-ซีไรต์ในดวงใจเรื่อง ความสุขของกะทิ จัดทำ โดย นาย ภัทรกริซ สิทธิวงศ์ษา เลขที่ 31 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2
ตัวอย่างหนังสือ คนบางคนวิ่งไล่ตามความฝันไปเรื่อยๆจน ไม่รู้จริงๆว่าความฝันที่อที่ยูัใกล้ตัวนี่เอง
ที่ม ที่ าของเรื่อง ความสุขของกะทิ โดยผู้แต่งวางโครงเรื่องสนุกสนานน่า สนใจ ชวนติดตามตัวละครมีเอกลักษณ์ส่วนตัว สร้าง ฉากและบรรยากาศที่สมจริงและบทสนทนาสอดคล้อง กับสภาพความเป็นจริงในสังคมผู้แต่งนำ เสนอแนวคิด อย่างหลากหลาย เป็นแง่มุมเกี่ยวกับชีวิตและสังคมที่นำ มาติที่ทำ ให้ผู้อ่านตระหนักถึงความเป็นจริงของชีวิตที่ เป็นแนวคิดเกี่ยวกับความรักในครอบครัว การดำ เนิน ชีวิต วัฒนธรรมไทย และศาสนาพุทธ โดยปลุก จิตสำ นึกที่ถูกต้องและดีงาม ผู้อ่านจะได้มุมมองใหม่เกี่ยวกับชีวิตและสังคมไทย
ประวัติผู้แต่ง งามพรรณ เวชชาชีวะ เป็นนักเขียน นักแปลผู้มีชื่อเสียง และนักธุรกิจเกี่ยวกับลิขสิทธิ์วรรณกรรม เจ้าของ รางวัลซีไรต์ ประจำ ปี พ.ศ. 2549ประเภทนวนิยายจากงานเขียน “ ความสุขของกะทิ ” เป็นบุตรีของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสดใส เวชชาชีวะ มีชื่อเล่นว่า เอน เป็นบุตรีคนกลาง มีพี่สาว คือ ศาสตราจารย์แพทย์ หญิง อลิสา วัชรสินธุ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเด็กและมีน้องชายคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต นายก รัฐมนตรี คนที 27 ของไทย เริ่มทำ งานครั้งแรก ที่ บริษัท มีเดียโฟกัส ในตำ แหน่ง เจ้าหน้าที่การแปล ก่อนจะเป็น เจ้าของและบรรณาธิการ นิตยสาร “ เพื่อนใหม่ ” ซึ่งเป็นนิตยสารสำ หรับเด็กก่อนวัยรุ่นและเป็น กรรมการตัดสิน การประกวดนิทาน และวรรณกรรมเยาวชน มีผล งานการแปลจากภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี และภาษาอื่นกว่า 20 เรื่อง ได้แก่ ภิกษุกินนักปรัชญา, คู่มือธุรกิจลิขสิทธิ์, ด้วยรัก และ ช็อกโกแลต, แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี
เนื้อเรื่องย่อ ความสุขของกะทิ เล่าเรื่องราวของน้องกะทิ เด็กหญิงวัย 9 ขวบที่กำ ลัง จะ ต้องสูญเสียแม่ ซึ่งป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แม่รู้ตัวดีว่าไม่ สามารถเลี้ยงดูลูกได้จึงฝากกะทิให้ตากับยายเลี้ยง กะเติบโตมาด้วย ความรัก ของตาและยาย มีชีวิตอย่างสุขสบายในบ้านหลังน้อยริมคลอง อันอบอุ่น กะทิมีครอบครัวที่เอาใจใส่ ดูแลกะทิด้วยความรัก และความ ห่วงใยจากใจจริง เธอมีคุณตาที่เคยเป็นทนาย ซึ่งสามารถเรียกเสียง หัวเราะจากกะทิและ ครอบครัวได้อยู่เสมอๆ คุณยายของกะทิเป็นคนที่ เคร่งครัด และหัวโบราณ แต่ถึงกระนั้นก็สอนกะทิเรี่องต่างๆนานา อาทิเช่น การทําอาหาร การอยู่ในสังคม เป็นต้น พี่ทองเป็นคนที่เข้าอก เข้าใจกะทิเป็นอย่างดี และเป็นคนที่มีบุญคุณต่อกะทิเพราะว่าพี่ทอง เคยช่วยชีวิตกะทิไว้ตอนกะทิเป็นเด็กเล็ก น้าฎา และน้ากันต์ ซึ่งเป็น คนที่ห่วงใยกะทิ และคอยหาสิ่งดีๆให้กะทิอยู่เสมอๆ และเป็นคนที่พูด ปลอบใจกะกิในยาม กะทิ เศร้าโศกเสียใจ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ แม่ ของกะทิ ที่ถึงแม้จะจากไปก่อนวัยอันควรแต่ก็จัดสิ่งต่างๆไว้ให้กะทิ อย่างดิบดี ด้วยความรัก และเอาใจใส่จากใจ
กลวิธีการเขียน การเปิดเรื่อง เป็นส่วนแรกของเรื่องที่ทำ ให้ผู้อ่านเกิดความสนใจ และติดตามอ่านต่อไป งามพรรณ ใช้วิธีเปิดเรื่องโดยการบรรยาย ฉาก และบรรยากาศเพื่อให้รู้จักกะทิเป็นการเปิดตัวละครเอกที่ ทำ ให้รู้จักกะทิตั้งแต่เริ่มเรื่อง เปิดเรื่องด้วยการบรรยายฉากตอน เข้า ยายทำ กับข้าว เป็นภาพการเคลื่อนไหว มีเสียงและกลิ่นจาก การทำ อาหาร ซึ่งเป็นการเปิดฉากชีวิตวันใหม่ของกะทิที่ทำ ให้เห็น ภาพการดำ เนินชีวิตที่เรียบง่ายและอบอุ่น จากการเลี้ยงดูของตา และยาย ความสุขของกะทิ ใช้กลวิธีที่สร้างความ สะเทือนใจด้วย การสร้างความขัดแย้ง ภายในจิตใจของตัวละครเป็นส่วนใหญ่ ผู้อ่านจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของตัวละครดังเช่น ความรู้สึกที่ขัด แย้งต่อสู้ทันภายในจิตใจของกะทิเป็นเหตุการณ์ที่กะทิขัดคำ สั่ง ของ ผู้ใหญ่แอบอ่านจดหมายที่ครูราตรีเขียนถึงสามี จึงไม่ได้ดูแล น้องทิว ทําให้น้องป่วยกะทิรู้สึกผิดอย่างรุนแรงเป็นความอึดอัดใจ ที่ไม่รู้จะไประบายความรู้สึกให้ใครฟัง
ลักษณะนิสัยของตัวละคร กะทิ เป็นเด็กหญิงอารมณ์ดี ช่างชักถาม ช่างสังเกตขณะเดียวกันก็ เป็นเด็กที่เก็บความทุกข์ไว้กับตัวด้วย สนใจไปเรียนร้องเพลงแถมยัง ชอบวาดรูป ดูงานศิลปะ อ่านหนังสือ และถ่ายรูป คุณตาของกะทิ เป็นคนใจดี ขี้เล่น ช่างคุย และช่างแซวตาเป็นถึง ทนายความมือหนึ่งที่ช่วยคบมาแล้วมากมาย คุณยายของกะทิ เป็นตัวละครที่ทำ อาหารอร่อยที่สุดในเล่มเรื่องภาษา ที่รู้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส " น้าฎา " หรือ "โฉมชฎา หญิงสาวคนสวย เป็นคนมีหัวคิดและเป็นธุระ ดูแลกะทิแทนแม่ของเธอได้ แม่ของกะทิ แม่กะทิเริ่มเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ตั้งแต่อายุ 33 ปีเธอตัดสินใจออกจากบ้านริมคลอง ไปพักรักษาตัวที่บ้านริมทะเล ตลอดระเวลา 5ปี
ฉากและบรรยากาศของเรื่อง ฉากและบรรยากาศส่วนใหญ่ที่สมจริงแสดงให้เห็นความรู้และ ประสบการณ์ของผู้แต่งสร้างอารมณ์ให้ผู้อ่านคล้อยตามอย่างเหมาะสม ตามเนื้อเรื่อง ตัวอย่างฉากที่แม่ของกะทิเสียชีวิต เป็นบรรยากาศที่โศก เศร้าผู้แต่งไม่ได้เล่าเรื่องโดยตรง แต่ใช้การบรรยายสภาพแวดล้อม เป็นบรรยากาศที่เงียบเหงาให้ผู้อ่านมีความรู้สึกเศร้าตาม ผู้แต่งใช้ สัญลักษณ์ของดวงจันทร์ที่มีความ หมายแทนแม่ของกะทิจากลักษณะ ที่เต็มดวง เหลือเพียงเสี้ยวเล็กๆ และ สร้างจากที่เป็นต้นไม้ประเภท ต้นสน เมื่อถูกลมพัดต้นและใบลู่ต ลู่ ามลมสื่อความหมายที่ไม่มั่นคง และพูดถึงเวลาที่หยุดนิ่ง แสดงดึงความเศร้าโศกแต่บรรยายถึงการ เปลี่ยนไปเป็นความสดชื่นสวยงาม เมื่อถึงเวลาเช้าเป็นฉากและ บรรยากาศที่สื่อถึงเรื่องราว อารมณ์และความรู้สึกของตัวละคร ที่สูญเสียแม่ได้อย่างสมจริง
สำนวนภาษาที่ผู้ ที่ แต่งใช้ ผู้แต่งใช้การแต่งแบบบรรยาย ถ้อยคำ ในเล่มอ่านได้ เพลิดเพลินและเย็นชื่น หัวใจ ผู้เขียนเล่าเรื่องโดยแบ่งเป็น ภาคใหญ่ๆ คือบ้านริมคลอง บ้านชายทะเล และบ้านกลางเมือง ที่แต่ละภาคบอกเรื่องราวของต่างช่วง เวลาที่เป็นปริศนาในชีวิต กะทิเริ่มตั้งแต่ปัจจุบัน ย้อนไปให้ได้รู้จักอดีตซึ่งนำ ไปสู่การ ตัดสินใจเลือกทางเดินในอนาคตของตัวละคร
ข้อคิดและประโยชน์ที่ไที่ ด้จากเรื่อง 1.ความรักในครอบครัว เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ การมีสายเลือดเดียวกันเป็น ความผูกพันที่แนบแน่น และทําให้มีความเข้าใจกันเช่น กะทิปแม้ว่าจะเกิดมา ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ กะทิ ไม่โทษแต่ก็แสดงออกว่ารักพ่อ 2. การดำ เนินชีวิต ผู้แต่งนำ เสนอแนวคิดเกี่ยวกับทุกข์และสุขชีวิตให้แนวคิด เกี่ยวกับการดำ เนินชีวิตโดยเฉพาะในเรื่อง ความทุกข์กับความสุขอย่างชัดเจน ดังเช่นตอนจบใน ความสุขของกะทิตอนตามหาพระจันทร์ก็หมือน บทเพลง ต่างลีลา ต่างจังหวะ มีทั้งโศกเศร้าเหงาซึ้ง ทั้งสุขสนุก เริงร่า และแน่นอนว่า คละเคล้ากันไป ยามทุกข์คงไม่มีอะไรดีกว่า อดทนและรอให้ทุกอย่างผ่านไป ในที่สุด ยามสุขก็คงไม่หลงลืมว่าวันข้างหน้าอาจมีสิ่งเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ 3.วัฒนธรรมไทย ได้สะท้อนภาพวัฒนธรรมไทยในชนบทเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิม ของคนไทย มีความเรียบง่าย มีความสุขและสงบท่ามกลางธรรมชาติ ความสุข ของกะทิที่น่าสนใจคือ วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับอาหารไทยซึ่งสะท้อนให้เห็นความ เป็นอยู่ของคนไทยในชนบทที่มีความสุข 4.ศาสนาพุทธ ตัวอย่างเรื่องการทำ บุญก็ไม่ได้ทำ บุญเฉพาะในวันปีใหม่และ วันสงกานต์ดังเช่นเมื่อตอนสายยายแกงหมูเทโพหม้อใหญ่โตไปถวายเพล ถือ เป็นการทำ บุญปีใหม่ทั้งๆที่ตาท้วงว่าคนแถวนี้จะทำ บุญใหญ่กันตอน สงกรานต์ยายพูดลอยๆ ฟังคล้ายๆ เผื่อว่าตอนนั้นไม่อยู่แถวนี้มีศรัทธาตอนนี้ ใครจะทำ ไม
เหตุผลที่เ ที่ ลือกอ่านหนังสือเล่มนี้ 1.หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วได้ข้อคิดที่ดีต่างๆมากมาย 2.หนังสือเล่มนี้มีความน่าสนใจ เนื้อหาเข้าใจง่าย 3.มีการพูดถึงสังคมไทยในรูปแบบการบรรยายออกมาเป็นหนังสือผ่านตัว ละครและเรื่องราวต่างๆ 4.มีความรู้ กคล้อยตาม เข้าถึงตัวละคร มีอารมณ์ความรู้สึกร่วมด้วย 5.เกิดมุมมองใหม่ๆในการมองโลกในความเป็นจริง มีเหตุผล
เสนอ คุณครู กนกวรรณ วงศ์ษายะ