The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sukanya khiriaphisit, 2022-03-12 10:29:28

e-book-ด.ช.ทีปกร

e-book-ด.ช.ทีปกร

การขยายพนั ธุพ์ ชื


สารบญั คาํ นาํ

ความสาํ คญั 1 E-BOOK เรอ่ื งงานช่างในบา้ นเลม่ นี้ จดั ทาํ ขนึ้ เพ่ือ
2 ประกอบการเรยี นวชิ าคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีและสารสนเทศ
การขยายพนั ธุพ์ ชื วธิ ีตา่ งๆ 3 เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นเขา้ ใจถงึ ความสาํ คญั ของ คอมพิวเตอรเ์ พ่ือ
4 นาํ ไปใชใ้ นการศกึ ษา คน้ ควา้ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการเรยี น และ
การขยายพนั ธุพ์ ชื แบบอาศัยเพศ 4 การดาํ เนินชีวิตได้
11
การขยายพนั ธุพ์ ชื แบบไม่อาศัยเพศ 17 หวงั เป็นอยา่ งย่ิงวา่ E-BOOKประกอบการเรยี น
21 ของวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร คงมีประโยชน์
การปักชาํ ไมม่ ากก็นอ้ ยกยั ผศู้ กึ ษา
การตอนกง่ิ

การตดิ ตา
การเพาะเลยี้ งเนื้อเยื่อ

1 2

1. ความสาํ คัญ 2. การขยายพนั ธุพ์ ชื วธิ ีตา่ งๆ
การขยายพนั ธพุ์ ืชจดั วา่ มีความสาํ คญั ในการ การขยายพนั ธุ์พืชแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ การ
ปลกู พืช เพราะขนั้ ตอนแรกของการเพาะปลกู ขยายพนั ธแุ์ บบอาศยั เพศ ไดแ้ ก่ การขยายพนั ธุ์
ตอ้ งมีตน้ กลา้ พืชเสยี ก่อน การเลอื กวิธีการ โดยการใชเ้ มลด็ และการขยายพนั ธแุ์ บบไมอ่ าศยั
ขยายพนั ธพุ์ ืชท่ีเหมาะสมจะทาํ ใหส้ ามารถผลติ เพศ ไดแ้ ก่ การขยายพนั ธโุ์ ดยการใชส้ ว่ นตา่ งๆ
ตน้ กลา้ ไดต้ ามปรมิ าณและคณุ ภาพท่ีตอ้ งการ ของตน้ พืช เชน่ การปักชาํ การตอนก่ิง การติดตา
ซง่ึ เป็นผลไปถงึ คณุ ภาพหรอื ปรมิ าณของผลผลติ การตอ่ ก่ิง รวมถงึ การเพาะเลยี้ งเนือ้ เย่ือ
ของพืชนนั้ ๆ นอกจากนีก้ ารขยายพนั ธพุ์ ืชยงั มี
ความสาํ คญั ในดา้ นการอนรุ กั ษพ์ นั ธพุ์ ืชท่ีหายาก
หรอื ใกลจ้ ะสญู พนั ธุ์

32.1. การขยายพนั ธุพ์ ชื แบบอาศยั เพศ 4
1.1. การเพาะในกระบะเพาะชํา
2.2.การขยายพนั ธุพ์ ชื แบบไม่อาศัยเพศ
กระบะเพาะชาํ จะตอ้ งมีขนาดที่สามารถเอ้ือมมือเขา้ ไป 1.การปักชาํ
ทาํ งานไดส้ ะดวกท้งั สองดา้ น ซ่ึงส่วนใหญ่จะกวา้ ง การปักชาํ คือ การตดั ส่วนใดส่วนหน่ึงของพืช เช่น
ประมาณ ๑๐๐-๑๒๐ เซนติเมตร ความยาวแลว้ แต่ขนาด ใบ กิ่ง ลาํ ตน้ ราก ออกจากตน้ เดิม ไปเกบ็ ไวใ้ นที่ท่ี
ของพ้ืนที่ ความสูงประมาณ ๑๕-๓๐ เซนติเมตร ข้ึนอยู่ มี สภาพแวดลอ้ มที่เหมาะสม ทาํ ใหส้ ่วนต่างๆ
กบั ชนิดพืชท่ีตอ้ งการเพาะ ส่วนพ้ืนล่างของกระบะตอ้ ง ดงั กล่าวของพืชงอกรากและแตกยอด เจริญเติบโต
รองพ้นื ดว้ ยวสั ดุช่วยระบายน้าํ ไดแ้ ก่ หินบด กรวด อิฐทุบ เป็นพืชตน้ ใหม่ต่อไปได้
ขนาดเลก็ ประมาณ ๐.๕ เซนตเิ มตร ควรปดู ว้ ยทราย
หยาบขา้ งบนแลว้ อดั พืน้ ใหเ้ รยี บ ความสงู ของพืน้ ชนั้ ลา่ ง
ท่ีระบายนา้ํ ประมาณ ๒-๕ เซนตเิ มตร รองพืน้ ขนึ้ สดุ ทา้ ย
ดว้ ยใยมะพรา้ วหรอื เศษหญา้ แหง้ บรเิ วณดา้ นขา้ ง
กระบะสว่ นลา่ งท่ีติดกบั พืน้ ควรเจาะรูระบายนา้ํ โดยรอบ
เพ่ือปอ้ งกนั ไมใ่ หน้ า้ํ ขงั เพราะจะทาํ ใหเ้ มลด็ เน่าเสียหาย
ได้ เม่ือเตรยี มกระบะเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ จงึ เตรยี มวสั ดุ
เพาะชาํ

5 การปักชาํ ก่ิงแก่หรือกิ่งที่มีอายมุ าก พืช 6
ท่ีนิยมปักชาํ ไดแ้ ก่ เฟื่ องฟ้า กหุ ลาบ ชบา
ประเภทของการปักชํา มีหลายวธิ ี ไดแ้ ก่ พรู่ ะหง
“การปักชาํ ” หมายถงึ การนาํ รากของพืชมาตดั เป็น การปักชาํ ก่ิงกง่ึ ออ่ นก่งึ แก่ พืชท่ีนิยมปักชาํ
สว่ นๆ ใหย้ าวประมาณ 2-4 นิ้ว แลว้ นาํ ไปปักชาํ ลง ไดแ้ ก่ ฝร่งั ชมพู่ ลาํ ไย
ในวสั ดุ ปักชาํ เพ่ือใหส้ ว่ นของรากงอกและแตกยอด การปักชาํ ก่ิงออ่ นหรอื ยอดออ่ น การปักชาํ
ออ่ นเจรญิ เตบิ โตเป็นพืชตน้ ใหม่ พืชท่ีสามารถ ลกั ษณะนีต้ อ้ งใชก้ ่ิงมีใบติดมาดว้ ยเป็น
ขยายพนั ธโุ์ ดยการปักชาํ ราก เชน่ สาเก เข็ม ขนนุ จาํ นวนมาก เพ่ือจะไดท้ าํ หนา้ ท่ี สงั เคราะห์
มะไฟ มนั เทศ โมก ดว้ ยแสง เพราะก่ิงไมม่ ีอาหารสะสมเพ่ือนาํ มา
สรา้ งรากและยอด พืชท่ีนิยมปักชาํ วิธีนี้ เชน่
แกว้ กหุ ลาบ โกสน ดาวเรอื ง เบญจมาศ พดุ
ไทร

7การจดั สภาพแวดล้อมให้กบั กงิ่ ตดั ชําในระหว่างรอการออกราก 2. อณุ หภูมิกบั การออกรากของก่ิงตดั ชาํ โดยปกติ 8
1. การจดั ความชืน้ ในอากาศรอบๆ ก่ิงตดั ชาํ ความชืน้ ใน อณุ หภูมิที่จะทาํ ใหก้ ่ิงตดั ชาํ ออกรากไดด้ ีจะอยู่
ระหวา่ ง ๗๐ องศา – ๘๐ องศา ฟ. สาํ หรบั บา้ นเรา
อากาศเก่ียวขอ้ งกบั การตดั ชาํ ก่ิงพืชท่ีมีใบซง่ึ ไดแ้ ก่ การตดั ชาํ อณุ หภมู ิท่ีจาํ เป็นในการการออกรากในพืชท่วั ๆ ไป
แบบใชก้ ่ิงออ่ น ก่ิงก่งึ แกก่ ง่ึ ออ่ น การตดั ชาํ ไมเ้ นือ้ ออ่ น รวมทงั้ จะไมค่ อ่ ยเป็นปัญหา เชน่ กหุ ลาบ สามารถออก
การตดั ชาํ ใบดว้ ย โดยท่ีก่ิงตดั ชาํ เหลา่ นีจ้ าํ เป็นตอ้ งรกั ษาใบไว้ รากไดด้ ไี มว่ า่ ปักชาํ ในฤดหู นาว ฤดฝู นหรอื ฤดรู อ้ นก็
ปรุงอาหาร เพ่ือช่วยการออกราก ฉะนนั้ จงึ ตอ้ งรกั ษาใบไวใ้ ห้ ตามเวน้ แตใ่ นพืชบางชนิดท่ีเจรญิ ไดด้ ใี นฤดรู อ้ น
สดและติดอยกู่ บั ก่ิงตลอดไป แตก่ ารท่ีใบจะสดอยไู่ ดก้ ็จะตอ้ ง เชน่ ในมะลิ จะออกรากไดด้ ีในฤดรู อ้ นหรอื ฤดฝู น
มีความชืน้ ในอากาศรอบๆ ใบสงู พอ นา้ํ จากใบจงึ จะไมค่ าย แตจ่ ะไมค่ อ่ ยออกรากหรอื ออกรากยากเม่ือปักชาํ ใน
ออกมาและใบก็จะไมเ่ ห่ียว ดว้ ยเหตนุ ีก้ ารตดั ชาํ ก่ิงมีใบจงึ ตอ้ ง ฤดหู นาว
รกั ษาความชืน้ ของอากาศรอบๆ ใบ ใหส้ งู อยตู่ ลอดเวลาซง่ึ เรา
อาจทาํ ไดโ้ ดยคอยรดนา้ํ ท่ีพืน้ ท่ีขา้ งๆ กระบะปักชาํ เสมอๆ
หรอื คอยพรมนา้ํ ก่ิงตดั ชาํ บอ่ ยๆ ฉีดหรอื พน่ ละอองนา้ํ ใหจ้ บั ใบ
อยตู่ ลอดเวลาหรอื เป็น ระยะ ซง่ึ วธิ ีการหลงั นีอ้ าจใชค้ นช่วย
ฉีดพน่ หรอื โดยการใชเ้ ครอ่ื งพน่ นา้ํ อตั โนมตั ิ (autometic
mist) ก็ได้

9 3. แสงสวา่ งกบั การออกรากแสงสวา่ งมีความจาํ เป็นสาํ หรบั การตดั ชาํ การตอนกงิ่ 10

ก่ิงพืชท่ีตอ้ งมีใบตดิ และการตดั ชาํ ใบ เพราะแสงสวา่ งจาํ เป็นในการปรุง การตอนก่ิง เป็นวิธีการขยายพนั ธพุ์ ืชท่ีใชก้ นั มานานและเป็นท่ี
อาหาร รวมทงั้ สรา้ งสารฮอรโ์ มนเพ่ือชว่ ยการออกรากของก่ิงตดั ชาํ ฉะนนั้ ใน รูจ้ กั กนั ดีในหมชู่ าวสวนท่วั ๆไป วิธีการตอนก่ิงท่ีเราใชก้ นั อยทู่ กุ วนั นีเ้ ป็น
ก่ิงตดั ชาํ ท่ีมีใบและเป็นพืชชอบแดด การใหก้ ่ิงตดั ชาํ ไดร้ บั แสงมากเทา่ ไร ก็จะ วิธีการท่ีไดน้ าํ มาจากประเทศจีน แตไ่ ดด้ ดั แปลงไปบา้ งเพ่อื ความสะดวกใน
ช่วยใหก้ ารออกรากดขี นึ้ เทา่ นนั้ สว่ นพืชท่ีไมท่ นแสง (แสงแดด) เชน่ พืชท่ีใช้ การปฏิบตั ิ ในยโุ รปและอเมรกิ าก็มีวธิ ีขยายพนั ธพุ์ ชื ดว้ ยการตอนก่ิง
ประดบั ในอาคาร (house plants) การพรางแสงใหก้ บั ก่ิงโดยใหเ้ หลือแสงเพียง เชน่ เดยี วกนั แตว่ ธิ ีการในการตอนก่ิงผดิ ไปจากวธิ ีท่ีรูจ้ กั กนั ดใี นบา้ นเราและ
๓๐ เปอรเ์ ซน็ ต์ หรอื อยา่ งนอ้ ยท่ีสดุ ๑๕๐-๒๐๐แรงเทียน จะช่วยใหก้ ่ิงเหล่าน้ี เรามกั เรยี กวิธีการตอนก่ิงแบบยโุ รปวา่ “การตอนทบั ก่ิง” ในท่ีนีจ้ ะขอกลา่ ว
ออกรากไดด้ ี สว่ นการตดั ชาํ ก่ิงแก่ไมม่ ีใบ รวมทงั้ การตดั ชาํ ราก ซง่ึ จะออกราก เฉพาะการตอนก่ิงแบบชาวจีน หรอื การตอนก่ิงแบบตอนหมุ้ ก่ิง ซง่ึ มีวธิ ีการ
ไดด้ ใี นท่ีมืด แตจ่ ะตอ้ งการแสงเพ่ิมขนึ้ เม่ือก่ิงเกิดยอด ในทางปฏิบตั จิ งึ ควรปัก ตอนหมุ้ ก่ิงหลายแบบ ไมว่ า่ จะเป็นการตอนก่ิงแบบชาวจีน หรอื การตอนทบั
ชาํ ก่ิงแก่และปักชาํ รากไวใ้ นท่ีท่ีมีแสงราว ๓๐ เปอรเ์ ซน็ ต4์ . วตั ถทุ ่ีใชใ้ นการ ก่ิงแบบชาวยโุ รป โดยหลกั การในการ ตอนตน้ พชื แลว้ ก็คอื การทาํ ใหต้ น้
ตดั ชาํ การออกรากของก่ิงตดั ชาํ จะไมเ่ ก่ียวกบั อาหารท่ีมีอยใู่ นวตั ถปุ ักชาํ นนั้ หรอื ก่ิงพืชออกรากขณะท่ียงั ตดิ อยกู่ บั ตน้ แม่ หลงั จากตน้ หรอื ก่ิงพืชออก
แตจ่ ะเก่ียวขอ้ งกบั ความชืน้ (moisture) และอากาศ (areation) ท่ีมีอยใู่ นวตั ถุ รากดีแลว้ จงึ ตดั ไปปลกู ภายหลงั ฉะนนั้ โอกาสของการท่ีก่ิงพชื จะมีชีวติ อยู่
ปักชาํ นนั้ โดยท่ีวตั ถปุ ักชาํ แตล่ ะชนิดจะดดู ความชืน้ และมีอากาศผา่ นเขา้ รอด จงึ ดกี วา่ การขยายพนั ธดุ์ ว้ ยการตดั ชาํ แตก่ ็มีขอ้ เสียอยทู่ ่ีวา่ ขยายไดช้ า้
ออกไดต้ า่ งกนั ซง่ึ จะเป็นผลใหก้ ารออกรากแตกตา่ งกนั ไปดว้ ย วตั ถทุ ่ีจะชว่ ย กวา่ ดว้ ยเหตนุ ีถ้ า้ ตอ้ งการตน้ พืชจาํ นวนมากๆ แลว้ มกั จะไมใ่ ชก้ าร
ใหก้ ารออกรากเกิดไดด้ ี จะตอ้ งดดู ความชืน้ ไดม้ าก และมีอากาศผา่ นได้ ขยายพนั ธดุ์ ว้ ยการตอนก่ิง เวน้ แตต่ น้ พชื นนั้ จะขยายพนั ธไุ์ มไ่ ดด้ ว้ ยการตดั
สะดวก และโดยท่ีพืชแตล่ ะชนิดตอ้ งการอากาศมากนอ้ ยตา่ งกนั ฉะนนั้ การท่ี ชาํ หรอื ออกรากยากกวา่ การตอนก่ิงเทา่ นนั้ การตอนก่ิงแบบชาวจีน หรอื
จะใชว้ ตั ถใุ ดเหมาะกบั พชื ใด จงึ ตอ้ งศกึ ษาและทดลองในแตล่ ะพืชไป สาํ หรบั แบบท่ีเราใชก้ นั อยทู่ กุ วนั นีเ้ ป็นวธิ ีท่ีใชใ้ นการตอนก่ิงพชื พวกไมพ้ มุ่ และไม้
วตั ถปุ ักชาํ ท่ีนยิ มใชก้ นั ท่วั ๆ ไป ไดแ้ ก่ทรายหยาบ ถ่านแกลบท่ีลา้ งดา่ ง ยืนตน้ เป็นสว่ นใหญ่ รวมทงั้ พืชพวกไมผ้ ลและไมป้ ระดบั
หมดแลว้ หรอื สว่ นผสมของทรายหยาบกบั ถ่านแกลบอยา่ งละเทา่ กนั

11 การทาํ แผลบนกง่ิ 12

การเลือกกง่ิ ตอน การทาฮอรโ์ มน การใชฮ้ อรโ์ มนเรง่ รากทาบรเิ วณท่ีทาํ แผล
การทาํ แผลบนก่ิง การทาํ แผลบนก่ิงจะขนึ้ อยกู่ บั ชนิดของพืช และ หรอื บรเิ วณท่ีก่ิงจะเกิดราก จะชว่ ยใหก้ ่ิงพืชเกิดรากดขี นึ้ คือ มี
ความยากงา่ ยในการงอกราก ซง่ึ บางพืชอาจไมต่ อ้ งทาํ แผลเลยก็ รากมากขนึ้ รากเจรญิ เรว็ ขนึ้ และอาจออกรากเรว็ ขนึ้ การทา
สามารถออกรากได้ สว่ นใหญ่มกั เป็นพืชใบเลีย้ งเด่ียว เชน่ ตน้ สาว ฮอรโ์ มนปกติจะทาเฉพาะบรเิ วณท่ีจะเกิดรากเทา่ นนั้ เช่น
นอ้ ยประแปง้ พลดู า่ ง และพลฉู ีก พืชบางชนิด อาจใชว้ ธิ ีกรดี เปลอื ก บรเิ วณท่ีเป็นรอยกรดี หรอื รอยปาด หรอื รอยคว่นั ตอนบน
ตามยาวของก่ิง เชน่ กหุ ลาบ ย่ีโถ หรอื พืชบางชนดิ อาจปาดทอ้ งก่ิง เทา่ นนั้ และการท่ีจะใชฮ้ อรโ์ มนตอนตน้ พืชชนิดใดนนั้ ควรจะ
เชน่ ตน้ ชวนชม แตม่ ีบางชนดิ ท่ีตอ้ คว่นั ก่ิงโดยเฉพาะพืชท่ีออกราก ไดศ้ กึ ษาหรอื ทดลองมาก่อนเพราะตน้ พืชแตล่ ะชนิดออกราก
ยาก มีความจาํ เป็นท่ีจะตอ้ งทาํ แผลโดยการคว่นั ก่ิง เพราะการคว่นั ยากงา่ ยตา่ งกนั โดย ปกตติ น้ พืชท่ีออกรากไมย่ าก อาจใช้
นอกจากจะทาํ ใหเ้ กิดบรเิ วณออกรากแลว้ ยงั มีผลเก่ียวกบั การสะสม ฮอรโ์ มนชนิดออ่ นหรอื ท่ีมีความเขม้ ขน้ นอ้ ยๆ ก็เพียงพอ สว่ น
ธาตอุ าหารวมทงั้ สารฮอรโ์ มน ใหเ้ กิดขนึ้ ภายในก่ิงซง่ึ จะมีผลดีในการ ตน้ พืชท่ีออกรากยากๆ จาํ เป็นตอ้ งใชฮ้ อรโ์ มนแรงๆ หรอื ท่ี
ออกรากดว้ ย ดงั นนั้ เพ่ือความแนน่ อนในเรอ่ื งการออกราก ชาวสวน เขม้ ขน้ มากๆ ตามลาํ ดบั การใชฮ้ อรโ์ มนท่ีตรงกนั ขา้ มกบั ท่ี
ท่วั ไปจงึ ใชว้ ธิ ีการทาํ แผลดว้ ยการคว่นั ก่ิงแทบทงั้ สนิ้ กลา่ วนี้ นอกจากจะไมไ่ ดผ้ ลดีขนึ้ แลว้ ยงั เป็นการทาํ ลายก่ิง
พืชท่ีตอน และทาํ ใหค้ า่ ใชจ้ า่ ยเพ่ิมขนึ้ อกี ดว้ ย

13 การหุ้มกงิ่ ตอน 14
การทาฮอร์โมน
การรกั ษาความชืน้ หลงั จากตอนก่ิงแลว้ โดยเฉพาะราว ๓-๕
การหุม้ กิ่งตอน วตั ถุท่ีจะใชห้ ุม้ ก่ิงตอนอาจใชว้ ตั ถุต่างๆ ไดห้ ลาย วนั จากท่ีหมุ้ ก่ิง จะตอ้ งรดนา้ํ กระเปาะตอนหรอื มดั วตั ถหุ มุ้
อยา่ ง ขอ้ สาํ คญั กค็ ือวตั ถุน้นั ๆ ตอ้ งอมความช้ืนไดพ้ อ ไม่เป็นพษิ กบั ก่ิงท่ีตอนนนั้ ใหช้ ืน้ สม่าํ เสมอในการรกั ษาความชืน้ นีอ้ าจใช้
ก่ิงพืช มีราคาถูก และหาไดง้ ่าย เช่น หญา้ มอสส์ (sphagnum วธิ ีรดนา้ํ กระเปาะท่ีตอนทกุ วนั หรอื ใชว้ ธิ ีรดทงั้ ตน้ แบบฝน
moss) กาบมะพรา้ วชบุ นา้ํ ปยุ มะพรา้ วผา้ กระสอบป่าน หรอื ราก ตก แตท่ ่ีสะดวกก็คือใชผ้ า้ พลาสตกิ หมุ้ ใหม้ ิด ทงั้ นีเ้ พ่ือมิให้
ผกั ตบชวา แมก้ ระท่งั ดนิ ธรรมดาๆ ท่วั ๆ ไปใชก้ ็ได้ แตว่ ตั ถทุ ่ีนิยมใช้ นา้ํ จากกระเปาะวตั ถนุ นั้ ระเหยออกมาได้ การหมุ้ ผา้
จะ ตอ้ งสะดวกตอ่ การหมุ้ เชน่ ใชก้ าบมะพรา้ วชมุ่ นา้ํ ทบุ ใหแ้ ผ่ ตดั พลาสตกิ กระเปาะท่ีตอนแลว้ ควรจะไดห้ มุ้ เสียแตต่ อนแรก
เป็นทอ่ นใหพ้ อเหมาะกบั ขนาดก่ิงตอนซง่ึ เม่ือจะหมุ้ ก็จะสามารถหมุ้ ขณะท่ีวตั ถนุ นั้ ยงั ชืน้ อยู่ ซง่ึ การหมุ้ พลาสตกิ ในทาํ นองนีจ้ ะ
ก่ิงไดง้ ่าย สว่ นการหมุ้ อาจใชว้ ตั ถชุ นดิ เดยี ว เชน่ หญา้ มอสสล์ ว้ นๆ ชว่ ยใหก้ ระเปาะก่ิงตอนชืน้ อยตู่ ลอดเวลา จนกระท่งั ก่ิงออก
หรอื กาบมะพรา้ วลว้ นๆ หรอื อาจใชด้ นิ หมุ้ ก่อนแลว้ หมุ้ หญา้ มอสส์ ราก อยา่ งไรก็ตามในระหวา่ งรอการออกราก ควรจะได้
หรอื กาบมะพรา้ วอีกชนั้ หนง่ึ ก็ได้ ขอ้ สาํ คญั ก็คอื ตอ้ งพนั หรอื หมุ้ วตั ถุ ตรวจดกู ระเปาะตอนบา้ ง เพราะอาจมีมดกดั ผา้ พลาสตกิ ให้
หมุ้ ก่ิงใหแ้ นน่ พอสมควร อยา่ ใหห้ มนุ หรอื คลอนไปมาไดง้ ่าย และ เป็นรู ทาํ ใหก้ ระเปาะตอนแหง้ ได้ การแกไ้ ขก็คอื ใชเ้ ขม็ ฉีดยา
พยายามหมุ้ ใหก้ ลางกระเปาะวตั ถทุ ่ีหมุ้ อยตู่ รงกบั บรเิ วณท่ีออกราก ฉีดนา้ํ เขา้ ไปในกระเปาะตอนราว ๕-๗วนั ตอ่ ครงั้ จนกวา่ ก่ิง
ดว้ ย จะออกรากมากพอและตดั มาปลกู ได้

15 กงิ่ ตอนทอ่ี อกรากแล้ว 16
การหุ้มกง่ิ ตอนด้วยพลาสตกิ เพ่ือรักษาความชื้น
การปลูกกิ่งตอน ก่ิงตอนที่ตดั ไดอ้ าจมีจาํ นวนรากมากนอ้ ยต่างกนั
การตดั กิ่งตอน เมื่อถึงเวลาอนั ควร ก่ิงพชื ท่ีตอนไวก้ จ็ ะเกิดราก เพอื่ ป้องกนั การเสียหายซ่ึงอาจจะเกิดข้ึน ควรจะไดค้ ดั กิ่งตอน
เวลาของการออกรากน้ีจะมากนอ้ ยต่างกนั พวกไมป้ ระดบั ทว่ั ๆ ออกเป็นพวกๆ ตามความมากนอ้ ยของรากเสียก่อน คือ คดั กิ่งที่มี
ไปจะออกรากเร็วกวา่ พวกไมผ้ ล แต่ไมผ้ ลแต่ละชนิดกจ็ ะใชเ้ วลา รากมากและรากนอ้ ยออกคนละพวก พวกที่มีรากมากอาจปลูกลง
ในการออกรากแตกต่างกนั เช่น ชมพจู่ ะออกรากเร็วกวา่ ส้ม ส้ม กระถางหรือลงถุงปลูกไดท้ นั ทีส่วนพวกท่ีรากยงั ไม่มากพอ ควรจะ
เร็วกวา่ ละมุด เป็นตน้ แต่ส่วนใหญ่จะใชเ้ วลาไม่เกิน ๓ เดือน ใน ไดต้ ดั แต่งก่ิงและใบออกเสียบา้ ง แลว้ นาํ ไปชาํ รวมกนั ไวใ้ นกระบะ
การตดั กิ่งตอนจะตอ้ งดูจาํ นวนรากวา่ มีรากมากพอหรือยงั และ หรือภาชนะที่เหมาะสม เพือ่ รอใหร้ ากเกิดมากข้ึนจึงจะนาํ ไปปลูก
ควรจะรอใหร้ ากมีจาํ นวนมากพอไดส้ ดั ส่วนกบั ขนาดของก่ิงและ ภายหลงั ขอ้ สาํ คญั ในการปลูกก่ิงตอน คือ อยา่ ปลูกใหล้ ึกโดยเฉพาะ
ใบ ซ่ึงถา้ ก่ิงยง่ิ โตมีใบมากก็ตอ้ งเป็นก่ิงท่ีมีรากมาก มิฉะน้นั ราก ในการใชว้ ตั ถุปลูกท่ีทึบหรืออบั อากาศ เช่น ดินเหนียว เป็นตน้
จะดูดน้าํ ไปเล้ียงใบไม่ทนั ก่ิงกจ็ ะแหง้ เห่ียวตายไปในท่ีสุด หรือ เพราะจะทาํ ใหร้ ากเจริญชา้ ควรจะปลูกใหก้ ระเปาะฃตอนโผล่พน้
มิฉะน้นั กจ็ ะตอ้ งตดั กิ่งและใบทิ้งเสียบา้ ง อยา่ งไรก็ตาม พวกไม้ ดินปลูกเลก็ นอ้ ย ประมาณหน่ึงในส่ีของกระเปาะตอน จากน้นั จึงนาํ
ดอกหรือไมป้ ระดบั ซ่ึงรากมกั เจริญไดเ้ ร็วหลงั จากตดั กิ่งแลว้ กระถางปลูกไปต้งั ไวใ้ นที่ร่มรําไร คือ ที่ท่ีมีแสงแดดส่องเลก็ นอ้ ย
เช่น กหุ ลาบ ดอนยา่ ฯลฯ อาจตดั กิ่งไดเ้ มื่อรากยงั มีไม่มากนกั คอยพรมน้าํ ใหใ้ บก่ิงตอนช้ืนอยเู่ สมอๆ แต่ไม่ควรรดน้าํ จนดินปลูก
เพราะตน้ พืชจะสร้างรากไดไ้ วหลงั จากตดั มาปลูกแลว้ ส่วนพชื แฉะ และหลงั จากยอดเริ่มเจริญหรือแตกยอดใหม่จึงเพิม่ แสงแดด
พวกไมผ้ ล จะตอ้ งรอใหก้ ิ่งมีรากมากพอ หรืออยา่ งนอ้ ยจะตอ้ ง ใหม้ าก
รอใหม้ ีแขนงรากเกิดข้ึนใหม้ ากพอ ฉะน้นั การตดั กิ่งตอนพวกไม้
ผล จึงจาํ เป็นตอ้ งใชเ้ วลายาว นานกวา่ ไมป้ ระดบั โดยทว่ั ไป

17 ปัจจยั ทม่ี อี ทิ ธิพลต่อการตดิ ตา ไดแ้ ก่ 18
3.การตดิ ตา 1) ตน้ ตอ หมายถงึ สว่ นของตน้ พืชท่ีทาํ หนา้ ท่ีเป็นระบบราก หา
อาหารหลอ่ เลยี้ งตน้ พืชมี 2ชนิด คอื
เป็นวธิ ีการขยายพนั ธพุ์ ืชท่ีนาํ เอาสว่ นตาหรอื ก่ิงของพืช
ตน้ หนง่ึ ซง่ึ เป็นพืชพนั ธุด์ ีหรอื ก่ิงพนั ธดุ์ ี ไปติดเขา้ กบั พืชอีกตน้ หน่งึ (1) ตน้ ตอท่ีไดจ้ ากการเพาะเมลด็
เพ่ือใหต้ าของพืชเจรญิ เตบิ โตเป็นพืชตน้ ใหมต่ อ่ ไป สว่ น ตน้ ตอ ซง่ึ ทาํ (2) ตน้ ตอท่ีไดจ้ ากการตดั ชาํ ตอนก่ิง หรอื แยกหน่อ
หนา้ ท่ีเป็นระบบราก นนั้ เป็นตน้ พืชท่ีมีความแขง็ แรง หาอาหารเก่ง (3) ตน้ ตอท่ีไดจ้ ากการเพาะเมลด็ สว่ นมากนิยมใชก้ บั พืช
เจรญิ เติบโตเรว็ ทนตอ่ สภาพแวดลอ้ มท่ีไมเ่ หมาะสมไดด้ ี พืชท่ีนิยม ประเภทไมผ้ ล เช่น มะมว่ ง ขนนุ ทเุ รยี น มะขาม เป็นตน้ ตน้ ตอท่ีมี
ขยายพนั ธดุ์ ว้ ยการติดตา มีทงั้ ไมด้ อกไมประดบั และไมผ้ ล ลกั ษณะดี จะตอ้ งมีลาํ ตน้ ตงั้ ตรง ไมบ่ ดิ คด หรอื มีรอยตอ่ ระหวา่ ง
การติดตา เป็นวธิ ีการขยายพนั ธุพ์ ืชอีกวิธีหนง่ึ ท่ีมีความสาํ คญั ตน้ และราก เป็นแบบคอหา่ น ซง่ึ เกิดจากการวางเมลด็ ลงเพาะผิด
ทางดา้ นการช่วยเปล่ียนยอดตน้ พืชท่ีมีลกั ษณะไมด่ ีใหเ้ ป็นพนั ธดุ์ ีได้ วิธี
ทาํ ใหพ้ นั ธพุ์ ืชมีความแขง็ แรง ตา้ นทานศตั รูและความแหง้ แลง้ ได้ (4) ตน้ ตอท่ีไดจ้ ากการตดั ชาํ ตอนก่ิง หรอื แยกหน่อ บางครงั้
ดี เพราะมีตน้ ตอท่ีแขง็ แรง สามารถขยายพนั ธุไ์ ดจ้ าํ นวนมากเพราะก่ิง เรยี กวา่ ตน้ ตอตดั ชาํ สว่ นมากนิยมใชก้ บั พืชประเภทไมด้ อกไม้
พนั ธแุ์ ตล่ ะก่ิงจะมีหลายตา ประดบั เช่นกหุ ลาบ ชบา เขม็ โกสน เฟ่ื องฟา้ ผกากรอง โมก เป็นตน้
ขอ้ เสียของตน้ ตอตดั ชาํ คือ มีระบบรากตืน้ แตถ่ า้ นาํ ไปเป็นตน้ ตอ
สาํ หรบั ไมผ้ ล จะตอ้ งทาํ การเสรมิ ราก
เพ่ิมขนึ้

19 ปัจจยั ทมี่ ีอทิ ธิพลต่อการต่อกง่ิ 20
การต่อกงิ่
1) พืชท่ีนาํ มาเสียบเขา้ ดว้ ยกนั ตอ้ งเป็นพืชตระกลู เดยี วกนั
การตอ่ ก่ิง เป็นวธิ ีการขยายพนั ธุพ์ ืชโดยไมใ่ ชเ้ พศ แตอ่ าจตา่ งพนั ธกุ์ นั ได้
ท่ีสามารถทาํ ไดโ้ ดยการนาํ ก่ิงพนั ธดุ์ ที ่ีมีตามากกวา่ 1 ตา มา 2) ก่ิงพนั ธุด์ ีจะตอ้ งมีความสดอยเู่ สมอ ซง่ึ ควรเก็บรกั ษา
ตอ่ บนตน้ ตอ เพ่ือใหเ้ นือ้ เย่ือเจรญิ ทงั้ สอง เช่ือมประสานเป็นตน้ ไวใ้ นหอ้ งเยน็
เดยี วกนั การขยายพนั ธุด์ ว้ ยวธิ ีตอ่ ก่ิง จะดกี วา่ การตดิ ตามาก 3) รอยแผลท่ีทาํ การเสยี บจะตอ้ งแนบกนั สนิทใหเ้ นือ้ เย่ือ
เพราะจะไดร้ อยตอ่ ท่ีแข็งแรงกวา่ มาก การตอ่ ก่ิงนิยมใชอ้ ยา่ ง เจรญิ ของพืชทงั้ สองสว่ นสมั ผสั กนั มากท่ีสดุ เพ่ือจะได้
แพรห่ ลาย และไดผ้ ลดีกบั พืชบาง เช่ือมประสานกนั ไดร้ วดเรว็
ชนิด เช่น เฟ่ื องฟา้ ชบา โกสน เลบ็ ครุฑ มะมว่ ง พทุ รา ขนนุ 4) เลือกตาพนั ธุท์ ่ีกาํ ลงั พกั ตวั คือ พรอ้ มท่ีจะแตกยอดใหม่
องนุ่ ฯลฯ 5) ใชแ้ ถบพลาสติกพนั ทบั รอยเช่ือม ไมใ่ หน้ า้ํ และเชือ้ โรค
ความมงุ่ หมายท่ีสาํ คญั ของตอ่ การก่ิงพืช คอื เพ่ือตอ้ งการเช่ือม เขา้ ได้
ประสานเนือ้ เย่ือของพืชท่ีเป็นตน้ ตอและก่ิงพนั ธุด์ เี ขา้ ดว้ ยกนั 6) รอยแผลจะตอ้ งรกั ษาความสะอาดใหม้ ากท่ีสดุ ระวงั
ใหม้ ีชีวติ และเจรญิ เตบิ โตรว่ มกนั เสมือนเป็นพืชตน้ อยา่ ใหส้ มั ผสั นา้ํ หรอื ความชืน้ มากเกินไป
เดียวกนั ทงั้ นี้ การตอ่ ก่ิงพืช สามารถเลอื กทาํ ไดห้ ลายวธิ ีตาม 7) ลดิ ใบพนั ธดุ์ ีทิง้ และใชพ้ ลาสตกิ คลมุ ปอ้ งกนั การคาย
ความเหมาะสม ขนึ้ อยกู่ บั ชนิดของพืช ฤดกู าลและความ นา้ํ และรกั ษาความชืน้
ชาํ นาญของผตู้ อ่ ก่ิง ขอ้ ควรพิจารณาในการตอ่ ก่ิง

21 ประโยชน์ของการเพาะเลยี้ งเนื่อเยื่อ 22
การเพาะเลยี้ งเนื้อเย่ือ
เป็นวิทยาการสมยั ใหมเ่ พ่ือพฒั นาเทคโนโลยี 1.สามารถผลิตตน้ พนั ธุ์พชื ปริมาณมาณมากในระยะเวลาอนั รวดเร็ว
การเก็บรกั ษาพนั ธพุ์ ืชเอกลกั ษณท์ ่ีหายาก มิใหส้ ญู พนั ธุ์ 2. ตน้ พืชท่ีผลติ ไดจ้ ะปลอดโรค โดยเฉพาะโรคท่ีมีสาเหตจุ ากเชือ้
และสามารถนาํ มาใชป้ ระโยชนไ์ ดใ้ นอนาคต ไวรสั มายโคพลาสมา ดว้ ยการตดั เนือ้ เย่ือเจรญิ ท่ีอยบู่ รเิ วณปลาย
การเพาะเลยี้ งเนือ้ เย่ือ ยอดของลาํ ตน้ ซง่ึ ยงั ไมม่ ีทอ่ นา้ํ ทอ่ อาหาร อนั เปน้ ทางเคล่ือนยา้ ย
การเพาะเลีย้ งเนือ้ เย่ือพืช เป็นวธิ ีการขยายพนั ธพุ์ ืชวิธี ของเชือ้ โรค ดงั กลา่ ว
หน่งึ แตม่ ีการปฏิบตั ภิ ายใตส้ ภาพท่ีควบคมุ เรอ่ื ง ความ 3. ตน้ พืชท่ีผลติ ได้ จะมีลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมเหมือนตน้ แม่ คือ มี
สะอาดแบบปลอดเชือ้ อณุ หภมู ิ และแสง ดว้ ยการนาํ ลกั ษณะตรงตามพนั ธุ์ ดว้ ยการใช้ เทคนิคของการเลยี้ งจากชนิ้ ตา
ชิน้ สว่ นของพืชท่ียงั มีชีวิต เชน่ ลาํ ตน้ ยอด ตาขา้ ง กา้ นช่อ พืชพฒั นาเป็นตน้ โดยตรง หลีกเล่ยี งขนั้ ตอนการเกิดกลมุ่ กอ้ นเซลล์
ดอก ใบ กา้ นใบ อบั ละอองเกสร เป็นตน้ มาเพาะเลยี้ งบน ท่ีเรยี กวา่ แคลลสั
อาหารสงั เคราะห์ และชิน้ สว่ นนนั้ สามารถ เจรญิ และ 4. ตน้ พืชท่ีผลติ ไดจ้ ะมีขนาดสม่าํ เสมอ ผลผลติ ท่ีไดม้ ีมาตรฐานและ
พฒั นาเป็นตน้ พืชท่ีสมบรู ณ์ มีทงั้ สว่ นใบ ลาํ ตน้ และรากท่ี เก็บเก่ียวไดค้ ราวละมากๆ พรอ้ มกนั หรอื ในเวลาเดียวกนั
สามารถนาํ ออกปลกู ในสภาพธรรมชาตไิ ด้ 5. เพ่ือการเก็บรกั ษาหรอื แลกเปล่ียนพนั ธุพ์ ืชระหวา่ งประเทศ เชน่
การมอบเชือ้ พนั ธุก์ ลว้ ยในสภาพปลอดเชือ้ ขององคก์ รกลว้ ย
นานาชาติ (INIBAP) ใหก้ รมสง่ เสรมิ การเกษตร เม่ือปี พ.ศ. 2542
6. เพ่ือประโยชนด์ า้ นการสกดั สารจากตน้ พืช นาํ มาใชป้ ระโยชน์
ดา้ นตา่ งๆ เชน่ ยาฆา่ แมลง ยารกั ษาโรค เป็นตน้

23 อุปกรณ์ในการเพาะเลยี้ งเนื้อเย่ือ 24
พนั ธุ์พืชท่ีจะนาํ มาเพาะเล้ียงควรสะอาด ปราศจากโรคและเป็นส่วน
พนั ธ์ุพืชทที่ าํ การเพาะเลยี้ งเนื้อเย่ือ ที่สาํ คญั ท่ียงั ออ่ นอยู่ เช่น ตาเป็นอวยั วะท่ีดีท่ีสุด ส่วนใบ ดอก ราก ก็
สามารถนาํ มาเล้ียงได้
1. เบญจมาศ 2. เครอ่ื งแกว้ ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ฟลาสค์ บีกเกอร์ ปิเปตต์ จานเพาะเชือ้
2.สตรอเบอร่ี กระบอกตวง ขวดสาํ หรบั เลยี้ งเนือ้ เย่ือ
3. หน่อไมฝ้ รงั่ 3. สารเคมีตา่ ง ๆ
4. ขงิ 3.1 สารเคมีท่ีใชฆ้ า่ เชือ้ ท่ีตดิ มากบั ผิวพืช เชน่ คลอรอกซ์ เอททิลแอ
5. มนั ฝรงั่ ลกฮอล์ เมอควิ รคิ คลอไรด์ ไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซด์
6. สบั ปะรด 3.2 สารเคมีท่ีใชเ้ ตรยี มสตู รอาหารตา่ ง ๆ
7.สมนุ ไพร 3.3 สารเคมีท่ีควบคมุ การเจรญิ เติบโต
8. กลว้ ย 3.4 นา้ํ ตาลซโู ครส
9. กระเจยี ว/ปทมุ มา 3.5 วนุ้
10. ปเู ล่ 4. เครอ่ื งมือผา่ ตดั ไดแ้ ก่ มีดผา่ ตดั ปากคบี
11. ไผ่ 5. ตถู้ า่ ยเนือ้ เย่ือ
12. กลว้ ยไมป้ ่า 6. อปุ กรณเ์ บด็ เตลด็ ตา่ ง ๆ
13.. สมนุ ไพร 7. อาหารเพาะเลยี้ งเนือ้ เย่ือ

25 บรรณานุกรรม 26
1. ความสาํ เร็จในการเพาะเล้ียงเน้ือเยอ่ื พืช
ข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั หลายอยา่ ง สิ่งท่ีสาํ คญั มาก https://sites.google.com/site/ya
อยา่ งหน่ึงคือองคป์ ระกอบของอาหารท่ี nuwan0000/
เหมาะสม ซ่ึงตอ้ งประกอบดว้ ยอาหารท่ี
พชื สามารถนาํ ไปใชอ้ ยา่ งมี ประสิทธิภาพ
สูตรอาหารเล้ียงเน้ือเยอ่ื พืช ประกอบดว้ ย
ส่วนต่าง ๆ ดงั น้ี
1. สารอนินทรยี ์
2. สารประกอบอินทรยี ์
3. สารท่ีไดจ้ ากธรรมชาติ
4. สารไมอ่ อกฤทธิ์

จดั ทาํ โดย
ด.ช.ทีปกร ทวีวฒั นศกั ดิ์

เลขท่ี 4
มธั ยมศกึ ษาปีท่ี3/1

เสนอ
ครูวราภรณ์ เป็งสลี
โรงเรยี นปิยะพรพิทยา
อ.แมส่ าย จ.เชียงราย


Click to View FlipBook Version