The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือพิมพ์กสิกร เล่ม 3 ปี 64

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by smartcoatingcnx, 2022-02-10 23:33:05

หนังสือพิมพ์กสิกร เล่ม 3 ปี 64

หนังสือพิมพ์กสิกร เล่ม 3 ปี 64

Keywords: หนังสือพิมพ์กสิกร เล่ม 3 ปี 64

ขยายผลเทคโนโลยี มชี อื่ เสยี งมายาวนาน ประกอบกบั ทางจงั หวดั ไดใ้ หค้ วามสำ� คญั
โดยมีแนวทางส่งเสริมสร้างการรับรู้และส่งเสริมองค์ความรู้
ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาการเกษตรลำ� ปางไดท้ ำ� การทดสอบ ดา้ นวิชาการตา่ ง ๆ เร่อื งการปลูก การดูแลรกั ษา การตลาด
เทคโนโลยีการฟื้นฟูสวนส้มเกล้ียงสภาพเสื่อมโทรมในพื้นท่ี และชี้ให้เห็นความส�ำคัญและคุณประโยชน์การอนุรักษ์พืช
จังหวัดล�ำปาง มีวัตถุประสงค์เพ่ือเพ่ิมผลผลิตและคุณภาพ ประจ�ำท้องถิน่ ให้คงอยู่ เพ่อื พัฒนาส่สู ินคา้ GI ซึง่ สอดคล้อง
โดยเปรยี บเทยี บวธิ ที ดสอบทมี่ กี ารจดั การสวนสม้ ตามคำ� แนะนำ� กับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น การเกษตร
ระบบการจัดการคุณภาพ (GAP) : ส้มเปลือกล่อน ตาม (พ.ศ. 2561 - 2580) ท่ใี ห้ความสำ� คญั เก่ียวกับเกษตร
ค�ำแนะน�ำของกรมวิชาการเกษตร และวิธีเกษตรกรท่ีมีการ
จัดการสวนสม้ เกล้ยี งตามแบบของเกษตรกร เก็บผลผลติ ชว่ ง อัตลักษณ์พื้นถิ่น รวมถึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ
เดอื นสิงหาคม - เดอื นตลุ าคม พบวา่ วิธีทดสอบใหผ้ ลผลิต การผลิต เพื่อให้ต้นทุนการผลิตลดลง ปรับปรุงคุณภาพ
มากกว่าวธิ ีของเกษตร คอื วิธที ดสอบใหผ้ ลผลติ เฉล่ยี 3,996 ผลผลิต เน้นการสง่ เสริมตามข้อกำ� หนดการปฏบิ ตั ิทางการ
กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ วิธีเกษตรกรใหผ้ ลผลิตเฉลีย่ 3,556 กิโลกรัม เกษตรทดี่ แี ละเหมาะสม และใหแ้ ปลงสม้ เกลยี้ งเปน็ แปลงท่ี
ตอ่ ไร่ ซงึ่ วธิ ที ดสอบใหผ้ ลผลติ เพมิ่ ขนึ้ จากวธิ เี กษตรกร คดิ เปน็ ได้มาตรฐานการรับรองตามกระบวนการผลิตพืชอาหารที่ดี
ร้อยละ 12.3 ส่งผลให้วธิ ีทดสอบมรี ายได้สทุ ธิ 25,269 บาท และปลอดภยั จากสารพษิ รวมทง้ั สง่ เสรมิ การรวมกลมุ่ เกษตรกร
ต่อไร่ วิธีเกษตรกรมีรายได้สุทธิ 17,597 บาทต่อไร่ ซ่ึงวิธี แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพ่ือสร้างมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ ประเภท
ทดสอบมีรายได้สุทธิเพิ่มข้ึนจากวิธีเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ เครอื่ งด่มื และเคร่ืองสำ� อาง อกี ด้วย
43.6 จึงท�ำการขยายผลการใช้เทคโนโลยีการฟื้นฟูสวนส้ม
เกลยี้ งในสภาพเสอื่ มโทรมไปยงั เกษตรกรทเี่ ขา้ รว่ มทดสอบเดมิ
และเกษตรกรรายอ่ืนในพื้นที่เดียวกัน และพื้นที่ข้างเคียง
ท่ีเกษตรกรมีการปลูกส้มเกล้ียง รวมเกษตรกรที่ได้รับการ
ถา่ ยทอดเทคโนโลยีทั้งหมด จำ� นวน 37 ราย

การปลกู ส้มเกล้ียงใหผ้ ลตอบแทนสงู จงึ มีการสง่ เสรมิ
ใหม้ กี ารผลติ และการบรหิ ารจดั การเชงิ การคา้ อกี ทงั้ ในปจั จบุ นั
พน้ื ทใี่ นการปลกู สม้ เกลยี้ งสว่ นใหญอ่ ยทู่ ภ่ี าคเหนอื โดยเฉพาะ
จังหวัดล�ำปาง นับว่าเป็นแหล่งปลูกส้มเกลี้ยงท่ีส�ำคัญและ

49

ภาพ : www.technologychaoban.com

การรวบรวมและอนุรกั ษ์พนั ธุ์

มนั สำ� ปะหลงั

ประพิศ วองเทยี ม

ความส�ำคัญของแหล่งพันธุกรรมของพืชนั้นเก่ียวข้องกับความมั่นคงทางด้านอาหารและสภาพ
ความเป็นอยู่ของมนุษย์ท่ัวโลก และได้ถูกก�ำหนดให้เป็นหัวข้อในการประชุมของสหประชาชาติเกี่ยวกับเรื่อง
สภาพแวดล้อมของมนุษย์ ที่กรุงสต๊อกโฮม ประเทศสวีเดน ในปี ค.ศ. 1972 โดยเม่ือ 10 ปีก่อนที่จะมี
การประชุม การสูญหายของความหลากหลายมีขึ้นอย่างกว้างขวางในระดับที่ท�ำให้เกิดความแตกต่าง
ทางชีววิทยา ซงึ่ องคก์ รที่เก่ยี วข้องจะต้องเข้ามามีบทบาทในการอนุรกั ษ์ โดยในการประชุมทกี่ รงุ สตอ๊ กโฮม
ไดเ้ รยี กรอ้ งใหม้ คี วามพยายามในการอนรุ กั ษแ์ ละการใชป้ ระโยชนจ์ ากความแปรปรวนทางพนั ธกุ รรมทเี่ กดิ ขน้ึ
ในทุกพืช ขณะท่ีไดใ้ หค้ วามส�ำคญั ในการก่อกำ� เนิดพนั ธ์ุใหม่ ๆ ทัง้ ในปัจจุบันและในอนาคต

50

แหลง่ รวบรวมเชอ้ื พันธุกรรมของพชื - ถ่ินก�ำเนิดของพืชหรือถ่ินท่ีมีความหลากหลายทาง
พนั ธกุ รรม (center of diversity)
หน่วยงานหรือสถาบันระหว่างประเทศหลายแห่ง
ที่เป็นสมาชิกของ Consultative Group on International - ถน่ิ ทมี่ กี ารเพาะปลกู ทว่ั ๆ ไป (center of cultivation)
Agricultural Research (CGIAR) เชน่ International Center - โครงการปรับปรุงพันธุ์พืชต่าง ๆ (breeding
for Tropical Agriculture (CIAT) และ International Institute programs)
of Tropical Agriculture (IITA) เป็นต้น ซึง่ ไดก้ อ่ ต้งั แล้วเสรจ็ 2. การน�ำพันธุ์เข้ามาจากแหล่งอ่ืน (plant
ในเวลาน้ัน ไดเ้ รม่ิ การรวบรวมแหล่งทเ่ี ป็นเช้ือพันธกุ รรมของ introduction) ตามพระราชบญั ญัตกิ ักพืช ปี พ.ศ. 2507
พชื ทส่ี ถาบันนน้ั รบั ผดิ ชอบ ซ่ึงประกอบไปดว้ ย พันธทุ์ ้องถิน่ การนำ� เขา้ เชอ้ื พนั ธกุ รรมพชื จากตา่ งประเทศ จะตอ้ งผา่ นการ
หรอื พนั ธท์ุ อ้ งถน่ิ ในทอี่ น่ื ๆ ทน่ี ำ� เขา้ มา พนั ธท์ุ ป่ี รบั ปรงุ พนั ธแ์ุ ลว้ ตรวจดา่ นกกั กนั พชื (plant quarantine) และมใี บรบั รองปลอด
และพนั ธป์ุ า่ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง โดยมจี ดุ ประสงคเ์ พอ่ื ประโยชนส์ ำ� หรบั ศตั รูพชื (phytosanitary certificate) ก�ำกบั มาดว้ ย ท้ังน้ีเพอ่ื
ใช้ในโปรแกรมปรับปรุงพันธุ์ เป็นความพยายามเบ้ืองต้น ป้องกันศัตรูพืชจากแหล่งอ่ืนเข้ามาระบาดท�ำความเสียหาย
ในการรวบรวมแหล่งพันธุกรรมพชื อยา่ งมีระเบียบแบบแผน ใหก้ บั พืชทป่ี ลูกภายในประเทศ
3. การเก็บรักษาหรือการอนุรักษ์เชื้อพันธุกรรม
เม่ือศูนย์และสถาบันท่ีเป็นสมาชิกของ CGIAR
หลาย ๆ แห่ง ไดเ้ ร่มิ ก่อตงั้ โปรแกรมการอนุรักษ์แบบ Ex situ (germplasm conservation)
เพื่อรวบรวมและอนุรักษ์แหล่งพันธุกรรมมันส�ำปะหลังของ - การเก็บในธนาคารเมลด็ พันธ์ุพชื (Ex situ in seed
พืชท่ีศูนย์และสถาบันนั้นรับผิดชอบ รวมท้ังการบูรณาการ
ในสว่ นทเี่ ปน็ กจิ กรรมของศนู ยแ์ ละสถาบนั นนั้ ดว้ ย โดยเฉพาะ genebank)
CIAT และ IITA ซ่ึงเปน็ สมาชิกของ CGIAR ที่ได้ร่วมทำ� งาน - การเก็บในสภาพปลอดเชอ้ื ในหลอดแก้ว (In vitro
และแลกเปลย่ี นเชอ้ื พนั ธกุ รรมมนั สำ� ปะหลงั ซง่ึ กนั และกนั แลว้
ยังร่วมมือกันช่วยเหลือประเทศอ่ืน ๆ ในโครงการปรับปรุง conservation)
พันธุ์มันส�ำปะหลังหรือการรวบรวมการใช้ประโยชน์และ - การเก็บในสภาพประชากรลกู ผสมรวมพนั ธุ์ (bulk
การอนรุ กั ษแ์ หลง่ พนั ธกุ รรมมนั สำ� ปะหลงั
in population) วิธีนเี้ ป็นการเกบ็ รักษาเชอ้ื พนั ธุกรรมของพืช
ในปี 1992 การประชมุ ของสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยเรอื่ ง โดยการน�ำพืชทุกพันธุ์มาผสมรวมกันแบบสุ่ม (random
เก่ียวกับสภาพแวดล้อมและการพัฒนาท่ีกรุงรีโอเดจาเนโร mating) และเปิดโอกาสให้ทุกพันธุ์มีโอกาสผสมพันธุ์กันได้
(Rio de Janeiro) ประเทศบราซลิ ซง่ึ เปน็ การประชมุ เกยี่ วกบั โดยไมจ่ ำ� กดั เปน็ การรวมยนี ทคี่ วบคมุ ลกั ษณะตา่ ง ๆ ทง้ั หมด
อนุสัญญาบนความหลากหลายทางชีวภาพ ลงนามโดยผู้น�ำ ให้อยู่ในรูปของประชากรรวมพันธุ์ เม่ือต้องการใช้จึงค่อย
กวา่ 150 ประเทศ ถอื เปน็ ขอ้ ตกลงอยา่ งเดน่ ชดั ในประวตั ศิ าสตร์ ท�ำการผสมตัวเอง แล้วสกัดยีนท่ีต้องการมาใช้ประโยชน์
ทใี่ หป้ ระเทศตา่ ง ๆ ไดต้ ระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ในการอนรุ กั ษ์ ตอ่ ไป
ความหลากหลายและเพอ่ื ใหแ้ นใ่ จวา่ แหลง่ สำ� คญั ทางชวี วทิ ยา
ได้ถูกใช้อย่างย่ังยืน รวมท้ังได้รับประโยชน์ในการแบ่งสัน 4. การบันทึกลักษณะ (characterization)
ปนั สว่ นอย่างเสมอภาคกัน
การประเมินผล (evaluation) และการจัดท�ำฐานข้อมูล
การอนรุ ักษท์ รัพยากรพนั ธกุ รรมพืช (database management) ในการบันทึกลักษณะของพืช
ทที่ �ำการรวบรวมพนั ธ์ุ ท�ำได้ 2 ขั้นตอน ข้ันตอนท่ี 1 สามารถ
ในการด�ำเนินงานเพื่อเก็บรักษาและเป็นแหล่งเชื้อ ทำ� ไดต้ งั้ แตเ่ รม่ิ ออกสำ� รวจพชื หรอื รวบรวมพนั ธพ์ุ ชื ณ สถานที่
พนั ธกุ รรมในการปรับปรงุ พันธ์ตุ อ่ ไป มขี นั้ ตอนดงั น้ี เก็บตัวอยา่ งพันธ์ุพชื เป็นการบนั ทกึ ขอ้ มูลทั่ว ๆ ไป เทา่ ท่ีจะ
สามารถสังเกตได้ ข้นั ตอนท่ี 2 เปน็ การประเมินผลของพนั ธุ์
1. การสำ� รวจคน้ หา (exploration) และการรวบรวม พชื ทเ่ี กบ็ รวบรวมมาปลกู ไวใ้ นสถานที ดลอง ในขน้ั ตอนนต้ี อ้ ง
เชื้อพันธุกรรม (germplasm collection) เป็นการศึกษา ท�ำการบันทึกลักษณะประจ�ำพันธุ์ของพืชแต่ละพันธุ์อย่าง
เบือ้ งตน้ ถงึ แหลง่ ท่ีมาของพันธ์นุ ั้น ๆ โดยศกึ ษาจากรายงาน ละเอยี ด ลกั ษณะทีต่ ้องบันทึกจะแตกต่างกันไปตามชนดิ พืช
การวจิ ยั ตา่ ง ๆ ประกอบ และเพอ่ื ใหก้ ารเกบ็ รวบรวมพนั ธท์ุ ง้ั และวตั ถุประสงคข์ องการปรบั ปรงุ พันธ์ุ
ในรปู ของเมลด็ หวั ทอ่ นพนั ธ์ุ ฯลฯ เปน็ ไปอยา่ งเหมาะสมกบั
ฤดูกาล แหล่งของเชอื้ พนั ธกุ รรมพชื สามารถรวบรวมได้จาก
แหล่งตา่ ง ๆ คอื

51

5. การใชป้ ระโยชน์ (utilization) จากเชอื้ พนั ธุกรรม 6. การแลกเปลี่ยนเช้ือพันธุกรรม (germplasm
พชื นน้ั ทำ� ไดท้ งั้ ทางตรงและทางออ้ ม กลา่ วคอื การใชป้ ระโยชน์ exchange) เปน็ ความรว่ มมอื ทงั้ ในระดบั ทอ้ งถนิ่ และนานาชาติ
ทางตรงจากพนั ธกุ รรม โดยการเผยแพรใ่ นรปู ของพชื ชนดิ ใหม่ ทั้งน้ีเพ่ือใช้ประโยชน์จากเชื้อพันธุกรรมของพืชร่วมกัน
หรอื พชื พนั ธใ์ุ หมท่ ใี่ หผ้ ลผลติ หรอื คณุ ภาพดกี วา่ พนั ธเ์ุ ดมิ และ การแลกเปลี่ยนเชื้อพันธุกรรมนี้ อาจจะท�ำในรูปของเมล็ด
แนะน�ำเป็นพันธุ์ใหม่ให้กับเกษตรกรใช้ได้เลย ส่วนการใช้ ท่อนพันธุ์ หัว ละอองเกสร เน้ือเย่ือ หรือต้นอ่อนของพืช
ประโยชน์ทางอ้อม หมายถึง การใช้เช้ือพันธุกรรมเหล่านั้น ท่ีเพาะเล้ียงในหลอดแกว้ ก็ได้
เป็นสายพันธุ์พอ่ และแม่ เพ่ือสรา้ งพนั ธุใ์ หม่ ๆ ขึ้นมา

การประยกุ ตใ์ ชเ้ ชอ้ื พนั ธุกรรม

1.1 ศกึ ษาลักษณะทางพฤกษศาสตร์ นเิ วศวทิ ยา อนุกรมวธิ าน
1.2 บนั ทกึ ลกั ษณะเบ้อื งต้น เชน่ ลกั ษณะเมล็ด หวั และทรงต้น
1.3 เพม่ิ ปรมิ าณเมลด็ พันธ์ุ เพอ่ื ใช้ในการปรับปรงุ พันธุข์ ยายพันธุ์
กาอนุรักษ์เช้ือพนั ธุกรรมและการแลกเปลยี่ นพนั ธุ์
1.4 ศึกษาความสำ�คัญทางเศรษฐกจิ
2.1 ศกึ ษาลักษณะประจำ�พนั ธ์ุ การปรับตัว
2.2 วธิ กี ารสบื พนั ธแุ์ ละขยายพนั ธุ์
2.3 ประเมนิ ผลผลติ และความสำ�คญั ทางเศรษฐกิจ เช่น การใช้
ประโยชนใ์ นรูปอาหาร อตุ สาหกรรม และยารกั ษาโรค เปน็ ตน้
2.4 การระบาดของโรคและแมลง ตลอดจนสภาพแวดลอ้ มทีไ่ ม่
เหมาะสมต่าง ๆ
3.1 จำ�แนกเชื้อพันธกุ รรม
3.2 ศกึ ษาลักษณะท่ีต้องการ เพื่อใชใ้ นการผสมพันธ์ุ
3.3 ศกึ ษาดา้ นพันธศุ าสตร์ เซลลว์ ิทยา และเซลลพ์ ันธศุ าสตร์
3.4 ศึกษาการสร้างลกู ผสมข้ามชนิดหรอื ขา้ มสกุล
3.5 ประยุกต์ใชว้ ธิ ที างเทคโนโลยชี วี ภาพในการปรบั ปรุงพันธ์ุ
3.6 พัฒนาและปลอ่ ยสายพันธุอ์ อกไปในรูปของเชอ้ื พันธุกรรมที่ผ่าน
การปรับปรุง
4.1 ปรับปรุงพันธโ์ุ ดยการผสมพันธ์ุและคัดเลือกพันธใ์ุ หม่
4.2 ปรับปรุงวธิ ีการผลติ การเขตกรรม ตลอดจนวทิ ยาการหลงั
การเก็บเก่ยี ว
4.3 ศกึ ษาปฏสิ ัมพนั ธ์ระหวา่ งพันธุกรรมกบั สภาพแวดลอ้ ม
4.4 ประเมินผลเชิงเศรษฐกจิ และอตุ สาหกรรม

5.1 ทดสอบพนั ธุ์ในสภาพไรน่ าเกษตรกร
5.2 ผลิตเมลด็ พนั ธแุ์ ละประชาสมั พนั ธเ์ ผยแพร่พนั ธ์ุใหม่
5.3 ศึกษาการแปรรูปและการใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงการนำ�รอ่ ง
เชงิ อุตสาหกรรม
5.4 ประเมนิ ผลการยอมรบั ท้งั ระดบั โรงงานและผูบ้ ริโภค
5.5 ประเมนิ ผลทางเศรษฐกิจและความต้องการของตลอดท้ัง
ภายในประเทศ

52

แหลง่ เก็บรวบรวมพันธพ์ุ ชื ในประเทศไทย 3. แหลง่ เกบ็ พนั ธถ์ุ วั่ ทกี่ รมวชิ าการเกษตร และแหลง่

1. ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารเกบ็ เมลด็ และเชอ้ื พนั ธข์ุ า้ วแหง่ ชาติ พนั ธ์พุ ชื อืน่ ๆ ตามมหาวิทยาลยั ตา่ ง ๆ ซง่ึ เก็บรวบรวมตาม
ความสนใจของนักวิจัยในสาขาต่าง ๆ มากกว่าท่ีจะเป็น
ประเทศไทย ได้เริ่มด�ำเนินการในเรื่องการเก็บรวบรวม ประโยชน์ต่อประเทศโดยส่วนรวม การเก็บรักษาส่วนใหญ่
พันธุ์ข้าวพื้นเมืองมาต้ังแต่ปี 2480 และกระท�ำอย่างจริงจัง ยงั เป็นการเกบ็ รกั ษาในรูปเมลด็ พันธุ์ (orthodox seed) เก็บ
เมื่อปี 2493 จนกระทั่ง ปี 2524 รัฐบาลญ่ีปุ่นได้ให้ รกั ษาในลกั ษณะระยะสั้น (1 - 2 ป)ี ปานกลาง (5 - 10 ป)ี
ความช่วยเหลือในรูปของเงินทุนให้เปล่าแก่สถาบันวิจัยข้าว และมีการเก็บเช้ือพนั ธ์ขุ า้ วในระยะยาว (50 ป)ี แต่ส�ำหรบั พืช
กรมวิชาการเกษตร สรา้ งศูนยป์ ฏิบัติการและเก็บรักษาเมล็ด ที่ไม่มีเมลด็ (vegetative type) หรือเมลด็ ท่ไี มส่ ามารถท�ำแห้ง
เชอื้ พนั ธข์ุ า้ ว ณ บรเิ วณศนู ยว์ จิ ยั ขา้ วปทมุ ธานี เพอ่ื อนรุ กั ษเ์ ชอ้ื โดยคงสภาพ (recalcitrants seed) เช่น มันสำ� ปะหลงั กล้วย
พันธุ์ข้าวของไทยไม่ให้สูญพันธุ์หรือเส่ือมพันธุ์ บริการข้อมูล มะพร้าว ก็มีการเก็บรักษาโดยการปลูกลงแปลง ซึ่งมีความ
แลกเปลี่ยนความรู้และเมล็ดเชื้อพันธุ์กับหน่วยงาน เสย่ี งตอ่ การถกู ทำ� ลายและการเปลย่ี นแปลงไปจากเดมิ ไดม้ าก
ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวบรวม และอนุรักษ์พันธุ์ นกั วจิ ยั ในมหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ รวมทง้ั ทโ่ี ครงการสว่ นพระองค์
ขา้ วปา่ ของประเทศ ศกึ ษาลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของขา้ ว และ สวนจิตรลดาเพื่อเก็บรักษาเน้ือเย่ือในอาหารท่ีเจือจางเพ่ือให้
ท�ำการอนุรักษ์ธัญพืชอ่ืน ๆ นอกจากข้าว อีกท้ังบริการ โตช้า เป็นการเก็บระยะสน้ั ชัว่ คราว เพอื่ การศกึ ษาวิจัย
รับฝากเมล็ดพันธุใ์ นโครงการปรบั ปรุงพนั ธ์ุ

2. ธนาคารเช้ือพันธุ์พืชแห่งชาติ (The National

Genebank of Thailand) เป็นศูนย์เก็บรักษาพันธุกรรม
ทางพชื มขี นาดความจปุ ระมาณ 40,000 - 50,000 ตวั อย่าง
อยู่ที่สถาบนั วิจยั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย
บางเขน ซงึ่ เปน็ ศนู ยใ์ นเครอื ขา่ ยสากลของ International Board
for Plant Genetic Resources (IBPGR) ปัจจุบัน
มีพนั ธพ์ุ ืชในรปู เมลด็ พนั ธอุ์ ยู่ประมาณ 4,000 ตัวอยา่ ง (200
ชนดิ ) ใหค้ วามสำ� คญั กบั พชื จำ� พวกถวั่ พู ขา้ วโพด และกระเจย๊ี บ
นอกจากนัน้ มพี นั ธ์ุถัว่ หญ้า พรกิ และไม้โตเร็วบางประเภท
เช่น กระถนิ เป็นตน้

53

ปจั จบุ นั ในต่างประเทศ เรม่ิ นยิ มเกบ็ เนือ้ เยือ่ ในสภาพ 4. อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
เยือกแข็ง ในไนโตรเจนเหลวท่ี -196 องศาเซลเซียล (The Convention of Biological Diversity) เปน็ อนสุ ญั ญา
(cryopreservation) ซ่ึงเป็นการเก็บในระยะยาว ซึ่งคาดว่า ทจี่ ดั ทำ� ขนึ้ มาโดยการสนบั สนนุ ของสหประชาชาติ มวี ตั ถปุ ระสงค์
จะมีการเก็บรักษาโดยวิธีนี้มากข้ึน ส�ำหรับโครงการส่วน เพอื่ กระตนุ้ ใหม้ กี ารอนรุ กั ษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพ การ
พระองค์ ได้วจิ ยั พัฒนาการเกบ็ รกั ษาพันธพ์ุ ชื เอกลกั ษณ์ โดย ใชป้ ระโยชนจ์ ากความหลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งยง่ั ยนื และ
วธิ กี ารเลย้ี งเนอื้ เยอ่ื ไดท้ ดลองเกบ็ พนั ธข์ุ นนุ ในไนโตรเจนเหลว การแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากทรัพยากรพันธุกรรมอย่าง
(-196 องศาเซลเซยี ล) สามารถมชี วี ติ รอด 23.07 เปอรเ์ ซน็ ต์ ยตุ ธิ รรมและเท่าเทียมกัน นอกจากน้ีสหประชาชาตยิ ังไดจ้ ดั
และศกึ ษาวธิ กี าร เชน่ เดยี วกนั นก้ี บั ยหี่ บุ การเกบ็ รกั ษาพนั ธกุ รรม ให้มีการประชุมเก่ียวกับส่ิงแวดล้อมและการพัฒนาส�ำหรับ
ทางพืช ไม่ได้มีการวิจัยพัฒนาควบคู่กันไป ห้องปฏิบัติการ ศตวรรษที่ 21 หรอื ที่รู้จกั กนั ในช่อื วา่ Agenda 21 ซ่งึ เปน็
วจิ ยั ท่ีท�ำงานวจิ ัยมักจะเก็บระยะสนั้ ในขณะทแี่ หล่งรวบรวม แผนปฏบิ ตั กิ าร เพอื่ พทิ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ มของโลกศตวรรษที่ 21
รกั ษาพนั ธกุ รรมซง่ึ เกบ็ ระยะปานกลาง หรอื ระยะยาว มกั มไิ ด้ ทคี่ รบถว้ นสมบรู ณท์ สี่ ดุ และในแผนนไี้ ดร้ วมอนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ย
มแี ผนงานวจิ ยั และพฒั นาควบคกู่ นั ไป จงึ ทำ� ใหก้ ารพฒั นาดา้ น ความหลากหลายทางชวี ภาพเอาไวด้ ้วย
การเก็บรักษาพันธุ์พืชไม่พัฒนาเท่าที่ควร ทางด้านวิชาการ
การเกบ็ รกั ษา ยงั ประสบปญั หาความเสอื่ มคณุ ภาพเมลด็ พนั ธ์ุ 5. องค์การอ่ืน ๆ ซ่ึงเป็นองค์การระดับชาติหรือ
เน่ืองจากอากาศร้อนและความช้ืนสูง คุณภาพฉนวนบุห้อง นานาชาติท่ีไม่ได้อยภู่ ายใต้การก�ำกับของ CGIAR แตม่ งี าน
เย็นต�่ำหรือความไม่สม่�ำเสมอของกระแสไฟฟ้าส�ำหรับ วจิ ยั ทางดา้ นเกษตรและการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรพนั ธพ์ุ ชื อยดู่ ว้ ย
ห้องเย็น ได้แก่ (1) องค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่ง
เครือจักรภพ (Common wealth Scientific and Industrial
แหล่งเก็บรวบรวมพนั ธพุ์ ชื ในระดบั นานาชาติ Research Organization: CSIRO) (2) สถาบันวิจยั เกษตร
นานาชาติแห่งประเทศออสเตรเลีย (Australia Center for
1. กลมุ่ ทปี่ รกึ ษางานวจิ ยั เกษตรนานาชาติ (Consul- Intemationl Agriculture Research: ACIAR) (3) สำ� นกั งาน
tative Group on International Agricultural Research: ทรพั ยากรพนั ธกุ รรมพชื แหง่ เอเซยี อาคเนย์ (Plant Resources
CGIAR) เปน็ สมาคมนานาชาติ ประกอบดว้ ย ศนู ยว์ จิ ยั เกษตร of Southeast Asia: PROSEA) (4) องคก์ รความรว่ มมือ
องค์การระดับนานาชาติ และมูลนิธติ า่ ง ๆ รวมตวั กนั ขึน้ มา นานาชาตแิ หง่ ประเทศญป่ี นุ่ ในโครงการทรพั ยากรพนั ธกุ รรม
เพ่ือสนบั สนนุ การวิจัยพชื อาหารหลกั ชนดิ ตา่ ง ๆ ของมนุษย์ พืช (Japan Intermational Cooperation Agency Genetic
ทั่ว ๆ ไป มีหน่วยงานต่าง ๆ ทีอ่ ยู่ภายใตก้ ารกำ� กบั ดูแลของ Resouces Project: JICAGRP) (5) ประชาคมทรพั ยากร
กลุ่มทีป่ รึกษาแหง่ นี้ จ�ำนวนทง้ั ส้ิน 18 แหง่ แต่ท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั พันธุกรรมพืชนานาชาติ (International Plant Genetic
งานวิจัยดา้ นพชื มี 12 แหง่ ไดม้ กี ารรวบรวมเชอื้ พนั ธกุ รรม Resources Community: IPGRC) และ (6) ศนู ยว์ ิจัยและ
ของพืชชนิดต่าง ๆ ไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ ซ่ึงหน่วยงานวิจัย พฒั นาพชื ผกั แห่งเอเซีย (Asean Vegetable Research and
ตา่ ง ๆ สามารถตดิ ตอ่ ขอเมลด็ พนั ธม์ุ าใชเ้ พอื่ การศกึ ษาวจิ ยั ได้ Development Center: AVRDC)

2. องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ธนาคารเช้อื พนั ธพ์ุ ืช
(Food and Agriculture Organization of the United
Nations: FAO) มหี นว่ ยงานในสงั กดั ทท่ี ำ� หนา้ ทร่ี วบรวมพนั ธ์ุ เปน็ ศนู ยก์ ลางทรพั ยากรสำ� หรบั ชน้ิ สว่ นของพชื ทมี่ ชี วี ติ
พชื และช่วยรา่ งระเบยี บและกฎเกณฑต์ ่าง ๆ ในการอนุรกั ษ์ โดยจะเก็บรักษาชิ้นส่วนของพืชเพ่ือให้ชิ้นส่วนพืชน้ันมีชีวิต
ทรัพยากรพนั ธกุ รรมของพชื และยงั คงลกั ษณะเดมิ สำ� หรบั การใชป้ ระโยชนใ์ นอนาคตของ
มนุษย์และสภาพแวดล้อม ธนาคารเชื้อพันธุ์พืชอาจเรียกว่า
3. อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยการคา้ นานาชาตขิ องสตั วป์ า่ และ “ศูนย์กลางทรัพยากรพันธุกรรมพืช” โดยเน้นท่ีพืชซึ่งเป็น
พืชป่าทก่ี าลังจะสญู พนั ธุ์ (The Convention on Interna- แหล่งทางพันธกุ รรมของลกั ษณะตา่ ง ๆ หรือแหล่งของความ
tional Trade in Endangered Species of Wild Fauna หลากหลายทางพันธุกรรม พืชท่ีถูกเก็บรักษาจะเป็นพืชที่ใช้
and Flora: CITES) เปน็ อนสุ ญั ญาทจี่ ดั ทาขน้ึ มาเพอื่ ควบคมุ เปน็ อาหาร (พนั ธป์ุ ลกู พนั ธด์ุ งั้ เดมิ หรอื พนั ธพ์ุ น้ื เมอื ง พนั ธป์ุ า่ )
ดแู ลการคา้ สตั วป์ า่ และพชื ปา่ ทก่ี ำ� ลงั จะสญู พนั ธ์ุ ซงึ่ ประเทศไทย ท่ีมีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจ กลุ่มพืชสวน พืชอาหารสัตว์
ไดเ้ ข้าเปน็ สมาชกิ เมือ่ วนั ที่ 3 มนี าคม พ.ศ. 2516 แตไ่ ดใ้ ห้ พชื สมนุ ไพร และไมย้ นื ตน้ ธนาคารเชอื้ พนั ธพ์ุ ชื ไมไ่ ดเ้ กบ็ รกั ษา
สัตยาบนั เมอ่ื วนั ท่ี 21 มกราคม พ.ศ. 2526 โดยมีกรมปา่ ไม้ พชื ทกุ ชนดิ เนอื่ งจากมคี วามหลากหลายเกนิ กวา่ ทจ่ี ะกระทำ� ได้
กรมประมง และกรมวิชาการเกษตร รว่ มกันรบั ผิดชอบดูแล ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งคดั เลอื กพชื ทจี่ ะนำ� มาเกบ็ รกั ษาเปน็ เชอ้ื พนั ธไ์ุ วใ้ ช้
สตั ว์ปา่ และสตั วน์ ำ้� ชนิดตา่ ง ๆ

54

ชิ้นส่วนของพืชที่ใช้ในการเก็บรักษาไม่ว่าจะเป็น
ท่อนพันธุ์ เมล็ด ส่วนท่ีได้จากการเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือหรือ
ส่วนอ่ืนท่ีใช้ในการสืบพันธุ์ ขยายพันธุ์ ซึ่งรวมเรียกว่า เช้ือ
พนั ธพ์ุ ืช เป็นส่วนทมี่ สี ารทางพนั ธุกรรม ซงึ่ ควบคมุ ลักษณะ
ของพชื ท่ีถูกส่งผา่ นจากชวั่ อายุหน่งึ ไปอกี ช่ัวอายหุ น่ึง โดยไม่
ค�ำนึงถึงรูปแบบของเชื้อพันธุ์พืชที่เก็บรักษาไว้ ตราบเท่าที่
วตั ถปุ ระสงคท์ จ่ี ะเกบ็ รกั ษาชน้ิ สว่ นของพชื ใหม้ ชี วี ติ และยงั คง
สามารถแสดงลกั ษณะของพชื นนั้ ๆ อยไู่ ดเ้ มอ่ื นำ� ไปเพาะปลกู
ธนาคารเช้ือพันธุ์พืชจัดตั้งขึ้นเพ่ือเก็บรักษาเช้ือพันธุ์ชนิด
ตา่ ง ๆ สำ� หรบั ใชใ้ นโครงการปรับปรงุ พันธห์ุ รือเพอ่ื เกบ็ รกั ษา
เชื้อพันธุ์พืชส�ำหรับใช้ประโยชน์ในอนาคต และเพื่อให้เกิด
ความมนั่ ใจวา่ มเี ชอ้ื พนั ธพ์ุ ชื สำ� หรบั การนำ� ไปใชโ้ ดยไมม่ คี วาม
ล�ำเอยี งตอ่ นักวจิ ัยทกุ คน

ท�ำไมตอ้ งมีธนาคารเช้ือพันธุ์พืช ธนาคารเช้ือพนั ธุ์พืช
แหล่งเก็บเมล็ดพนั ธพุ์ ืชที่มากท่ีสดุ ในประเทศไทย
ปัจจุบันพืชที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์หรือคาดว่าจะมี
ประโยชนใ์ นอนาคต โดยเฉพาะพชื อาหารหลกั หลายชนดิ กำ� ลงั เป็นการรักษามรดกอันล�้ำค่าไว้ให้อนุชนรุ่นหลังใช้ประโยชน์
อยู่ในสภาวะพันธุกรรมเสื่อมหรือใกล้จะสูญพันธุ์ และบาง ในการพัฒนาประเทศอีกด้วย เช้ือพันธุกรรมพืชเหล่าน้ีต้อง
ชนิดไดส้ ูญพันธุไ์ ปบ้างแล้ว เช่น ข้าว ข้าวโพด ถ่วั ตา่ ง ๆ พันธ์ุ ไดร้ บั การดแู ลและเกบ็ รกั ษาอยา่ งดเี พอ่ื ใหม้ ชี วี ติ อยไู่ ดย้ าวนาน
พืชพื้นเมืองด้ังเดิมและพันธุ์พืชป่าได้สูญหายไปจากแปลง และสามารถนำ� มาใชป้ ระโยชนไ์ ดท้ นั ที แตก่ ารทจี่ ะดำ� เนนิ การ
เกษตรกรจำ� นวนมาก ทงั้ นเี้ ปน็ เพราะเกษตรกรสว่ นมากหนั มา ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายดงั กล่าวจำ� เป็นตอ้ งมีห้องควบคมุ อุณหภมู ิ
ปลกู พนั ธพ์ุ ชื ใหมท่ ใ่ี หผ้ ลผลติ สงู โดยเฉพาะพนั ธพ์ุ ชื ดที ร่ี ฐั บาล และความชน้ื เพอ่ื ใชใ้ นการเกบ็ อนรุ กั ษเ์ ชอื้ พนั ธกุ รรมพชื ไวใ้ ห้
ส่งเสริมหรอื แนะนำ� ให้ปลกู เพราะนอกจากจะให้ผลผลิตสงู ได้ยาวนาน อันจะเป็นการป้องกันการเสื่อมพันธุกรรมหรือ
แลว้ ยงั มคี ณุ ภาพเมลด็ ดตี รงตามความตอ้ งการของตลาดดว้ ย การสญู หายพันธกุ รรมของพืช และเหมาะส�ำหรับน�ำออกมา
นอกจากนี้พันธุ์พืชใหม่ ยังมีความต้านทานโรคและแมลง ใช้ประโยชน์ในการวิจัยและพัฒนาท้ังในปัจจุบันและอนาคต
ท่ีส�ำคัญบางชนิด ลักษณะของพันธุ์พืชพื้นเมืองด้ังเดิมแม้ว่า ไดท้ ันที
จะให้ผลผลิตไมด่ ีหรือสงู เทา่ กับพนั ธพุ์ ชื ใหม่ แต่ยังมีลกั ษณะ
พันธุกรรมอื่น ๆ ท่ีอาจจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาหรือ
ปรบั ปรุงในอนาคตได้ การยกเลิกการปลูกหรอื ละทงิ้ โดยไม่มี
การเก็บรักษาพันธุ์พืชพ้ืนเมืองและพันธุ์พืชป่าของไทยท่ีอยู่
ในสกลุ หรือชนิดใกลเ้ คยี งพืชปลูก ไมว่ ่าจะเปน็ พชื อาหาร พืช
นำ้� มัน พืชเสน้ ใย ผลไม้เมืองรอ้ น พชื ผกั พืชสมนุ ไพร พืชหัว
ไมด้ อกไมป้ ระดบั และพชื อน่ื ๆ ทม่ี ถี น่ิ กำ� เนดิ ในประเทศไทยไว้
นบั เปน็ การสญู เสยี คณุ คา่ ลกั ษณะพนั ธกุ รรมพชื อยา่ งมหาศาล
ไมอ่ าจสามารถเรียกกลบั คืนได้

เพื่อเป็นหลักประกันความม่ันคงทางด้านอาหารของ
ประเทศท่ีได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความส�ำคัญทางด้าน
เกษตรกรรม และเชื่อว่าจะเป็นแหล่งผลิตพืชอาหารและ
การเกษตรแหลง่ ใหญข่ องโลก การอนุรกั ษค์ วามหลากหลาย
ทางพันธุกรรมของพชื ตา่ ง ๆ โดยเฉพาะพืชอาหารไวพ้ รอ้ ม
น�ำมาใช้ประโยชน์ได้ทันที จึงมีความจ�ำเป็นอย่างยิ่ง เพราะ
นอกจากจะอนรุ ักษ์ความหลากหลายดา้ นพนั ธกุ รรมแลว้ จะ

55

วตั ถปุ ระสงค์

1. เพ่ือเป็นศูนย์กลางการแลกเปล่ียนการจัดเก็บ
รวบรวมอนุรักษ์พันธุกรรมพืชทุกชนิดรวมทั้งพืชพ้ืนเมือง
พชื ป่าทเ่ี ป็นพืชต้นตระกูลของพชื เศรษฐกิจ และพืชพันธใ์ุ หม่
ท่ีสามารถน�ำไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงพันธุ์และน�ำไปสู่
การผลิตทดี่ ขี นึ้

2. เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลด้านพันธุกรรมพืช (plant
genetic resources) โดยจดั เก็บขอ้ มูลลกั ษณะประจำ� พนั ธ์ุ
และลายพิมพ์ดีเอ็นเอ (DNA fingerprinting) ของแต่ละ
ตัวอยา่ งไว้เปน็ หลักฐานประกอบการใชป้ ระโยชน์

3. เพอ่ื เป็นศนู ยก์ ลางของระบบข้อมลู กลาง ในการท่ี
จะเช่อื มโยงข้อมลู การจัดเกบ็ การแลกเปลย่ี น การสนับสนุน
ข้อมลู ระหว่างหน่วยงานทั้งในและตา่ งประเทศ

ประเภทธนาคารเชอื้ พันธุม์ นั สำ� ปะหลัง ธนาคารเช้อื พันธ์มุ ันสำ�ปะหลังในแปลงปลกู (Field Genebanks)

1. ธนาคารเชอ้ื พนั ธม์ุ นั สำ� ปะหลงั ในแปลงปลกู (field โคลนพนั ธม์ุ นั สำ� ปะหลงั ทอี่ ยใู่ นธนาคารเชอื้ พนั ธแ์ุ บบ
In vitro ท่ี CIAT จะถูกอนรุ ักษภ์ ายใตส้ ภาพท่มี อี ุณหภมู คิ งที่
Genebanks) เช้ือพันธุ์มันส�ำปะหลังสามารถคงรักษาไว้ใน 23 - 25 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 24 ช่วั โมง ท้งั กลางวนั และ
แปลงปลกู โดยเปน็ วธิ กี ารรวบรวมสงิ่ มชี วี ติ ทง่ี า่ ยในการสรา้ ง กลางคนื ให้แสงแบบนอี อน 12 ชว่ั โมง โดยมีความเข้มของ
และคงรักษาไว้ด้วยการใช้เครื่องมือที่ไม่ต้องทันสมัยมากนัก แสง 1,000 - 1,500 ลักซ์ ความช้ืนสัมพัทธ์ 70 - 90
วิธีการน้ีค่อนข้างได้เปรียบมากกว่าการอนุรักษ์ด้วยวิธีอื่นใน เปอร์เซ็นต์ เปล่ียนแปลงอาหารเล้ียงของ MS เล็กน้อย
แง่ที่สามารถจัดหาวัสดุของพันธุ์พืชส�ำหรับเพื่อการใช้ในการ คงรกั ษาพนั ธแ์ุ ตล่ ะพนั ธโ์ุ ดยเลย้ี งไวใ้ นหลอดแกว้ ขนาด 20×150
ประเมนิ การจำ� แนกพนั ธแ์ุ ละการผสมขา้ มพนั ธพ์ุ รอ้ มในคราว มิลลิเมตร จ�ำนวน 3 - 5 หลอด ระยะเวลาในแต่ละรอบ
เดยี วกนั แตม่ ขี อ้ เสยี เปรยี บทต่ี อ้ งใชใ้ นพน้ื ทใี่ หญใ่ นการรวบรวม ขนึ้ อยูก่ บั พันธุ์ทเี่ ล้ยี งไว้ ซง่ึ แต่ละรอบประมาณ 6 เดือน ถงึ
และคงรักษาเช้ือพันธุ์ไว้ วัสดุเช้ือพันธุ์ที่เก็บในแปลงทดลอง 2 ปี โดยเฉลยี่ ประมาณ 12 เดือน ค่าใช้จ่ายในการอนุรักษ์
ในไร่นามักมีโอกาสถูกโรคแมลงท�ำลาย ซึ่งสามารถน�ำไปสู่ เชอ้ื พนั ธว์ุ ธิ นี ้ี แตล่ ะพนั ธจ์ุ ะใชง้ บประมาณ 40 ดอลลารส์ หรฐั
การสูญหายของวัสดุทางพันธุกรรมหรือพันธุกรรมสูญหาย ส่วนที่ IITA จะคงรักษาพันธุ์โดยใช้อาหารเพาะเลี้ยงภายใต้
(genetic drift) วธิ กี ารทเี่ หมาะสมสำ� หรบั คงรกั ษาไวใ้ นธนาคาร อณุ หภมู แิ ละความเขม้ ของแสงทนี่ อ้ ยกวา่ ท่ี CIAT และเก็บไว้
เช้ือพันธ์ุในแปลงปลูกคือใช้งบประมาณอยา่ งมีประสิทธภิ าพ 5 - 10 หลอดตอ่ 1 พันธ์ุ สตู รอาหารและวิธีการเพาะเลยี้ ง
และเปน็ สงิ่ สำ� คญั มากทจี่ ะทำ� ใหแ้ นใ่ จวา่ จะทำ� ใหเ้ ชอื้ พนั ธกุ รรม (ทงั้ shoot tip และ nodal) ของ IITA จะถกู ถา่ ยทอดความรู้
มชี ีวิตรอดไปอยา่ งยงั่ ยืน และวัสดุพันธุ์ไปยังสถานที่เก็บรวบรวมและอนุรักษ์เชื้อพันธุ์
ในประเทศคาเมลนู กาน่า และสาธารณรัฐเบนิน ด้วยความ
2. ธนาคารเช้ือพันธุ์มันส�ำปะหลังในหลอดแก้ว รว่ มมือของ Nation Agricultural Systems

(In vitro Genebanks) เทคนคิ การขยายพนั ธแ์ุ ละการอนรุ กั ษ์
เช้ือพันธุกรรมในการเพาะเลี้ยงเน้ือเยื่อในมันส�ำปะหลังใน
หลอดแก้ว ไดถ้ ูกพัฒนาและประยุกตใ์ ช้ในหลาย ๆ สถานที่
ที่เป็นธนาคารเช้ือพันธุ์ โดยเฉพาะที่ CIAT IITA และใน
สถาบนั วจิ ยั ตา่ ง ๆ ของประเทศบราซลิ อาเจนตนิ า ปารากวยั
และคิวบา สภาพท่ีเลี้ยงจะมีท้ังการลดการเจริญเติบโตหรือ
ภายใต้สภาพอาหารปกติ อาหารเล้ียงของส่วนปลายยอด
(shoot tip) ของมนั สำ� ปะหลงั แตล่ ะพนั ธ์ุ จะคงไวภ้ ายใตภ้ าวะ
การลดการเจรญิ เตบิ โต หรอื ใชอ้ าหารทำ� ใหก้ ารเจรญิ เตบิ โตชา้
หรือควบคุมสภาพแวดล้อมทเ่ี พาะเลี้ยง (อุณหภูมิและความ
เขม้ ของแสง)

56

ธนาคารเชอ้ื พนั ธ์มุ ันส�ำ ปะหลังในหลอดแก้ว (In vitro Genebanks)

การรวบรวมเชอื้ พันธุกรรมมันส�ำปะหลัง ในทวีปแอฟริกาใต้จะมีการรวบรวมพันธุ์ไว้มากที่สุด
ตามมาด้วยทางตะวันตกและตอนกลางของทวีปแอฟริกา
(cassava germplasm collection) แตก่ ารรวบรวมพนั ธท์ุ ่ี CIAT นน้ั เปน็ ตวั แทนของความหลาก
หลายมากทส่ี ดุ ของมนั สำ� ปะหลงั ทรี่ วบรวมไดจ้ ากอเมรกิ าและ
จากรายงานเม่ือเร็ว ๆ นี้พบว่ามีเช้ือพันธุกรรมมัน เอเชยี สว่ นที่ IITA จะเปน็ ตวั แทนทรี่ วบรวมพนั ธจ์ุ ากตะวนั ตก
สำ� ปะหลงั และพนั ธป์ุ า่ ทเี่ กยี่ วขอ้ งอยปู่ ระมาณ 20,000 พนั ธ์ุ และตอนกลางของแอฟริกาดังกล่าว ส�ำหรับเครือข่าย
(accessions) ได้ถูกเก็บสงวนไว้ใน Ex situ ท่ี CIAT IITA ที่ท�ำงานวจิ ยั รว่ มกบั IITA ได้แก่ EARRNET (East Africa
และโครงการของประเทศตา่ ง ๆ มากกวา่ 45 ประเทศในโลก Root Crops Research Network) ซ่ึงอย่ทู อ่ี กู านดา และ
จำ� นวนของพนั ธม์ุ นั สำ� ปะหลงั ทเ่ี กบ็ รกั ษาไวท้ ี่ CIAT และ IITA SARRNET (Southern Africa Root Crops Research
และโครงการของประเทศตา่ ง ๆ ท่เี ปน็ สมาชิกของ CGIAR Network) อยทู่ ปี่ ระเทศมาลาวี กจิ กรรมเบอ้ื งตน้ ของประเทศ
มีบางหน่วยงานท่ีรวมเอาพันธุ์ที่มีซ�้ำกันไว้ด้วยโดยเฉพาะที่ สมาชกิ คอื การรวบรวมและการประเมนิ เชอื้ พนั ธม์ุ นั สำ� ปะหลงั
CIAT โครงการระดับประเทศในทวีปอเมริกา ท่ี IITA และ ในทอ้ งถน่ิ ซงึ่ มนั สำ� ปะหลงั จำ� นวน 1,245 พนั ธ์ุ จะถกู รวบรวม
โครงการของประเทศในแถบทางใต้และทางตอนกลางของ
แอฟริกา

เชื้อพนั ธกุ รรมมนั สำ�ปะหลังและพนั ธป์ุ ่า 20,000 พนั ธ์ุ

อนุรักษใ์ นสภาพนอกแหลง่ ธรรมชาติ
(ex situ conservation)

International Center for Tropical Agriculture โครงการของประเทศต่างๆ
มากกว่า 45 ประเทศในโลก
ศนู ยเ์ กษตรเขตรอ้ นนานาชาติ สถาบันเกษตรเขตรอ้ นนานาชาติ
รวบรวมพันธจุ์ ากอเมริกาและเอเชีย รวบรวมพันธ์จุ ากตะวันตกและ
ตอนกลางของแอฟริกา

แหลง่ ทีม่ าของเช้ือพันธกุ รรมมันส�ำ ปะหลัง

57

และเก็บรักษาไว้ท่ี EARRNET ซ่ึงมีประเทศสมาชิก ได้แก่ ถนิ่ ก�ำเนดิ ในประเทศไทย พันธุ์ต่าง ๆ ท่เี ป็นเช้อื พันธกุ รรม
ประเทศบรู ุนดี เคนยา มาดากัสการ์ ระวันดา และอูกานดา ท่ีนักปรับปรุงพันธุ์ได้น�ำมารวบรวมเก็บรักษาไว้ รวมท้ังใช้
ในท�ำนองเดียวกัน จ�ำนวนเช้ือพันธุ์มันส�ำปะหลังในท้องถ่ิน สร้างพันธใ์ุ หมจ่ ึงมอี ย่จู ำ� กดั ซึง่ จำ� เป็นจะต้องนำ� พันธุม์ าจาก
ทง้ั หมด 797 พนั ธ์ุ จะถกู รวบรวมและเกบ็ รกั ษาไวท้ ี่ SARRNET ตา่ งประเทศ
ซง่ึ มปี ระเทศสมาชกิ ประกอบดว้ ย ประเทศแองโกลา่ บอสวานา
มาลาวี โมซัมบคิ นามเี บีย สวาซแิ ลนด์ แอฟรกิ าใต้ แซมเบีย นอกจากนั้นยังน�ำเข้ามาในรูปของเมล็ดจาก CIAT
และซมิ บบั เว เชอ้ื พันธกุ รรมของมันสำ� ปะหลังพนั ธ์ุต่าง ๆ ท่ี และน�ำเข้ามาในรูปเน้ือเย่ือ (somatic meristem culture)
ไดเ้ กบ็ รกั ษาพนั ธไ์ุ วท้ ี่ CIAT และ IITA ถกู กำ� หนดใหเ้ ปน็ ความ โดยชิ้นส่วนเลก็ ๆ จากสว่ นยอดของมันส�ำปะหลงั เมือ่ นำ� มา
รับผิดชอบในการรวบรวมภายใต้การอุปถัมภ์ขององค์การ เลย้ี งในอาหาร (Media) ทเี่ หมาะสมในสภาพปราศจากเชอื้ โรค
อาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO: Food and (aseptic technique) ภายในหลอดแกว้ ทดลอง สามารถเจรญิ
Agricultural Organization of the United Nations) เพ่ือให้ เติบโตเป็นกลุ่มเน้ือเยื่อ (callus) และพัฒนาเป็นต้นมัน
เป็นสาธารณะในการเข้าถึงข้อมูล โดยที่นักวิชาการหรือ สำ� ปะหลังเล็ก ๆ ได้ในทีส่ ดุ จากนนั้ นำ� เอาตน้ ออ่ นออกจาก
นักวิจยั สามารถจะใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ย่างกว้างขวาง หลอดแกว้ ไปปลกู ใหต้ น้ มขี นาดใหญข่ นึ้ แลว้ ยา้ ยลงปลกู ในไร่
เปน็ ตน้ มนั สำ� ปะหลงั ปกตไิ ด้ วธิ ดี งั กลา่ วนจี้ ะไดพ้ นั ธกุ รรมตรง
การแลกเปลยี่ นเชอื้ พนั ธกุ รรมจากการเพาะเลย้ี ง ตามพนั ธุเ์ ดิม และเปน็ วิธที ี่ปลอดโรคและแมลง จึงเป็นวิธีท่ี
ปลอดภัยที่สุดจากการที่จะน�ำเอาโรคแมลงใหม่ ๆ เข้าสู่
เน้ือเยือ่ ประเทศ แต่เป็นกรรมวิธีที่ใช้เทคนิคในห้องปฏิบัติการค่อน
ข้างซับซอ้ น และต้องอาศยั ความชำ� นาญ ประเทศไทยเรมิ่ รบั
เนื่องจากมีข้อจ�ำกัดอย่างมากในเรื่องของด่านกักกัน พนั ธเ์ุ ขา้ มาดว้ ยวธิ ดี งั กลา่ วจาก CIAT ผา่ นหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารของ
พชื ซงึ่ ไมส่ ามารถจะสง่ พชื หรอื ชน้ิ สว่ นบางสว่ นของพชื ตา่ ง ๆ สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี
ขา้ มจากประเทศหนงึ่ ไปยังอกี ประเทศหนง่ึ ได้ ดงั นน้ั เทคนคิ 2527 ซ่งึ พนั ธ์ุทนี่ �ำเข้าในปี 2527 มพี ันธ์ุดังน้ี คือ MBRA
วิธกี ารเพาะเลีย้ งเน้ือเย่ือจากสว่ นยอดของพชื พนั ธุ์ปา่ เหล่านี้ 12, CM681-2, CM 982-20, MQ 74, CM 342-170,
จงึ เป็นสง่ิ จำ� เป็น เพราะเปน็ การเลย้ี งในสภาพปลอดโรค โดย MVEN 156, CM 981-8, CM 523-7 และ CM 507-37
ไปนำ� พนั ธท์ุ เ่ี กบ็ รวบรวมในสถานทต่ี า่ ง ๆ มาเพาะเลย้ี ง เทคนคิ
วิธีการเพาะเลี้ยงเน้ือเยื่อได้ถูกพัฒนาขึ้นที่ CIAT ซ่ึงท�ำให้ การรวบรวมพนั ธม์ุ นั สำ� ปะหลงั ทง้ั ในทอ้ งถน่ิ (พนื้ เมอื ง)
สามารถเก็บชนดิ ของพันธุ์ปา่ ได้เพิ่มข้นึ ทุกปี และโดยวิธกี าร ตลอดจนพนั ธน์ุ ำ� เขา้ จากตา่ งประเทศ เชน่ อนิ โดนเี ซยี เวอรจ์ นิ
เพาะเล้ียงเน้ือเยื่อวิธีเดียวกันน้ียังสามารถเก็บรักษาพันธุ์ ไอสแ์ ลนด์ ประเทศตา่ ง ๆ ในแถบอเมริกาใต้ ซึ่งไดร้ ับจาก
ตา่ ง ๆ ของมันสำ� ปะหลังที่ใชป้ ลกู เปน็ การคา้ (M. esculenta ศูนย์เกษตรเขตร้อนนานาชาติ (CIAT) และพนั ธด์ุ เี ด่นทไี่ ด้รบั
Crantz) ในรอบ 8 ปี ที่ต้ังโครงการอนุรักษ์นี้อีกมากกว่า จากการผสมพันธุ์ของพันธุ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ได้รวบรวมไว้ที่
2,000 พนั ธ์ุ และโดยความรว่ มมอื ของ CIAT IITA และ IPGRI ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยองในสภาพแปลงทดลอง ในปัจจุบัน
ซึ่งในปัจจุบนั มปี ระมาณ 5,000 - 6,000 พนั ธุ์ มจี ำ� นวน 277 สายพนั ธ์ุ แตพ่ บวา่ จากความเครยี ดของสภาพ
แวดลอ้ ม เชน่ ความแหง้ แลง้ ฝนตกหนกั ในฤดฝู น การระบาด
ในปัจจุบัน CIAT สามารถเก็บรักษาพันธุ์ป่า โดย ของแมลง เชน่ ไรแดง เพลยี้ แปง้ ตลอดจนการเกดิ โรคระบาด
เทคนคิ วธิ ีการเพาะเลยี้ งเน้อื เยอื่ ได้ถงึ 42 ชนดิ นอกจากนน้ั ทำ� ให้บางพนั ธอุ์ ่อนแอตายหมด จงึ ได้จดั ตัง้ โครงการอนรุ กั ษ์
ยังเก็บไว้ในเมล็ดปลูก เก็บไว้ในเรือนกระจก และในสภาพ เชื้อพันธุกรรมมันส�ำปะหลังโดยการเพาะเล้ียงเนื้อเยื่อ
แปลงทดลอง สายพันธุ์ต่าง ๆ ที่เก็บไว้ในหลอดแก้วด้วย (In vitro) ข้นึ
วิธีการเหล่าน้ีสามารถส่งไปให้ประเทศที่ต้องการหรือติดต่อ
ขอไปเพอ่ื ใช้ประโยชนจ์ ากพันธกุ รรมเหลา่ น้ี ปี 2536 เริ่มศกึ ษาการเพาะเล้ยี งเนือ้ เยื่อพนั ธต์ุ า่ ง ๆ
บนอาหารแข็งสูตร MS ท่ีมีส่วนผสมของสารเร่งการเจริญ
การรวบรวมและการอนรุ กั ษเ์ ชอ้ื พนั ธม์ุ นั สำ� ปะหลงั เตบิ โต 3 ชนดิ คอื BAP, NAA และ GA3 ทรี่ ะดบั ความเขม้ ขน้
0.05 0.02 และ 0.05 มิลลิกรัมต่อลิตร ภายในอุณหภูมิ
ของประเทศไทย 20 - 22 องศาเซลเซยี ล พบวา่ มีความแตกตา่ งกนั ในความ
อยู่รอดระหวา่ งพันธุ์ กล่าวคอื สามารถอย่ไู ดก้ อ่ นการเปลี่ยน
ในประเทศไทยได้มีการรวบรวมและอนุรักษ์เชื้อ ยา้ ยอาหารระหว่าง 3 - 8 เดอื นขึ้นอย่กู ับแต่ละพนั ธุ์
พันธกุ รรมมนั สำ� ปะหลังมาต้ังแตป่ ี 2480 แลว้ โดยมีหนว่ ย
งานที่รับผิดชอบคือ ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง (สถานีกสิกรรม
ห้วยโป่ง) กรมวิชาการเกษตร แต่เน่ืองจากพืชนี้ไม่ได้มี

58

ปี 2542 กรมวชิ าการเกษตรไดร้ ว่ มมอื กบั ศนู ยเ์ กษตร 4. ปรบั ปรงุ พนั ธแ์ุ ละศกึ ษาพนั ธท์ุ เี่ หมาะสมในประเทศไทย
เขตรอ้ นนานาชาติ (CIAT) ทใ่ี หม้ ีการจดั รวบรวมพนั ธุกรรม เรม่ิ รบั พนั ธม์ุ นั สำ� ปะหลงั จาก CIAT เมอ่ื เดอื น เมษายน 2544
หลัก (core germplasm collection) ของมนั สำ� ปะหลังจาก ซึ่งทยอยสง่ มาประมาณ 2 เดือนต่อคร้งั คร้ังละประมาณ 60
เกือบทั่วโลกไว้ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง โดยมีสัญญาครั้งละ พันธุ์ ในเดือน เมษายน 2545 ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง
4 ปี โดยมวี ตั ถุประสงคห์ ลักคอื ไดร้ บั มา 572 พนั ธ์ุ ในปัจจบุ นั นศ้ี ูนยว์ ิจัยพชื ไรร่ ะยองไดร้ บั
แล้วท้ังสิ้น 601 พันธุ์ ในรูปแบบระบบเพาะเล้ียงเน้ือเยื่อ
1. รวบรวมและอนรุ กั ษเ์ ชอื้ พนั ธกุ รรมหลกั จากทวั่ โลก ซ่ึงเป็นการเพาะเลี้ยงในหลอดแก้ว (In vitro) โดยที่ศูนย์ฯ
ไว้ทป่ี ระเทศไทย ไดเ้ พาะเล้ยี งตอ่ ไปในหลอดแกว้ พนั ธุ์ละ 5 หลอด และก�ำลงั
ดำ� เนนิ การขยายพนั ธเ์ุ พอ่ื ศกึ ษาลกั ษณะตา่ ง ๆ ในสภาพแปลง
2. ศกึ ษาและวิจัยทางดา้ น molecular biology เช่น ทดลองตอ่ ไป
DNA fingerprint, mapping

3. แลกเปลยี่ นพนั ธกุ รรมระหว่างประเทศ

การใชป้ ระโยชนจ์ ากการอนรุ กั ษพ์ นั ธป์ุ า่ มนั สำ� ปะหลงั

เพอื่ การปรับปรงุ พนั ธุ์

เปน็ ท่ที ราบกนั ดีว่าพืชทกุ ชนิดจะมบี รรพบุรษุ ของมนั
ท่เี ราเรยี กกันวา่ พนั ธ์ุปา่ (wild species) มนั ส�ำปะหลังก็เช่น
เดยี วกัน จะมพี นั ธปุ์ า่ ทเี่ ป็นบรรพบรุ ษุ อยมู่ ากมาย เทา่ ทที่ าง
CIAT ประเทศโคลอมเบีย ได้ท�ำการส�ำรวจและรวบรวมใน
แหล่งก�ำเนดิ (center of origin) แถบประเทศทางอเมรกิ าใต้
พบว่าสามารถเก็บรวบรวมไว้ท้ังในแปลงปลูก และในห้อง
ปฏิบัติการด้วยวิธีการเล้ียงเนื้อเย่ือในหลอดแก้ว (In vitro)
ไว้ไดป้ ระมาณ 150 สปีชสี ์ (species) พนั ธ์ุปา่ เหลา่ นั้นจะมี
ลกั ษณะเดน่ อยหู่ ลายประการทใ่ี นพนั ธใ์ุ ชป้ ลกู ในปจั จบุ นั ไมม่ ี

59

และเปน็ แหลง่ พันธุกรรมท่ีรวมเอาสงิ่ ทด่ี ี ๆ ไวม้ ากมาย เชน่ หรือ ชนดิ ของ Manihot ทัง้ หมด 98 ชนิดน้นั พบว่ามอี ยู่ 21
ลักษณะทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ รวมท้ังต้านทาน ชนดิ ทส่ี ามารถผลติ รากหรอื หวั ทใ่ี หญไ่ ด้ ในการสงั เกตเบอ้ื งตน้
โรค แต่ปัจจุบันมักจะหาพันธุ์ป่าเหล่าน้ันได้ยาก เน่ืองจาก พบวา่ การแปรปรวนหรอื ทม่ี ชี นดิ ของพนั ธป์ุ า่ มากมายอาจจะ
การสูญเสียสมดุลทางธรรมชาติ การละทิ้งไปโดยไม่ได้เก็บ ใช้ประโยชน์จากความหลากหลายน้ีได้ แหล่งรวมของยีน
รักษาไว้ ท�ำให้สูญเสียแหล่งพันธุกรรมท่ีส�ำคัญไปโดยรู้เท่า (gene pool) ของพชื ในตระกูลนี้ มีความแปรปรวนกันอยา่ ง
ไมถ่ งึ การณ์ ดงั นนั้ ในปี ค.ศ. 1987 ทางโครงการของศนู ยเ์ กษตร มากในลกั ษณะทางชวี เคมี เชน่ ไซยาไนตต์ ำ�่ มปี รมิ าณโปรตนี สงู
เขตร้อนนานาชาติ (CIAT) ประเทศโคลอมเบยี ได้เริม่ พฒั นา มลี กั ษณะท่ีเหมาะสมในทางสรรี วทิ ยาทีพ่ ชื พวก C4 มอี ยู่
เทคนิควิธีการในการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากพวก
พนั ธปุ์ ่าของ Manihot โดยเก็บรักษาพนั ธุ์ไว้ในแปลงรวบรวม ชนดิ ของพนั ธ์ปุ า่ บางชนดิ ยังเป็นแหล่งความตา้ นทาน
พนั ธ์ุ รวมทงั้ การเพาะเลยี้ งเนอ้ื เยอ่ื สว่ นตา่ ง ๆ ดว้ ย ซงึ่ ปจั จบุ นั โรค African cassava mosaic virus โรคใบไหม้ (cassava
สามารถเกบ็ ไวไ้ ด้ 42 ชนดิ ของพนั ธป์ุ า่ เหลา่ น้ี โดยนำ� มาเพาะ bacterial blight) และมปี รมิ าณแปง้ สงู ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม
เลย้ี งโดยวธิ กี ารเพาะเลยี้ งเนอื้ เยอ่ื นอกจากนน้ั ยงั เกบ็ ไวไ้ ดอ้ กี ของความต้านทานที่มีต่อแมลงศัตรูพืช เช่น พวกเพลี้ยแป้ง
26 พันธุ์ (genotypes) จาก Manihot esculenta ssp. (mealy bug) ซึ่งเป็นแมลงท่ีร้ายแรงในแอฟริกาตะวันออก
Flabellifolia โดยท�ำการรวบรวมจากตอนกลางของประเทศ การตา้ นทานต่อหนอนเจาะล�ำต้น ทนทานต่อสภาพดินเลว
บราซลิ และนำ� มาเพาะเลย้ี งในสภาพหลอดแกว้ เปา้ หมายของ หรือดนิ เป็นเกลอื ดินหนิ ปูน การทนทานต่อสภาพแวดลอ้ ม
โครงการคอื การทพี่ ยายามเกบ็ พนั ธป์ุ า่ หรอื แหลง่ เชอื้ พนั ธกุ รรม เชน่ อากาศทหี่ นาวเยน็ หรอื แหง้ แลง้ การมลี กั ษณะบางอยา่ ง
ของพันธปุ์ า่ ตา่ ง ๆ เหล่านี้ในเขตรอ้ นของทวปี อเมริกา ท่ีเหมาะสมทางเกษตรกรรม เช่น มีไซยาไนด์ต�่ำ ต้นเต้ีย
มโี ปรตีนสงู มอี ตั ราการสงั เคราะห์แสงทีด่ ี เปน็ ตน้ ล้วนมีอยู่
พันธุ์ป่าต่าง ๆ เหล่านี้มีความส�ำคัญอย่างมากต่อ ในพืชพวกพันธุ์ป่าของตระกูล Manihot ทั้งสิน้ นอกจากนน้ั
นักปรับปรงุ พนั ธม์ุ ันส�ำปะหลงั เพราะเป็นแหล่งเชือ้ พนั ธทุ์ ไี่ ด้ เมอื่ มีการผสมพนั ธขุ์ ้ามชนดิ (interspecific hybridization)
รวมเอายนี ของความตา้ นทานโรค แมลงศตั รพู ชื รวมทงั้ ทนทาน จะทำ� ใหเ้ กดิ ลกั ษณะทเ่ี หมาะสมทง้ั ในทางดา้ นรปู รา่ งการผลติ
ตอ่ สภาพแวดล้อมทีไ่ ม่เหมาะสมเอาไว้ ซึง่ ในบรรดาพนั ธ์ุป่า และสรรี วทิ ยา อยา่ งไรกต็ าม ยงั มกี ารศกึ ษาทนี่ อ้ ยมากเกย่ี วกบั
ความแปรปรวนของพนั ธป์ุ า่ เหลา่ น้ี โดยเฉพาะวธิ กี ารรวบรวม
และอนุรกั ษ์พนั ธ์ปุ ่าเหล่าน้ีไว้ งานรวบรวมและอนุรักษพ์ นั ธุ์
ป่าเหล่าน้ีส่วนใหญ่จะท�ำในประเทศบราซิลซ่ึงเป็นประเทศ
ที่มีพันธุ์ป่าอย่างมากมายท่ีคงเหลืออยู่ อุปสรรคที่ส�ำคัญ
อย่างมากในการรวบรวมและอนุรักษ์คือการขยายพันธุ์

ทคี่ ่อนขา้ งยาก

60

โกโก้

พืชทางเลือกทม่ี ีอนาคต
นวลศรี โชตินันทน์

จากกสกิ รฉบบั ทแี่ ลว้ ไดน้ ำ� เสนอเรอ่ื งเลา่ จากนกั วชิ าการทา่ นหนงึ่ ทเ่ี ปน็ หนง่ึ ในคณะผแู้ ทนจากประเทศไทย
เขา้ รว่ มประชมุ คณะทำ� งานโกโกอ้ าเซยี น ครงั้ ที่ 22 ทเี่ มอื งปตุ ราจายา ประเทศมาเลเซยี ซง่ึ ถอื วา่ ยงั เปน็ ประเดน็
ที่ต้องมีการพิจารณากันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้โกโก้ในประเทศไทยมีโอกาสพัฒนาไปสู่พืชที่มีอนาคต
ต่อเกษตรกรและภาคอตุ สาหกรรมต่อไป

61

ในชว่ งปี 2558 – 2562 การน�ำเขา้ เมล็ดโกโกข้ อง
โลกเพิม่ ขึ้นรอ้ ยละ 6.77 ตอ่ ปี ประเทศนำ� เข้าทส่ี ำ� คัญ ได้แก่
เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ส่วนการน�ำเข้า
ผลิตภัณฑ์โกโกข้ องโลกเพม่ิ ขน้ึ ร้อยละ 3.18 ตอ่ ปี ประเทศ
น�ำเข้าที่ส�ำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และฝร่ังเศส
ดา้ นการสง่ ออกเมลด็ โกโกข้ องโลกเพมิ่ ขนึ้ รอ้ ยละ 7.61 ตอ่ ปี
รวมถงึ การสง่ ออกผลติ ภณั ฑโ์ กโกข้ องโลกเพมิ่ ขน้ึ รอ้ ยละ 3.47
ประเทศที่ส่งออกผลิตภัณฑ์โกโก้ท่ีส�ำคัญ ได้แก่ เยอรมนี
เนเธอรแ์ ลนด์ และเบลเยียม

สำ� นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร รายงานวา่ สถานการณ์ สถานการณก์ ารผลติ และการตลาดโกโก้
การผลิตและการตลาดโกโก้ของโลกในช่วงปี 2557 – 2561
เพม่ิ ขน้ึ รอ้ ยละ 2.96 ตอ่ ปี ประเทศทม่ี ผี ลผลติ มากเปน็ อนั ดบั ของไทย
หนึ่งของโลก ได้แก่ โกตดิววั ร์ รองลงมา ไดแ้ ก่ ประเทศกานา ส�ำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระบุว่า ในปี 2561
และอนิ โดนเี ซยี สว่ นประเทศในกลมุ่ อาเซยี นทผี่ ลติ โกโกไ้ ดม้ าก
รองจากประเทศอนิ โดนเี ซีย ไดแ้ ก่ ฟลิ ปิ ปินส์ และมาเลเซีย ไทยเปน็ ผผู้ ลติ โกโกอ้ นั ดบั 4 ของอาเซยี น ในชว่ งปี 2559 –
2563 ไทยมีพ้ืนที่ปลูกต้นโกโก้เพ่ิมข้ึนร้อยละ 98.39 คือ
ยุโรปเป็นตลาดใหญ่ของโลกที่มีความต้องการเมล็ด เพิ่มขนึ้ จาก 150 ไร่ในปี 2559 เปน็ 1,931 ไรใ่ นปี 2563
โกโก้มากท่ีสุด ร้อยละ 46 รองลงมาคือ ประเทศในทวีป พนื้ ทเ่ี ก็บเกย่ี วเพิ่มข้ึนร้อยละ 38.44 คือ เพม่ิ ขน้ึ จาก 36 ไร่
อเมรกิ าเหนอื รอ้ ยละ 25 ประเทศในเอเชยี โอเซยี เนยี รอ้ ยละ ในปี 2559 เป็น 115 ไร่ในปี 2563 ปรมิ าณผลผลติ เพมิ่ ขน้ึ
15 และประเทศในอเมรกิ าใต้ รอ้ ยละ 9 โดยน�ำไปใชใ้ นการ ร้อยละ 30.62 คอื เพม่ิ ขน้ึ จาก 45 ตันในปี 2559 เป็น 82
แปรรูปและสร้างมูลค่าเพ่ิมให้กับผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรม ตนั ในปี 2563
ขนมหวานชอ็ กโกแลต อุตสาหกรรมอาหาร เคร่อื งดม่ื และ
อุตสาหกรรมเครอ่ื งสำ� อางและยา เปน็ ต้น พนื้ ทป่ี ลกู โกโกท้ งั้ หมดสว่ นใหญอ่ ยใู่ นภาคเหนอื จำ� นวน
976 ไร่ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 51 เชน่ จงั หวดั เชยี งราย และพษิ ณโุ ลก
รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ�ำนวน 348 ไร่
คิดเป็นร้อยละ 18 เช่น จังหวัดอุดรธานี และหนองคาย
ภาคกลาง จ�ำนวน 269 ไร่ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 14 ได้แก่ จงั หวัด
ลพบุรี และประจวบคีรีขนั ธ์ ภาคใต้ จ�ำนวน 175 ไร่ คิดเป็น
รอ้ ยละ 9 ได้แก่ จังหวดั สุราษฎรธ์ านี และสงขลา และภาค
ตะวนั ออก 162 ไร่ คิดเปน็ รอ้ ยละ 8 ปลูกที่ จงั หวดั จันทบรุ ี
แห่งเดียว

62

ปจั จบุ นั การผลติ โกโกส้ ว่ นใหญจ่ ะดำ� เนนิ การในระบบ อยา่ งไรกต็ าม โกโกใ้ นประเทศไทยยงั มคี วามตอ้ งการ
พนั ธสญั ญา (Contact farming) ระหวา่ ง ผปู้ ระกอบการภาค โกโก้เป็นจ�ำนวนมาก เพ่ือให้เพียงพอต่อภาคอุตสาหกรรม
เอกชน กับ เกษตรกร โดยผู้ประกอบการภาคเอกชนจะท�ำ ซ่ึงถือวา่ ตลาดโกโก้ในประเทศมโี อกาสขยายตวั มาก หากจะ
สญั ญาซ้อื ผลผลติ เปน็ ราคาขน้ั ต่�ำ ขึ้นอยู่กบั คณุ ภาพและสาย มกี ารสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารปลกู โกโกช้ ว่ งเรม่ิ ตน้ ควรทำ� ในรปู แบบ
พันธขุ์ องโกโก้ เกษตรพันธสัญญาและภาครัฐควรให้การสนับสนุน ในการ
พัฒนาสายพันธุ์โกโก้ที่มีคุณภาพที่สามารถน�ำไปสนับสนุน
สถานการณด์ า้ นการตลาดโกโกไ้ ทย มกี ารนำ� เขา้ เมลด็ การพฒั นาอุตสาหกรรมแปรรปู ผลิตภัณฑจ์ ากโกโกต้ อ่ ไป
โกโก้ในช่วงปี 2558 – 2562 เพิม่ ขึ้นร้อยละ 18.72 ตอ่ ปี
และในปี 2562 มปี ริมาณการน�ำเขา้ 980.20 ตนั สว่ นใหญ่ เส้นทางเดนิ ของโกโกส้ ปู่ ระเทศไทย
น�ำเข้าจากประเทศคองโกและกิบี ด้านการน�ำเข้าผลิตภัณฑ์
โกโกข้ องไทย เพม่ิ ขนึ้ รอ้ ยละ 7 โดยในปี 2562 นำ� เขา้ ปรมิ าณ โกโก้เข้ามาปลูกในประเทศไทยคร้ังแรก เมื่อปี พ.ศ.
44,278 ตนั สว่ นใหญน่ ำ� เข้าจากประเทศมาเลเซยี สิงคโปร์ 2446 และเมือ่ ปี พ.ศ. 2495 กรมกสิกรรม (ปจั จบุ นั กรม
และอินโดนีเซีย ผลิตภัณฑ์โกโก้ที่ไทยน�ำเข้ามากที่สุด คือ วิชาการเกษตร) ไดท้ ดลองนำ� มาปลกู ทดสอบในพ้นื ทตี่ ่าง ๆ
ชอ็ กโกแลต และอาหารปรงุ แตง่ ทมี่ โี กโก้ รองลงมาคอื ผงโกโก้ ไดแ้ ก่ สถานกี สิกรรมบางกอกน้อย กรุงเทพฯ สถานีกสิกรรม
ทไ่ี มเ่ ตมิ นำ้� ตาลหรอื สารทำ� ใหห้ วานอนื่ ๆ โกโกเ้ พสต์ (Cocoa พล้ิว จ.จันทบุรี สถานียางคอหงส์ จ.สงขลา และสวนยาง
Paste) และเนยโกโก้ (Cocoa Butter) นาบอน จ.นครศรธี รรมราช ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2515 กรมกสกิ รรม
ไดน้ ำ� โกโกพ้ นั ธล์ุ กู ผสม Upper Amazon จากประเทศมาเลเซยี
ด้านการส่งออกเมล็ดโกโก้ของไทย เพ่ิมข้ึนร้อยละ มาปลกู ทส่ี ถานียางในช่อง จ.กระบี่ รวมท้งั ไดม้ กี ารรวบรวม
809.67 ในปี 2562 ไทยสง่ ออกปรมิ าณ 925.57 ตนั ประเทศ พนั ธโ์ุ กโกจ้ ากแหลง่ ปลกู ตา่ ง ๆ ทงั้ ในประเทศและตา่ งประเทศ
ส่งออกของไทยทส่ี �ำคัญ ไดแ้ ก่ อินเดีย ลาว และญี่ปุ่น แต่การ ไดแ้ ก่ มาเลเซยี สหรฐั อเมรกิ า และองั กฤษ มาปลกู ทศี่ นู ยว์ จิ ยั
สง่ ออกผลติ ภัณฑ์โกโก้ ลดลงร้อยละ 11 ในปี 2562 ส่งออก พืชสวนชุมพร ตั้งแต่ปี 2522 จนถึงปัจจุบัน รวมจ�ำนวน
ปรมิ าณ 19,063 ตัน ประเทศสง่ ออกของไทยท่สี �ำคัญ ได้แก่ ทั้งส้นิ 34 พันธุ์
ญี่ปุ่น เมยี นมาร์ และมาเลเซีย ผลติ ภัณฑ์โกโก้ทมี่ ีการส่งออก
มากทีส่ ุด คือ ชอ็ กโกแลต และอาหารปรงุ แต่งอื่น ๆ ท่ีมโี กโก้ ในการศึกษาวจิ ัยด้านการปรบั ปรงุ พนั ธุ์โกโกข้ องกรม
รองลงมาคือ ผงโกโกท้ ไี่ ม่เตมิ นำ�้ ตาล หรอื สารท่ที ำ� ให้หวาน วชิ าการเกษตร โดยนายผานติ งานกรณาธกิ าร อดตี นกั วชิ าการ
อ่ืน ๆ โกโกเ้ พสต์ และโกโกบ้ ัตเตอร์ เกษตรชำ� นาญการพเิ ศษ ขา้ ราชการบำ� นาญ และคณะนกั วจิ ยั
ของศูนยว์ จิ ัยพชื สวนชมุ พร ไดศ้ กึ ษาพนั ธโ์ุ กโกท้ ่ศี ูนย์วิจัยพชื
สวนชุมพรโดยท�ำการเปรียบเทียบพันธุ์โกโก้ลูกผสมจาก

ประเทศมาเลเซีย จ�ำนวน 14 สายพันธุ์ เพื่อคัดเลือก
หาพันธุ์ดีโดยเปรียบเทียบกับพันธุ์ท่ีเกษตรกรปลูก
อยู่เดิม ผลการทดลองต้ังแต่ปี 2524 - 2536
พบว่าโกโก้ลูกผสม Parinari 7 x Nanay 32
หรอื Pa7 x Na32 เป็นลูกผสมท่ดี ที งั้ ในดา้ น
การให้ผลผลิตและคุณภาพของเมล็ดเหมาะ
ที่จะใชเ้ ป็นพันธป์ุ ลกู สำ� หรับเกษตรกร จงึ ได้
มีการขึ้นทะเบียนรับรองพันธุ์พืชตาม
พระราชบญั ญัติพันธ์ุพชื พ.ศ. 2518 และ
และไดต้ ง้ั ชอื่ พนั ธด์ุ งั กลา่ ววา่ “โกโกล้ กู ผสม
ชุมพร1”

63

โกโก้คผู่ สมระหว่างพนั ธ์ุ Pa7 x Na32 นี้ ใหผ้ ลผลติ โกโกพ้ นั ธุ์ ICS 6
สม่�ำเสมอ เมล็ดโกโก้แห้งตรงตามมาตรฐานสากล คือ โกโกพ้ ันธุ์ ICS 40
มีจ�ำนวนเมล็ดโกโก้ไม่เกิน 110 เมลด็ ต่อน้ำ� หนัก 100 กรมั
มีไขมันสงู 57.27% ผลผลติ เมลด็ โกโกแ้ หง้ 127.2 กโิ ลกรัม
ต่อไร่ พร้อมท้ังได้พัฒนาเทคโนโลยีในการจัดการเพ่ือให้ได้
ปริมาณและผลผลติ ท่ีมีคุณภาพ โดยได้มกี ารเผยแพรต่ ง้ั แต่ปี
2537 ไดแ้ ก่ การตดั แตง่ กงิ่ การปอ้ งกนั กำ� จดั ศตั รพู ชื วทิ ยาการ
หลงั การเกบ็ เก่ียวและการแปรรูปเมล็ดแหง้

ศนู ยว์ จิ ยั พชื สวนชมุ พรไดท้ ำ� การผลติ และจำ� หนา่ ยตน้
พันธุ์โกโก้ลูกผสมชุมพร1 ให้แก่เกษตรกรท่ีสนใจน�ำไปปลูก
ในเขตภาคใตแ้ ละพืน้ ทอ่ี นื่ ๆ ทมี่ ศี กั ยภาพ เช่น จังหวัดชมุ พร
จงั หวดั นครราชสมี า เปน็ ตน้ โดยในปี 2549 ศนู ยว์ จิ ยั พชื สวน
จันทบุรี ได้น�ำพันธุ์โกโก้ดังกล่าวไปส่งเสริมในพ้ืนที่จังหวัด
จันทบุรี ในลักษณะการปลูกร่วมกับไม้ผล ท�ำให้เกษตรกร
มีรายไดเ้ สรมิ จากผลผลติ โกโก้

โกโกพ้ ันธ์ุ Pa7 x Na32

โกโก้พนั ธ์ุ ICS 95

คุณศิริพร วรกุลด�ำรงชัย ผู้อ�ำนวยการสถาบันวิจัย
พชื สวน กรมวชิ าการเกษตร ใหข้ อ้ มลู เพม่ิ เตมิ วา่ งานวจิ ยั โกโก้
ไดด้ ำ� เนนิ การมาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยศนู ยว์ จิ ยั พชื สวนชมุ พรและ
ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี ได้คัดเลือกพันธุ์โกโก้ส�ำหรับ
ทำ� ช็อกโกแลตของโกโกส้ ายพนั ธ์ตุ ่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มพันธุ์
Trinitario (ทรินิทาริโอ) การศึกษาพันธุ์โกโก้ 5 สายพันธุ์
ซึ่งเป็นสายพันธุ์ในกลุ่มของ Trinitario ที่คัดเลือกจากแปลง
รวบรวมพันธุ์ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร ได้แก่ โกโก้ลูกผสม

โกโก้พันธุ์ UF676

64

ตน้ พันธโ์ุ กโก้

ชมุ พร1 (พนั ธเ์ุ ปรยี บเทยี บ) ICS6 ICS40 ICS95 และ UF676 ขอ้ แนะน�ำในการปลกู โกโก้
พบว่า สายพนั ธุ์ ICS6 และ ICS40 มีรสชาติเป็นทย่ี อมรบั
ในการผลติ เปน็ ชอ็ กโกแลต และมปี รมิ าณผลผลติ สงู ใกลเ้ คยี ง คณุ วไิ ลวรรณ ทวชิ ศรี นกั วิชาการเกษตรช�ำนาญการ
กับพันธ์โุ กโก้ลูกผสมชุมพร1 ซึง่ ไดม้ อบหมายให้ศูนย์วจิ ยั พืช พเิ ศษ กลมุ่ พชื อตุ สาหกรรม สถาบนั วจิ ยั พชื สวน กรมวชิ าการ
สวนชมุ พร เปน็ แหลง่ ผลติ ตน้ กลา้ พนั ธโ์ุ กโกใ้ นสายพนั ธ์ุ ICS6 เกษตร ใหข้ อ้ แนะนำ� เกยี่ วกบั การปลกู วา่ โกโกเ้ ปน็ พชื ตอ้ งการ
และ ICS40 เพอ่ื จ�ำหนา่ ยใหเ้ กษตรกรตอ่ ไป ร่มเงา จึงปลูกในสวนมะพร้าวแบบผสมผสานได้ ซงึ่ เคยเห็น
ในประเทศหมู่เกาะโซโลมอนท่ีปลูกโกโก้ผสมผสานในสวน
ปจั จบุ นั โกโกท้ ป่ี ลกู มหี ลายสายพนั ธ์ุ มลี กั ษณะแตกตา่ ง มะพร้าว เขาสามารถเก็บเก่ียวผลผลิตได้นานถึงแม้ต้นโกโก้
กนั ไป จากรายงานของ คุณอรวนิ ทนิ ี ชศู รี นกั วิชาการเกษตร จะตน้ สงู และอายมุ ากแลว้ แตต่ อ้ งมกี ารตดั แตง่ กง่ิ ใหโ้ ปรง่ และ
ช�ำนาญการ ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี กล่าวว่า โกโก้ท้ัง 4 การจัดทรงต้น เพื่อให้ต้นโกโก้ได้รับแสงแดดเพียงพอ
สายพันธุ์นั้น มีสีดอกส่วนใหญ่เป็นสีเขียวอ่อน และฝักสุก ในการสังเคราะห์แสงเพอ่ื สรา้ งอาหาร เพราะหากทรงต้นทบึ
สเี หลอื ง ยกเว้น พนั ธ์ุ ICS95 ที่มดี อกสมี ่วงแดงและฝกั สกุ เกินไป จะทำ� ใหต้ ้นโกโกม้ กี ารเจริญเตบิ โตช้าและท�ำให้มกี าร
สีสม้ สว่ นลกั ษณะการผสมเกสรมีทั้งแบบผสมตัวเองได้ (self แพรพ่ นั ธ์ุของมวนโกโก้
compatible) และผสมตัวเองไม่ได้ (self incompatible)
ผวิ ผลสว่ นใหญเ่ ปน็ ผวิ ขรขุ ระ ยกเวน้ พนั ธช์ุ มุ พร1 ทมี่ ผี วิ เรยี บ

65

ส่วนปริมาณน�้ำฝนและการกระจายตวั นบั วา่ มีความ ผลก�ำลังพฒั นา หากอุณหภูมสิ งู ขึน้ มาก จะทำ� ใหเ้ มลด็ โกโก้
สำ� คัญยิง่ ต่อคณุ ภาพเมล็ดโกโก้ เพราะในชว่ ง 4 เดือนท่ผี ล มีขนาดเล็ก และมีปริมาณมาก ซ่ึงมีผลต่อการหมักและได้
โกโกพ้ ฒั นากอ่ นเกบ็ เกย่ี ว หากมปี รมิ าณนำ�้ ฝนและการกระจาย เปอรเ์ ซ็นต์เนยโกโกน้ ้อย
ตวั ดี ยอ่ มทำ� ให้ขนาดเมลด็ โกโกใ้ หญต่ ามปกติ และท�ำใหไ้ ด้
เปอรเ์ ซน็ ตไ์ ขมนั โกโกส้ งู เมอ่ื เขา้ สกู่ ระบวนการผลติ นอกจากนนั้ คณุ วไิ ลวรรณ ทวชิ ศรี ไดใ้ หข้ อ้ มลู วา่ ประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส์
อุณหภูมิก็มีผลโดยตรงต่อน้�ำหนักของเมล็ด เพราะในช่วงท่ี แนะน�ำพ้ืนท่ีปลกู โกโก้ ควรมลี กั ษณะดังน้ี

ตารางแสดงความตอ้ งการของพชื โกโก้ เพือ่ การปลกู ทใี่ ห้ผลผลติ สูง

ความลึกของ ชนิดดิน การ pH แรธ่ าตุ อุณหภมู ิ ปริมาณน�ำ้ ปริมาณแสง พืชทปี่ ลกู รว่ ม
หนา้ ดิน ระบายน้�ำ ทตี่ ้องการ (องศา ฝน (มม.) (ft-cdl)
เซลเซียส)
มากกว่า ดินรว่ น ดนิ 5.5 - 7.0 NPK 1,500 1,000 มะพรา้ ว
75 ซม. - ดนิ เหนยี ว ระบายน�้ำ Ca S 21 - 35 - -

ได้ดี 2,000 3,000

ท่ีมา : ขอ้ มูลอ้างอิงจาก Soil requirements of coconut and selected intercrops for high yields (Magat, 1990)

66

ตน้ โกโก้ทปี่ ลกู ร่วมกับมะพรา้ ว อาการใบไหม้จากการได้รับแสงแดดมากเกินไป หรือการ
ตัดแต่งก่ิงมากเกินไปจะท�ำให้แสงแดดส่องลงมาท่ีก่ิง ท�ำให้
กิง่ แหง้ มีผลกระทบตอ่ การเจริญเตบิ โตของดอกและผลทก่ี ิง่
จะท�ำให้ได้ผลผลิตน้อย จึงแนะน�ำให้ปลูกร่วมกับมะพร้าว
หรือไมผ้ ล โดยท่ัวไปต้นโกโก้ 1 ตน้ ให้ผลผลิตเฉลย่ี 30 ผล/
ตน้ /ปี หรือคดิ เป็นเมลด็ โกโก้แห้งประมาณ 130 กโิ ลกรัม/
ไร่/ปี จากการวิจัยของศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพรซ่ึงเก็บข้อมูล
นานถึง 15 ปี พบว่า ตน้ โกโกจ้ ะเจริญเตบิ โตและสมบรู ณ์
เตม็ ที่ เมอื่ มอี ายตุ น้ ตงั้ แต่ 8 ปขี น้ึ ไป จะใหผ้ ลผลติ โกโกเ้ มอ่ื
คิดเปน็ เมล็ดโกโกแ้ ห้งแลว้ มากกว่า 100 กก./ต้น/ปี

“อยา่ งไรกต็ าม ถงึ แมว้ า่ โกโกจ้ ะเปน็ พชื ทเ่ี จรญิ เตบิ โต
และให้ผลผลิตดีในสภาพร่มเงา แต่ไม่ควรปลูกร่วมกับ
ยางพารา เพราะจะเกดิ การแก่งแยง่ แสงและธาตอุ าหารซึง่
กันและกัน ท�ำให้เกษตรกรต้องลงทุนในการจัดการแปลง
มากข้ึน และให้ผลผลิตไม่คุ้มในเชิงพาณิชย์ อีกทั้งหากมี
ความช้ืนสูง อาจก่อให้เกิดโรครากเน่า โรคฝักเน่า เพราะ
พชื ทงั้ สองมโี รคซง่ึ เกดิ จากเชอื้ เดยี วกนั คอื เชอื้ ไฟทอปเธอรา
(Phytophthora)”

การติดผลของโกโกท้ ีป่ ลกู ร่วมกับมะพรา้ ว ตน้ โกโก้ทปี่ ลกู แบบพชื เดี่ยว
การติดผลของโกโก้ท่ีปลูกแบบพชื เด่ยี ว
สำ� หรบั เกษตรกรมอื ใหม่ ทสี่ นใจปลกู โกโก้ ควรศกึ ษา
ค้นคว้าข้อมูลหรือไปศึกษาดูงานจากศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร
ซึ่งทางศูนย์ฯ ได้ศึกษาระบบปลูกและชนิดของต้นพันธุ์เพ่ือ
เพมิ่ ผลผลติ โกโกด้ ว้ ย จงึ เปน็ ทน่ี า่ สนใจวา่ โกโก้ 1 ตน้ สามารถ
เสียบยอดและให้ผลผลิตไดท้ ้ัง 2 พันธ์ุ นอกจากนัน้ ยังมตี น้
โกโกท้ ี่ปลกู มาแล้วถงึ 40 ปี เพือ่ เป็นแนวทางในการจดั การ
สวนและรปู แบบการปลูกโกโก้

พน้ื ท่ีปลูก

สภาพพนื้ ทที่ เี่ หมาะสมกบั การทำ� สวนโกโก้ เปน็ ดนิ รว่ น
ปนทราย การระบายน�้ำค่อนข้างดี และมีฝนตกกระจาย
สม่�ำเสมอ มีปรมิ าณน้ำ� ฝน 1,500 – 2,000 มลิ ลเิ มตร/ปี
พ้ืนที่ปลูกโกโก้ควรมีไม้ให้ร่มเงา พ้ืนที่ท่ีแนะน�ำให้ปลูกโกโก้
คือ ภาคใต้และภาคตะวันออก กรณีท่ีปลูกโกโก้ในพ้ืนท่ีที่มี
ฝนตกไมส่ มำ่� เสมอ เกษตรกรตอ้ งมแี หลง่ นำ้� สำ� รองและตดิ ตง้ั
ระบบใหน้ ำ�้ เพื่อใหต้ น้ โกโกไ้ ดร้ ับนำ�้ อยา่ งเพยี งพอ ไมก่ ระทบ
ตอ่ ผลผลติ ในกรณฝี นทงิ้ ชว่ ง รว่ มกบั การรกั ษาความชนื้ ใหด้ นิ
บรเิ วณโคนตน้ โดยการใชว้ สั ดเุ หลอื ใชท้ างการเกษตรคลมุ รอบ
โคนในฤดูแล้ง ข้อควรระวัง ในกรณีการปลูกโกโก้เป็นพืช
เชงิ เดย่ี ว ทไี่ มม่ พี ชื ใหร้ ม่ เงาในระยะเรมิ่ ปลกู ตน้ โกโกอ้ าจแสดง

67

ป ิรมาณผลผลิตเมล้ดโกโ ้กแห้งแต่ละสาย ัพนธุ์ (กก.) รปู ท่ี 1 ผลผลติ เมลด็ โกโกแ้ ห้งท้ัง 15 สายพนั ธุ์ เมือ่ อายุต่าง ๆ กัน 13

250
200
150
100
50

0

2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
ปี

Pa7 x Na32 Pa7 x Na33 Na33 x Pa7 Pa35 x Na32 Sca6 x Sca6
Local Variety I466 x Sca6 ICS60 x Sac6 UIT1 x Sca6 UIT2 x Sca6
UIT1 x Na32 UIT1 x Na33 Na33 x UTI1 UA13 x UIT1 Na33 x ICS60

ทม่ี า : ขอ้ มลู รายงานผลการวจิ ยั ของศนู ยว์ ิจัยพชื สวนชุมพร

สนับสนนุ ต้นพันธุ์โกโก้ 2. การผลติ ต้นกลา้ โกโก้ในศูนยว์ ิจยั 5 แห่ง ประกอบ
ด้วย ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี
สถาบันวิจยั พชื สวน กรมวิชาการเกษตร ไดต้ ระหนัก ศนู ยว์ จิ ยั พชื สวนศรสี ะเกษ ศนู ยว์ จิ ยั พชื สวนเลย และศนู ยว์ จิ ยั
ถึงการผลิตโกโก้เพื่อให้ทันต่อความต้องการของตลาดและ และพัฒนาการเกษตรจนั ทบุรี จ�ำนวน 30,000 ต้น/ปี โดย
มคี วามยงั่ ยนื เกษตรกรตอ้ งเรม่ิ ตน้ ดว้ ยการใชต้ น้ พนั ธด์ุ ี ปลกู ศูนย์วิจยั พืชสวนชุมพรจะส่งฝักโกโกใ้ ห้ศูนย์ดังกลา่ วไปเพาะ
ในพื้นท่ีเหมาะสม และมีแหล่งจ�ำหน่ายที่ชัดเจน ดังนั้น ตง้ั แต่เดือนพฤศจกิ ายน 2563
ในปีงบประมาณ 2564 สถาบันวิจัยพืชสวน จึงมอบให้
ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร ด�ำเนินการเพ่ิมการผลิตต้นกล้า 3 3. การเพ่ิมปริมาณการผลิตต้นพันธุ์โกโก้ลูกผสม
แนวทางดงั นี้ ชุมพร 1 โดยมีแผนการผลิตต้นพันธุ์ ในปี 2564 จ�ำนวน
100,000 ตน้ ซง่ึ คาดวา่ เมอ่ื สน้ิ สดุ ปี 2566 ผลติ ตน้ กลา้ พนั ธ์ุ
1. การสรา้ งแปลงพอ่ แมพ่ นั ธใ์ุ นการผลติ โกโกล้ กู ผสม โกโกล้ กู ผสมชมุ พร1 ได้ 570,000 ตน้ หรอื คดิ เปน็ พน้ื ทปี่ ลกู
ชุมพร1 ในศูนย์วิจัยเครือข่ายสถาบันวิจัยพืชสวน 5 แห่ง 3,197 ไร่
ทคี่ รอบคลุมทุกภาคของประเทศไทย ประกอบด้วย ศูนย์วจิ ยั
พชื สวนเชยี งราย ศนู ยว์ จิ ยั พชื สวนศรสี ะเกษ ศนู ยว์ จิ ยั พชื สวน
เลย ศนู ยว์ จิ ยั การเกษตรทส่ี งู เพชรบรู ณ์ และศนู ยว์ จิ ยั พชื สวน
ยะลา พนื้ ทจี่ �ำนวน 1 ไร/่ แหง่ เพอ่ื กระจายต้นพันธ์ุดีให้แก่
เกษตรกรในอนาคต

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร โทรศัพท์ 0-2579-0583,
0-2940-5484-5 และศูนย์วจิ ัยพชื สวนชมุ พร เลขท่ี 70 หมู่ 2 ต.วสิ ัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร 86130 โทรศพั ท์ 0-7755-6073

ขอบคุณภาพ : ปานหทยั นพชนิ วงค์, ปรดี า หมวดจันทร์ และ สนุ นั ท์ ฉายากุล ศูนยว์ จิ ัยพชื สวนชมุ พร กรมวชิ าการเกษตร

68

การเผยแพรอ่ งคค์ วามรดู้ า้ นเกษตรในรปู แบบ Application

“รู้จริงเรอื่ งพืชกบั กรมวชิ าการเกษตร” ผา่ น Smart box

สรุ พงษ์ ประสทิ ธิ์วัฒนเสรี

จากแนวโนม้ การเปลย่ี นแปลงทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต ไมว่ า่ จะเปน็ ดา้ นประชากรทเ่ี ปน็ ผสู้ งู อายเุ พมิ่ มากขน้ึ

ด้านสภาพแวดล้อมทีเ่ ปลย่ี นแปลงส่งผลกระทบตอ่ การใชช้ ีวิตและการปลูกพชื ด้านเทคโนโลยที ีพ่ ฒั นาอย่าง

รวดเรว็ มงุ่ เนน้ เทคโนโลยที เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั สขุ ภาพและชวี ติ ความเปน็ อยทู่ ดี่ ี เนน้ เทคโนโลยที เ่ี ปน็ มติ รตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม

เพิ่มมากขึ้น ท่ีส�ำคัญจากนโยบายของประเทศไทยท่ีต้องการยกระดับเป็นไทยแลนด์ 4.0 เน้นเศรษฐกิจที่

ขบั เคลอ่ื นดว้ ยนวัตกรรม สง่ ผลใหภ้ าคเกษตรตอ้ งมีการปรับเปลย่ี นการผลติ เพอ่ื ให้ทันตอ่ การเปล่ียนแปลง

ท่เี กิดขึ้น

กรมวชิ าการเกษตรเปน็ หนว่ ยงานทม่ี หี นา้ ทท่ี ำ� การวจิ ยั พฒั นารฐั บาลดจิ ทิ ลั (สพร.) ในการบรู ณาการการทำ� งานรว่ มกนั
และพัฒนาด้านพืช เคร่ืองจักรกลการเกษตรบนพื้นฐาน เพื่อน�ำองค์ความรู้ด้านพืชแบบครบวงจรเผยแพร่สู่เกษตรกร
การอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม ท�ำให้มีการ ในรปู แบบทเ่ี ขา้ ใจงา่ ย นา่ สนใจ และตรงตอ่ ความตอ้ งการของ
พฒั นางานวจิ ยั และพฒั นาดา้ นเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมใหม่ ๆ เกษตรกรและผู้ที่สนใจด้านการเกษตรผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล
เพอ่ื ชว่ ยพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย จำ� เปน็ ตอ้ งมกี าร โดยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้พัฒนา
เผยแพร่องค์องค์ความรู้ท่ีได้สู่เกษตรกรและผู้ที่สนใจ Application องคค์ วามรู้ “รจู้ รงิ เรอ่ื งพชื กบั กรมวชิ าการเกษตร”
ดา้ นการเกษตร เผยแพร่สู่เกษตรกรผ่านช่องทาง Smart box ซึ่งหน่วยงาน
ในสังกัดกรมวิชาการเกษตรจัดท�ำองค์ความรู้ด้านพืชและ
พัฒนา Application คดั เลอื กศนู ยเ์ รยี นรกู้ ารเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการผลติ สนิ คา้ เกษตร
(ศพก.) ท่ีมีความพร้อม ในขณะที่ สพร. สนับสนุนกล่อง
ปี พ.ศ. 2560 กรมวชิ าการเกษตรไดร้ ว่ มกบั สำ� นกั งาน Smart box สำ� หรับติดตั้งที่ ศพก.
รฐั บาลอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (สรอ.) ในสมยั นนั้ ปจั จบุ นั เปน็ สำ� นกั งาน

69

หลกั การท�ำงานของ Smart box และ Application “รจู้ ริงเร่อื งพชื กับกรมวิชาการเกษตร”

Smart box หรืออีกนัยหนึ่ง กล่องเชื่อมต่อกับทีวี
(Android box) เปน็ อปุ กรณส์ ำ� หรบั ใชต้ ดิ ตงั้ ในพนื้ ทส่ี าธารณะ
เพอ่ื เปน็ ชอ่ งทางเสรมิ ในการอำ� นวยความสะดวกใหก้ บั ประชาชน
ได้สามารถเข้าถึงข้อมลู ข่าวสาร และบริการตา่ ง ๆ ของรัฐ
ในรูปแบบบริการออนไลน์ (e-Services) และเพื่อเป็นการ
เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารข้อมูลของรัฐไปยังประชาชน
มีหลักการท�ำงานโดยเรียกข้อมูลผ่าน Application แล้ว
แสดงผลทางจอทีวี แอลซีดี

Application “รู้จริงเรื่องพืชกับกรมวิชาการเกษตร”
เปน็ application ทจี่ ดั ทำ� ขน้ึ โดยกรมวชิ าการเกษตร กระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ เพอ่ื เผยแพร่องคค์ วามรู้ดา้ นการผลติ พชื
ใหแ้ กเ่ กษตรกร โดยบรรจอุ งคค์ วามรดู้ า้ นการผลติ พชื ครอบคลมุ
9 หมวดหมู่ ได้แก่ พืช เทคโนโลยีการผลิตพืช การใส่ปุ๋ย
การใหน้ ำ�้ พชื ระบบการปลกู พชื การจดั การศตั รพู ชื เครอื่ งจกั ร
กลการเกษตร สารคดีก้าวไกลกับกรมวิชาการเกษตร และ
เตือนภยั เกษตร สามารถใช้งาน application ได้ผ่าน Smart
box โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต โดยกรมวิชาการเกษตร
ได้จัดท�ำองค์ความรู้ด้านการผลิตพืชในอยู่ในรูปมัลติมีเดีย

70

ท่ีมีภาพและเสียงบรรยาย เน้ือหาเข้าใจง่าย และเป็นเรื่อง
ท่ีน่าสนใจ เช่น การผลิตทุเรียนการผลิตข้าวโพดเล้ียงสัตว์
การผลิตมันส�ำปะหลัง การผลิตปาล์มน้�ำมันการผลิตเห็ด
เศรษฐกจิ การผลติ พชื อนิ ทรยี ์ การผลติ พชื ตามมาตรฐาน GAP
เป็นตน้

เผยแพรผ่ า่ น Smart box

ศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร กรมวชิ าการ
เกษตร ได้ด�ำเนินการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการผลิตพืช
ผ่าน Smart box โดยติดตัง้ Smart box ใหแ้ กศ่ นู ย์เรยี นรู้
การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการผลติ สนิ คา้ เกษตร (ศพก.) 882 แหง่
ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต
การบรหิ ารจดั การ และการตลาดแก่เกษตรกร รวมทงั้ การให้
บรกิ ารทางการเกษตร และเผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสารแกเ่ กษตรกร
ในพน้ื ทแ่ี ละเครอื ขา่ ย เรมิ่ ดำ� เนนิ การตดิ ตง้ั Smart box ตง้ั แต่
ปี 2559 น�ำรอ่ งจ�ำนวน 20 ศพก. ปัจจุบันติดต้ังใหก้ บั ศพก.
ได้รวมทง้ั สน้ิ จ�ำนวน 320 แห่ง

71

จากน้ันไดด้ �ำเนนิ การตดิ ตามการใชง้ าน Smart box ดว้ ยการสำ� รวจความพึงพอใจ พบวา่ ในปี 2561 มคี วามพึงพอใจ
ต่อการใชง้ าน Smart box ในระดบั มาก และมากทส่ี ุด รอ้ ยละ 49.50 และ 21.80 ตามล�ำดับ จากเกษตรกรผ้ตู อบแบบส�ำรวจ
จำ� นวน 275 ราย ในปี 2562 พบวา่ เกษตรกรรอ้ ยละ 72.80 และ 18.10 มคี วามพงึ พอใจตอ่ การใชง้ าน Smart box ในระดบั มาก
และมากทส่ี ดุ ตามลำ� ดบั จากเกษตรกรผู้ตอบแบบสำ� รวจ 382 ราย และในปี 2563 พบว่า เกษตรกรรอ้ ยละ 57.40 และ
33.80 มีความพงึ พอใจต่อการใช้งาน Smart box ในระดบั มาก และมากทีส่ ุด ตามล�ำดับ จากเกษตรกรผู้ตอบแบบส�ำรวจ
401 ราย

ดงั นน้ั จะเห็นวา่ การเผยแพร่ความรู้ดา้ นเกษตรสู่เกษตรกรและผู้ทส่ี นใจด้านการเกษตร ผา่ น Smart box จึงเปน็ การน�ำ
เทคโนโลยดี ิจทิ ลั มาชว่ ยเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการผลิตพืชและเครื่องจักรกลการเกษตร ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และสอดคล้องกบั นโยบายเศรษฐกิจดจิ ทิ ลั

นอกจากน้ยี ังไดพ้ ัฒนา Application ส�ำหรับโทรศัพท์เคลือ่ นทีห่ รอื Smart phone ในระบบ Android สามารถ
ค้นหาโดยใชค้ ำ� วา่ “รจู้ รงิ เรื่องพชื กับกรมวิชาการเกษตร” หรือ Plant for U บน Play Store เพอ่ื เพม่ิ ช่องทางให้เกษตรกร
และผทู้ ่สี นใจสามารถเข้าถึงองคค์ วามรู้ไดส้ ะดวกยิ่งขน้ึ

สำ�หรบั Smart phone สำ�หรับ Tablet

72

สมนุ ไพรริมรั้ว

กองบรรณาธิการ

การปลูกพืชผักสมุนไพร ส�ำหรับใช้ในครัวเรือน นอกจากจะปลูกในสวน ในแปลง ในกระถาง หรือใน
ภาชนะปลกู อนื่ ๆ แลว้ พชื ผกั สมนุ ไพรหลายชนดิ เราสามารถนำ� มาปลกู เปน็ รวั้ บา้ นได้ ซง่ึ นอกจากจะทำ� หนา้ ที่
เป็นรั้ว คือ เครื่องล้อมก้ันเป็นเขตของบ้านที่มีความสวยงามดูแปลกตา แตกต่างไปจากร้ัวบ้านชนิดอ่ืน ๆ
แล้ว รั้วสมนุ ไพรยังให้ใบ ให้หนอ่ ให้ผล ใหด้ อก ใหเ้ รานำ� ไปเป็นอาหารและยารกั ษาโรคไดอ้ กี ดว้ ย

โดยทัว่ ไปพืชผกั สมุนไพรที่ใชป้ ลูกเปน็ รวั้ กินได้ มกั ใช้ รวั้ ทปี่ ลกู โดยพชื สมนุ ไพรยนื ตน้ ใชพ้ ชื ยนื ตน้ ทใ่ี หห้ นอ่
พืชผักสมุนไพรท่ีปลูกง่าย ไม่ต้องการการดูแลรักษามากนัก ใบ ดอก และผลเป็นอาหารและยารกั ษาโรค โดยน�ำมาปลกู
ทนต่อโรคและแมลงได้ดี เพยี งแค่ใหน้ �้ำอยา่ งสมำ่� เสมอ เป็น เป็นแนวร้ัวตามท่ีเราต้องการ พืชเหล่านี้มีลักษณะล�ำต้น
ครั้งคราว ก็สามารถเจริญเติบโต และตัดแต่งเป็นรั้วบ้านได้ ตัง้ ตรง หรือ ทรงพ่มุ ยนื ต้นอยูไ่ ด้ด้วยตัวเอง สามารถตดั แต่ง
ตามทเ่ี ราตอ้ งการ ให้เปน็ ร้ัวมีขนาดกว้างและสงู ได้ตามต้องการ ได้แก่ กระถนิ
แคบ้าน ข้เี หล็ก ชะอม กะเพรา กระเจยี๊ บ มะรมุ เป็นต้น ซง่ึ
การปลกู พชื ผกั สมนุ ไพรเปน็ “รวั้ กนิ ได”้ มอี ยู่ 2 ประเภท จะยกตัวอยา่ งมาให้เป็นบางชนดิ เชน่
คอื

1. ร้ัวทปี่ ลูกโดยพืชสมนุ ไพรยืนต้น
2. ร้วั ท่ีปลูกโดยพชื สมนุ ไพรชนิดเลอ้ื ยเกาะ

73

มะรมุ 4. ไม่ควรรับประทานมะรุมติดต่อกันเป็นเวลานาน
เพราะจะสง่ ผลใหค้ า่ เอนไซม์ ในตบั สงู ขน้ึ ทำ� ใหเ้ กดิ ความผดิ ปกติ
มะรุม เก่ียวกบั ตับอาจสง่ ผลใหเ้ ปน็ โรคตับได้

เป็นพืชผักพืน้ บ้านของไทย มีประโยชน์มากมาย เปน็ 5. ผูป้ ่วยโรคเกาต์ไม่ควรรบั ประทาน เพราะจะทำ� ให้
ไมย้ ืนตน้ ท่ีโตเรว็ ทนแล้ง ปลูกงา่ ยในเขตรอ้ น มคี วามสูงถึง ไดร้ บั โปรตนี ทสี่ งู เกนิ ไปทำ� ใหเ้ กดิ อนั ตรายกบั โรคเกาตท์ เ่ี ปน็ อยู่
4 เมตร และออกดอกภายในปีแรกที่ปลูก ใบเปน็ ใบประกอบ
แบบขนนก ใบมีรสหวานมนั ออกดอกในฤดหู นาว ดอกสีขาว พืชสมุนไพรไทยทีม่ ีชอื่ วา่ มะรุม นอกจากสามารถนำ�
มรี สขม หวาน มนั เลก็ น้อย ผลเป็นฝกั ยาว มาประกอบอาหารได้อย่างหลากหลายเมนูแล้ว ยังมีรสชาติ
ที่อร่อย แถมยังให้ประโยชน์มากมายต่อร่างกาย จึงเป็นพืช
วิตามินและแรธ่ าตทุ ีส่ �ำคัญทมี่ อี ยใู่ นมะรมุ ผกั ทค่ี วรรบั ประทานอยา่ งยง่ิ และควรเลอื กรบั ประทานอยา่ ง
มะรุมมีแร่ธาตุและวิตามินท่ีส�ำคัญต่อร่างกายอย่าง เหมาะสมไมม่ ากเกนิ ไปจนใหเ้ กดิ โทษ มะรมุ จงึ เปน็ พชื ผกั ทม่ี ี
มากมาย คือ วิตามินซี ธาตุเหล็กที่มีอยู่ในมะรุมมีปริมาณ คุณค่าต่อร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม
ท่ีสูงมาก มีแคลเซียมและโพแทสเซียมอีกด้วย จึงถือว่าเป็น
พชื สมุนไพรทม่ี ีประโยชนม์ ากเลยทเี ดียว นอกจากนี้ กากของเมลด็ สามารถนำ� มาใชใ้ นการกรอง
มะรมุ ในทางการแพทยจ์ ะชว่ ยใชค้ วบคมุ ระดบั นำ�้ ตาล หรอื ท�ำนำ้� ใหบ้ ริสุทธิ์เป็นน�้ำดมื่ ได้ มีคุณสมบัตเิ ปน็ ยาฆ่าเชือ้
ในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ควบคุมภาวะความดันโลหิตสูง ทมี่ ปี ระสิทธิภาพสูงเป็นอย่างย่ิง และยงั สามารถน�ำมาทำ� ปุย๋
ชว่ ยเพม่ิ และเสรมิ สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ใหแ้ กร่ า่ งกายได้ ใบ ใชถ้ อนพษิ ต่อไดอ้ กี ดว้ ย
ไข้ แกเ้ ลอื ดออกตามไรฟนั แกอ้ กั เสบ แกแ้ ผล ฆา่ เชอ้ื แบคทเี รยี
ขบั ปสั สาวะ ปอ้ งกนั มะเรง็ ลดความดนั โลหติ ดอก ใช้แก้ไข้ กระถิน
หัวลม เป็นยาบำ� รุง ขบั ปัสสาวะ ขับนำ้� ตา ฆา่ เชื้อแบคทเี รีย
ปอ้ งกนั มะเรง็ เปลอื กลำ� ต้น รสร้อน สรรพคุณขับลมในลำ� ไส้ กระถนิ
ทำ� ใหผ้ ายลมหรอื เรอ คุมธาตุอ่อน ๆ แก้ลมอมั พาต ป้องกนั
มะเรง็ คมุ กำ� เนดิ เคี้ยวกินชว่ ยยอ่ ยอาหารได้ ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก ไม่ผลัดใบ สูงประมาณ
นอกจากประโยชน์ท่ีมากมายแล้วก็ต้องค�ำนึงถึงโทษ 3 – 10 เมตร เปลอื กล�ำต้นมสี เี ทา ใบคล้ายขนนกสองชน้ั
หรืออันตรายดว้ ย ดังนี้ เรยี งสลบั ดอกสีขาว โดยออกดอกเปน็ ช่อ และเมล็ดเปน็ มัน
1. ผู้ป่วยท่ีเป็นโรคตับ ควรหลีกเล่ียงการทานมะรุม มสี นี ำ�้ ตาลรปู ไข่แบนกวา้ ง กระถนิ ทนความแหง้ แลง้ ได้ดี และ
เพราะมะรุมจะสง่ ผลใหม้ คี า่ เอนไซมข์ องตบั สูงขึ้น เติบโตเร็ว ขยายพันธ์โุ ดยใช้เมล็ด
2. ผู้หญิงมีครรภ์ หากรับประทานมะรุมมากเกินไป
จะมสี ารบางอยา่ งสะสมในรา่ งกายจะทำ� ใหเ้ กดิ พษิ ทำ� ใหเ้ กดิ ส�ำหรับประโยชน์และสรรพคุณทางยาของกระถิน
อาการแทง้ ได้ มาจาก 2 สว่ นหลกั ๆ ไดแ้ ก่ ดอก ช่วยแกเ้ กลด็ กระด่ีขึน้ ตา
3. ผปู้ ว่ ยเปน็ โรคเลอื ดไมค่ วรรบั ประทานมะรมุ เพราะ และบ�ำรงุ ตับ ใหร้ สมนั และ ราก นบั ไดว้ ่าเป็นยาอายุวัฒนะ
จะทำ� ให้เม็ดเลือดแตกไดง้ า่ ย ช่วยในการขบั ลม ขบั ระดขู าว ให้รสจดื และเฝือ่ น อกี ท้งั ใบ
ใช้หมักเป็นปุ๋ย และเมล็ดอ่อน ใช้เป็นอาหารของวัว ควาย
แพะ แกะ ไก่ ฯลฯ ยอดออ่ นและฝกั ออ่ นใชก้ นิ เปน็ ผกั ได้ เมลด็
นำ� มาทำ� เปน็ เครอื่ งประดบั หลายชนดิ และปลกู เพอ่ื กนั ลมและ
บงั แดดใหแ้ กพ่ ืชอืน่ ๆ ได้

74

แคบา้ น กะเพราเป็นสมุนไพรชนิดหน่ึงท่ีมีสรรพคุณทางยา
ช่วยรกั ษาโรคได้ มีรสฉนุ รอ้ น ช่วยขบั ลม แก้ซาง แกท้ ้องข้นึ
แคบ้าน จกุ เสยี ดแน่นท้อง ปวดท้อง ชว่ ยในการยอ่ ยอาหาร และชว่ ย
บำ� รุงธาตุ เปน็ ตน้
เป็นไม้ยืนต้น สูง 5 - 10 เมตร ใบประกอบแบบ
ขนนกช้นั เดยี ว เรียงสลับ ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบใกลป้ ลาย กะเพรามอี ยู่ 2 ชนดิ คอื กะเพราแดง และ กะเพราขาว
กิง่ ดอกมีขนาดใหญ่ ยาว 8 – 10 เซนตเิ มตร มี 2 ชนดิ คอื โดยกะเพราแดงจะมฤี ทธิ์ที่แรงกว่ากะเพราขาว ในสรรพคณุ
ดอกสีขาว และดอกสแี ดง ผลเป็นฝกั ยาว ขยายพันธโุ์ ดยการ ทางยาจึงนิยมใช้กะเพราแดง โดยส่วนท่ีน�ำมาใช้ท�ำเป็นยา
เพาะเมล็ด มีสรรพคณุ ชว่ ยแกไ้ ข้หวั ลม แกร้ อ้ นใน ดว้ ยการ สมุนไพร ไดแ้ ก่ สว่ นของใบ ยอดกะเพรา (ทัง้ สดและแห้ง)
ใชด้ อกหรอื ใบนำ� มาตม้ กบั นำ�้ รบั ประทาน ใชย้ อดแคออ่ น ดอก และทงั้ ตน้ แตถ่ า้ นำ� มาใชป้ ระกอบอาหารจะนยิ มใชก้ ะเพราขาว
แคไม่แกะไส้ แกง หรือลวกเป็นผักจ้ิม สรรพคุณทางยา เป็นหลัก
ใช้เปลือกต้นปิ้งไฟ ต้มกับน�้ำ หรือน้�ำปูนใส 10 ส่วน
รบั ประทาน 1 - 2 ชอ้ นโตะ๊ แกท้ อ้ งเดนิ ใชเ้ ปลอื กแค 2 - 3 ชน้ิ กะเพราขาว
ขนาดเท่าฝ่ามอื ตม้ กับน้ำ� เดอื ดประมาณ 15 นาที โดยใชน้ ำ�้
2 - 3 ขัน ใช้หมอ้ ดินตม้ ด่ืมยาขณะยงั อุ่นอยู่ กนิ 1 - 2 แก้ว
วนั ละ 3 เวลา แกบ้ ิด แก้ทอ้ งเสีย ใชใ้ บสดตำ� ให้ละเอียดพอก
บริเวณท่ีเปน็ แกฟ้ กช้ำ�

กะเพราแดง กะเพราขาว
ลกั ษณะกิง่ ก้าน ใบ และช่อดอก สีเขยี ว นยิ มใช้ใน
กะเพรา การประกอบอาหาร ส่วนใหญ่ในท้องตลาดจะเป็นกะเพรา
เกษตรทใ่ี บใหญ่ โตเร็ว ใบเยอะ กลิ่นไม่ฉนุ ส่วนกะเพราบ้าน
ไมล้ ้มลุก สูงประมาณ 30 - 60 เซนตเิ มตร โคนตน้ หรือกะเพราป่าใบจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่ขนาดเล็กและ
ออกแข็ง กะเพราแดงจะมีล�ำต้นสีแดงอมเขียว กะเพราขาว มีกลิน่ ฉนุ กว่า
มลี ำ� ตน้ สเี ขยี วอมขาว และยอดออ่ นมขี นสขี าว ใบเดย่ี วสเี ขยี ว กะเพราแดง
รูปรีออกตรงข้ามกัน ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบแหลม ลกั ษณะกง่ิ กา้ น ใบ และชอ่ ดอกสมี ว่ งแดง มสี รรพคณุ
ขอบใบเปน็ จกั ฟนั เลอื่ ยและเปน็ คลน่ื แผน่ ใบมขี นสขี าว มดี อก ทางยาออกฤทธิ์แรง กล่ินหอมและเผ็ดร้อนกว่ากะเพราขาว
เปน็ ช่อทปี่ ลายยอด นยิ มน�ำมาใชท้ �ำยาสมนุ ไพร เช่น แกอ้ าการจุกเสียดแนน่ ท้อง
บำ� รงุ ธาตไุ ฟ เปน็ ตน้
นอกจากกะเพรา จะนยิ มนำ� มาใชท้ ำ� อาหารจนถกู ปาก
ถกู ใจใครหลายคนแล้ว ยังมปี ระโยชน์อืน่ ๆ อีก เชน่ นำ� ใบ

75

สดหรอื กงิ่ สดมาขย้ี ใชไ้ ลย่ ุงและแมลง ใชใ้ บกะเพราต�ำผสม
กับเหล้าขาว ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย น้�ำมันสกัด
จากใบสด ชว่ ยล่อแมลงวันทองบินให้มาติดกับดัก

หากต้องการเก็บรักษากะเพราที่ซื้อมาไว้รับประทาน
ไดน้ าน ๆ ใหล้ า้ งนำ�้ ใหส้ ะอาด ผงึ่ ใหแ้ หง้ แลว้ เดด็ ใบเกบ็ ใสถ่ งุ
หรือภาชนะที่มีฝาปิดไว้ในตู้เย็น จะสามารถยืดอายุไม่ให้
เห่ียวเฉาได้

กระเจย๊ี บแดง กระชาย

มีสรรพคณุ ทางยามากมาย เช่น รกั ษาอาการทอ้ งร่วง
ทอ้ งเสยี โรครดิ สีดวงทวาร ชว่ ยบำ� รงุ กำ� ลัง เป็นยาอายุวฒั นะ
ช่วยบ�ำรุงหัวใจ ไล่แมลง จนได้ชื่อในวงการแพทย์แผนไทย
วา่ เปน็ “โสมไทย” เนอื่ งจากกระชายกบั โสมมคี วามคลา้ ยคลงึ
กันหลายอย่าง เช่น สรรพคุณในการบ�ำรุงก�ำลังและเสริม
สมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น

กระเจ๊ยี บแดง

ไม้พุ่มมีความสูงประมาณ 50 - 180 เซนติเมตร
มอี ยหู่ ลายสายพนั ธ์ุ ลำ� ตน้ และกงิ่ กา้ นมสี มี ว่ งแดง ขยายพนั ธ์ุ
ด้วยวิธีการใชเ้ มล็ด ใบเปน็ ใบเดีย่ ว ลกั ษณะคลา้ ยรปู ฝ่ามือ 3
แฉก หรอื 5 แฉก ใบเว้าลึกหรือเรียบ หรอื ใบเปน็ รปู รแี หลม
หรอื รูปเรยี วแหลม ขอบใบมจี ักเปน็ ฟันเล่ือย

มีสรรพคุณท�ำให้สดช่ืน ขับปัสสาวะ ขับน�้ำดี ลดไข้
แก้ไอ แก้น่ิว แกก้ ระหายน�้ำ บ�ำรุงธาตุ ตำ� พอกฝี ใชน้ ้ำ� ต้ม
สีแดงฆา่ เชื้อลา้ งแผล ลูบไลใ้ บหนา้ ขจัดฝา้ และริ้วรอยตา่ ง ๆ
ลดไขมันในเลือด บำ� รงุ เลือด บำ� รุงธาตุ เปน็ ยาระบาย และ
นำ�้ กระเจยี๊ บมวี ติ ามนิ ซสี งู ชว่ ยแกอ้ าการเลอื ดออกตามไรฟนั
อกี ท้ังชว่ ยรักษาอาการตอ่ มลูกหมากโตอกี ดว้ ย

กระชาย ฟ้าทะลายโจร

ต้นกระชาย จัดเป็นไม้ล้มลกุ มเี หง้าส้นั แตกหน่อได้ ฟา้ ทะลายโจร
มรี ากอวบ เปน็ รปู ทรงกระบอกหรอื รปู ทรงไขค่ อ่ นขา้ งยาว ผวิ
มสี ีน�้ำตาลอ่อน สว่ นเนอื้ ในมสี เี หลืองและมีกลน่ิ หอมเฉพาะ ตน้ ฟา้ ทะลายโจร จดั เปน็ พชื ลม้ ลกุ ทม่ี คี วามสงู ประมาณ
ตัว มกั พบขึน้ ในปา่ ดิบรอ้ นช้ืน 30 - 70 เซนตเิ มตร ลำ� ต้นเปน็ ส่ีเหลี่ยม แตกกงิ่ มาก ทุกสว่ น
ของตน้ มรี สขม ก่ิงเปน็ ใบสีเหล่ยี ม
กระชาย มอี ยดู่ ว้ ยกนั 3 ชนดิ คอื กระชายดำ� กระชาย
แดง และกระชายเหลือง ทีเ่ ป็นทีน่ ยิ มสามารถน�ำมาปรงุ เปน็ ฟ้าทะลายโจรมีสรรพคุณหลายประการ เช่น แก้ไข้
อาหารได้ เช่น แกงปา่ หรอื ผดั ต่าง ๆ โดยสว่ นท่นี ิยมนำ� มา หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ ระงับอาการอักเสบ ไอ เจ็บคอ คอ
ใชป้ ระกอบอาหารกนั มากทสี่ ดุ คอื รากสะสมอาหาร หรอื นม อกั เสบ ตอ่ มทอนซลิ หลอดลมอกั เสบ ขบั เสมหะ รักษาโรค
กระชาย ซึ่งจะมกี ลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีคณุ สมบัตใิ นการ ผวิ หนงั ฝี แก้ตดิ เชอื้ สาเหตุทำ� ให้ปวดทอ้ ง ท้องเสีย บิด และ
ชว่ ยดับกลนิ่ คาวของเนอ้ื สัตว์เนื้อปลาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี แก้กระเพาะลำ� ไสอ้ ักเสบ เป็นยาขมเจรญิ อาหาร เป็นต้น

76

โดยวิธีใช้ฟ้าทะลายโจรนั้น สามารถใช้ท�ำเป็นยาชง
ดว้ ยการใชใ้ บสดหรือใบแหง้ หรือทำ� เป็นยาลูกกลอน ทำ� เปน็
ยาผงส�ำหรับใช้สูดดม โดยผงยาจะติดท่ีคอช่วยท�ำให้ยา
ออกฤทธ์ิที่ลำ� คอโดยตรง จงึ ชว่ ยลดเสมหะ แกอ้ าการเจบ็ คอ
ช่วยลดน�้ำมูก และช่วยฆ่าเช้ือในจมูกได้เป็นอย่างดี และท�ำ
เป็นยาดองเหล้า หรือท�ำเป็นยาทิงเจอร์ ด้วยการใช้ผงแห้ง
ทีไ่ ด้นำ� มาแช่กบั สรุ าโรง 40 ดีกรี เปน็ ต้น

ร้ัวท่ีปลูกโดยพืชสมุนไพรชนิดเล้ือยเกาะ ใช้พืชผัก ผลต�ำ ลึง
สมุนไพรท่ีมีล�ำต้นเป็นเถาเล้ือยพัน ยึดเกาะกับแนวหรือ
โครงร้วั ที่สร้างดว้ ยวัสดุต่าง ๆ เชน่ รว้ั เหล็กดัด ร้วั ลวดหนาม ปลกู ง่าย เห็นกันบ่อย ๆ ตามรมิ รัว้ มกั ข้ึนแซมกบั ตน้ ไม้อื่น
ร้ัวขดั แตะ ร้วั ไมร้ วก ร้ัวไม้ไผ่ ฯลฯ พืชสมนุ ไพรที่นำ� มาปลูก จนบางครั้งดูเหมือนไร้ค่า แต่ถ้าเราลองจัดให้อยู่อย่างเป็น
เลื้อยเกาะร้ัวนีม้ กั เปน็ พืชลม้ ลุก ซ่ึงจะใหใ้ บ ยอดอ่อน ดอก ระเบียบ เช่ือว่าสามารถปลูกต�ำลึงเพ่ือการตกแต่งสวนหรือ
และผล เปน็ อาหาร ได้แก่ ขจร ต�ำลึง ผกั ปลัง บัวบก อัญชนั เกบ็ ไวร้ บั ประทานและเปน็ ยาได้
เปน็ ตน้ ในทน่ี จ้ี ะขอกลา่ วถึงบางชนดิ พอเป็นตวั อย่างเชน่
รากและใบ มีฤทธ์ิช่วยลดน�้ำตาลในเลือด ช่วยย่อย
ใบตำ�ลงึ อาหารจำ� พวกแป้ง ใชภ้ ายนอกเป็นยาแก้พษิ แกค้ ันเนอ่ื งจาก
แมลงสัตว์กัดต่อยหรือถกู พชื พษิ ดับพิษร้อน แกไ้ ข้
ต�ำลึง
เมลด็ โขลกผสมน�้ำมันมะพร้าว ใชท้ าแก้หิด
ต้นต�ำลึงจัดเป็นไม้เล้ือย โคนใบมีลักษณะเหมือนรูป ท้ังต้น ลดน�้ำตาลในเลือด อาจน�ำมาใช้เป็นยาแก้
หวั ใจ มมี อื เกาะทย่ี นื่ ออกมาจากทขี่ อ้ ดอกมที งั้ ดอกเดยี่ วและ โรคเบาหวาน และโรคผวิ หนงั
ดอกคู่ กลีบดอกมีสีขาว และดอกมีลกั ษณะคลา้ ยรปู ระฆงั ผล แกเ้ บาหวาน
ใบ หากกินสดหรือไม่ใชค้ วามรอ้ นสงู ช่วยย่อยอาหาร
ประโยชนท์ างยาของตำ� ลงึ มมี ากมาย ใบตำ� ลงึ ใชแ้ กค้ นั จ�ำพวกแป้ง น�้ำค้ันจากใบช่วยในการแก้อาการแพ้และคัน
แมลงกัดต่อย โดยเอาใบต�ำลึงสด 1 ก�ำมือ ล้างให้สะอาด ลดอาการปวดแสบปวดร้อน ทาซ้�ำบ่อย ๆ จนกว่าจะหาย
ตำ� ละเอียดแลว้ ผสมน้�ำเลก็ น้อย คน้ั เอาน�ำ้ ตำ� ลงึ ข้น ๆ มาทา ตม้ ดม่ื เพอ่ื ดบั พษิ ไข้ แกต้ วั รอ้ น วติ ามนิ เอจากตำ� ลงึ มสี ารตา้ น
บริเวณที่คัน ทาซ�้ำบ่อย ๆ อีกท้ังใช้ลดน้�ำตาลในเลือดได้ อนมุ ลู อสิ ระสงู
อีกด้วย หัว ตม้ ดมื่ ลดไข้ แกอ้ าเจยี น
ดอก นำ� มาต�ำแล้วพอกทแ่ี ผลหรอื นำ� มาทาแก้คนั
นอกจากน้ียัง ช่วยก�ำจดั กล่นิ ตัว ด้วยการใช้ต้นต�ำลงึ น�้ำยางจากทุกส่วน แก้โรคเบาหวาน
(ท้งั เถาและใบ) น�ำมาต�ำผสมกบั ปูนแดงแล้วทาบรเิ วณรักแร้ ต�ำลึงจะมีต้นเพศผู้และต้นเพศเมีย มีวิธีสังเกตดังน้ี
และนยิ มใชย้ อดและใบกนิ เปน็ ผักสด อาจจะลวกหรือตม้ จิ้ม ใบของตน้ เพศผ้นู ้นั จะหยักเว้ามากกว่าตน้ เพศเมีย ส่วนใหญ่
กินกับน�้ำพริก และใช้ในการประกอบอาหารได้หลายอย่าง มกั ใชท้ ำ� ยามากกวา่ เชน่ ใชใ้ บสด 2 กำ� มอื ตำ� ใหล้ ะเอยี ด ผสม
ผลอ่อนของต�ำลึงสามารถกินผลสดหรือน�ำมาดองกินกับ ดินสอพอง 1 ตอ่ 4 สว่ น ทาแก้เริมและงสู วัด สว่ นใบของตน้
น้�ำพรกิ ส่วนผลสกุ มรี สอมหวานรับประทานได้ เพศเมยี จะเว้านอ้ ยกวา่ มักนำ� ไปประกอบอาหาร เชน่ ใบสด
ลา้ งใหส้ ะอาดนำ� ไปจมิ้ น้�ำพรกิ หรอื ท�ำแกงจืดเปน็ ท้ังอาหาร
ต�ำลึง ไม้เล้ือยของไทยที่ทรงคุณค่าทางอาหารและ และยาในคราวเดียวกัน
ยา เพราะถือว่าเป็นสมุนไพรไทยอย่างหนึ่ง เป็นไม้เลื้อยที่
ใบบัวบก

เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี เลื้อยแผ่ไปตามพื้นดิน
ชอบที่ช้ืนแฉะ แตกรากฝอยตามข้อ ไหลที่แผ่ไปจะงอกใบ
จากข้อ ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไต ขอบใบหยัก ก้านใบยาว
ดอกชอ่ ออกทซ่ี อกใบ ขนาดเลก็ 2 - 3 ดอก ดอกสมี ว่ งเป็น
ดอกชอ่ คล้ายรม่ ออกจากข้อ

77

การไหลเวยี นของโลหติ ทำ� ใหเ้ ลอื ดไปเล้ียงส่วนตา่ ง ๆ ได้ดี
มากขึ้น เช่น ไปเล้ียงบริเวณรากผม ซึ่งช่วยท�ำให้ผมดกด�ำ
เงางาม หรอื ไปเลย้ี งบรเิ วณดวงตาจงึ ชว่ ยบ�ำรงุ สายตาไปดว้ ย
ในตวั หรือไปเล้ยี งบริเวณปลายนิ้วมือ ซง่ึ กจ็ ะชว่ ยแกอ้ าการ
เหนบ็ ชาไดด้ ว้ ย อกี ทง้ั ชว่ ยลดความเสย่ี งของการเกดิ เสน้ เลอื ด
อุดตันได้ และเนื่องจากดอกอัญชันน้ันมีฤทธ์ิในการละลาย
ล่ิมเลือด ส�ำหรับผู้มีเลือดจางห้ามรับประทานดอกอัญชัน
เด็ดขาด หรืออาหารเคร่ืองดื่มที่ย้อมสีด้วยอัญชันก็ไม่ควร
รบั ประทานบอ่ ย ๆ

ใบบัวบก

เมือ่ นึกถึงสรรพคุณของใบบัวบก คงหนไี มพ่ น้ ช่วยแก้
อาการชำ�้ ใน แตค่ วามจรงิ แลว้ ใบบวั บกนน้ั มสี รรพคณุ มากมาย
อาทเิ ชน่ รักษาโรคลมชัก โรคผวิ หนัง ทอ้ งเสีย ท้องอืด แผล
ในกระเพาะอาหาร มีฤทธ์ิกล่อมประสาท ช่วยบ�ำรุงสมอง
เพ่มิ ความจำ� ชว่ ยลดความออ่ นล้าของสมอง

นอกจากน้ใี บบวั บกเหมาะส�ำหรบั คนทีข่ ร้ี อ้ น มภี าวะ
แกร่งหรือมีความร้อนช้ืน เพราะเป็นสมุนไพรท่ีมีฤทธ์ิเป็น
ยาเย็น

ดอกขจร

อญั ชนั ดอกขจร

อัญชนั เป็นเถาเหนียวและแข็ง มอี ายหุ ลายปี เถาออ่ นสีเขียว
อมเหลือง เถาแก่สีเทาหรือน�้ำตาล ใบรูปหัวใจ ใบบางและ
อญั ชันเปน็ ไมเ้ ลอ้ื ยเนอื้ ออ่ น อายุสั้น ใช้ยอดเลอื้ ยพนั อ่อนสีเขียวเข้มเป็นมัน ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบมีสีเขียว
ล�ำตน้ มีขนปกคลมุ ดอกสขี าว ฟา้ และม่วง ดอกออกเดย่ี ว ๆ อมเหลือง โคนดอกรูปถ้วย ปลายแยกจากกันเป็น 5 กลีบ
รูปทรงคล้ายฝาหอยเชลล์ ปลายเว้าเป็นแอ่ง ตรงกลางมี เมื่อดอกบานมีขนาด 1 เซนติเมตร มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
สเี หลอื ง ออกดอกเกอื บตลอดปี ผลเป็นฝัก เมื่อแก่จะแตก เมล็ดมีปุยหุ้ม เบาและปลิวไป
ตามลม ขยายพนั ธุโ์ ดยเมล็ดหรือตดั ชำ� เถาที่แก่ ใชด้ นิ ทบั ไว้
มีสรรพคุณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะมีสาร จนออกรากตามขอ้ สรรพคณุ ดอกสามารถนำ� มาทำ� อาหาร
ที่ชื่อว่า “แอนโทไซยานิน” (Anthocyanin) ช่วยกระตุ้น ได้ ยอดอ่อนและผลอ่อนก็สามารถน�ำมาท�ำอาหารได้ด้วย
โดยถือว่าเป็นอาหารท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการสูงโดยเฉพาะ
วติ ามนิ เอ

ขอบคณุ ขอ้ มูลและภาพ : https://medthai.com/

78

การปนเป้ือนของคลอรไ์ พริฟอส

ในผักและผลไม้น�ำเขา้ จากสาธารณรัฐประชาชนจนี

ลภัสรดา อักษรเนียม

คลอร์ไพรฟิ อส (chlorpyrifos) เป็นสารเคมีก�ำจัดแมลงศัตรพู ืช ในกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต ใช้กำ� จดั
แมลงศัตรูพืชได้หลากหลายท้ังแมลงปากดูด แมลงปากกัด มีคุณสมบัติทั้งสัมผัสหรือถูกตัวตาย กินตาย
การซมึ ผา่ นใบ และเปน็ ไอระเหย มกี ารใชป้ ระโยชนท์ งั้ การพน่ สารทางใบ การใชก้ ารพน่ หรอื ราดลงดนิ รองกน้ หลมุ
การฉีดเข้าต้นตามรูเจาะของแมลง หรือใช้สำ� หรับรักษาเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อป้องกันแมลงศัตรูในโรงเก็บ เช่น
การคลุกเมลด็ พันธ์ุ และชุบกระสอบ การออกฤทธ์เิ ม่ือได้รับการสมั ผสั กนิ หรือรบั ไอสาร โดยจะยบั ย้งั การ
ท�ำงานของเอนไซม์อะเซทลิ โคลีนเอสเทอเรส ในระบบประสาท ทำ� ให้เกดิ อาการชกั และเปน็ อัมพาตได้

ปจั จบุ นั “คลอรไ์ พรฟิ อส” คณะกรรมการวตั ถอุ นั ตราย หมายเลข 5 วธิ กี ารตรวจวเิ คราะหท์ างวชิ าการสารพษิ ตกคา้ ง
ได้มีมติห้ามใช้ในประเทศแล้ว และได้มีประกาศกระทรวง ในอาหารทีเ่ กิดจากการใชว้ ัตถอุ นั ตรายทางการเกษตร แนบ
อตุ สาหกรรม เร่ืองบญั ชรี ายชื่อวัตถอุ ันตราย (ฉบบั ท่ี 6) พ.ศ. ท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขท่ี 387 พ.ศ. 2560
2563 ซึ่งก�ำหนดให้ “พาราควอต” และ “คลอร์ไพริฟอส” เร่ือง อาหารท่ีมีสารพิษตกค้าง ได้แบ่งชนิดอาหาร 3 กลุ่ม
เปน็ วตั ถอุ นั ตรายชนดิ ท่ี 4 หา้ มมใิ หม้ กี ารผลติ นำ� เขา้ สง่ ออก ไดแ้ ก่
หรือมีไว้ในครอบครอง มผี ลบังคบั ใช้ต้งั แต่วนั ท่ี 1 มถิ ุนายน
2563 เป็นต้นไป 1. กลุ่ม “ผักสด ผลไมส้ ด และพืชอืน่ ๆ” ก�ำหนดคา่
LOD ของคลอรไ์ พรฟิ อส คลอรไ์ พรฟิ อส-เมทลิ 0.005 มลิ ลกิ รมั
นอกจากนค้ี ณะกรรมการอาหารไดเ้ หน็ ชอบรา่ งกฎหมาย ตอ่ กโิ ลกรัม
เรอื่ ง อาหารทม่ี สี ารพษิ ตกคา้ ง หลงั ทบทวนและประชมุ หารอื
กบั ทกุ ภาคสว่ น ทงั้ ภาครฐั ภาคประชาชน เอกชน และเครอื ขา่ ย 2. กลมุ่ “เนอ้ื สตั ว์ นม ไข”่ กำ� หนดคา่ LOD ของคลอร-์
ห้องปฏิบัติการ เห็นชอบร่วมกัน ใช้ “ค่าต่�ำสุดที่ห้องปฏิบัติ ไพรฟิ อส คลอร์ไพรฟิ อส-เมทิล 0.005 มิลลิกรัมตอ่ กิโลกรัม
การสามารถตรวจสอบได”้ หรอื “LOD” (Limit of Detection)
ยึดหลักการส�ำคัญ เน้นการคุ้มครองความปลอดภัยสุขภาพ 3. กลมุ่ “ธัญพืชและถว่ั เมลด็ แห้ง” ก�ำหนดค่า LOD
ของผู้บริโภค และความเท่าเทียมระหว่างผู้ผลิตและผู้น�ำเข้า ของคลอรไ์ พรฟิ อส และคลอรไ์ พรฟิ อส-เมทลิ 0.01 มลิ ลกิ รมั
อาหารตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ก�ำหนดให้คลอร์- ตอ่ กิโลกรมั
ไพรฟิ อส (chlorpyrifos) คลอรไ์ พรฟิ อส-เมทลิ (chlorpyrifos-
methyl) เป็นวัตถอุ ันตรายชนิดที่ 4 ลำ� ดบั ท่ี 83 - 84 ใชบ้ ญั ชี ซ่ึงจะมผี ลบงั คบั ใช้ 1 มถิ ุนายน 2564 แต่ในระหวา่ ง
นจี้ นถงึ มถิ นุ ายน 2564 ยงั อนญุ าตใหน้ ำ� เขา้ อาหารจากประเทศ
ท่ีใช้คลอร์ไพริฟอส แต่ผลตกค้างต้องไม่เกินค่า MRLs
(Maximum Residue Limits) ของโคเดก็ ซ์ (CODEX)

79

บทบาทหน่วยงานท่รี บั ผดิ ชอบ ปัจจุบันห้องปฏิบัติการงานวิเคราะห์สารพิษตกค้าง
ดา่ นตรวจพืชเชยี งแสน สามารถตรวจสารเคมีได้ทง้ั หมด 32
ด่านตรวจพืชเชียงแสน อยู่ภายใต้สังกัดของส�ำนัก ชนดิ ใน 3 กลมุ่ คอื กลมุ่ ออรก์ าโนคลอรนี (Organochlorine)
ควบคุมพืชและวสั ดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร มภี ารกจิ กลมุ่ ออรก์ าโนฟอสเฟต (Organophosphate) และกลมุ่ ไพร-ี
และหน้าที่ความรับผิดชอบหลักในการควบคุมก�ำกับดูแล ทรอยด์ (Pyrethroids) การตรวจวเิ คราะหส์ ารพษิ ตกคา้ งใน
การเคล่ือนย้ายพืช ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยพระราช สนิ คา้ เกษตรใช้วธิ กี าร QuEChERS (Quick, Easy, Cheap,
บัญญัติกกั พชื พ.ศ. 2507 และท่แี ก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี 3) Effective, Rugged and Safe) เปน็ วธิ ตี รวจวเิ คราะหส์ ารพษิ
พ.ศ. 2551 และกฎหมายอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากน้ี ตกค้างท่ีง่าย รวดเร็ว ใช้สารเคมี และเคร่ืองมือไม่ยุ่งยาก
ด่านตรวจพืชเชียงแสนยังได้รับมอบหมายภารกิจจากกรม ซบั ซอ้ น สามารถตรวจวเิ คราะหส์ ารแบบรวม (Multi-Residue
วชิ าการเกษตรใหเ้ ปน็ หนว่ ยงานหลกั ในการตรวจสอบสารพษิ Method) ซง่ึ สามารถตรวจวเิ คราะหส์ ารพษิ ตกคา้ งไดห้ ลายชนดิ
ตกคา้ งในสนิ คา้ เกษตรนำ� เขา้ จากตา่ งประเทศ ทผี่ า่ นดา่ นตรวจ ในการตรวจวิเคราะห์เพียงคร้ังเดียวได้ โดยใช้เครื่องแก๊ส
พืชเชียงของ ด่านตรวจพืชเชียงแสน ด่านตรวจพืชแม่สาย โครมาโทกราฟ (Gas Chromatograph, GC) ทม่ี ตี วั ตรวจวดั
ด่านตรวจพชื แมส่ อด และด่านตรวจพืชแม่ฮ่องสอน โดยน�ำ ซงึ่ มคี วามจ�ำเพาะเจาะจงสูง คอื สารกล่มุ ออรก์ าโนคลอรีน
ขอ้ มูลท่ีไดม้ าใชเ้ ป็นข้อมูลเชงิ วชิ าการ และนำ� มากำ� หนดเป็น และกลุ่มไพรีทรอยด์ ใช้ตัวตรวจวัดชนิด µECD (Micro
เงอื่ นไขในการนำ� เขา้ ตลอดจนใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ในการเจรจาตอ่ รอง Electron Capture Detector) สว่ นกล่มุ ออร์กาโนฟอสเฟต
ทางการคา้ รว่ มกบั นโยบายการลดการปนเปอ้ื นของสารปอ้ งกนั ใชต้ วั ตรวจวดั ชนิด FPD (Flame Photometric Detector)
ก�ำจดั ศตั รพู ชื ท่ีมคี วามเส่ียงสงู

ตรวจสอบการปนเป้อื น เป็นหลัก โดยในปงี บประมาณ 2563 ผักทม่ี ีการนำ� เข้าจาก
สาธารณรฐั ประชาชนจนี ผา่ นดา่ นตรวจพชื เชยี งของ มปี รมิ าณ
งานวิเคราะห์สารพิษตกค้าง ด่านตรวจพืชเชียงแสน 208,343.15 ตัน มลู คา่ 3,525.56 ลา้ นบาท และผลไม้
ด�ำเนินการตรวจสอบสารพิษตกค้างในผักและผลไม้สดจาก ปรมิ าณ 195,946.82 ตัน มลู ค่า 4,497.58 ลา้ นบาท ซึ่ง
ดา่ นตรวจพชื เชยี งของ ซง่ึ นำ� เขา้ จากสาธารณรฐั ประชาชนจนี

80

งานวเิ คราะหส์ ารพษิ ตกคา้ ง ดา่ นตรวจพชื เชยี งแสน ไดเ้ ขา้ ไป คะน้า ผักกาดหวาน บรอกโคลี กะหล�่ำปลีม่วง เซเลอร์รี
สมุ่ ตวั อยา่ งผกั และผลไมส้ ดทนี่ ำ� เขา้ ผา่ นดา่ นตรวจพชื เชยี งของ ผกั กาดกวางต้งุ สม้ นาเวล กะหล�ำ่ ดอก และพาสเล่ย์
จำ� นวน 627 ตัวอยา่ ง จาก 55 ชนดิ พชื ตรวจพบสารพษิ
ตกคา้ ง จ�ำนวน 285 ตวั อยา่ ง คดิ เปน็ รอ้ ยละ 45.45 โดย ซง่ึ เมอ่ื เปรยี บเทยี บขอ้ มลู 3 ปยี อ้ นหลงั (ปงี บประมาณ
ตรวจพบ คลอรไ์ พรฟิ อส 92 ตวั อยา่ ง ปรมิ าณ 0.010 - 6.18 2561 - 2563) ท่มี กี ารตรวจสอบสารพิษตกค้างในผกั และ
มลิ ลิกรมั ตอ่ กิโลกรัม ตรวจพบใน 25 ชนิดพชื ดังนี้ ข้นึ ฉา่ ย ผลไม้สดน�ำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนผ่านด่านตรวจ
ปวยเล้ง สม้ แมนดารนิ ผักกาดฮ่องเต้ พทุ รา สาลี่ พรกิ ผักชี พืชเชียงของ พบว่า ผักที่มีการตรวจพบคลอร์ไพริฟอส
ทบั ทมิ ทอ้ แอปเปลิ เลมอ่ น มะเขอื เทศ องนุ่ พลบั เนคทารนี บอ่ ยครัง้ ได้แก่ ปวยเล้ง ผกั ชี ข้นึ ฉ่าย ผักกาดฮ่องเต้ และ
พริก ส่วนผลไม้สดท่ีมีการตรวจพบบ่อยครั้งนั้น ได้แก่

ส้มแมนดาริน พุทรา องุน่ สาลี่ และพลับ
จากข้อมูลผลการวิเคราะห์พบว่าการตรวจ
พบคลอรไ์ พรฟิ อสอยใู่ นชว่ งรอ้ ยละ 14.15 -
15.41 จากตัวอย่างท้ังหมด ซ่ึงหากดูจาก
แนวโน้มการตรวจพบคลอร์ไพริฟอสแล้ว
พบว่ามีแนวโน้มสูงข้ึนทุกปี แม้ว่าในปี
งบประมาณ 2563 ท่ีมกี ารสุ่มเกบ็ ตัวอยา่ ง
น้อยลงประมาณ 50% จากงบประมาณ
ปี 2561 - 2562 แต่ร้อยละการตรวจพบ
อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่แตกต่างจากการสุ่มเก็บ
ตัวอยา่ งในปงี บประมาณกอ่ นหน้า

81

ตารางแสดงการตรวจสอบการปนเปอื้ นของคลอรไ์ พริฟอสในผักและผลไมส้ ดที่นำ� เขา้ จากสาธารณรฐั ประชาชนจีนผา่ น
ดา่ นตรวจพชื เชียงของประจ�ำปงี บประมาณ 2561 - 2563

จำ� นวน จ�ำนวน คลอร์ไพริฟอส
ตวั อยา่ ง
ปีงบ ทงั้ หมด ตัวอย่าง การตรวจ รอ้ ยละของ ปริมาณท่ี ชนดิ พชื
ประมาณ (ตวั อยา่ ง) ทต่ี รวจพบ พบ ตัวอย่างท่มี ี ตรวจพบ
สารพิษ (mg/kg)
ตกค้าง (ตัวอย่าง) การตรวจ
(ตัวอย่าง) พบ

2561 1,357 500 192 14.15 0.010 - 7.06 ปวยเลง้ สม้ แมนดารนิ ผักชี ขึ้นฉา่ ย
ผกั กาดฮอ่ งเต้ พทุ รา องนุ่ พรกิ พาสเลย่ ์
คะน้า ผักกาดหวาน เซเลอร์รี สาลี่
มะเขอื เทศ พลับ ทับทมิ แครอท กวี ่ี
ถ่ัวลันเตาหวาน บรอกโคลี ผักกาด
หอม ยอดบรอกโคลี ทอ้ และเลมอ่ น

2562 1,363 544 210 15.41 0.010 - 14.15 ปวยเล้ง ขึ้นฉ่าย ผักชี ส้มแมนดารนิ
ผักกาดฮ่องเต้ พลบั พาสเลย่ ์ พทุ รา
เลมอ่ น ผกั กาดหวาน บอ๊ กฉอ่ ย มะเขอื
เทศ สาลี่ คะน้า เซเลอร์รี แอปเปิล
บรอกโคลี ยอดบรอกโคลี ผักกาด
กวางตุ้ง ทับทิม พริก ผักกาดขาว
ตน้ กระเทยี ม คะนา้ ยอด กะหลำ�่ ปลมี ว่ ง
ทอ้ หวั ไชเทา้ ถว่ั ลนั เตา ผกั กาดแกว้
องนุ่ ลูกไหน กะหล�่ำดอก ถวั่ ลนั เตา
หวาน และผักกาดแกว้ ใบแดง

2563 627 285 92 14.67 0.010 - 6.18 ข้ึนฉ่าย ปวยเล้ง ส้มแมนดาริน
ผักกาดฮ่องเต้ พุทรา สาลี่ พรกิ ผกั ชี
ทบั ทมิ ทอ้ แอปเปลิ เลมอ่ น มะเขอื เทศ
องนุ่ พลบั เนคทารนี คะนา้ ผักกาด
หวาน บรอกโคลี กะหล�่ำปลีม่วง
เซเลอร์รี ผักกาดกวางตุ้ง ส้มนาเวล
กะหล�่ำดอก และพาสเล่ย์

จากข้อมูลข้างตน้ งานวเิ คราะห์สารพษิ ตกคา้ ง ด่าน ท่ี 4 ตามประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เร่ือง บญั ชีรายชอ่ื
ตรวจพืชเชียงแสน ได้รายงานผลการวิเคราะห์ไปยังด่านท่ีมี วัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563 น้ัน ด่านตรวจพืช
การน�ำเข้าสินค้าเกษตรดังกล่าว เพื่อให้มีมาตรการในการ เชยี งแสนไดม้ มี าตรการเพมิ่ ความเขม้ งวด โดยดำ� เนนิ การเพมิ่
เฝ้าระวัง และบรู ณาการกับหน่วยงานท่ีเกยี่ วข้อง โดยเฉพาะ การสุ่มเก็บตัวอย่างตามชนิดพืช ซึ่งได้สุ่มเก็บตัวอย่างพืช
สินค้าเกษตรท่ีมีการตรวจพบสารพิษตกค้างอยู่เป็นประจ�ำ ทพ่ี บวัตถอุ ันตรายชนิดท่ี 4 เพิ่มเปน็ ร้อยละ 15 และตัวอยา่ ง
ในกรณที ต่ี รวจพบคลอรไ์ พรฟิ อสซงึ่ จดั เปน็ วตั ถอุ นั ตรายชนดิ พืชท่ีตรวจพบสารพิษตกค้างท่ีมีปริมาณสูงเกินค่า MRLs
เพ่ิมเป็นร้อยละ 5

82

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสขุ . 2563. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับท่ี 419) พ.ศ. 2563 ออกตามความใน
พระราชบญั ญัตอิ าหาร พ.ศ. 2522 เร่อื ง อาหารทม่ี ีสารพษิ ตกค้าง (ฉบบั ท่ี 3). ราชกิจจานเุ บกษาเลม่
137 ตอนพิเศษ 257 ง (2 พฤศจิกายน 2563). 27-28.
กระทรวงอตุ สาหกรรม. 2563. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่อง บญั ชรี ายช่อื วัตถุอนั ตราย (ฉบบั ท่ี 6) พ.ศ.
2563. ราชกจิ จานุเบกษาเลม่ 137 ตอนพิเศษ 117 ง (19 พฤษภาคม 2563). หนา้ 56.
ดา่ นตรวจพืชเชียงของ. 2563. รายงานผลการปฏิบัตงิ านประจ�ำปงี บประมาณ 2563 (ตลุ าคม 2562 - กันยายน
2563). หนา้ 12
สำ� นกั งานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแหง่ ชาติ. 2563. มาตรการจ�ำกัดการใชส้ ารเคมี 3 ชนดิ พาราควอต
ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://warning.acfs.go.th/th/articles-
and-research/view/?page=49 (4ก.พ. 2564)
Anastassiades, M., Lehotay, SJ., Stajnbaher, D. and Schenck, FJ. 2003. Fast and Easy
Multiresidue Method Employing Acetonitrile Extraction/Partitioning and ‘Dispersive
Solid-Phase Extraction’ for the Determination of Pesticide Residues in Produce. J.
AOAC Int., 86(2): 412.
Lehotay, S. J., Mastovska, K. and Yun, S. J. 2005. Evaluation of Two Fast and Easy Methods for
Pesticide Residue Analysis in Fatty Food Matrixes. J. AOAC Int., 88(2): 630.

83

สารบัญนกั เขยี น

ประพศิ วองเทยี ม

สถาบันวจิ ยั พืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน
50 ถ.พหลโยธนิ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทรศพั ท์ 0-2579-3930, 09-2976-5369

วลิ าวณั ย์ ใคร่ครวญ

ส�ำนกั ค้มุ ครองพนั ธ์พุ ชื กรมวิชาการเกษตร
50 ถ.พหลโยธนิ แขวงลาดยาว เขตจตจุ กั ร กรุงเทพฯ 10900
โทรศัพท์ 0-2579-4127

กัลยา เกาะกากลาง

ศูนย์วจิ ัยและพฒั นาการเกษตรล�ำปาง กรมวิชาการเกษตร
204 หมู่ 6 ต.เวยี งตาล อ.ห้างฉตั ร จ.ล�ำปาง 52190
โทรศัพท์ 08-6917-9683

ชัยณรงค์ จันทร์แสนตอ และ เกยี รติสยาม แกว้ ดอกรกั

ศนู ย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรทส่ี งู เชยี งราย กรมวชิ าการเกษตร
140 หมู่ 3 บา้ นดอยชา้ ง ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย 57180
โทรศพั ท์ 0-5316-0812, 09-3279-9361

พทิ ยาภรณ์ ตนั ตยิ ากร เกรยี งไกร สุภโตษะ ทรรศนส์ รลั รัตนทศั นีย
ฐิติภา พรพลอยจันท์ และ ราเมธ แซ่เหลา

กองพฒั นาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวชิ าการเกษตร
50 ถ.พหลโยธนิ แขวงลาดยาว เขตจตจุ ักร กรุงเทพฯ 10900
โทรศัพท์ 0-2940-6464, 06-5479-1445

สรุ พงษ์ ประสทิ ธ์วิ ฒั นเสรี

ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร กรมวชิ าการเกษตร
50 ถ.พหลโยธนิ แขวงลาดยาว เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ 10900
โทรศพั ท์ 0-2940-6408, 0-2940-6872 ต่อ 141, 143

วราพร ไชยมา

ส�ำนักวจิ ัยพฒั นาเทคโนโลยีชวี ภาพ กรมวชิ าการเกษตร
50 ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตจุ กั ร กรุงเทพฯ 10900
 โทรศัพท์ 0-2579-8558

ลภสั รดา อกั ษรเนยี ม

ดา่ นตรวจพืชเชียงแสน กรมวิชาการเกษตร
814 หมู่ 3 ต.เวยี ง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย 57150
โทรศัพท์ 0-5365-0259, 0-5377-7580, 08-5673-1356

นวลศรี โชตนิ ันทน์

โทรศพั ท์ 0-2561-2825, 0-2579-0151-7 ต่อ 109

84

แบแบบสบำ�สรวําแจรบควบวจสาคํามรวพวาจงึมคพพวองึาใมพจพอนึงใพ.จสอ.นพใจ..สกน.พส.สิก..พรก.ฉสกบกิ สับริกทร่ี 3/2564

กองบรรณาธเกิกปอานงรบขไรอดรมจณูล5ัดาใ0ทนธิกถํกาาแนารรบนกไพดบพลัฒจสุมห5ัดนํ0าเลทผารโถําแยวยแนลแจธบนกะพคินบพลปวรสุมหรแาแ ําเับลขมผลรโปวยวยพะรแงจธนึงุงลพคนิ พิทคาวร*แุณอรดาแ*ขมรลใ*ยภวจศพะ*าาง*นตกึงวลพ*พิทอาา**เรอรด*น*ขรนใ**ย.ตสจศ*ส*า.*จตสําก*.ว*พ*นอาต.*เพ*.ร*ขกัุจน**ก.ตสักง**.สจสกาํา**ริก*นตน*.สพ*ร*กกัุจเิก*.*ลกังร*ใร*กา*รหขงุ *น*สเาดเ**กทเิกพน**ลีขรพร**่ืขงุอึุก้น**เฯาเ*ใาทต*พน*ชร*พอ*1ื่อกุ*ก*ไฯ0ใา**รปชร**91ม*ก*00*ร0*9กม*0รโ0กมทรโวรมทชิศโวราปชิัพศโกาปรัพทกาดรทโราดป0สรเ0สรกเแ2กดแษ2กษ5สก5ตนแต6น6กรร11นQQ22QRR88R2C2C5Co5oodddeeeเเพพเือ่พ่อื ตต่อื ออตบบอแแบบบบแบสบสำ�รําบวรสจวฯาํจรฯวจฯ
เปนขอมูลในจกึงขาอรคพวัฒามนราว มแมลอื ะทปา รนับตปอรบุงแคบุบณสภําราวพจฯนอ.สอน.พไล.นก สตาิกมรแบใหบฟดอีขรึ้นมตดาอนไลปางน้ี
จงึ ขอความรว สมวมนือทที่ 1า นขอ ตมอลู บทั่วแไบปบสาํ รวจฯ ออนไลน ตามแบบฟอรมดา นลางน้ี

สวนท่ี 1 ขอ มหนลู วทยั่วงไาปน........................................................................................................... หรือ ที่ URL
11ห..น21วอเยพางศยานุ .....111......123...อเร.พ.ะา.ศ.ดย.ชต.ุับ..าํ่าก..ยกา..รว..ศา..กึ.1.ษ..8า..ตช4.ป.0าาํ่ .ย.ก .-.ว.4า..9.1..ป8... ป... .........1ห..8.ญ...–ิง...2..1ห5.9.80ญ..ป.-–งิ..5.2.9.9...ปป.. . ..............3..0...–.36003–ป9ข 3ปึ้น9ไ ปป
https://forms.หgหlรeรืออื/sทbท่ี TUี่ UBR7LRpL4viSkr8wsy9
4ต0่ําก-ว4า9ปรปญิ  ญาตรี  50- 59ปรปญิ  ญาตรี  60 ปปรข ญิ ้ึนญไปาโท httphstt:p//s:f/o/fromrmss..ggllee//ssbbTBT7Bp74pviS4kvri8Swksry89wsy9
1.3 ระดบั การ1.ศ4ึกสษถานภาพการทํางานในปจจบุ นั
 ปรญิ ญาเอก

 ตํ่ากวาปรญิ ขญา ารตาชรกี าร/เจา หนา ที่ของรัฐ ปริญญบาตุคครีลทว่ั ไป  ปรญิ เกญษาตโรทกร ปอรื่นิญๆญ(โาปเอรดกระบ)ุ ........................
1.4 สถานภา1พ.5กาทรา ทนาํมงคี าวนามในสะปดจ วจกบุ ในนั การรบั ขอมูลจาก น.ส.พ. กสกิ ร ในชอ งทางใดบา ง (ตอบไดมากกวา 1 ขอ )
1.5 ทา นมเไขอสวีคปาน่ืแ็บวรรกสไาษๆานซวมชณนต(สกOโทยีกปะาRี่รรดร2(ม/นวดCเไอสเควก.วรจปoสน่ืแวชิบ็ะใารกd.านาไษบพๆหนมซeกกณ)ุน.พต(.าOาโ(.กยาีกปึงร.eรR.ทรพสเ.ร-ร(.กมนBด.ิก่ีขCอบั.วษ..รoใรoอส.ขิชจะ.ต)odง..าอบพต.รeรkก.มอ.)ุ.ัฐ)..า(..(กูลร.e.hน..สเ.จค-..tก..B.ิกอสา.t.ษ.ล.oรpก...ัมพ..ต)o.sน.ร.k.น:./).ก.(./.hสส.w.t..บกิ .tพw.pร.ุค..swค:ก/ล./สdwทกิ owัว่รaไw.ปใg.นdoชo.tอah.งg/ทokา.stpงhใ//ดk)sบpา/เมงก)ากษทตสี่ ุดร(กตรอบมไดากม ารกะดกบั ปวคาาวนาอกม1ลพ่นื าขึงงพๆออ)ใ(จโปนรอ ดยระบ)ุ .น..อ.ย..ท..ี่ส..ดุ ..............

2.1 ความพงึ พอใจดา นเนอ้ื หา

สว นที่ 2 ความพ1)ึงเนพอ้ื หอาใมจีควตาอมนานส.นสใจ.พมีส.ากระสใหิกค รวามรู
2) เนอื้ หามคี วามหลากหลาย
3) ความยาวของเนือ้ คหอามลคีมั วนาม เหมาะสม ระดับความพงึ พอใจ
2.1 1ค)วาเนมอื้พหงึ าพมอคี ใ2จว.2าดมา41คนน))วาคสเา นมาวสมพาือ้นมาึงหใรเพจหาถอมนมใาจาํ ีสะขตสาออรมมสะขลูอ่ื อจสใงาง่ิหรกพคูปิมนแวพ.บาสมบ.พรต.ูัวกอสกั กิษรรไสปี ปแรละะยขกุนตาใดชประโยชนได มากทส่ี ุด มาก ปานกลาง นอ ย นอยที่สดุ

2) เนอ้ื หามคี วาม2ห) คลวาากมหเหลมาายะสมของภาพปกหนา และปกหลงั
3) ความยาวของ3เ)นออ้ื งหคปามระคี กวอาบมโเดหยมรวามะขสอมงบทความ การจดั วางเน้อื หา และรูปภาพประกอบ

2.2 4132ค))))วาคคอสมาวงวคมพาามมปาึงรเเพรหหถะอมมนกใส3.3.าาจํา..อ....ะะวขต..12บ..สสนอ..อโ..มมทขมด..สท..ขขอ..ูลยอ่ืา ..่ีออ..จรนสเ3..สงงว..า่งิม..รภม..กนพค..ูปคีา..ขิมอว..นพแว..อพแ..า.บา..ปงส..มนมบ..บก...พคะ..ทสตห.....อิดวัคนน....กอ่นืเว..ใาห..สกัาจแ....มกิๆน็ษ..หล..ร..ระ/รก....ขปไอืา..สป..กอร..อี ..ปแจห..เย..สดรลั..ลา..ะะวน..ังก..ยาข..อ..ทงุกน..แ..เตร..นา..นาใด..้ือ..ชบ..ะห..ป..ขา..ร..อ..ะแ....มโ..ลย..ลู..ะช..เ..รน..รูป....ือ่ไ ..ภด..ง..า..ใ..พด....ป....จ..ร..าะ....กก......อ..น..บ.......ส.......พ...........ก....ส......กิ ....ร......ม......า....ก....ท......่สี....ดุ....................................................................................................................................................................

สว นท่ี 3 ควา..ม...ค...ดิ...เ.ห....็น.../..ข...อ ..เ..ส...น...อ..แ...น...ะ....................................................................................................................................................................
3.1 ทา นมคี ว.า..ม...ส...น...ใ.จ...ห...ร..อื...อ...ย...า..ก...ท..ร...า..บ...ข...อ..ม...ลู...เ.ร...่ือ..ง..ใ..ด....จ...า..ก....น.....ส...พ......ก...ส...กิ ..ร....ม...า..ก...ท...ีส่...ุด.......................................................................................

......................................................................................................................................*....*....ข....อ....บ......ค....ุณ......ท....ุก....ท......า ..น....ท......ีใ่ ..ห....ค......ว..า....ม....ร....ว....ม....ม....อื....ใ..น......ก....า..ร....ต....อ....บ......แ....บ....บ....ส....าํ....ร....ว....จ....ฯ......*....*........................................................................................................
85
3.2 ขอ เสนอแนะอืน่ ๆ

..............................................................................................................................................................................................................

ประชมุ ช้ีแจงแนวทางการเตรียมความพร้อม
สำ� หรับการตรวจประเมินผู้ผลิตและ
แปรรปู ขา้ วส่งออกไปจนี

เมอื่ วนั ที่ 24 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 นายพเิ ชษฐ์ วริ ยิ ะพาหะ
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานเปิดการประชุมช้ีแจง
แนวทางการเตรยี มความพรอ้ มสำ� หรบั การตรวจประเมนิ ผผู้ ลติ
และแปรรปู ขา้ วสง่ ออกไปจนี ณ หอ้ งประชมุ ใหญ่ ชน้ั 3 อาคาร
ฝึกอบรมดา้ นมาตรฐานการผลิตพชื กรมวชิ าการเกษตร

การจัดประชุมคร้ังนี้เพ่ือสร้างการรับรู้และความเข้าใจ
“มาตรฐานการตรวจประเมินผู้ผลิตและแปรรูปข้าวฉบับใหม่”
ซึ่งส�ำนักงานศุลกากรของจีน หรือ GACC เป็นผู้ก�ำหนดให้
โรงงานผผู้ ลิตตอ้ งผา่ นการรับรองมาตรฐาน GMP และมกี าร
ประยุกต์ใช้หลัก HACCP และเงื่อนไขการส่งออกข้าวไปจีน
โดยเฉพาะศตั รูพชื กักกันจ�ำนวน 8 ชนิด ทีห่ า้ มมกี ารปนเป้ือน
ในข้าวส่งออกไปจีน รวมถึงมาตรฐานต่าง ๆ ที่จีนก�ำหนด
ซ่งึ ภายหลังการประชมุ ในคร้ังน้ีแล้ว ผู้ผลิตแตล่ ะรายจะทราบ
แนวทาง และสามารถกลบั ไปเตรียมพร้อมโรงงานของตนเอง
ใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐานทจ่ี นี กำ� หนดและรอรบั การตรวจประเมนิ
ตอ่ ไป

86

ต้อนรับคณะเจ้าหน้าทจ่ี าก Deutsche Gesellschaft
für Internationale Zusammenar

เมอ่ื วนั ที่ 16 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 นายสมบตั ิ ตงเตา๊ รองอธบิ ดี
กรมวิชาการเกษตร ให้การต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่จาก Deutsche
Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit (GIZ) เพอ่ื หารอื
และใหค้ ำ� แนะนำ� เกยี่ วกบั ประเดน็ ทกี่ รมวชิ าการเกษตรประสงคจ์ ะรบั
การสนับสนุนโครงการ และขอให้กรมวิชาการเกษตรพิจารณาการ
เปน็ ประเทศน�ำ (lead country) ส�ำหรับโครงการใหม่ ณ หอ้ งประชมุ
201 ช้ัน 2 ตกึ กสกิ รรม กรมวิชาการเกษตร

87

แถลงผลการตรวจคน้ สถานทผี่ ลติ และจำ� หนา่ ยวตั ถอุ นั ตรายทางการเกษตร

เมอื่ วนั ที่ 8 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 นายอนนั ต์ อกั ษรศรี รองอธบิ ดกี รมวชิ าการเกษตร รว่ มกบั พล.ต.ต.ณฐั ศกั ดิ์ เชาวนาศยั
ผบู้ งั คบั การกองบงั คบั การปราบปรามการกระทำ� ความผดิ เกยี่ วกบั การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค แถลงผลการดำ� เนนิ การตรวจคน้
สถานที่ผลิตและจ�ำหน่ายวัตถุอันตรายทางการเกษตร ปุ๋ยเถ่ือน ซึ่งเป็นของบริษัท คิงส์ โชบุ จ�ำกัด ใช้เพจเฟซบุ๊กชื่อ
คงิ ส์ โชบุ เพจบรษิ ัทโฆษณาขายสินคา้ เคมภี ณั ฑท์ างการเกษตร ช่ือทางการคา้ คิงส์ไตรโค

โดยเพจดงั กลา่ วมกี ารสรา้ งเครอื ขา่ ยไปยงั ภมู ภิ าคและกระจายจำ� หนา่ ยไปทว่ั ประเทศ จงึ ไดร้ วบรวมพยานหลกั ฐาน
และขออนุมัติหมายค้นเป้าหมาย 6 จุด ในจังหวัดสมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ระยอง นครราชสีมา อุตรดิตถ์ และ
ประจวบครี ขี นั ธ์ สามารถตรวจยดึ ผลติ ภณั ฑท์ มี่ สี ว่ นผสมของวตั ถอุ นั ตรายประเภทที่ 2 และปยุ๋ ทไี่ มไ่ ดข้ น้ึ ทะเบยี น จำ� นวน
488 กระสอบ รวม 12,200 กิโลกรมั วัตถอุ นั ตรายทไี่ ม่ไดข้ น้ึ ทะเบียน จำ� นวน 4 รายการ มูลคา่ กว่า 5,000,000 บาท
จึงตรวจยดึ และเกบ็ ตวั อยา่ งไปตรวจพิสจู น์ เพ่อื ดำ� เนินคดีตามกฎหมายตอ่ ไป ณ หอ้ งประชมุ กองบังคัญการปราบปราม
การกระทำ� ความผิดเกย่ี วกบั การค้มุ ครองผู้บริโภค

88

ประชมุ เตรยี มความพรอ้ มการสง่ ออกผลไม้

ภาคตะวนั ออก ปี 2564

เมอ่ื วันท่ี 2 กุมภาพนั ธ์ 2564 ดร.สมบัติ ตงเต๊า รองอธบิ ดี
กรมวชิ าการเกษตร เปน็ ประธานการประชมุ หารอื เตรยี มความพรอ้ ม
การสง่ ออกผลไม้ภาคตะวนั ออก ปี 2564 โดยมี นายชลธี น่มุ หนู
ผู้อ�ำนวยการส�ำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 พร้อมด้วย
เจา้ หนา้ ทกี่ รมวชิ าการเกษตรทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เจา้ หนา้ ทจี่ ากกรมสง่ เสรมิ
การเกษตร กรมสง่ เสรมิ สหกรณ์ ในพนื้ ทจ่ี งั หวดั จนั ทบรุ ี ระยอง และ
ตราด ส�ำนักงานพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยภาคเอกชน
เกษตรกร สมาคมและผ้ปู ระกอบการส่งออกผลไม้ เขา้ ร่วมประชมุ
ณ ห้องประชุมอาคารอเนกประสงค์ ส�ำนักวิจัยและพัฒนา
การเกษตรเขตที่ 6 จงั หวัดจันทบรุ ี


Click to View FlipBook Version