50
7. ครใู ห้นกั เรยี นตอบคาถามดังน้ี
เลขออกซิเดชันของโครเมียม (Cr) ในโครเมียม(II)ออกไซด์ (CrO) และโครเมตไอออน
(CrO42-) มคี ่าเปน็ เท่าใด
( แนวคาตอบ +2 และ +6 )
8. ครูช้ีให้เห็นว่าเลขออกซิเดชันของธาตตุออกซิเจน จากตัวอย่าง 2 มีได้หลายค่า จากน้ันให้
นักเรียนพิจารณาเลขออกซิเดชันของธาตุอื่น ๆ ในตาราง 11.1 แล้วครูแสดงรูปตารางธาตุที่มีค่าเลข
ออกซิเดชันของธาตดุ ังน้ี
จากนน้ั อภปิ รายรว่ มกนั เพ่ือใหไ้ ด้ข้อสรปุ ว่า นอกจากธาตุหมู่ IA IIA IIIA (ยกเวน้ Tl) และ IIIB
แล้วธาตุที่เหลือส่วนใหญ่มีเลขออกซิเดชันได้หลายค่า และมีค่าได้สูงสุดเท่ากับเลขหมู่หรือ จานวนเวเลนซ์
อเิ ล็กตรอนของธาตุน้นั
ข้ันขยายความรู้ (Elaboration Phase) 40 นาที
9. นักเรียนพิจารณาการเปล่ียนแปลงเลขออกซิเดชันในปฏิกิริยาเคมีโดยใช้ตัวอย่างปฏิกิริยาใน
หนังสือเรยี นเพ่ือระบวุ ่า ปฏิกิรยิ าใดเปน็ ปฏกิ ริ ิยารีดอกซ์
10. ครูใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปนี้
ปฏกิ ิรยิ าใดเปน็ ปฏกิ ิรยิ ารดี อกซ์
1. 2H2S(g) + 3O2(g) 2SO2(g) + 2H2O(g)
2. HCO3-(aq) + OH(aq) H2O(l) + CO32-(aq)
3. CH4 (g) + 2O2(g) CO2(g) + 2H2O(g)
(แนวคาตอบ : ปฏิกริ ิยาในข้อ 1 และ 3 เป็นปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ)์
11. ครูอธิบายความหมายของตวั ออกซไิ ดส์และตัวรีดิวซ์
12. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มมือกนั ทาแบบฝึกหัด
13. ส่งตัวแทนกลมุ่ ออกมาเฉลยบนกระดานหน้าช้นั เรยี นโดยหา้ มซ้าคนเดิม
51
ชัว่ โมงที่ 3 (เวลา 1 ชั่วโมง)
ขน้ั ประเมินผล (Evaluation Phase) 50 นาที
1. นักเรียนจัดโตะ๊ แขง่ ขันจานวน 3 โต๊ะ โดยแบง่ ตามระดับความยากงา่ ยของคาถาม ดังน้ี
โตะ๊ ที่ 1 level 1 (ง่าย)
โต๊ะที่ 2 level 2 (ปานกลาง)
โต๊ะท่ี 3 level 3 (ยาก)
2. ครูอธบิ ายการแขง่ ขัน
- การแข่งขันมีทั้งหมด 5 รอบ ในแต่ละรอบมีคาถาม 3 ระดับ (ง่าย ปานกลาง และยาก)
เกย่ี วกบั การคานวณความเขม้ ข้นของสารละลายในหน่วยต่าง ๆ ดังตอ่ ไปน้ี
3. ให้นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่มออกมารอบละ 3 คน เพ่ือแข่งขันทั้ง 3 level (นักเรียนออกมาเป็น
ตวั แทนตอบคาถามได้ไม่เกนิ คนละ 3 คร้งั )
4. เริ่มตอบคาถามโดยให้เวลาขอ้ ละ 2 นาที จากน้นั ครูเฉลยคาตอบและรวมคะแนน
ตารางใหค้ ะแนน
รอบที่ 1 รอบท่ี 2 รอบที่ 3 รอบท่ี 4 รอบที่ 5 รวม
level 3
level 2
level 1
level 3
level 2
level 1
level 3
level 2
level 1
level 3
level 2
level 1
level 3
level 2
level 1
กลมุ่ 1
กลุม่ 2
กลุ่ม 3
กลุ่ม 4
กลมุ่ 5
กลมุ่ 6
5. ทาการแขง่ ขนั จนครบ 5 รอบ
6. หลงั จบการแข่งขนั รวมคะแนนแลว้ จดั อนั ดับคะแนนทไี่ ด้ ซ่งึ กาหนดโบนสั คะแนนดงั น้ี
กลมุ่ ที่ไดค้ ะแนนสูงสุดอันดับท่ี 1 จะได้คะแนนโบนสั 10 คะแนน
กลมุ่ ทไ่ี ด้คะแนนอันดบั ท่ี 2 จะได้คะแนนโบนัส 9 คะแนน
กลมุ่ ทไี่ ดค้ ะแนนอันดบั ท่ี 3 จะได้คะแนนโบนัส 8 คะแนน
กลุ่มทไ่ี ด้คะแนนอันดับที่ 4 จะได้คะแนนโบนัส 7 คะแนน
กลมุ่ ทไ่ี ดค้ ะแนนอนั ดบั ท่ี 5 จะไดค้ ะแนนโบนัส 6 คะแนน
กลุ่มทีไ่ ดค้ ะแนนน้อยทส่ี ดุ จะได้คะแนนโบนสั 5 คะแนน
ขนั้ นาความรไู้ ปใช้ (Extention Phase) 10 นาที
7. ครูยกตัวอย่างปฏิกิริยาในชีวิตประจาวันแล้วให้นักเรียนตอบว่าปฏิกิริยาใดบ้างเป็นปฏิกิริยารี
ดอกซ์
52
9. การวัดและการประเมินผล วิธกี ารวดั ผล เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การ
จุดประสงค์การเรียนรู้ ผา่ น
ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) ตรวจจาก แบบฝึกหดั ผา่ นเกณฑ์
1. คานวนเลขออกซิเดชันของธาตุใน แบบฝกึ หดั ร้อยละ 70
สารประกอบและไอออนต่าง ๆ แบบประเมนิ ทกั ษะ
2. ระบปุ ฏิกิรยิ าท่เี ปน็ ปฏิกิริยารีดอกซ์ ประเมินทักษะ กระบวนการทาง ขน้ึ ไป
ด้านทักษะกระบวนการ (P) กระบวนการทาง
1. ทั ก ษ ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร ท า ง วทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
วทิ ยาศาสตร์ (การใช้จานวน) วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ดี
แบบประเมนิ ขน้ึ ไป
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) ประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ
1. ซอ่ื สตั ย์ คุณลักษณะอัน ผ่านเกณฑ์
2. มวี ินยั พงึ ประสงค์ ประสงค์ ระดบั ดี
3. ใฝเ่ รียนรู้ ขึ้นไป
4. มุง่ มน่ั ในการทางาน ประเมนิ แบบประเมนิ
5. มจี ิตสาธารณะ คณุ ลกั ษณะด้าน คุณลักษณะดา้ นจิต ผา่ นเกณฑ์
จติ วทิ ยาศาสตร์ จติ วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ดี
1. ความอยากรู้อยากเห็น วิทยาศาสตร์ ข้ึนไป
2. ความรอบคอบ ประเมนิ
3. ความมีเหตุผล สมรรถนะสาคัญ แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์
4. ความใจกวา้ ง สมรรถนะสาคัญของ ระดบั ดี
5. เจตคติท่ดี ีต่อวทิ ยาศาสตร์ ของนักเรียน ขน้ึ ไป
สมรรถนะสาคัญของนกั เรยี น นกั เรยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
53
10. ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาเคมี 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) โดย
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ
2. หอ้ งปฏิบัติการเคมี (ชดุ ไมโครโฟน คอมพวิ เตอร์ โปรเจคเตอร์ อุปกรณ์และสารเคมี ฯลฯ)
3. หอ้ งสมุดโรงเรียน
54
แบบฝกึ หดั เรอื่ ง เลขออกซิเดชนั
1. คานวณเลขออกซิเดชนั ของธาตุในสารทกี่ าหนดให้ตอ่ ไปนี้
1.1 ธาตแุ คลเซยี ม (Ca) ในแคลเซียมแคลเซยี มคลอไรด์ (CaCl2)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
1.2 ธาตคุ ลอรนี (Cl) ในเปอร์คลอเรตไอออน (ClO4-)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
1.3 ธาตุไนโตรเจน (N) ในแอมโมเนยี มคลอไรด์ (NH4Cl)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
1.4 ธาตกุ ามะถนั (S) ในเตตระไทโอเนตไอออน (S4O62-)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
55
2. ปฏิกริ ยิ าใดตอ่ ไปนเ้ี ป็นปฏกิ ริ ิยารีดอกซ์ CuS(s)
2.1 Cu2+(aq) + S2-(aq)
2.2 N2H4(aq) + O2(g) N2(g) + 2H2O(l)
2.3 Cr2O72-(aq) + 2OH-(aq) 2CrO42- (aq) + H2O(l)
2.4 2HCl + Na2CO3 (aq) 2NaCl(aq) + H2O(l) + O2(g)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
56
เฉลยแบบฝึกหัด เรอื่ ง เลขออกซิเดชนั
1. คานวณเลขออกซเิ ดชันของธาตุในสารทก่ี าหนดใหต้ อ่ ไปนี้
1.1 ธาตุแคลเซยี ม (Ca) ในแคลเซียมแคลเซยี มคลอไรด์ (CaCl2)
[เลขออกซเิ ดชันของ Ca] + [2 × เลขออกซิเดชันของ Cl] = 0
แทนคา่ ได้เป็น [เลขออกซิเดชนั ของ Ca] + [2 × (-1)] = 0
เลขออกซิเดชนั ของ Ca = +2
ดงั นั้น เลขออกซเิ ดชันของธาตุแคลเซียม (Ca) ในแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) มีค่าเทา่ กบั +2
1.2 ธาตคุ ลอรนี (Cl) ในเปอร์คลอเรตไอออน (ClO4-)
[เลขออกซิเดชนั ของ Cl] + [4 × เลขออกซเิ ดชนั ของ O] = -1
แทนคา่ ไดเ้ ปน็ [เลขออกซิเดชันของ Cl] + [4 × (-2)] = -1
เลขออกซเิ ดชนั ของ Cl = +7
ดงั นั้น เลขออกซเิ ดชนั ของธาตคุ ลอรนี (Cl) ในเปอรค์ ลอเรตไอออน (ClO4-) มคี ่าเทา่ กบั +7
1.3 ธาตุไนโตรเจน (N) ในแอมโมเนียมคลอไรด์ (NH4Cl)
[เลขออกซเิ ดชนั ของ N] + [4 × เลขออกซเิ ดชนั ของ H] + [เลขออกซิเดชนั ของ Cl] = 0
แทนคา่ ได้เปน็ [เลขออกซิเดชันของ N] + [4 × (+1)] + (-1) = 0
เลขออกซเิ ดชันของ N = -3
ดังนน้ั เลขออกซเิ ดชนั ของธาตไุ นโตรเจน (N) ในแอมโมเนียมคลอไรด์ (NH4Cl) มีค่าเทา่ กับ -3
1.4 ธาตุกามะถัน (S) ในเตตระไทโอเนตไอออน (S4O62-)
[4 × เลขออกซิเดชันของ S] + [6 × เลขออกซเิ ดชนั ของ O] = -2
แทนคา่ ไดเ้ ปน็ [4 × เลขออกซเิ ดชนั ของ S] + [6 × (-2)] = -2
เลขออกซิเดชนั ของ S = +5/2
ดงั นั้น เลขออกซิเดชันของธาตุกามะถนั (S) ในเตตระไทโอเนตไอออน (S4O62-) มีคา่ เท่ากบั +5/2
57
2. ปฏกิ ิรยิ าใดต่อไปนเี้ ปน็ ปฏิกริ ิยารีดอกซ์ CuS(s)
2.1 Cu2+(aq) + S2-(aq)
2.2 N2H4(aq) + O2(g) N2(g) + 2H2O(l)
2.3 Cr2O72-(aq) + 2OH-(aq) 2CrO42- (aq) + H2O(l)
2.4 2HCl + Na2CO3 (aq) 2NaCl(aq) + H2O(l) + O2(g)
หาเลขออกซเิ ดชันของธาตุในสารท่ีทาปฏกิ ิรยิ ากันไดด้ งั นี้
2.1 Cu2+(aq) + S2-(aq) CuS(s)
เลขออกซิเดชนั (+2) (-2) (+2)(-2)
2.2 N2H4(aq) + O2(g) N2(g) + 2H2O(l)
เลขออกซเิ ดชนั (-2)(+1) (0) (0) (+1)(-2)
2.3 Cr2O72-(aq) + 2OH-(aq) 2CrO42-(aq) + H2O(l)
เลขออกซิเดชนั (+6)(-2) (-2)(+1) (+6)(-2) (+1)(-2)
2.4 2HCl(aq) + Na2CO3(aq) 2NaCl(aq) + H2O(l) + CO2(g)
เลขออกซิเดชนั (+1)(-1) (+1)(+4)(-2) (+1)(-1) (+1)(-2) (+4)(-2)
ดังนนั้ ปฏกิ ิริยาในข้อ 2.2 เป็นปฏิกิริยารดี อกซ์ เน่อื งจากเลขออกซเิ ดชนั ของธาตุ มีการเปลยี่ นแปลง
58
การจดั การเรยี นรู้
59
บรรณานกุ รม
กรมวิชาการ. (2546). พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ 2542. กรงุ เทพฯ
กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2542). พระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพ่มิ เติม
(ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พค์ รุ สุ ภาลาดพร้าว
กญั ญา โชคสวสั ดภ์ิ ิญโญ. (2553). การใชช้ ุดการเรยี นรู้แบบร่วมแรงร่วมใจด้วยเทคนคิ กลุม่ แขง่ ขัน
(TGT) เพ่ือพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง โมลและสารละลาย. วทิ ยานพิ นธ์,
มหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี
คนึงเนตร แกว้ วเิ ศษ. (2556). การพฒั นาชดุ กจิ กรรมการจัดการเรียนรแู้ บบวฏั จักร 7 ขั้น เรือ่ ง
กระบวนการเปลี่ยนแปลงโลก ของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2
โรงเรยี นหว้ ยปลาไหล. พษิ ณุโลก: มหาวิทยาลยั นเรศวร
ธนดั ดา คงมที รัพย์. (2557). การเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นวิทยาศาสตร์และจิตวิทยา
ศาสตร์ เรื่อง ระบบนิเวศ ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รบั การจัดการเรยี นร้ตู าม
รูปแบบการ เรยี นร้แู บบรว่ มมือ (เทคนิค TGT) กบั แบบปกติ. วิทยานพิ นธ์, มหาวิทยาลัย
ราชภัฏเทพสตรี
บุญชม ศรสี ะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องตน้ (พิมพ์คร้งั ที่ 8). กรงุ เทพฯ: สุวีริยสาสน์
บุญชม ศรีสะอาด. (2540). การวิจัยทางการวัดผลและประเมินผล. กรงุ เทพฯ: สวุ ีริยาสาส์น
พฤกษ์ โปร่งสาโรง. (2549). ผลของการใช้รูปแบบการเรียนการสอน 7E ในวิชาฟิสิกส์ ที่มีต่อ
ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น และความสามารถในการแกป้ ญั หาของนักเรียนมัธยมศึกษาตอน
ปลาย. วทิ ยานพิ นธ์, จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั
พมิ พพ์ ันธ์ เดชะคุปต.์ (2544). การเรียนการสอนทเ่ี น้นผเู้ รยี นเปน็ สาคญั . กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์
กรุป๊ แมเนจเม้น
ยพุ ิน ลนุ บง. (2555). กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น รายวิชา เคมี
เพิม่ เติม เรอ่ื ง บทบาทของสารประกอบคาร์บอนตอ่ การดารงชีวติ ในทอ้ งถิ่น ของนกั เรียน
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ (7Es).
วิทยานิพนธ์, มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่
โรงเรยี นวงั ทองพิทยาคม. (2553). หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรป์ ีการศกึ ษา 2560
โรงเรียนวังทองพิทยาคม พิษณุโลก: กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ, โรงเรียนวงั ทองพิทยาคม
ลว้ น สายยศ. (2540). สถิติวิทยาทางการวจิ ัย / ล้วน สายยศ, อังคณา สายยศ. กรุงเทพฯ :
สวุ รี ยิ าสาส์น
ล้วน สายยศ. (2538). เทคนคิ การวิจยั ทางการศกึ ษา / ลว้ น สายยศ, อังคณา สายยศ. กรุงเทพฯ :
สวุ รี ิยาสาส์น
ลว้ น สายยศ และอังคณา สายยศ. (2539). เทคนคิ การวัดผลการเรียนรู้. กรงุ เทพฯ : ชมรมเดก็
วัชรา เลา่ เรียนดี. (2545). เทคนคิ การจดั การเรยี นการสอนและการนิเทศ. นครปฐม : มหาวิทยาลยั
ศิลปากร
วัฒนาพร ระงบั ทุกข.์ (2542). แผนการสอนทเ่ี นน้ ผูเ้ รียนเปน็ ศูนยก์ ลาง. กรุงเทพฯ :
บริษทั แอล.ท.ี เพลส จากัด.
60
ศิรประภา พบวันด.ี (2558). การพัฒนาผลการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ของนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษา
ปที ี่ 1 โดยการจดั การเรียนรู้แบบรว่ มมือเทคนคิ TGT. วิทยานพิ นธ์, มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ
มหาสารคาม
สุภาพร พลพุทธา. (2552). ศึกษาผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหา
ความรู้ตามวงจรการเรียนร้แู บบ 7E ในวชิ าฟิสกิ ส์ นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5.
วิทยานพิ นธ์, มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร
สุลดั ดา ลอยฟ้า. (2536). รปู แบบการสอนแบบร่วมมือกนั เรียนร้.ู ขอนแกน่ : คณะศึกษาศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่
สุวิทย์ มูลคา และอรทยั มูลคา. (2553). 21 วธิ ีการจดั การเรยี นร้เู พื่อพัฒนากระบวนการคดิ .
พิมพ์ครัง้ ท่ี 9. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์
ไสว ฟักขาว. (2542). การจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นศูนยก์ ลาง. กรงุ เทพฯ : เอมพันธ์
อาภรณ์ ใจเทีย่ ง. (2553). หลักการสอน. พิมพค์ ร้ังท่ี 5. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร์
Johnson, D. W. ; Johnson, R. T. and Holubec, E. J. 1 9 9 4 . The Nuts and Bolts of
Cooperative Learning. Minnesota : Interaction Book Company.
Johnson, D. W. ; Johnson, R.T. and Smith, K. A. 1991. “Cooperative Learning
Increasing College Faculty Instructional Productivity", Higher Education
Report No. 4. Washington D.C. : The George Washington University.
Slavin, R E. ( 1 9 9 3 ) . “ Cooperative Learning” Review of Education Reseearch. 5 0
(Summer) : 315-342