The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติท้าวสุรนารี(คุณหญิงโม)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ประสาร ธาราพรรค์, 2020-10-16 01:17:11

ประวัติท้าวสุรนารี(คุณหญิงโม)

ประวัติท้าวสุรนารี(คุณหญิงโม)

ชีวประวัตทิ ้าวสรุ นารี (คณุ หญงิ โม)

เรียบเรียงนายประสาร ธาราพรรค์

“ท้าวสุรนารี เป็นผทู้ ่ีเสียสละเพื่อใหป้ ระเทศชาติได้อยู่รอดปลอดภัยควรทอี่ นุชน
รุ่นหลงั จะได้ระลึกถึงคณุ งามความดขี องท่านบ้านเมอื งทกุ วันน้ีเป็นสงิ่ ที่ต้องหวงแหน
การหวงแหน คือ ต้องสามัคคีรู้จักหน้าที่ ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ชาวนครราชสีมาได้
แสดงพลังต้องการความเรียบร้อยความสงบ เป็นปัจจัยสาคัญทาให้ชาติกลับ
ปลอดภัยอีกครั้งหนึ่งแม้ว่าสถานการณ์รอบตัวเราและรอบโลก จะผันผวนและ
ล่อแหลมมากแต่ถ้าทุกคนเข้มแข็ง สามัคคี กล้าหาญ และเอ้ือเฟื้อต่อกันชาติก็จะ
มน่ั คง”

พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน เม่ือวันท่ี 5
เมษายน พ.ศ. 2524 เวลา 14.00 น. ณ อนสุ าวรียท์ ้าวสุรนารี

สดุดที ้าวสุรนารี

ประสาร ธาราพรรค์ รอ้ ยกรอง

คณุ หญิงโม วรี สตรี เมืองโคราช ไทยทัง้ ชาติ ล้วนยกย่อง สรรเสรญิ
ทา่ นกลา้ หาญ ชาญราวี ดเี หลือเกิน ท่านนัน้ เดิน หมากกลศกึ ลึกซ้งึ จรงิ
ปี 2369 ประวัตศิ าสตร์ ได้จารึก ถึงการศึก จากเวียงจันทน์ วเิ ศษย่งิ
เจ้าอนุวงศ์ ทาอบุ าย หลากหลายสงิ่ ความกลอกกลิ้ง สาเรจ็ ได้ ไร้ปอ้ งกนั
กรีฑาทพั ยดึ นคร ราชสีมา บังเอิญวา่ ทา่ นเจ้าเมือง ไปขขุ ันธ์
คณุ หญงิ โม เมยี เจา้ เมอื ง วางแผนพลัน หญงิ ทงั้ นนั้ มอมเหลา้ ลาว เมาเป็นเบอื
ถงึ เวลา เข้าเขน่ ฆา่ ลาวอลหมา่ น เป็นตานาน ความกลา้ หาญ นางบุญเหลอื
ถอื คบไฟ ไหมด้ ินปืน อย่างเหลือเชือ่ เป็นเร่อื งเหนอื ความคิดลาว ต้องวายชนม์
ทุ่งสัมฤทธ์ิ ลาวพ่ายแพ้ ทั้งกองทัพ ลาวย่อยยับ แพห้ ญงิ ไทย นีค่ อื ผล
เหล่าชาวไทย รว่ มเขน่ ฆา่ ลาวทกุ คน ลาวอบั จน หนีสบั สน จนปัญญา
พระนัง่ เกล้าฯ ทรงทราบถงึ เรื่องทีเ่ กิด ความเปน็ เลิศ คุณหญิงโม น่าศกึ ษา
แต่งตง้ั ยศ ท้าวสุรนารี ท่ที ามา ยอดกัลยา ยอดหญงิ ไทย ให้จดจา
ควรใคร่ครวญ รวมหวั ใจ ไทยทกุ ฝ่าย จงมงุ่ หมาย เกอื้ หนนุ กนั นน้ั เลิศลา้
รู้หนา้ ที่ สามคั คี สมควรทา ย่อมน้อมนา สขุ ทวั่ ไทย ได้แนเ่ อย

...........................................................................

ประวัตทิ า้ วสุรนารี (คณุ หญงิ โม)

ท้าวสุรนารี มีนามเดิมว่า "โม" (แปลว่า ใหญ่มาก) หรือ ท้าวมะโหโรง เป็นชาวเมือง
นครราชสีมาโดยกาเนิด เกดิ ในตระกูลผู้ดเี ก่าในสมยั พระเจา้ กรงุ ธนบุรี พระเจา้ ตากสินมหาราช
เกิดเม่ือ ปีระกา พ.ศ. 2314 มีนิวาสถานอยู่ ณ บ้านตรงกันข้ามกับวัดพระนารายณ์มหาราช
(วัดกลางนคร) ทางทิศใต้ของเมืองนครราชสีมา เป็นธิดาของนายกิ่มและนางบุญมา มีพี่สาว
หนึง่ คนช่ือ แป้นนาผล ไมม่ ีสามี จงึ อยู่ด้วยกันจนวายชนม์ มนี ้องชายหนึ่งคน ชื่อ จกุ (ภายหลัง
ได้เป็นเจ้าเมืองพนมซร็อก ต่อมามีการอพยพชาวเมืองพนมซร็อกมาอยู่ริมคูเมืองนครราชสีมา
ดา้ นใต้ จึงเอาช่ือเมืองพนมซร็อกมาต้ังช่ือ บ้านพนมศรก ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็นบ้านสก อยู่หลัง
สถานรี ถไฟชมุ ทางถนนจิระจนทกุ วนั น)้ี

วดั พระนารายณม์ หาราช (วัดกลางนคร) นครราชสมี า

เม่ือปี พ.ศ. 2339 โม เม่ืออายุได้ 25 ปี ได้แต่งงานสมรสกับนายทองคาขาว พนักงาน
กรมการเมืองนครราชสีมา ต่อมานายทองคาขาว ได้เลื่อนบรรดาศักด์ิเป็น "พระภักดีสุริยเดช"
ตาแหน่งรองปลัดเมืองนครราชสีมา นางโม จึงได้เป็น คุณนายโม และต่อมา "พระภักดีสุริย
เดช" ได้เลื่อนเป็น "พระยาสุริยเดช" ตาแหน่งปลัดเมืองนครราชสีมา คุณนายโมจึงได้เป็น
คุณหญิงโม ชาวเมืองนครราชสีมาเรียกท่านทั้งสองเป็นสามัญว่า "คุณหญิงโม" และ "พระยา
ปลัดทองคา" คณุ หญิงโมเป็นผมู้ สี ติปัญญาหลักแหลม เลน่ หมากรุกเกง่ มคี วามชานาญในการข่ี
ชา้ ง ข่ีม้า มีมา้ ตวั โปรดสีดา และมักจะพาลูกหลานไปทาบุญท่วี ดั สระแก้วเปน็ ประจาเสมอ

รูปหล่อนางสาวบุญเหลือถอื คบเพลิง

ท่านไม่มีทายาทสืบสายโลหิต ชาวเมืองนครราชสีมาทั้งหลายจึงพากันเรียกแทนตัว
คุณหญิงโมว่า “แม่” มีผู้มาฝากตัวเป็นลูก-หลานกับคุณหญิงโมอยู่มาก ซ่ึงเป็นกาลังและ
อานาจส่งเสริมคุณหญิงโมให้ทาการใด ๆ ได้สาเร็จเสมอ หน่ึงในลูกหลานคนสาคัญที่มีส่วน
ร่วมกับคุณหญิงโม เข้ากอบกู้เมืองนครราชสีมาจากกองทัพเจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทน์ ณ ทุ่ง
สมั ฤทธิ์ คือ นางสาวบุญเหลือ

นางสาวบุญเหลือ เป็นบุตรีของ หลวงเจริญ กรมการผู้น้อยแห่งเมืองนครราชสีมา
ครอบครัวของหลวงเจริญ มีความใกล้ชิดสนิทสนม และเคารพนับถือ พระยาปลัดเมือง
นครราชสีมา และคุณหญิงโม เป็นอันมาก อีกท้ังพระยาปลัดเมือง และคุณหญิงโม ไม่มีบุตร
และธดิ า จึงไดร้ กั และเอน็ ดูนางสาวบุญเหลือ ดจุ ว่าเปน็ ลูกหลานแท้ ๆ

พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกล้าเจา้ อยู่หัว

ในปี พ.ศ.2369 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หวั เจ้าอนุวงศ์บุตรเจ้าศิริบุญ
สารผู้ครองกรุงศรีสัตนาคนหุต ล้านช้างและเวียงจันทร์ เจ้าอนุวงศ์ หรือเรียกกันเป็นสามัญว่า
เจ้าอนุ ตามท่ีกล่าวถึงในพระราชพงศาวดารน้ี เป็นบุตรพระเจ้าบุญสาร เสด็จข้ึนครองนคร
เวียงจันทน์ ต่อจากเจ้าอินทวงศ์ เป็นผู้มีความสวามิภักด์ิต่อกรุงเทพฯ มาแต่รัชกาลพระบาท
สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ลงมาเฝ้า และรับทาราชการต่างๆ จนเป็นท่ีสนิทชิดชอบพระ
ราชอธั ยาศัยจนมาถึงสมัยรชั กาลท่ี 3 พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจ้าอยู่หัว ไดท้ รงโปรดให้ทรง
จัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระราชบิดาคือ รัชกาลท่ี 2 บรรดาเจ้าเมือง
ประเทศราชหรือผู้แทนจะต้องเดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพ เพ่ือเป็นการแสดงความ
เคารพและในครัง้ น้ัน เจ้าอนุวงศ์ (เจ้าเมืองเวียงจันทร)์ ได้เดนิ ทางมาถวายพระเพลิง พระบรม
ศพด้วยตนเอง พร้อมผู้ติดตามอีกมากมาย ในขณะ ท่ีพานักอยู่ใน กรุงเทพฯนั้น พระเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 3) ทรงขอแรงให้ไพล่พลของเจ้าอนุวงค์ ให้ไปช่วยตัดไม่ต้นตาลที่เมือง สุพรรณบุรี
ไม่จากัดจานวนเสร็จแล้วให้ลากเข็นมาที่ สมุทรปราการ เจ้าอนุวงค์ได้ทาตามรบส่ังจนสาเร็จ
เป็นทีโ่ ปรดปราน จนทาให้ เจ้าอนุวงค์ทะนงตัวว่าเป็นคนโปรดของพระเจ้าอยู่หัว และเคยช่วย
ทาศึกกับพม่าท่ีเมืองเชยี งแสน 2362 ถึง 2 คร้ัง และปราบพวกกบฎข่าที่เมืองจาปาศักดิ์ ตอน
จะทูลลากลับ หนา้ พระที่น่ัง เจ้าอนุวงศ์ได้ทูลขอครอบครัวชาวเวียงจันทร์ ที่เคยเป็นเชลยสมัย
พระเจ้ากรุงธนบุรี พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้า อยู่หัวไม่ประทานเน่ืองจากทรงเห็นชาว
ลาวมาตั้งหลักแหล่งดีแล้ว ถ้ากลับไปจะไปก่อตั้งเป็นปึกแผ่นละก่อเหตุให้เดือดร้อนอีกใน
เมืองไทย

เร่ืองน้ีเป็นเหตุให้เจ้าอนุวงศ์มีความอัปยศ ต้ังแต่กลับไปถึงเมืองแล้วก็ตรึกตรองท่ีจะคิด
การเป็นกบฏคิดการใหญ่ยกทัพมาประทุษร้ายเข้ามาตีกรุงเทพมหานคร จึงให้หาอุปราช
ราชวงศ์ สุทธิสารกับท้าวเพี้ยขุนนางผู้ใหญ่ มาปรึกษาว่าที่กรุงเทพฯเดี๋ยวนี้มีแต่เจ้านายเด็กๆ
ขุนนางผู้ใหญก่ ็นอ้ ยตัว ฝมี อื ทพั ศึกก็อ่อนแอ ทงั้ เจา้ พระยานครราชสมี ากไ็ มอ่ ยู่ หวั เมอื งรายทาง
ก็ไม่มีที่กีดขวางการเป็นที่หนักหนาแล้ว ไม่ควรเราจะเป็นเมืองข้ึน ชาวอังกฤษก็มารบกวนอยู่
เราจะยกทัพไปตเี อากรุงกเ็ หน็ จะได้โดยง่าย..."

อนสุ าวรีย์เจ้าอนุวงศ์ ณ เมืองเวียงจันทน์

มีบันทึกเหตุการณ์ซึ่งเป็นลางร้ายก่อนเจ้าอนุวงศ์จะยกกองทัพออกจากเมือง
เวยี งจนั ทนว์ า่ "...เมอ่ื ณ เดอื น 6 ปีจออฐั ศก (พ.ศ.2369) เวลากลางวันเกิดลมพายใุ หญ่พดั ช่อ
ฟา้ ใบระกา หอพระแก้วพระบางหลังคาเรอื นอนุหกั ไปเป็นอันมาก เรอื นภรรยาอนทุ ลาย 5 หลัง
แต่เรือนราษฎรชาวบ้านหักพังประมาณ 40 -50 หลัง คร้ันมาถึงเดือน 11 ข้ึน 14 ค่า 15 ค่า
เจ้าอนุวงศ์ยังเกณฑก์ องทัพอยู่น้ัน บังเกดิ ดาวพฤหัสบดีข้ึนทางทิศทักษิณเมื่อเวลาดึกประมาณ
2 ยามเศษ เกิดแผน่ ดินไหวที่เมอื งเวียงจนั ทน์ ถว้ ยชามส่งิ ของรูปพรรณกระทบกัน ครัน้ รงุ่ สว่าง
ข้ึนเห็นแผ่นดินแยกออกในกาแพงท้ายเมือง ยาวประมาณ 2 วา กว้างประมาณศอกเศษ ลึก
ประมาณเส้นเศษ เจ้าอนุวงศ์เห็นดังน้ัน จึงหาโหรมาดวู ่าดหี รือร้ายประการใด จะยกกองทัพลง
ไปตีกรุงจะปราชัยหรือมีชัย โหรทานายว่าเหตุนี้ร้ายนักจะปราชัย..."แม้โหรทานายเช่นนั้นแต่

เจ้าอนุวงศ์ก็ยังคงมุ่งม่ันที่จะยกทัพมาตีกรุงเทพฯ เจ้าอนุวงศ์เองน้ันเกณฑ์กองทัพเมือง
เวียงจันทน์ ยกข้ามแม่น้าโขงมาตั้งอยู่บ้านพันพร้าว ฝึกหัดกองทัพอยู่ ส่วนทัพหน้าให้เจ้า
ราชวงศ์คุมคนยกล่วงมาถึงเมืองนครราชสีมา หลังจากเบิกเสบียงจากเมืองนครราชสีมาแล้วก็
ยกทัพล่วงหน้าไปเมืองสระบุรี จากนั้นเจ้าอนุวงศ์กับเจ้าสุทธิสารราชบุตรก็ยกทัพตามลงมาถึง
เมืองนครราชสมี า

การเตรยี มกาลงั เขา้ มาตีกรงุ เทพฯ ครง้ั น้นั เจ้าอนวุ งศไ์ ด้ไปเกล้ียกลอ่ มบรรดาหัวเมอื ง
ตา่ งๆ ใหเ้ ข้าร่วมด้วย เจา้ เมอื งใดขดั ขืนกฆ็ ่าเสยี มเี จา้ เมอื งกาฬสินธ์ุ เปน็ ตน้ ราษฎรและเจา้
เมืองอื่นๆ พากนั กลวั อานาจยอมเข้าด้วยหลายเมอื ง เมอ่ื เหน็ ว่ามกี าลังมากพอ กใ็ หย้ กกองทัพ
ไปพรอ้ มกันทเี่ มอื งนครราชสีมา

เจ้าอนุวงศ์ใช้อุบายหลอกลวงเจ้าเมืองตามรายทาง โดยปลอม ท้องตราพระราชสีห์ ว่า
ไทยขอให้เจ้าอนุวงศ์ยกทัพมาช่วยรบกับอังกฤษ ซึ่งยกทัพเรือจะมาตีกรุงเทพๆ จึงไม่มีผู้ใด
ขดั ขวางวันที่ 17 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2369 เจ้าอนวุ งศ์ยกทัพมาถึงเมืองนครราชสีมา ซ่ึงเป็นเมือง
หน้าด่านและ มีความอุดมสมบูรณ์ ในขณะท่ีเจ้าพระยามหานครราชสีมา ไม่อยู่ และพระยา
ปลัดเมืองนครราชสีมาไปราชการเมืองขุขันธ์ กองทัพเจ้าอนุวงศ์มาถึง จึงเข้ายึดเมือง ยึด

ทรัพย์สินและให้เพย้ี รามพิชัยหรือพระยารามพิชัย กวาดต้อนชาวเมอื งไปเป็นเชลยศึก เดนิ ทาง
กลบั ไปเวียงจันทร์กอ่ น ส่วนเจ้าอนุวงศเ์ ดินทัพตอ่ ไปยงั สระบุรีเพ่ือเข้ากรุงเทพๆในบรรดาเชลย
ศึกมีคุณหญิงโมรวมอยู่ด้วย คุณหญิงโม เป็นหญิงที่ฉลาดหลักแหลมรู้ทันว่า เจ้าอนุวงศ์
หลอกลวง คณุ หญิงโมออกอบุ ายให้ทหารเวยี งจนั ทร์ ตายใจ โดยใหห้ ญงิ ไทยทีถ่ ูกตอ้ นเป็นเชลย
ยั่วยวน หนว่ งเหน่ียวทหารให้เดินทัพชา้ ลง วางแผนใหพ้ วกผหู้ ญงิ หลอกขอมีด จอบ เสยี ม มา
ใช้ซ่อมเกวียนและทาอาหาร แท้จริงแลว้ กลับนามีด จอบ เสียมน้ันมาลอบตัดไม้เป็นอาวุธแอบ
ซอ่ นไว้

รูปหล่อหญิงชายชาวโคราชเข้ารบศกึ กบั กองทัพเวยี งจันทน์

ระหว่างพักที่ทุ่งสัมฤทธ์ิ แขวงพิมาย ซึ่งห่างจากตัวเมืองนครราชสีมา ประมาณ 40
กิโลเมตร ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2369 (บางตานานกล่าวว่า วันที่ 4 มีนาคม) สบโอกาส
เหมาะ โดยการนาของคุณหญงิ โมวางแผนให้พวกผูห้ ญิง ช่วยกนั หลอกล่อ มอมเหลา้ ทหารจน
เมามายไร้สติไปทั้งกองทัพ แล้วช่วยกันท้ังหญิงและชายแย่งอาวุธฆ่าฟัน จนทหารลาวล้มตาย
เปน็ จานวนมาก

ในหลักฐานร่วมสมัยอย่างจดหมายเหตุนครราชสีมาระบุบคาให้การขุนโอฐบันทึกในใบ
บอกว่า "เวลาเช้าตรู่ พระยาปลัด พระยายกกระบัตร กรมการต่างคนต่างยงิ ปืนคนละนดั พวก
ครัวก็เขา้ ฟนั แทง ท้งั พระสงฆ์ เถร เณร ผู้หญงิ ในครัว หนนุ โหร่ ้องไลอ่ ้ายลาวแตก"

และ คาให้การอ้ายพระยานรินทร์แม่ทัพลาวที่ถูกจับ อ้างพระราชดารัสเจ้าอนุวงศ์
วา่ "อ้ายอนุบอกข้าพเจ้าวา่ ครัวเมืองโคราชซงึ่ ใหเ้ พี้ยรามพิชัยคุมไพร่ 200 คนไปถึงบ้านสัมริด
พวกครัวฆ่านายไพรต่ ายเสียหมดแล้ว ให้อา้ ยสุทธิสารคุมไพร่ 2,000 คน มีปืน 200 บอกยกไป
รบกับครัวโคราช ณ บ้านสาริด อ้ายสุทธิสารแตกหนีมา พวกครัวฆ่านายไพร่ตายเป็นอัน
มาก" มีการกล่าวถึงวีรกรรมของคุณหญิงโม ในเหตุการณ์ดังกล่าว ในพระราชพงศาวดารกรุง
รตั นโกสินทร์ รชั กาลที่ 3 และ จดหมายเหตเุ รอื่ งปราบกบฏเวยี งจนั ทน์

ในเหตุการณ์ครั้งนั้น นางสาวบุญเหลือได้เสียสละพลีชีพด้วยการนาไม้ฟืนจากกองไฟ
วิ่งหลอกล่อทหาร ตรงไปยังกองเกวียน กระสุนดินประสิวของกองทัพทหารลาว จนเกิดการ
ระเบิด แสงเพลิงแดงฉานไปทั่วท้องทุ่งสัมฤทธ์ิ ด้วยการตัดสินใจดว้ ยปฏภิ าณอนั ห้าวหาญ เด็ด
เด่ียวในวีรกรรมคร้ังนี้ ของนางสาวบุญเหลือ ยังคงประทับแน่นอยู่ในความทรงจา ของ
ลูกหลานชาวนครราชสมี าตลอดไมร่ ู้ลืม

กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ พระยาราชสภุ าวดี(สิงห์ สงิ หเสน)ี

ฝ่ายกรุงเทพรู้ข่าวกองทัพเจ้าอนุวงศ์ช้ากว่าท่ีควรจะเป็น เพราะกองทัพกรุงเทพได้ข่าว
เมื่อกองทัพเจ้าอนุวงศ์มาต้ังมั่นทีน่ ครราชสีมา และส่งกองลาดตระเวนหาขา่ วมาถงึ สระบุรีแล้ว
ซึง่ นบั วา่ ใกล้กรุงเทพฯอย่างย่ิง เมื่อพระบาทสมเด็จพระน่งั เกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงทราบข่าวศึกแล้ว
จึงโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระราชวงั บวรมหาศักดพิ ลเสพย์เปน็ แม่ทัพใหญย่ กทพั จากสระบุรขี ้นึ ไป
และให้พระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ยกทัพไปทางอาเภอปักธงชัยแล้วตรงไปสมทบกันท่ี
นครราชสมี า กองทพั ท้ัง 2 สามารถตีทัพลาวแตกพ่ายไป

ส่วนเจ้าอนุวงศ์และครอบครัวหลบหนีไปพึ่งเวียดนาม เม่ือยึดเวียงจันทน์ได้แล้ว กรม
พระราชวังบวรฯ โปรดให้สร้างเจดียป์ ราบเวยี ง และให้พระยาราชสุภาวดีกวาดครัวเวียงจันทน์
พร้อมทงั้ อัญเชญิ พระบาง พระแทรกคา พระฉันสมอ พระเสริม พระสกุ พระใส พระแกน่ จนั ทน์
พระเงินหล่อ พระเงินบุ พระสรงน้า และพระพุทธรูปศิลาเขียว (พระนาคสวาดิเรือนแก้ว) มา
กรุงเทพฯ ด้วย พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เล่ือนพระยาราชสุภาวดี
เปน็ เจ้าพระยาราชสุภาวดี ท่ีสมุหนายก

ใน พ.ศ. 2370 โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาราชสุภาวดีกลับไปตีเมืองเวียงจันทน์อีกเพ่ือ
ทาลายเมืองเวียงจันทน์ให้สิ้น พระยาพิชัยสงครามคุมทหาร 300 นาย ข้ามแม่น้าโขงไปดู
ลาดเลาได้ความว่าจักรพรรดิเวียดนามให้ข้าหลวงพาเจ้าอนุวงศ์และเจ้าราชวงศ์กลับมาขอ
สวามิภักด์ิฝ่ายไทยอีกครั้ง คร้ันรุ่งข้ึนเจ้าอนุวงศ์และเจ้าราชวงศ์กลับยกพวกเข้าโจมตีทาร้าย

ทหารไทยล้มตายเป็นอันมาก เจ้าพระยาราชสุภาวดีเห็นพวกเวียงจันทน์ตามมาไล่ฆ่าฟันถึง
ชายหาดหน้าเมืองพันพร้าว ก็ทราบว่าเกิดเหตุร้าย จึงขอกาลังเพิ่มเติมจากเมืองยโสธร เจ้า
อนุวงศ์ให้เจ้าราชวงศ์นากาลังพลข้ามตามมาและปะทะกับทัพไทยท่ีบ้านบกหวาน แขวงเมือง
หนองคาย เกิดการต่อสู้กันถึงข้ันตะลุมบอน แม่ทัพทั้งสองฝ่ายได้รบกันตัวต่อตัวจนถึงข้ัน
บาดเจ็บ ผลปรากฏว่าฝ่ายเจ้าราชวงศ์ล่าถอยไป กองทพั เจา้ พระยาราชสภุ าวดีจึงได้เรง่ ติดตาม
กองทพั ลาวไปจนถงึ เมอื งพันพรา้ วก็ปรากฏว่ากองทัพลาวขา้ มแม่น้าโขงไปแลว้

เจา้ อนุวงศถ์ กู จบั กุมส่งตัวมากรุงเทพฯ

ด้านเจ้าอนุวงศ์เห็นเหตุการณ์เป็นดังน้ันก็คิดว่าจะสู้ไม่ได้แน่ จึงพาครอบครัวหนีไปพ่ึง
เวียดนามอีกครั้ง แต่เจ้าน้อยเมืองพวนก็ได้จับกุมตัวเจ้าอนุวงศ์กับครอบครัวส่งมาท่ี
กรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เอาตัวเจ้าอนุวงศ์ใส่กรงเหล็ก
ประจานไว้หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ หลังจากน้ันไม่นานเจ้าอนุวงศ์ก็ส้ินพระชนม์ สิริ
พระชนมายุได้ 61 พรรษา นับเวลาในการเสด็จครองราชย์ได้ 23 ปี หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็
ไม่ได้มีการโปรดเกล้าฯให้แต่งตั้งพระองค์ใดเลยในราชวงศ์ล้านช้างเวียงจันทน์ ขึ้นมาเป็น
กษัตริย์แต่อย่างใด ส่วนกรุงเวียงจันทน์นั้นได้ถูกทาลายจนไม่เหลือสภาพของเมืองหลวง
คงเหลือวัดสาคัญเพียงไม่ก่ีวัด เช่น วัดพระแก้ว และวัดสีสะเกดเท่าน้ันหลังจากเจ้าอนุวงศ์
สิน้ พระชนม์อาณาจกั รลา้ นช้างก็ถงึ กาลอวสานสิ้นสุดลงในทีส่ ุด

วีรกรรมท่ีคุณหญิงโม ได้ประกอบขึ้นท่ีทุ่งสัมฤทธิ์ครั้งน้ี เมื่อความทราบไป
ถึง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณหญิงโม
ขน้ึ เปน็ ท้าวสรุ นารี เม่อื วันท่ี 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 เม่ือคุณหญิงโมมอี ายุได้ 57 ปี พร้อมกับ
พระราชทานเครื่องยศอย่างสมเกยี รติ

กอู่ ัฐิทา้ วสรุ นารี วัดพระนารายณม์ หาราช

ท้าวสุรนารี ถึงแก่อสัญกรรมเม่ือเดือน เมษายน พ.ศ. 2395 (เดือน 5 ปีชวด จัตวาศก
จศ. 1214) สริ ิรวมอายุได้ 81 ปีเมื่อท้าวสุรนารี ถงึ แก่อสัญกรรม เมื่อปพี ุทธศกั ราช 2395 อายุ
81 ปี เจ้าพระยามหิศราธิบดีผู้เป็นสวามี ได้ฌาปนกิจศพ และสร้างเจดีย์บรรจุอัฐิไว้ ณ วัด
ศาลาลอยซงึ่ ทา้ วสุรนารีไดส้ ร้างไว้

สถูปบรรจุอัฐทิ ้าวสรุ นารี

เมื่อเวลาผ่านไปเจดีย์ชารุดลง พลตรีเจ้าพระยาสิงหเสนี (สอาด สิงหเสนี) คร้ันเมื่อยัง
เปน็ พระยาประสิทธิศัลการ ขา้ หลวงเทศาภิบาล ผูส้ าเร็จราชการเมอื งนครราชสีมา องคมนตรี
และรัฐมนตรี ได้บริจาคทรัพย์สร้างกู่ขนาดเล็ก บรรจุพระอัฐิท้าวสุรนารีขี้นใหม่ที่วัดกลาง (วัด
พระนารายณม์ หาราช) สรา้ งเสรจ็ เม่อื วันที่ 7 มิถนุ ายน ร.ศ.118 (พ.ศ. 2442)

เม่ือวนั ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2524 เวลา 14.00 น. พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัว
และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินนี าถ ได้เสด็จพระราชดาเนินวางพวงมาลา

ณ อนสุ าวรยี ์ท้าวสุรนารี

พระยากาธรพายัพทิศ (ดิส อินทรโสฬส) ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายพันเอก
พระเริงรุกปัจจามิตร (ทอง รักสงบ) ผู้บังคับการมณฑลทหารบกท่ี 5 พร้อมด้วยข้าราชการ
และประชาชนชาวนครราชสมี า ไดพ้ รอ้ มใจกนั สร้างอนุสาวรยี ท์ า้ วสุรนารีด้วยสมั ฤทธ์ิ

ศาสตราจารย์ ศลิ ป์ พรี ะศรี พระเทวาภินิมมิต(ฉาย เทียมศิลปไชย)

ทางกรมศิลปากรได้มอบให้ ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบร่วมกับ พระ
เทวาภินมิ มติ (ฉาย เทียมศิลปไชย) ประตมิ ากรเล่อื งช่อื ในสมัย จอมพล ป. พิบลู สงคราม ท้งั ได้
อญั เชญิ อัฐขิ องทา่ นนามาบรรจุไวท้ ฐ่ี านรองรับ และประดษิ ฐานไว้ ณ ที่หน้าประตูชมุ พล

ประตูชุมพลในอดีต

อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีหล่อด้วยทองแดงรมดา สูง 1.85 เมตร หนัก 325 กิโลกรัม ตั้งอยู่

บนฐานไพที สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองซ่ึงบรรจุอัฐิของท่าน แต่งกายด้วยเคร่ืองยศที่

ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 3 นุ่งผ้าจีบยกทองคาดเข็มขัด

ห่มสไบเฉียงบ่า สวมตุ้มหู สวมตะกรุดพิสมรมงคล 3 สายทับสไบ น้ิวก้อยนิ้วนางทั้งสอง สวม

แหวนนิ้วละวง มือขวากุมดาบ ด้ามดาบจาหลักลายสอดอยู่ในฟักจาหลักลาย ปลายจรดพื้น

มือซ้ายเท้าสะเอวหันหน้าเฉียงซ้ายเล็กน้อย ก้มหน้าหน่อยๆ มาทางทิศตะวันตก ทาง

กรุงเทพฯ นับเป็นอนุสาวรีย์ของสามัญชนสตรี คนแรกของประเทศ เริ่มก่อสร้างในปี 2476

แลว้ เสร็จ และ มีพธิ เี ปดิ อนุสาวรีย์เม่อื วนั ท่ี 15 มกราคม พ.ศ. 2477

………………………………………………………………….

แหลง่ ขอ้ มลู อา้ งองิ

จารึกประวตั กิ ารสร้างอนสุ าวรยี ์ท้าวสรุ นารี (หลงั อนสุ าวรยี ์ท้าวสุรนารี), เทศบาลนครนครราชสีมา,
นครราชสมี า, 2530

จากเวียงจันทน์ถึงบางกอกตามรอยเจ้าอนุวงศ์ คลีป่ มประวัตศิ าสตรไ์ ทย-ลาว,นติ ยสาร สารคดี ฉบับท่ี
291 พฤษภาคม 2552, หน้า 138-141

จดหมายเหตเุ ร่ืองปราบกบฏเวยี งจันทน์
ฐานข้อมลู บคุ คลสาคัญ " ท้าวสรุ นารี ", สานกั วทิ ยบรกิ าร มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสีมา
ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง กาหนดจานวนโบราณสาหรบั ชาติ, เล่มท่ี 54, เลม่ ท่ี

2285
รายการพินิจนคร ตอน นครราชสีมา...รากแหง่ นครายา่ โม ตานานของคนโคราช : 4 มกราคม พ.ศ.
2553 ทางทีวไี ทย
หนังสือต้องหา้ ม. ฐานขอ้ มลู การเมอื งการปกครอง สถาบันพระปกเกลา้ . สืบคน้ 19 มกราคม 2556.
https://th.wikipedia.org/wiki/ท้าวสรุ นารี
www.nakhonkorat.com/..
https://sites.google.com/.../prawati-thaw-sur-nari-ya-m.

deklearning.blogspot.com/

https://www.paiduaykan.com
https://www.museumthailand.com
kanchanapisek.or.th
deklearning.blogspot.com

https://www.koratcolla.com

ขอขอบคุณเน้ือหาภาพจากแหลง่ ข้อมูลหนังสือและเวปไซต์ต่างๆ

……………………………………………….


Click to View FlipBook Version