The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระประวัติ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ประสาร ธาราพรรค์, 2021-02-10 04:08:17

พระประวัติ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

พระประวัติ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

พระประวตั ิ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส

ประสาร ธาราพรรค์ เรียบเรยี ง

สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นพระบรมราชวงศ์ช้ัน
ผ้ใู หญ่ ยังเป็นพระสงฆช์ ้ันแนวหน้า ทรงมีพระคุณูปการทั้งด้านการศาสนา การบริหารการ
จดั การคณะสงฆ์ และการศึกษาของประเทศชาติ ทรงเป็นผกู้ อ่ ตงั้ มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราช
วิทยาลัย (มมร.) ทรงพัฒนาหลักสูตรนักธรรม ทั้งยังทรงมีพระนิพนธ์ด้านวิชาการทั้ง
ภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ อยา่ งมากมาย

พระประวตั ิ

สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่
47 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาแพ พระสนมเอก
สาหรับ เจ้าจอมมารดาแพ ธรรมสโรช เป็นธิดาพระสาราญหฤทัย (อ้าว ธรรมสโรช) และ
ทา้ วทรงกนั ดาร (ส)ี ยังมีพระราชโอรสและพระราชธิดาดว้ ยอีก 4 พระองค์

สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดี แรม
7 ค่า เดือน 5 ปีวอกเอกศก จ.ศ. 1221 ตรงกับวันท่ี 12 เมษายน พ.ศ. 2403 ท่ีทรงพระ
นามว่า พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ เพราะวันประสตู ฝิ นตกหนกั มากราวกบั ฟา้ รวั่ เหมอื น
นาคใหน้ า้ บรเิ วณนั้น พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ อยหู่ วั จงึ พระราชทานนามวา่ พระเจา้ ลกู
ยาเธอ พระองค์เจา้ มนษุ ยนาคมานพทรงกาพรา้ มารดาเมื่อมีพระชนมายไุ ด้เพียง 1 พรรษา
เมื่อเจ้าจอมมารดาแพถึงแก่กรรม จึงทรงอยู่ในความดูแลของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรม
หลวงวรเสรฐสดุ า (พระองคเ์ จา้ บตุ รี) พระมาตจุ ฉา (ปา้ ) ต่อมาเมอ่ื ทรงเจริญวัยทรงย้ายมา
อยกู่ บั ทา้ วทรงกันดาร (ศรี) ผ้เู ปน็ ยาย

ทรงผนวช
มโี อกาสศกึ ษาหนงั สือไทยเป็นครัง้ แรกกบั คณุ ครชู ่ือนก ทรงเรยี นแตก่ ารอา่ นมไิ ดห้ ดั

เขียน เม่ือพระชันษาได้ 8 ปี ทรงเร่ิมศึกษาภาษาบาลี จนสามารถแปลธรรมบทได้ก่อน
ผนวชเป็นสามเณร นอกจากนีย้ งั ทรงศกึ ษาภาษาองั กฤษและโหราศาสตร์ อกี ด้วย

กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
ถึงปี พ.ศ. 2416 เม่ือพระชันษาได้ 13 ปี ได้ทรงผนวชเป็นสามเณร โดยมีสมเด็จพระ
มหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และหม่อมเจ้าพระธรรม
มุณหิศธาดา (สีขเรศ วุฑฺฒิสฺสโร) ทรงเป็นผู้ประทานศีล 10 หลังจากทรงบรรพชาแล้วได้
ประทับอยูท่ วี่ ัดบวรนเิ วศวิหาร ประมาณ 2 เดือน จงึ ทรงลาผนวช พระชนมายุ 14 พรรษา
ทรงผนวชเปน็ สามเณร ประทับ ณ วดั บวรนเิ วศวิหาร 2 ปี ทรงลาสิกขา ค ร้ั น ค ร บ ปี
บวช (พระชนั ษา 20 ป)ี

กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส

เม่ือวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2422 ได้ทรงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดพระศรีรัตน
ศาสดาราม โดยมสี มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์ เปน็ พระอปุ ชั ฌา
ยาจารย์ และพระจันทรโคจรคุณ (ย้ิม จนฺทรสี) วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร เป็นพระ
กรรมวาจาจารย์ ประทับจาพรรษา ณ วัดบวรนเิ วศวหิ าร อยู่ 1 พรรษา จงึ ย้ายไปประทบั ที่
วดั มกฏุ กษตั รยิ ารามเพือ่ ศึกษาข้อวตั รปฏบิ ัติของพระจันทรโคจรคุณผู้เป็นพระอาจารย์ ใน
ระหว่างนัน้ ไดท้ รงทาทัฬหกี รรมที่วดั ราชาธิวาสราชวรวิหาร โดยมีพระจันทรโคจรคุณ (ยิ้ม
จนฺทรสี) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาเดช ฐานจาโร วัดโสมนัสวิหาร เป็นพระ
กรรมวาจาจารย์

พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั

เมื่อพระชนมายคุ รบ 20 พรรษา ได้ทรงผนวชเป็นพระภกิ ษุ ประทับจาพรรษา ณ วดั
บวรนิเวศวิหาร แต่ทรงผนวชตลอดพระชนมชีพ เม่ือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จถวายพุ่มเทียนพรรษา และทรงกราบพระองค์ที่ทรงอุปสมบท
เพยี งพรรษาแรก แทนทจ่ี ะทรงประคองอัญชลีดงั ที่ทรงปฏบิ ัติต่อพระรูปอนื่ ๆ อนั นเี้ ปน็ เหตุ
ให้ตดั สินพระทัยวา่ จะไม่ลาสิกขา

กรมหมนื่ วชริ ญาณวโรรส

กรมหมนื่ วชริ ญาณวโรรส จาพรรษา ณ วัดบวรนเิ วศวิหาร 1 พรรษาแลว้ ไดเ้ สด็จไป
จาพรรษาที่ 2 ณ วัดมกุฏกษัตรยิ าราม เพอื่ ทรงศกึ ษาพระปริยัติธรรม และภาษามคธ ทรง
ผนวชได้ 3 พรรษ ทรงเข้าแปลพระปริยัติธรรมหน้าพระท่ีน่ัง ทรงแปลได้เป็นเปรียญ 5
ประโยค พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5 จึงทรงสถาปนาพระ
อิสริยยศเป็น กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ทรงดารงสมณศั กดิ์เป็นเจ้าคณะรองใน
ธรรมยุตกิ นิกายเป็นพระองคแ์ รก เมื่อ พ.ศ. 2424

พ.ศ. 2435 กรมหมนื่ วชิรญาณวโรรส ทรงครองวัดบวรนิเวศวิหาร (เป็นเจ้าอาวาส)
สืบต่อจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยากลงกรณ์ ทรงเร่ิมพัฒนาการ
พระศาสนาเป็นอันมาก ถดั มาอกี 1 ปี รัชกาลที่ 5 ทรงเล่ือนสมณศักดิเ์ ปน็ สมเด็จพระราชา
คณะเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต นับเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุตพระองค์ที่ 2 ทรงพระ
กรุณาโปรดสถาปนาพระอสิ ริยยศเป็น กรมหลวงวชริ ญาณวโรรส ในปี พ.ศ. 2449

สมเดจ็ พระสงั ฆราช (สา ปสุ สฺ เทวมหาเถร)
หลังจากท่ีสมเด็จพระสงั ฆราช (สา ปุสสฺ เทวมหาเถร) ส้นิ พระชนม์ ในปลายรชั กาลท่ี
5 ประเทศสยามไมม่ สี มเดจ็ พระสงั ฆราชนานถึง 11 ปี จนถงึ สมยั พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ
เกลา้ เจา้ อยูห่ วั รชั กาลท่ี 6 จึงทรงสถาปนาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส
เปน็ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ทรงสมณศกั ดิ์เปน็ สมเด็จพระ
มหาสมณะ เมื่อ พ.ศ. 2453 นับเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 10 แห่งกรุง
รตั นโกสินทร์

พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และพระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมนื่ วชริ ญาณวโรรส

เมื่อผนวชได้ 3 พรรษา ทรงเข้าแปลพระปริยัติธรรมหน้าพระที่นั่ง ทรงแปลได้เป็น
เปรียญธรรม 5 ประโยค จากนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา
พระอิสรยิ ยศเป็น พระเจา้ น้องยาเธอ กรมหม่ืนวชริ ญาณวโรรส และเปน็ พระราชาคณะเจ้า
คณะรองในธรรมยุติกนิกาย เมื่อปี พ.ศ. 2424 พระองค์ได้ครองวัดบวรนิเวศวิหาร สืบต่อ
จากสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศฯ เม่ือปี พ.ศ. 2434 และในปี พ.ศ. 2436
ได้รับโปรดเกล้าเพิ่มพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต มี

ราชทินนามว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส สุนทรพรตวิสุทธิพรหมจรรย์
วิมลศลี ขันธว์ รธรรมยุตต์ิ ศรวี สิ ุทธคิ ณะนายก สาสนดิลกธรรมานุวาทย์ บริสัษยนารถสมณุ
ดมบรมบพติ ร

กรมหลวงวชริ ญาณวโรรส
วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2449 พระองค์ได้รับสถาปนาเลื่อนพระอิสริยยศเป็น พระ
เจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวชริ ญาณวโรรส สุนทรพรตวิสุทธิพรหมจรรย์ วิมลศีลขนั ธธ์ รรมวร
ยุต ศรวี สิ ุทธคิ ณนายก สาสนดลิ กธรรมานวุ าทย์ บรสิ ัษยนารถสมณดุ มบรมบพติ ร และเมอ่ื ปี
พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จข้ึนครองราชสมบัติ ทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งพระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเษก แต่งต้ังเป็นเจ้าคณะใหญ่แห่ง
พระสงฆ์ ทั้งกรุงเทพมหานคร และหัวเมืองท่ัวพระราชอาณาเขต และเลื่อนพระอิสริยยศ

จากกรมหลวงขึ้นเป็นกรมพระยา มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระ
เจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ศรสี ุคตขตั ตยิ พรหมจารี สรรเพชญรงั ศกี ลั ยาณ
วากย์ มนุษยนาคอเนญชาริยวงษ์ บรมพงศาธิบดี จักรีบรมนาถประนับดา มหามกุฏกษัตร
ราชวรางกูร จุฬาลงกรณ์ปรมนิ ทรสรู ครฐุ านยิ ภาดา วชริ าวุธมหาราชหโิ ตปัธยาจารย์ ศภุ ศลี
สารมหาวิมลมงคลธรรมเจดีย์ สุตพทุ ธมหากวี ตรีปิฏกาทโิ กศล เบญจปฎลเศวตฉัตร ศิริรัต
โนปลักษณมหาสมณุตมาภิเษกาภษิ ติ วชิ ิตมารสราพกธรรมเสนาบดี อมรโกษินทรโมลีมหา
สงฆปรนิ ายก พทุ ธศาสนดลิ กโลกตุ มมหาบัณฑิตย์ สิทธรรถนานานริ ุกติประติภาน มโหฬาร
เมตตาภิธยาศรยั พุทธาทิรัตนตรัยสรณารกั ษ์ เอกอัครมหาอนาคารยิ รตั น์ สยามาธปิ ตั ยพทุ ธ
บริษัทเนตร สมณคณินทราธิเบศสกลพุทธจักรกฤตโยปการ มหาปาโมกขประธานสถาวีร
วโรดม บรมนาถบพติ ร”

สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส

หลงั จากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั มพี ระราชดารวิ า่ การเรยี กพระ
นามพระราชวงศ์ซงึ่ ดารงสมณศกั ดิเ์ ปน็ พระประมุขแหง่ สงั ฆมณฑลแต่เดมิ นั้นเรยี กตามพระ
อสิ รยิ ยศแห่งพระบรมราชวงศ์ ไม่ได้เรียกตามสมณศักดขิ์ องพระประมขุ แหง่ สงั ฆมณฑล คอื
"สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ" พระองคจ์ งึ เปลย่ี นคานาพระนามของพระบรมวงศานวุ งศซ์ ง่ึ
ดารงสมณศกั ด์ิเป็นพระประมุขแห่งสงั ฆมณฑลว่า "สมเด็จพระมหาสมณเจา้ " เพอ่ื ใหป้ รากฏ
พระนามในส่วนสมณศักดิ์ดว้ ย โดยพระองค์ไดเ้ ปลย่ี นคานาพระนามของสมเดจ็ พระเจา้ บรม
วงศเ์ ธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็น สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโร
รส เพ่ือเฉลมิ พระเกยี รตเิ ปน็ พระองคแ์ รก

สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
พระกรณียกิจ

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ทรงเปน็ พระอปุ ัธยาจารย์ของ
พระมหากษัตริย์ 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฏเกลา้ เจ้าอยูห่ วั รัชกาลท่ี 6 เม่ือ

ทรงผนวชเป็นพระภิกษุขณะทรงดารงพระอิศริยยศเปน็ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช สยาม
มกุฏราชกุมาร และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ขณะทรงดารง
พระอิศริยยศเป็นสมเด็จเจ้าพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดช กรมขุนสุโขทัย
ธรรมราชา ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ นอกจากนี้ กท็ รงเปน็ พระอุปัชฌายข์ องพระบรมวงศานุ
วงศอ์ ืน่ ๆ อีกหลายพระองค์

สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ทรงมีผลงานอเนกประการ ทง้ั
พุทธจักร และราชอาณาจักร เพราะทรงมีพระชนม์ในยุคเปล่ียนแปลงประเทศ ในสมัย
รัชกาลที่ 5 ต่อเน่ืองถึงรัชกาลท่ี 6 จึงทรงงานสนองพระบรมราโชบายได้ดี ทั้งนี้นอกจาก
ทรงเปน็ พระบรมราชวงศ์ชัน้ ผู้ใหญ่ ยังเปน็ พระสงฆ์ช้นั แนวหน้า มีการศึกษาทางด้านภาษา
หลายภาษา ถา้ หากมีพระชนม์ชพี ยืนยาว ผลงานคงประมาณมไิ ดแ้ น่นอนสว่ นผลงานช่วงที่
ทรงพระชนม์ชีพ ก็เป็นอมตะ และเป็นคุณูปการต่อพุทธจักร และราชอาณาจักรตราบเท่า
ปจั จุบัน

สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส

สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสทรงเร่ิมพัฒนาการพระศาสนา
โดยเริม่ ตน้ ท่วี ัดบวรนเิ วศวหิ าร ได้แก่รเิ รมิ่ ใหภ้ ิกษสุ ามเณรท่บี วชใหม่ เรยี นพระธรรมวนิ ยั ใน
ภาษาไทย มีการสอบความรู้ด้วยวิธเี ขยี น ต่อมาจึงกาหนดใหเ้ ปน็ หลักสูตรการศึกษาสาหรบั
คณะสงฆ์ เรียกว่า นักธรรม ทรงจัดต้ัง มหามกุฎราชวิทยาลัย เป็นการริเร่ิมจัดการศึกษา
ของพระภิกษุ สามเณรแบบใหม่ คือ เรียนพระปริยัติธรรม ประกอบกับวิชาการอ่ืน ที่
เอ้ืออานวยตอ่ การสอนพระพทุ ธศาสนา ผทู้ สี่ อบได้จะได้เปน็ เปรยี ญเชน่ เดยี วกบั ทสี่ อบไดใ้ น
สนามหลวง เรียกวา่ เปรียญมหามงกุฎ แตไ่ ดเ้ ลิกไปในอีก 8 ปีต่อมา
ทรงมีผลงานประจกั ษ์ดงั น้ี

ดา้ นการปกครองคณะสงฆ์
ทรงปรับปรุงการปกครองคณะสงฆ์ เพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เป็นไปด้วยดี

เออ้ื อานวยต่อการพัฒนาตนเอง และประเทศชาติ จึงเกดิ พ.ร.บ. ลกั ษณะปกครองคณะสงฆ์
ร.ศ. 121 (พ.ศ. 2445) ขึน้ ซึ่งเป็น พระราชบญั ญตั คิ ณะสงฆฉ์ บับแรกของไทย สาระสาคัญ
ของ พ.ร.บ.ฉบบั นี้ ไดจ้ ดั คณะสงฆ์ออกเป็น 4 คณะ คือ คณะเหนอื คณะใต้ คณะกลาง และ

คณะธรรมยุติกา มีสมเด็จพระราชาคณะเป็นเจ้าคณะ และมีพระราชาคณะรอง คณะละ
หน่ึงรูป รวมเป็น 8 รูป ทั้ง 8 รูปน้ียกข้ึนเป็น มหาเถรสมาคม เป็นองค์กรสูงสุดของคณะ
สงฆ์ และเปน็ ทีป่ รึกษาในการพระศาสนา และการคณะสงฆ์ของพระมหากษตั ริย์ มเี จา้ คณะ
ปกครองลดหล่ันไปตามลาดับคือ เจ้าคณะมณฑล เจ้าคณะเมือง เจ้าคณะแขวง และเจ้า
อาวาส มเี สนาบดีกระทรวงธรรมการ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ มหาเถรสมาคม
เปน็ เพยี ง ทท่ี รงปรึกษา ขององคพ์ ระมหากษัตรยิ ์ ดังนน้ั สังฆราชตวั จริง ส่งั การบริหารคณะ
สงฆ์ คอื เสนาบดกี ระทรวงศกึ ษาธกิ าร ซง่ึ เป็นฆราวาส

พระองค์ได้ทรงมีลายพระหัตถ์ถึงเสนาบดีกระทรวงธรรมการ มีความว่า ควรถวาย
อานาจในการปกครองคณะสงฆ์แก่พระองค์ ในฐานะท่ีทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชให้
เด็ดขาด เพ่ือให้การปกครองคณะสงฆ์เรียบร้อย หลังจากน้ันอีก 6 เดือน พระบาทสมเด็จ
พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอย่หู วั ไดท้ รงมอบการทัง้ ปวงซง่ึ เปน็ กิจธุระพระศาสนา ถวายแดพ่ ระองค์
ผู้เป็นมหาสังฆปริณายก ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2455 นับเป็นการปรับสถานภาพของ
คณะสงฆ์คร้ังสาคัญ ทพ่ี ระไดป้ กครองพระดว้ ยกันเองเป็นคร้งั แรกในประวัติศาสตร์

กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส

ดา้ นการพระพทุ ธศาสนา
พระองค์ไดท้ รงปรบั ปรงุ การพระพทุ ธศาสนา และทางคณะสงฆใ์ นด้านต่าง ๆ เปน็ อัน

มากโดยเรมิ่ งานตง้ั แต่เสด็จไปตรวจการคณะสงฆ์ในหัวเมืองต่าง ๆ เกือบท่ัวราชอาณาจักร
โดยกระทาอยา่ งตอ่ เนอื่ งทกุ ปเี กอื บตลอดพระชนมช์ พี ทาใหท้ รงทราบความเปน็ ไปของคณะ
สงฆ์ และของประชาชนในภูมิภาคต่าง ๆ เป็นอย่างดี และนาข้อมูลและปัญหาต่าง ๆ มา
ปรับปรงุ แก้ไขในทกุ ๆ ด้าน พอประมวลได้ดงั นี้

ดา้ นการคณะสงฆ์ ทรงออกพระมหาสมณาณตั ิ ประทานพระวนิ จิ ฉยั และทรงวาง
ระเบยี บ แบบแผน เกย่ี วกับความประพฤตปิ ฏิบตั ขิ องพระภกิ ษสุ ามเณรในดา้ นตา่ ง ๆ ให้
ถูกตอ้ งเป็นมาตรฐาน เช่น ระเบยี บเกยี่ วกบั พระอปุ ชั ฌาย์ การบรรพชาอปุ สมบท การ
ปกครองภกิ ษสุ ามเณรและศษิ ยว์ ดั การวนิ จิ ฉยั อธกิ รณ์ ระเบยี บเกย่ี วกบั สมณศกั ดิ์ พดั ยศ
นติ ยภตั ดวงตราประจาตาแหนง่ ทง้ั ไดพ้ ฒั นาภกิ ษสุ ามเณร ใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถใน
พระธรรมวนิ ยั เพอ่ื จะไดแ้ นะนาสง่ั สอนประชาชนไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม ทรงผลติ
ตาราและหนงั สอื ทางพระพทุ ธศาสนา ทคี่ นทวั่ ไปสามารถอา่ นทาความเขา้ ใจไดง้ า่ ย ในแง่

ของการกาหนดหลกั เกณฑข์ องพระสงฆใ์ หป้ ฏบิ ัตใิ หส้ อดคลอ้ งตามธรรมตามวนิ ยั กเ็ ปน็
พระองคท์ า่ นทไ่ี ดป้ รบั ปรงุ อปุ สมบทวธิ ี การพทั ธสมี า และการทาสงั ฆกรรม ตามทไ่ี ดป้ ฏบิ ัติ
ตงั้ แตส่ มยั พทุ ธกาล

ดา้ นการศกึ ษาของคณะสงฆ์ในดา้ นการศกึ ษาของคณะสงฆท์ เ่ี รยี กวา่ การศกึ ษา
ปรยิ ตั ธิ รรมนน้ั กท็ รงมแี นวพระดารวิ า่ ภกิ ษสุ ามเณรควรจะมคี วามรทู้ งั้ ทางโลกและทาง
ธรรม เพราะ “รทู้ างโลกกเ็ ปน็ สาคญั อดุ หนนุ รทู้ างธรรมใหม้ น่ั ใหก้ วา้ ง พระศาสดาของเราก็
ไดค้ วามรทู้ างโลกเปน็ กาลงั ชว่ ย จงึ ประกาศพระพทุ ธศาสนาดว้ ยดี การทที่ รงจดั ตง้ั มหามกฏุ
ราชวทิ ยาลยั ขน้ึ ในครง้ั นนั้ กเ็ พอ่ื จดั การศกึ ษาแกภ่ กิ ษสุ ามเณรในแนวน้ี ซึง้ ประสบ
ความสาเรจ็ เปน็ อยา่ งดี นอกจากนี้ การจดั การศกึ ษาแบบใหมข่ องมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั นนั้
“กเ็ พอ่ื จะลองหาทางแกไ้ ขการเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรมให้ดขี นึ้ คอื ใหผ้ เู้ รยี นรไู้ ดเ้ รว็ ไมเ่ ปลอื ง
เวลา ไมพ่ กั ลาบาก รไู้ ดด้ ี” กลา่ วอกี อยา่ งหนงึ่ กค็ อื ทรงหาวธิ กี ารทจี่ ะทาใหภ้ กิ ษสุ ามเณรใช้
เวลาเรยี นแตน่ อ้ ย แตไ่ ดค้ วามรดู้ ตี ามตอ้ งการ ทรงปรบั ปรงุ การศกึ ษาของคณะสงฆใ์ ห้
ทนั สมยั ทรงปรบั ปรงุ หลกั สูตรการศกึ ษาภาษาบาลี และธรรมสาหรบั พระสงฆ์จนแพรห่ ลาย
ต้งั แต่ พ.ศ. 2462 ทาใหผ้ เู้ รยี นมกี าลงั ใจทสี่ ามารถเรยี นไดต้ ามลาดบั และรผู้ ลปตี อ่ ปี ผเู้ รยี น

ทส่ี อบได้ ยงั สามารถนาความรไู้ ปเผยแผไ่ ดถ้ กู ตอ้ ง เปน็ แก่นสารตรงตามธรรมวนิ ยั ตรงกนั
ขา้ มกับอดตี ทม่ี กี ารสอบบาลดี ว้ ยปากเปลา่ ใครแปลได้ตามเวลาทก่ี าหนดกผ็ า่ น ใครแปล
ไมไ่ ดก้ ต็ ก จะมโี อกาสสอบอกี ครง้ั หลงั จากผา่ นไป 3 ปี และการสอบปากเปลา่ ทว่ี า่ น้ี กวา่ จะ
สอบเสรจ็ สนิ้ ใชเ้ วลานานถงึ 3 เดอื น และ ไมแ่ นว่ า่ มคี วามรจู้ รงิ หรอื ไม่ ทรงจดั การศกึ ษา
พระปรยิ ตั ธิ รรมเพมิ่ ขนึ้ จากแบบเดมิ ที่ศกึ ษาภาษาบาลี โดยใหศ้ กึ ษาพระธรรมวนิ ยั ใน
ภาษาไทยเรยี กวา่ หลกั สตู ร นกั ธรรม

กรรมการมหามกฎุ ราชวทิ ยาลยั ชดุ แรก พ.ศ.2436 กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสองคก์ ลา
ทรงตงั้ มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั เพอ่ื การศกึ ษาของคณะสงฆธ์ รรมยตุ

ตามทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ 5 ทรงมพี ระราชดารแิ ต่ตน้ และ
พระองคท์ รงสานตอ่ กลายเปน็ มหาวทิ ยาลยั สงฆแ์ หง่ แรกของชาตไิ ทย นับตง้ั แต่ วนั ท่ี 1
ตลุ าคม 2436

ด้านการศกึ ษาของประชาชน

สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส และประชาชน
ในสมัยรัชกาลที่ 5 กลา่ วได้ว่าเป็นยุคทีพ่ ระสงฆม์ บี ทบาททางการศกึ ษาของชาตมิ าก
ทสี่ ุดและผ้ทู ีม่ ี บทบาทโดดเดน่ เป็นผู้นาทางการศึกษาอยู่ในขณะนั้น ก็คือ สมเด็จพระมหา
สมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส เร่ิมแต่ทรงจัดตั้งมหามกุฏราชวิทยาลัยสาหรับเป็น
สถานศึกษาวทิ ยาการทงั้ ทางคดีโลกและคดธี รรม สาหรับภิกษสุ ามเณรและกลุ บตุ ร ประสบ
ความสาเร็จเป็นอย่างดี และจากความสาเร็จในการจัดตั้งมหามกุฏราชวิทยาลัยน่ันเอง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงตัดสินพระราชฤทัยมอบหมายให้สมเด็จ
พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงรับภาระอานวยการจัดการศึกษาในหัว
เมืองท่ัวราชอาณาจักรเมื่อ พ.ศ. 2441 ซึ่งเป็นการมอบหมายภาระในการวางรากฐาน
การศกึ ษาขัน้ ประถมศกึ ษาของชาตใิ หพ้ ระองคท์ รงดาเนินการ สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้าฯ ก็

ได้ทรงจัดการศึกษาข้ันประถมศึกษาอันเป็นการศึกษาข้ันพ้ืนฐานของชาติได้เป็นผลสาเร็จ
ภายในเวลา 5 ปี แม้ว่าจะเป็นความสาเร็จในระดับหน่ึง แต่ก็กล่าวได้ว่า สมเด็จพระมหา
ส ม ณ เ จ้ า พ ร ะ อ ง ค์ นั้ น ท ร ง เ ป็ น ผู้ ใ ห้ ก า เ นิ ด ก า ร ศึ ก ษ า ข้ั น ป ร ะ ถ ม ศึ ก ษ า ข อ ง ไ ท ย

นอกจากจะทรงเปน็ ผ้วู างรากฐานการศกึ ษาระดับประถมศกึ ษาแลว้ ยงั ทรงพระดาริ
ท่ีจะพัฒนาการศึกษาระดับมัธยมศึกษาให้ทันสมัยย่ิงขึ้น โดยทรงพระดาริที่จะพัฒนา
โรงเรยี นภาษาไทยของมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ทว่ี ดั บวรนเิ วศวหิ ารใหเ้ ปน็ โรงเรยี นราษฎรแ์ บบ
อย่ปู ระจา เพ่ือเป็นตัวอยา่ ง เปน็ การช่วยรฐั บาล แตพ่ ระดารนิ ้ไี ม่สามารถดาเนนิ ไปได้ตลอด
เพราะขาดงบประมาณดาเนินการ

เพราะฉะน้นั จงึ กล่าวได้ว่า สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรง
มีวิสยั ทรรศน์ทางดา้ นการศึกษาที่แหลมคมและกวา้ งไกลทรงมแี นวพระราชดารทิ ลี่ า้ ยคุ และ
ล้าหน้ากว่าใครๆ ในยุคเดียวกัน จึงกล่าวได้ว่าพระองค์ทรงเป็นนักการศึกษาท่ีย่ิงใหญ่
พระองคห์ นง่ึ ของไทย

ผลงานพระนพิ นธก์ รมพระยาวชริ ญาณวโรรส

ด้านงานพระนพิ นธ์

พระองค์ทรงรอบรู้ภาษาต่าง ๆ หลายภาษา คือ ภาษาบาลี ภาษ าสันสกฤต
ภาษาอังกฤษ และภาษาฝร่ังเศส ได้ทรงนิพนธ์เร่ืองต่าง ๆ ไว้เป็นอันมาก เช่น หนังสือ
หลกั สตู รนกั ธรรมชัน้ ตรี โท เอก หลกั สตู รบาลี ไวยากรณ์ท้ังชุด แต่ก่อนพวกบัณฑิตที่เรียน
บาลี คือ มูลกัจจายน์คัมภีร์ สนธิ-นาม ต้องเรียนถึง 3 ปี จึงแปลบาลีออก สมเด็จฯ ทรง
รจนา บาลีไวยากรณ์ให้กุลบุตรเล่าเรียน ในปัจจุบัน 3 เดือน ก็แปลหนังสือบาลีออก รวม
พระนพิ นธ์ท้งั หมดมมี ากกว่า 200 เรือ่ ง นอกจากนย้ี ังทรงชาระ คัมภรี บ์ าลีไว้กวา่ 20 คัมภรี ์
ผลงานที่อยู่ยงถึงปัจจุบัน คือ นิตยสารธรรมจักษุรายเดือน ตีพิมพ์เร่ืองราวทาง

พระพุทธศาสนา และข่าวสารตา่ งๆ ที่ทรงดาริให้จัดทาหลงั จากต้ังมหามกฏุ ราชวิทยาลัยได้
1 ปี จงึ เปน็ นิตยสารทางพระพุทธศาสนาฉบับแรกของไทยและมอี ายเุ กา่ แกท่ สี่ ดุ กว่า 100 ปี
ซง่ึ ยงั ดาเนนิ การสืบมาจนทกุ วันน้ี
พระอศิ ริยยศกรมพระยาวชริ ญาณวโรรส

ปี พ.ศ. 2424 เมอ่ื ผนวชได้ 3 พรรษา ทรงเขา้ แปลพระปรยิ ตั ธิ รรมหนา้ พระทนี่ งั่ ทรง
แปลไดเ้ ปน็ เปรยี ญธรรม 5 ประโยค จากนน้ั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรง
สถาปนาพระอสิ รยิ ยศเป็น พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมน่ื วชริ ญาณวโรรส และเปน็ พระราชา
คณะเจา้ คณะรองในธรรมยตุ กิ นกิ าย

ปี พ.ศ. 2434 พระองคไ์ ดค้ รองวดั บวรนเิ วศวหิ าร สบื ตอ่ จากสมเดจ็ พระมหาสมณ
เจา้ กรมพระยาปวเรศ ฯ

ปี พ.ศ. 2436 ไดร้ บั โปรดเกลา้ เพม่ิ พระอสิ รยิ ยศเปน็ สมเดจ็ พระราชาคณะเจา้ คณะ
ใหญค่ ณะธรรมยตุ มรี าชทินนามวา่ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมน่ื วชริ ญาณวโรรส สนุ ทร
พรตวสิ ทุ ธพิ รหมจรรย์ วมิ ลศลี ขนั ธว์ รธรรมยตุ ต์ิ ศรวี สิ ทุ ธคิ ณะนายก สาสนดลิ กธรรมานุ
วาทย์ บรสิ ษั ยนารถสมณดุ มบรมบพติ ร

วนั ที่ 2 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2449 พระองคไ์ ดร้ บั สถาปนาเลอื่ นพระอสิ รยิ ยศเปน็ พระ
เจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหลวงวชริ ญาณวโรรส สนุ ทรพรตวสิ ทุ ธพิ รหมจรรย์ วมิ ลศลี ขนั ธธ์ รรมวร
ยตุ ศรวี สิ ทุ ธคิ ณนายก สาสนดลิ กธรรมานวุ าทย์ บรสิ ษั ยนารถสมณดุ มบรมบพติ ร

พระอาสนท์ ปี่ ระทบั ของสมเดจ็ พระมหาสมณะเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
ทตี่ าหนกั เพชร วดั บวรนเิ วศวหิ าร

ปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อย่หู ัว ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ
ให้ตง้ั พระราชพธิ ีมหาสมณุตมาภเิ ษก แต่งตงั้ เป็นเจ้าคณะใหญ่แห่งพระสงฆ์ ทั้งรุงเทพมหา
นคร และหัวเมืองท่ัวพระราชอาณาเขต และเล่ือนพระอิสริยยศจากกรมหลวงขึ้นเป็นกรม
พระยา

พญานาคในทรรศนะของ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส

รชั กาลท่ี 5 และ กรมหมน่ื วชริ ญาณวโรรส
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี 5 ทรงมพี ระราชปจุ ฉาถงึ กรม
หมน่ื วชริ ญาณวโรรส หรอื สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส วา่ ดว้ ย
เรอ่ื ง จตโุ ลกบาล พระองคท์ รงสบื คน้ เรอ่ื งจตโุ ลกบาล เพอื่ เปน็ ขอ้ มลู เขยี นภาพทวี่ ดั เบญจม
บพติ ร

พระองคท์ รงตรวจขอ้ มลู จากหลายแหลง่ แลว้ ทราบวา่ ในพระพทุ ธศาสนากลา่ วถงึ จตุ
โลกบาลไวใ้ น อาฏานาฏยิ สตู ร และบางสว่ นของคมั ภรี ใ์ นพระพทุ ธศาสนากลา่ วไมต่ รงกนั
รชั กาลท่ี 5 ทรงขอความชว่ ยเหลอื จากกรมหมน่ื วชริ ญาณวโรรส ใหพ้ ระองคท์ รงระบุ
รปู ลกั ษณ์ ประวตั ิ สผี วิ อาวธุ ของจตโุ ลกบาล

กรมหมื่นวชริ ญาณวโรรสแหง่ วัดบวรนเิ วศวิหาร ทรงสนองงานรชั กาลที่ 5 ศกึ ษาและ
สืบคน้ ขอ้ มูลเกย่ี วกับจตุโลกบาลอยา่ งละเอียด ท้งั ในศาสนาพราหมณ์ พระพุทธศาสนาเถร
วาทและมหายาน แต่สิ่งท่ีน่าสนใจคือ พญานาคในทรรศนะของกรมหม่ืนวชิรญาณวโรรส
พระองค์ทรงวสิ ชั ชนาถวายรัชกาลท่ี 5 วา่ “พวกน้ี (นาค) เข้าใจตอ้ งกนั ทงั้ ฝา่ ยพราหมณแ์ ละ
ฝ่ายผถู้ อื พระพุทธศาสนาวา่ เป็นชาติงูมีภพอย่ภู ายใต้ เรียกบาดาล ฝ่ายพราหมณ์กล่าวตาม
หนังสือปทานุกรมว่าด้วยชื่อต่าง ๆ ในเรื่องฮินดู จัดเป็นพวก เทวดากลาย ๆ มีหน้าอย่าง
มนุษย์ มีหางอย่างงู มีคอพอกอย่างงู ที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Cobra นาคนั้นมีต้ังพัน
ตระกลู ที่เปน็ สตรีมีรูปงาม ไดร้ ่วมคู่กับมนุษย์ก็มี ฝ่ายพวกถือพระพุทธศาสนา เข้าใจว่า มี
ปกติเป็นงู แต่จาแลงเป็นมนุษย์ได้ตามใจ และชอบเล่าเร่ืองไว้ในท่ีน้ัน ๆ เป็นอันมาก
“เจ้าของพวกนาคนี้ ในตารับข้างพระพุทธศาสนา ช่ือท้าววิรูปักข์ในภาษามคธ (บาลี) ชื่อ

ทา้ ววิรปู ากฺษ ในภาษาสันสกฤต ในหนังสือพุทธศาสนามหายานฝ่ายจีน ผู้รจนาเล่าถึงรูปที่
เห็นทาไวว้ ่า ท้าววิรปู ากฺษ มหี นา้ แดง ถอื กลดหรือฉตั ร พอกางข้นึ ก็เกดิ พายใุ หญฟ่ ้าคะนอง
ฝนตก อกี ปากหนึง่ วา่ พอกางขึน้ ก็เกิดมืดท่วั ไปทนั ที”

วิสัชชนาของกรมหม่ืนวชิรญาณวโรรสเร่ือง พญานาค น้ี ทาให้เห็นว่าพระองค์ทรง
เป็นพระนักวิชาการ มีการศึกษาเปรียบเคียงพญานาคในศาสนาพราหมณ์และ
พระพทุ ธศาสนา รวมไปถงึ พระพุทธศาสนามหายานด้วย

องคก์ ารเพอ่ื การศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ และวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาติยเู นสโก ยกยอ่ งสมเดจ็
พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส เป็นบคุ คลสาคญั ของโลก สาขาสนั ตภิ าพ

นายอิทธพิ ล คณุ ปล้มื รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยวา่ ไดร้ ับรายงาน
วา่ ทป่ี ระชุมใหญส่ มยั สามญั ขององคก์ ารยูเนสโกครั้งที่ 40 มีมติรับรองการร่วมเฉลิมฉลอง
ในวาระครบรอบบุคคลสาคัญและเหตุการณ์สาคัญทางประวัติศาสตร์ในวาระปี 2563 -
2564 ได้ยกย่องบุคคลสาคัญ 2 รูป ได้แก่ และสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิร
ญาณวโรรส ครบ 100 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ (2 สิงหาคม 2464)และพระอาจารย์
มนั่ ภรู ภิ ตั โต ครบรอบ 150 ปี ชาตกาล (20 มกราคม 2563)

สิน้ พระชนม์

ภาพการประดษิ ฐานพระโกศทองใหญท่ รงพระศพ
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส สมเดจ็ พระสงั ฆราช
ภายในทอ้ งพระโรง ตาหนกั เพช็ ร วัดบวรนเิ วศวหิ าร พทุ ธศกั ราช 2465
สมเด็จพระมหาสมณเจ้าประชวรด้วยวณั โรค มพี ระอาการเรื้อรังมานานนับสบิ ปี จน
กาเริบรุนแรงเกินกว่าความสามารถของแพทย์หลวง ในท่ีสุดสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ก็
สิ้นพระชนมเ์ มื่อวนั ที่ 2 สงิ หาคม พ.ศ. 2464 สริ ริ วมพระชนั ษาได้ 61 ปี ครองวดั บวรนิเวศ
วิหารนาน 30 ปี ดารงตาแหนง่ สมเด็จพระสงั ฆราชอยู่ 10 ปี 7 เดือน
งานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
เร่ิมในวันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2465 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้

เสด็จพระราชดาเนนิ ไปบาเพญ็ พระราชกศุ ลทีต่ าหนักเพ็ชร วดั บวรนิเวศวิหาร ทุกวันต้ังแต่
วันดังกลา่ ว

ภาพ "พระจิตกาธาน" ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระมหาสมณ
เจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ท่ี 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ณ พระเมรุ ทอ้ งสนามหลวง เมือ่ ปีพทุ ธศักราช 2465

วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน เวลา 16:00 น. จึงโปรดให้เคลื่อนพระศพไปประดิษฐานยัง
พระจิตกาธาน ณ พระเมรุท้องสนามหลวง แล้วพระราชทานเพลิงพระศพ เช้าวันต่อมาเจ้า
พนกั งานภษู ามาลาดับพระเพลงิ แล้วประมวลพระอฐั ิ เวลา วนั วนั จันทร์ที่ 10 เมษายน เวลา

07:00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดาเนินมาเก็บพระอัฐิประมวลลงใน
พระโกศทองลงยา แล้วให้เจ้าพนักงานเชญิ พระโกศไปประดิษฐานในบุษบก ณ พระท่ีนัง่ ทรง
ธรรม ทรงบาเพญ็ พระราชกุศลเสร็จแล้ว จงึ โปรดให้เจ้าพนกั งงานเชญิ พระโกศไปประดษิ ฐาน
ที่พระตาหนักเพ็ชร ช่วงบ่ายเสด็จฯ มาทรงสดับพระพุทธมนต์และพระธรรมเทศนา

วันอังคารท่ี 11 เมษายน ได้เสด็จฯ มาบาเพ็ญพระราชกุศลอีกคร้ัง แล้วบรรจุพระ
องั คารเขา้ ในฐานพระพทุ ธไสยา มุขหลังวิหารพระศรีศาสดา จนถึงวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน
เวลา 16:00 น. จึงโปรดให้เคล่ือนพระศพไปประดิษฐานยังพระจิตกาธาน ณ พระเมรุท้อง
สนามหลวง แลว้ พระราชทานเพลงิ พระศพเช้าวันต่อมาเจ้าพนักงานภูษามาลาดับพระเพลิง
แลว้ ประมวลพระอฐั ิ เวลา 07:00 น.

พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั เสดจ็ พระราชดาเนนิ มาเก็บพระอัฐิประมวลลงในพระ
โกศทองลงยา แล้วให้เจ้าพนักงานเชิญพระโกศไปประดิษฐานในบุษบก ณ พระท่ีน่ังทรง
ธรรม ทรงบาเพ็ญพระราชกุศลเสรจ็ แลว้ จงึ โปรดใหเ้ จา้ พนกั งานเชญิ พระโกศไปประดษิ ฐาน
ท่ีพระตาหนกั เพช็ ร ช่วงบา่ ยเสด็จฯ มาทรงสดับพระพุทธมนตแ์ ละพระธรรมเทศนา จากนนั้
ในวนั องั คารที่ 11 เมษายน ไดเ้ สดจ็ ฯ มาบาเพญ็ พระราชกศุ ลอกี ครั้ง แล้วบรรจุพระองั คาร
เขา้ ในฐานพระพุทธไสยามขุ หลังวหิ ารพระศรีศาสดาแล้วเสดจ็ ฯกลับ

.............................................................

แหลง่ ขอ้ มลู อา้ งองิ

โกวทิ ตงั้ ตรงจติ ร. 19 สมเด็จพระสงั ฆราชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์. --กรงุ เทพฯ : สวุ รี ยิ าสาสน์
2554.

วชริ ญาณวโรรส, สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยา. พระประวตั ติ รสั เลา่ . กรงุ เทพฯ :
มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , 2544. 107 หนา้ .

สเุ ชาวน์ พลอยชมุ . พระเกยี รตคิ ณุ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
(พระองคเ์ จา้ มนษุ ยนาคมานพ). กรงุ เทพฯ : มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , 2541.
165 หนา้ .

www.baanjomyut.com
www.dharma-gateway.com
www.gongtham.nethonweekly.com
www.matic
www.sac.or.th
www.trueplookpanya.com
www.watbowon.com
site.google.com
th.m.wikipedia.org

ขอขอบคณุ เนอ้ื หาและภาพจากเว็บไซตต์ า่ งๆ


Click to View FlipBook Version