสง่ ออกสนิ คา้ พชื รวมทงั้ อำ� นวยความสะดวกและเพมิ่ ชอ่ งทางในการยน่ื คำ� ขอ มกี ารกำ� หนด
ระยะเวลาในการย่ืนขอต่ออายุการข้ึนทะเบียนล่วงหน้า เพ่ือให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีสามารถด�ำเนินการพิจารณา
รายละเอียดความถูกต้องครบถ้วนของเอกสาร และสามารถออกหนังสือส�ำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิต
สินค้าพืช ให้ระยะเวลาของการข้ึนทะเบียนต่อเนื่องโดยไม่ขาดช่วง และเพ่ิมอำ� นาจให้พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถ
ออกใบแทนกรณหี นังสือส�ำคญั แสดงการขน้ึ ทะเบยี นโรงงานผลติ สนิ คา้ พชื สญู หายหรือถูกท�ำลาย

67

ชัง่ น้ำ�หนัก ครอบคลุมกับโรงงานผลิตสินค้าพืชทุกประเภท ผู้ผลิต
สินค้าพืชจะต้องรักษาสถานภาพการรับรองมาตรฐาน
รวมท้ังปรับบทก�ำหนดโทษกรณีตรวจพบปัญหา ทไ่ี ดข้ อขนึ้ ทะเบยี นโรงงานผลติ สนิ คา้ พชื ไวก้ บั กรมวชิ าการ
ดา้ นความปลอดภยั อาหาร โดยแจง้ เตอื นนบั ครง้ั แยกเปน็ เกษตร หากมีการตรวจพบปัญหาด้านความปลอดภัย
ปัญหาด้านเช้อื จุลนิ ทรีย์ สารเคมี พืชดดั แปรพันธกุ รรม อาหาร หรือได้รับการแจ้งเตือนจากประเทศผู้น�ำเข้า
หรือสิ่งอ่ืนใดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์เน่ืองจาก เกย่ี วกบั ความปลอดภยั อาหาร จะตอ้ งสามารถทวนสอบ
สาเหตุของปัญหา แนวทางการแก้ไข และวธิ กี ารจัดการ ยอ้ นกลบั และตรวจตดิ ตามระบบการผลติ ได้ รวมทง้ั ผผู้ ลติ
ความปลอดภัย มีความแตกต่างกัน นอกจากนี้มีการ จะตอ้ งดาํ เนนิ การแกไ้ ขอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพเพอื่ การควบคมุ
ก�ำหนดกรอบระยะเวลาของพนักงานเจ้าหน้าท่ีในการ ก�ำกับดูแลผู้ผลิตสินค้าพืชภายหลังการถ่ายโอนภารกิจ
พิจารณาแนวทางการปรับปรุงแก้ไขของโรงงานผลิต ใหย้ งั คงไวซ้ ง่ึ คณุ ภาพมาตรฐานการผลติ และความปลอดภยั
สินค้าพืช เพ่ือยกเลิกการระงับหนังสือส�ำคัญแสดง อาหาร ช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรและเพิ่ม
การขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืช เพ่ือให้มีการ โอกาสในการแขง่ ขนั สนิ คา้ เกษตร ทำ� ใหเ้ กดิ ความเชอื่ มน่ั
ด�ำเนนิ การท่ีรวดเร็วอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ในระบบของภาครฐั ใหเ้ ปน็ ทย่ี อมรบั จากประเทศคคู่ า้ และ
ในระดบั สากล
แต่ท้ังนี้ในการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ต่าง ๆ
จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการควบคุมก�ำกับดูแล วัดอณุ หภมู ิทุเรียนแชเ่ ยอื กแขง็
ของกรมวิชาการเกษตร และจะตอ้ งสามารถบงั คับใชไ้ ด้

บรรณานุกรม

กรมวชิ าการเกษตร. 2559. ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรอื่ ง หลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื่ นไขการ
ขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินคา้ พืช พ.ศ. 2559. ราชกจิ จานเุ บกษา. เล่ม 133 ตอนพิเศษ 40 ง.
หนา้ 9 - 11.
กรมวชิ าการเกษตร. 2563. ประกาศกรมวชิ าการเกษตร เร่อื ง หลักเกณฑ์ วิธกี าร และเง่ือนไขการ
ขน้ึ ทะเบยี นโรงงานผลติ สินค้าพชื พ.ศ. 2563. ราชกจิ จานเุ บกษา. เล่ม 137 ตอนพเิ ศษ 93ง.
หนา้ 52 - 56.
ส�ำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตร. 2562. สถติ กิ ารเกษตรของประเทศไทย ปี 2562.สำ� นักงานเศรษฐกิจ
การเกษตร. 195 หนา้

68

งานประชมุ วชิ าการ
กรมวิชาการเกษตร ประจำ� ปี 2563

กองบรรณาธิการ

กรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักด้านการวิจัยและพัฒนาด้านพืช เครื่องจักรกล
การเกษตร และปัจจัยการผลิต เพ่ือถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลติ พืชสูก่ ล่มุ เปา้ หมาย ท้ังภาครฐั เอกชน และ
เกษตรกร บรกิ ารวเิ คราะห์ ทดสอบ ตรวจสอบ รบั รองมาตรฐานสนิ คา้ พชื รวมทงั้ ใหค้ ำ� แนะนำ� เกยี่ วกบั ดนิ นำ้�
ปยุ๋ พชื วสั ดกุ ารเกษตร ผลผลติ และผลติ ภณั ฑพ์ ชื เพอื่ ยกระดบั มาตรฐานการผลติ พชื เพอื่ พฒั นาผลผลติ พชื
ใหม้ คี ณุ ภาพและปลอดภยั ตอ่ ผบู้ รโิ ภคตามมาตรฐานสากล และเพอื่ ใหบ้ รกิ ารสง่ ออกสนิ คา้ เกษตรทมี่ คี ณุ ภาพ
ได้มาตรฐาน ดังน้ัน จึงได้จัดให้มีงานประชุมวิชาการขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี เพื่อเผยแพร่และ
สรา้ งการรับรูเ้ กย่ี วกบั ผลงานวิจัย นวัตกรรม เทคโนโลยี ทีส่ ำ� เรจ็ สามารถน�ำไปใช้ประโยชน์ได้จรงิ ให้แกก่ ลุ่ม
เปา้ หมาย แตด่ ว้ ยผลกระทบจากสถานการณก์ ารระบาดของไวรสั โคโรนาสายพนั ธใ์ุ หม่ 2019 หรอื COVID-19
ส่งผลให้การจัดงานประชุมวิชาการกรมวิชาการเกษตร ประจ�ำปี 2563 ต้องเลื่อนออกไป โดยก�ำหนดให้มี
การจัดงานประชมุ วิชาการ เม่อื วันท่ี 30 กนั ยายน ทผ่ี ่านมา ภายใตแ้ นวคดิ “ตลาดนำ� การผลิต”

การจัดประชุมในคร้ังน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยดีเด่น สว่ นที่ 1 การนำ� เสนอภาคบรรยาย
ประจำ� ปี 2562 ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มประชมุ ไดร้ บั ทราบ ซง่ึ เปน็ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรม ส่วนที่ 2 การมอบรางวัลประกาศ
ที่ด�ำเนินการจนส�ำเร็จ และสามารถน�ำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในการแก้ไข เกยี รตคิ ณุ ผทู้ ำ� คณุ ประโยชนแ์ ละผล
ปัญหาภาคการเกษตร และการรายงานผลการด�ำเนินงานโครงการพิเศษ งานดีเด่นของกรมวิชาการเกษตร
ดีเด่นประจำ� ปี 2563 รวมท้งั เปน็ เวทแี ลกเปลย่ี นความรู้ ประสบการณ์ และ ประจ�ำปี 2563 โดยกิจกรรมทั้ง 2
ข้อคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมเพื่อน�ำไปประมวลผลให้เกิดแนวคิดน�ำไป ส่วนนี้จัดข้ึน ณ ห้องประชุม 314
ตอ่ ยอดงานวิจัยและพัฒนาในปีถัดไป กรมวชิ าการเกษตร พรอ้ มกนั นไี้ ดม้ ี
การถ่ายทอดสดผ่านทางระบบ
ส�ำหรับในปีนี้ได้มีการปรับเปล่ียนการจัดงานเพ่ือให้สอดคล้องกับวิถี Facebook Live, Zoom meeting
New Normal โดยจัดข้ึนท่ีกรมวิชาการเกษตร กรุงเทพฯ มีผู้เข้าร่วมงาน และ Web Conference ไปยัง
ประมาณ 340 คน กจิ กรรมทจี่ ดั ข้ึนภายในงานจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ไดแ้ ก่

69

หอ้ งประชุมใหญ่ ชน้ั 2 อาคารศนู ย์ปฏบิ ตั ิการฝกึ อบรม และสามารถควบคุมเวลาในการปฏิบัติงานจริงได้ง่าย
และถ่ายทอดเทคโนโลยี และห้องประชมุ มนตรี รุมาคม นอกจากน้ี ยังไดท้ �ำการปรับปรุงระบบการใหค้ วามรอ้ น
ช้ัน 5 อาคารเฉลมิ พระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ของอา่ งแชน่ ำ�้ รอ้ นจากระบบขดลวดแบบเดมิ มาใชร้ ะบบ
กรมวิชาการเกษตร เพ่ือให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับชม ฮตี เตอรท์ ใี่ หค้ วามรอ้ นคงทแี่ ละเสถยี รกว่าระบบขดลวด
โดยพร้อมเพรียงกัน และสว่ นที่ 3 การนำ� เสนอผลงาน ทใี่ ช้อยู่เดมิ
ของกรมวิชาการเกษตรในรูปแบบโปสเตอร์ และแสดง
ผลงานวจิ ยั และเทคโนโลยขี องกรมวชิ าการเกษตร ผลผลติ จากผลการทดลอง พบวา่ การแชน่ ำ�้ รอ้ นทอ่ี ณุ หภมู ิ
และผลติ ภณั ฑจ์ รงิ จากงานวจิ ยั ณ บรเิ วณโถงอาคารศนู ย์ 46 องศาเซลเซยี ส จนความรอ้ นบรเิ วณจดุ ศนู ยก์ ลางของ
ปฏบิ ตั กิ ารฝกึ อบรมและถา่ ยทอดเทคโนโลยี กรมวชิ าการ ผลถงึ 46 องศาเซลเซยี ส นาน 10 นาที สามารถก�ำจัด
เกษตร แมลงวนั ผลไม้ ระยะไข่ และหนอนวยั ที่ 1 ซึ่งเปน็ ระยะ
ทที่ นตอ่ ความรอ้ นมากทสี่ ดุ ได้ ไมส่ ง่ ผลกระทบตอ่ คณุ ภาพ
ผลงานวิจัยดีเด่น กรมวิชาการเกษตร ของมะม่วง และใช้เป็นวิธีการก�ำจัดศัตรูพืชด้านกักกัน
ประจำ� ปี 2562 พืช หรือ Quarantine treatment ได้

จากภารกจิ หลกั ของกรมฯ ดา้ นการวจิ ยั และพฒั นา กรมวิชาการเกษตรจึงได้เสนอวิธีการแช่น�้ำร้อน
ด้านพืช เคร่ืองจักรกลการเกษตร งานวิเคราะห์และ สำ� หรับก�ำจัดแมลงวนั ผลไมช้ นิด Bactrocera dorsalis
ทดสอบ รวมถึงงานวิจัยท่ีรองรับการปฏิบัติหน้าที่ (Hendel) ในมะมว่ งพนั ธน์ุ ำ�้ ดอกไมใ้ หก้ ลมุ่ สหภาพยโุ รป
ตามกฎหมายทร่ี บั ผดิ ชอบ เพอ่ื เปน็ การสง่ เสรมิ ใหน้ กั วจิ ยั พิจารณา เน่ืองจากวิธีการน้ีท�ำได้ง่าย ใช้เวลาน้อย
ของกรมวิชาการเกษตรมีความมุ่งม่ัน สร้างผลงานวิจัย ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุผักและผลไม้สดขนาดเล็ก
ที่มีคุณภาพ และมีประโยชน์อย่างแท้จริง จึงได้จัดให้มี สามารถด�ำเนินการเองได้ ซึ่งต้นทุนการผลิตถูกกว่า
การประกวดผลงานวิจัยดีเด่นข้ึน โดยแบ่งประเภทงาน เมือ่ เทียบกับวธิ ีการอบไอนำ้� ท่ีใช้อยู่ในปัจจุบนั หลงั จาก
วิจัยเป็น 6 ประเภท ได้แก่ งานวิจัยพ้ืนฐาน งานวิจัย กลมุ่ สหภาพยุโรปพิจารณาแลว้ ไดก้ �ำหนดให้ต้ังแต่วนั ที่
ประยุกต์ งานพัฒนางานวิจัย งานวิจัยปรับปรุงพันธุ์ 1 กันยายน 2562 มะม่วงผลสดจากประเทศไทยต้อง
งานวิจัยส่ิงประดษิ ฐค์ ิดคน้ และงานดา้ นบริการวชิ าการ ท�ำการแช่น�้ำร้อนเพ่ือก�ำจัดแมลงวันผลไม้ ก่อนส่งออก
จำ� หนา่ ยยงั กล่มุ สหภาพยุโรป
ในปี 2562 มผี ลงานวิจยั จากหน่วยงานในสงั กดั
กรมวิชาการเกษตรท้ังในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่
สง่ เข้าประกวดทัง้ สน้ิ จ�ำนวน 39 ผลงาน โดยผา่ นการ
คดั เลอื กจากคณะกรรมการมาเปน็ ลำ� ดบั จนไดร้ บั รางวลั
จ�ำนวน 13 ผลงาน ดงั น้ี

1. การแชน่ ้�ำร้อนส�ำหรบั กำ� จดั แมลงวันผลไม้

ชนิด Bactrocera dorsalis (Hendel) ในมะมว่ ง

พันธ์นุ �้ำดอกไมเ้ พ่อื การสง่ ออก

ผลงานวจิ ยั ดเี ดน่ ประเภทงานวจิ ยั พน้ื ฐาน ระดบั ดี
ผลงานของสำ� นกั วจิ ยั พฒั นาการอารกั ขาพชื ไดน้ ำ� วธิ กี าร
แช่นำ�้ รอ้ น (hot water immersion treatment) มาใช้
ในการกำ� จดั แมลงวนั ผลไมห้ ลงั การเกบ็ เกย่ี ว โดยกำ� หนด
ใหว้ ดั อณุ หภมู จิ ากภายในผลเปน็ รายแรก ทำ� การดดั แปลง
รปู แบบมาจากวธิ อี บไอน้ำ� เน่อื งจากมีข้อก�ำหนดชัดเจน

70

2. การใชเ้ ทคนคิ เลเทอรลั โฟลวอ์ มิ มโู นโครมาโตกราฟฟกิ สตรปิ ส์ ตรวจดเี อน็ เอแยกเพศอนิ ทผลมั
แบบรวดเร็ว

ผลงานวิจัยดเี ดน่ ประเภทงานวิจยั พน้ื ฐาน ระดบั เพศผู้ เมอื่ ใชร้ ว่ มกบั คไู่ พรเมอร์ PDK30sF และ PDK30sR
ชมเชย ผลงานของส�ำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ จะปรากฏแถบดเี อน็ เอเฉพาะในตน้ ตวั ผขู้ นาด 450 คเู่ บส
เนื่องจากประเทศไทยมีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น และแถบดเี อ็นเออา้ งอิงขนาด 693 คู่เบส การทดสอบคู่
การขยายพันธอ์ุ ินทผลมั จากการเพาะเมล็ดมโี อกาสเป็น ไพรเมอร์กับอินทผลัมพันธุ์โกหลักและบาฮีท่ีทราบเพศ
ต้นตัวผู้และต้นตัวเมียอย่างละคร่ึง ซึ่งต้องรอจนกว่า แล้ว จ�ำนวน 120 ต้น พบว่า มีความจ�ำเพาะต่อเพศ
จะออกดอก 3 – 7 ปี จงึ จะทราบเพศ ดงั นนั้ การพฒั นา 100% จากนัน้ น�ำคไู่ พรเมอรด์ งั กลา่ วติดฉลากสดี ว้ ยสาร
สายพันธุ์อินทผลัมท่ีเหมาะกับสภาพภูมิอากาศในพ้ืนท่ี Fluorescein isothiocyanate (FITC) และ Digoxigenin
ปลูก นักวิจัยและนักปรับปรุงพันธุ์จึงต้องเริ่มจากการ (DIG) เพื่อใช้ท�ำปฏิกิริยาพีซีอาร์และตรวจสอบดีเอ็นเอ
ผสมพันธุ์และปลูกด้วยเมล็ด ซึ่งการทราบเพศในระยะ ดว้ ยชดุ LFICS พบว่า สามารถตรวจสอบแถบดีเอ็นเอได้
ตน้ กลา้ สามารถชว่ ยคดั เลอื กอนิ ทผลมั ตน้ ตวั ผแู้ ละตวั เมยี ทั้งจากวิธีพีซีอาร์และไดเรกซ์พีซีอาร์ โดยใช้ผลผลิต
ชว่ ยลดระยะเวลาการทราบเพศ และลดคา่ ใชจ้ า่ ยในการ พซี อี ารป์ รมิ าตร 1.25 – 5 ไมโครลติ ร เมื่อเปรียบเทยี บ
ดูแลได้ ข้ันตอนการตรวจดีเอน็ เอ 3 วิธี ไดแ้ ก่ พซี ีอาร์ พีซอี าร์
ร่วมกบั LFICS และไดเรกซพ์ ซี ีอารร์ ่วมกบั LFICS พบว่า
ปัจจุบันสามารถตรวจสอบเพศต้นกล้าอินทผลัม วธิ ไี ดเรกซพ์ ซี อี ารร์ ว่ มกบั LFICS สามารถทราบผลภายใน
ไดด้ ว้ ยวธิ ีพซี อี าร์ โดยใช้ค่ไู พรเมอรจ์ ำ� เพาะแบบผสม แต่ 1 ช่ัวโมง จากวธิ ีพีซีอาร์เดิมทราบผลภายใน 10 ชั่วโมง
ยังมีข้ันตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน มีสารเคมีอันตรายและใช้
ระยะเวลานาน การประยุกต์ใช้เทคนิคเลเทอรัลโฟลว์
อมิ มโู นโครมาโตกราฟฟกิ สตรปิ ส์ (LFICS: Lateral Flow
Immunochromatographic Strips) ช่วยให้การตรวจ
ดเี อน็ เอแยกเพศอินทผลมั รวดเร็ว โดยส�ำนักวจิ ัยพัฒนา
เทคโนโลยชี วี ภาพ กรมวชิ าการเกษตร ไดท้ ำ� การทดสอบ
ไพรเมอรด์ ว้ ยวธิ พี ซี อี าร์ พบคไู่ พรเมอร์ DpDOAmale5F
และ DpDOAmale5R มคี วามเฉพาะเจาะจงตอ่ อนิ ทผลมั

นอกจากนี้ ชุด LFICS มีความแมน่ ย�ำสูง ง่าย
ตอ่ การใชง้ าน ลดการใชส้ ารเคมอี นั ตราย และลดการ
ใช้อุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการ สามารถน�ำไปต่อยอด
เพอื่ พฒั นาเปน็ ชดุ ตรวจสอบเครอื่ งหมายดเี อน็ เอแบบ
ภาคสนามได้

71

3. การพฒั นาชดุ ตรวจดเี อน็ เออยา่ งงา่ ยเพอ่ื ใชต้ รวจลกั ษณะความหนาของกะลาปาลม์ นำ�้ มนั

ในระยะต้นกลา้

ผลงานวจิ ยั ดเี ดน่ ประเภทงานวจิ ยั ประยกุ ต์ ระดบั ดี จากการตรวจสอบลำ� ดบั เบสของยนี MADS-box
ผลงานของสำ� นกั วจิ ยั พฒั นาเทคโนโลยชี วี ภาพ การจำ� แนก ซง่ึ เปน็ ยนี ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ลกั ษณะความหนาของกะลา พบ
ลกั ษณะความหนาของกะลาปาลม์ นำ้� มนั ในระยะตน้ กลา้ การเปลี่ยนลำ� ดบั เบสแบบสนปิ สท์ ตี่ �ำแหนง่ 274 (A/T)
โดยวิธกี ารตรวจดีเอน็ เอ โดยใชเ้ ทคนิค Real-time PCR มคี วามสมั พนั ธก์ บั ลกั ษณะความหนาของกะลาในประชากร
จ�ำเป็นต้องใชเ้ คร่ืองมือและสารเคมที ี่มรี าคาแพง สำ� นกั ปาล์มน�้ำมันกลุ่มพันธุ์ Deli Tanzania และลูกผสม
วจิ ยั พฒั นาเทคโนโลยชี วี ภาพ กรมวิชาการเกษตร จึงได้ สรุ าษฎร์ธานี 7 จึงได้น�ำไปพัฒนาเปน็ ชดุ ตรวจดีเอน็ เอ
มีการพัฒนาชุดตรวจดีเอ็นเออย่างง่ายเพ่ือใช้จ�ำแนก อยา่ งงา่ ย การทดสอบความใช้ได้ของวธิ ีวิเคราะห์ พบวา่
ลกั ษณะความหนาของกะลาปาลม์ นำ้� มนั โดยใชห้ ลกั การ ให้ผลการตรวจที่มีความจ�ำเพาะ ความถูกต้อง ความ
Nucleic Acid Lateral Flow เพอ่ื ใชต้ รวจคัดกรองการ แม่นย�ำสูง และมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเทคนิค
ปนของต้นที่มีลักษณะกะลาแบบดูราในแปลงเพาะกล้า Real-time PCR ซึง่ เปน็ วิธมี าตรฐานท่ใี ชใ้ นห้องปฏบิ ัติ
และคดั เลอื กตน้ พอ่ พนั ธท์ุ ม่ี ลี กั ษณะกะลาแบบพสิ เิ ฟอรา การ สามารถใชค้ วบคมุ คณุ ภาพการผลติ พนั ธป์ุ าลม์ นำ�้ มนั
ในขนั้ ตอนการปรบั ปรงุ พนั ธุ์ ลูกผสมเทเนอราใหส้ ูงขึน้ ลดการปนของตน้ ทีม่ ลี ักษณะ

กะลาแบบดูราในแปลงผลิตต้นกล้า
พันธุ์ลูกผสมสุราษฎร์ธานี 7 ก่อน
จ�ำหน่าย เกษตรกรได้ต้นพันธุ์ดี
ไปปลูก ส่งผลใหผ้ ลผลติ สูงขึน้ และ
ใช้เป็นเครื่องหมายดีเอ็นเอเพ่ือ
คัดเลือกพ่อพันธุ์ท่ีมีลักษณะกะลา
แบบพิสิเฟอรา ต้ังแต่ระยะต้นกล้า
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ทำ� ใหล้ ดพน้ื ที่
ปลูก ระยะเวลา แรงงาน และลด
คา่ ใชจ้ า่ ยในขน้ั ตอนการปรบั ปรงุ พนั ธ์ุ
ปาล์มน้�ำมัน

ชุดตรวจกะลาปาลม์ นำ้ �มัน

4. การพัฒนาสายพนั ธุแ์ ละเทคโนโลยกี ารเพาะเห็ดร่างแหสายพนั ธุ์ไทย

ผลงานวจิ ยั ดเี ดน่ ประเภทงานวจิ ยั ประยกุ ต์ ระดบั อยา่ งละ 1 ไอโซเลท รวม 11 ไอโซเลท แลว้ นำ� มาจำ� แนก
ชมเชย ผลงานของสำ� นกั วจิ ยั และพฒั นาการเกษตรเขตท่ี 8 โดยใชส้ ณั ฐานวทิ ยาดว้ ยตาเปลา่ และเทคนคิ ทางชวี โมเลกลุ
จังหวัดสงขลา โดยได้ท�ำการเก็บรวบรวมเห็ดร่างแห ไดเ้ ปน็ เหด็ รา่ งแหกระโปรงสน้ั สขี าว (Phallus atrovol-
ชนดิ ทบี่ รโิ ภคไดใ้ นพนื้ ทภ่ี าคใตต้ อนลา่ ง จำ� นวน 9 ไอโซเลท vatus และ P. merulinus) เห็ดร่างแหกระโปรงยาว
จากสำ� นกั วจิ ยั พฒั นาเทคโนโลยชี วี ภาพ และพนั ธก์ุ ารคา้ สีขาว (P. echinovolvata)

72

น�ำมาศึกษาตามข้ันตอนในกระบวนการเพาะ 3 การเพาะเห็ดร่างแห
ขน้ั ตอน คอื ขน้ั ตอนท่ี 1 การผลติ เชอื้ ขยาย พบวา่ การใช้
เห็ดหลินจือเป็นวัสดุเพาะเลี้ยงเส้นใย ท�ำให้เห็ดร่างแห
ทุกไอโซเลทเจริญได้ดี เสน้ ใยมีความหนาแนน่ ปานกลาง
ถงึ มาก ขน้ั ตอนที่ 2 การผลิตเชื้อเพาะ พบวา่ สูตรที่มี
สว่ นประกอบของ ขเี้ ลอ่ื ยไมย้ างพารา:รำ� ละเอยี ด:ปนู ขาว:
ดเี กลอื :ยปิ ซมั อตั รา 90:5:1:2:2 โดยนำ้� หนกั ทำ� ใหเ้ สน้ ใย
ของทกุ ไอโซเลทเจรญิ เตบิ โตไดด้ ี ใชเ้ วลาบม่ เชอื้ นอ้ ยทสี่ ดุ
เฉล่ีย 32.6 วัน ขั้นตอนท่ี 3 วัสดุเพาะท่ีเหมาะสมต่อ
การเกดิ ดอก มสี ว่ นประกอบของ ใบไผแ่ ละกง่ิ ไผ:่ แกลบดนิ :
ขยุ มะพร้าว อัตรา 50:25:50 โดยนำ�้ หนัก เป็นวัสดเุ พาะ
ท่เี หมาะสมท่ีสุด

เหด็ รา่ งแหกระโปรงสน้ั สขี าว (K8) ใหผ้ ลผลติ สงู สดุ
794.33 กรมั ตอ่ ตะกรา้ เพาะ และมสี ารสำ� คญั กลมุ่ กระตนุ้
ภูมิคมุ้ กัน สารตา้ นอนุมูลอสิ ระ และสารสำ� คญั ทางดา้ น
เวชสำ� อางในปรมิ าณสงู ผลทดสอบพษิ เฉยี บพลนั ในสตั ว์
ทดลองอยู่ในระดับความปลอดภัยท่ี 5 ตามมาตรฐาน
OECD 423 คอื มคี วามปลอดภยั ในการนำ� มาบรโิ ภค และ
ได้ขยายผลงานวิจัยผ่านการอบรม การท�ำแปลงเรียนรู้
และขยายผลสเู่ กษตรกรในพน้ื ทร่ี ว่ มกบั หนว่ ยงานภาครฐั
ในพน้ื ท่จี งั หวดั สงขลา ซ่งึ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

5. การพัฒนาการผลิตผกั อินทรยี ์ทางเลือกเพือ่ สร้างรายไดท้ ่ีย่งั ยืน

ผลงานวิจัยดีเด่น ประเภทงานพัฒนางานวิจัย
ระดบั ดเี ดน่ ผลงานของสำ� นกั วจิ ยั และพฒั นาการเกษตร
เขตที่ 3 จังหวัดขอนแก่น โดยจังหวัดนครพนมและ
กาฬสินธต์ุ ้งั เป้าหมายทจ่ี ะเป็นแหลง่ ผลิตพืชอินทรยี ์ แต่
ยงั ประสบปญั หาการผลติ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การระบาด
ของศัตรูพืช และผลผลิตต่�ำ เนื่องจากดินขาดความ

อุดมสมบูรณ์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครพนม
ศนู ย์วจิ ัยและพฒั นาการเกษตรกาฬสนิ ธุ์ และสำ� นกั วิจยั
และพฒั นาการเกษตรเขตท่ี 3 จึงดำ� เนนิ การพฒั นาการ
ผลิตผกั อนิ ทรยี ใ์ นพ้นื ท่ี ในปี 2559 – 2562 โดยทดสอบ
การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ที่อ้างอิงตามค่าวิเคราะห์ดินและปุ๋ย

73

และใชช้ วี ภณั ฑค์ วบคมุ โรคและแมลงศตั รพู ชื เปรยี บเทยี บ เกษตรกรท่เี ขา้ ร่วมโครงการทงั้ 2 จังหวดั ได้รับ
กบั วธิ เี กษตกร จงั หวดั ละ 5 ราย พรอ้ มพฒั นาสมู่ าตรฐาน การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 6 ราย จากทงั้ หมด
และขยายผลโดยการสรา้ งแปลงตน้ แบบเปน็ จดุ สาธติ และ 10 ราย ในปี 2562 เกิดแปลงต้นแบบ 16 แปลง พื้นที่
ถา่ ยทอดเทคโนโลยี และอบรมการผลิตพืชอนิ ทรีย์ 93.8 ไร่ ผลิตพืชผสมผสานได้ผลผลิตรวม 106,234
กโิ ลกรมั ตอ่ ปี มีรายไดห้ มนุ เวยี นรวม 5,451,334 บาท
ผลการด�ำเนินงานพบว่า ในจังหวัดนครพนม ต่อปี เกิดเครอื ข่ายเรียนรู้ 22 กลุม่ 1,033 ราย เกษตรกร
ผักกวางตุ้ง และหอมแบ่ง วิธีทดสอบ ให้ผลผลิตเฉล่ีย เครือข่ายได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์พืช
1,713 และ 1,671 กิโลกรัมต่อไร่ สูงกว่าวิธีเกษตรกร ผสมผสาน จ�ำนวน 51 ราย พนื้ ทปี่ ระมาณ 404 ไร่ และ
รอ้ ยละ 25.1 และ 15.2 ผลตอบแทนเฉล่ยี 33,430 และ มีผ้เู ขา้ ศึกษาดูงานในแปลงต้นแบบรวม 7,100 ราย
48,475 บาทตอ่ ไร่ หรือเพิ่มขึน้ ร้อยละ 26.2 และ 14.9
จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ กะหลำ่� ปลี คะนา้ และกวางตงุ้ วธิ ที ดสอบ
ใหผ้ ลผลติ เฉลยี่ 3,218 1,090 และ 1,567 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่
สูงกว่าวิธีเกษตรกรร้อยละ 0.97 47.3 และ 16.5
ผลตอบแทน 32,370 22,410 และ 37,260 บาทตอ่ ไร่
หรอื เพ่มิ ข้นึ ร้อยละ 33.7 60.0 และ 13.5 ตามล�ำดบั

6. การสง่ เสรมิ อตุ สาหกรรมแปรรปู มนั ฝรง่ั อยา่ งยงั่ ยนื ดว้ ยพนั ธแ์ุ นะนำ� ของกรมวชิ าการเกษตร

ในพืน้ ทีภ่ าคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ

ผลงานวิจัยดีเด่น ประเภทงานพัฒนางานวิจัย ให้ผลผลิตสูง และได้มาตรฐานการแปรรูปที่ผลิตจาก
ระดบั ดี ผลงานของสถาบนั วจิ ยั พชื สวน ดว้ ยขอ้ จำ� กดั ตอ่ การ ระบบการผลิตหัวพนั ธุม์ ันฝรัง่ ปลอดโรคแบบครบวงจร
ขยายตวั ของอตุ สาหกรรมแปรรปู มนั ฝรงั่ ในประเทศไทย
ซงึ่ กค็ อื ผปู้ ระกอบการและเกษตรกร ตอ้ งการหวั พนั ธม์ุ นั ฝรงั่ น�ำไปทดสอบเทคโนโลยีการผลิตมันฝรั่ง ในปี
ที่มีคุณภาพและปลอดโรคเพื่อเป็นผลผลิตส่งโรงงาน 2558 – 2559 โดยใชพ้ นั ธแ์ุ นะนำ� ของกรมวชิ าการเกษตร
สถาบันวจิ ัยพชื สวน กรมวชิ าการเกษตร จงึ ไดม้ ีการวจิ ยั คอื พนั ธเ์ุ ชยี งใหม่ 1 และเชยี งใหม่ 2 อตั รา 350 กโิ ลกรมั /
พันธุ์มันฝรั่งเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรในพ้ืนที่ภาคเหนือ ไร่ เปรียบเทียบกับพันธุ์แอตแลนติก และพันธุ์ FL ใน
และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ได้ใช้มนั ฝรง่ั พนั ธุแ์ นะนำ� แปลงเกษตรกรจ�ำนวน 63 ราย ทำ� ใหไ้ ด้ผลผลิตมนั ฝรั่ง
ของกรมวชิ าการเกษตร ซงึ่ มคี วามทนทานตอ่ โรคใบไหม้ เฉลยี่ 3.6 ตนั / ไร่ สงู กวา่ พนั ธเ์ุ กษตรกรรอ้ ยละ 14 ได้
ขนาดหวั ทผี่ า่ นเกณฑโ์ รงงานเฉลย่ี 3.2 ตนั /ไร่ สงู กวา่ เดมิ

74

รอ้ ยละ 13 ใหป้ ริมาณแปง้ เฉลีย่ 19.9% ต้นทุนการผลิต
เฉลย่ี 23,008 บาท/ไร่ ตำ�่ กวา่ เดมิ รอ้ ยละ 3 รายได้เฉลย่ี
39,123 บาท/ไร่ เพมิ่ ขน้ึ จากเดมิ รอ้ ยละ 15 ทำ� ใหม้ รี ายได้
เพ่มิ ขึน้ เฉล่ีย 16,115 บาท/ไร่ เพ่ิมข้ึนร้อยละ 42 และมี
อตั ราสว่ นผลตอบแทนตอ่ การลงทนุ (BCR) เฉลย่ี 1.8 สงู
กว่าเดิมร้อยละ 0.3 ซึ่งเกษตรกรท่ีร่วมวิจัยมีความ
พงึ พอใจมากทส่ี ุดตอ่ การใช้หวั พันธุ์มันฝรัง่ แนะน�ำ และ
เทคโนโลยกี ารผลติ ของกรมวชิ าการเกษตร คดิ เปน็ รอ้ ยละ
75 และ 54 ตามล�ำดับ ส่งผลให้มีความต้องการใช้
หัวพนั ธใุ์ นปริมาณสูง

ในปี 2561 – 2562 ได้ด�ำเนินโครงการขยายผล จากผลผลิต G1 จ�ำนวน 53.84 ตนั ทำ� ให้มหี ัวพันธุ์อยู่
จดั ทำ� แปลงตน้ แบบผลติ หวั พนั ธม์ุ นั ฝรงั่ ในแปลงเกษตรกร ในระบบการค้า 171.7 ตัน ใช้เป็นวัตถุดิบส่งโรงงาน
จ�ำนวน 16 ราย ได้ผลผลิตหัวพันธุ์เฉลี่ย 3.2 ตัน/ไร่ แปรรูป 2,076 ตนั ท�ำใหเ้ กษตรกรลดต้นทุนการผลติ ลง
มตี น้ ทนุ การผลติ ลดลงร้อยละ 26 จาก 30,000 บาท/ไร่ รอ้ ยละ 58 มรี ายได้เพมิ่ ขน้ึ ไม่น้อยกวา่ 34,110 บาท/ไร่
เป็น 23,834 บาท/ไร่ จึงขยายผลสู่แปลงผลิตหัวพันธุ์ คิดเป็นมูลค่าทางระบบเศรษฐกิจรวม 255.9 ล้านบาท
มนั ฝร่งั เชิงพาณิชย์ของเกษตรกร 178 ราย รวม 704 ไร่ ทำ� ใหล้ ดการน�ำเข้าลงร้อยละ 5 นอกจากนเ้ี กษตรกรได้
ถ่ายทอดความรู้ผ่านการจัดฝึกอบรม 3,762 ราย และ
กจิ กรรมตา่ ง ๆ อนั กอ่ ใหเ้ กดิ ความยง่ั ยนื ในธรุ กจิ อตุ สาหกรรม
แปรรปู มันฝรงั่ ในระยะยาว

7. การขยายผลการใช้เครื่องจักรกลขนาดเล็กเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและลด

การเผาใบอ้อย

ผลงานวิจัยดีเด่น ประเภทงานพัฒนางานวิจัย สพุ รรณบรุ ี สกู่ ารใชป้ ระโยชนข์ องเกษตรกรในพนื้ ทจ่ี งั หวดั
ระดบั ชมเชย ผลงานของสถาบนั วจิ ยั พชื ไรแ่ ละพชื ทดแทน กาญจนบุรี สพุ รรณบรุ ี และราชบุรี ได้แก่ 1) เครือ่ งมือ
พลงั งาน มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ เผยแพรต่ น้ แบบเครอื่ งจกั รกล เตรียมดินปลูกอ้อยแบบลดการไถพรวนสไตรพ์ ทิลเลจ
ขนาดเลก็ ทไ่ี ดจ้ ากการวจิ ยั และพฒั นาของศนู ยว์ จิ ยั พชื ไร่ (Stripe tillage) เพ่ือลดขั้นตอนการเตรียมดิน ท�ำให้

75

เกษตรกรสามารถปลูกอ้อยไดเ้ รว็ ข้นึ 2) เคร่ืองสบั ใบและกลบเศษ
ซากออ้ ย สำ� หรบั การจดั การใบและเศษซากออ้ ยกอ่ นการเตรยี มดนิ
3) เครอ่ื งสางใบออ้ ย และ 4) เครอ่ื งสบั ใบระหวา่ งแถวออ้ ยตอ เพอ่ื
แก้ปญั หาการเผาใบออ้ ยก่อนและหลงั การเก็บเกยี่ วออ้ ยสด

โดยไดจ้ ดั ทำ� แปลงตน้ แบบเปรยี บเทยี บกบั วธิ ขี องเกษตรกร
พบวา่ การเตรียมดินปลกู อ้อยแบบลดการไถพรวนสไตรพ์ ทลิ เลจ
เพม่ิ ผลผลติ ออ้ ยได้มากกว่าวิธเี กษตรกร เฉลีย่ 16.48 เปอรเ์ ซน็ ต์
เพมิ่ ผลตอบแทน 876 – 2,430 บาท/ไร่ ลดตน้ ทนุ ได้ 500 บาท/ไร่
การใช้เครอ่ื งสางใบออ้ ย ทำ� ใหก้ ารตดั อ้อยสดได้รวดเร็ว อตั ราผล
ตอบแทนเพ่ิมมากกว่า 50 เปอร์เซน็ ต์ การใช้เครื่องสบั ใบระหวา่ ง
แถวออ้ ยตอ ทำ� ใหผ้ ลผลิตออ้ ยเพมิ่ ขึ้น 6 – 23 เปอร์เซ็นต์ การใช้
เครอื่ งสบั ใบและกลบเศษซากออ้ ย เพมิ่ ผลผลติ 5 – 18 เปอรเ์ ซน็ ต์
มากกว่าวิธีการเผาใบก่อนการเตรียมดินของเกษตรกร ท�ำให้พื้นท่ีการตัดอ้อยสดเพิ่มขึ้นในพ้ืนที่ปลูกอ้อยจังหวัด
กาญจนบรุ ี สุพรรณบรุ ี และราชบรุ ี ส่งผลใหก้ ารผลติ ออ้ ยของไทยและอตุ สาหกรรมตอ่ เน่อื ง ชว่ ยลดการเผาใบอ้อย
แบบเป็นมิตรต่อสง่ิ แวดล้อมไดอ้ ยา่ งย่งั ยนื

8. ข้าวโพดเลย้ี งสัตวล์ ูกผสมพันธ์นุ ครสวรรค์ 5 อายุเกบ็ เกีย่ วสัน้ และทนทานแล้ง

พันธุ์ในไร่เกษตรกรในจังหวัดที่เป็นแหล่งปลูกที่ส�ำคัญ
และศกึ ษาขอ้ มลู จำ� เพาะของพนั ธ์ุ ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2550 –
2561 ซ่ึงได้ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการวิจัย
ปรับปรุงพันธุ์ กรมวิชาการเกษตร เป็นพันธุ์รับรอง
เมื่อวันที่ 6 มิถนุ ายน 2562

ผลงานวจิ ัยดเี ด่น ประเภทงานวจิ ยั ปรับปรุงพนั ธ์ุ ผลจากการประเมิน พบว่า ข้าวโพดเล้ียงสัตว์
ระดบั ดเี ดน่ ผลงานของสถาบนั วจิ ยั พชื ไรแ่ ละพชื ทดแทน ลกู ผสมพนั ธน์ุ ครสวรรค์ 5 ใหผ้ ลผลติ 1,176 กโิ ลกรมั /ไร่
พลงั งาน มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ พฒั นาพนั ธข์ุ า้ วโพดเลย้ี งสตั ว์ มากกวา่ พนั ธนุ์ ครสวรรค์ 3 ร้อยละ 10 (เฉลย่ี จาก 64
ลูกผสมให้มีผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ลูกผสมนครสวรรค์ 3 แปลงทดสอบ) ในสภาพขาดน�ำ้ ระยะออกดอกเป็นเวลา
รอ้ ยละ 5 สามารถเก็บเกี่ยวทอ่ี ายุ 95 – 100 วัน มคี วาม 1 เดอื น ใหผ้ ลผลติ 749 กโิ ลกรมั /ไร่ สงู กวา่ พนั ธน์ุ ครสวรรค์
ทนทานแลง้ และตา้ นทานต่อโรคทางใบที่ส�ำคัญ 3 ท่ีให้ผลผลิต 589 กิโลกรัม/ไร่ ร้อยละ 27 มีความ

ขา้ วโพดเล้ียงสัตว์ลูกผสมพันธ์นุ ครสวรรค์ 5 เป็น
ขา้ วโพดเลย้ี งสตั วล์ กู ผสมเดยี่ ว อายสุ น้ั เกดิ จากการผสม
ข้ามระหว่างสายพันธุ์แท้ตากฟ้า 7 (พันธุ์แม่) และสาย
พนั ธแ์ุ ทต้ ากฟา้ 5 (พนั ธพ์ุ อ่ ) ประเมนิ ศกั ยภาพการทนทาน
แลง้ ประเมนิ ผลผลติ ตามขน้ั ตอนการปรบั ปรงุ พนั ธ์ุ ทดสอบ

76

ต้านทานโรคใบไหม้แผลใหญ่ และโรคราสนิม ต้านทานปานกลางต่อโรค
ราน้�ำค้าง และโรคใบด่างที่เกิดจากเช้ือ Maize dwarf mosaic virus
(SCMV-MDB) ฝกั แหง้ เรว็ หรอื มคี วามชน้ื ขณะเกบ็ เกย่ี วนอ้ ยกวา่ พนั ธอ์ุ นื่ ๆ
ในขณะที่ต้นยงั เขียวสด สามารถเก็บเกีย่ วไดเ้ รว็ ขนึ้ ทอี่ ายุ 95 – 100 วัน

ในปี 2562 – 2563 มกี ารขยายผลการใช้ประโยชนไ์ ปสูเ่ กษตรและ
ภาคเอกชน ได้แก่ โครงการต้นแบบหมู่บ้านเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเล้ียงสัตว์
ลกู ผสม เกษตรกรสามารถนำ� เมลด็ พนั ธไ์ุ ปปลกู ครอบคลมุ พน้ื ที่ 121,330 ไร่
ไดผ้ ลผลติ 142,680 ตนั คดิ เปน็ รายไดท้ เ่ี กษตรกรไดร้ บั จากการปลกู ขา้ วโพด
เล้ียงสตั วล์ กู ผสมนครสวรรค์ 5 เป็นเงนิ 1,220 ล้านบาท เป็นการช่วยลด
ต้นทนุ การผลิตและเพมิ่ ขีดความสามารถของเกษตรกรไทย

9. มนั ส�ำปะหลังอายุเก็บเก่ยี วสน้ั พันธุ์ระยอง 15

ผลงานวจิ ัยดเี ดน่ ประเภทงานวิจยั ปรับปรุงพันธุ์ เพื่อคัดเลือกพันธุ์มันส�ำปะหลังท่ีมีอายุเก็บเกี่ยวสั้น
ระดับดี ผลงานของสถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทน ไมเ่ กนิ 8 เดอื น และใหผ้ ลผลิตแป้งสูงกว่าพันธ์รุ ะยอง 5
พลังงาน โดยมนั ส�ำปะหลงั อายุเก็บเกยี่ วสัน้ พนั ธร์ุ ะยอง ระยอง 7 และระยอง 72 ไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 10 ซง่ึ ได้
15 ไดจ้ ากการผสมเปดิ ของมนั สำ� ปะหลงั พนั ธเ์ุ กษตรศาสตร์ ผา่ นการรบั รองจากคณะกรรมการวจิ ยั ปรบั ปรงุ พนั ธ์ุ กรม
50 ซึ่งเป็นพันธุ์แม่ ท่ีให้ผลผลิตสูงและปรับตัวได้ดีกับ วิชาการเกษตร เป็นพันธุ์รับรอง เม่ือวันท่ี 6 มิถุนายน
สภาพแวดลอ้ ม ท่ศี ูนยว์ ิจยั พชื ไร่ระยอง มีวัตถุประสงค์ 2562

ลักษณะเด่นของมันส�ำปะหลังอายุเก็บเกี่ยวสั้น
พนั ธร์ุ ะยอง 15 คอื เป็นพนั ธอ์ุ ายเุ กบ็ เกยี่ วสน้ั ใหผ้ ลผลติ
หวั สดเฉลยี่ 4,632 กโิ ลกรมั /ไร่ เปอรเ์ ซน็ ตแ์ ปง้ เฉลย่ี 29.2
เปอร์เซ็นต์ และใหผ้ ลผลติ แป้งเฉล่ยี 1,355 กโิ ลกรมั / ไร่
เมอื่ อายุ 8 เดอื น สามารถปลกู ไดใ้ นพน้ื ทป่ี ลกู มนั สำ� ปะหลงั
ท่วั ไป ทัง้ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือและภาคกลาง พื้นท่ี
ทใี่ หผ้ ลผลติ สงู เชน่ จงั หวดั ชยั นาท ขอนแกน่ นครสวรรค์
ลพบุรี เลย มหาสารคาม มุกดาหาร และอุบลราชธานี
เปน็ ตน้ มีขอ้ ควรระวงั หรอื ขอ้ จำ� กัดคือ ค่อนขา้ งอ่อนแอ
ต่อโรคใบไหม้ สามารถแนะน�ำพันธุ์น้ีให้กับเกษตรกร
ที่ต้องการเก็บเกี่ยวผลผลิตมันส�ำปะหลังเร็วกว่าปกติ
อันเน่ืองมาจากน�้ำท่วม หรือฝนแลง้ เปน็ เวลานาน ซ่ึง
ส่งผลกระทบตอ่ ผลผลิต

77

10. ถว่ั ลิสงเมลด็ ปานกลางพันธุ์ขอนแก่น 9 เพ่อื อุตสาหกรรมอาหาร

ผลงานวิจยั ดีเดน่ ประเภทงานวิจัยปรบั ปรุงพันธุ์
ระดบั ชมเชย ผลงานของสถาบนั วจิ ยั พชื ไรแ่ ละพชื ทดแทน
พลงั งาน เป็นถว่ั ลิสงที่ไดจ้ ากคู่ผสมระหวา่ งพนั ธุ์ KKFC
4000-1 (พันธุแ์ ม่) กับพันธไุ์ ทนาน 9 (พนั ธ์พุ ่อ) คัดเลือก
สายพันธุช์ ัว่ ที่ 2-6 ระหว่างปี 2542 - 2544 ท่ีศูนย์วจิ ยั
พชื ไรข่ อนแกน่ และแปลงทดลองหว้ ยหลวง จงั หวดั อดุ รธานี
จากการประเมนิ ผลผลติ ตามขนั้ ตอนการปรบั ปรงุ
พันธุ์ พบว่า พันธุ์ขอนแก่น 9 ให้ผลผลิตฝักแห้ง 264
กโิ ลกรมั /ไร่ สงู กว่าพันธุข์ อนแก่น 5 และพันธ์ไุ ทนาน 9
ร้อยละ 6 และ 7 ตามลำ� ดบั ขนาดเมลด็ โต น้ำ� หนัก 52.8
กรมั /100 เมลด็ มากกวา่ พนั ธไ์ุ ทนาน 9 และพนั ธข์ุ อนแกน่
5 รอ้ ยละ 19 และ 9 ตามลำ� ดบั มลี กั ษณะทรงต้นตรง ถว่ั ลิสงพันธ์ขุ อนแก่น 9 มีการนำ� ไปใชป้ ระโยชน์
เยอ่ื หมุ้ เมล็ดสชี มพู การติดฝักเป็นกระจกุ บรเิ วณโคนตน้ ใหโ้ ครงการพชื ไรห่ ลงั นารว่ มกบั กรมการขา้ ว กลมุ่ วสิ าหกจิ
ง่ายต่อการปลิดฝักเก็บเก่ียว เปอร์เซ็นต์กะเทาะ 67.0 ชมุ ชน ทงุ่ กลุ าสมารท์ ฟารม์ รว่ มกบั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี
เปอร์เซน็ ต์ ปรมิ าณโปรตนี และไขมัน 32.7 และ 46.5 ราชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตรอ้ ยเอ็ด ศูนยก์ ารเรียนรูก้ าร
เปอรเ์ ซน็ ต์ ตามลำ� ดบั สามารถปลกู ไดท้ วั่ ไปในสภาพการ เพ่ิมประสทิ ธิภาพการผลติ สนิ ค้าเกษตร (ศพก.) รวมทงั้
ผลติ ถ่ัวลสิ งในประเทศไทย ขยายผลสเู่ กษตรกรเครอื ขา่ ยในโครงการโรงเรยี นถว่ั ลสิ ง
ของบรษิ ทั แมร่ วย จำ� กดั ผลผลติ ทไ่ี ดส้ ามารถใชป้ ระโยชน์
ได้หลายรูปแบบ กลา่ วคอื เป็นแหลง่ อาหารโปรตนี จาก
การบรโิ ภคโดยตรง การแปรรปู เปน็ ผลติ ภณั ฑต์ า่ ง ๆ เพอ่ื
เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ เพมิ่ มูลคา่ ผลผลิต และสรา้ ง
รายได้ให้กบั เกษตรกรรวมถึงผู้ประกอบการได้ เช่น ถัว่
เคลอื บ ถ่ัวอบเนย เป็นตน้

11. การควบคุมคุณภาพห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ปุ๋ยเคมี ด้วยการทดสอบความช�ำนาญ
ตามมาตรฐาน ISO/IEC 17043: 2010

ผลงานวจิ ยั ดเี ดน่ ประเภทงานบรกิ ารวชิ าการ ระดบั ดเี ดน่ ผลงาน เป็นการเพิ่มทางเลือกการให้บริการ
ของกองวจิ ยั และพัฒนาปจั จัยการผลิตทางการเกษตร ซง่ึ ไดป้ รับเปลี่ยน วิเคราะห์ปุ๋ยเคมีแก่ผู้ขอรับบริการหรือ
ภารกิจจากการให้บริการตรวจวิเคราะห์สู่การก�ำกับดูแลห้องปฏิบัติการ ผ้ปู ระกอบการปุย๋ เคมไี ด้
วิเคราะหป์ ยุ๋ ตามมตคิ ณะรัฐมนตรีท่ีเห็นชอบใหถ้ า่ ยโอนภารกจิ ดา้ นการ
วิเคราะห์ให้กับห้องปฏิบัติการภาคเอกชน โดยเริ่มด�ำเนินการจัดการ
ทดสอบความชำ� นาญตามมาตรฐานสากล 17043: 2010 ตงั้ แตป่ ี พ.ศ.
2550 มหี อ้ งปฏบิ ตั กิ ารเขา้ รว่ มทดสอบความชำ� นาญเพมิ่ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
จาก 19 หอ้ งปฏิบัตกิ าร ในปี 2550 เปน็ 54 ห้องปฏบิ ัติการ ในปี 2562

78

ผลการทดสอบความชำ� นาญ พบวา่ หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ในปีงบประมาณ 2562 ซึ่งบรรลุตามวัตถุประสงค์การ
วิเคราะห์ปุ๋ยเคมีของประเทศไทยมีคุณภาพเพิ่มข้ึน ถ่ายโอนภารกจิ ตามประกาศกรมวิชาการเกษตร
อย่างต่อเน่ือง และได้รับการรับรองความสามารถการ
จดั การทดสอบความชำ� นาญจากกรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร
ในเดือนมกราคม 2562 ซ่ึงเป็นเพียงหน่วยงานเดียว
ทไ่ี ดร้ บั การรบั รองความสามารถการจดั การทดสอบความ
ชำ� นาญวเิ คราะหป์ ยุ๋ เคมขี องประเทศไทย ตลอดจนมกี าร
พัฒนาอยา่ งตอ่ เนื่อง เพอ่ื ใหส้ ะดวกและมปี ระสทิ ธภิ าพ
มากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรได้ใช้ปุ๋ยเคมีที่มีคุณภาพเป็น
ไปตามฉลากทร่ี ะบไุ ว้ และสามารถควบคมุ มาตรฐานและ
พัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์ปุ๋ยในประเทศไทย
ใหเ้ ป็นมาตรฐานเดียวกันทงั้ ห้องปฏิบตั ิการกรมวิชาการ
เกษตรในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และภาคเอกชน
สง่ ผลใหม้ หี อ้ งปฏบิ ตั กิ ารวเิ คราะหป์ ยุ๋ รบั ถา่ ยโอนภารกจิ
แทนกรมวชิ าการเกษตรเพม่ิ ขนึ้ เปน็ การเพมิ่ จำ� นวนการ
ให้บรกิ ารจาก 7,450 ตัวอยา่ ง เป็น 15,300 ตัวอยา่ ง/ปี
และเปน็ การลดปรมิ าณการวิเคราะหป์ ยุ๋ ของหอ้ งปฏิบตั ิ
การส่วนกลางของกรมวิชาการเกษตร จาก 11,546
ตัวอยา่ ง ในปงี บประมาณ 2561 เหลือ 8,347 ตัวอย่าง

12. การพัฒนาระบบการควบคุมความปลอดภัยของสินค้าพืชตามเง่ือนไขของโครงการ
การจัดการสารเคมีในผกั ผลไม้เพือ่ การส่งออกไปประเทศญ่ปี ่นุ

ผลงานวิจัยดีเด่น ประเภทงานบริการวิชาการ 22 ราย ผู้ส่งออกท่ีมีผลการทดสอบก่อนการส่งออก
ระดบั ดี ผลงานของกองพฒั นาระบบและรบั รองมาตรฐาน ไมผ่ า่ นตามเกณฑท์ กี่ ำ� หนด 4 บรษิ ทั และเกษตรกรเครอื
สนิ คา้ พชื เปน็ การพฒั นาระบบการควบคมุ ความปลอดภยั ขา่ ย 6 ราย ซ่ึงระบบทพ่ี ฒั นาข้นึ ไดร้ บั ความเช่อื ม่นั และ
ของสินค้าพืช เพื่อสร้างความเช่ือม่ันแก่ประเทศคู่ค้า ยอมรบั จากกระทรวงสาธารณสขุ แรงงานและสวสั ดกิ าร
เกยี่ วกับการควบคุม กำ� กบั ดแู ลผสู้ ง่ ออกและเกษตรกร ญี่ปุ่น ซึ่งควบคุมและตรวจสอบสารเคมีตกค้างตาม
เครือข่าย ให้มีความเข้มงวดและมีประสิทธิภาพย่ิงขึ้น กฎหมาย Food Sanitation Law ในสนิ คา้ น�ำเข้าของ
โดยระบบที่ได้พัฒนานี้ถูกน�ำมาใช้ในการตรวจประเมิน ประเทศญป่ี นุ่
แก่ผู้ส่งออกรายใหม่ 6 บริษัท และเกษตรกรเครือข่าย
จากการยอมรบั ระบบการควบคมุ ดงั กลา่ ว กระทรวง
สาธารณสุขฯ ญี่ปุ่น ได้อนุมัติรายชื่อผู้ส่งออกของไทย
จำ� นวน 6 บรษิ ทั ใหไ้ ดร้ บั สทิ ธยิ กเลกิ การกกั ตรวจสารเคมี
ตกค้างที่ด่านน�ำเข้าประเทศญ่ีปุ่น นอกจากนี้ยังส่งผล
โดยตรงกบั ผสู้ ง่ ออกผกั ผลไมไ้ ทยในดา้ นความเปน็ ประโยชน์
ต่อธุรกิจการส่งออกของไทย ช่วยลดการสูญเสีย
การต่อรอง และกักตรวจ คิดเป็นมูลค่าโดยประมาณ
1,200 – 1,400 ลา้ นบาท/ปี เพม่ิ ขดี ความสามารถในการ

79

แขง่ ขันของผสู้ ่งออกไทยในตลาดส่งออก สง่ ผลต่อเน่ือง
ไปยังเกษตรกรเครือขา่ ยกวา่ 1,185 ราย ใหม้ อี าชพี และ
รายไดท้ ีม่ นั่ คงยิ่งขน้ึ นอกจากน้ี โครงการฯ มุ่งเน้นการ
มีส่วนร่วมของภาครัฐและภาคเอกชนของไทย และ
กระทรวงสาธารณสขุ ฯ ญปี่ นุ่ ทร่ี ว่ มมอื กนั เพอ่ื ใหไ้ ดร้ ะบบ
การควบคมุ ความปลอดภยั ท่ีดขี นึ้

ถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาระบบตรวจประเมินท่ี
เข้มงวดมากข้ึน แต่ผลการประเมินความพึงพอใจของ
ผสู้ ง่ ออกต่อโครงการฯ แสดงให้เห็นว่า ผูส้ ง่ ออกมคี วาม
พงึ พอใจและใหก้ ารยอมรบั ใหค้ วามรว่ มมอื ในการตรวจ
ประเมนิ เปน็ อยา่ งดี เพอ่ื ใหโ้ ครงการฯ สามารถดำ� เนนิ การ
ตอ่ ไปได้ และคำ� นงึ ถงึ ประโยชนท์ ไี่ ดจ้ ากโครงการฯ เปน็ หลกั
คือ การอ�ำนวยความสะดวกในการส่งออกไปประเทศ
ญี่ปุ่น ลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการกักตรวจสารเคมี
ตกคา้ งในสินค้าที่ด่านนำ� เขา้ สามารถตอ่ รองราคาสนิ ค้า
กบั ผนู้ ำ� เขา้ ได้ รวมถงึ เพมิ่ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั
ของผลผลติ จากประเทศไทย

13. สารวตั รเกษตรอาสา กลไกขับเคล่อื นงานพระราชบญั ญตั ิในระดบั พืน้ ที่

ผลงานวิจัยดีเด่น ประเภทงานบริการวิชาการ
ระดบั ชมเชย ผลงานของสำ� นกั วจิ ยั และพฒั นาการเกษตร
เขตที่ 3 จงั หวดั ขอนแกน่ ซ่งึ พบปัญหาการเรข่ ายปัจจยั
การผลิตทางการเกษตรตามหมู่บ้านในภาคตะวันออก
เฉยี งเหนือตอนบน ทำ� ให้เกษตรกรถกู หลอกลวง ได้รบั
สินค้าท่ีไม่มีคุณภาพ มีผลตอบแทนไม่คุ้มค่าการลงทุน
ซง่ึ สถติ กิ ารจบั กมุ ผกู้ ระทำ� ความผดิ ยงั มนี อ้ ยมาก เนอ่ื งจาก
จ�ำนวนของสารวัตรเกษตรมไี มเ่ พยี งพอ

สำ� นกั วจิ ยั และพฒั นาการเกษตรเขตที่ 3 และศนู ย์
เครือข่าย 8 แห่ง จึงได้แก้ไขปัญหาโดยจัดท�ำโครงการ
สารวัตรเกษตรอาสา ในปี 2560 – 2562 เพ่ือสร้าง
เครอื ขา่ ยภาคประชาชน เฝา้ ระวงั แจง้ เบาะแส ปอ้ งกนั และ
ปราบปรามการกระท�ำความผิดตามพระราชบัญญัติปุ๋ย
พ.ศ. 2518 และฉบบั แกไ้ ข พระราชบญั ญตั วิ ตั ถอุ นั ตราย
พ.ศ. 2535 และฉบบั แกไ้ ข พระราชบญั ญตั พิ นั ธพ์ุ ชื พ.ศ.
2518 และฉบบั แกไ้ ข รวมถงึ เผยแพรค่ วามรใู้ นการเลอื กซอ้ื
ปัจจัยการผลติ ทางการเกษตรท่มี คี ณุ ภาพมาตรฐาน

80

จากผลการด�ำเนินงาน พบว่า ได้สร้างสารวัตรเกษตรอาสาใน 11
จงั หวดั จ�ำนวน 29 กลุ่มเครือข่าย รวม 1,513 คน เพอ่ื ชว่ ยเหลอื งานของ
สารวัตรเกษตรและถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกรกว่า 75,650 คน ท�ำให้ซื้อ
ปจั จยั การผลติ ไดถ้ กู ตอ้ ง ไมซ่ อ้ื จากการเรข่ าย มกี ารแจง้ เบาะแสการกระทำ�
ความผดิ และการเรข่ ายป๋ยุ วัตถุอนั ตราย และพันธุ์พชื ตามหมูบ่ ้าน จ�ำนวน
20 คร้งั สามารถนำ� ผูก้ ระท�ำความผดิ มาลงโทษ และพ้ืนทร่ี อ้ ยละ 82 ไม่พบ
การเรข่ าย เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั กอ่ นโครงการซง่ึ มกี ารรอ้ งเรยี นวา่ มกี ารเรข่ าย
อยู่เป็นประจ�ำแทบทุกพื้นท่ี ปีละ 1 – 3 คร้ัง เกิดการพัฒนาต่อยอดเป็น
ศนู ยก์ ารเรยี นรดู้ า้ นกฎหมายประจำ� หมบู่ า้ น โดยความรว่ มมอื ของผนู้ ำ� ชมุ ชน
และผเู้ กย่ี วขอ้ ง จงึ เปน็ ตน้ แบบใหก้ รมวชิ าการเกษตรนำ� ไปขยายผลทวั่ ประเทศ

โครงการพิเศษดีเดน่ ประจ�ำปี 2563 เกษตรกร ขยายผลโดยการจดั ท�ำเปน็ แปลงต้นแบบและ
แปลงขยายผล และปลูก ศกึ ษาทดสอบไมผ้ ลเมืองหนาว
ไมผ้ ลเมอื งหนาว ตน้ แบบพชื ผสมผสาน ท่ีมีศักยภาพ ซ่ึงพบว่า มะคาเดเมีย มีการเจริญเติบโต
ถนิ่ กนั ดารนาแหว้ ภายใตโ้ ครงการพฒั นาเพอื่ และให้ผลผลิตคุณภาพดี ได้ผลผลิต 125 กิโลกรัม/ไร่
ความมัน่ คงพนื้ ที่ภูขัด ภเู มยี่ ง ภสู อยดาว อัน สว่ นไมผ้ ลเมอื งหนาวทนี่ ำ� มาปลกู แบบผสมผสานในพนื้ ท่ี
เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� ริ อำ� เภอนาแหว้ จงั หวดั เชน่ ล้นิ จ่ี สาลี่ พลับ เกาลดั อะโวคาโด แซมด้วยกาแฟ
เลย ของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเลย อาราบกิ า้ ระหวา่ งแถวไมผ้ ล จำ� นวน 2 แถว/ชว่ งแถว
สำ� นกั วจิ ยั และพฒั นาการเกษตรเขตท่ี 3 จงั หวดั 200 ตน้ /ไร่ ในพนื้ ที่ 8 ไรข่ องเกษตรกรตน้ แบบ ไดผ้ ลผลติ
ขอนแกน่ ลนิ้ จ่ี 837 – 1,176 กโิ ลกรมั /ไร่ พลบั 425 – 980 กโิ ลกรมั /
ไร่ สาล่ี 684 – 980 กโิ ลกรัม/ไร่ และกาแฟ (แหง้ ) 80
บรเิ วณพนื้ ทภ่ี ขู ดั ภเู มย่ี ง ภสู อยดาว อำ� เภอนาแหว้ – 92 กโิ ลกรัม/ไร่ เกษตรกรตน้ แบบ 3 ราย มีรายไดจ้ าก
จังหวัดเลย ติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน การขายผลผลิตมะคาเดเมีย กาแฟ และไมผ้ ลชนดิ อืน่ ๆ
ลาว มสี ภาพภมู ปิ ระเทศเปน็ ภเู ขา ปา่ ไม้ เปน็ แหลง่ ตน้ นำ้� เฉล่ียปีละ 38,567 บาท มากกว่าการปลกู ขา้ วโพดอยา่ ง
ลำ� ธาร ราษฎรมคี วามเป็นอยู่ “แร้นแคน้ ” เนื่องจากเปน็ เดยี ว ร้อยละ 50 และมีพน้ื ทสี่ �ำหรบั ปลูกข้าวไร่ พชื ผัก
ถน่ิ ทรุ กนั ดาร หา่ งไกลการคมนาคม และขาดแคลนพน้ื ที่ และสมุนไพร ไว้บริโภค สามารถลดรายจ่ายในครัวเรอื น
ทำ� กิน ทางราชการไดจ้ ัดต้ัง หมูบ่ ้านบ่อเหมืองนอ้ ย และ เกษตรกรมฐี านะความเปน็ อยูด่ ีขน้ึ นบั เป็นความสำ� เร็จ
บา้ นหว้ ยนำ้� ผกั พรอ้ มจดั สรรทด่ี นิ ทำ� กนิ ใหร้ าษฎรรายละ ของโครงการในการสร้างอาชีพการเกษตรที่มั่นคงและ
10 ไร่ จ�ำนวน 150 ครัวเรอื น รวมพ้ืนที่ 1,500 ไร่ ไปใช้ ย่ังยืนใหก้ บั เกษตรกร
ประกอบอาชพี
81
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชด�ำริเม่ือ
ปี 2540 ให้พฒั นาอาชีพด้านการเกษตรทส่ี ามารถเล้ียง
ตวั เองได้ มคี วามเขม้ แขง็ ทางเศรษฐกจิ และสงั คม สามารถ
ตงั้ ถน่ิ ฐานไดอ้ ยา่ งมนั่ คงถาวร เกดิ ความรกั และหวงแหน
ในผืนแผน่ ดนิ ของตนเอง

กรมวิชาการเกษตร โดยสถานีทดลองพืชไร่เลย
(ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเลย) ได้รับมอบหมาย
ภารกิจในการพัฒนาพืน้ ท่ี ตงั้ แต่ปี 2538 โดยนำ� ความรู้
เร่ืองระบบการปลูกไม้ผลแบบผสมผสานไปถ่ายทอดสู่

การน�ำไปใชป้ ระโยชน์/การขยายผล วัดโบสถ์ อ�ำเภอพรหมพิราม อ�ำเภอเมือง และอ�ำเภอ
วงั ทอง จังหวัดพิษณุโลก
เกษตรกรในพ้ืนท่ีสามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้
เทคโนโลยกี ารปลูกไมผ้ ลแบบผสมผสาน พนั ธุ์พืช และ โครงการเขอื่ นแควนอ้ ยบำ� รงุ แดน อนั เนอื่ งมาจาก
การจัดการสวนทีเ่ หมาะสมกบั พื้นทีส่ ภาพแวดล้อม โดย พระราชดำ� ริ อำ� เภอวดั โบสถ์ จงั หวดั พษิ ณโุ ลก เรมิ่ ดำ� เนนิ
แปลงตน้ แบบระบบปลกู ไมผ้ ลเมอื งหนาวแบบผสมผสาน การเม่ือ พ.ศ. 2546 มีระยะเวลาในการก่อสร้าง 9 ปี
3 แปลง แปลงขยายผล 20 แปลง พ้ืนที่ 50 ไร่ มีผลผลิต (2546 – 2554) มีพนื้ ที่เป้าหมายพฒั นาอาชีพและความ
จ�ำหน่ายได้แล้ว 16 แปลง ท�ำให้เกษตรกรในพื้นที่ได้ เปน็ อย่รู าษฎร แบง่ เป็น 3 พืน้ ทห่ี ลัก ได้แก่ พ้ืนที่บริเวณ
แลกเปล่ียนเรียนรู้และปฏิบัติ จนสามารถพัฒนาและ โดยรอบอา่ งเกบ็ นำ�้ พน้ื ทร่ี ะหวา่ งเขอื่ นแควนอ้ ยกบั เขอ่ื น
ตอ่ ยอด เกดิ โรงงานแปรรปู มะคาเดเมยี เกดิ ธรุ กจิ แปรรปู ทดนำ้� พญาแมน และพื้นท่ีรับประโยชนจ์ ากเข่อื นทดนำ�้
กาแฟในพนื้ ที่ สามารถรองรบั ผลผลิตของเกษตรกรได้ พญาแมน ซ่ึงหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องได้พิจารณาร่วมกัน
แล้ว เห็นควรด�ำเนินการพัฒนาพ้ืนที่บริเวณโดยรอบ
โครงการพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรเพ่ือ อา่ งเกบ็ นำ้� กอ่ นเปน็ ลำ� ดบั แรก เนอื่ งจากราษฎรบางสว่ น
ความย่ังยืนในพ้ืนที่ โครงการเขื่อนแควน้อย ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง โดยราษฎรท่ีอาศัย
บ�ำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก ของส�ำนักวิจัย และประกอบอาชีพอยู่รอบอ่างเดิม เป็นที่สูงกว่าระดับ
และพฒั นาการเกษตรเขตท่ี 2 จงั หวดั พษิ ณโุ ลก กกั เกบ็ นำ�้ ไมส่ ามารถรบั นำ�้ จากระบบชลประทานของเขอ่ื น
ได้โดยตรง และการประกอบอาชีพด้านการเกษตรน้ัน
โครงการพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรเพ่ือความ เดมิ เกษตรกรเพาะปลกู พชื เชงิ เดย่ี ว ได้แก่ มันสำ� ปะหลงั
ย่ังยนื ในพน้ื ที่โครงการเขือ่ นแควน้อยบ�ำรงุ แดน จงั หวดั ข้าวโพดเล้ยี งสัตว์ เป็นต้น ซ่ึงมพี น้ื ท่ีหมบู่ ้านของอำ� เภอ
พิษณุโลก เป็นโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริของ วัดโบสถ์ และอ�ำเภอวังทอง รวม 11 หมู่บ้าน ได้แก่
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช หมทู่ ่ี 4 ตำ� บลคนั โชง้ หมทู่ ี่ 6 และหมทู่ ่ี 10 ตำ� บลบา้ นยาง
มหาราช บรมนาถบพติ ร เพื่อชว่ ยเหลือราษฎรในพืน้ ที่ และหมู่ท่ี 15 ต�ำบลหินลาด ของอ�ำเภอวดั โบสถ์ โดยมงุ่
ลุ่มแม่น้�ำแควน้อยตอนล่าง ท่ีเป็นพื้นท่ีเกษตรกรรม พฒั นาสคู่ วามพออยพู่ อกนิ สามารถพง่ึ ตนเองไดต้ ามแนว
ทปี่ ระสบปญั หาอทุ กภยั ในฤดนู ำ้� หลาก และขาดแคลนนำ้� ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
ในชว่ งฤดูแล้งเป็นประจำ� ทุกปี

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนวพระราชด�ำริกับ
กรมชลประทาน ใหส้ รา้ งเขอ่ื นแควนอ้ ย เพอื่ ใหเ้ ปน็ แหลง่
น�้ำส�ำหรับการเพาะปลูกให้สมบูรณ์ตลอดทั้งปี รวมถึง
การอุปโภคบริโภค ส่งน้�ำให้พ้ืนท่ีการเกษตร 155,166
ไร่ สนับสนุนพื้นท่ีเพาะปลูกของราษฎรในเขตอ�ำเภอ

ปัญหาส�ำคัญของพ้ืนที่เหนือเข่ือนแควน้อยบ�ำรุง
แดนคือ ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ และขาดแคลนนำ้�
เพ่ือการเกษตร เกษตรกรเพาะปลูกพืชเชิงเด่ียวได้ปีละ
ครงั้ และมีความเสยี่ งจากฝนทิง้ ช่วง ซ่งึ มักจะเกดิ ข้นึ อยู่
เสมอ ส�ำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตท่ี 2 จึงได้
82

นอ้ มนำ� เอาแนวทางทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร การนำ� ไปใชป้ ระโยชน/์ การขยายผล
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้
พระราชทานแนวทางไว้ คือ “ทฤษฎใี หม่” ขั้นต้น ซงึ่ โครงการสง่ เสรมิ และพฒั นาอาชพี ราษฎรในพน้ื ท่ี
เปน็ แนวทางหรอื หลกั การในการบรหิ ารการจดั การทดี่ นิ โครงการเขื่อนแควน้อยบ�ำรุงแดน อันเนื่องมาจาก
และนำ้� เพอื่ การเกษตรในทดี่ นิ ขนาดเลก็ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ พระราชดำ� รจิ งั หวดั พษิ ณโุ ลก สามารถใชเ้ ปน็ แหลง่ ตน้ แบบ
สูงสุด มาด�ำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีพ้ืนท่ีท่ี ในการศึกษาดูงานของเกษตรกรและผู้ที่สนใจได้ โดย
เหมาะสมกับแนวทางดังกล่าว ในส่วนของพ้ืนที่ท่ีไม่ เกษตรกรตน้ แบบมรี ายไดเ้ พมิ่ ขนึ้ และมชี วี ติ ความเปน็ อยู่
เหมาะสมตอ่ การทำ� เกษตรทฤษฎใี หม่ จะใชแ้ นวทางการผลติ ทดี่ ขี นึ้ สามารถเปน็ แบบอยา่ งในการประกอบอาชพี เกษตร
แบบผสมผสานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยยดึ หลัก ด้านการปลูกพืชให้แก่เกษตรกรรายอื่น อันจะน�ำไปสู่
ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล และภูมิคุม้ กัน โดยมี แนวทางท่ีท�ำใหเ้ กิดการท�ำการเกษตรแบบย่งั ยืน
เงอื่ นไขความรแู้ ละคณุ ธรรมเปน็ แนวทางในการดำ� เนนิ งาน
เพอื่ ใหเ้ กษตรกรในพน้ื ทมี่ อี าชพี ดา้ นการเกษตรทยี่ ง่ั ยนื
และมคี ุณภาพชีวติ ทีด่ ี

การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกาแฟอาราบิก้า โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตาม
พระราชดำ� ริ บา้ นปางขอน จงั หวดั เชยี งราย ของศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาการเกษตรทสี่ งู เชยี งราย
ส�ำนกั วจิ ยั และพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 จังหวัดเชยี งใหม่

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ิ พระบรมราชินีนาถ ชว่ ยเหลอื ราษฎรบนพน้ื ทสี่ งู ซง่ึ อยใู่ นพนื้ ทป่ี า่ ตน้ นำ้� ลำ� ธาร
พระบรมราชชนนพี นั ปีหลวง เสด็จพระราชด�ำเนินเย่ยี ม ให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ท่ีดีข้ึน ตามแนวทาง
ราษฎรชนบทในท้องถิ่นทุรกันดารท่ัวประเทศไทย ทรง พระราชด�ำริ “แหลง่ ผลิตและสำ� รองอาหาร”
ทราบถึงสภาพความเป็นอยูแ่ ละความทุกข์ยากท่เี กิดขึน้
กบั ราษฎร ซงึ่ สว่ นใหญข่ าดอาชพี ทเ่ี หมาะสม และมรี ายได้ กรมวิชาการเกษตร ได้มอบหมายให้ศูนย์วิจัย
นอ้ ย ตอ้ งดำ� เนนิ ชวี ติ ดว้ ยการทำ� ลายทรพั ยากรธรรมชาติ พืชสวนเชียงราย รับผิดชอบงานพัฒนาด้านการเกษตร
และสิง่ แวดลอ้ ม จงึ ไดพ้ ระราชทานพระราชดำ� ริ โดยให้ โดยจดั ทำ� แปลงศกึ ษาเรยี นรทู้ างการเกษตร ใหท้ ำ� การเกษตร
ด�ำเนินการตามหลักวิชาการซึ่งเป็นหลักส�ำคัญในการ อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ผลิตอาหารที่ปลอดภัย
พัฒนาอยา่ งยั่งยนื โดยไมท่ ำ� ลายสภาพแวดลอ้ ม ตอ่ มาไดส้ ง่ มอบภารกจิ ใหแ้ ก่
ศนู ย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรทส่ี งู เชียงรายดำ� เนนิ การ
สถานพี ฒั นาการเกษตรทสี่ งู ตามพระราชดำ� ริ บา้ น ต่อจนถงึ ปัจจุบัน
ปางขอน จงั หวดั เชยี งราย ไดก้ อ่ ตงั้ เมอ่ื เดอื น มนี าคม 2545
เพื่อสนองพระราชด�ำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาการเกษตรทสี่ งู เชยี งราย สำ� นกั
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนพี นั ปีหลวง ในการ วจิ ยั และพฒั นาการเกษตรเขตท่ี 1 กรมวิชาการเกษตร
ไดว้ างแผนการเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟอาราบกิ า้
จัดท�ำแปลงต้นแบบการฟื้นฟูสภาพต้นกาแฟอาราบิก้า
ทม่ี ีอายุมากกว่า 10 ปี ที่ใหผ้ ลผลิตน้อย จ�ำนวน 2 ไร่ /
จดั ทำ� แปลงขยายพนั ธุ์มะคาเดเมยี จำ� นวน 5 ไร่ ใชเ้ ปน็
พืชร่มเงา / การฝึกอบรมเกษตรกรเร่ืองการผลิตกาแฟ
อาราบิก้าทถี่ ูกตอ้ งและเหมาะสม จ�ำนวน 25 – 60 ราย
ต่อปี / ผลิตต้นพันธุ์กาแฟอาราบิก้าพันธุ์เชียงใหม่ 80
จ�ำนวน 4,000 ต้นต่อปี และผลิตต้นพันธุ์มะคาเดเมีย

83

จ�ำนวน 2,000 ต้นต่อปี เพ่ือใช้เป็นพืชร่มเงากาแฟ ใกลเ้ คยี ง ใหป้ ระกอบอาชีพท่ีปลูกพืชอยู่ร่วมกบั ปา่ ไม้ได้
สนับสนุนให้กับเกษตรกรที่ผ่านการฝึกอบรมเพ่ือให้เกิด ตามแนวพระราชด�ำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริ
การพฒั นาอยา่ งเปน็ รปู ธรรม อนั จะเปน็ ผลทำ� ใหเ้ กษตรกร
มีรายได้ มคี วามมน่ั คงในการประกอบอาชพี ไม่ต้องทำ� กติ ติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนพี ันปหี ลวง
การเกษตรแบบไรเ่ ลื่อนลอย และสามารถดำ� รงชีพอยู่ได้ 2. มีการก่อต้งั และด�ำเนนิ การของกลุ่มท่องเทีย่ ว
ตามแนวพระราชดำ� ริ “คนอยรู่ ว่ มกบั ปา่ ไมไ้ ดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื ”
วถิ กี าแฟดอยปางขอน โดยไดใ้ ชอ้ งคค์ วามรวู้ ชิ าการเกยี่ วกบั
ผลการดำ� เนนิ งาน ตง้ั แตป่ ี 2554 – 2561 เกษตรกร กาแฟของกลมุ่ เกษตรกร ชุมชนชาติพนั ธุ์ในพ้ืนท่ีได้พลกิ
บา้ นปางขอน ตำ� บลหว้ ยชมภู อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งราย ชวี ติ มฐี านะความเปน็ อยทู่ ด่ี ี มอี าชพี มน่ั คง พอเพยี งและ
ซง่ึ เปน็ หมู่บา้ นในพืน้ ทโ่ี ครงการ ไดร้ ับการฝกึ อบรมการ ย่งั ยนื
ผลติ กาแฟอาราบกิ า้ ทถี่ กู ตอ้ งและเหมาะสม รวมจำ� นวน
399 ราย พบวา่ เม่อื ปลูกกาแฟอาราบิก้าพันธุ์เชียงใหม่ 3. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้จัดท�ำโครงการ
80 ให้ผลผลติ กาแฟกะลา จำ� นวน 132 ตัน ในปี 2554 ต่อยอดขยายฐานความรู้ที่ได้จากบ้านปางขอน ซึ่งเป็น
และเพม่ิ เปน็ 383 ตนั ในปี 2561 เกษตรกรมรี ายไดจ้ าก พน้ื ทต่ี น้ แบบ เพือ่ จะขยายฐานความรไู้ ปยงั พนื้ ทปี่ ลกู ชา
การปลกู กาแฟเฉลยี่ 275,440 บาทตอ่ ครวั เรอื นตอ่ ปี ซงึ่ กาแฟ อกี 18 หมู่บ้าน ในปี 2563
เมอื่ เทยี บในปี 2545 กอ่ นเรม่ิ โครงการ เกษตรกรมรี ายได้
ครวั เรอื นเพียง 50,000 บาทตอ่ ครวั เรอื นตอ่ ปี เทา่ น้ัน 4. กาแฟปางขอน เป็นแบรนด์กาแฟที่ได้รับ
ความสำ� เรจ็ ของโครงการนไ้ี ดเ้ ปน็ ตน้ แบบขยายผลสพู่ น้ื ที่ ความนิยมแข่งขันได้ในตลาดในประเทศ และตลาด
อ่ืนของภาคเหนือตอนบน เกิดผลสัมฤทธิ์ในการเพิ่ม สง่ ออก มีร้านกาแฟในชอ่ื แบรนด์ดงั กลา่ ว มรี า้ นหลักใน
ประสิทธิภาพการผลิตกาแฟอาราบิก้า ท�ำให้ราษฎรมี จงั หวดั และขยายไปหลายสาขาในตา่ งอำ� เภอ ตา่ งจงั หวดั
อาชีพทำ� กิน สามารถสรา้ งรายไดอ้ ย่างย่ังยนื ตลอดจน เปน็ จดุ market place ทีด่ ี ทำ� ใหเ้ ขา้ ถงึ ตลาดผ้บู รโิ ภค
สรา้ งจติ สำ� นกึ และตระหนกั ถงึ การอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ โดยตรง ใช้สอ่ื โซเชยี ลขบั เคลื่อนกลไกการตลาด ตลอด
และส่ิงแวดลอ้ ม จนทำ� การตลาดแบบ Online Marketing

การนำ� ไปใชป้ ระโยชน/์ การขยายผล 5. ชมุ ชนสามารถรวมตวั และจดั ตั้งกลมุ่ มีอ�ำนาจ
ตอ่ รองในการจัดจำ� หน่ายกาแฟแก่ผู้รับซอื้ รายใหญ่ โดย
1. ได้มีการน�ำกลุ่มผู้ผลิตกาแฟบ้านปางขอน บรษิ ทั ปตท. ไดท้ ำ� สญั ญารับซื้อผลผลติ เพ่ือจ�ำหน่ายใน
เข้าร่วมโครงการท่ีเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามา ร้านกาแฟอเมซอนจากเกษตรกรในชุมชน รอบบริเวณ
มีส่วนร่วมในการบริหารราชการของ ส�ำนักวิจัยและ สถานพฒั นาการเกษตรทส่ี งู ตามพระราชดำ� ริ บา้ นปางขอน
พฒั นาการเกษตรเขตท่ี 1 ในปี พ.ศ. 2557 – 2558 โดย นบั เปน็ ความมนั่ คงทางดา้ นการตลาดของกาแฟปางขอน
ใช้ชื่อโครงการการผลิตกาแฟอาราบิก้า โดยมีส่วนร่วม อีกทางหน่งึ
ของเกษตรกรบา้ นปางขอน ตำ� บลห้วยชมภู อำ� เภอเมอื ง
จังหวัดเชียงราย เป็นต้นแบบให้กับเกษตรกรหมู่บ้าน 6. เกิดการรกั ษาป่า เสรมิ สรา้ งฟนื้ ฟรู ะบบนเิ วศ
แหลง่ ตน้ นำ�้ ทสี่ มบรู ณข์ น้ึ เกษตรกรเหน็ ความสำ� คญั ของ
การรักษาป่าไม้ ไม่แผ้วถางท�ำลาย กลับมาเห็นคุณค่า
และไดอ้ าศยั ประโยชนท์ างออ้ มจากปา่ ทต่ี นเองรกั ษา โดย
ใชเ้ ปน็ พชื รม่ เงาใหก้ บั กาแฟ พชื เศรษฐกจิ บนทส่ี งู อกี ดว้ ย
มีพื้นท่ปี า่ กลับคนื มา 18,000 ไร่

ผลงานวจิ ยั และโครงการต่าง ๆ ที่นำ� มาเสนอนี้
คงเปน็ ประโยชน์ส�ำหรบั ท่านทั้งหลาย รวมถงึ นกั วิจัย
ของกรมวชิ าการเกษตรทกุ ทา่ น เพอ่ื จะไดเ้ ปน็ แบบอยา่ ง
และแรงผลักดันในการพัฒนางานวิจัยท่ีมีคุณค่า
และมปี ระโยชนต์ อ่ ภาคการเกษตรของประเทศในอนาคต
ตอ่ ไป

84

สารบัญนักเขยี น

วิลาวัณย์ ใคร่ครวญ วชั ริน แหลมคม

สถาบันวิจัยพืชสวน ด่านตรวจพืชหนองคาย
กรมวิชาการเกษตร กรมวิชาการเกษตร
50 ถ.พหลโยธนิ แขวงลาดยาว สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 1 ต.หนองกอมเกาะ
เขตจตจุ ักร กรงุ เทพฯ 10900 อ.เมอื ง จ.หนองคาย 43000
โทรศัพท์ 0-2579-0583 โทรศัพท์ 0-4246-7108, 06-4860-8899

พกั ตรว์ ิภา สทุ ธวิ ารี วรัญญา ปานเกต ุ
กองพฒั นาระบบและรับรองมาตรฐานสนิ คา้ พืช
ศูนยว์ จิ ยั เกษตรวศิ วกรรมจนั ทบรุ ี กรมวิชาการเกษตร
กรมวิชาการเกษตร 50 ถ.พหลโยธนิ แขวงลาดยาว เขตจตุจกั ร
27 หมู่ 1 ต.พลบั พลา อ.เมอื ง จ.จนั ทบุรี 22000 กรุงเทพฯ 10900
โทรศพั ท์ 0-3960-9652 โทรศพั ท์ 0-2940-6464, 08-7816-7512

อัฏฐพร สทิ ธ์ิวิภศู ริ ิ และ ปณิพัท กฤษสมคั ร
ส�ำนักค้มุ ครองพนั ธพ์ุ ชื
กรมวชิ าการเกษตร
50 ถ.พหลโยธนิ แขวงลาดยาว เขตจตจุ ักร
กรงุ เทพฯ 10900
โทรศัพท์ 0-2940-7214

85

วนั คล้ายวนั สถาปนากรมวิชาการเกษตร ครบรอบ 48 ปี
และแสดงความยินดีกับอธบิ ดคี นใหม่

เม่อื วนั ท่ี 1 ตุลาคม 2563 นายพิเชษฐ์ วริ ิยะพาหะ อธิบดกี รมวชิ าการเกษตร สักการะสิง่ ศักด์ิสิทธิ์
ประจ�ำกรมวิชาการเกษตรและท�ำบุญเล้ียงพระ เน่ืองในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมวิชาการเกษตร
ครบรอบ 48 ปี โดยมีรองอธบิ ดีกรมวิชาการเกษตร ขา้ ราชการ และเจา้ หนา้ ที่รว่ มในพิธี

ในโอกาสนี้ นางสาวองิ อร ปัญญากจิ รองอธิบดกี รมวชิ าการเกษตร พรอ้ มด้วยข้าราชการ พนกั งาน
และเจ้าหน้าท่ี ในสังกดั กรมวิชาการเกษตร รว่ มแสดงความยนิ ดีกับ นายพิเชษฐ์ วริ ิยะพาหะ ในโอกาสไดร้ บั
แตง่ ตั้งให้ด�ำรงตำ� แหนง่ อธบิ ดกี รมวชิ าการเกษตร ณ หอ้ งประชุม 314 ตึกกสกิ รรม กรมวิชาการเกษตร

86

87

พิธถี วายผ้าพระกฐนิ พระราชทาน
กรมวชิ าการเกษตร ประจำ� ปี 2563

เมอื่ วนั ท่ี 22 ตลุ าคม 2563 นายพเิ ชษฐ์ วริ ยิ ะพาหะ
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานในพิธีถวายผ้า
พระกฐนิ พระราชทานกรมวชิ าการเกษตร ประจ�ำปี 2563
โดยมขี า้ ราชการในสงั กดั กรมวชิ าการเกษตร และประชาชน
ในจงั หวัดอา่ งทอง ร่วมในพธิ ี ณ วัดไชโยวรวิหาร ตำ� บล
ไชโย อ�ำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง และในโอกาสน้ี
ได้มีพิธีมอบทุนการศึกษาให้โรงเรียนต่าง ๆ ในจังหวัด
อ่างทองด้วย

88

เก่ยี วขา้ วเผาปลา เสวนาเกษตรอินทรยี ์ ครง้ั ที่ 4

เม่อื วนั ท่ี 24 พฤศจิกายน 2563 นายพเิ ชษฐ์ วริ ยิ ะพาหะ
อธบิ ดกี รมวชิ าการเกษตร เปน็ ประธานเปดิ งาน “เกยี่ วขา้ วเผาปลา
เสวนาเกษตรอินทรีย์ คร้ังที่ 4” ณ ศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชตาม
แนวพระราชดำ� รทิ ฤษฎใี หม่ ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาการเกษตรจนั ทบรุ ี
โดยมี นางสาวองิ อร ปญั ญากจิ รองอธบิ ดกี รมวชิ าการเกษตร และ
คณะผู้บริหารกรมวชิ าการเกษตรร่วมในพิธเี ปดิ งานดังกลา่ วดว้ ย

งานดงั กลา่ วมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื สง่ เสรมิ การทำ� เกษตรอนิ ทรยี ์
โดยผเู้ ขา้ รว่ มงานจะไดร้ บั การถา่ ยทอดความรแู้ ละรว่ มแลกเปลย่ี น
ประสบการณใ์ นการผลติ พชื อนิ ทรยี ์ อกี ทงั้ ยงั เปน็ การประชาสมั พนั ธ์
โครงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้านการเกษตรของกรมวิชาการ
เกษตร และชว่ ยสง่ เสรมิ การทอ่ งเทยี่ วในจงั หวดั จนั ทบรุ อี กี ดว้ ย


Click to View FlipBook Version