พฒั นาการสมยั รตั นโกสนิ ทร์
2.พัฒนาการด้านตา่ งๆสมยั รัตนโกสนิ ทร์
1. พฒั นาการสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนต้น
รัชกาลท่ี 1-3
อยู่ในดา้ นการฟืน้ ฟู
การเมอื งการปกครอง :
ลกั ษณะเหมอื นอยุธยาตอนปลาย
2.พฒั นาการด้านต่างๆสมัยรัตนโกสนิ ทร์
กฎหมายทสี่ าคัญ กฎหมายตราสามดวง
ตราประจาตาแหนง่ สมหุ นายก ตราประจาตาแหนง่ สมหุ พระกลาโหม ตราประจาตาแหนง่ กรมทา่ โกษาธบิ ดี
2.พฒั นาการด้านตา่ งๆสมัยรัตนโกสนิ ทร์
การเมอื งการปกครอง กรมเวยี ง
กรมวัง
- การปกครองส่วนกลาง กรมคลงั
บริหารแบบจตสุ ดมภ์ มี กรมนา
4 ตาแหนง่
2.พฒั นาการด้านต่างๆสมยั รตั นโกสินทร์
กรมเวยี ง (นครบาล) กรมวงั (ธรรมาธกิ รณ์)
มีหน้าท่ี ดูแลประชาชน มีหน้าที่ ดแู ลความเรยี บรอ้ ย
ในเขตทรี่ บั ผดิ ชอบ กจิ การพระราชสานกั
ปราบปราม พิจารณาคดที ม่ี ฎี กี าขนึ้ สู่
ในพระนคร
พระมหากษตั รยิ ์
2.พัฒนาการด้านตา่ งๆสมัยรตั นโกสนิ ทร์
กรมคลงั (โกษาธิบด)ี กรมนา (เกษตราธิการ)
มีหนา้ ที่ ดแู ลรายไดแ้ ผน่ ดนิ มีหน้าท่ี ดแู ลนาหลวง
ภาษอี ากรคา่ ธรรมเนยี ม ทาไรข่ องประชากร
ตดิ ตอ่ ตา่ งประเทศ เกบ็ ภาษีขา้ ว
นอกจากจตสุ ดมภ์ กม็ ี 2 เสนาบดี คอื ฝา่ ยทหารและพลเรอื น
อัครมหาเสนาบดี
สมุหพระกลาโหม สมุหนายก
รบั ผดิ ชอบทหารทั้งประเทศ ดูแลพลเรอื นและมจี ตสุ ดมภ์
ในการบรหิ ารประเทศ
2.พฒั นาการดา้ นตา่ งๆสมัยรัตนโกสนิ ทร์
การเมอื งการปกครอง
- การปกครองสว่ นภมู ภิ าค
เมอื งทอ่ี ยรู่ อบราชธาน(ี จตั วา)
เมอื งพระยามหานคร(เอก โท ตรี)
เมอื งประเทศราช
2.พัฒนาการดา้ นต่างๆสมัยรตั นโกสินทร์
ดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม
ชนชัน้ ปกครอง : พระมหากษตั รยิ ์ ขนุ นาง
ชนชัน้ ถูกปกครอง : ไพร่ ทาส
กฎหมายทส่ี าคญั กฎหมายตราสามดวง
2.พัฒนาการดา้ นต่างๆสมัยรัตนโกสนิ ทร์
ชนช้นั ปกครอง : พระมหากษัตรยิ ์ ขนุ นาง ชนชนั้ ถกู ปกครอง: ไพร่ ทาส
พัฒนาการดา้ นสังคม
พระมหากษัตรยิ ์ พระบรมวงศานวุ งศ์ ขุนนาง
ทรงเปน็ พระประมขุ ของราชอาณาจกั ร เปน็ เครือญาตขิ องพระมหากษัตริย์ บคุ คลทีร่ บั ราชการแผน่ ดนิ มที ง้ั
ทรงได้รบั การยกย่องใหเ้ ปน็ สมมติเทพ มศี กั ดนิ าแตกต่างกนั ไปตามฐานะ ศักดินา ยศ ราชทินนาม และตาแหน่ง
และทรงเป็นธรรมราชา ทาส พระภิกษสุ งฆ์
ไพร่ บคุ คลที่ไม่มีกรรมสิทธ์ิในแรงงานและ เป็นบุคคลท่สี ืบทอดพระพุทธศาสนา
ชวี ติ ของตนเอง ต้องตกเปน็ ทาส ซ่งึ ไดร้ บั การยกย่องและศรทั ธา
ราษฎรท่ตี อ้ งถกู เกณฑ์แรงงานใหก้ บั ทาง ของนายจนกว่าจะไดไ้ ถต่ วั
ราชการทง้ั ในยามปกติและยามสงคราม จากบคุ คลทกุ ชนช้นั
และต้องสงั กดั มูลนาย
2.พฒั นาการดา้ นตา่ งๆสมัยรัตนโกสนิ ทร์
รชั กาลท่ี 1 มีการสังคายนาพระไตรปฎิ ก
บรู ณะวดั ต่างๆ นพิ นธว์ รรณกรรมรามเกยี รต์ิ
รชั กาลที่ 2 มกี ารบรู ณะวดั ต่างๆ นพิ นธ์
วรรณกรรม อเิ หนา สังขท์ อง อปุ ถมั ภ์สนุ ทรภู่
2.พัฒนาการดา้ นต่างๆสมยั รตั นโกสินทร์
รชั กาลท่ี 3 มีการสรา้ งและบรู ณะวดั ตา่ งๆ
จารกึ ความรไู้ วบ้ นแผน่ ศลิ า ประดบั รอบอโุ บสถตา่ งๆ
2.พฒั นาการด้านตา่ งๆสมัยรตั นโกสินทร์
วดั สาคญั ทสี่ รา้ งและบรู ณะในสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้
ไดแ้ ก่ วดั สทุ ศั นเทพวราราม วัดพระเชตพุ นวมิ ลมังคลาราม
วัดระฆงั โฆสติ าราม วดั มหาธาตยุ วุ ราชรงั สฤษฎ์ิ
วดั อรณุ ราชวราราม และวัดราชโอรสาราม
3. ดา้ นเศรษฐกจิ
แบบเศรษฐกจิ พอยงั ชพี การเกษตรเปน็ อาชีพหลกั
อาชพี รอง ไดแ้ ก่ หตั ถกรรม สว่ นอตุ สาหกรรมเรมิ่ ไดร้ บั
ความนิยมสมยั รชั กาลท่ี 3 ได้แก่ อุตสาหกรรมนา้ ตาล
ทราย การตอ่ เรอื เหมอื งแร่
3. ดา้ นเศรษฐกิจ
รายไดข้ องรฐั สมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ 3 แหลง่ คือ
1. รายไดจ้ ากการคา้ กบั ตา่ งประเทศ ส่วนใหญ่คา้ ขาย
กับจนี ญี่ปนุ่ ชวา และอนิ เดยี
3. ดา้ นเศรษฐกิจ
รายไดข้ องรฐั สมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ 3 แหลง่ คือ
2. รายไดจ้ ากภาษีอากร
- ภาษอี ากรเกบ็ ในอาณาจกั ร 4 ชนดิ คือ
จังกอบ อากร สว่ ย ฤชา
- ภาษอี ากรทไ่ี ดจ้ ากภายนอก
3. ดา้ นเศรษฐกจิ
รายไดข้ องรฐั สมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนต้น 3 แหลง่ คอื
3. รายไดจ้ ากสนิ คา้ ผูกขาดและสินคา้ ตอ้ งหา้ ม
สินค้าผกู ขาด คอื สินคา้ ทกี่ รมพระคลงั ขายเอง
สินค้าตอ้ งหา้ ม คือ สนิ ค้าทช่ี าวต่างชาตติ อ้ งการมาก
3. ด้านเศรษฐกิจ
รชั กาลท่ี 3
มกี ารทาสญั ญาเบอรน์ ี
เกดิ การคา้ ขายกบั ตา่ งชาติ
เพิม่ มากขน้ึ
การคา้ กบั ตา่ งประเทศ พฒั นาการด้านเศรษฐกจิ
สนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและ
การพาณิชย์กับอังกฤษ
(ที่เรียกวา่ สนธสิ ญั ญาเบอรน์ ีย์)
และกับสหรัฐอเมรกิ า ทาใหส้ ินค้าออก
ของไทย เช่น ขา้ ว นา้ ตาล พรกิ ไทย เปน็
ทีต่ ้องการของพ่อค้าตา่ งชาตจิ านวนมาก
บทบาทของพระมหากษัตริย์ในราชวงศจ์ กั รตี อ่ ความมนั่ คงและความเจรญิ รุ่งเรอื งของชาตไิ ทย
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช
พระราชกรณยี กิจที่สาคญั
ดา้ นการเมืองการปกครอง
❖ทรงสถาปนากรงุ เทพฯ เปน็ ราชธานี
❖ทรงสถาปนาราชวงศจ์ ักรี
❖โปรดเกล้าฯ ใหม้ ีการชาระกฎหมาย เรียกวา่ กฎหมายตราสามดวง
ดา้ นความมนั่ คง
❖ทรงป้องกนั ราชอาณาจกั รใหป้ ลอดภยั โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามเก้าทพั
ดา้ นศลิ ปวฒั นธรรม
❖โปรดเกลา้ ฯ ให้สังคายนาพระไตรปิฎกทรงสนพระทัยวรรณคดี จึง
มีวรรณคดีท่ีสาคัญหลายเร่ือง เช่น รามเกียรติ์ รวมถึงการแปล
วรรณกรรมของต่างชาติ เช่น สามก๊ก และราชาธิราช
บทบาทของพระมหากษตั ริย์ในราชวงศจ์ กั รตี อ่ ความมนั่ คงและความเจริญรุ่งเรอื งของชาติไทย
พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย
พระราชกรณียกิจท่สี าคัญ
ดา้ นความมัน่ คง
❖โปรดเกลา้ ฯ ให้ครัวมอญไปตง้ั ภมู ิลาเนาทแ่ี ขวงเมืองปทมุ ธานี เมอื งนนทบรุ แี ละเมอื งนครเขื่อนขนั ธ์
❖โปรดเกลา้ ฯ ให้ไพรม่ ารับราชการ ๑ เดอื น และอยู่กับครอบครวั ๓ เดอื น
ทรงให้มกี ารตรากฎหมายห้ามสูบและซอ้ื ขายฝ่นิ
ดา้ นศิลปวัฒนธรรม
❖ทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม ดนตรี
นาฏศิลป์ และวรรณกรรมประเภทต่างๆ
❖โปรดเกล้าฯ ใหส้ รา้ งพระปรางค์วัด อรุณราชวราราม (วัดแจง้ )
บทบาทของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จกั รีตอ่ ความมั่นคงและความเจรญิ ร่งุ เรอื งของชาตไิ ทย
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลัย
ภาพวาดจาลองทรงใหส้ ร้างเมอื งนครเขอื่ นขนั ธ์ ภาพวาดจาลองทรงซอสามสาย
(พระประแดง)
บทบาทของพระมหากษตั ริย์ในราชวงศ์จกั รตี ่อความมน่ั คงและความเจริญรุ่งเรืองของชาตไิ ทย
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกลา้ เจ้าอยู่หวั
พระราชกรณียกิจทสี่ าคญั
ด้านความม่ันคง
❖ทรงปอ้ งกันอาณาจักรดว้ ยการสกัดกองทพั ของเจ้าอนุวงศ์ทรงประสบความสาเร็จ
ในการยตุ ิการสู้รบระหว่างไทยกับญวน
ด้านศลิ ปวัฒนธรรม
❖ทรงมรี บั สงั่ โปรดเกลา้ ฯ ให้สรา้ งเรอื สาเภาท่วี ดั ยานนาวา
❖โปรดเกล้าฯ ให้จารึกวรรณคดีสาคัญ และวิชาการแพทย์ลงแผ่นศิลา
แลว้ ติดไวต้ ามศาลารายรอบบริเวณวดั พระเชตพุ นวมิ ลมังคลาราม
ด้านการค้ากบั ตา่ งประเทศ
❖ทรงสนับสนนุ การคา้ ทั้งกับเอเชียและยโุ รปมีการลงนามในสนธิสัญญาเบอรน์ ยี ์