มฺมหฺ หาฺ าเฺ ชวฺาสฺตสิัฺหนฺ รดืฺอรฺ ชฺ าฺ ดฺ กฺ ฺ ฺ ฺ ฺ
ฺ
.
ฺ
คำนำ
คํานําหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรี(E-BOOK)
เพื่อนําไปใช้ในการเรียนรู้ส่วนนักเรียนจะได้ทราบเนื้อหาสาระ ได้แก่ ความเป็นมา
ประวัติผู้แต่งลักษณะคำประพันธ์, เรื่องย่อ กัณฑ์มัทรี, เนื้อเรื่อง (ร้อยกรอง), เนื้อเรื่อง
(ร้อยแก้ว) และความรู้เพิ่มเติม ได้แก่ คำอธิบายศัพท์, ข้อคิดที่นำไปใช้ในชีวิตประจำ
วัน,บทสรุปและสุดท้ายเกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรีสะท้อน อะไรบ้าง? การจัด
ทําหนังสือเล่มนี้ขึ้นเพื่อศึกษาเรื่องมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรีเพื่อให้นักเรียนเกิด
ความรู้ความเข้าใจสามารถนำไปประยุกต์ใช้ไดในการจัดการเรียนการสอนต่อไป
สารบัญ
เรื่อง หน้า
ผู้แต่ง ๑
ที่มาของเรื่อง ๒
ลักษณะคำประพันธ์ ๓
จุดประสงค์ในการแต่ง ๔
เนื้อเรื่องทั้ง ๑๓ กัณฑ์และข้อคิดที่ได้ ๕
คำศัพท์สำคัญที่ปรากฏ ๑๘
วิจารณ์ตัวละครสำคัญในเรื่อง ๑๙
ฝนโบกขรพรรษ ๒๔
ทศชาติ ๒๕
ข้อคิดจากเรื่องที่สามารถนำไปประยุกต์ในชีวิตประจำวัน ๓๐
บรรณานุกรม ๓๒
ผู้แต่ง ๑
สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมปรมาชิตชิโนรส
แต่งกัณฑ์ : ทศพร หิมพานต์ มหาราช
ฉกษัตริย์ และนครกัณฑ์
สำนักวัดถนน (นายทองอยู่หรือพระทองอยู่)
แต่งกัณฑ์ : ทานภัณฑ์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
แต่งกัณฑ์ : วนประเวศน์ ชูชก และสักกบรรณ
สำนักวัดสังขจาย [พระเทพมุนี (ด้วง) ]
แต่งกัณฑ์ : ชูชก
พระเทพโมลี (กลิ่น)
แต่งกัณฑ์ : มหาพน
เจ้าพระยาพระคลัง
แต่งกัณฑ์ : กุมาร และมัทรี
๒
ที่มาของเรื่อง
มหาชาติ แปลว่าชาติที่ยิ่งใหญ่เป็นคำที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยนิยมเรียกพระชาติหนึ่ง
ของพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดรผู้มุ่งบำเพ็ญทานบารมีโดยเฉพาะ
เรื่องการบริจาคบุตรและภรรยา อันเป็นเรื่องที่กระทำได้ยากยิ่งสำหรับบุคคลทั่วไป
มหาเวสสันดรชาดก เป็นชาดกเรื่องหนึ่งในพระสุตตันตปิฎกและเป็นร่ายยาวมหา
เวสสันดรชาดก มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ในรัชกาลของพระเจ้าทรงธรรม โปรดให้
แต่งเรื่องเวสสันดรชาดกเป็นคำประพันธ์ สำหรับราชบัณฑิตใช้สวดในเทศกาลเข้าพรรษา
ประกอบด้วยร่าย และกาพย์ ปะปนกันเป็นวรรณคดีเรื่องสำคัญ เรียกว่า กาพย์มหาชาติ ซึ่ง
ไม่ได้ใช้สำหรับการเทศน์มหาชาติอย่างในปัจจุบัน
๓
ลักษณะคำประพันธ์
มหาเวสสันดรชาดกเป็นมหาชาติกลอนเทศน์ มีลักษณะคำประพันธ์เป็นร่ายยาวที่
มีคาถาบาลีนำร่ายยาว บทหนึ่งไม่จำกัดจำนวนวรรค แต่ที่นิยมคือตั้งแต่ ๕ วรรคขึ้น
ไป และแต่ละวรรคก็ไม่จำกัดจำนวนคำเช่นกัน แต่ไม่ควรน้อยกว่า ๕ คำ ซึ่งคำ
สุดท้ายของวรรคหน้าจะส่งสัมผัสไปวรรคหลังคำใดก้ได้ แต่เว้นคำสุดท้ายของวรรค
อาจจบลงด้วย “คำสร้อย” (คำสร้อย เช่น ฉะนี้ ดังนี้ นั้นเกิด นั้นแล แล้วแล ด้วย
ประการฉะนี้ เป็นต้น)
แผนผังและตัวอย่างร่ายยาว
๔
จุดประสงค์ในการแต่ง
เพื่อใช้เทศน์ให้ประชาชนฟัง มหาเวสสันดรชาดก แต่งขึ้นเพื่อใช้เทศน์มหาชาติ
เนื่องจากร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกเป็นชาดกเรื่องใหญ่ที่สุด เป็นชาติที่พระ
โพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดรซึ่งเป็นพระชาติสุดท้ายก่อนจะประสูติเป็น
เจ้าชายสิทธัตถะ แล้วเสด็จออกผนวชกระทั่งได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นเรื่องราวในพระชาติที่เป็นพระเวสสันดรได้ทรงบำเพ็ญทศบารมี ครบทั้ง ๑๐
ประการ โดนเฉพาะอย่างยิ่ง ทานบารมี ซึ่งทรงบริจาคบุตรทารทาน คือ บริจาคพระ
ชาลี พระกัณหา และพระนางมัทรี จึงเป็นชาติที่สำคัญและยิ่งใหญ่ เรียกว่า
“มหาชาติ” หรือ “มหาเวสสันดรชาดก”
๕
กัณฑ์ที่ ๑ ทศพร
เป็นกัณฑ์ที่พระอินทร์ประทานพรแก่พระนางผุสดี ก่อนที่จะจุติลงมาเป็นพระราชมารดาของ
พระเวสสันดรภาคสวรรค์ พระนางผุสดีเทพอัปสรสิ้นบุญ ท้าวสักกะเทวราชสวามีทรงทราบจึง
พาไปประทับยังสวนนันทวันในเทวโลก พร้อมให้พร ๑๐ ประการ คือ ให้ได้อยู่ในประสาทของ
พระเจ้าสิริราชแห่งนครสีพี ขอให้มีจักษุดำดุจนัยน์ตาลูกเนื้อ ขอให้คิ้วดำสนิท ขอให้พระนาม
ว่า ผุสดี ขอให้มีโอรสที่ทรงเกียรติยศเหนือกษัตริย์ทั้งหลายและมีใจบุญ ขอให้มีครรภ์ที่ผิดไป
จากสตรีสามัญคือแบนราบในเวลาทรงครรภ์ ขอให้มีถันงามอย่ารู้ดำและหย่อนยาน ขอให้มี
เกศาดำสนิท ขอให้มีผิวงาม และข้อสุดท้ายขอให้มีอำนาจปลดปล่อยนักโทษได้
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๑
การทำบุญจักให้สำเร็จสมประสงค์ต้องอธิษฐานจิตตั้ง เป้าหมายชีวิตที่ตนปรารถนาไว้
ความปรารถนาที่จะสำเร็จสมดังตั้งใจผู้นั้นต้องมีศีลบริบูรณ์ กล่าวคือ ๑. ต้องกระทำความดี
๒.ต้องรักษาความดีนั้นไว้
๓. หมั่นเพิ่มพูนความดีให้มากยิ่งขึ้น
๖
กัณฑ์ที่ ๒ หิมพานต์
เป็นกัณฑ์ที่พระเวสสันดรบริจาคทานช้างปัจจัยนาค ประชาชนสีพีโกรธแค้นจึงขับไล่
ให้ไปอยู่เขาวงกตพระนางผุสดีได้จุติลงมาเป็นพระราชธิดาพระเจ้ามัททราช เมื่อเจริญ
ชนม์ได้ ๑๖ พรรษาจึงได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้ากรุงสญชัย แห่งสีวิรัฐนคร ต่อมาได้
ประสูติพระโอรสนามว่า “เวสสันดร”ในวันที่ประสูตินั้นได้มีนางช้างฉัททันต์ตกลูกเป็น
ช้างเผือกขาวบริสุทธิ์จึงนำมาไว้ในโรงช้างต้นคู่บารมีให้มีนามว่า “ปัจจัยนาค” เมื่อพระ
เวสสันดรเจริญชนม์ ๑๖ พรรษา พระราชบิดาก็ยกสมบัติให้ครอบครองและทรงอภิเษก
กับนางมัทรี พระราชบิดาราชวงศ์มัททราช มีพระโอรส ๑ องค์ชื่อ ชาลี ราชธิดา ชื่อ กัณห
า พระองค์ได้สร้างโรงทาน บริจาคทานแก่ผู้เข็ญใจ ต่อพระเจ้ากาลิงครัฐแห่งนครกาลิงค
รัฐได้ส่งพราหมณ์มาขอพระราชทานช้างปัจจัยนาค พระองค์จึงพระราชทานช้างปัจจัยนาค
พระองค์จึงพระราชทานช้างปัจจัยนาคแก่พระเจ้ากาลิงครัฐ
ชาวกรุงสัญชัย จึงเนรเทศพระเวสสันดรออกนอกพระนคร
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๒
๑.คนดีเกิดมานำพาโลกให้ร่มเย็น
๒. โลกต้องการผู้เสียสละมิฉะนั้นหายนะจะบังเกิด
๓. การทำดีย่อมมีอุปสรรค "มารไม่มีบารมีไม่มามารยิ่งมาบารมียิ่งแก่กล้า"
๔. จุดหมายแห่งการเสียสละอยู่ที่พระโพธิญาณมิหวั่นไหวแม้จะได้รับทุกข์
๗
กัณฑ์ที่ ๓ ทานกันฑ์
เป็นกัณฑ์ที่พระเวสสันดรทรงแจกมหาสัตสดกทาน คือ การแจกทานครั้งยิ่งใหญ่
ก่อนที่พระเวสสันดรพร้อมด้วยพระนางมัทรี ชาลี และกัณหาออกจากพระนคร จึงทูล
ขอพระราชทานโอกาสบำเพ็ญ มหาสัตสดกทาน คือ การให้ทานครั้งยิ่งใหญ่ อัน
ได้แก่ ช้าง ม้า โคนม นารี ทาสี ทาสาสรรพวัตถาภรณ์ต่างๆ รวมทั้งสุราบานอย่างละ
๗๐๐
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๓
๑.ความรักของแม่ ความห่วงของเมีย
๒.โทษทัณฑ์ของการเป็นหม้าย คือถูกประนามหยามหมิ่นอาจถึงจบชีวิตด้วยการก่อกองไฟ
ให้รุ่งโรจน์แล้วโดดฆ่าตัวตาย
๓.เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม พึงยอมเสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว
๔. ยามบุญมีเขาก็ยกยามตกต่ำเขาก็หยาม ชีวิตมีทั้งชื่นบานและขื่นขม
๘
กัณฑ์ที่ ๔ วนประเวศน์
เป็นกัณฑ์สี่กษัตริย์เดินดงบ่ายประพักตร์สู่เขาวงกต เมื่อเดินทางถึงนครเจตราช
ทั้งสี่กษัตริย์จึงแวะเข้าประทับพักหนาศาลาพระกษัตริย์ผู้ครองนครเจตราชจึงทูล
เสด็จครองเมือง แต่พระเวสสันดรทรงปฏิเสธ และเมื่อเสด็จถึงถึงเขาวงกตได้พบ
ศาลาอาศรม ซึ่งท้าววิษณุกรรมเนรมิตตามพระบัญชาของท้าวสักกะเทวราช กษัตริย์
ทั้งสี่จึงทรงผนวชเป็นฤๅษีพำนักในอาศรมสืบมา
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๔
๑. ยามเห็นใจ ยามจน ยามเจ็บ ยามจากเป็นยามที่ควรจะได้รับความเหลียวแล
๒. ผลดีของมิตรแท้ คือ ไม่ทอดทิ้งในยามเพื่อนทุกข์ ช่วยอุ้มชูยามเพื่อนอ่อนล้า ช่วย
ฉุดดึงยามเพื่อนตกต่ำ
๓. น้ำใจของคนดี หากรู้ชัดว่าปกติสุขของคนส่วนมากจะตั้งอยู่ได้ เพราะการเสียสละ
ของตน ก็สมัครสลัดโอกาสและโชคลาภอันจะพึงได้ ด้วยความชื่นชม
๙
กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก
เป็นกัณฑ์ที่ชูชกได้นางอมิตตามาเป็นภรรยาและหมายจะได้โอรส และธิดาพระเวสสันดร
มาเป็นทาสในแคว้นกาลิงคะมีพราหมณ์แก่ชื่อชูชก พนักในบ้านทุนวิฐะ เที่ยวขอทานในเมือง
ต่างๆ เมื่อได้เงินถึง ๑๐๐ กหาปณะ จึงนำไปฝากไว้กับพราหมณ์ผัวเมีย แต่ได้นำเงินไปใช้
เป็นการส่วนตัวเมื่อชูชกมาทวงเงินคืนจึงยกนางอมิตดาลูกสาวให้แก่ชูชก
นางอมิตดาเมื่อมาอยู่ร่วมกับชูชกได้ทำหน้าที่ของภรรยาที่ดี ทำให้ชายในหมู่บ้านเปรียบเทียบ
กับภรรยาตน หญิงในหมู่บ้านจึงเกลียดชังและรุมทำร้ายทุบตีนางอมิตดา ชูชกจึงเดินทางไป
ทูลขอกัณหาชาลีเพื่อเป็นทาสรับใช้ เมื่อเดินทางมาถึงเขาวงกตก็ถูกขัดขวางจากพราหมณ์เจต
บุตรผู้รักษาประตูป่า
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๕
๑.ของที่รักและหวงแหน ที่โบราณห้ามฝากผู้อื่นไว้คือ เงิน ม้า เมีย ยิ่งน้องเมียห้าม
ฝากเด็ดขาด อันตรายมาก
๒.ภรรยาที่ดีย่อมไม่ย่อหย่อนต่อหน้าที่ ข้าวดำ น้ำตัก ฟืนตอหักหา
น้ำร้อน น้ำชาเตรียมไว้เสร็จ
๓.ของไม่คู่ควรย่อมมีปัญหา ตำราหิโตปเทศกล่าวว่า "ความรู้เป็นพิษเพราะเหตุที่ไม่ใช้
อาหารเป็นพิษเพราะเหตุไฟธาตุไม่ย่อย เมียสาวเป็นพิษเพราะผัวแก"
๑๐
กัณฑ์ที่ ๖ จุลพน
เป็นกัณฑ์ที่พรานเจตบุตรหลงเชื่อชูชก และชี้ทางสู่อาศรมพระอัจจุตฤๅษีให้ถาม
ทางอีกครั้งนึง ชูชกลาพรานเจตบุตรอ้างว่าเป็นพระราชสาสน์ของเจ้ากรุงสญชัยจึงได้
พาไปยังต้นทางที่จะไปอาศรมฤๅษี
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๖
๑. มีอำนาจหากขาดปัญญาย่อมถูกหลอกได้ง่าย
๒. คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด
๓. ไว้ใจทาง วางใจคน จะจนใจตัว
๑๑
กัณฑ์ที่ ๗ มหาพน
เป็นกัณฑ์ป่าใหญ่ ชูชกหลอกล่อจุตฤๅษีให้บอกทางสู่อาศรมพระเวสสันดรแล้วก็
รอนแรมเดินไพรไปหาเมื่อถึงอาศรมฤๅษี ชูชกได้พบกับจุตฤๅษี ชูชกใช้คารมหลอกล่อ
จนอจุตฤๅษี ให้ที่พักหนึ่งคืนและบอกเส้นทางไปยังอาศรมพระเวสสันดร
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๗
๑. ฉลาดแต่ขาดเฉลียว มีปัญญาแต่ขาดสติก็เสียทีพลาดท่าได้
๒. สงสารฉิบหาย เชื่อง่ายเป็นทุกข์
๓. คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ ซื้อเสื่อให้ดูลาย
๑๒
กัณฑ์ที่ ๘ กัณฑ์กุมาร
เป็นกัณฑ์ที่พระเวสสันดรทรงได้ทานสองโอรสแก่เฒ่าชูชกพระนาง
มัทรีฝันร้ายเหมือนบอกเหตุแห่งการพลัดพรากรุ่งเช้าเมื่อนางมัทรีเข้าป่าหาอาหารแล้วชู
ชกจึงเข้าเฝ้าทูลขอสองกุมาร สองกุมารจึงพากันลงไปซ่อนตัวอยู่ที่สระพระเวสสันดรจึง
ลงเสด็จติดตามสองกุมาร แล้วจึงมอบให้แก่ชูชก
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๘
๑. ความเป็นผู้รู้จักกาลเทศะ ไม่ผลีผลามเข้าไปขอรอจนพระมัทรีเข้าป่าจึงเข้าเฝ้า เพื่อของสอง
กุมาร เป็นเหตุให้ชูชกประสบผลสำเร็จใจสิ่งที่ตนปรารถนา ดังภาษิตโบราณว่า "ช้า ๆ จะได้
พร้าเล่มงาม ด่วนได้สามผลามมักพลิกแพลง" ช้าเป็นการนานเป็นคุณ ผู้รู้จักโอกาส มีมารยาท
กล้าหาญ ใจเย็น เป็นสำเร็จ
๒. พ่อแม่ทุกคนรักลูกเหมือนกัน แต่เป็นห่วงไม่เท่ากัน ห่วงหญิงมากกว่าห่วงชาย เพราะท่าน
เปรียบไว้ว่า "ลูกหญิงเหมือนข้าวสาร ลูกชายเหมือนข้าวเปลือก"
๓. สติ เตสัง นิวารณัง สติเป็นเครื่องป้องกันอันตรายทั้งปวงได้ ขันติ
สาหสวารณา ขันติป้องกันความหุนหันพลันแล่นได้ เป็นเหตุให้พระเวสสันดร
ไม่ประหารชูชกด้วยพระขรรค์ เมื่อถูกชูชกประนาม
๔. วิสัยหญิงนั้น แม้จะมากอยู่ด้วยเมตตากรุณา ชอบปลดเปลื้องทุกข์แก่ผู้อื่น
ก็จริงอยู่ แต่เว้นอย่างเดียว ที่ผู้หญิงนั้นไม่มีวันจะสละสิ่งนั้น คือ "ลูก"
๑๓
กัณฑ์ที่ ๙ กัณฑ์มัทรี
เป็นกัณฑ์ที่พระนางมัทรีทรงได้ตัดความห่วงหาอาลัยในสายเลือด อนุโมทนาทานโอรสทั้ง
สองแก่ชูชกพระนางมัทรีเดินเข้าไปหาผลไม้ในป่าลึกจนคล้อยเย็นจึงเดินทางกลับอาศรม แต่มี
เทวดาแปลงกายเป็นเสือนอนขวางทางจนค่ำ เมื่อกลับถึงอาศรมไม่พบโอรส
พระเวสสันดรได้กล่าวว่านางนอกใจ จึงออกเที่ยวหาโอรสและกลับมาสิ้นสติต่อเบื้องพระพักตร์
พระองค์ทรงตกพระทัยลืมตนว่าเป็นดาบส จึงทรงเข้าอุ้มพระนางมัทรีและทรงกันแสง เมื่อนา
งมัทรีฟื้นจึงถวายบังคมประทานโทษพระเวสสันดรจึงบอกความจริงว่าได้ประทานโอรสแก่ชูชก
แล้ว หากชีวิตไม่สิ้นคงจะได้พบนางจึงได้ทรงอนุโมทนา
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๙
ลูกคือแก้วตาดวงใจของผู้เป็นพ่อแม่ "ลูก ดีเป็นที่ชื่นใจของพ่อแม่ ลูกแย่พ่อแม่ช้ำใจ"
รักใครเล่าจะเท่าพ่อแม่รัก ห่วงใดเล่าจะเท่าพ่อแม่ห่วง หวงใดเล่าจะเท่าพ่อแม่หวง ให้ใคร
เล่าจะเท่าพ่อแม่ให้ เพราะฉะนั้นพึงเป็นลูกแก้ว ลูกขวัญ ลูกกตัญญู ที่ชาวโลกชื่นชม พรหม
ก็สรรเสริญฯ
๑๔
กัณฑ์ที่ ๑๐ สักกบรรพ
เป็นกัณฑ์ที่พระอินทร์เจ้าจำแลงกายเป็นพราหมณ์มาขอพระนางมัทรี แล้วสลบลง
เมื่อได้พบท้าวสักกะเทวราชเสด็จแปลงเป็นพราหมณ์เพื่อทูลขอนางมัทรีพระเวสสันดร
จึงพระราชทานให้พระนางมัทรีก็ยินดีอนุโมทนาเพื่อร่วมทานบารมีให้สำเร็จพระสัมโพธิ
ญาณเป็นเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวสะท้าน ท้าวสักกะเทวราชในร่างพราหมณ์จึงฝากนา
งมัทรีไว้ยังไม่รับไป ตรัสบอกความจริงและถวายคืนพร้อมถวายพระพร ๘ ประการ
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๑๐
การทำดีแม้ไม่มีคนเห็น ก็เป็นความดีอยู่วันยังค่ำ ดุจทองคำแม้จะอยู่ในตู้โชว์ หรือใน
กำปั่นก็เป็นทองคำอยู่นั่นเอง เข้าลักษณะว่า ความ(ของ)ดีดีเด็ดเหมือนเพชรเหมือนทอง
ถึงไร้เจ้าของก็เหมือนตัวยัง ถึงใส่ตู้อุด ถึงขุดหลุมฝัง ก็มีวันปลั่งอะหลั่งฉั่งชู การทำความดี
แม้ไม่มีคนเห็น แต่เทพยดาอารักษ์เบื้องบนท่านย่อมรู้
๑๕
กัณฑ์ที่ ๑๑ มหาราช
เป็นกัณฑ์ที่เทพเจ้าจำแลงองค์องค์ทำนุบำรุงขวัญสองกุมารก่อนเสด็จนิวัติถึงมหานครสี
พีเมื่อเดินทางผ่านป่าใหญ่ชูชกจะผูกสองกุมารไว้ที่โคนต้นไม้ ส่วนตนปีนขึ้นไปนอนบน
ต้นไม้เหล่าเทวดาจึงแปลงร่างลงมาปกป้องสองกุมาร จนเดินทางถึงกรุงสีพีเกิดนิมิตฝัน
ตามคำทำนายยังความปีติปราโมทย์ เมื่อเสด็จลงหน้าลานหลวงตอนรุ่งเช้าทอดพระเนตร
เห็นชูชกพากุมารน้อยสองพระองค์ ทรงทราบความจริงจึงพระราชทานค่าไถ่คืน ต่อมาชูชก
ก็ดับชีพตักษัยด้วยเพราะเตโชธาตุไม่ย่อย ชาลีจึงได้ทูลขอให้ไปรับพระบิดาพระมารดานิวัติ
พระนคร ในขณะเดียวกันเจ้านครกาลิงครัฐได้โปรดคืนช้างปัจจัยนาคแก่นครสีพี
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๑๑
คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ย่อมได้รับความปกป้องคุ้มครองภัยในที่ทุกสถาน
๑๖
กัณฑ์ที่ ๑๒ ฉกษัตริย์
เป็นกัณฑ์ที่ทั้งหกกษัตริย์ถึงวิสัญญีภาพสลบลงเมื่อได้พบหน้า ณ อาศรมดาบสที่
เขาวงกตพระเจ้ากรุงสญชัยใช้เวลา ๑ เดือน กับ ๒๓ วัน จึงเดินถึงเขาวงกต เสียงโห่
ร้องของทหารทั้ง ๔ เหล่า พระเวสสันดรทรงคิดว่าเป็นข้าศึกมารบนนครสีพี จึงชวนนา
งมัทรีขึ้นไปแอบดูที่ยอดเขาพระนางมัทรีทรงมองเห็นกองทัพพระราชบิดา ได้ทรงตรัส
ทูลพระเวสสันดรและเมื่อหกกษัตริย์ได้พบหน้ากันทรงกันแสงสุดประมาณ รวมทั้ง
ทหารเหล่าทัพ ทำให้ป่าใหญ่สนั่นครั่นครืน ท้าวสักกะเทวราชจึงได้ทรงบันดาลให้ฝน
ตกประพรมหกกษัตริย์และหวยหาญได้หายเศร้าโศก
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๑๒
๑. พรากมีวันพบ จากมีวันเจอ จากกันยามเป็นได้เห็นน้ำใจจากกันยามตายได้เห็นน้ำตา
๒. การให้อภัยเป็นเพราะได้สำนึกเป็นเหตุให้ลบรอยร้าวฉานบันดาลสันติสุขแก่ส่วนรวม
๓. สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้ผิด บรรพชิตยังรู้เผลอ ความผิดพลาดเป็นเรื่องของมนุษย์
แต่การให้อภัยเป็นวิสัยของเทวดา
๑๗
กัณฑ์ที่ ๑๓ นครกัณฑ์
เป็นกัณฑ์ที่หกกษัตริย์นำพยุหโยธาเสด็จนิวัติพระนครททพระเวสสันดรขึ้นครอง
ราชย์แทนพระราชบิดาพระเจ้ากรุงสัญชัยตรัสสารภาพผิด พระเวสสันดรจึงทรงลาผนวช
พร้อมทั้งพระนางมัทรีและเสด็จกลับสู่สีพีนคร เมื่อเสด็จถึงจึงรับสั่งให้ชาวเมืองปล่อยสัตว์
ที่กักขัง ครั้นยามราตรีพระเวสสันดรทรงปริวิตกว่า รุ่งเช้าประชาชนจะแตกตื่นมารับ
บริจาคทาน พระองค์จะประทานสิ่งใดแก่ประชาชนท้าวโกสีห์ได้ทราบจึงบันดาลให้มีฝน
แก้ว ๗ ประการ ตกลงมาในนครสีพีสูงถึงหน้าแข้ง พระเวสสันดรจึงทรงประกาศให้
ประชาชนขนเอาตามปรารถนา ที่เหลือให้ขนเข้าคลังหลวง ในการต่อมาพระเวสสันดร
เถลิงราชสมบัติปกครองนครสีพีโดยทศพิธราชธรรมบ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขตลอดพระ
ชนมายุ
ข้อคิดประจำกัณฑ์ที่ ๑๓
การทำความดี ย่อมได้รับผลดีตอบแทน การใช้ธรรมะในการปกครองย่อมทำให้เกิด
ความสงบร่มเย็น
๑๘
คำศัพท์สำคัญที่ปรากฏ
๑.จักษุ แปลว่า ดวงตา
๒.เกศา แปลว่า เส้นผม
๓.ทรงครรภ์ แปลว่า ตั้งท้อง
๔.ช้างปัจจัยนาค แปลว่า ช้างคู่บุญบารมีของพระเวสสันดร
๕.ทาสี แปลว่า ทาสหญิง
๖.ทาสา แปลว่า ทาสชาย
๗.สัตตสดกทาน แปลว่า มหาทานอย่างละ ๑๐๐ จำนวน ๗ หมวด
๘.อาศรม แปลว่า ที่อยู่ของนักบวช
๙.รอนแรม แปลว่า เดินทางไกล
๑๐.พลัดพราก แปลว่า แยกจากกันไป, จากไป
๑๑.พระพักตร์ แปลว่า ดวงหน้า
๑๒.พระสัมโพธิญาณ แปลว่า ญาณอันประเสริฐอันเป็นเครื่องตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัม
พุทธเจ้า หรือพระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
๑๓.เตโชธาตุ แปลว่า ธาตุไฟ
๑๔.ประพรม แปลว่า พรมหรือโปรยเป็นฝอย ๆ ด้วยสิ่งที่เป็นน้ำ
๑๕.พระชนมายุ แปลว่า อายุ
๑๙
วิจารณ์ตัวละครสำคัญในเรื่อง
พระเวสสันดร
เป็นแบบอย่างของผู้เสียสละประโยชน์ส่วนตัว เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม มุ่งบำบัดทุกข์
บำรุงสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง ยอมเสียสละความสุขส่วนพระองค์ แม้จะทุกข์ก็ไม่หวั่น เป็น
แบบอย่างของบุคคลผู้ไม่ยึดติดอำนาจวาสนา รู้ซึ้งถึงโลกธรรมที่ว่า "ยามมียศ เขาก็ยก ยาม
ต่ำตกเขาก็หยาม" หาได้หวั่นไหวหรือล้มเลิกบำเพ็ญบารมีไม่
๒๐
วิจารณ์ตัวละครสำคัญในเรื่อง
พระนางมัทรี
เป็นแม่แบบของภรรยาผู้มีลักษณะเป็นกัลยาณมิตรของสามี สนับสนุนเป้าหมาย
ชีวิตอันประเสริฐที่สามีได้ตั้งไว้ และยังเป็นแบบอย่างของภรรยาตามทัศนะของคน
ตะวันออก เช่น ปฏิบัติดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร เป็นต้น ทรงคุณธรรมสำคัญ คือ
"ซื่อตรง จงรัก หนักแน่น"
๒๑
วิจารณ์ตัวละครสำคัญในเรื่อง
พระกัณหา-พระชาลี
เป็นแบบอย่างของลูกที่เชื่อฟังพ่อแม่ เข้าใจในเจตนาแห่งการประพฤติธรรม เพื่อ
ประโยชน์ของคนหมู่มากของพ่อคือพระเวสสันดร
๒๒
วิจารณ์ตัวละครสำคัญในเรื่อง
ชูชก
เป็นตัวอย่างของคนที่ติดอยู่ในกามคุณเข้าลักษณะว่า"วัวแก่กินหญ้าอ่อน"ต้อง
ตกระกำลำบากในยามชรา เพราะ "รักสนุกจึงต้องทุกข์ถนัด "ตำราหิโตปเทศ
ว่า"ความรู้เป็นพิษเพราะเหตุไม่ใช้ปราสาทเป็นพิษเพราะคนเข็ญใจอาหารเป็นพิษ
เพราะไฟธาตุไม่ย่อย เมียสาวเป็นพิษเพราะผัวแก่"
๒๓
วิจารณ์ตัวละครสำคัญในเรื่อง
พระนางผสุดี-พระเจ้ากรุงสญชัย
เป็นแบบอย่างของนักปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ฟัง
เสียงประชาชนส่วนใหญ่ รู้จักผ่อนผันเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ไม่เว้นแก่พวกพ้อง แม้จะเป็น
พระโอรสก็ตาม
๒๔
ฝนโบกขรพรรษ
ครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพระประยูรญาติ เมื่อพระองค์เสด็จถึงพระนครกบิลพัสดุ์แล้ว
ฝ่ายพระประยูรญาติมีพระเจ้าสุทโธทนะเป็นประธานเสด็จมาต้อนรับ ต่างก็ยังมีทิฐิมานะแรง
กล้าไม่ยอมนอบน้อมนมัสการพระบรมศาสดา ด้วยเห็นว่าพระพุทธองค์มีวัยอ่อนกว่าตน
พระพุทธองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นเหตุดังนั้น จึงทรงแสดงปาฏิหาริย์เสด็จลอยขึ้นไปจงกรม
อยู่บนอากาศ ให้ธุลีละอองพระบาทหล่นลงมาบนพระเศียรเหล่าพระประยูรญาติลำดับนั้น
หมู่พระประยูรญาติต่างพากันคลายทิฐิมานะประคองอัญชลีนมัสการชื่นชมโสมนัสด้วย
บุญญาภินิหารของพระพุทธองค์ ขณะนั้น “ฝนโบกขรพรรษ” ก็ตกลงมาเป็นที่น่าอัศจรรย์
ฝนโบกขรพรรษมีลักษณะ ดังนี้
๑. น้ำฝนมีสีแดงดังเท้านกพิราบ เสียงสนั่นลั่นออกไปดังสายฝนธรรมดา
๒. ผู้ใดปรารถนาจะให้เปียกกายจึงจะเปียก หากมิได้ปรารถนาแม้แต่เม็ดหนึ่งก็มิได้เปียก
๓. เมื่อถูกกายแล้วจะหล่นสู่พื้นดินเสมือนหยาดน้ำที่ตกลงสู่ใบบัวแล้วกลิ้งตกลงไปฉะนั้น
๔. ไม่เจิ่งนองพื้นดิน เมื่อตกลงแล้วก็ซึมหายไปในแผ่นดินทันที
๒๕
ทศชาติ
มหานิบาตชาดก ทศชาติชาดก หรือ พระเจ้าสิบชาติ เป็นชาดกที่สำคัญ กล่าวถึงการ
บำเพ็ญบารมีใน ๑๐ ชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ ก่อนจะเสวยพระชาติมาเกิดเป็นพระ
โคตมพุทธเจ้า หรือเจ้าชายสิทธัตถะแห่งศากยวงศ์ ชาดกทั้ง ๑๐ เรื่อง เพื่อให้จำง่าย
มักนิยมท่องโดยใช้พยางค์แรกของแต่ละชาติ คือ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว ซึ่ง
เรียกว่า คาถาหัวใจทศชาติ หรือ คาถาหัวใจพระเจ้าสิบชาติ
๑.เตมีย์ชาดก(พระเตมีย์ใบ้)
ชาติที่ ๑ เพื่อบำเพ็ญเนกขัมมบารมี - เตมียชาดก (เต) เป็นชาติ
แรกในทศชาติชาดก ก่อนที่จะมาตรัสรู้เป็นสมเด็จพระอรหันต
สัมมาสัมพุทธเจ้านามพระโคดม ชาตินี้ พระองค์ทรงบำเพ็ญ
เนกขัมมบารมี หมายถึง การออกบวช
๒.มหาชนกชาดก(พระมหาชนก)
ชาติที่ ๒ เพื่อบำเพ็ญวิริยบารมี - มหาชนกชาดก (ชะ) พระ
โพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระชนกกุมาร โอรสพระเจ้า
อริฏฐชนก กษัตริย์เมืองมิถิลา ขณะที่เสด็จลงสำเภาไปค้าขาย
เกิดพายุใหญ่เรือแตกกลางมหาสมุทร พระมหาชนกทรงว่าย
น้ำโต้คลื่นอยู่ในมหาสมุทรถึง ๗ วัน นางเมขลาเห็นจึงพูด
ลองใจว่าให้พระองค์ยอมตายเสียเสียตามบุญตามกรรม แต่
พระองค์ก็ไม่ทรงฟัง ยังพยายามว่ายน้ำโต้คลื่นอยู่ตามเดิมนาง
เมขลาเห็นเลื่อมใสในความพยายาม จึงอุ้มพระองค์เหาะไปส่ง
ที่ฝั่ง พระชาตินี้พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญ วิริยบารมี
๒๖
ทศชาติ
๓.สุวรรณสามชาดก(สุวรรณสาม)
ชาติที่ ๓ เพื่อบำเพ็ญเมตตาบารมี - สุวรรณสามชาดก (สุ)
พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพรหมฤๅษี ต้องรับภาระเลี้ยง
ดูบิดามารดาผู้ตาบอด วันหนึ่งกบิลยักษ์แผลงศรมาถูกได้รับ
บาดเจ็บแสนสาหัส แต่ก็ไม่ได้โกรธ กลับแสดงเมตตาจิต
ต่อ และเทศนาทศพิธราชธรรมให้กบิลยักษ์ฟัง ด้วยอำนาจ
แห่งเมตตาธรรมทำให้พระสุวรรณสามหายเจ็บปวดรอดชีวิต
มาได้ และบิดามารดาก็กลับมีจักษุดี พระชาตินี้พระโพธิสัตว์
ทรงบำเพ็ญ เมตตาบารมี
๔.เนมิราชชาดก(พระเนมิราช)
ชาติที่ ๔ เพื่อบำเพ็ญอธิษฐานบารมี - เนมิราชชาดก (เน)
พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเนมิราช โอรสเจ้าเมือ
งมิถิลา โปรดการบริจาคทานและรักษาพรหมจรรย์
พระอินทร์ทรงพอพระทัย ถึงกับให้พระมาตุลีนำทิพยรถมา
รับไปเที่ยวเมืองสวรรค์ และเมืองนรก แล้วเชิญให้ครอง
เมืองสวรรค์ พระเนมิราชไม่ทรงรับและเสด็จกลับบ้าน
เมืองของพระองค์ พอทรงชราก็ออกผนวช พระชาตินี้พระ
โพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญ อธิษฐานบารมี
๒๗
ทศชาติ
๕.มโหสถชาดก(พระมหาสถ)
ชาติที่ ๕ เพื่อบำเพ็ญปัญญาบารมี - มโหสถชาดก (มะ) พระ
โพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น มโหสถ
บัณฑิต ผู้เกิดมาพร้อมแท่งยาใหญ่ซึ่งสามารถรักษาได้
สารพัดโรค วันหนึ่ง พระเจ้าวิเทหะ เจ้ากรุงมิถิลาได้ทรงพระ
สุบินว่าจะมีบัณฑิตคนที่ ๕ เกิดขึ้นจึงโปรดให้มหาอำมาตย์
ออกตามหา จึงได้ไปพบ มโหสถกุมาร ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง
๗ ปี แต่บัณฑิตทั้ง ๔ ของพระเจ้าวิเทหะต้องการจะพิสูจน์
ปัญญาของมโหสถกุมารว่าเหมาะสมจะเป็นบัณฑิตคนที่ ๕
หรือไม่ โดยมโหสถกุมารต้องผ่านการทดสอบเชาวน์ปัญญา
ถึง ๑๙ ครั้ง จึงสิ้นความคลางแคลงใจ พระเจ้าวิเทหะจึงรับ
มโหสถเป็นพระราชโอรสบุญธรรม พร้อมทั้งสถาปนาให้เป็น
มหาบัณฑิต พระชาตินี้พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมี
๖.ภูริทัตชาดก(พระภูริทัต)
ชาติที่ ๖ เพื่อบำเพ็ญศีลบารมี
๒๘
ทศชาติ
๗.จันทชาดก(พระจันทราช)
ชาติที่ ๗ เพื่อบำเพ็ญขันติบารมี
๘.นารทชาดก
ชาติที่ ๘ เพื่อบำเพ็ญอุเบกขาบารมี
๒๙
ทศชาติ
๙.วิทรูชาดก
ชาติที่ ๙ เพื่อบำเพ็ญสัจจบารมี
๑๐.เวสสันดรชาดก(พระเวสสันดร)
ชาติที่ ๑๐ เพื่อบำเพ็ญทานบารมี สำหรับชาติ
สุดท้าย เป็นชาติที่สำคัญ และบำเพ็ญบารมีอันยิ่ง
ใหญ่ คือ เวสสันดรชาดก หรือเรื่องพระเวสสันดร
๓๐
ข้อคิดจากเรื่องที่สามารถนำไป
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
๑.ความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นยิ่งใหญ่นักพระนางมัทรีเที่ยวค้นหากัณหา
และชาลีในป่าถึงสามรอบจนกระทั่งหมดกำลังและและสิ้นสติ แสดงให้
เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่นางมีต่อลูก
๒.ผู้ที่จะปรารถนาสิ่งต่างๆ อันยิ่งใหญ่จะต้องทำด้วยความอดทนและเสียสละอัน
ยิ่งใหญ่พระเวสสันดรทรงปรารถนาโพธิญาณต้องทรงบำเพ็ญทานบารมีซึ่งถือเป็น
ทานอันสูงส่ง
๓๑
ข้อคิดจากเรื่องที่สามารถนำไป
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
๓.ความซื่อสัตย์ของสามีภรรยาทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข
พระนางมัทรีมีความจงรักภักดีต่อพระเวสสันดรมาก พระเวสสันดรแสร้งกล่าวบริภาษว่า
พระนางลอบคบชายอื่นทำให้พระนางน้อยพระทัยแต่ก็ไม่ถือโกรธและยังได้ชี้แจงสาเหตุ
ที่กลับมาช้า
๔.ผู้มีปัญญาย่อมแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ดี
๕.การบริจาคบุตรทานบารมีเป็นสิ่งที่ยากจะกระทำได้
พระเวสสันดรได้บำเพ็ญบุตรทานบารมีเป็นสิ่งที่ยากที่จะกระทำได้แต่พระองค์มีน้ำ
พระทัยอันแน่วแน่ที่จะกระทำ พระนางมัทรีเมื่อทราบว่าพระเวสสันดรได้บำเพ็ญทานดัง
กล่าวนางก็อนุโมทนาด้วย
๓๒
บรรณานุกรม
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี. [ออนไลน์] ๒๐๑๗. [สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕] สืบค้นจาก :
http://www.จุดประสงค์ในการแต่ง - มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี (google.com)
ข้อคิดในมหาเวสสันดรชาดกทั้ง ๑๓ กัณฑ์. [ออนไลน์] ๒๐๑๒. [สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน 2565]
สืบค้นจาก : http://www.ข้อคิดในมหาเวสสันดรชาดกทั้ง ๑๓ กัณฑ์ (๒๑๕๘๐ - ๓.blogspot.com)
ลักษณะคำประพันธ์. [ออนไลน์] ๒๐๒๑. [สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕] สืบค้นจาก :
http://www.๒.ลักษณะคำประพันธ์ - Google เอกสาร
มหาชาติ. [ออนไลน์] ๒๐๒๐. [สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕]
สืบค้นจาก : http://www.มหาชาติ - วิกิพีเดีย (wikipedia.org)
ข้อคิดที่ได้จากเทศนามหาชาติ. [ออนไลน์] ๒๐๑๙. [สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕] สืบค้นจาก
: http://www.ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง - เทศมหาชาติ (google.com)
ทศชาติชาดก. [ออนไลน์] ๒๐๒๑. [สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕] สืบค้นจาก :
http://www.ทศชาติชาดก - วิกิพีเดีย (wikipedia.org)
คำศัพท์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี. [ออนไลน์] ๒๐๑๗. [สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕]
สืบค้นจาก : http://www.คำศัพท์ | มหาเวสสันดรชาดก
กัณฑ์มัทรี (wordpress.com)
เนื้อหากัณฑ์เทศน์มหาชาติทั้ง ๑๓ กัณฑ์โดยย่อ
. [ออนไลน์] ๒๐๑๑. [สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕] สืบค้นจาก : http://www.เนื้อหา
กัณฑ์เทศน์มหาชาติทั้ง ๑๓ กัณฑ์โดยย่อ - GotoKnow
๓๓
บรรณานุกรม
วิจารณ์ตัวละคร. [ออนไลน์] ๒๐๑๕. [สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕] สืบค้นจาก :
http://www.วิจารณ์ตัวละคร (geocities.ws)
ฝนโบกขรรพรรษ . [ออนไลน์] ๒๐๒๑. [สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕] สืบค้น
จาก : http://www.มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ที่ ๑ กัณฑ์ทศพร: ฝนโบกขรพรรษ (wutthichai28973.blogspot.com)
ความรู้ที่ได้จากการร่ายยาวมหาเวสสันดร . [ออนไลน์] ๒๐๒๑. [สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕] สืบค้น
จาก : http://www.thaistudies.chula.ac.th
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี .[ออนไลน์] ๒๐๒๐ .[สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤ๐ศจิกายน]
สืบค้นจาก : http://www.jirawanjane.wordpress.com/แนวคิดสำคัญ
ผลงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้รายวิชา
ท๓๑๑๐๒ ภาษาไทย ๒
เสนอ
ครูสุชาติ พิบูลย์วรศักดิ์
ครูประจำวิชา
จัดทำโดย
๑.นางสาว ฏฎิพัฒ ทองกลัด ชั้น ม.๔/๔ เลขที่ ๒๖
๒.นางสาว ฐิติวรดา แป้นเพชร ชั้น ม.๔/๔ เลขที่ ๒๗
๓.นางสาว ธนวรรณ โชติเดชวัฒนกุล ชั้น ม.๔/๔ เลขที่ ๒๙
๔.นางสาว สุพรรษา กองแก้ว ชั้น ม.๔/๔ เลขที่ ๓๒
๕. นางสาว บุษบัน เฉลิมพักตร์ ชั้น ม.๔/๔ เลขที่ ๔๕