Personality Theories
ทฤษฎีจิตวิทยาบุคลิกภาพ
Harry Stack Sullivan Erich Fromm
Karen Horney
เป็นจิตแพทย์ที่ใช้วิธีการบำบัดคนไข้โดยวิธีจิตวิเคราะห์โดยเน้น
“ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ”
โครงสร้างบุคลิกภาพเป็นผลมาจาก “ความสัมพันธ์ระหว่างบุคลกับบุคคล”
แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
1.Dynamisms : พฤติกรรมที่เป็นความเคยชินด้านการมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น
ศูนย์กลางคือ Self,Self
2.Personifications : มโนภาพที่เป็นปัจเจกชนวาดเป็นภาพกับตนเอง
3.Cognitive Processes : ประสบการณ์เชิงความคิด แบ่งเป็น 3 ลักษณะ
ได้แก่
Prototaxic : ประสบการณ์เบื้องต้นที่ยังไม่ได้ปรับปรุงหรือพัฒนา
Parataxic : การเข้าใจสัมพันธภาพระหว่างสิ่งต่างๆมากขึ้น
Syntaxic : เริ่มรู้จักการใช้สัญลักษณ์มากยิ่งขึ้น
Page 01
ทฤษฎีขั้นตอนพัฒนาการของซัลลิแวน
1.วัยทารก : เริ่มมีการเรียนรู้ละใช้กล้ามเนื้อ ส่วนมากทำกิจกรรมทางปาก
2.วัยเด็ก : ความคิดในเชิง Syntaxic เริ่มต้นขึ้นและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
3.วัยก่อนวัยรุ่น : มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นซับซ้อนขึ้น
4.วัยแรกรุ่น : มีการสร้างสัมพันธภาพกับเพื่อนเพศเดียวกัน
5.วัยรุ่นตนต้น : เริ่มมีการสนใจเพศตรงข้าม
6.วัยรุ่นตอนปลาย : ทำกิจกรรมที่เหมาะสมกับเพศ ความสัมพันธ์เป็นเรื่อง
เป็นราวมากขึ้น
7.วัยผู้ใหญ่ : ถ้าพัฒนาการในขั้นที่ผ่านมาดีจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความ
สัมพันธ์กับผู้อื่นดี
ลักษณะบุคลิกภาพเกิดอย่างไร
ลักษณะบุคลิกภาพถูกหล่อหลอมมาจาก “ความกดดันทางกายและจิต”
และ “การหาทางปลดปล่อยเป็นอิสระจากความกดดันเหล่านั้น”
ซัลลิแวนแบ่ง ความกดดันของมนุษย์ เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. ความกดดันซึ่งเกิดจากการผ่อนคลายความปรารถนาทางกาย
2. ความกดดันที่เกิดจากความกังวลใจ
Page 02
แบบแห่งบุคลิกภาพ
ซัลลิแวนเห็นว่าผู้ที่มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นจะมีบุคลิกภาพแห่งความเป็น
ผู้ใหญ่ ส่วนผู้ที่บกพร่องในความสัมพันธ์ยย่อมแสดงอาการของโรคจิต
โรคประสาท ได้แบ่งอาการออกเป็น 10 ประการ แต่มีลักษณะเด่น ดังนี้
1.ลักษณะหมกมุ่นอยู่กับตนเอง (Self - absorbed)
2.ประเภทเหลือขอ (Incorrigible)
3.ประเภทพึ่งพิง (Dependent)
4. บุคลิกภาพอันส่อสุขภาพจิต
5.เมื่อเติบโตขึ้นจะมีความพอใจ 3 ประการ คือ
- พอใจในตนเอง
- พอใจผู้ที่อยู่ใกล้เคียง
- พอใจในงานของตน
Page 03
เป็นนักทฤษฎีที่มองปัญหาของมนุษย์อย่างมี
ความหวัง เชื่อว่ามนุษย์จะสามารถจัดการกับ
ปัญหาต่างๆในชีวิตตนเองได้
ความหวาดกังวลขั้นพื้นฐาน (Basic Anxiety)
ความหวาดกังวลำเกิดจากประสบการณ์ในวัยเด็ก ลักษณะการเลี้ยงดูและ
ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นตัวกำหนดความกังวล และจะเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่และพบเจอสถานการณ์ต่างๆ
ฮอร์นายเชื่อว่า คนเราจะเก็บกดความกังวลพื้นฐานจึงเกิดพฤติกรรมต่างๆ
ขึ้น โดยแต่ละคนจะมีความกังวลพื้นฐานที่ต่างกันออกไป
ความเป็นตน (The Self)
Self หมายถึง สาระหลักที่สำคัญของการมีชีวิต เป็นแก่นของศักยภาพของ
บุคคล หากบุคคลที่ชีวิตที่มีความสุขจะมีมโนภาพว่าตนเองเป็นใคร มีอิสระใน
การตระหนักรู้เกี่ยวกับศักยภาพและความสามารถของตน
Page 04
ความต้องการ 10 ประการ
ความต้องการผูกรักและความต้องการยอมรับ (Affection & Approval) : ผู้ที่
มีความต้องการนี้จะแสดงออกโดยการผูกรักเอาใจคนอื่น สะเทอนใจง่ายเมื่อไม่
ได้รับการยอมรับ
ความต้องการคนคู่ชีพ (Partner) : ต้องการมีคนร่วมชีวิตตลอดไป หวาดกลัว
การถูกทอดทิ้ง
ความต้องการเป็นคนสมถะมักน้อย : ไม่เรีกร้องอะไรจากใคร พอใจได้ง่าย
ยกย่องคุณค่าของความอ่อน้อมถ่อมตน
ความต้องการอำนาจ : ต้องการใช้อำนาจโดยไม่นับถือผู้อื่น ชอบเหยียบย่ำผู้ที่
อ่อนแอกว่า
ความต้องการทำลายผู้อื่น : ต้องการทำลายล้างผู้อื่นทั้งทางร่างกย จิตใจ สังคม
ความต้องการความมีภูมิฐาน : มักประเมินค่าของตนเองจากการถูกยอมรับจาก
ผู้อื่น
ความต้องการเสียงสรรเสริญ : คนที่มีความต้องการถูกเยินยอในทำนองกับที่ตน
ยกย่องตนเอง หรือเรียกว่า คนหลงตนเอง
ความทะเยอทะยานยาก (Neurotic Ambition) : มีความต้องการความเป็น
เลิศและผลักดันตนเองให้ได้รับความสำเร็จต่างๆ
ความต้องการมีพร้อมสรรพในตัวและไม่ง้อใคร : เกิดจากความผิดหวังในการ
สร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น ไม่ยอมผูกพันกับคนหรือสิ่งใดๆ
ความต้องการเป็นคนดีพร้อมหาที่ติไม่ได้ : มักกลัวในความผิดพลาดและการถูก
วิพากษ์วิจารณ์ เฝ้าคอยหาข้อบกพร่องของตนเอง
Page 05
ความอ้างว้างเดียวดาย
เชื่อว่ามนุษย์ปัจจุบันต้องเผชิญกับความอ้างว้างเดียวดายด้วย
สาเหตุหลายประการ เช่น
1.การที่มนุษย์มีเหตุผลและจินตานาการต่างๆ ทำให้มนุษย์มี
วิวัฒนาการทางอารยธรรม
2. มนุษย์แสวงหาอิสระเสรีทุกขั้นตอนของกระบวนพัฒนาการ
3. พัฒนาการทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ในวัตถุใช้สอยในความเป็นอยู่
Page 06
1. สร้างสัมพันธภาพกับเพื่อน
มนุษย์บนรากฐานความรัก
สร้างสรรค์ (Productive
Love)
ฟรอมม์ได้เสนอ ทางแก้ความอ้างว้าง มี 2 ทาง ดังนี้ 2. ยอมอ่อนน้อมต่อผู้มีอิทธิพล
ในสังคม และทำคล้อยตาม
สังคม
ความต้องการพื้นฐาน (Basic Needs)
มนุษย์มีความต้องการพื้นฐาน 5 ประการ ได้แก่
1.ความต้องการมีสัมพันธภาพ (Need for Relatedness)
2.ความต้องการเป็นผู้สร้างสรรค์ (Need for Transcendence)
3.ความต้องการมีสังกัด (Need for Rootedness)
4.ความต้องการมีอัตลักษณ์แห่งตน (Need for Identity)
5.ความต้องการมีหลักยึดเหนี่ยว (Need for Frame of Orientation)
ความขัดแย้ง
ฟรอมม์กล่าวว่า ทุกเพศทุกวัยทุกสังคม มี
ความขัดแย้งในตนเอง เช่น ความขัดแย้ง
ระหว่างความรู้สึกอ้างว้างและความอิสระเสรี
, ความเป็นส่วนหนึ่งองธรรมชาติกับความเหิน
ห่างจากธรรมชาติ , ความเป็นสัตว์โลกกับ
ความเป็นมนุษย์
Page 07
อิทธิพลของสังคม
แนวคิดของฟรอมม์เกี่ยวกับองค์ประกอบแห่งบุคลิกภาพ
- สังคมแห่งการวางอำนาจ (Authoritarian)
- สังคมแห่งการผลิตผล (Productivity)
- สังคมแห่งการเอาเปรียบ (Receptive)
- สังคมประเภทสะสม (Hoarding)
- สังคมประเภทตลาด (Marketing)
องค์ประกอบในการสร้างบุคลิกภาพ
ฟรอมม์มีความคิดว่า “บ้าน” มีอิทธิพลในการให้พื้นฐานแก่บุคลิกภาพ บุคลิกภาพแบบ
ผลิตผลเป็นอุดมการณ์ของมนุษย์ เกิดจากสัมพันธภาพแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
เชื่อว่าสังคมที่เราอาศัยอยูเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดที่สร้างนิสัยรุกรานหรือความสงบ ดัง
นั้นจึงควรเน้นที่หน้าที่ของสังคม
Page 08
รายชื่อผู้จัดทำ
1. นางสาวกฤษฎาภรณ์ จุมปา 630210076
2. นางสาวธิดาพันธ์ ยิ้มกล่ำ 630210081
3. นางสาวนวนันท์ สิทธิทรงธรรม 630210084
4. นางสาวภาวนา เงินงามจรัสพงศ์ 630210092
5. นางสาวศุภาพิชญ์ ชัยรัตน์ 630210098
Page 09