The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บันทึกการอ่านนิทานเวตาล_๒๖_๓๕

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by maythineesuwannawong, 2021-07-26 04:36:28

บันทึกการอ่านนิทานเวตาล_๒๖_๓๕

บันทึกการอ่านนิทานเวตาล_๒๖_๓๕

บันทกึ การอา่ น

นทิ านเวตาล เรอื่ งท่ี ๑ , ๒ , ๑๙ และ ๒๐

จดั ทาโดย

นางสาวศลิษา ชยั เกิด เลขที่ ๒๖
เลขที่ ๓๕
นางสาวกันยาพร ปันปวง

ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๔/๑

เสนอ

ครสู ายพร นาละออง
รายวชิ า ท๓๑๑๐๑ ภาษาไทย

โรงเรียนลาปางกลั ยาณี อาเภอเมอื งลาปาง จังหวดั ลาปาง
ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔



นทิ านเรือ่ งที่ ๑
เจา้ ชายวัชรมกุฏ
กับพระสหายชือ่ พุทธศิ รรี ะ

นทิ านเรอ่ื งที่ ๑
เจา้ ชายวชั รมกฏุ กับพระสหายชอื่ พทุ ธศิ รีระ

แต่โบราณกาล มเี มอื งหนึง่ ชือ่ พาราณสี

อันเป็นท่ีกลา่ วกันว่าเปน็ ที่ประทับของพระศิวะผู้เป็น

เจา้ เพราะเมืองน้เี ป็นท่อี ยขู่ องผู้บรสิ ทุ ธใ์ิ นศาสนา

ซง่ึ เปรียบเหมอื นภูเขาไกรลาสอันเปน็ ท่ีชุมนุมของ

ทวยเทพ แม่นาํ้ คงคาอนั ศกั ด์สิ ทิ ธ์มิ ีนาํ้ เป่ยี มฝง่๎ ตลอดกาล

ไหลเลยี บพระนครน้ี ทาํ ใหด้ เู สมอื นสร้อยแกว้ มณีอนั

บรรเจดิ ที่คลอ้ งเอาไว้โดยรอบ

ทพ่ี ระนครพาราณสนี ี้ มพี ระราชาองค์หน่งึ

ทรงนามว่า พระเจา้ ประตาปมกฏุ ปกครองอยู่ พระองค์

เป็นผู้เลิศดว้ ยเดชานุภาพสามารถปราบปรามเหลา่

อริราชศตั รไู ดร้ าบคาบราวกบั กองอัคนที ีเ่ ผาผลาญปุา

ใหญใ่ หว้ อดวาย ฉะนน้ั พระองคม์ ีราชโอรสองค์หน่ึงช่ือ

วชั รมกฏุ ผู้ทรงโฉมอันงามยอดย่งิ เพียงดังจะเยย้

กามเทพให้ไดอ้ าย เจ้าชายมีสหายผูห้ น่งึ ชือ่ พทุ ธศิ รีระ วชั รมกฏุ
ซ่ึงทรงรักและตรี าคาคณุ ค่าของเขาเทา่ กบั ชวี ิตของ

พระองคน์ นั่ เทยี ว แลพุทธศิ รรี ะน้ันเปน็ บุตรมนตรีผใู้ หญ่

ของพระราชา

สมยั หน่ึงเจา้ ชายกบั พระสหายพากันแสวงหาความบันเทิงสุขโดยการข่มี า้ ประพาส

ปุาไล่ลา่ สงิ โตอยา่ งสนุก ทรงยิงธนูตัดสรอ้ ยคอของสหี ะเหล่าน้ัน อันมลี กั ษณะดังแส้จามรีของ

มันขาดกระจุย ในที่สดุ เสดจ็ มาถึงปาุ ใหญ่แหง่ หนึ่งทนี่ ้ันมีความงดงามรื่นรมย์ราวกับอทุ ยานของ

กามเทพ มีเสยี งนกดเุ หวา่ วเิ วกแวว่ อ่อนหวาน ผสมผสานมากับสายลมทีแ่ ผ่วราํ เพยมาจากแนว

พฤกษ์อันมีดอกบานสะพร่งั ทกุ กง่ิ ก้านกวัดไกวไปมา ระหว่างทิวไม้อันคดโค้งในเบ้ืองหน้าเปน็

ทะเลสาบซง่ึ มีนํา้ อันใสเขียวดังมรกตและมรี ะลอกน้อย ๆ วงิ่ ไลก่ นั เขา้ สู่ฝง่๎ มิได้ ขาด กลางบึง

ใหญ่มกี อบวั อนั สลบั สล้างดว้ ยสีสันวรรณะต่าง ๆ อย่างงดงาม ณ ทนี่ นั้ เจ้าชายทอดพระเนตร

เหน็ นารนี างหนึง่ มรี ูปโฉมงดงามดังเทพอัปสร ลงเลน่ น้ําอยู่พรอ้ มดว้ ยคณานางผู้เป็นบริวาร นาง

มีพักตรอ์ ันงามดงั สมบูรณจนั ทร์ อันทําให้เศวโตตบล (บวั สายสีขาว) ทงั้ หลายต้องไดอ้ าย เพียง

ไดแ้ ลเห็นนางครัง้ แรก เจ้าชายหน่มุ ก็รู้สึกเหมอื นวา่ นางได้คร่าเอาดวงหทัยของพระองค์ไปเสีย

แลว้ ดว้ ยเสน่หอ์ นั ลึกซ้งึ ของนาง แลนางน้ันกําลงั เพลดิ เพลินอยูด่ ้วยการเลน่ นาํ้ จนมทิ นั ระวัง

อาภรณท์ ห่ี ลดุ ร่วงจากอรุ ะ ขณะท่เี จา้ ชายและสหายกาํ ลงั จ้องดนู างอยู่

ด้วยความสงสยั วา่ นางเปน็ ใครนัน้ กพ็ อดีนางเหลือบมาเหน็ เขา้ นางเมนิ หนา้ หนดี ้วย
ความอาย แต่แลว้ กลับแสดงทา่ ทีเปน็ นยั ๆ ให้ทราบวา่ นางเปน็ ใครมาจากไหน นางเดด็ ดอกบัว
ออกจากมาลาทส่ี วมศรี ษะนางดอกหนึ่งเอาทดั หไู ว้ นง่ิ อยคู่ ร่หู นึง่ แลว้ เอาดอกบัวออกจากหู บดิ
ให้เปน็ รูปเคร่ืองประดบั อยา่ งหน่ึงทเ่ี รยี กวา่ ทันตบตั ร (แผ่นฟน๎ เป็นรูปอาภรณ์ชนดิ หนึ่ง) จากน้ัน
นางหยบิ ดอกบัวอีกดอกหนึ่งขนึ้ วางบนศรี ษะ และเอามอื ปิดอรุ ะไวต้ รงหัวใจนาง เจา้ ชายมองดู
อากปั กิรยิ าของนางอยา่ งไมเ่ ข้าใจ แต่สหายผเู้ ปน็ บตุ รมนตรเี ข้าใจโดยตลอด นางโฉมงามนง่ิ อยู่
ครู่หน่งึ ก็ขึน้ จากนาํ้ แวดลอ้ มด้วยบริวารเดินทางกลับไปยงั นวิ าสสถานของนาง

เมื่อนางเขา้ ในบา้ นกล็ ม้ ตวั ลงบนที่นอน มีใจอนั เตน้ ระทกึ คดิ ถงึ เจา้ ชายด้วยความสงสยั
วา่ พระองคจ์ ะเข้าใจสัญญาณของนางหรือไม่ ส่วนเจา้ ชายวัชรมกฏุ เมือ่ มไิ ดเ้ หน็ นางอีกแล้วก็
เปรยี บเหมือนวทิ ยาธรท่สี ้ินไร้ซ่ึงมนตรว์ ิเศษ เม่อื เสดจ็ กลับถึงพระนครก็มแี ตจ่ ติ ประหวดั คดิ ถึง
นางอยู่มิรู้วาย ทรงตกอย่ใู นอารมณ์รันทด มแี ตค่ วามเศรา้ สร้อยอาวรณห์ าแต่นางผู้เดียว วันหนง่ึ
บุตรมนตรีเข้ามาเฝูาและสนทนากนั ด้วยเรือ่ งต่าง ๆ พุทธศิ รรี ะบุตรมนตรี ไดถ้ ามเจ้าชายผู้เปน็
สหายว่ามีความคิดอย่างไรเรือ่ งนางงามทพ่ี บท่ที ะเลสาบ ในความคดิ ของตนเหน็ วา่ นางนัน้ อาจจะ
ตดิ ต่อได้ง่ายกว่าทคี่ ดิ เพราะทุกอยา่ งไมม่ ปี ๎ญหาอะไรเลย

เจา้ ชายไดฟ้ ๎งกพ็ ลงุ่ ข้นึ มาวา่ “เจา้ พดู ได้อย่างไรว่าเข้าหาไม่ยากเลย ข้าไมร่ ้จู กั แมแ้ ต่ช่อื
ของนางท่ีซ่ึงนางอยู่ หรือแมแ้ ต่หัวนอนปลายตนี ของนางท้ังสน้ิ เจา้ ชางกวนโมโหขา้ เสยี จรงิ ”

เม่ือเจา้ ชายตรัสดงั น้ี พทุ ธิศรีระก็ถงึ กบั อา้ ปากค้าง กลา่ วว่า “อะไรนะ พระองค์ไม่ทราบ
ได้อย่างไรในเมอื่ นางใหส้ ัญญาณออกโจ่งแจง้ อยา่ งน้ัน กเ็ มื่อนางเอาดอกบวั ทัดทห่ี ู นางหมายจะ
บอกพระองค์วา่ ‘ฉนั อยใู่ นแวน่ แควน้ ของพระราชานาม กรรโณตบล’ (ผู้มีดอกกบวั ประดับท่ีหู)
เมอื่ นางบดิ กลับบัวเป็นอาภรณ์ทนั ตบัตร นางหมายความว่า ‘จงรเู้ ถิดว่าฉนั เปน็ ลกู ของทัตแพทย์
ทเ่ี มอื งน้ัน’ การท่นี างหยบิ ดอกบัวข้นึ ชบู นศรี ษะวา่ นางชอ่ื ปทั มาวดี และการท่ีนางเอามือทาบ
หทัยประเทศกห็ มายความว่า พระองค์สถติ อยูใ่ นหวั ใจของนางแลว้ นั่นเอง พระองค์ไม่รูห้ รือวา่
พระราชากรรโณตบลน้ันเปน็ กษตั รยิ ์แห่งแควน้ กลงิ คะ และมพี ระสหายท่ีโปรดปรานคนหน่งึ
เป็นหมอฟน๎ ช่ือสงครามวรรธน์ กช็ ายผู้นี้แหละ มลี ูกสาวช่อื ป๎ทมาวดี ผู้เปน็ มุกดาแหง่ โลกทั้งสาม
และบดิ าของนางตรี าคานางเทา่ กบั ชีวิตของเขาน่นั เทียว

เรอื่ งราวเหล่านี้ขา้ พเจา้ ทราบจากคําคนเขาพูดกันมานานแลว้ เพราะฉะน้นั ขา้ พเจ้าจงึ
ตีความหมายของนางได้ถกู ตอ้ งไม่ว่านางจะแสดงทา่ ทอี ย่างไร

เมื่อราชบตุ รได้ฟง๎ คําเฉลยอนั แจ่มแจง้ ของบุตรมนตรีดงั น้ี กม็ ีใจปลอดโปรง่ สน้ิ ความ
กังวลวติ ก มีใบหนา้ อนั แชม่ ชืน่ ขน้ึ ทนั ที และเหน็ โอกาสที่จะไปหานางอนั เป็นที่รักได้โดยง่าย
จงึ จดั การเสด็จอกี คร้ังหนึง่ พรอ้ มด้วยบุตรมนตรี โดยแสรง้ ทาํ เปน็ ว่าจะไปล่าสัตว์แล้วมุ่งไปหา
นางโดยทนั ทตี ามเสน้ ทางเดิม พอมาถงึ กลางทาง เจา้ ชายกก็ ระตุ้นม้าเผน่ โผนไปด้วยความเร็ว
จนขา้ ราชบริพารตามไม่ทัน แล้วมุ่งหน้าไปยงั แควน้ กลงิ คะพร้อม ดว้ ยบุตรมนตรตี ามเสดจ็ อย่าง
ใกล้ชิด ณ ทน่ี นั้ ชายหนุ่มทั้งสองกม็ ่งุ ไปยังพระนครของพระราชากรรโณตบล แล้วสืบเสาะจนพบ
คฤหาสน์หลังงามของทนั ตแพทยผ์ ้ยู ิง่ ใหญ่ เจา้ ชายและพระสหายแวะเขา้ ไปสบู่ า้ นของหญงิ
ชราผู้หนึ่งซ่งึ อยู่ใกลเ้ คยี งกบั คฤหาสน์น้นั พทุ ธิศรรี ะจดั การใหห้ ญ้าให้นาํ้ แกม่ ้าท้งั สองตวั แลว้ เอา
ไปซ่อนในท่ี ลับตา จากนนั้ ก็กล่าวแก่หญงิ ชราต่อพระพกั ตรข์ องเจ้าชายวา่ “คุณแม่ ทา่ นเคยรู้จกั
หมอฟ๎นช่ือ สงครามวรรธน์บ้างหรอื ”

พอนางได้ฟ๎งถ้อยคําดงั นนั้ ก็กล่าวแกช่ ายหน่มุ อยา่ งอ่อนน้อมวา่ “แมร่ จู้ กั เขาดีทีเดียว
กแ็ มน่ ่ีแหละเคยเป็นแม่นมของเขา เดย๋ี วน้ีเขาใหแ้ ม่เป็นคนดูแลลูกสาวของเขาแลว้ แต่แม่กไ็ ม่ได้
เขา้ ไปทบ่ี ้านใหญ่น่นั หรอก เพราะไม่มีเสอ้ื ผา้ ดี ๆ จะแตง่ มแี ตช่ ุดปอน ๆ น่ีจะใส่ไปกอ็ ายเขา
ทเ่ี ป็นอย่างน้กี เ็ พราะอ้ายลูกชายชาตชิ ่ัว มันเลน่ การพนันหมดเนื้อหมดตวั ไมม่ อี ะไรเหลอื อกี แล้ว
มันเห็นเส้อื ผ้าสวย ๆ ของแม่มีอยู่ มนั ก็ขนเอาไปจนหมด” เม่ือบตุ รมนตรีได้ฟง๎ ดังน้นั ก็ยินดี แล
เห็นชอ่ งทางโดยตลอด จงึ ถอดสร้อยสงั วาลออกมอบให้นางพร้อมด้วยของขวัญอีกหลายอย่าง
ทําใหน้ างปลาบปลม้ื เป็นอนั มาก บุตรมนตรเี ห็นได้โอกาสจึงกลา่ วแก่นางวา่

“คณุ แมจ่ งเปน็ แมข่ องพวกเราเถิด ตอนนฉี้ นั มีความลับอยา่ งหนึง่ ทจ่ี ะบอกคุณแม่ และ
ขอใหค้ ณุ แมช่ ว่ ยสงเคราะห์ด้วย ใหค้ ุณแม่ไปหานางป๎ทมาวดี ลกู หมอฟน๎ และกล่าวแก่นางว่า
เจ้าชายท่เี จา้ เหน็ ที่ทะเลสาบนน้ั บดั นม้ี าถึงแลว้ และเพราะความรกั ของเขาทมี่ ีต่อเจ้าอย่าง
ทว่ มทน้ เขาจงึ รบี ให้แมม่ าบอกเจ้า”

เมอื่ หญิงชราได้ฟ๎งดังนน้ั ก็ตอบตกลง เพราะไดล้ าภสักการมาไว้แล้วอย่างเต็มที่รีบ
กระวกี ระวาดเข้าไปพบนางปท๎ มาวดีในปราสาท และกลับมาในเวลาเพียงช่ัวครู่ เจา้ ชายและ
พระสหายเห็นนางกลับมากถ็ ามเรอื่ งราวโดยทันที นางได้ฟ๎งกต็ อบว่า “แม่ไปพบนางอยา่ งลบั ๆ
และแจ้งข่าวแก่นางว่าเจา้ มาถึงแล้ว พอนางฟ๎งจบกด็ ่าขา้ ยกใหญ่ มหิ นําซา้ํ ยงั ตบหนา้ ขา้ ท้งั สอง
ข้างข้างละทดี ้วยฝาุ มือทที่ าด้วยการบรู แลว้ ไลข่ า้ กลับมา นางทาํ ให้ข้าตอ้ งร้องไหด้ ้วยความ
เสยี ใจเพราะถกู ดูหมิ่นอย่างคาดไม่ถึง น่ไี งล่ะ ลูกเอย๋ รอยท่ีนางตบขา้ ยงั เปน็ ผนื่ ห้านิว้ อยู่เลย
เห็นไหม”

เมอื่ ไดฟ้ ง๎ ดงั นี้ เจ้าชายกร็ สู้ กึ เปน็ ทุกขเ์ พราะความผดิ หวังย่งิ นัก แต่บุตรมนตรผี ้ฉู ลาดได้
กลา่ วปลอบโยนวา่ “อย่าทรงเศร้าโศกไปเลยพระเจา้ ข้า ท่ีนางทําอยา่ งนีเ้ ป็นแตเ่ พียงปริศนาเท่าน้นั
หรอก การท่ีนางบริภาษแม่เฒ่าและตบหน้าทง้ั สองแก้มด้วยมอื ทาการบูรทงั้ สบิ นวิ้ เปน็ รอยสีขาวอยา่ ง
นนั้ ก็เพราะนางตอ้ งการจะตอบเปน็ นัย ๆ วา่ ใหพ้ ระองคท์ รงรออีกสิบวันข้างข้นึ เพราะระหว่างนี้เป็น
วนั ทฤ่ี กษ์ไม่ดี”

หลงั จากทบ่ี ตุ รมนตรกี ลา่ วปลอบโยนเจา้ ราชบุตรดงั น้แี ลว้ บุตรมนตรกี ็ออกไปตลาด แอบ
เอาเครอ่ื งทองหยองออกขายอย่างลบั ๆ เอาเงนิ มาใหแ้ ม่เฒา่ ไปทาํ อาหารอย่างดีเลศิ มากนิ กนั ทั้งสาม
คน หลงั จากนนั้ เมือ่ รอมาครบสิบวัน บตุ รมนตรกี ส็ ง่ แมเ่ ฒา่ ไปพบนางป๎ทมาวดอี ีกเพือ่ ดูวา่ นางจะวา่
อยา่ งไร ฝุายหญงิ ชราหลังจากท่ีถกู ปรนเปรอดว้ ยเหล้ายาปลาปิ้งและอาหารนานารสอย่างอ่ิมหมพี ีมัน
แลว้ กม็ กี าํ ลังใจยอมชว่ ยเหลอื เตม็ ที่ นางเดินทางไปหานางป๎ทมาวดีอีกครงั้ เพ่ือเอาใจแขกท้ังสอง นาง
ไปแลว้ มชิ ้ากก็ ลบั มากล่าวแกช่ ายท้งั สองวา่ “แมไ่ ปมาแล้ว และไม่ทันได้พูดอะไร แต่นางกลับเยาะ
เย้ยแมว่ า่ ทาํ เปน็ แม่ส่ือดีนัก นางเอามือท่ที าชาดมาแปะหนา้ อกขา้ เป็นรอยนว้ิ มือสามนว้ิ ขา้ จงึ กลบั มา
ยงั เจ้าพรอ้ มด้วยรอยน้วิ มอื ของนางนีแ่ หละ”

เมื่อบตุ รมนตรไี ด้ฟ๎งและพิเคราะห์ดว้ ยความฉลาดก็ทลู เจา้ ชายใหส้ งบพระทยั และ
ไตร่ตรองในปรศิ นาของนาง ซ่ึงตนเหน็ ว่าไมล่ ล้ี บั อะไรเลย “นางต้องการจะบอกใหท้ ราบวา่ นางยงั
ไมว่ า่ งท่ีจะพบใครในสามวันน้ี” บุตรมนตรเี ฉลยปญ๎ หาอยา่ งมั่นใจ

หลังจากนัน้ อีกสามวนั พทุ ธิศรีระกส็ ง่ หญงิ เฒา่ ไปหานางปท๎ มาวดีอกี คราวนน้ี างปท๎ มาวดี
ต้อนรับขบั สู้เปน็ อยา่ งดี ปรนเปรอด้วยอาหารอนั เอมโอชและสรุ าอยา่ งดี หญงิ ชราเพลดิ เพลินอยูท่ ่ี
คฤหาสนต์ ลอดวนั จนกระท่ังถงึ เวลาเยน็ นางจงึ ลากลบั บ้าน ขณะนัน้ ปรากฎเสียงอื้อองึ ในท้องถนน
หน้าคฤหาสนเ์ สยี งคนรอ้ งเอะอะว่า “ระวังด้วย มีช้างบ้าหลดุ จากเสาตะลงุ วง่ิ มาทางนี้ มนั กระทืบคน
ตายไปหลายคนแล้ว หนีเร็ว!” นางป๎ทมาวดไี ด้ยนิ ดังนัน้ จึงกลา่ วแกห่ ญิงชราวา่ “แม่อยา่ ออกไป
ทางถนนใหญเ่ ลย อนั ตรายเปล่า ๆ เราจะให้แมน่ ่ังในกระเช้าแล้วคอ่ ยหย่อนเชือกลงไปจากหนา้ ต่าง
ดีกว่า พอลงไปถึงสวนแลว้ กป็ ีนตน้ ไมอ้ อกไปท่กี ําแพง แลว้ ข้ามกําแพง ลงไปโดยไตล่ งต้นไมอ้ ีกตน้
หนึ่ง ถงึ ทางลัดแล้วแมก่ ็กลบั ไปบ้านเถดิ ” หลังจากกล่าวดังนีแ้ ล้ว นางป๎ทมาวดีก็ให้หญงิ ชราลงไปน่งั
ในกระเชา้ เอาเชือกพนั แนน่ หนา แลว้ กค็ อ่ ยหยอ่ นนางลงทางหนา้ ต่าง เมื่อลงไปถึงสวนแล้วกใ็ หน้ าง
ทาํ ตามท่ีบอกจนหญงิ เฒา่ กลบั สบู่ ้านดว้ ยความปลอดภัย เมือ่ นางกลบั มาบา้ นแล้วก็เลา่ เรอื่ งทง้ั หมด
ใหช้ ายหนุ่มท้ังสองฟง๎ บุตรมนตรไี ดฟ้ ๎งดังน้ันก็กล่าวแก่เจ้าชายว่า “ความปรารถนาของพระองค์ถงึ
ความสาํ เรจ็ แล้ว เพราะฟ๎งจากถ้อยคําแม่เฒ่านี่ นางป๎ทมาวดีได้แนะหนทางใหพ้ ระองค์ไปสู่บา้ นของ
นางแล้ว เพราะฉะนั้นจงเสดจ็ ไปเถิด ไปเสียวันน้ีเลย เวลายาํ่ คาํ่ ไปตามหนทางที่นางชแ้ี นะไวแ้ ลว้ นัน่
แหละ”

เม่อื บุตรมนตรีกลา่ วดังนี้ เจา้ ราชบุตรกเ็ ดินทางไปพร้อมด้วยบุตรมนตรลี ดั เลาะมาจนถึงแนว
กําแพงบ้านนางตามท่หี ญงิ ชราบอกไว้ ท่ีตรงนนั้ มีเชือกผูกระเชา้ หยอ่ นลงมาจากหน้าต่าง ทข่ี อบ
หน้าตา่ งแลเหน็ สาวใช้กําลงั เย่ยี ม ๆ มอง ๆ เหมอื นนางกําลงั คอยหาเจ้าชายอยู่ ดังนนั้ เจา้ จึงลงไปนั่ง
ในกระเชา้ นางสาวใช้สองคนก็ช่วยกันชกั กระเข้าขนึ้ ไปจนถึงหนา้ ต่าง จากน้ันเจ้าชายกเ็ สด็จเขา้ ไปใน
ปราสาทและตรงเขา้ ไปหานางอันเป็นทร่ี กั บตุ รมนตรีเห็นว่าเสร็จธุระของตนแล้วก็กลับทพ่ี ัก

สว่ นเจ้าชายเมอื่ เขา้ ไปถึงหอ้ งของนางก็แลเห็นนางนั่งอยบู่ นอาสน์ มีใบหนา้ อนั งามปลั่ง
เปล่งดงั จนั ทรเ์ พญ็ ฉายแสงอรา่ มเรืองในราตรี นางแลเห็นเจา้ ชายก็รีบลุกจากแทน่ เขา้ มากอดไว้ดว้ ย
ความเสน่หาอนั แผดเผาอรุ ะใหท้ รมานมานบั เดือน เจา้ ชายประคองนางไวด้ ้วยความรกั และกระทํา
วิวาหะต่อนางตามแบบคานธรรพวิวาห์ (การได้เสยี กนั เองด้วยความพอใจทั้งฝุายชายและหญิง
วิวาหะชนดิ นถ้ี อื เปน็ แบบหน่งึ ทีถ่ กู ต้องตามกฏหมายอยา่ งหน่ึงใน 8 ชนิด) เมอ่ื ความปรารถนาของ
พระองคบ์ รรลุความสาํ เร็จแลว้ เจา้ ชายก็ประทบั อย่กู บั นางเรื่อยมาโดยการลกั ลอบมใิ ห้รถู้ ึงผู้อ่ืน
จนเวลาผา่ นไปหลายวนั

วนั หน่งึ ขณะในทอ่ี ย่กู บั นางในทรี่ โหฐาน เจา้ ชายราํ ลกึ ถึงพระสหายได้ จึงกล่าวแก่นางว่า
“ดูกอ่ นเจา้ ผู้เปน็ ทีร่ ัก สหายร่วมใจของขา้ กาํ ลังคอยข้าอยู่ทบี่ ้านแม่เฒา่ เวลากผ็ า่ นไปหลายวันแลว้
ข้าคิดวา่ ควรจะกลบั ไปเยี่ยมเยยี นเขาบา้ ง เพราะเขาคอยฟง๎ ขา่ วจากข้าอยู่ เสรจ็ ธรุ ะแลว้ ขา้ จะกลับมา
ที่นี่อีก”

ป๎ทมาวดีโฉมงามไดฟ้ ๎งกน็ ิง่ อยู่ ไตรต่ รองด้วยความฉลาดของนาง แล้วก็กลา่ วแก่สามขี องนาง
วา่ “โอทา่ นผูเ้ ป็นบดี (สามี หรอื นาย) ของข้า เมอื่ พระองค์ตรสั ดังน้กี ด็ แี ล้ว แต่ข้ายงั มีความสงสัยอยู่
อย่างหนงึ่ ทจ่ี ะถามวา่ กอ่ นหน้านข้ี ้าเคยทําปรศิ นาหลายอยา่ งตอ่ พระองค์ พระองคท์ รงตปี ญ๎ หาแตก
ดว้ ยความคดิ ของพระองคเ์ องหรือ หรือว่าบตุ รมนตรผี ้เู ปน็ สหายเป็นคนคดิ ให้”

เจ้าราชบุตรไดฟ้ ๎งดงั นน้ั ก็กล่าวตอบโดยความซ่ือว่า “ข้าไม่ได้คิดเองเลยสกั อย่าง แตส่ หายของ
ข้าคือบุตรมนตรผี ู้นัน้ เป็นผ้แู นะนําตา่ งหาก”

นางได้ฟง๎ ดังนัน้ กค็ ิดในใจดว้ ยความลาํ้ ลกึ ปกปิดความรูส้ ึกอันแทจ้ รงิ มิให้ปรากฏออกนอกหนา้
กลา่ ววา่ “พระองค์ทาํ ผดิ เสียแล้วท่ไี มแ่ จ้งเร่อื งนีแ้ ก่ข้าก่อน เม่อื เขาเป็นสหายของพระองค์ เขากค็ วรจะ
เปน็ พข่ี องข้าด้วย ข้าควรจะใหเ้ กยี รติแก่เขายิ่งกว่าใคร ๆ ท้ังหมด โดยให้ของขวัญอนั มคี ่าตา่ ง ๆ”

เม่อื นางกล่าวดังนแี้ ลว้ ตกเวลากลางคืนนางกส็ ง่ เจ้าชายกลับไปโดยวธิ เี ดมิ เหมอื นขามา เจ้าชาย
กก็ ลบั มาหาพทุ ธิศรรี ะและพกั อยดู่ ้วยกันเป็นเวลาหลายวัน วันหนง่ึ ราชบุตรกลา่ วแกบ่ ุตรมนตรวี ่า
พระองคไ์ ดเ้ ลา่ เร่ืองการแกป้ รศิ นาของเขาใหน้ างทราบหมดแล้วเพื่อต้องการจะยกย่องความฉลาดของ
เขา สหายหนุ่มไดฟ้ ง๎ กต็ าํ หนิ ว่าเปน็ การเสยี่ งมากที่ทรงทาํ ดังน้นั การสนทนาระหวา่ งสองชายดาํ เนินไป
จนกระทง่ั เย็นคา่ํ วันตอ่ มา หลังจากการสวดประจําวนั เวลาเชา้ สนิ้ สดุ ลง กป็ รากฏวา่ มีสาวใช้คนสนิทของ
นางปท๎ มาวดีมารอพบอยู่ เอาหมากพลมู าใหพ้ รอ้ มกับอาหารซง่ึ น่ากนิ หลายอยา่ ง นางถาม
สารทุกขส์ ุกดิบของบุตรมนตรีตามธรรมเนียม แลว้ มอบของกนิ ใหแ้ ก่เขาและกลา่ วแกเ่ จ้าชายว่า
นางปท๎ มาวดีกาํ ลงั คอยอยู่ ขอใหพ้ ระองค์เสด็จไปเสวยอาหารท่บี า้ นของนางโดยเร็ว นางกล่าวจบกร็ ีบ
ผลนุ ผลนั กลับไป บุตรมนตรเี หน็ นางไปแล้วก็กลา่ วแก่เจ้าชายวา่

“ขา้ แตร่ าชบุตร โปรดคอยดู ขา้ จะแสดงอะไรใหด้ ูสกั อยา่ ง” กล่าวจบก็นาํ อาหารในภาชนะน้นั
มาใหส้ ุนขั กิน สนุ ัขกนิ อาหารนนั้ ยงั ไม่ทันหมดกล็ ้มลงขาดใจตาย เจา้ ชายแลดูด้วยความงุนงง ตรัสว่า
“นม่ี นั อะไรกนั ขา้ ไมเ่ ข้าใจ”

บุตรมนตรจี งึ อธบิ ายว่า “ความจริงก็คือ นางผเู้ ป็นทรี่ ักของพระองค์รวู้ า่ ข้าเป็นคนมี
ปญ๎ ญา เพราะสามารถตีป๎ญหาของนางออกทุกอยา่ ง นางจงึ สง่ อาหารใสย่ าพษิ มาให้ข้ากนิ ที่นาง
ทําเช่นนี้กเ็ พราะนางรักพระองคม์ ากเหลือเกิน นางตอ้ งการใหพ้ ระองค์รกั นางอย่างสุดจติ สดุ ใจ
และนางเหน็ วา่ ตราบใดท่ีข้ายังมชี วี ติ อยู่ ขา้ อาจเป็นกา้ งขวางคอนาง และอาจจะยยุ งพระองค์ให้
เหินห่างจากนางเม่อื ไรก็ได้ นางจึงคิดจะฆา่ เสีย มใิ ห้ข้านําพาพระองค์เสด็จกลับพระนคร แต่
พระองค์อย่าโกรธนางเลย ทางทดี่ ขี อให้พระองค์เล้าโลมนางจนคดิ หนีจากสกลุ ตดิ ตามพระองค์
กลับส่พู ระนครจะดีกว่า ขา้ จะเปน็ ผ้อู อกอบุ ายดําเนินเรื่องนี้เอง”

เมอื่ บุตรมนตรที ลู ดงั น้ี เจ้าราชบตุ รก็ทรงยิ้มแย้มดว้ ยความพอพระทยั ตรสั ว่า
“เจ้านส่ี มแลว้ ทไี่ ดช้ ่อื วา่ พุทธิศรรี ะ เพราะเจา้ เปน็ แหล่งของความฉลาดแท้เทียว”

ขณะทเี่ จ้าชายกําลังกล่าวยกย่องพระสหายอย่นู ั้นก็ไดย้ นิ เสยี งคนเป็นอนั มากส่งเสียงปริ
เทวนาการมาจากท้องถนนวา่ “โธเ่ อ๋ย ชา่ งกระไรราชบตุ รนอ้ ยของพระราชามาดว่ นจากไปเสีย
แลว้ ไม่ควรเลย ยังเดก็ อยแู่ ท้ ๆ” บตุ รมนตรไี ดย้ นิ เสยี งดังนัน้ ก็ร้สู ึกยินดนี กั กล่าวแก่เจ้าชายว่า
“รบี เสดจ็ ไปบ้านนางเถอะ คนื นี้เม่อื พระองค์อยูก่ ับนาง จงพยายามให้นางด่ืมสรุ าใหม้ าก ให้นาง
เมาจนส้ินสติแนน่ ิ่ง แลว้ จงเอาเหล็กเผาไฟนาบสะโพกของนางเป็นเครอ่ื งหมายแล้วเกบ็ สร้อย
ถนิมพมิ พาภรณ์เครอ่ื งประดับกายของนางมาใหห้ มด จากน้ันขอให้เสดจ็ กลบั มาทางเดิม
เม่อื กลับมาบ้านแล้วข้าจะดําเนินการตามแผนทค่ี ิดไวท้ กุ อยา่ ง” เมอื่ บุตรมนตรกี ล่าวดังน้ีแลว้ ก็
มอบเหลก็ แหลมรูปตรศี ลู อนั เล็ก ๆ มีลกั ษณะแหลมราวกบั ขนหมปู าุ ให้แกเ่ จา้ ชายเพอื่ ไปกระทาํ
ตามแผน เจ้าชายรับมาแลว้ ทรงพจิ ารณาดอู าวุธนอ้ ยอันดําเป็นมันขลับราวกับตะกัว่ ดาํ พลางคิด
ว่าท้ังนางป๎ทมาวดีผเู้ ปน็ ทรี่ กั กับพุทธิศรรี ะผู้เปน็ สหายแกว้ ดจู ะเปน็ คนใจหนิ ด้วยกนั ท้ังค่ไู ม่มี
ใครเป็นรองใครจงึ ตรสั วา่ “เอาเถอะข้าจะทําตามท่ีเจ้าสัง่ ทุกอย่าง”

คนื นั้นเจ้าชายเสด็จไปยังคฤหาสน์ของนางปท๎ มาวดี เพราะ
ข้นึ ชื่อว่าเจ้าชายยอ่ มจะตอ้ งทาํ ตามคาํ แนะนําของมนตรที ่ีฉลาดเสมอ
ณ ท่ีนัน้ พระองคไ์ ดภ้ ริ มยอ์ ยดู่ ว้ ยนางจนเวลาค่อนคืน ปรนเปรอนาง
ด้วยสรุ า จนนางเมามายถงึ ขนาดและแน่นง่ิ ไป เจ้าชายเห็นได้โอกาสก็
หยิบตรีศุลมาลนไฟแลว้ นาบลงทส่ี ะโพกของนางโดยนางยงั คงสลบ
ไสลไม่ได้สตเิ ช่นเดมิ เสรจ็ แล้วทรงรวบรวมรัตนาภรณ์ของนางใสห่ อ่
ผ้า เสดจ็ เรน้ พระองคล์ งจากหนา้ ต่างในความมดื แฝงกายลดั เลาะ
มาถงึ บา้ น แจ้งเหตกุ ารณ์ทุกอย่างให้บุตรมนตรีทราบ ทาํ ให้บุตรมนตรี
ดีใจที่แผนการประสบผลสําเรจ็ ไปครง่ึ หน่ึงแลว้

รุ่งเช้าบตุ รมนตรีแอบไปยังสสุ านนอกเมือง พรอ้ มดว้ ยราชบุตร และเปล่ยี นเส้อื ผ้า โดยบุตร
มนตรปี ลอมตนเป็นโยคี สว่ นเจ้าชายปลอมเป็นสาวก เสรจ็ แล้วบตุ รมนตรกี ล่าวแกเ่ จา้ ชายวา่
“พระองค์จงนํารัตนาวลนี ี้ไปเร่ขายในตลาด แลว้ ทําเปน็ โก่งราคาเสียจนไมม่ ใี ครกล้าแตะ
จงเดนิ เรข่ ายไปเรอ่ื ย ๆ ทําให้ใคร ๆ ได้เหน็ กันจนทวั่ และเม่อื ถกู ราชบุรษุ (ตาํ รวจ) จับ จงทาํ เป็น
ไมร่ ้อู โิ หน่อิเหน่ตอบแต่เพียงวา่ ท่านโยคอี าจารยข์ องขา้ สงั่ ให้ข้าเอาสร้อยเสน้ นม้ี าขาย

เมื่อบตุ รมนตรีกําชับกาํ ชาเรียบร้อยแล้วก็สง่ เจ้าชายออกไปท่ีตลาด เจ้าชายแกลง้ ตระเวน
ขายสายสรอ้ ยมณีไปทั่วตลาด ในที่สุดก็ถูกราชบุรษุ จบั เพราะราชบุรษุ ได้รับแจง้ ความมาว่าเป็นส่วน
หนึ่งของรตั นาภรณ์ท่โี จรเอาไปจากลกู สาวเศรษฐีผเู้ ปน็ ทนั ตแพทย์ เม่อื ราชบุรุษจับกมุ เจา้ ชายไป
แลว้ ก็นําไปมอบแก่ตลุ าการ ตลุ าการแลเห็นราชบุตรแต่งกายด้วยเส้อื ผา้ ของโยคี กร็ บี แสดงความ
เคารพและถามดว้ ยความนอบนอ้ มว่า “ขา้ แต่ทา่ นสาธุ ท่านเอาสรอ้ ยมณเี ส้นน้ีมาจากไหน ทา่ นรู้
หรือไม่วา่ สร้อยเส้นนเ้ี ปน็ ของธิดาเศรษฐีใหญ่ คอื ธดิ าทันตแพทย์หลวง นางทาํ หายไปโดยไร้
ร่องรอยจาํ ไม่ได้วา่ ที่ไหน บางทีอาจจะถกู ขโมยเม่อื คนื นีก้ ไ็ ด้”

เมือ่ เจ้าชายผ้ปู ลอมเปน็ สาธุไดฟ้ ง๎ ดังนั้นจึงตอบว่า “ทา่ นมหาครุ ผุ ู้เปน็ อาจารยข์ องข้าเปน็
คนมอบให้ข้าเอง ถ้าทา่ นอยากรู้อะไรก็จงสอบถามท่านคุรเุ ถิด”

ตลุ าการไดฟ้ ง๎ กเ็ ดนิ ทางไปท่ีสสุ าน แลเห็นบุตรมนตรนี ง่ั อยู่ คดิ วา่ เปน็ โยคีจงึ เข้าไปทาํ ความ
เคารพและถามวา่ “ข้าแตท่ า่ นผเู้ จริญ ทา่ นได้มุกดาวลีเส้นนม้ี าจากไหน ข้าได้มาจากศิษยข์ องท่าน”

เมื่อหนมุ่ เจ้าเลห่ ไ์ ด้ฟง๎ กต็ อบวา่ “ข้าเปน็ นักบวชแสวงบญุ เดนิ ทางท่องเทยี่ วจาริกแสวงบญุ
ไปเรอ่ื ย ๆ ไม่มที ี่พํานักถาวร ข้าชอบท่องเท่ียวไปในไพรกว้าง ออกจากปาุ โนน้ เขา้ ปุาน้ตี ามอําเภอใจ
ของขา้ คราวนี้ประเหมาะไดเ้ จอเรื่องตนื่ เต้นเขา้ จนได้ เมอื่ คืนขา้ มาพกั อยใู่ นสุสานน้ี ขา้ ได้เหน็ นาง
แมม่ ดจํานวนมากมาประชุมกนั ที่นี่ พวกมันคนหนง่ึ นาํ เอาร่างสลบไสลของชายองค์หน่ึงมาด้วย
มนั เอารา่ งเปลา่ เปลือยของชายเคราะหร์ า้ ยมาวางเปน็ เครื่องบูชายัญแดอ่ งค์พระไภรวะ (ผนู้ า่ กลัว
หมายถงึ พระศวิ ะ) นางแมม่ ดตนหนึ่งมอี าํ นาจตบะแรงกลา้ มใิ ช่น้อย แอบเขา้ มาขโมยสรอ้ ยประคาํ
ทขี่ า้ ใช้ท่องบน่ มนตราอันศักดิส์ ิทธิไ์ ป ข้าลืมตาขน้ึ เห็นนางตวั ดีวงิ่ หนไี ปขา้ งหน้า ขา้ โกรธมาก ว่ิงตาม
ไปจกิ หวั มนั กระชากสร้อยประคําคนื มาแลว้ มดั นางไว้ เอาตรีศุลของขา้ ลนไฟแล้ว

นาบสะโพกมัน ขา้ หยบิ สรอ้ ยมุกดาทม่ี ันสวมคอเอามาด้วย แล้วปลอ่ ยมนั ไป ขา้ เห็นว่า
รัตนาวลีนีเ้ ปน็ ของมคี ่า มิใชข่ องอนั ดาบสพงึ เก็บเอาไว้ใช้สอย จงึ ใหล้ ูกศิษยข์ า้ เอาไปขายทตี่ ลาด เรื่องก็
มเี ทา่ น้ีแหละ

เมอ่ื ตลุ าการไดฟ้ ง๎ เรื่องราวโดยตลอดเช่นน้ันก็รบี กลับ
เขา้ วงั ทูลพระราชาใหท้ รงทราบ พระราชาได้ฟง๎ รสู้ กึ ตืน่ เตน้ ไมน่ อ้ ย
ท่มี ีเรอื่ งราวดงั กล่าวเกดิ ขึน้ ในท่ีสุดทรงสรปุ เอาว่า สรอ้ ยมุกดานน้ั
ชะรอยจะเป็นเสน้ เดยี วกับเส้นท่ีหายไป พระราชาจึงสง่ นาง
พนักงานชราท่ไี วเ้ น้ือเชอ่ื ใจไดค้ นหนึ่งไปสืบท่ีบา้ นเศรษฐี เพือ่ ดูว่า
ธิดาเศรษฐผนู้ ัน้ มีรอยรูปตรศี ลุ อยู่ที่สะโพกหรือหาไม่ หญิงเฒ่าไป
แลว้ มิช้าก็กลบั มาทูลว่า นางป๎ทมาวดนี น้ั มรี อยรปู ตรีศูลบนสะโพก
เห็นไดอ้ ยา่ งชัดเจน เมือ่ ได้ฟ๎งดงั นน้ั พระราชากท็ รงมั่นพระทัยวา่
นางปท๎ มาวดเี ป็นแม่มด และเป็นคนเดยี วกบั ทฆี่ ่าพระโอรสของ
พระองคเ์ ป็นแน่แท้ ดังน้นั พระองค์จงึ เสด็จไปแตล่ ําพัง เขา้ ไปหา
โยคีท่ีสสุ าน และถามวา่ พระองค์ควรจะจดั การอยา่ งแก่
นางป๎ทมาวดี โยคีปลอมจึงทลู แนะนาํ ใหเ้ นรเทศนางไปเสยี จาก
พระนคร

พระราชาจึงออกคาํ สง่ั ใหเ้ นรเทศนางไปเสีย ทําใหบ้ ดิ ามารดาของนางเศรา้ โศกเพียงชีวิตจะแตกสลาย
เมอ่ื นางปท๎ มาวดีถูกขบั ไล่ออกจากเมือง เสื้อผา้ แพรพรรณและถนิมพมิ พาภรณ์ของนางกถ็ ูกยึดไป
หมด เหลอื แตผ่ ้านงุ่ หม่ ปอน ๆ ผนื เดียว นางเข้าไปอยู่ในปุาแต่ผู้เดียว สนิ้ ความคดิ ทีจ่ ะช่วยเหลอื
ตวั เอง นั่งซมึ เซาอยู่ตกเยน็ บุตรมนตรีกบั เจ้าชายเปล่ยี นเครื่องแต่งกายนักบวช แล้วขีม่ ้าเข้ามาในปุา
ตรงไปหานาง ปลอบโยนนางใหค้ ลายโศกแลว้ เจ้าชายกอ็ ้มุ นางข้นึ ขมี่ า้ ตัวเดยี วกนั เดนิ ทางกลบั
พระนครพาราณสี และดาํ รงชวี ติ อยูด่ ว้ ยกันด้วยความผาสกุ ส่วนเศรษฐที ันตแพทย์ เมอื่ ธิดาของตน
จากไปแลว้ และมิไดย้ ินขา่ วเกยี่ วกับนางอกี กค็ ดิ ว่านางคงถกู สัตว์ปาุ กินสิ้นชวี ติ ไปแลว้ มีความทุกข์
ระทมแสนสาหสั กต็ รอมใจตาย ตอ่ มามิช้านางผู้ภรยิ ากต็ ายตามไปดว้ ยอกี คนหนง่ึ

ฝุายเวตาลเมอ่ื เล่าเรอื่ งจบลงแลว้ ก็แสรง้ กล่าวแก่พระราชาวา่ “โอ อารยบุตร ขา้ มคี วาม
สงสยั อยู่อย่างหนง่ึ ในเรื่องที่เลา่ มาน้ีว่า ในกรณีทบ่ี ิดามารดาของนางป๎ทมาวดีต้องสิ้นชีวิตลงไปนี้
ทรงเหน็ ว่าเป็นความผิดของใคร บุตรมนตรี หรือว่าเจา้ ชาย หรือนางปท๎ มาวดีกนั แน่ โปรดทรงวนิ จิ
ฉนั ให้ขา้ ฟ๎งหนอ่ ยเถอะ เพราะพระองค์กไ็ ด้ชอื่ ว่าเป็นยอดนกั ปราชญผ์ ู้หนึ่ง โอ ราชะ ถา้ พระองค์ไม่
กลา่ วคาํ จรงิ ทง้ั ๆ ท่ที รงรู้ดีอยู่แก่ใจแล้วละก็ พระเศียรของพระองคจ์ ะต้องแยกออกเป็นร้อยเสย่ี ง
แนเ่ ทียว”

เมอ่ื เวตาลกล่าวดงั น้ี พระราชาผเู้ ปน็ สตั ยเคราะห์ (ผ้ยู ดึ มนั่ ในความสตั ย์) กต็ กพระทัยเพราะ
ความเกรงกลัวในคําสาป จึงตรัสวา่ “โอ เวตาล เจา้ กเ็ ป็นผชู้ าํ นิชาํ นาญในมายาศาสตร์ทั้งปวง เรอ่ื งนี้
ยากเยน็ อะไร บุคคลท้งั สามที่เจ้าเอย่ มานัน้ ข้าไมเ่ ห็นวา่ จะมใี ครเปน็ ผผู้ ิดแม้แตค่ นเดยี ว ความผดิ ใน
เรือ่ งนี้ท้ังหมดเป็นของพระราชากรรณโณตบลนน่ั ตา่ งหาก”
เวตาลได้ฟง๎ ก็กลา่ ววา่ “อะไรกนั พระราชาเปน็ ผผู้ ดิ ด้วยเหตุใด บคุ คลทง้ั สามนน่ั แหละเป็นผกู้ ่อ
ความผดิ เกย่ี วเนื่องกันทัง้ สามคน กก็ าน้ันเสพของสกปรกจะตอ้ งพลอยมคี วามผดิ ด้วยหรือ ในเมื่อ
หงส์น้นั มไิ ด้กนิ ภกั ษาหารเหมือนกา แต่กนิ ขา้ วเปลอื กแทน”

พระราชาตรสั อธบิ ายวา่ “ว่าตามจรงิ คนทง้ั สามมิได้ทาํ ความผิดเลยสักนิด บุตรมนตรไี ม่ได้
ทําผิดเพราะส่ิงทเ่ี ขาทาํ ไปเป็นเพราะเขาต้องการจะชว่ ยเจา้ นายของเขา นับเปน็ หน้าทท่ี เ่ี ขาจะตอ้ ง
ทําอยแู่ ล้วในฐานเสวกและสหาย ส่วนนางปท๎ มาวดแี ละเจ้าราชบตุ รก็มไิ ดท้ ําผิดอะไร เพราะท้ังสอง
คนตา่ งกถ็ ูกเผาไหมด้ ้วยพิษศรกามเทพเช่นเดยี วกัน ส่ิงท่ีพวกเขากระทําไปก็เพราะเขาตา่ งรักกนั และ
ทาํ ไปดว้ ยความโง่เขลาตา่ งหาก จงึ ไม่ควรถูกตาํ หนิในเรอ่ื งน้ี ก็พระราชากรรโณตบลนั่นแหละ
ขาดความรู้ความเข้าใจในนิติศาสตร์อันเปน็ หลกั ท่พี ระเจา้ แผน่ ดนิ ควรจะรู้ ไม่สบื สวนข้อเทจ็ จรงิ ให้
ประจกั ษ์ในงานอันเก่ยี วกบั แว่นแคว้นทต่ี นปกครอง ไม่รู้จักการใชจ้ ารชนให้เปน็ ประโยชน์ แมใ้ นเร่อื ง
ของราษฎรภายใต้อาํ นาจของตัวเองก็ไมร่ ู้ ไมม่ ีความเฉลยี วในเลห่ ข์ องทรชน ขาดความชาํ นชิ าญใน
การตีวความส่ิงที่ปรากฎแม้งา่ ย ๆ ทก่ี ลา่ วมานแ้ี ล คอื ความบกพร่องอันควรนบั วา่ เปน็ ความผิดของ
พระราชากรรโณตบลโดยแท้ เวตาลผ้สู ิงอยใู่ นศพเมอ่ื ได้ฟ๎งพระราชากลา่ วดังนั้น ทราบวา่ เป็นคําตอบ
ที่ถูกตอ้ ง แตพ่ ระราชาไดล้ ืมคําสญั ญาที่วา่ จะไม่พดู แลว้ จงึ เป็นโอกาสอนั ดที ตี่ นจะหนไี ป เวตาลก็
ผละจากไหล่ของพระราชาและอันตรธานหายไป ทําให้พระราชาตรวิ กิ รมเสนตอ้ งเสด็จเทย่ี วตดิ ตาม
เพื่อจับเอาตัวมาอีก

ข้อคดิ เรื่องที่ ๑
การเป็นผนู้ ําน้นั จําเปน็ อยา่ งย่งิ ท่จี ะต้องมคี วาม
ละเอยี ดรอบคอบ และมีความยุตธิ รรม เพราะผู้นาํ

นั้นเปรยี บเปน็ รากฐานของทุกส่ิง

นทิ านเรอ่ื งที่ ๒
นางมันทารวดี กับ พราหมณห์ นุ่ม

๓ คน

นทิ านเรอ่ื งท่ี ๒
นางมนั ทารวดี กบั พราหมณห์ นุม่ ๓ คน

พระราชาตริวกิ รมเสนเสดจ็ กลับไปทต่ี น้ อโศกอีกครัง้ หน่งึ เพื่อจบั ตวั เวตาล เม่ือเสดจ็ ไปถงึ ที่
นนั้ ทรงสอดสา่ ยพระเนตรดโู ดยรอบในความมืดอนั มแี สงไฟเรือง ๆ จากจติ กาธานส่องมา ในทสี่ ดุ ก็
พบศพนัน้ นอนหงายอยู่บนพนื้ ดินกาํ ลังกรนอยู่ จึงเข้าไปจับตัวศพน้ันซ่งึ มเี วตาลสงิ อยูต่ วดั ขน้ึ บนบา่
และรีบดําเนินไปอยา่ งรวดเรว็ เพ่อื ไปยงั ท่ซี ่ึงนดั ไว้กบั โยคีศานติศีล เวตาลซงึ่ แขวนอยบู่ นบา่ ก็เรมิ่
กล่าวทาํ ลายความเงยี บขน้ึ ว่า

"โอ ราชะ ภาระทีพ่ ระองคต์ ้องทนแบกไว้นช้ี ่างสาหัสสากรรจ์เสียจริง ๆ ไมเ่ หมาะสมแก่
พระองค์เลย ถ้ากระไรขา้ จะเลา่ นทิ านให้ฟ๎งสกั เร่อื งหนึ่ง เพอ่ื จะไดท้ รงเพลิดเพลนิ ขอให้ทรงฟ๎งเถดิ "

บนฝง่๎ ของแมน่ า้ํ ยมนุ า ณ ทแ่ี ห่งนัน้ เป็นเขตคามที่
กาํ หนดไว้สําหรับพวกพราหมณโ์ ดยเฉพาะ มชี ือ่ ว่าหม่บู า้ น
พรหมสถล ในหมูบ่ ้านน้ีมีพราหมณผ์ ู้หนงึ่ อาศัยอยู่ มชี ือ่ ว่า
อคั นิสวามนิ เป็นผู้ท่เี จนจบในคัมภีรพ์ ระเวททัง้ ปวง (คือ
คมั ภรี ์ไตรเวท ประกอบด้วยคัมภรี ฤ์ คเวท ยชุรเวท และสาม
เวท ต่อมาภายหลังไดเ้ พิม่ เขา้ ไปอีกคัมภรี ห์ น่ึง คืออถรรพเวท
จงึ เรียกว่า จตรุ เวท) พราหมณ์ผู้นมี้ ีบุตรสาวแสนสวยผหู้ นึ่งชือ่
วา่ มนั ทารวดี ความงามของนางลํ้าเลิศหาที่เปรียบมิได้ราวกบั
เปน็ ผลงานทพี่ ระพรหมทรงสรรคส์ รา้ งขน้ึ และเมือ่ นางได้
กาํ เนดิ มาแลว้ กด็ เู หมอื นวา่ ทา้ วธาดาเธอทรงส้นิ เยื่อใยในเทพ
อัปสรท้ังปวงโดยส้นิ เชงิ เมือ่ นางเจริญวยั เป็นสาวแรกรนุ่ นน้ั
ปรากฏวา่ มพี ราหมณห์ นุ่มสามคนเดินทางมาจากแควน้
กนั ยกุพชะ

พราหมณเ์ หลา่ นีเ้ ปน็ ผแู้ ตกฉานในศาสตรท์ ้งั ปวงเทา่ เทียมกัน และพราหมณแ์ ต่ละคนก็มุง่ มาสขู่ อมัน
ทารวดีโฉมงามจากบิดาของนาง ต่างคนต่างกส็ าบานวา่ ถา้ นางแตง่ งานกบั คนอน่ื ตนกจ็ ะฆ่าตวั ตาย
แต่บิดาของนางกม็ ิได้ยกนางให้แก่ใคร เพราะเกรงวา่ ถ้ายกให้คนหนึง่ อีกสองคนกจ็ ะฆา่ ตัวตายเสีย
ดังนัน้ นางจึงคงอยู่เป็นโสดเร่ือยมามิไดค้ ิดแต่งงานกับใคร และพราหมณ์ทั้งสามกย็ งั คงพักอยูท่ ี่นั่น
เรอื่ ยมา ท้งั กลางวันและกลางคนื กเ็ ฝาู แต่มองดูพกั ตรข์ องนางอันงามเปล่งปลั่งราวกับสมบรู ณจนั ทร์
(พระจันทรเ์ ตม็ ดวง) ต่างก็ไม่ไดก้ นิ ไม่ไดน้ อน ทาํ ตนราวกบั นกจโกระ (นกเขาไฟ ตามนิยายโบราณ
กล่าววา่ "ยังชีพอยู่ไดด้ ้วยแสงจนั ทร์") ซ่งึ อาศัยแสงจันทร์เปน็ อาหารฉะน้ัน

ตอ่ มานางมนั ทารวดีลม้ ปุวยเปน็ ไขอ้ ยา่ งรุนแรง นางมิอาจจะทนทานตอ่ พิษไข้ไดก้ ถ็ งึ แก่
ความตาย พราหมณ์หนุม่ ท้งั สามมคี วามเศรา้ โศกอย่างย่งิ นํารา่ งอนั เป็นศพของนางไปสู่ปาุ ชา้
สวดให้แก่นางด้วยความรักและเผาศพนางทีจ่ ติ กาธาน พราหมณห์ นมุ่ คนหน่งึ สร้างกระท่อมน้อยขึ้น
ตรงทใี่ กล้

เอาเถ้าถ่านอังคารของนางมาโปรยลงบนเตยี งและนอนทับบนพื้น เขายงั ชพี ไปวนั หนงึ่ ๆ ดว้ ยการถือ
กะลาขออาหารกินตามมีตามเกดิ พราหมณค์ นทสี่ องรวบรวมกระดกู ของนางเอาไปทิ้งในแม่น้ําคงคา
อนั ศักด์ิสทิ ธ์ิ สว่ นพราหมณค์ นท่สี ามถอื เพศเปน็ โยคที ่องเทยี่ วพเนจรไปยังดินแดนต่าง ๆ

โยคเี ดินทางผ่านแว่นแคว้นต่าง ๆ เร่อื ยมาจนถงึ หมบู่ ้านแห่งหน่งึ ชือ่ วัชรโลก จงึ เขา้ ไป
ภิกขาจารทบี่ า้ นพราหมณ์ผหู้ น่ึง ทา่ นพราหมณ์ได้ตอ้ นรับเขาด้วยอธั ยาศัยอันดยี ่ิง เขาจงึ นง่ั บริโภค
อาหารในบา้ นพราหมณ์ผนู้ นั้ ขณะน้ันมเี สียงทารกรอ้ งจ้าข้ึนมาและร้องติดต่อกันไม่หยุด ไม่มีใครจะ
ห้ามให้หยดุ ได้ นางพราหมณีผเู้ ปน็ มารดาบนั ดาลโทสะจงึ จบั ทารกข้ึนมาแลว้ โยนโครมลงไปในกองไฟ
เดก็ ถูกไฟเผาจนกลายเปน็ เถ้าถา่ น โยคีผู้น่ังกินอาหารอย่เู งยี บ ๆ แลเหน็ เหตุการณโ์ ดยตลอดก็ตกใจ
รู้สกึ สยดสยองจนขนหวั ลุกชัน ร้องออกมาวา่ "พทุ โธ่ พุทโธ่เอ๋ย นีข่ ้าเขา้ มาในบ้านของพราหมณ์
รากษสหรอื น่ี ข้าไม่กินอะไรแล้ว เพราะการเสพอาหารในบ้านของพราหมณป์ ีศาจเชน่ น้เี ป็น
บาปกรรมอยา่ งมหันตไ์ มว่ า่ จะเป็นอาหารชนดิ ใดก็ตาม"

ขณะเมอ่ื เขากลา่ วดงั น้ี พราหมณผ์ ูค้ ฤหบดี (เจ้าของบ้าน) จงึ พดู วา่ "อยา่ ตกอกตกใจไป
เลย ทา่ นจงคอยดู ข้าจะชุบชีวติ เด็กคนนีข้ ้ึนใหม่ โดยการรา่ ยมนตร์อันศักด์ิสทิ ธิ์ ดูสิ"

เมื่อกลา่ วดงั นีแ้ ลว้ มหาพราหมณก์ เ็ ดนิ ไปหยิบคัมภรี ์มหาเวทอนั ศักดส์ิ ทิ ธิม์ าเปดิ ออกแล้ว
สวดมนตรบ์ ทหนึ่ง ขณะทส่ี วดอย่กู เ็ อาขเี้ ถ้าโปรยลงในกองไฟ พอสวดจบลง เดก็ กฟ็ ื้นคืนชวี ติ ขนึ้ มา
ใหม่ มีลกั ษณะและองคาพยพ (อวัยวะ) เหมอื นเดิมทกุ ประการ พราหมณ์อาคันตุกะเหน็ เหตุการณ์
เปน็ ดังน้ันกค็ ่อยคลายใจ ลงมอื เสพอาหารต่อไปตามปกติ พราหมณเ์ จ้าของบา้ นเมอ่ื รา่ ยมนตรเ์ สรจ็
แล้ว กเ็ อาคมั ภรี ไ์ ปเกบ็ ไว้ที่เดิม ลงมอื กนิ อาหารเสร็จแลว้ กเ็ ข้านอนในราตรี พราหมณอ์ าคนั ตกุ ะก็
กระทําเช่นเดียวกัน

พอเหน็ พราหมณเ์ จา้ ของบา้ นและภรรยานอนหลับ
แลว้ โยคีหนุม่ กล็ ุกขึ้นค่อย ๆ ย่องไปทีเ่ ก็บคมั ภีรแ์ ละหยิบเอา
ไป ตง้ั ใจจะเอาไปใชช้ บุ ชีวติ ให้แก่นางมันทารวดผี ู้เปน็ ท่รี ัก
โยคหี นุม่ ออกจากบ้านนน้ั ไปพร้อมด้วยคมั ภรี ม์ หาเวท รีบเร่ง
เดนิ ทางทง้ั กลางวันและกลางคืน มงุ่ กลับไปยังสสุ านท่ตี นและ
พรรคพวกช่วยกนั เผาศพนางครง้ั นัน้ พอมาถงึ ปุาชา้ ก็แลเห็น
พราหมณ์คนท่สี องเดินทางกลับมาแลว้ หลังจากท่ีเอาอฐั ิของ
นางไปโยนแมน่ ้ําคงคาเพ่ือให้นางไปสู่สุคติ และท่สี สุ านน้นั
เช่นกนั กแ็ ลเห็นพราหมณผ์ ู้เอาองั คารธาตุของนางมาโปรยนอน
กําลังหลับอยู่ในกระท่อมท่สี รา้ งไว้ จงึ พดู กับพราหมณส์ หายให้
รื้อกระทอ่ มทิง้ เสยี เพ่ือตนจะได้ทําพธิ ีร่ายมนตร์มฤตสัญชีวินี
(มนตร์ชุบคนตายให้ฟื้นคนื ) ชบุ ชวี ิตนางข้ึนใหม่

เมอ่ื รื้อกระท่อมทงิ้ แลว้ เถ้าถา่ นของนางกต็ กเรยี่ รายอยู่บนพืน้ ดนิ โยคีหนมุ่ เมอื่ เห็นทุก
สง่ิ พรอ้ มแลว้ ก็เปดิ คัมภรี ์ร่ายมนตร์อันศิกดิ์สทิ ธพิ์ รอ้ มกับโปรยฝุนลงไปบนพนื้ ดินผสมผสานกบั
เถา้ ถ่าน มินานพอจบมนตรด์ งั กลา่ วก็ปรากฎร่างนางมนั ทารวดีขน้ึ ในกองไฟ นางก้าวออกมา
จากกองไฟพิธีดว้ ยรูปโฉมอันเปล่งปลงั่ งดงามยิง่ กวา่ เดมิ ราวกับทองคําทถี่ กู ไฟชาํ ระแลว้ มี
ความสกุ ปล่ังผดุ ผ่องฉะนนั้

เมอ่ื พราหมณ์ทัง้ สามแลเหน็ นางมนั ทารวดีผงู้ ามเฉิดฉายราวเทพอัปสรปรากฏเฉพาะ
หน้า ตา่ งคนตา่ งก็แทบจะคลัง่ ตายเพราะความรัก และต่างกท็ ุม่ เถยี งแกง่ แย่งกรรมสทิ ธ์ใิ นตวั
นางด้วยกนั ไมม่ ใี ครยอมเสยี สละแกก่ นั พราหมณผ์ ้เู ป็นโยคีกล่าววา่ "นางตอ้ งเปน็ ของข้า
เพราะข้าเป็นคนรา่ ยมนตรศ์ ักดส์ิ ิทธ์ิชุบนางขึ้นมาจากความตาย ขา้ ย่อมมีสิทธิใ์ นตวั นาง"
พราหมณค์ นทสี่ องเถยี งว่า "นางควรเป็นของข้าเพราะขา้ เป็นคนเอาอัฐิของนางไปโปรยลงใน
แม่นาํ้ คงคา ทาํ ให้นางสะอาดบรสิ ทุ ธดิ์ ้วยสายนาํ้ อนั ศกั ดส์ิ ิทธ์ินนั้ " และพราหมณค์ นทสี่ ามก็
กลา่ วขนึ้ อย่างเชอื่ ม่นั เต็มท่วี า่ "ข้าเท่านน้ั ทค่ี วรจะไดน้ างเปน็ ภรรยา เพราะขา้ เอาเถา้ ถา่ นของ
นางมาเก็บไวแ้ ละบําเพญ็ ตบะเพื่อนางทุกวนั "

"โอ ราชะ" เวตาลกลา่ วย้ิม ๆ "โปรดตดั สนิ ทีเถอะ ว่าในสามคนนีน้ างควรจะเปน็
ของใคร ถา้ พระองค์รู้แล้วแกล้งไมต่ อบ พระเศียรของพระองค์จะต้องแยกเป็นเส่ยี ง ๆ"

ฝาุ ยพระเจ้าตรวิ ิกรมเสนเม่ือไดย้ นิ เวตาลพดู ดังนนั้ จึงตรัสว่า "ชายคนที่รา่ ยมนตร์
ทําให้นางคนื ชีวติ ข้นึ มานั้น ถงึ แมเ้ ขาจะตอ้ งใชค้ วามสามารถและลําบากลาํ บนปานใด ก็ควรจะ
เป็นพ่อของนางเทา่ นัน้ และพราหมณค์ นทเี่ อาอฐั ิของนางไปสู่แม่น้าํ คงคากค็ วรจะถือวา่ เป็นลกู
ของนางอยา่ งเดียว สว่ นพราหมณ์ทีเ่ กบ็ เถ้าถา่ นของนางและคงอยูท่ ่ีปุาช้าถงึ กบั สร้างที่อยู่ตรงที่
เผาศพนาง และบาํ เพญ็ ตบะเพื่อนางน่นั ตา่ งหาก ควรจะได้เป็นสามีของนางโดยแท้ เพราะเขา
อยู่กบั นางตลอดเวลามิได้ทอดท้ิงนางไปไหน แสดงความรกั อนั ดมื่ ด่าํ ต่อนางแมเ้ พียงนอนบน
เถ้าธุลีของนางโดยมิได้รังเกยี จ“

เมอ่ื เวตาลไดฟ้ ง๎ พระเจ้าตริวิกรมเสนตรัส ดังน้ัน เปน็ การละเมดิ สญั ญาท่ตี กลง
กนั จงึ อันตรธานจากบา่ ของพระราชากลบั ไปท่ีอยขู่ องตน แตพ่ ระราชาก็ต้องทนลาํ บากติดตาม
หาตัวมนั อกี ท้ังนีก้ ็เพราะพระองค์ทรงถือมน่ั ในสจั จะทใี่ ห้ไวแ้ ก่โยคศี านตศิ ลี และบคุ คลทมี่ ี
สัจจะเช่นพระองคน์ นั้ ไมว่ า่ จะเปน็ ใครกย็ ่อมจะปฏิบตั ิเหมือนกนั หมด คอื ต้องทําภาระของตน
ให้สาํ เร็จลุลว่ งไป ไม่ว่าจะตอ้ งทนลาํ บากแมใ้ หญห่ ลวงเพียงไร

ขอ้ คิดเรอ่ื งที่ ๒
รกั ที่แท้จรงิ ยอ่ มเกิดจากความซ่อื สัตย์และยอมสละได้

แมก้ ระท่งั ความสขุ ของตนเอง

นทิ านเร่ืองท่ี ๑๙
ภรรยาเศรษฐี กบั ธิดาช่อื ธนวดี

นิทานเร่ืองที่ ๑๙
ภรรยาเศรษฐี กับธิดาช่อื ธนวดี

พระเจ้าตรวิ กิ รมเสนจําใจเสดจ็ ย้อนกลบั ไปทปี่ ุาช้าอกี คร้งั หนึ่ง เพอ่ื ดงึ ตัวเวตาลลงมาจากกง่ิ
อโศก เอาพาดกบั พระอังสาแล้วดําเนินกลบั มาทางเดิม ระหว่างทเี่ สด็จมาตามทางนนั้ เวตาลกถ็ อื
โอกาสกล่าวขนึ้ ว่า “ราชะ ขอไดโ้ ปรดฟ๎งนทิ านสนกุ ๆ สักเรอื่ งเถิด ข้าจะเล่าถวาย โปรดทรงฟ๎ง”

มีนครแหง่ หน่งึ ในโลกน้ีชือ่ วโกรลกะ มคี วามงามอลังการเสมอดว้ ยนครอมราวดขี องทวยเทพ
นั่นเทยี ว นครนมี้ ีพระราชาปกครองทรงนามว่าพระเจ้าสูรยประภะ ซึ่งทรงความยิ่งใหญ่เสมอด้วย
พระอนิ ทร์ พระราชาองคน์ ้เี ปรียบเสมอื นองค์พระวษิ ณผุ ู้ทรงถนอมโลกไว้ให้พ้นภัย โดยทรงรองรับ
โลกไว้ดว้ ยพระกรของด้วยประการฉะนพี้ ระองค์จงึ มคี วามยนิ ดใี นการรองรบั ภาระของราษฎรมริ เู้ บ่ือ
หนา่ ยในราชอาณาจักรของพระองค์ ถ้าจะเห็นน้ําตาของใครกย็ อ่ มมแี ต่นาํ้ ตาท่ีเกิดจากควนั เขา้ ตา
เท่านัน้ จะพูดถึงความตายก็เฉพาะกรณขี องค่รู กั คู่เสน่หาท่โี หยหากันเหมือนตายทั้งเปน็ อย่างน่า
สงสาร จะพูดถึงของสวยงามกใ็ หด้ ูท่ไี ม้เท้าทองคาํ ของอารักษท์ ค่ี ุ้มครองพทิ ักษ์ พระราชานน้ั เองเป็น
ตัวอย่างของผคู้ รองพระราชทรัพย์อันมากมายล้นฟูา อยา่ งไรกด็ ี แม้พระองค์จะมีชายามากมายนบั
ไมถ่ ว้ น แต่กห็ าได้มีพระราชโอรสไม่

ทนี ี้จะเร่มิ ตอนสําคัญของเร่ืองนี้ให้ฟ๎ง ในมหานครแห่งหน่ึงช่อื เมอื งตามรลิปติ มพี อ่ ค้าที่
รํ่ารวยมหาศาลช่ือ ธนบาล เป็นผทู้ รี่ ่ํารวยมากทสี่ ดุ ยง่ิ กวา่ ใคร ๆ ท้ังหมดทเี่ ปน็ เศรษฐใี นเมอื งนั้น
เขามธี ดิ าเพียงคนเดียวช่อื ธนวดี ผูม้ ีความงามจบั จิตราวกับเป็นวิทยาธรที ีห่ ล่นลงมาจากสวรรค์
เพราะถูกสาป เมือ่ นางเจริญวัยขึน้ เป็นสาว พอ่ คา้ ก็ตายลง พวกญาตกิ ก็ ล้มุ รมุ กันเขา้ ยึดทรพั ย์
สมบตั ิไปหมด ทงั้ นี้เพราะพระราชาหาไดช้ ว่ ยเหลือค้มุ กันอะไรไม่ ดังนั้นผ้เู ป็นภรรยาของพ่อค้า
คือ นางหิรัณยวดี กร็ ีบฉวยสมบัตสิ ่วนตัวของนางคือ เพชร พลอย และเครือ่ งประดับต่าง ๆ เอา
ไปซ่อนไว้ในท่ีเรน้ ลบั ไม่มีใครรู้ แล้วแอบหนีออกจากบา้ นอย่างลบั ๆ ในยามตน้ ของราตรพี ร้อม
ด้วยธิดาของนาง คือ ธนวดี หลบหนา้ ญาติพีน่ อ้ งเอาตัวรอดไป นางเลด็ รอดออกจากบ้านไปด้วย
ความลําบากยากยง่ิ นางจูงแขนลูกหนกี ระเซอะกระเซิงอย่างมืดแปดดา้ น และใจของนางยิ่งมดื มดื
ยง่ิ กว่าความมดื ของราตรี เพราะความเศร้าโศกมืดมิดในจิตใจและมืดมนจนป๎ญญากเพราะไม่รูว้ ่า
จะไปทางไหนดี ในทสี่ ดุ หลงั จากท่มี ะงมุ มะงาหรามาในความมืด นางกร็ ู้สกึ ตัววา่ วง่ิ ไปชนโจรผ้หู นึ่ง
ซ่ึงถูกทางบ้านมอื งเสียบประจานด้วยหลาว แต่มันยงั ไม่ตาย และการทีถ่ กู ผหู้ ญงิ วิ่งมาชนโดยแรง
ทําให้แผลของมนั ฟกช้ําเจ็บปวดยิ่งข้ึน จงึ ร้องข้นึ วา่ “โอย๊ ใครเอาเกลอื มาขย้แี ผลของขา้
แสบเหลือเกนิ ” ภรรยาพอ่ ค้าไดฟ้ ๎งกต็ กใจ ถามวา่ “ทา่ นคอื ใคร” โจรตอบวา่ “ข้าเป็นโจร
ทางบา้ นเมืองติดตามตัวขา้ มานาน ในที่สุดจับข้าได้ ตัดสินให้เสยี บทวารขา้ ด้วยหลาวเหล็ก เอาข้ึน
ตั้งประจานไว้รมิ ทางนร้ี อวันตาย แตถ่ งึ จะเสียบขา้ เจบ็ ปวดสาหสั ถึงเพยี งนนั้ แต่ข้าก็ยงั ไมต่ าย ว่าที่
จรงิ จะพูดไป ข้ามันกแ็ คช่ ายช่วั ธรรมดาคนหน่ึงเทา่ น้นั ไมว่ ิเศษวโิ สอะไร สว่ นทา่ นเล่าเป็นใคร จงึ
ไดว้ ง่ิ มากลางคํ่ากลางคืนดกึ ด่ืนปาุ นน้ี” เมอื่ ภรรยาพ่อคา้ ได้ฟง๎ ก็เล่าเรอื่ งของตนใหโ้ จรฟง๎ โดยตลอด
ขณะนนั้ พระจนั ทรผ์ ่านพ้นหมู่เมฆส่องแสงสวา่ งนวลใย แสงเดือนทอี่ อ่ นละมุนจบั ต้องใบหน้าของ
ธิดาพ่อคา้ ทาํ ให้เห็นความงามของนางอย่างเด่นชัด

นายโจรจงึ กลา่ วกะแม่ของนางว่า “ข้าอยากจะขอรอ้ ง อะไรท่านสักอยา่ ง ฟ๎งให้ดนี ะ ขา้ จะให้
ทองคาํ แกท่ ่านพันตาํ ลงึ ท่านจงรับไว้และส่งนางมาเปน็ เมยี ขา้ เถิด” นางไดฟ้ ๎งกห็ ัวเราะอยา่ ง
ขบขนั และกล่าวว่า “เจา้ จะทําอะไรตอ่ นาง” โจรไดฟ้ ง๎ กต็ อบว่า “ข้าเวลานี้จะเปน็ จะตายก็
เทา่ กัน ขา้ ไม่มีลกู ชายเลยแม้แต่คนเดียว ท่านก็ทราบดีแลว้ ว่า ผ้ชู ายทไี่ ร้ลูกชายนนั้ หาอาจทจ่ี ะ
ได้รบั ผลบุญอนั นาํ ไปส่ภู พทง้ั หลายอันมีแตค่ วามบันเทิงสขุ ไม่ แตถ่ า้ ท่านยอมตกลงตามขอ้ เสนอ
ของขา้ หญิงท่ีเป็นเมียข้าคนนจ้ี ะคลอดลกู เป็นชาย โดยขา้ อาจจะให้ชายอ่นื มาเป็นพ่อของเดก็ ได้
และขา้ จะยอมรับด้วยความเตม็ ใจว่าเขาเป็นลกู จริง ๆ ของข้า นีค่ ือเหตผุ ลของขา้ วา่ ทําไมจึง
ขอรอ้ งใหท้ า่ นยกนางให้เป็นเมียข้า ทา่ นจะช่วยให้ข้าได้บรรลจุ ุดประสงคต์ ามท่ีปรารถนาได้
หรอื ไม”่ เม่ือหญิงหมา้ ยเมยี พ่อค้าไดฟ้ ๎งคําของร้องเช่นนน้ั ประกอบกบั ความโลภทม่ี อี ยูใ่ นนสิ ัย
อยูแ่ ลว้ นางจงึ ไปหานํา้ มาจากทีใ่ ดท่หี นงึ่ มารดมือนายโจร และกลา่ วว่า “ข้ายกหญงิ ผเู้ ป็นลกู
สาวของขา้ คนนีใ้ หแ้ ก่เจา้ ในการสมรสคร้งั น้ี”

นายโจรไดแ้ ต่งงานกบั ธิดาวานชิ แลว้ กส็ งั่ กําชับให้นางยึดมน่ั ในสญั ญาตามที่ตกลงกันไวแ้ ละให้
นางแมห่ ม้ายให้ไปเอาทองตามสญั ญาว่า“จงไปขุดเอาทองที่ฝง๎ ไวใ้ ต้ตน้ นยโครธ (ตน้ ไทร) ตน้ น้นั เถดิ
แลว้ เก็บไวใ้ ห้ดี เมื่อไรท่ขี ้าสิ้นลม จงเผาศพขา้ อยา่ งธรรมดา
เหมือนคนธรรมดาทั่วไปเถดิ อย่าให้มีพธิ ีรีตรองอะไรเลย
หลงั จากเผาศพขา้ แลว้ จงเอากระดูกของข้าไปโยนลงแม่นํ้า
ศักดส์ิ ทิ ธิท์ ี่ใดกไ็ ด้ เสรจ็ เรอื่ งของข้าแลว้ เจ้าสองคนแมล่ กู จง
เดินทางไปนครวโกรลกะ ท่เี มืองนน้ั ผู้คนมคี วามสบายกนั
ทัว่ หน้า เพราะมผี ู้ปกครองทดี่ ี มพี ระราชาสรู ยประภะเป็น
ประธานสูงสดุ คนทีอ่ ยเู่ มืองนน้ั ล้วนอบอุน่ ใจไร้ความกงั วล
ใด ๆ และพวกท่านกจ็ ะไม่ถูกใครขม่ เหงรังแกอีกด้วย”

เมือ่ นายโจรกลา่ วมาถึงตอนน้ี บงั เกิดความกระหายนาํ้ อย่างรนุ แรง ก็ดืม่ นํ้าทีน่ างหญิงมา่ ย
เอามาให้ แลว้ ถึงแก่ความตาย เพราะตอ้ งถกู หลาวเสยี บประจานมาหลายวัน ความบาดเจ็บแสน
สาหสั ทาํ ให้ไม่อาจจะทนทานตอ่ ไปได้อีก ฝาุ ยนางหญงิ หม้ายกร็ บี ไปขุดเอาทองมาไว้เปน็ สมบตั ิ
ของตน แล้วพาลกู สาวเดินทางไปอยา่ งเร้นลบั สบู่ ้านเพ่อื นคนหนง่ึ ของสามีนาง ระหวา่ งทน่ี าง
อาศยั พกั พิงอยทู่ นี่ ่ัน นางกใ็ ห้คนไปเอาศพนายโจรไปเผาเสยี และเอากระดกู ไปโยนทงิ้ ที่แมน่ าํ้
ศกั ดส์ิ ิทธ์สิ ายหนง่ึ และทําพิธอี ุทศิ ส่วนกศุ ลให้ตามประเพณี วนั รุ่งข้ึน นางเอาทรัพย์ท่ีซอ่ นไว้
และออกเดนิ ทางพร้อมด้วยลกู สาวท่องเทยี่ วไปในที่ตา่ ง ๆ จนในทสี่ ดุ มาถงึ นครวโกรลกะ ณ
ทนี่ ้นั นางไดซ้ อื้ บา้ นหลังหนึ่งจากพอ่ คา้ ช่ือสุทตั ต์ และอาศยั อยูด่ ว้ ยความผาสกุ กบั ลกู สาวของ
นางคือ ธนวดี

ในเวลานนั้ มคี รผู หู้ น่ึงชื่อ วิษณุสวามิน อาศยั อยู่ในเมอื ง เขามีลกู ศิษย์เป็นพราหมณห์ นมุ่
รปู งามคนหนง่ึ ชอื่ มนสวามนิ ซ่ึงถงึ แม้วา่ เขาจะมีชาตกิ าํ เนดิ สูง มกี ารศกึ ษาดี แต่ตกเปน็ ทาสรกั
ของหญิงคณกิ าคนหน่งึ ช่ือ หงสาวลี แต่นางเรียกค่าบรกิ ารสูงถงึ ครง้ั ละหา้ ร้อยเหรียญทองทีนาร์
ซ่ึงชายหนมุ่ หาได้มเี งินถงึ ขนาดน้ันไม่ เปน็ สาเหตุให้เขากลดั กลุม้ ใจเปน็ กําลงั เพราะความรักที่
ไมส่ มหวงั

วนั หนงึ่ ธนวดธี ดิ าพอ่ ค้าขน้ึ ไปพกั ผ่อนอยูบ่ นดาดฟาู ของคฤหาสนท์ ่ีนางอาศัยอยู่ พร้อมดว้ ยบริวาร
แวดล้อมตามปกติ นางมองลงไปเบอ้ื งลา่ ง แลเหน็ พราหมณห์ นุ่มมนสวามินโดยบังเอญิ หัวใจนางก็
ผวาต่อภาพของเขา และตกเป็นทาสความงามลาํ้ เลศิ ของเขาโดยทันที

นางระลกึ ถงึ คําสง่ั ของนายโจรสามีนางขนึ้ มาได้จึงเขา้ ไปหามารดา
และกลา่ วฉอเลาะตอ่ นางวา่ “แมจ่ า๋ เมือ่ ลูกไดเ้ หน็ ความงามของ
หนุ่มฉกรรจค์ อื พราหมณผ์ ูน้ ้ีแล้ว ลกู รู้สกึ ชน่ื ชมนก่ี ระไร เหมือน
สายอมฤตธาราไหลพรูลงสู่หัวใจของขา้ ผทู้ ่ีไดพ้ บเหน็ เขา แม่เข้าใจ
ไหมจะ๊ ” หญิงหมา้ ยผมู้ ารดาได้ฟง๎ วาจาซ่ึงกลา่ วเป็นนัยดงั นน้ั ก็
เข้าใจในความหมายของลูกสาวทันที นางแลเห็นวา่ ลกู สาวของ
นางไดต้ กหลมุ รักพราหมณ์หน่มุ เขา้ แลว้ ทําให้นางระลกึ ถงึ สัญญา
ทน่ี างกระทําไว้ต่อนายโจรขน้ึ มาได้ จึงราํ พึงในใจวา่ “ลกู สาวของ
เรามสี ญั ญาผกู พนั กบั นายโจรผเู้ ป็นสามที ่ีอนญุ าตใหล้ ูกสาวของ
นางแสวงหาสามีได้ โดยมเี งอ่ื นไขวา่ ถ้ามีลกู ชายด้วยกัน

จะตอ้ งใหล้ ูกชายยอมรบั วา่ ตนเปน็ พ่อ ซ่งึ เงื่อนไขนลี้ กู สาวของนางจะต้องปฏบิ ตั ิตาม จะฝุาฝืนมไิ ด้
เม่ือมีเงือ่ นไขอนญุ าตอยู่อย่างน้ีไฉนเล่านางจะเชญิ ชวนหนุ่มผู้น้ีมาคุยดว้ ยไมไ่ ด้” เมอื ใคร่ครวญดงั น้ี
แลว้ นางก็ส่งสาวใชไ้ ปอย่างลบั ๆ ใหไ้ ปพบพราหมณห์ น่มุ เพ่อื ดาํ เนินงานตามแผนของนางทันที

นางสาวใช้เดนิ ทางออกจากบา้ นไปหามนสวามิน และเจรจาตามแผนที่ไดร้ บั มอบหมาย
พราหมณห์ นุม่ ไดฟ้ ง๎ คําขอรอ้ งของหญิงคนใช้กต็ อบว่า “ขา้ จะตกลงดว้ ยก็ได้ ถา้ พวกเจา้ จะจ่ายแก่
ข้าเป็นเหรียญทองห้ารอ้ ยทีนาร์ ข้าจะได้เอาไปใหแ้ กน่ างหงสาวลียอดรักของข้า และขา้ ก็จะไดร้ ว่ ม
อภิรมย์กับนางคนื หนง่ึ ” เมอ่ื พราหมณ์หนมุ่ ตอบดงั นี้ นางสาวกก็ ลบั ไปรายงานนายของตน หญิง
หมา้ ยไวศยกย็ อมตกลงจา่ ยเงนิ ใหโ้ ดยไม่ชกั ช้า เม่ือมนสวามินได้เงินแลว้ ก็เดนิ ตามสาวใชไ้ ปยัง
เรอื นของนางธนวดี ผู้ซึ่งจะตอ้ งเปน็ ภรยิ าของตนตามสัญญา เขาได้พบนางผงู้ ามด้วยรูปโฉมกม็ ีใจ
ยินดีเหมือนนกเขาไฟท่เี พลดิ เพลนิ กับแสงนวลใยของพระจนั ทรฉ์ ะน้นั และหลงั จากทีเ่ ขาไดร้ ่วม
อภริ มย์กบั นางคนื หนงึ่ เขาก็เล็ดรอดหนนี างไปอย่างลับ ๆ ในเวลาเชา้ ตรู่

ฝาุ ยนางธนวดีลกู สาวพอ่ ค้าหลังจากไดร้ ว่ มอภริ มย์กบั พราหมณ์ในคนื น้นั แล้วนางก็
ตั้งครรภ์ เม่ือครบกาํ หนดกค็ ลอดบุตรเปน็ ชาย มลี กั ษณะประกอบด้วยมงคลลกั ษณ์อนั สูงส่ง นาง
และแม่ต่างก็พากนั ยินดอี ยา่ งย่ิงทไ่ี ดล้ กู ชายสมใจหวัง องค์พระศิวะมหาเทพก็เสด็จมาเขา้ ฝน๎ นาง
ทงั้ สองในคืนวนั หนึง่ และตรัสแก่หญิงทง้ั สองว่า “จงรบั เดก็ นี้ไว้ ในเวลาที่เขายงั นอนอยู่ในเปล
จงพาไปวางไวท้ หี่ นา้ ประตูวงั ของพระเจา้ สรู ยะประภะ พร้อมดว้ ยเหรียญทองพนั เหรยี ญในตอน
เชา้ มืด โดยวิธนี ี้ ทุกอยา่ งจะเป็นผลดอี ย่างน่าอศั จรรย์แกเ่ จ้า” ฝาุ ยหญงิ หมา้ ยไวศยะและลูกสาว
เม่อื ไดร้ บั โองการจากพระศิวะดังน้นั แล้ว กร็ ู้สึกตวั ต่นื ขึ้น ต่างคนต่างก็เล่าความฝ๎นของตนให้ฟ๎งซึ่ง
กันและกนั และเพราะมีความศรัทธาในองค์พระศวิ ะอยา่ งไม่แคลนคลอน คนทง้ั สองก็อุ้มทารก
นอ้ ยพร้อมดว้ ยเหรยี ญทองในถุงรวมหนึง่ พนั เหรียญไปวางไว้หน้าประตวู งั ของพระเจา้ สูรยะประภะ

ในระยะเวลาดงั กล่าวนนั้ พระศวิ ะเป็นเจา้ ก็เสด็จมาเข้าฝน๎ พระราชาสูรยะประภะ ผู้ทรง
ทรมานมานานชา้ โดยการไรโ้ อรสผู้จะสบื ราชบัลลงั ก์ และตรสั ว่า “ราชะ ลกุ ขนึ้ เถิด มคี นเอา
เดก็ ผู้ชายหน้าตางดงามคนหนง่ึ และถงุ ทองมาวางไวห้ น้าประตูวงั ของเจ้า ไปรับเอามาสใิ นเวลาท่ี
เขายงั นอนแบเบาะอยู่” เมือ่ พระศิวะตรัสแก่พระราชาในความฝน๎ เช่นน้นั พระองค์กร็ ีบลกุ ขึน้ จาก
บรรจถรณใ์ นเวลาเช้าตรู่ พอดีกบั ยามเฝาู ประตูงเขา้ มาเฝาู กราบทูลเรอื่ งราวทเ่ี กดิ ขึ้น เหมือนดาํ รสั
ของพระศวิ ะเจา้ ทกุ ประการ พระองค์กร็ ีบเสด็จไปทอดพระเนตรด้วยพระองคเ์ อง เม่ือถงึ ประตวู ังก็
เหน็ เด็กทารกคนหน่ึงนอนอยู่ ขา้ ง ๆ กายมีถงุ ทองวางอย่ดู ว้ ย และเมื่อทรงอุ้มเดก็ ขนึ้ เชยชมก็
ทอดพระเนตรเหน็ วา่ กุมารนอ้ ยมลี ักษณะอนั เป็นมงคล เชน่ มอื และเท้ามเี สน้ เปน็ ลายรปู ตา่ ง เชน่
รปู ฉัตร รปู ธง และรูปอ่ืน ๆ จึงตรสั ว่า “พระศิวะทรงประทานลกู ชายทน่ี ่ารักแกข่ า้ ” แล้วทรงโอบ
กอดกุมารนอ้ ยแนบพระอรุ ะ เสด็จเข้าสพู่ ระราชนิเวศ โปรดให้ทาํ พธิ ีฉลองสมโภชพระโอรสและ
ให้ทานแกบ่ คุ คลที่ยากจนใหม้ ีทรัพยส์ ินสําหรบั เลี้ยงชวี ติ เปน็ สุขสบายโดยทั่วหนา้ และพระราชา
สูรยประภะก็โปรดให้มมี หรสพดนตรีและการละเล่นเป็นเวลาถงึ สิบสองวนั เสรจ็ แลว้ ทรงประทาน
นามแกพ่ ระโอรสว่า จนั ทรประภะ

แล้วเวลาก็ผ่านไป เจา้ ชายจนั ทรประภะเจริญวัยขน้ึ ตามลาํ ดับ มรี ปู รา่ งงดงามและมี
อปุ นสิ ยั ดีย่งิ เปน็ ทีช่ นื่ ชมของข้าราชบรพิ ารและผพู้ บเหน็ ซึง่ พากันยกย่องสรรเสรญิ โดยท่วั หน้า
ในท่ีสดุ เจา้ ชายกเ็ ตบิ โตเป็นหนุ่มฉกรรจ์ มีพละกาํ ลังแขง็ ขนั ราวกบั จะแบกธรณนี ้ไี ว้ได้ (มหิธร)
มีความกลา้ หาญ มีความใจกว้าง มคี วามรใู้ นศิลปวิทยาตา่ ง ๆ ยงั ความสําเร็จใหเ้ กิดแกก่ จิ การทัง้ ปวง
ฝาุ ยพระบิดา คอื พระเจ้าสรู ยประภะ เมอื่ ทรงพจิ ารณาเหน็ ว่าเจา้ ชายหนุ่มมคี ณุ สมบตั ิอนั เลอเลิศ
เช่นนน้ั ก็ทรงพอพระทยั อย่างยิง่ จงึ ทรงตงั้ ใหเ้ ป็นรชั ทายาทสบื ราชบัลลังกต์ อ่ ไป พระราชา
สรู ยประภะนน้ั ทรงชราแลว้ ได้ทรงสร้างความเจริญแก่แผน่ ดนิ มาแลว้ เปน็ ปกึ แผน่ มั่นคง และเห็นวา่
ไม่มีอะไรจะต้องกังวลในชวี ิตอีก จึงสละราชสมบตั ใิ ห้แกอ่ งคร์ ัชทายาทแล้วเสดจ็ ไปเมืองพาราณสี
และในเวลาดงั กล่าว เจา้ ชายรชั ทายาทกป็ กครองแผ่นดินไดอ้ ย่างเรียบร้อย และยงั แวน่ เควน้ ให้
เจริญรุง่ เรอื งด้วยความเฉลยี วฉลาดของพระองค์ หามีราชอาณาจกั รใดบนพิภพจะเปรยี บปานได้ไม่
สว่ นราชาสูรยประภะเมื่อสละราชสมบัตแิ ล้วกผ็ นวชเปน็ ฤษีบําเพ็ญตบะอันแรงกลา้ และละชีวติ ไปสู่
สวรรค์ของพระเปน็ เจ้า เจ้าชายจนั ทรประภะได้ทราบขา่ วการทวิ งคตของพระราชบิดากท็ รงเศร้าเสีย
พระทัยนัก และส่งั ใหท้ าํ พธิ ีถวายกศุ ลแก่พระราชบิดาอยา่ งสมพระเกียรติ และมพี ระดํารัสแก่
เสวกมาตยว์ า่ “ขา้ จะทําอยา่ งไร จงึ จะตอบแทนพระบิดาของข้าให้สมกับทพ่ี ระองคม์ ีพระกรณุ าธิคุณ
แกข่ ้าเป็นเหลือลน้ ได้ ข้าจะชดใชพ้ ระคุณนัน้ ด้วยมือของขา้ เอง ข้าจะรวบรวมอัฐิองั คารของพระองค์
ไปโปรยปรายลงท่ีแมน่ าํ้ คงคาอันศักดิส์ ทิ ธิ์ หลงั จากนน้ั ขา้ จะเดินทางจารึกแสวงบุณยไ์ ปยังวหิ าร
แห่งคยาเพื่อนมสั การพระเป็นเจ้าทีน่ ่นั และกระทําพธิ ีเปตพลอี ุทศิ ผลบุณยใ์ หแ้ ก่บรรพบรุ ษุ ของข้า
ดว้ ย จากนัน้ ข้าจะธุดงคไ์ ปยังแมน่ าํ้ ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิทัง้ หลาย ไปใหไ้ กลจนถงึ ฝ่๎งมหาสาคนตะวนั ออก
น่ันเทียว”

เมอ่ื พระราชาดาํ รัสดังน้ี บรรดาอํามาตย์ราชมนตรีทงั้ หลายก็กราบทลู ว่า “ข้าแตพ่ ระ
จกั รพรรดิ ข้นึ ชอ่ื พระราชาทง้ั หลาย ยอ่ มไม่ควรที่จะกระทําอยา่ งนี้ เพราะการเปน็ ราชันน้ันมขี ้อเสีย
หลายข้อที่จะตอ้ งระมดั ระวัง เมอ่ื พลาดพล้ังไปแล้วจะแก้ไขได้ยากนกั เพราะฉะนัน้ พระองคค์ วรที่จะ
ตอบแทนพระคุณของพระบิดาด้วยวิธีอื่น มปี ระโยชนอ์ ันใดเล่าท่ีพระเจา้ แผ่นดนิ จะตอ้ งตะลอน ๆ ไป
นมสั การแมน่ ้ําศกั ดิส์ ทิ ธใ์ิ หล้ ําบากพระกาย แทนที่จะกระทาํ พระบญั ชา สั่งออกไปใหผ้ ้สู นองพระ
โองการทําโนน่ ทาํ นี่ โดยมอบอํานาจหน้าท่ีให้เขาไปทําเลยขึ้นช่ือว่าพระราชาทัง้ หลาย ยอ่ มมที หาร
รักษาพระองค์อยแู่ ล้ว โดยปกติย่อมประทับอยแู่ ต่ในวัง จะออกไปเท่ยี วจาริกธดุ งค์ตามสถานทีต่ ่าง ๆ
เปน็ การเปดิ เผยพระองค์ ทําใหเ้ สีย่ งต่ออันตรายจากศัตรูท้ังที่มองเหน็ และมองไม่เห็นมใิ ช่หรือ” เมอ่ื
พระราชาจนั ทรประภะไดฟ้ ง๎ ถ้อยคําของอํามาตย์ราชมนตรีเชน่ นน้ั ก็ตอบวา่ “พอกนั ทีกับการต้งั ข้อ
สงสัยเปล่า ๆ ปล้ี ๆ ทาํ ให้ตอ้ งยบั ยั้งเสียเวลาตอ่ ไปอีก ถึงอย่างไร ๆ ข้าก็ต้องไปเพือ่ เหน็ แก่พ่อของขา้
ข้าจะตอ้ งเดนิ ทางไปนมัสการแมน่ า้ํ ศกั ดิส์ ิทธ์ิต่าง ๆ ใหจ้ งได้ในขณะทข่ี า้ ยังหนมุ่ แนน่ เข็งแรงอยู่ ใคร
เลา่ จะร้วู า่ อะไรจะเกดิ จากนเ้ี ป็นต้นไป ถา้ ร่างกายตอ้ งสูญสลายในฉบั พลัน จะอยา่ งไรกด็ ี เจา้ มหี นา้ ที่
ดูแลแวน่ แควน้ ของข้าไว้ จนกวา่ ขา้ จะกลบั มา” บรรดาราชมนตรีทั้งหลายได้ฟง๎ กระแสรับสงั่ เดด็ ขาด
ดังนี้ ตา่ งกพ็ ากันเงยี บอยู่ พระราชาก็เตรยี มตัวออกเดนิ ทาง และรอวนั ฤกษ์ดซี ง่ึ จวนจะมาถึงในไม่ช้า
เม่อื วันฤกษด์ มี าถึง พระราชากเ็ สดจ็ เข้าสรงสนาน ทาํ พิธีสงั เวยพระอัคนี (ไฟ) และประทานลาภสการ
แกเ่ หล่าพราหมณ์ เสรจ็ แล้วเสดจ็ ข้ึนรถทรง ซึง่ มีมา้ เทยี มอยพู่ รอ้ มสรรพ พระองค์ทรงพสั ตราภรณ์
โยคเี วศอันต่ําต้อย และเรม่ิ การเดินทางธุดงคจาริก ทรงฝาุ ฝงู ชนเปน็ อันมากออกไปอยา่ งลําบาก
ตัง้ แต่พวกหัวหนา้ เผ่าต่าง ๆ พวกราชปุต ชาวนคร และคนบา้ นนอก
ซง่ึ ตดิ ตามมาสง่ เปน็ ระยะทางไกลถงึ ชายราชอาณาเขต
จนพระองคต์ อ้ งขอร้องให้กลบั ไป ทง้ั ๆ ทเ่ี ขาเหล่าน้นั
ล้วนแต่ไมเ่ ตม็ ใจจะจากพระองคเ์ ลย พระองค์ทรงปลด
ภาระราชกจิ อนั หนักยิง่ ไวใ้ ห้แกเ่ หล่าเสนาบดที ั้งปวงแล้ว
กม็ พี ระทยั แชม่ ช่ืนปราศจากกงั วลใด ๆ เสดจ็ โดยรถแล่น
ไปตามทาง มขี า้ ราชบรพิ ารคอื กรมวงั แวดล้อมด้วยหมู่
พราหมณ์ทงั้ หลายตามเสดจ็ ไปในรถอีกหลายคัน
พระองคไ์ ด้ทรงพบเหน็ ดนิ แดนแวน่ แควน้ ต่าง ๆ
ผคู้ นตา่ งชาติตา่ งภาษา และในท่ีสุดก็เสดจ็ มาถงึ แมน่ า้ํ คงคา พระองค์หยดุ ยืนทอดพระเนตรภาพแมน่ ้ํา
ศกั ดิ์สิทธิท์ ี่ปรากฏเฉพาะพระพักตร์ แลเห็นเกลยี วคลน่ื ทอดเปน็ สายยาววงิ่ เข้าสฝู่ ๎่ง ดรู าวกบั สะพานท่ี
ทอดรบั มรรตยั ชนจากโลกน้ไี ปสูส่ วรรค์ พระคงคานอี้ าจจะชวนให้นึกถึงพระอมั พกิ า(พระอมุ า) ผูเ้ ป็น
น้อง เพราะมีกําเนิดมาจากภเู ขาหมิ วตั (หมิ าลัย) เชน่ เดยี วกัน ก็พระคงคาสายน้แี ลท่ีไหลวนเวยี นอยู่ใน
พระเมาลีของพระศวิ ะเป็นเวลานานนับพันปีแลว้ ตกลงสูโ่ ลก เป็นทเ่ี คารพบูชาในหมเู พทฤษแี ละคณะ
(คณะ หมายถึง เทพกล่มุ หน่งึ หรือพวกหนง่ึ ซ่งึ คอยบาํ เรอรบั ใช้พระศวิ ะโดยเฉพาะ) ท้าวจันทร
ประภะมีความเล่ือมใสศรัทธาอย่างเต็มเปย่ี มในพระหฤทยั กเ็ สด็จลงจากรถ และสรงสนานพระวรกาย
ในมหานทีแห่งนัน้ แล้วทรงโปรยอฐั อิ ังคารของพระเจา้ สูรยประภะลงสแู่ ม่นาํ้ คงคาตามประเพณี

และหลงั จากท่พี ระราชาทรงให้ทานและทาํ พิธีศารทธพรต (ศราทธ์ หรือศราทธพรต เป็นพิธี
ทล่ี กู ชายบําเพญ็ เพอื่ ผู้ตายซง่ึ เป็นบิดาของตน) เสรจ็ แลว้ กเ็ สด็จข้นึ รถพระทนี่ ่ังแลน่ ไปจากสถานท่ี
น้นั ในท่สี ดุ มาถึงประยาค ซึง่ เป็นท่อี ันฤษีท้ังหลายพากันเคารพอยา่ งสูง เพราะเปน็ ท่แี ม่น้ําคงคากบั
แมน่ า้ํ มยนุ าไหลมาบรรจบกนั และเปน็ สถานทเี่ หลา่ ฤษีพากนั ทาํ พิธบี ชู ากูณฑ์ (กณู ฑ์ คือ กุณฑะ
ซง่ึ หมายถงึ หลมุ ทขี่ ุดข้ึนเพอ่ื กอ่ ไฟ โดยพราหมณจ์ ะตกั เนยใสหยอดลงไป ทาํ ใหไ้ ฟลุกอยเู่ พราะเชอ้ื
คือเนยใส การบูชาไฟคือ การถวายเครอ่ื งสงั เวยแกพ่ ระอัคนโี ดยเฉพาะ) เรยี งรายไปตามรมิ ฝ่ง๎ นาํ้
เปน็ เปลวไฟลุกวบั ๆ แวม ๆ ไปตลอดทางและมคี วนั ไฟพวยพุ่งขนึ้ มาไมข่ าดสายพระราชา
จนั ทรประภะ ทรงถือศีลจานทรายณะ (จานทรายณะ หมายถึง พธิ ถี ือศีลอดโดยกําหนดเวลาตาม
พระจนั ทรห์ รือถือพระจันทรเ์ ปน็ หลกั ในการคาํ นวณ) และทรงประกอบศาสนกิจท่ีสําคัญคอื
การสระสนานในแม่นา้ํ ศกั ด์ิสิทธิ์ การใหท้ านพระราชทรพั ยแ์ ละอน่ื ๆ เสรจ็ ขบวนการพิธีศราทธโ์ ดย
ครบถว้ นแลว้ พระราชากเ็ สดจ็ ไปสนู่ ครพาราณสี ซึง่ เป็นท่ีรวมแหง่ โบสถว์ ิหารอันศักดิ์สทิ ธิ์ มีธง
เทยี วปลวิ สะบดั พล้วิ บนยอดหลังคาเหมือนจะกวกั มือเชิญชวนผจู้ ารึกแสวงบุณยม์ าแตไ่ กลวา่
"มาเถดิ และสู่โมกษะ (ความหลุดพ้นทุกข์) ณ ท่ีนี้"

ในนครน้ี พระราชาจันทรประภเทรงถือศลี อดสามวนั และทรงบชู าพระศวิ ะด้วยมงั สาหาร
ชนิดตา่ ง ๆ หลังจากน้นั ทรงออกเดินทางไปยงั ตาํ บลคยา ขณะท่ีเสด็จผา่ นไปตามไพรสณฑ์อัน
ประกอบด้วยไมน้ านาพรรณ ซ่งึ มีก่ิงคอ้ มลง เพราะนํ้าหนกั แห่งผลอนั ดกสะพรงั่ ทุกก่ิงกา้ น มีนกร้อง
เพลงอยา่ งไพเราะอ่อนหวานเป็นที่จําเริญโสตยิ งิ่ นัก ดูคล้ายกบั ว่าตน้ ไม้ทค่ี ้อมก่งิ และนกทสี่ ง่ เสยี ง
แจว้ จาํ เรียงนัน้ เป็นผู้ทก่ี ม้ กายอัญชลี และถวายเสียงสดดุ สี รรเสริญพระองค์ ฉะนั้น ขณะท่สี ายลม
อ่อนราํ เพยพัดลู่กิง่ ดอกไม้ปาุ ไปมากเ็ หมือนกาํ ลังถวายพวงบุปผามาลัยแกพ่ ระองค์ขณะเสด็จย่าง
ผา่ นไป ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จลว่ งพ้นแนวปาุ และบรรลุยงั ภเู ขาคยาอันศักดสิ์ ิทธิ์ (ภูเขาคยาศรี ษะ
เป็นสถานท่ศี กั ด์ิสทิ ธแ์ิ หง่ หนึง่ ของอินเดยี ว แปลตามรูปศัพทว์ ่า "ศรี ษะแห่งคยา" กลา่ วคืออสูรชอ่ื
คยาได้บําเพญ็ ตบะอันแรงกล้าท่ีภูเขาโกลาหล พระพรหมและเทวดาทงั หลายพากนั มาเย่ียม
พระพรหมถามคยาสรู วา่ ทาํ ความเพียรเพอื่ อะไร อสูรจึงขอพรพระพรหมว่าขอให้ร่างกายของตน
เมอื่ หาชีวติ ไม่แลว้ จงกลายเปน็ สิ่งศักดส์ิ ทิ ธ์ิท่สี ุดในโลก ซ่ึงใครกต็ ามไดแ้ ตะต้องรา่ งของตนแล้วจะ
บรรลคุ วามหลุดพ้นทุกขท์ ้ังปวงคอื บรรลโุ มกษะนน่ั เอง) ณ ทีน่ นั้ พระราชาทรงบําเพ็ญศราทธพรต
อีก และประทานทรพั ยใ์ ห้แกพ่ ราหมณ์ จากนั้นเสดจ็ เขา้ สปู่ าุ ศกั ด์สิ ทิ ธิ์ ขณะทพ่ี ระองคก์ ําลงั ทําพธิ ี
ถวายข้าวบิณฑแ์ ก่พระราชบิดาในบอ่ น้าํ แห่งคยานั้น ก็มีมอื สามมอื ยนื่ ขน้ึ มาจากบ่อนาํ้ เพอื่ จะรับข้าว
ทิพยพ์ รอ้ ม ๆ กัน เมอื่ พระราชาทอดพระเนตรเหน็ ดังน้ันกท็ รงพิศวงงุนงงยิ่งนัก จงึ ตรัสถามคณะ
พราหมณข์ องพระองคว์ า่ "น่หี มายความว่ากระไร ข้าจะส่งขา้ วบิณฑใ์ หม้ อื ไหนล่ะ" คณะพราหมณ์ก็
ทูลวา่ "ราชะ มอื นท้ี ยี่ ่ืนมามีรอยศูล (หลาว) แทงมาก่อน แสดงวา่ เขาเปน็ โจร มือท่ีสองทถ่ี อื ปมู โหร
แสดงว่าเปน็ พราหมณ์ สว่ นมอื ท่ีสามซง่ึ นิ้วสวมแหวนและมเี ส้นวาสนานี้เปน็ มือของพระราชา ดงั นั้น
พวกข้าพระองคจ์ งึ ไม่ทราบวา่ มอื ไหนสมควรแกก่ ารรบั ข้าวบิณฑ์ และเหตุการณ์ทงั้ หมดหมายความ
ว่ากระไร" เมื่อคณะพราหมณก์ ลา่ วดงั นี้ พระราชาจันทรประภะก็ทรงลังเลพระทัยไม่อาจจะตัดสนิ
ลงไปได้

เม่อื เวตาลซง่ึ น่ังอยบู่ นบ่าของพระราชาได้จบนทิ านอนั แสนมหศั จรรยล์ งแลว้ กก็ ล่าวแกพ่ ระเจา้ ตริ
วิกรมเสนวา่ "เอาละ พระองค์จะตัดสนิ ไดห้ รือยังวา่ มอื ของใครควรจะไดร้ ับข้าวบณิ ฑพ์ ระราชทาน
นน้ั ขอใหใ้ ต้ฝาุ พระบาทตอบขา้ ดว้ ย แต่อยา่ ลมื คาํ สัญญานพระเจา้ ขา้ ว่าทรงตกลงอะไรไวแ้ กข่ า้ "

ฝุายพระเจ้าตรวิ กิ รมเสนผทู้ รงเช่ยี วชาญในพระธรรมศาสตร์ ไดฟ้ ง๎ ถ้อยคําของเวตาลก็ทรง
ลืมพระองค์ ตรสั ทําลายความเงียบขน้ึ วา่

"ก้อนข้าวบณิ ฑพ์ งึ ให้แกม่ ือโจร เพราะเจา้ จันทรนประภะผู้ทําพิธศี ราทธพรตนีเ้ ป็นลูกของ
เขา มชี ีวติ เตบิ โตขึ้นมาไดก้ เ็ พราะคําสญั ญาท่ีนางผเู้ ป็นมารดาของเดก็ ตกลงแก่เขาไว้ เพราะฉะนั้น
ชายอกี สองคน จงึ หาใชบ่ ดิ าของเขาไม่ เพราะถงึ แมว้ า่ พราหมณห์ นุ่มคอื มนสวามนิ จะเปน็ ผู้ให้
กาํ เนดิ แกจ่ ันทรประภะก็ตาม เขากไ็ มอ่ าจนับวา่ เป็นพ่อท่แี ทจ้ รงิ ไม่ เพราะมนสวามินเปน็ เพียงผู้ชาย
ขายตัวเพียงคนื หน่ึง เพื่อเอาเงนิ ไปบาํ เรอหญิงคณกิ าชอ่ื นางหงสาวลีเท่านนั้ อยา่ งไรกด็ ีจนั ทร
ประภะอาจพิจารณาวา่ เปน็ โอรสของพระเจ้าสูรยประภะก็ได้ เพราะว่ากษัตริยพ์ ระองคน์ ัน้ ทรงรบั
พระองคไ์ วเ้ ปน็ โอรส โดยทําพธิ ศี ักดิ์สิทธติ์ อ้ นรบั ตง้ั แตแ่ รกเกดิ เรียกวา่ พิธชี าตกรรม เม่ือทรงรบั
เปน็ ลกู แลว้ กท็ รงเลี้ยงดกู ุมารนอ้ ยอย่างดีท่ีสดุ จนเตบิ ใหญ่ แต่มขี ้อควรคิดว่าพระเจา้ สูรยประภะ
รบั มาเล้ยี ง โดยทก่ี ุมารมที รพยั ์สนิ เปน็ ทองพนั ตําลงึ เปน็ คา่ จ้างเล้ยี งดูตั้งแต่นอนอยใู่ นเปล ถ้าพระ
เจา้ สรู ยประภะไม่รบั ทรัพย์สินดังกลา่ วนพ้ี ระองค์ก็คงได้ชื่อว่าเปน็ พ่อของเด็กโดยบรสิ ุทธก์ิ ายและใจ
อย่างไรกด็ คี วามจรงิ มีอยู่วา่ พระเจ้าจนั ทรประภะเปน็ ผทู้ ชี ายคนหนงึ่ ทําใหเ้ กดิ มาโดยเจตนาและ
กตกิ าท่ีนายโจรวางไว้วา่ บุตรชายนน้ั จะเกดิ จากใครกต็ ามก็ต้องเปน็ ลกู ของตนเทา่ น้นั เงือ่ นไขนี้
ใคร ๆ จกั ปฏเิ สธมไิ ด้ เพราะแม่ของเด็กไดท้ ําพธิ สี มรสกับโจร โดยหล่งั นํา้ ทักษโฺ ณทกบนมอื ถูกตอ้ ง
ตามประเพณที ุกอย่าง เมื่อนายโดจรเปน็ พ่อของเด็กคือพระเจ้าจนั ทรประภะ ตามเหตุผลดังกล่าวน้ี
เขาจงึ สมควรและมสี ิทธิ์จะได้รับข้าวบิณฑข์ องลูกของเขาในพิธีศราทธ์ทกุ อยา่ ง และนคี่ อื ความเหน็
ของขา้ "

เม่ือพระราชาตรสั ดังน้ี เวตาลกก็ ระโดดจากพระองั สาของพระองค์อยา่ งรวดเรว็ หายวบั
กลับไปยงั ทอี่ ยูข่ องตนทนั ที และพระเจ้าตรวิ กิ รมเสนกต็ อ้ งเสด็จตดิ ตามเพ่ือเอาตัวเวตาลกลบั คนื มา
อกี ครง้ั หนงึ่

ขอ้ คดิ เรื่องที่ ๑๙
ความกตญั ํรู คู้ ุณต่อผทู้ ่มี พี ระคณุ เปน็ ส่งิ ที่

มนษุ ย์ทุกคนพึงปฏบิ ัติ

นทิ านเรือ่ งท่ี ๒๐
พระเจ้าจันทราวโลก

กบั รากษส

นิทานเรื่องที่ ๒๐
พระเจ้าจนั ทราวโลก กับรากษส

แลว้ พระเจ้าตรวิ กิ รมเสนกจ็ าํ พระทยั เสด็จกลบั ไปยังตน้ อโศกอกี คร้งั หน่ึง นาํ ตวั เวตาลขึน้
วางไวบ้ นพระองั สา แลว้ พากลับไป ทรงรักษาความเงยี บไวอ้ ย่างดี ไมต่ รัสอะไรเลย เวตาลกไ็ มย่ อม
แพ้ กลา่ วกระตนุ้ ขนึ้ ว่า “ราชะ ไฉนจึงนง่ิ เฉย ฉะน้ี ราตรยี ังอย่อู กี ยาวนาน จะรีบรอ้ นแบกขา้ ไปใหเ้ จา้
โยคีทศุ ลี นัน่ ทาํ ไมกนั เอาเถอะถ้ายังทรงดึงดันอยู่อีกก็ตามใจสิ แต่ลองฟง๎ นทิ านสนุก ๆ ของข้าสกั
เรอื่ งมดิ ีกวา่ หรือ”

แตโ่ บราณมีนครแหง่ หนง่ึ ชอ่ื จิตรกฏู เป็นชื่อที่ไพเราะเหมาะสมช่ือหนึ่ง นครนีไ้ ม่มกี าร
แบ่งแยกถอื ผิวถอื วรรณะอะไรทั้งสน้ิ มีพระราชาองคห์ น่งึ ปกครองแวน่ แคว้นอยู่ ทรงพระนามวา่
จนั ทราวโลก ผเู้ ป็นประดุจยอดมงกฎแห่งกษตั ริยท์ ้ังหลาย พระองคท์ รงหลั่งสายธารแห่งอมฤต คอื
ความเมตตาปรานีแก่ทวยนาครของพระองค์โดยทั่วหนา้ นกั ปราชญท์ ้งั หลายพากนั ถวายคาํ สรรเสริญ
สดุดีพระองคว์ ่า ทรงหนกั แน่นมัน่ คงในความกลา้ หาญเหมอื นสาตะลุงทผ่ี ูกชา้ ง เป็นผมู้ ีพระทยั
กวา้ งขวางทส่ี ดุ และเปน็ พลบั พลาแห่งความร่นื รมย์และเป็นสัญลักษณแ์ ห่งความงามบนพื้นพิภพ
อยา่ งไรกด็ ี พระราชากย็ งั มีความระทมทุกข์ซอ่ นเรน้ อยูใ่ นพระทัย น่นั กค็ ือ ถึงแมจ้ ะทรงมัง่ คั่งใน
ธนสารสมบตั ิอนั มโหฬาร และมอี านุภาพอันเตม็ เป่ยี มอย่างนี้ก็จรงิ พระองคก์ ย็ ังขาดอย่อู ย่างหน่งึ
คือชายาอันเหมาะสมจะเคยี งค่พู ระองคใ์ นราไชศวรรยน์ วี้ ันหนึ่งพระเจา้ แผ่นดนิ ทรงมา้ พระท่ีนงั่
แวดล้อมขา้ ราชบริพารออกไปประพาสปาุ ใหญ่เพื่อทรงล่าสัตว์ เพือ่ ใหห้ ายกลุม้ พระทยั พระองคท์ รง
เป็นผู้สามารถในการายิงธนูเปน็ สายตดิ ต่อกันจากแลง่ ถูกเปูาหมายคือฝูงหมาปาุ อย่างแมน่ ยํา
เหนือกวา่ พระอรชุน (พระอรชนุ กษัตริย์ปาณฑพองคท์ ี่ ๓ ในเร่อื งมหาภารตะ เป็นโอรสของพระ
อินทร์กับนางกนุ ตี มเหสขี องพระเจ้าปาณฑแหง่ จันทรวงศ์ เจา้ ชายอรชุนเปน็ ยอดนักรบซง่ึ มีฝมี อื เปน็
เยีย่ ม หาใครเสมอมไิ ด้) ผู้ทรงพลัง และทรงสามารถพิชติ ราชสหี ผ์ ้แู กลว้ กล้าดว้ ยฝีพระหัตถ์ในการยงิ
ธนู ทําใหม้ ันล้มลมบนเตยี งแห่งลูกธนู (เตยี งแห่งลูกธนู หมายถงึ เจา้ ชายภษี มะผู้เฒ่าในเร่อื งมหาภา
รตะ ถกู พระอรชนุ ผูเ้ ปน็ หลานยิงด้วยลกู ธนูในสงครามมหาภารตะน้นั

ลูกธนไู ด้เสยี บร่างของภีษมะเตม็ ไปหมด หาชอ่ งว่างมไิ ด้ เจา้ ชายก็ลม้ ลงกลางสมรภูมิบนลูกศร
ทงั้ หลายทเ่ี สยี บร่างจนกลายเปน็ เตียงในสนามรบ และเจา้ ชายภีษมะนอนนิ่งอยู่บนเตยี งลูกศรน้ันจน
ส้นิ มหาสงคราม) อันเสียบโดยรอบจนแทบจะหาท่วี า่ งมไิ ด้ ทรงมกี ําลงั กายอนั ทรงสมรรถนะเหมอื น
ดงั พระอินทร์ ในการตัดปกี ภเู ขาทงั้ หลาย มภี เู ขาศรภะเป็นต้นให้ขาดกระเดน็ ด้วยโตมรอนั คมแข็งดัง
วัชรายธุ ระหวา่ งทีท่ รงขบั ม้าเลยี บไปตามชายปุานน้ั พระราชาเกิดความปรารถนาอยา่ งเรน้ ลบั ใน
พระทัย อยากจะแยกทางจากบริวารเข้าไปใหถ้ ึงใจกลางแหง่ มหาพนปุาใหญ่น้ัน ซ่งึ เป็นที่อนั ไกล
สุดกู่และไม่เคยพบเห็นมากอ่ น ในฉบั พลนั พระราชากท็ รงกระตุ้นสขี ้างมา้ อย่างแรงพร้อมกับหวดค
วบั ดว้ ยแซ่ ทาํ ให้มันแผน่ โผนโจนทะยานพงุ่ ไปอย่างสดุ ฤทธิ์ พาพระราชาเตลดิ เข้าไปในปาุ ทึบ แยก
จากเหลา่ ข้าราชบรพิ ารซึง่ ขบั ตามมาไมท่ ัน มา้ พระท่ีนง่ั ว่งิ เรว็ ดงั ลมพดั ชั่วเวลาเพียงครเู่ ดยี วกม็ าไกล
ถงึ สิบโยชน์

เมอ่ื มาถงึ ท่ีนัน้ มา้ กห็ ยดุ ลง พระราชาทรงเหนด็ เหนอื่ ยอดิ โรยเตม็ ที ทรงลงจากหลงั ม้าพระ
ทน่ี ั่ง แลว้ ดาํ เนนิ ดูโดยรอบบรเิ วณกแ็ ลเหน็ ทะเลสาบใหญอ่ ยู่ไม่ไกลจากที่น้นั มีกอบวั ไกลลิบ ๆ อยู่
ปรม่ิ น้ํา ซง่ึ เมอ่ื ลมพัดผวิ นํา้ เป็นคลืน่ น้อย ๆ ทยอยเข้าสฝู่ ๎่งก็ดกู ระเพอ่ื มเหมือนด่ังจะชวนเชิญให้
พระองคเ์ สดจ็ เขา้ ไปใกล้ พระราชาจงู มา้ มาริมนาํ้ ปลดบังเหยี นและอานมา้ ท่ีผกู มนั ออก ปลอ่ ยมนั
ลงไปอาบนํ้า เสร็จแลว้ ทรงจูงมนั ไปผูกไวก้ บั ตน้ ไม้ท่ใี ห้ที่ให้ร่มเงาต้นหน่ึง หลงั จากนน้ั พระราชาทรง
สรงสนานด้วยความเบกิ บานพระทัย และเสวยน้ําจนส้ินความกระหาย ทําใหค้ ลายจากความอิดโรย
เป็นอันมาก ทรงนั่งพกั อย่สู กั ครแู่ ละทอดพระเนตรดภู มู ิทัศน์โดยรอบทะเลสาบ และแลเหน็ ว่ารมิ
ทะเลสาบดา้ นหนงึ่ มีต้นอโศกข้นึ อยู่ตน้ หนึ่งแผก่ ิ่งกา้ นสาขาไปโดยรอบ ท่โี คนตน้ อโศกนั้นมีหญงิ สาว
กลุ่มหนง่ึ ชมุ นุมกันอยู่ นางท่ีดูเป็นหัวหน้านัน้ มรี ปู ลกั ษณ์งามบาดใจยิ่งนกั นางสวมมาลาดอกไมเ้ ป็น
เครอื่ งประดับศีรษะ และนุง่ ห่มดว้ ยผ้าเปลือกไม้ ซึ่งบอกให้รวู้ านางเป็นลกู สาวคนหนึง่ ของฤษี นางดู
อ่อนวัย และมีเสนห่ ์ตลอดเรือนรา่ ง ผมดําขลบั ของนางถูกเกลา้ เปน็ มวย (เมาลี) ตามแบบของดาบ
สนิ ี (นางดาบส) โดยทว่ั ไป

พระศวิ ะและพระนางปารวตี

ฝุายพระราชา เม่ือเหน็ นางเพยี งครัง้ แรกกถ็ ูกศรรักระดมยิงหฤทยั ราวห่าฝน มีความ
หลงใหลเพอ้ พกถึงกับตรสั แกพ่ ระองค์เองดว้ ยความรัญจวนวา่ “นางเปน็ ใครกันหนอ หรือว่า
นางคอื พระเทวสี าวิตรี (เทวสี าวิตรี เทวแี หง่ อกั ษรศาสตร์และศลิ ปศาสตร์ เป็นชายาของพระ
พรหม เรียกกันวา่ สาวติ รี หรอื พรหมี ทรงถอื พณิ และมนี กยงู เปน็ พาหนะ) เสดจ็ ลงมาประทบั
สระสนานทที่ ะเลสาบแห่งนี้ ถา้ มิใช่ นางคือพระเคารีเทวีพลดั จากออ้ มพระกรของพระศวิ ะลง
มาบนแดนดิน และกลับคืนเปน็ หญงิ ชาวเขา (ปารวตี) เพือ่ บําเพญ็ พรตตามเดมิ (หญงิ ชาวเขา
(ปารวตี หรอื บรรพต)ี หมายถึงพระอมุ าผู้เป็นชายาของพระศิวะ (อิศวร) นางได้ชอื่ ว่าหญิง
ชาวเขาเพราะนางเปน็ ธิดาของพระหมิ วัต (ภูเขาหมิ าลยั ) และเปน็ น้องสาวของพระคงคาดว้ ย
นางปารวตหี ลังจากทีพ่ ระศิวะเรมิ่ รกั นางอนั เป็นผลของศรกามเทพแลว้ เสด็จหนีไป นางได้ไป
บาํ เพญ็ พรตอย่างอุตกฤษเป็นเวลาชา้ นาน พระศิวะจึงไดก้ ลับมาและใหน้ างเปน็ ชายาของ
พระองคใ์ นที่สุด) หรือว่านางคือนางงามอันเกิดจารศั มพี ระจนั ทร์ (นางอันเกิดจากรัศมี
พระจนั ทร์ คือนางมารษิ าเทวี ซึ่งเกิดจากนางอปั สรชื่อ ปรัมโลจา โดยนางอปั สรว่ิงหนจี าก
อาศรมของฤษกี ณั ฑดุ ้วยความเกรงกลัว ขณะทน่ี างเหาะไปนางสะบดั เหงื่อของนางกระเดน็ ไป
ติดบนกิ่งไม้ในปาุ ตอนกลางคนื พระจันทรข์ น้ึ สู่ขอบฟาู แสงพระจันทร์สอ่ งไปกระทบหยาด
เหงื่อบนใบไมท้ ําใหก้ ลายเปน็ เดก็ ผู้หญิงรปู ร่างสวยงาม นางไดร้ ับนามว่ามารษิ าเทวี) และกาํ ลงั
บาํ เพ็ญตบะอยู่ เพราะฉะน้ันข้าควรจะทําความรูจ้ กั นางอย่างเงยี บ ๆ และค้นหาความจริงให้รู้
ให้ได้ ตรึกไดด้ ังนนั้ แลว้ พระราชากเ็ สดจ็ เข้าไปใกลน้ าง

แต่เมอื่ นางเห็นพระองคเ์ ดินเขา้ มาหานัยน์ตานางก็เบกิ กวา้ งด้วยความประหลาดใจที่ได้
เหน็ ความงามของพระราชา มือทกี่ ําลงั รอ้ ยมาลาก็ตกลงโดยไมร่ ้สู กึ ตัว รําพงึ ว่า “เขาคือใคร
หนอท่อี ุตสา่ หด์ ั้นด้นมาถึงนี่ได้ เขาคอื สทิ ธะ หรือเป็นวทิ ยาธรกันแน่ จะวา่ ไป เขาก็เป็นคนรูป
งามนักหนา สมควรท่จี ะอวดคนได้ทัว่ โลก” เมอื่ นางคดิ ดงั นกี้ ็ค่อยลกุ ข้ึน เหลอื บตาดูชายหนมุ่
ด้วยความสะเทน้ิ อายแลว้ เดินจากไป หวั ใจของนางรอ้ นรุ่มไปหมด และขากพ็ าลจะหมด
เรีย่ วแรงทีจ่ ะก้าวตอ่ ไปอกี ด้วย

พระราชาหนมุ่ ผู้สภุ าพอ่อนโยนและมีความอุตสาหะ จึงเสดจ็ เข้าไปใกลน้ าง และตรัสว่า
“แม่รปู งาม ขา้ จะไม่ถามเจ้าละว่าเจ้าเป็นใคร จงึ ไม่รจู้ ักมาต้อนรับข้าผมู้ าจากแดนไกลแะละเพ่งิ
พบเจ้าเปน็ คร้งั แรก ข้ามีไมตรอี นั ดตี อ่ เจา้ ข้าไม่ได้หวังผลอะไรจากเจา้ หรอก เพยี งแตอ่ ยากเหน็
เจา้ ให้เตม็ ตาเท่านัน้ แหละ เจา้ จะหนีข้าไปไยเลา่ หรือว่าเพราะเจา้ เปน็ นางดาบส เจา้ จงึ จาํ ตอ้ ง
ประพฤติอยา่ งเคร่งครดั ไม่ยอมพบผชู้ ายง่าย ๆ” เม่ือพระราชาตรสั ดงั น้ี นางกจ็ าํ ต้องนง่ั ลง
ทา่ มกลางบรวิ ารของนางดว้ ยอาการประหม่าขวยเขิน และกล่าวตอ้ นรับพระราชาดว้ ยเสยี งอนั
เบาแผ่ว

ดงั น้ันพระราชาก็กลา่ วแกเ่ ธอดว้ ยความพศิ วาส และอ่อนโยนว่า “ดกู ่อนภฏั ฏินี เจ้า
เปน็ ศรีแห่งสกุลใดอันเปน็ ทย่ี กย่องนับถือของสหายของเจา้ และทําไมเจา้ จึงตอ้ งมาทนระกาํ
ลําบากอยู่ในวนาลัยนี้ เพือ่ รับใชเ้ หล่ามนุ ที งั้ ปวง และเจ้ามีนามวา่ อะไรเลา่ ”

เมือ่ นางพีเ่ ลี้ยงของนางได้ยินพระราชาตรัสดังน้นั ก็อธิบายว่า “สาวงามผนู้ ้ีเป็นธดิ าของ
พระมหาฤษกี ณั วะ แม่นางช่อื เมนกา เป็นนางอปั สร ผมู้ นี ามอันเบ่ืองลอื ตลอดสามโลก ส่วนลกู สาว
ของนางไดร้ บั การเล้ียงดแู ละอบรมมาในหมฤู่ ษีเหล่าน้ัน และไดร้ ับนามวา่ อนิ ทวี รประภา (อนิ ทีวร
ประภา ชอ่ื ของหญงิ งามผ้หู น่งึ รจู้ ักกันในนามของนางศกุนตลา ลกู บญุ ธรรมของฤษีกัณวะ ต่อมาได้
เป็นมเหสขี องท้าวทษุ ยนั ต์ (จนั ทราวโลก) มีโอรสดว้ ยกนั องคห์ น่ึง ชื่อพระภรต ไดเ้ ปน็ จักรพรรดิ
เจ้าโลก และเปน็ ต้นกาํ เนดิ ของชาวอนิ เดียทั้งมวลซ่งึ เรียกตนเองวา่ “ภารตะ” แปลว่า “ลกู หลาน
ของพระภรต”) นางมาอาบนา้ํ ในสระวันน้ี โดยไดร้ ับอนญุ าตจากบดิ าของนาง และอาศรมของพระ
มนุ กี ็อย่ไู มไ่ กลจากท่นี ่ีนกั ”

เมอื่ นางพเ่ี ล้ียงกราบทูลดังน้ี พระราชากด็ ีพระทยั เสดจ็ ขนึ้ ม้าพระที่นงั่ วิ่งตรงไปยงั
อาศรมของพระกณั วมุนี ดว้ ยความประสงค์จะถามเร่ืองบตุ รสาวของท่านใหร้ โู้ ดยแจง้ ชดั เม่ือมาถึง
พระราชาลงจากม้า ปลอ่ ยไว้ในทใ่ี กล้แลว้ เขา้ ไปสูอ่ าศรมพระดาบสด้วยความนอบน้อม พระกัณวะ
นง่ั อยบู่ น่อาสนะตรงกลางแวดล้อมด้วยเหลา่ ฤษีบริวารเป็นอันมาก เรอื นร่างของพระมหามนุ ี
เปลง่ แสงสุกสวา่ งเหมือนดวงเดอื นอันแจ่มกระจ่างท่ามกลางดาวฤกษ์ท้ังหลาย ดังน้นั พระราชาจึง
ตรงเขา้ ไปนมัสการและกอดเท้าพระมหาชฏิลไวด้ ว้ ยความเคารพ พระมุนผี ู้ฉลาดกใ็ หก้ ารตอ้ นรับ
พระราชาเปน็ อยา่ งดี ทําให้ความเหนด็ เหนอ่ื ยของพระราชาหายไป และโดยไม่ยอมให้เสียเวลา
พระมุนีกก็ ล่าวแก่พระราชาวา่ “จันทราวโลกลูกเอ๋ย จงต้ังใจฟง๎ คําแนะนําท่ีขา้ จะสง่ั แกเ่ จา้ ใหด้ ี ๆ
นะ เจา้ กร็ ู้มิใช่หรอื ขึ้นชอื่ ว่า สตั วโ์ ลกย่อมรักตัวกลวั ตายด้วยกนั ทัง้ นน้ั เหตใุ ดเจ้าจึงฆา่ สัตว์ตดั ชวี ติ
เช่นฆ่ากวางท่นี า่ สงสารโดยไม่มีสาเหตุ พระเป็นเจ้าทรงกําหนดใหอ้ าวธุ ของนักรบให้มีไวเ้ พื่อ
ปอู งกันผูอ้ อ่ นแอมิใช่หรือ ดังนน้ั จกปกครองไพร่ฟูาขา้ แผน่ ดนิ ด้วยความเป็นธรรม กําจดั ศตั รูทงั
ปวงที่มายํ่ายแี ว่นแควน้ จงรักษาทรัพยส์ นิ ของราษฎรอย่าใหเ้ ปน็ อันตรายด้วยกําลังทหารช้าง
ทหารมา้ และอน่ื ๆ จงมคี วามยนิ ดใี นการปกครอง ให้ทานและประกาศเกยี รติคณุ ใหต้ ลอดท่วั โลก
แตเ่ จ้าควรเลกิ การล่าสัตวอ์ ันเป็นบาปกรรมเสีย จะมีประโยชนอ์ ะไรกับการไล่ล่าประหัตประหาร
สัตวป์ ุา ท้งั ทส่ี ัตวป์ ุาก็ดี ผูท้ ่ลี ่ามนั กด็ ี หรือแมแ้ ตส่ ัตว์พาหนะ สตั ว์ใช้งานท้ังหลายกด็ ี ทั้งหมดน้ีมี
ชีวติ เป็นที่รกั ของตนเองท้งั สน้ิ บรรดาสตั วท์ ังหลายทีเ่ กิดมาในโลกล้วนมีสทิ ธิเสรภี าพเทา่ กันท้งั สิน้
เจ้าไม่เคยได้รไู้ ดย้ นิ เรือ่ งราวของพระเจา้ ปาณฑุ (ผมู้ ีผวิ ขาวซีด เป็นชอื่ ของกษตั รยิ จ์ นั ทรวงศ์
องคห์ นง่ึ ) เลยหรือ”

พระราชาผ้มู ปี ๎ญญาเลศิ (พระเจา้ จนั ทราวโลก) ได้ฟง๎ ก็มพี ระทยั ยนิ ดี ทรงรบั อนุศาสน์จาก
พระฤษกี ณั วะด้วยพระทยั แช่มช่ืน และกลา่ วดว้ ยความเคารพว่า “ขา้ แตพ่ ระคุณเจ้า ข้าไดร้ ับการ
ส่ังสอนจากพระคณุ ท่าน ขา้ รสู้ กึ ซาบซ้งึ ย่งิ นัก จะปฏบิ ตั ิตามโอวาทของทา่ นทุกอย่าง ข้าขอ
ประกาศไว้ ณ ที่นี้ ว่า ขา้ จะเลกิ ล่าสตั ว์อันเป็นบาปกรรมน้เี สียตัง้ แตบ่ ัดน้ี เพ่ือใหส้ ัตวม์ ชี ีวิตด้วย
ความผาสุก ไม่ตอ้ งหวาด หวนั่ ต่ออันตรายอกี ต่อไป” เมอ่ื พระมุนีได้ฟ๎งก็ยินดเี ปน็ อันมาก กล่าว
อนโุ มทนา “ข้ายินดีดว้ ยกบั เจา้ ที่เจา้ ให้อภัยต่อสัตว์ทง้ั หลาย ไมก่ อ่ เวรต่อไป ดังน้ันขา้ จะให้พรแก่
เจ้า เจา้ ประสงคส์ งิ่ ใดก็จงขอมาเถดิ ”

เมอ่ื พระมุนีกล่าวดงั นี้ พระราชาก็พอพระทยั มาก รบี สนองตอบทันทีวา่ “ถา้ พระคณุ เจ้าจะ
เมตตาตอ่ ขา้ จรงิ ๆ แล้ว ขา้ ขอนางอนทีวรประภาธดิ าของท่านเพยี งอย่างเดยี ว” เมอ่ื พระราชาตรัส
ดังนี้ พระมหาฤษีกย็ กนางให้ตามปรารถนา ในขณะที่นางโสรสรงเสรจ็ มาใหม่ ๆ และทําพธิ ีแต่งงาน
อนั ศักดิส์ ทิ ธิ์แกบ่ ุคคลท้ังสอง ในขณะทนี่ างชายาทั้งหลายของพระมุนี ต่างก็แสดงความยินดแี ละ
อวยชัยใหพ้ รแกเ่ จ้าบา่ วเจา้ สาวโดยพรอ้ มเพรยี งกัน แล้วพระราชาจันทราวโลกกอ็ มุ้ นางอัปสรธดิ า
ขึ้นนง่ั บนหลงั มา้ พระทน่ี ัง่ เสดจ็ ออกจากพระอาศรม มเี หล่าฤษีดาบสตามมาสง่ จน
ลบั ตา เมอื่ พระราชาเสดจ็ ไปตามทางนนั้ ดวงสูรยะเพงิ่ คล้อยต่าํ ลงสยู่ อดเขาและลบั ดวงไปในมชิ า้
เวลายํ่าคํา่ เริ่มตน้ ดว้ ยนางอัปสรราตรผี ูม้ ีนยั นต์ าดงั มฤคเนตร เร่มิ ปรากฎตวั ด้วยเรอื นรา่ งอันงาม
มีพัสตราภรณ์สมี ว่ งเปน็ เคร่ืองน่งุ ห่มเหมอื นสีแห่งราตรี

ในขณะนนั้ พระราชาอมุ้ นางเสดจ็ ไปตามทาง ทรงแลเหน็ ตน้ อศั วัตถะ (บาลีเรยี ก อัสสัตถะ
หมายถงึ ต้นโพ) ขึ้นอยูร่ มิ ทะเลสาบ อนั มีนาํ้ ใส่บรสิ ุทธิ์เฉกเช่นนํา้ ใจของสตั บุรุษ และทรงเหน็ ว่า
สถานท่ีน้นั เปน็ ท่รี ม่ รืน่ ไมใ้ บบงั เป็นท่ีร่มเยน็ มเี นินหญา้ นุ่มนม่ิ นา่ น่งั นอน จึงตกลงพระทัยวา่ จะหยุด
พักแรมท่ีน่นั ดงั น้ันจึงเสดจ็ ลงจากม้า ใหม้ นั กินหญ้ากินนํ้า เสรจ็ แลว้ พระราชาก็เอนองค์ลงบรรทม
บนผืนทรายอนั ละเอยี ดอ่อน หลังจากทีเ่ สวยน้ําแล้ว และนอนผึ่งลมอันเยน็ และลูบไลพ้ ระกายด้วย
ความออ่ นโยน ยามรําเพยพลว้ิ แผ่วมาเป็นระยะตลอดราตรี พระราชาบรรทมดว้ ยนางผเู้ ปน็ ที่รกั
อย่างแสนสขุ ขณะน้นั ดวงศศกี ็คอ่ ยปรากฎบนทอ้ งฟาู ฉายแสงสีขาวนวลละไมแผไ่ ปในฟากฟาู
ขับไลค่ วามมืดของราตรีใหเ้ จือจางลง

เมอ่ื ถึงเวลาเชา้ ตรู่ พระราชาบรรทมตน่ื ขึ้นพอดีแสงสุวรรณารณุ ฉายจับขอบฟูา ทรงสวด
บชู าสูรยะตามประเพณี แลว้ ลงสรงสนานในทะเลสาบ จากนัน้ ก็เตรียมเดินทางตอ่ ขณะน้ันเองก็แล
เห็นพราหมณาสูรตนหน่งึ ดําราวกับถ่านผมเหลอื งเหมือนสายฟาู รวมกนั เขา้ แลว้ กเ็ หมอื นกับ
สายฟูาในเมฆมดื อสูรตนน้ีสวมศริ มาลา มสี ายยัชโญปวตี เฉวยี งบ่า (ยัชโญปวตี เสน้ ดายดิบถักเปน็
เสน้ สงั วาลใชส้ วมเฉวยี งบ่า เปน็ สญั ลกั ษณข์ องพวกพราหมณบ์ างทเี รียก สายธุราํ มงคล) มันกําลัง
แทะเศรี ษะคนท่ตี กอยู่ในมือมนั โดยกัดกระชากเน้อื บนศีรษะ และด่ืมโลหิตจากกะโหลกนนั้
พรหมณป์ ศี าจผ้มู เี ข้ยี วเง้งแสยะน่าสยดสยอง มนั อา้ ปากกวา้ งและหวั เราะด้วยเสียงอนั ชวนให้ขนหัว
ลกุ และพ่นเปลวไฟพโิ รธออกจากปากของมนั แลว้ คาํ รามคกุ คามพระราชาว่า “อา้ ยคนสาระเลว จง
ร้เู อาไว้ว่า กนู แ่ี หละเป็นพรหมณอ์ สรู ช่ือ ชวาลามขุ และต้นอัศวัตถะต้นนกี้ ็เปน็ ท่ีอาศยั ของกู ไมเ่ คย
มใี ครบกุ รกุ เข้ามาท่นี ีไ่ ม่ว่ามันจะเปน็ หน้าอนิ ทรห์ นา้ พรหมคนไหน แต่มงึ อวดดีบกุ เขา้ มานอนท่นี ่ี
พรอ้ มกบั เมียของมึง กูท่องเทีย่ วไปตามความพอใจของกูตลอดคืน พอกลับมาก็เหน็ มงึ นอนอยู่ที่นี่
แลว้ เพราะฉะนน้ั จงเตรยี มตวั รบั โทษเถอะ แน่ะ อา้ ยคนช่วั ฟง๎ ให้ดี กจู ะฉีกเนอ้ื ของมึงเป็นช้ิน ๆ
แล้วจะกินหัวใจของมงึ ใหส้ าสมกับความทะลึ่งทะเล่อทะลา่ เขา้ มาในที่ของกู จากนนั้ กจู ะดม่ื เลอื ดสด
ๆ ของมงึ เสยี ” เม่ือพระราชาได้ทรงฟง๎ วาจาคกุ คามของอสูรเช่นน้ัน ประกอบกับได้เห็นนางผู้เปน็
ชายาตกใจจนขวญั หนีดีฝุอ และทรงร้ดู ีวา่ ไมม่ ีทางส้มู นั ได้ จงึ พูดกบั มนั ด้วยความสะทกสะท้านวา่
“ขา้ ขออภยั อยา่ งย่งิ ในการท่ีโง่เชลาไมร่ ู้จกั กาลอันควรและไม่ควร แต่ข้าเขา้ มาท่นี ก้ี ็เพราะว่าต้องการ
ขอความกรุณาขออาศยั แรมคืนเพยี งช่ัวคนื เดียว ร่งุ เชา้ ข้ากจ็ ะไป

ไมม่ เี จตนาจะบุกรุกท่ีของทา่ นหามิได้ และเพือ่ เป็นการตอบแทนทา่ น ข้าจะใหส้ ิ่งอันทา่ นปรารถนา
โดยจะสง่ มนุษย์ผูม้ ีเนอื้ อนั หอมหวานมาให้แก่ท่าน ท่านจะไดก้ ินอยา่ งเอรด็ อร่อย และหายโกรธข้า
กับเมยี ลงบา้ ง” เม่ืออสรู พราหมณ์ไดฟ้ ง๎ ดงั นั้นกค็ ลายความโกรธลง และพดู กับตัวเองว่า “ถ้าเปน็
อย่างนั้นก็ใช้ได”้ หลังจากน้นั ก็กลา่ วแก่พระราชาวา่ “ขา้ จะอดโทษท่ีเจา้ ดูหม่ินข้าไว้สักคร้ัง แต่เจา้
จะต้องปฏิบตั ิตามเง่ือนไขของข้าคือ เจ้าจะต้องหาเด็กพราหมณม์ าให้แก่ขา้ คนหน่ึง ถึงแมจ้ ะอายุ
ถึงเจ็ดขวบกย็ ังใชไ้ ด้ แต่ขอให้เป็นเดก็ ฉลาด มตี ระกูลผดู้ ี และพร้อมทจี่ ะสละตนเพ่ือเห็นแก่เจ้า ให้
พอ่ และแมข่ องเดก็ วางลกู ลงบนพน้ื ดิน จับแขนขับขาไวใ้ ห้แนน่ ระหวา่ งท่ีกําลังทาํ พิธีสังเวยอยู่ และ
จาํ ไวว้ ่า ถ้าเจา้ หาเหย่ือตามทีว่ ่านั้นได้ เจ้าจะต้องเป็นผู้สังหารเด็กน้ันด้วยการฟ๎นเพียงฉบั เดยี ว
แล้วนาํ รา่ งเดก็ คนนนั้ มาให้ข้าในวันท่ี ๗ หลงั จากน้ัน แตถ่ ้าไม่เปน็ ไปตามน้ี โอ ราชะ ข้าจะฆ่าเจา้
เสยี และทาํ ลายราชสาํ นักของเจ้าใหส้ นิ้ สูญภายในชวั่ พริบตาเดียว” เมื่อพระราชาได้ฟง๎ กต็ กพระทัย
อยา่ งยิง่ รีบตอบตกลงตามข้อเสนอทกุ ประการ ทันใดนั้นอสรู พราหมณก์ ็หายวบั ไปทันที

ฝาุ ยพระราชาจนั ทราวโลก เมื่ออสรู หายไปแลว้ ก็เสด็จข้นึ หลงั ม้าพรอ้ มด้วยพระชายา
อนิ ทีวรประภา เท่ียวตดิ ตามหาทหารผูเ้ ป็นบรวิ ารซึง่ พลดั พรากกันในวันประพาสล่าสตั ว์ ด้วยพระ
หฤทยั อนั เศรา้ หมองและเปน็ ทกุ ข์อย่างยงิ่ เม่อื ขับม้ามาตามทางทรงรําพงึ วา่ “อนจิ จาเอ๋ย เพราะ
การลา่ สตั วก์ ับความรกั ทาํ ให้ขา้ หลงไป จงึ ต้องมาประสบความฉิบหายเหมือนอย่างกษัตริย์ปาณฑพ
(เจา้ ชายปาณฑพ เจ้าชาย ๕ องค์ โอรสของพระเจา้ ปาณฑุกับนางกุนตี (สามองคแ์ รก) และองคท์ ่ี
๔, ๕ เป็นโอรสฝาแฝดเกิดจากนางมาทวผี ูเ้ ปน็ มเหสีองคท์ ี่ ๒ เจา้ ชายปาณฑพเลน่ การพนันจน
หมดตัว ถกู ขบั ไล่ไปเดนิ ปาุ ๑๒ ป)ี แท้เทียว ชา่ งโง่เขลานก่ี ระไร ข้าจะมปี ญ๎ ญาไปหาเหยอ่ื มาให้
รากษสไดท้ ีไ่ หน และต้องทําตามอยา่ งที่มันบรรยายเอาไวด้ ้วย ฉะน้ันในระหวา่ งน้ขี า้ ควรจะกลับ
บ้านเมืองก่อนดกี ว่า จะคอยดวู ่าจะมีอะไรเกดิ ขึน้ ” ขณะทท่ี รงราํ พงึ อยู่กพ็ อดีกองทหารทต่ี ดิ ตาม
หาพระองค์ตดิ ตามมาทนั ดงั น้ันทั้งหมดจงึ เดินทางกลับพระนครจติ รกูฏ ทําให้ราษฎรทง้ั หลายมี
ความปติ ยิ นิ ดีเป็นอย่างย่ิงทไ่ี ดท้ ราบวา่ พระราชาของตนได้พระชายาแลว้ แต่พระราชานัน้ หาได้มี
ความสุขในพระทัยไม่ ทรงครุ่นคิดถึงเรือ่ งท่ีจะบงั เกิดต่อไปดว้ ยความหดหู่พระทยั อยมู่ ิวาย

วนั รงุ่ ข้นึ พระราชาทรงเรยี กเหล่ามนตรเี ข้ามาปรกึ ษาหารอื เป็นความลับ ถึงเรื่องที่
เกิดขนึ้ แกพ่ ระองคใ์ นปุา มนตรที ่ีไวใ้ นได้ผู้หน่ึงจงึ กราบทลู า่ “ข้าแต่มหาราช ขออย่าไดท้ รงกงั วล
พระทยั เลย ขา้ ขอรับอาสาเป็นผสู้ ืบหาเด็กดงั กล่าวมาถวายแดพ่ ระองค์เอง เรอ่ื งแปลก ๆ ในโลก
อยา่ งน้ีคงจะหาไมย่ ากนัก”

เม่ือมนตรไี ด้ปลอบโยนพระราชาของตนแล้ว ก็เร่งรบี กระทาํ การตามแผนของตนอยา่ ง
รวดเร็วท่ีสดุ คอื ใหน้ ายชา่ งหลอ่ รูปเด็กเจด็ ขวบดว้ ยทองคํา แล้วประดับหทู ัง้ สองดว้ ยกณุ ฑลเพชร
ต่อจากนัน้ เอารูปปฏมิ าลงวางในเกวยี น แล้วขบั ลากไปในเมอื งต่าง ๆ ตามหมบู่ ้านทั้งหลาย และท่ี
ชมุ ชนของคนเลีย้ งสตั ว์ ในระหวา่ งทางทเ่ี กวียนของรูปปฏมิ าแลน่ ไปน้นั มนตรีกป็ าุ วประกาศซ้าํ
แล้วซํา้ อีกขา้ งหน้ารูปปฏมิ า พรอ้ มกับตกี ลองไปข้างหนา้ ว่า “เจ้าขา้ เอย๊ บา้ นนแ้ี ละชอ่ งน้ี ใครมี
เดก็ พราหมณ์อายุ ๗ ขวบ และเต็มใจจะเสนอตัวเองใหเ้ ป็นพลแี ก่พรหมณ์อสูรเพื่อใหเ้ กิดประโยชน์
แก่ทกุ คนกใ็ ห้บอกมาดว้ ย และถา้ พอ่ แมข่ องเด็กจะมอบเด็กใหเ้ ป็นพลี

โดยยึดเทา้ ยึดมอื ใหแ้ นน่ ในระหวา่ งการฆ่าเด็กแล้วไซร้ พระราชาจะใหค้ ่าตอบแทนสําหรบั เด็กน้นั
ผ้ซู ่ึงเหน็ แก่ความอนุเคราะหพ์ อ่ แมด่ ว้ ยความกตญั ํู โดยยกรูปหล่อทองคําประดับเพชรพลอยรปู นี้
ให้เปน็ รางวัล พรอ้ มกับส่วยอกี หนงึ่ รอ้ ยหมูบ่ ้าน

ปรากฏวา่ ในละแวกน้นั มเี ด็กพราหมณค์ นหนึง่ อายุ ๗ ขวบ ดํารงชีพอยดู่ ้วยเงนิ อุปการะ
ทีพระราชาทรงเลย้ี งดแู ก่พราหมณ์ เดก็ ผู้นเี้ ปน็ ผกู้ ล้าหาญอย่างยอดยงิ่ และมกี ิรยิ ามารยาทอันนา่
ชม เม่อื ไดย้ นิ การตฆี ้องรอ้ งปาุ วดังนน้ั เด็กผนู้ ถี้ งึ จะเป็นผูม้ ีอายุนอ้ ย แตก่ เ็ ฉลียวฉลาด มีคณุ ธรรมดี
งาม อันได้สะสมมาแต่ชาติก่อน และเป็นผู้ท่จี ะยงั พระราชาใหส้ ําเร็จประโยชน์ในชาตนิ ้ี เขาจงึ ก้าว
ออกมาพดู กับผปู้ ุาวประกาศว่า “ข้ายินดีสละตัวขา้ เองเปน็ พลีแกพ่ ระราชาด้วยความเตม็ ใจ ข้าจะ
กลบั ไปแจง้ เรื่องแกพ่ ่อแม่ของข้า แลว้ จะกลบั มาหาเจ้า” เม่อื เด็กน้อยกลา่ วดังน้ี ผ้ปู ระกาศก็ดใี จ
มาก และให้เด็กกลับไปบ้าน เดก็ นอ้ ยกลับไปบา้ นก็กระทาํ ความเคารพอย่างนอบน้อมต่อบดิ า
มารดาของตน และกลา่ ววา่ “ลูกจะพลตี วั เองเพ่อื ประโยชนส์ ุขแก่คนท้ังหลายด้วยรา่ งกาย อันจะมี
แต่ความผพุ งั เปื่อยเนา่ ร่างนี้ โปรดอนุญาตลกู เถดิ ขอใหล้ ูกไดย้ ุติความยากจนของพอ่ แม่ เพราะถา้
ลูกไปพลีชีวติ ต่อพระราชา พระองค์จะพระราชาทานรูปหล่อทองคาํ ให้แกล่ ูก และยงั แถมด้วยสว่ ย
อีกร้อยหมู่บ้าน เมื่อลูกไดร้ ับพระราชทานมาแลว้ ลูกจะยกให้พอ่ แม่ทงั้ หมด ด้วยประการฉะนี้
ลกู จกั ได้ช่อื ว่าทดแทนบญุ คุณของพ่อแม่ผู้ให้กําเนิดและเล้ียงดลู ูกมา ความยากจนของเรากจ็ ะได้
ส้นิ สุดลงเสยี ที และพ่อแมก่ ย็ ังจะมลี กู อกี หลายคนมาแทนลูกคนน้ี”

พอได้ฟง๎ ลกู ชายกลา่ วดังนัน้ พ่อและแม่ก็พดู วา่ “เจ้าพดู อะไรอย่างน้นั เลา่ ลกู เจ้าป๎่นปวุ น
เพราะลมพัดจนหัวหมนุ หรอื ไร หรือว่าเจา้ ถูกดาววิง่ มาชนกระนั้นหรอื ถา้ เจ้าไมไ่ ด้เป็นสองประการ
น้ี เจ้าจะพูดบา้ ๆ อย่างนไ้ี ดอ้ ยา่ งไร มีมนุษย์ท่ีไหนเขายอมแลกชวี ติ ลูกชายกบั ทรัพย์สมบตั ิบ้าง ไม่
วา่ จะเปน็ สมบตั มิ หาศาลปานใด มีตวั อยา่ งทไ่ี หนทลี่ กู มาขอให้เขาเอาตวั ไปเปน็ พลี” เมอ่ื บุตรชาย
ได้ฟง๎ บดิ ามารดาดงั นั้นกอ็ ธบิ ายวา่ “ลกู ไม่ไดพ้ ูดเพราะสติเลอะเลือนแต่อย่างใดหรอก ฟ๎งลูกพูดสกั
นดิ ก็รา่ งกายของคนเรานล้ี ้วนเป็นสิง่ ไมบ่ รสิ ทุ ธิ์ มคี วามนา่ เกลยี ดจนเหลอื ทีจ่ ะบรรยายไดห้ มดสิ้น
นา่ เกลียดน่าชงั มาตัง้ แตเ่ กดิ เป็นรงั แหง่ ความทกุ ข์ อยูไ่ ม่นานกจ็ ะพนิ าศฉิบหาย ดงั นัน้ นักปราชญ์
จึงกลา่ วว่า “สาระที่แกรง่ และสถาวรท่สี ุดในสงั สารภพนีก้ ็คือบุณย์ ซึ่งร่างอนั หาคา่ มิได้นเี้ ปน็
ผ้สู ร้างขนึ้ และบณุ ยใ์ ดเลา่ จะประเสรฐิ เลิศลํา้ ย่ิงไปกว่าการทาํ ประโยชนแ์ กส่ ัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์
โดยทวั่ หนา้ ดังน้ันถา้ ข้าไม่แสดงความเสยี สละดังกล่าวน้ีแกพ่ ่อแม่ ผลบุญอนื่ ใดเลา่ ที่ขา้ จะไดร้ บั
จากร่างกายน้ี” ดว้ ยถ้อยคําเหล่านีแ้ ละอื่น ๆ อนั แสดงความชักจงู นานาประการ กมุ ารนอ้ ยผู้มึวาม
ตงั้ ใจเดด็ เด่ียวเตม็ ท่ีกส็ ามารร์โดยทว่ั หนา้ ดังนัน้ ถ้าขา้ ไม่แสดงความเสียสละดงั กลา่ วนแ้ี กพ่ ่อแม่ ผล
บญุ อน่ื ใดเล่าทีข่ ้าจะไดร้ ับจากรา่ งกายนี้” ดว้ ยถอ้ ยคําเหล่าน้ีและอื่น ๆ
อนั แสดงความชักจูงนานาประการ กมุ ารน้อยผมู้ ึวามตง้ั ใจเดด็ เดย่ี วเตม็ ที่กส็ ามารถโนม้ ใจพ่อแม่ให้
เห็นชอบด้วยในทส่ี ดุ เสรจ็ แล้วเขาก็กลับไปพบกับเหล่าราชบริพารท่กี ําลงั ตีฆอ้ งร้องประกาศอยู่
และขอรับปฏมิ าทองคาํ พรอ้ มกับส่วยรอ้ ยหม่บู า้ น จากนั้นกอ็ อกเดนิ ทางพรอ้ มดว้ ยพ่อแม่ตรงไป
ยังนครจติ รกฎู อันเปน็ สํานกั ของพระเจ้าแผ่นดิน ฝุายพระราชาจนั ทราวโลกเมือ่ ไดท้ ราบเรอ่ื งราว
ทั้งหมดก็มคี วามพอพระทัยอยา่ งยิ่ง

เพราะภารกจิ สาํ คญั ของพระองคจ์ ะได้สัมฤทธิผลในโอกาสนี้ บรรดาเหลา่ ผ้เู ปน็ อาํ มาตยร์ าชมนตรี
ท้งั มวลกแ็ สดงความชืน่ ชมยนิ ดดี ้วย ขณะเมือ่ กมุ านําพ่อแม่เข้าไปเฝาู พระราชาแลเห็นก็ปลาบปลืม้
ยง่ิ นัก สั่งให้เอากมุ ารไปอาบนาํ้ เสรจ็ แลว้ ชโลมร่างดว้ ยสุคนธรสอันหอมรน่ื ให้ประดบั ศรี ษะดว้ ย
มาลาลังการ แล้วอุ้มกุมารขึ้นนง่ั บนหลงั ช้างพระทน่ี ่ัง และใหพ้ ่อแม่ของกุมารขึน้ ช้างตามไปพบพ
ราหมณาสรู ด้วยกนั เมอื่ ขบวนมาถึงทส่ี ถิตของอสูร บรเิ วณอัศวัตถมณฑล พระราชากส็ ่งั ให้หยุด
ทาํ เครื่องหมายวงกลมโดยรอบตน้ ไม้นัน้ แล้วให้พราหมณป์ ุโรหติ กระทาํ การบชู าไฟ และถวายเครื่อง
พลีกรรมแกพ่ ราหมณร์ ากษสตามสญั ญา ทันใดปีศาจพราหมณก์ ็ปรากฏกายข้ึน ส่งเสยี งหวั เราะ
กกึ กอ้ งพร้อมกบั ร่ายพระเวทเปน็ การตอบรับ ภาพปีศาจนนั้ กลัวสยดสยองยิ่งนกั มนั กําลงั มนึ เมา
ด้วยการด่มื โลหิตของมนษุ ย์ ตอ่ มากแ็ สดงการหาวและทบุ หน้าอกของตนหลายคร้งั นยั น์ตาของมนั
เป็นเปลวไฟเจิดจ้า และเงาของมนั ปรากฏจากร่างทีส่ ูงทะมนึ ราวกับภูผาใหญ่สดุ ขอบฟาู คอ่ ยยา่ ง
ก้าวเขา้ มา พระราชาจนั ทราวโลกแลเหน็ ดังนัน้ ก็เสด็จเขา้ ไปใกล้ น้อมพระองคล์ งแสดงความเคารพ
และตรสั วา่ “ภควาน ข้าพามนษุ ย์มาสังเวยแกท่ ่านตามสญั ญาภายในเจ็ดวนั บัดนก้ี ็ได้เวลาตาม
สญั ญานน้ั แลว้ ขอท่านจงพงึ พอใจในพลีนี้เถดิ ” เมอ่ื พระราชาตรสั วิงวอนดงั นี้ พราหมณร์ ากษสก็
มองลงไปท่ีกมุ ารดว้ ยความยินดี และแลบล้ินเลยี รมิ ฝีปากดว้ ยความกระหาย

ในขณะน้ัน กุมารนอ้ ยผ้ใู จสูงก็กลา่ วแก่ตวั เองด้วยความปีติว่า “ขออยา่ ให้กศุ ลผลบุณย์ซ่งึ
เกิดจากการสงั เวยชวี ติ ของข้า จะทาํ ใหข้ ้าไปสสู่ วรรค์หรือความหลุดพ้นทกุ ข์ ถ้าหากผลบณุ ยน์ ้ีจะ
ไปถงึ สตั วโ์ ลกทั้งมวล ขา้ เสียสละตนเองเชน่ น้ี ขา้ ทําเพอื่ ผอู้ น่ื เท่านัน้ และขา้ กจ็ ะกระทาํ อยา่ งนี้
เสียสละอย่างนี้ตลอดชาตนิ ้ี ชาติหนา้ เรอื่ ยไปไมม่ วี นั ส้นิ สดุ ” ในขณะท่ีกุมารนอ้ ยประกาศสัจจะต่อ
โลกน้ี สวรรค์ก็เปดิ ออกในฉบั พลนั มีรถแกว้ แววฟูานับจาํ นวนมถิ ้วน ทกุ คันเตม็ แนน่ ไปด้วยเทพบุตร
และเทพธิดา ถอื พานโปรยปรายบุปผามาลีลงมาสดดุ รี าวกบั ฝอยฝน

ครัน้ แล้วเดก็ นอ้ ยก็ถูกพาไปยังแท่นสงั เวยตอ่ หน้าพราหมณ์ปีศาจ โดยผู้เปน็ บดิ าหวิ้ เทา้
และมารดาห้วิ แขนพาไปวางลง ขณะน้ันพระราชากถ็ อดพระแสงออกจากฝ๎กเพื่อจะสังหารเด็ก
แตใ่ นช่วงขณะแหง่ ความเปน็ ความตายน้ันเอง เดก็ กร็ ะเบิดเสยี งหัวเราะดังสน่นั หว่นั ไหว
เสยี งหัวเราะน้ที าํ ใหท้ ุกคน ณ ที่นนั้ รวมท้งั พราหมณป์ ศี าจดว้ ยต่างกพ็ ากนั ผงะหงายด้วยความตกใจ
และเมอ่ื ได้สติทุกคนในท่นี นั้ ก็รีบพนมมือและน้อมศรี ษะแสดงความเคารพยงั ทีเ่ ท้าทงั้ คู่ของกุมาร
สถติ อยู่ และจ้องมองหนา้ ของกมุ ารน้นั ดว้ ยความประหลาดใจเป็นล้นพน้

เวตาลตัวดีเม่ือเลา่ เรอื่ งนทิ านดงั กล่าวแลว้ ก็ตดั บทเพยี งแคน่ ั้น เพราะเห็นว่าพอเหมาะแก่
การจะต้งั ปญ๎ หาให้พระเจ้าตริวิกรมเสนทรงตอบ โดยการต้ังคาํ ถามวา่ “โอ นฤบดี บอกข้าหน่อยสิ
วา่ เพราะอะไรกมุ ารนอ้ ยจงึ หัวเราะเสียงน่ากลัวกึกก้องก่อนท่เี ขาจะถูกสังเวยชีวิตตามเง่ือนไขของ
ปีศาจเช่นน้ี เรือ่ งนปี้ ระหลาดมากและข้ามองหาเหตผุ ลต้นปลายไมเ่ จอะเลย ถ้าพระองค์ทราบ
ปรศิ นานี้ก็ขอไดบ้ อกแกข่ า้ ด้วยเถิด แต่เออ ขอสะกดิ ไวห้ นอ่ ยวา่ ทรงรู้แล้วมิใช่หรอื วา่ ถา้ พระองค์
รู้คาํ ตอบแต่แกลง้ ไมต่ อบละก็พระเศยี รจะต้องแตกเปน็ ร้อยชิ้น”

เม่ือพระราชาได้ฟง๎ เวตาลกลา่ วดังน้ัน ทรงตอบว่า “เจ้าจงเอาหฟู ง๎ ให้ดี แลว้ จะร้วู า่ เด็ก
หัวเราะเพราะอะไร วา่ โดยธรรมดาสามัญแลว้ สตั วโ์ ลกทอี่ ่อนแอทั้งหลาย เม่อื อันตรายมาถึงตวั
ยอ่ มร้องเรยี กให้พ่อหรือแม่ชว่ ยชีวิตด้วยกนั ท้ังนัน้ แต่ถา้ พ่อและแมต่ ายไปกอ่ น เขากเ็ รยี กใหพ้ ระ
เจ้าแผน่ ดนิ ช่วย เพราะพระเจา้ แผน่ ดินเปน็ ทพ่ี ึง่ ของราษฎรโดยหน้าทข่ี องพระองค์อยแู่ ลว้ แต่ถา้ พ่ึง
พระเจา้ แผ่นดนิ ไมไ่ ด้ เขากจ็ าํ เป็นต้องไปพึ่งเทพยดาทัง้ หลายท่จี ะใหค้ วามคุ้มครองแกเ่ ขาไดต้ าม
กรณี บดั นี้เม่อื พิจารณากรณขี องเด็กน้อยแล้วจะเหน็ ว่าไม่เหมือนกัน เพราะกรณีเดก็ ผูน้ ี้ พอ่ แมก่ ย็ ัง
อยู่ พระราชากย็ งั อยู่ เทพทั้งหลายก็ยังอยู่ ทกุ คนอยู่ทีน่ ัน้ พรอ้ มกันหมด และแตล่ ะคนกแ็ สดงอาการ
ตรงกนั ขา้ มกับที่ใคร ๆ คาดหวังว่าจะเปน็ คือพ่อและแมข่ องเดก็ กลบั ช่วยกันหวิ้ แขนหิว้ ขาของเด็ก
เอาไปสู่ตะแลงแกงเสยี เอง เพราะหวังแต่สิ่งตอบแทนทจ่ี ะพึงไดจ้ ากพระราชา ข้างพระเจา้ แผ่นดนิ ก็
ดกู ระเหยี้ นกระหือรอื ทจี่ ะฆ่าเดก็ นนั้ เสียเพ่ือรักษาชวี ิตของตนเอง และพราหมณ์รากษสเล่ากไ็ มม่ ี
จิตใจท่ีจะทาํ อะไร นอกจากจะขมํา้ ทา่ เดยี ว บุคคลทงั้ หลายในท่ีนนั้ เดก็ นอ้ ยกลา่ วราํ พงึ แกต่ วั เองวา่
พวกเหล่าน้ลี ้วนแต่ชักนําความคดิ ของตัวเองให้ผดิ ลผู่ ดิ ทาง ทงั้ นกี้ เ็ พราะบคุ คลเหล่านีล้ ว้ นแตก่ ระทาํ
อะไรก็เพอ่ื สงั ขารอันเป่ือยเนา่ น่าเกลียด นา่ ขยะแขยง และเป็นทกุ ขเ์ ป็นรังโรคดว้ ยกันท้ังสิน้ เหตใุ ด
เขาจึงไมแลเห็นความจรงิ เหลา่ นี้ เขาทําเพ่ืออะไรกนั กฎแห่งอนิจจงั น้นั มีอยู่ ไม่มใี ครหลีกพน้ ได้
แมพ้ ระพรหม พระอนิ ทร์ พระวษิ ณุ พระศิวะ และเทพอื่น ๆ ก็อย่ใู นกฎแหง่ อนจิ จังน้เหมอื นกนั
หมดไมม่ ียกเวน้ ”

ด้วยเหตผุ ลดงั กลา่ วน้แี ล ทาํ ให้กมุ ารนอ้ ยระเบดิ เสยี งหัวเราะสนั่นหว่ันไหวดว้ ยความยินดี
และด้วยความประหลาดใจ เสียงของเขาบอกถงึ ความปล้ืมเปรมเพราะวัตถุประสงคข์ องเขาบรรลุ
จุดม่งุ หมายแล้ว แตก่ ป็ ระหลาดใจในขณะเดยี วกัน เพราะความพนิ าศจะต้องมาถึงบุคคเหล่านัน้ แน่
ๆ ในอนาคต โดยมิตอ้ งสงสยั ดว้ ยสจั ธรรมย่อมเป็นความจรงิ อยู่วันยังค่ํา”

พระเจา้ ตรวิ เกรมเสนตรสั ดังนแ้ี ลว้ ก็นงิ่ อยู่ และเวตาลกล็ ะจากพระอังสาของพระองค์
หายวับไปสูท่ พี่ าํ นักของตนด้วยอํานาจอนั ลึกลับ พระราชาไม่หยดุ เสยี เวลาเปล่า รบี ตดิ ตามเวตาลไป
ทนั ทดี ้วยพระทัยอนั มุง่ ม่ันเด็ดเดี่ยวเฉกเชน่ มหาสมุทรที่มีความั่นคงไม่หวัน่ ไหว ดํารงอยู่ตลอดกาล
นนั้ แล

ขอ้ คิดเร่อื งท่ี ๒๐
ไม่มีสามารถอยคู่ ํ้าฟาู ได้ ความดเี ท่านั้นทย่ี ัง
ปรากฏอยูเ่ สมอไม่ว่าเวลาจะผา่ นไปนานเทา่ ไร

บรรณานกุ รม

ศักด์ิศรี แยม้ นดั ดา. ๒๕๕๖. เวตาลปญั จวงิ ศติ : นทิ านเวตาลฉบบั สมบรู ณย์ ี่สิบหา้ เร่ือง.
พิมพ์คร้งั ที่ ๘. กรุงเทพฯ : แม่คําผาง.

วกิ ิพีเดีย สารานกุ รมเสรี. ๒๕๖๒. นิทานเวตาล. [ออนไลน์]. สบื ค้นเม่ือ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔.
เข้าถึงไดจ้ าก https://th.wikipedia.org/wiki/นทิ านเวตาล#นทิ าน

ครณู ฐั . ๒๕๕๑. นิทานเวตาล เรอื่ งที่ ๒. [ออนไลน์]. สบื คน้ เม่อื ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔.
เข้าถงึ ได้จาก https://www.kroobannok.com/blog/2687

กราเซีย. ๒๕๕๔. นทิ านเวตาลปญั จวิงศติ. [ออนไลน์]. สืบค้นเมอื่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔.
เข้าถึงได้จาก https://bit.ly/2TyvdAj

Zai Thanapat. ๒๕๖๓. นิทานเวตาลเรอื่ งที่ ๒. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔.
เข้าถึงได้จาก https://anyflip.com/ujmhu/qwdg/basic

ณ.เมืองลุง. ๒๕๕๓. เวตาล....... ตอนที่ ๑ ความผดิ นี้ เป็นของใคร???. [ออนไลน์]. สืบค้นเมอื่
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔. เขา้ ถึงไดจ้ าก

http://oknation.nationtv.tv/blog/mymine/2010/08/01/entry-1
ขอทานน้อย ปุาหิมพานต์. นทิ านเวตาลทัง้ 25 เรอ่ื ง. [ออนไลน์]. สบื ค้นเม่ือ ๒๖ กรกฎาคม

๒๕๖๔. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://archive.org/details/01_20190923




Click to View FlipBook Version