พระประวัติ สังฆราชองค์ที่ 17 (ฉบับปรับปรุง 1) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (ปุ่น ปุณฺณสิริ) ประสาร ธาราพรรค์ เรียบเรียง สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดพระเชตุ พนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร(วัดโพธิ์) เป็นสมเด็จพระสังฆราชที่ทรง พระปรีชาญาณ เฉลียวฉลาด สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี สังฆราชที่บรรพชิตและคฤหัสถ์เรียกพระองค์ท่านด้วยความเคารพว่า สมเด็จป๋า อีกหนึ่งพระปรีชาสามารถที่โดดเด่นคือ ความสามารถด้านการ ประพันธ์ งานประพันธ์ของพระองค์ท่าน แม้จะผ่านห้วงเวลาที่ยาวนาน ยังมีความทันสมัย มีหลักค าสอน ค าเทศน าที ่ทันต ่อเหต ุการณ์ มี สาระประโยชน์แก่ญาติโยม สามารถน าไปปฏิบัติในชีวิตประจ าวันได้เป็น อย่างดี
ก าเนิด สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) มี พระนามเดิมว่า ปุ่น สุขเจริญ มีพระฉายา ปุณณสิริ ประสูติเมื่อวันอังคาร แรม 13 ค่ า เดือน 4 ปีวอก จ.ศ. 1258 ร.ศ. 115 เวลา 24 นาฬิกาเศษ ตรง กับวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2439 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ณ บ้านต าบลสองพี่น้อง อ าเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี
โยมมารดานางวัน สุขเจริญ พระชนกชื่อเน้า สุขเจริญ พระชนนีชื่อวัน สุขเจริญ เป็นบุตรคนที่ 6 ในจ านวนพี่น้อง 8 คน มีพี่เป็นหญิง 4 คน ถึงแต่กรรมแต่เยาว์วัย พี่คนที่ 5 เป็นชายชื่อเหลือ น้องชายคนที่ 7 ชื่อเป้ง สุขเจริญ และน้องชายคนที่ 8 ชื่อ สิ่ว นามสกุล สุขเจริญ เป็นศิษย์วัดสองพี่น้อง เป็นญาติใกล้ชิดกับหลวงพ่อ สด วัดปากน า ภาษีเจริญ เมื่อพระชนม์ได้ 10 พรรษา (พระอาจารย์หอมได้พามาฝากให้เป็นศิษย์ พระอาจารย์ป่วน) ได้มาอยู่ที่วัดมหาธาตุ ฯ เมื่อพระชนม์ได้ 16 พรรษา ได้ ย้ายมาอยู่กับพระอาจารย์สด (พระมงคลเทพมุนี วัดปากน าภาษีเจริญ) ณ วัดพระเชตุพนฯ
การศึกษาและบรรพชา สามเณรปุ่น สุขเจริญ การศึกษาในเบื องต้น พ.ศ. 2445 พระชันษา 6 ปี ศึกษา เรียนกับพระ ชนกของท่าน จนอ่านออกเขียนได้ จนอ่านหนังสือแบบเรียนเร็วเล่ม 1 - 2 จบ พระชนกจึงส่งให้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนเอกชน เป็นเวลาประมาณหนึ่งปี แล้วจึงไปเรียนภาษาบาลี อักษรขอม และมูลกัจจายน์ (กับพระอาจารย์หอม และอาจารย์จ่าง) ที่วัดสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี
พระอาจารย์หอม เกสโร พ.ศ. 2446 พระชนกน าไปฝากเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์หอม เกสโร (แสงจินดา) ซึ่งเป็นญาติมีศักดิ์เป็นอา ณ วัดสองพี่น้อง ได้เริ่มศึกษาภาษา บาลีด้วยอักษรขอม และมูลกัจจายน์ (หนังสือใหญ่) กับพระอาจารย์หอม เกสโร และพระอาจารย์จ่าง ปุณฺณโชติ (พระครูอุภัยภาดารักษ์) เวลาเย็น ต่อบทสวดมนต์กับพระอาจารย์ที่เรียกว่าต่อหนังสือค่ า พ.ศ. 2454 พระชันษา 15 ปี พระอาจารย์หอม วัดสองพี่น้อง น ามา ฝากพระภิกษุป่วน (ภายหลังย้ายมาอยู่วัดพระเชตุพน และเป็นพระครู บริหารบรมธาตุ เจ้าอาวาสวัดนางชี เขตภาษีเจริญ) ผู้เป็นญาติฝ่ายโยม มารดา ณ วัดมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร ได้ศึกษาอักษรขอมเพิ่มเติมกับ พระภิกษุป่วน
หลวงพ่อสด (พระมงคลเทพมุนี) พ.ศ. 2455 อายุ 16 ปี ย้ายไปอยู่กับหลวงอาคือหลวงพ่อสด (พระมงคลเทพมุนี) ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา ตอนนั นอยู่วัดพระเชตุพนฯ แต่อยู่ได้ ระยะหนึ่งก็ลาสิกขามาช่วยโยมแม่ท านา เพราะโยมพ่อป่วย อายุ 18 ปี จึง บรรพชาใหม่กลับมาอยู่วัดพระเชตุพนฯ
อุปสมบท สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช(ปุ่น ปุณฺณสิริ) 27 เมษายน 2460 ตรงกับวันศุกร์ ขึ น 7 ค่ า เดือน 6 ปีมะเส็ง พระชนมายุ 22 พรรษา ทรงกลับอุปสมบท ณ วัดสองพี่น้อง อันเป็น ภูมิล าเนาเดิม พระครูวินยานุโยค (เหนี่ยง อินฺทโชโต) เจ้าอาวาสวัดสองพี่ น้อง เจ้าคณะอ าเภอสองพี่น้อง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์โหน่ง วัดสอง พี่น้อง (ต่อมาย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ต าบลดอนมะดัน) เป็นพระ กรรมวาจาจารย์ พระศากยปุตติยวงศ์ (เผื่อน ติสฺสทตฺโต สุดท้ายได้รับ สถาปนาเป็น สมเด็จพระวันรัต) วัดพระเชตุพน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ศึกษาพระปริยัติธรรม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พ.ศ. 2455 ศึกษาภาษาบาลี และนักธรรมในส านักเรียนวัดพระเชตุ พนฯ กับพระศากยบุตติยวงศ์ (เผื่อน ติสฺสทตฺโต) และพระมหาปี วสุตฺตโม พ.ศ. 2456 สอบได้นักธรรมชั นตรี พ.ศ. 2458 พระชันษา 20 ปี สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ขณะ เป็นสามเณร และได้เข้ารับพระราชทานประกาศนียบัตรและพัดใบตาลใจ
กลางพื นแพรเขียวจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่ง อมรินทรวินิจฉัยพ.ศ. 2462 สอบได้นักธรรมชั นโท พ.ศ. 2463 สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค พ.ศ. 2467 สอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค พระรูปเมื่อครั งยังทรงเป็นพระเปรียญ 6 ประโยค พ.ศ. 2470 สอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค
พระสมณศักดิ์และต าแหน่งหน้าที่ในการคณะสงฆ์ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) เจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ทรงรับภาระหน้าที่ทางการคณะสงฆ์มาแต่ทรง เป็นพระเปรียญ เริ่มแต่หน้าที่ภายในพระอารามไปจนถึงหน้าที่ในการ ปกครองคณะสงฆ์ ดังนี
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) พ.ศ. 2463 เมื่อทรงเป็นเปรียญ 4 ประโยค ทรงเป็นครูสอนพระปริยัติ ธรรมแผนกบาลี ชั นไวยากรณ์ พ.ศ. 2467 เมื่อทรงเป็นเปรียญ 5 ประโยคแล้ว ทรงเป็นครูสอนพระ ปริยัติธรรมชั นประโยค 3 ทรงท าหน้าที่เป็นครูในส านักเรียนวัดพระเชตุพน อยู่นานถึง 25 ปี พ.ศ. 2483 เมื่อยังทรงเป็นพระเปรียญเป็นกรรมการแปลพระไตรปิฎก เป็นภาษาไทยแผนก พระวินัย
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) พ.ศ. 2484 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน เป็นพระคณาจารย์เอก ทางเทศนาและในวันที่ 1 มีนาคม 2484 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะสามัญที่พระอมรเวที พ.ศ. 2486 เป็นเจ้าคณะตรวจการภาคบูรพา (สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด)เป็นเจ้า คณะตรวจการภาค 2 อยุธยา อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ พิจิตร ก าแพงเพชร สุพรรณบุรี) เป็นกรรมการสังคายนาพระ ธรรมวินัย พ.ศ. 2487 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ. 2488 เป็นสมาชิกสังฆสภา
พ.ศ. 2489 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั น ราชที่พระราชสุธี ธรรมปรีชาภิมณฑ์ ปริยัติโกศล ยติคณิศร บวรสังฆาราม คามวาสี สมเด็จพระวันรัต (เผื่อน ติสฺสทตฺโต) พ.ศ. 2490 สมเด็จพระวันรัต (เผื่อน ติสฺสทตฺโต) เจ้าอาวาสวัดพระเชตุ พน ถึงมรณภาพ เจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ขณะทรงด ารงสมณศักดิ์ที่พระราชสุธี จึงได้รับแต่งตั งเป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน เป็นกรรมการสภา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และในคราวเดียวกันได้รับพระราชทานเลื่อน สมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั นเทพที่ พระเทพเวทีตรีปิฎกคุณ สุนทรธรรม ภูษิต ยติคณิสร บวร พ.ศ. 2491 เป็นสังฆมนตรี (สมัยที่ 1 เป็นเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน เป็นกรรมการและเลขาธิการ ก.ส.พ. (กรรมการสังฆาณัติระเบียบพระ คณาธิการ) ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั นธรรมที่
พระธรรมดิลก พระธรรมดิลก ศากยปุตติยนายก ตรีปิฎกบัณฑิต ยติคณิสร บวรสังฆาราม คามวาสี พ.ศ. 2492 เป็นเจ้าคณะตรวจการภาค 2 (สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด) เป็นสภานายกสภาพระธรรมกถึก พ.ศ. 2493 เป็นสังฆมนตรี (สมัยที่ 2) พ.ศ. 2494 เป็นสังฆมนตรี (สมัยที่ 3)เป็นสังฆมนตรีและสังฆมนตรีสั่ง การแทนสังฆมนตรีว่าการองค์การเผยแผ่ (สมัยที่ 4) เป็นเจ้าคณะตรวจการ ภาค 7 (สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม สุพรรณบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์) เป็นประธาน ก.จ.ภ. (กรรมการเจ้าคณะตรวจการ ภาค) เป็นอนุกรรมการอบรมศีลธรรมและวัฒนธรรมแก่ข้าราชการและ ประชาชน (ก.อ.ช.) พ.ศ. 2496 เป็นประธานกรรมการสงฆ์แห่งโรงพยาบาลสงฆ์
พ.ศ. 2497 เป็นประธานทอดผ้าป่าวันโรงพยาบาลสงฆ์ โดยทรงริเริ่ม ในนามสภาพระธรรมกถึก เป็นกรรมการวิทยุกระจายเสียงวันธรรมสวนะ พ.ศ. 2498 เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการท านุบ ารุงโรงพยาบาลสงฆ์ พ.ศ. 2499 ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะ รองที่ พระธรรมวโรดม ชั นหิรัญบัฏที่ พระธรรมวโรดม บรมญาณอดุลสุนทร นายก ตรีปิฎกคุณาลังการวิภูสิต สุทธิกิจสาทร มหาคณิสร บวรสังฆาราม คามวาสีเป็นสังฆมนตรีว่าการองค์การสาธารณูปการ (สมัยที่ 5) พ.ศ. 2500 เป็นกรรมการ ก.ส.พ. เป็นกรรมการอุปถัมภ์กิตติมศักดิ์ มหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย พ.ศ. 2501 เป็นประธานกรรมการปรับปรุงตลาดเฉลิมโลก พ.ศ. 2502 - 2508 เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดปากน า ภาษีเจริญ พ.ศ. 2503 เป็นสังฆมนตรีว่าการองค์การเผยแผ่ (สมัยที่ 6) พ.ศ. 2504 ได้รับพระราชทานสถาปนา เป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระวันรัตได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระ วันรัต ปริยัติพิพัฒนพงศ์ วิสุทธิสงฆ์ปริณายก ตรีปิฎกโกศล วิมลคัมภีรญาณ สุนทร มหาคณปธานาดิศร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญญวาสี เป็น กรรมการพิจารณาหลักสูตรการศึกษาปริยัติธรรม แผนกบาลี
คณะสังฆมนตรีในวันเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต) ณ พระต าหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 พ.ศ. 2506 เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม ตามพระราชบัญญัติคณะ สงฆ์ พ.ศ. 2505 ซึ่งประกาศใช้แทน พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม จนถึง พ.ศ. 2507 พ.ศ. 2508 เป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และรักษาการในต าแหน่ง เจ้า คณะใหญ่หนตะวันออก หนเหนือ และหนใต้ เป็นกรรมการมูลนิธิ โรงพยาบาลสงฆ์ พ.ศ. 2509 เป็นแม่กองงานพระธรรมทูต
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (จวน อุฏฺฐายีมหาเถร) พ.ศ. 2510 เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ในระหว่างที่ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (จวน อุฏฺฐายีมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช เสด็จเยือนศรีลังกาเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 10 - 20 กุมภาพันธ์ 2510 เป็นประธานจิตตภาวันวิทยาลัย พ.ศ. 2515 เป็นเจ้าคณะนครหลวง กรุงเทพธนบุรี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถวายพัดยศและเครื่องสมณศักดิ์แด่สมเด็จฯ ในงานพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 พระชันษา 76 ปี พรรษา 55 ได้รับสถาปนา เป็นสมเด็จพระสังฆราชที่ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สุขุมธรรมวิธาน ธ ารง สกลมหาสงฆปริณายก ตรีปิฎกกลาสุโกสล วิมลคัมภีรญาณ ปุณณสิริ ภิธานสังฆวิสุทธิ์ ปาวจนุตตมสิกขวโรปการ ศีลขันธสมาจารสุทธิปฏิบัติ พุทธ บริษัทคารวสถาน วิจิตรปฏิภาณพัฒนคุณ อดุลธรรมวิสารสุนทร บวรธรรม บพิตร สมเด็จพระสังฆราช สืบต่อจาก สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี มหาเถร) สกลมหาสังฆปริณายกองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระสมณศักดิ์ ด ารงต าแหน่งหน้าที่ในคณะมหานิกาย พ.ศ. 2490 - เป็นกรรมการสภามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2494 - เป็นประธานกรรมการเจ้าคณะตรวจการภาค (ก.จ.ภ.) พ.ศ. 2500 - เป็นกรรมการอุปถัมภ์กิตติมศักดิ์ มหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย 27 มีนาคม พ.ศ. 2516 - ตั งสมัชชามหาคณิสสร และเป็นประธาน สมัชชามหาคณิสสร
การพระศาสนาต่างประเทศ ในด้านการพระศาสนาต่างประเทศนั น เจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ก็ทรง รับภาระปฏิบัติมาเป็นล าดับ เริ่มแต่ครั งทรงด ารงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมดิลก กล่าวคือ พ.ศ. 2497 ร่วมในคณะผู้แทนแห่งคณะสงฆ์ไทยไปร่วมในการประชุม ฉัฏฐสังคายนา ณ ประเทศพม่า และในปีเดียวกันเดินทางไปสังเกตการณ์ พระศาสนา ณ ประเทศกัมพูชา พ.ศ. 2499 ไปร่วมฉลองพุทธชยันตี (ฉลอง 25 พุทธศตวรรษ) ณ ประเทศศรีลังกา แล้วเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถาน ในประเทศอินเดีย และแวะสังเกตการณ์ พระศาสนา ณ ประเทศสิงคโปร์
วัดไทย ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย พ.ศ. 2502 ไปร่วมพิธีเปิดวัดไทย ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย พ.ศ. 2506 ไปเยือนวัดไทยในรัฐเคดาห์ ปินัง ประเทศมาเลเซีย และ ประเทศสิงคโปร์ พ.ศ. 2509 ไปเป็นประธานในพิธีผูกพัทธสีมาวัดไทยพุทธคยา ประเทศ อินเดีย จากนั นไปสังเกตการณ์พระศาสนา ณ ประเทศเนปาล พ.ศ. 2510 ไปเป็นประธานผูกพัทธสีมา วัดเชตวัน กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย พ.ศ. 2511 ไปเยือนวัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ ไปสังเกตการณ์ พระศาสนา ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ลักเซมเบอร์ก เยอรมันนี สวิสเซอร์แลนด์ และอิตาลี
เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา ปอลที่ 6 ณ นครรัฐวาติกัน เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2515 ขณะด ารงสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระวันรัต พ.ศ. 2515 เสด็จเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา ตามค าอาราธนาของ รัฐบาลสหรัฐอเมริกา และในโอกาสเดียวกัน ก็เสด็จเยือนส านักวาติกัน ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี เยือนวัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เยือนเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ และสเปน การก่อสร้างปฏิสังขรณ์ ตั งแต่ทรงด ารงต าแหน่งเจ้าอาวาส เป็นต้นมา การก่อสร้างปฏิสังขรณ์ ในพระอารามสิ นเงินประมาณ 20 ล้านบาท สร้างพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 ณ วัดสุวรรณภูมิ อ าเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
สร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 ณ อ าเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี สร้างตึกสันติวัน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยทุนส่วน พระองค์ และผู้ที่ถวายในคราวเสด็จเข้ารับการผ่าตัด เมื่อ พ.ศ. 2516 รวม เป็นเงิน 408,200 บาท และยังทรงบริจาคสมทบสร้างตึกศัลยกรรม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 50,000 บาท เครื่องท าความเย็นตึกกายภาพบ าบัด 50,000 บาท เป็นทุนค่าอาหาร 30,000 บาท ทุนตึกจงกลนีวัฒนวงศ์ 20,000 บาท สร้างโรงเรียนสมเด็จพระวันรัต ตลาดสามชุก อ าเภอสามชุก จังหวัด สุพรรณบุรี สร้างหอสมเด็จ วัดวิมลโภคาราม อ าเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับพระกรุณาโปรด ให้เป็นประธานสร้างโรงเรียนสงเคราะห์เด็กอนาถา วัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ จังหวัดสมุทรปราการ และวัดป่าไก่ จังหวัดราชบุรี
งานพระนิพนธ์ นอกจากทรงแต่งและเรียบเรียงพระธรรมเทศนาแล้ว โดยที่ทรงสนใจ ในการประพันธ์มาตั งแต่ยังทรงเป็นสามเณร โปรดการอ่านหนังสือ และ สะสมหนังสือต่างๆ ทั งเคยทรงเขียนบทความเกี่ยวกับวันส าคัญทาง พ ระพุท ธศ าสน าลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ ในพ ระน าม ว่ า “ป.ปุณฺณสิริ” ยังทรงนิพนธ์หนังสืออีก 20 กว่าเรื่อง ประเภทธรรมนิยาย ในพระนาม สันติวัน หรือ ศรีวัน ทรงนิพนธ์ อาทิ จดหมายสองพี่น้อง สันติวัน พรสวรรค์ หนี กรรมหนี เวร ไอ้ตี๋ ดงอารยะ เกียรติกานดา คุณนาย ชั นเอก ความจริงที่มองเห็น ความดีที่น่าสรรเสริญ อภินิหารอาจารย์แก้ว กรรมสมกรรม นอกจากนี ยังได้ทรงเขียนเป็นบทความต่างๆ อีกมาก
ประเภทวิชาการ เมื่อทรงเป็นเลขาธิการ ก.ส.พ. ได้ทรงรวบรวมระเบียบข้อบังคับคณะ สงฆ์พิมพ์เป็นเล่ม ชื่อ ประมวลอาณัติคณะสงฆ์ ประเภทสารคดี บันทึกการเสด็จไปยังที่ต่างๆ คือสู่เมืองอนัตตา พุทธชยันตี เดีย-ปาล สู่ ส านักวาติกันและนิกสัน และพระนิพนธ์เรื่องสุดท้าย คือ บ่อเกิดแห่งกุศลคือ โรงพยาบาล พระเกียรติคุณพิเศษ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) เจริญอยู่ในพรหมวิหารธรรม เป็นครุฐานียอภิปูชนียบุคคล เป็นที่รักที่เคารพ บูชาสักการะอย่างยิ่งแห่งปวงชนทั งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ได้รับยกย่องพระ เกียรติคุณเป็นอย่างสูง จึงมีพระนามเป็นพิเศษว่า “สมเด็จป๋า” พระเครื่อง และเหรียญพระรูป ที่สร้างขึ นในวาระต่าง ๆ หรือที่มีผู้มาขออนุญาตพิมพ์ เป็นที่ระลึกในงานกุศล ปรากฏว่าเป็นที่นิยมกันมาก ดังนี
สมเด็จแสน พระเครื่อง "สมเด็จแสน" พิมพ์พระองค์เองเป็นปฐมฤกษ์ มีจ านวน 170,000 องค์ แจกในงานบ าเพ็ญพระกุศลพระชันษา 72 ปี พระกริ่ง "สมเด็จฟ้าลั่น" และ "สมเด็จฟ้าแจ้ง" (ธรรมจารี) เททองหล่อ ในวันคล้ายวันประสูติ พ.ศ. 2515 - 2516 จ านวน 1,700 องค์
เหรียญทรงฉัตร เหรียญพระรูป"เหรียญทรงฉัตร" ทั งหมดพิมพ์ประมาณ 600,000 เหรียญ "เหรียญ 60" "เหรียญ 72" "สมเด็จรอบโลก" วัด ส่วนราชการ องค์การกุศล ที่โปรดอนุญาตให้พิมพ์เหรียญพระรูป เท่าที่รวบรวมได้ 55 แบบพิมพ์ จ านวนประมาณ 1,00,000 เหรียญ เหรียญพระรูปเหรียญสุดท้าย "สมเด็จเพิ่มบารมี" เป็นที่ระลึกในวัน ครบปีสถาปนา จ านวน 100,000 เหรียญ
การประชวร พ.ศ. 2492 ประชวรหนักเป็นโรคเกี่ยวกับล าไส้ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2499 ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ที่ประทับหลบรถ โดยสาร ตงลงไปค้างที่คลองข้างวัดศรีส าราญ ถนนเพชรเกษม บาดเจ็บ เล็กน้อย ประทับรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลสงฆ์ พ.ศ. 2502 เสด็จประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลสงฆ์โดยปกติ เมื่อประชวร พันโท หลวงนิตย์เวชชวิศิษฏ์ (นิตย์ เปาเวทย์) เป็นผู้ถวายการ รักษาเป็นประจ า
พ.ศ. 2510 แพทย์ตรวจพบว่าเป็นโรคเบาหวาน ได้รับการรักษาจาก พลต ารวจตรี นายแพทย์ปราโมทย์ ศรศรีวิชัย แห่งเทศบาลกรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทราบ จึงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ ให้ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ท่านผู้หญิงศรีจิตรา บุนนาค แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวาน แห่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ นายแพทย์สิโรตม์ บุนนาค เป็นแพทย์ถวายการรักษาพยาบาลประจ า พระองค์ ตั งแต่วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2510 และได้เสด็จไปประทับ ณ ตึก จงกลนี วัฒนวงศ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อรับการตรวจเป็นประจ า ทุก ๆ ปี เมื่อ พ.ศ. 2515 ก่อนเสด็จไปต่างประเทศ ก็ได้รับการตรวจพระ อาการทั่วไป
ตึกจงกลณี วัฒนวงศ์ ต้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2515 ได้เสด็จไปรับการตรวจพระอาการ เมื่อ ตรวจเอกซเรย์ ปรากฏว่าพระปัปผาสะ (ปอด) ข้างซ้ายผิดปกติ จึงต้องเสด็จ ไปประทับ ณ ตึกจงกลณี วัฒนวงศ์ เพื่อให้คณะแพทย์ตรวจพระอาการโดย ละเอียด คณะแพทย์พบว่า ปอดข้างซ้ายเป็นเนื องอก (มะเร็ง) จ าต้องรักษา โดยการผ่าตัดโดยด่วน เมื่อความได้ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้พระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะแพทย์ถวายการรักษาในทางที่เห็นว่าดีและ ปลอดภัยมากที่สุด คณะแพทย์ได้ถวายการผ่าตัดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2515 หลังจาก ถวายการผ่าตัดแล้ว พระอาการดีขึ นโดยล าดับ จนเสด็จกลับวัดได้ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศง 2515 คณะแพทย์ได้ถวายค าแนะน าให้ทรงพักรักษา พระองค์อีกสามเดือน ตลอดเวลาที่พักอยู่นั น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้จัด
บุรุษพยาบาลและเจ้าหน้าที่กายภาพบ าบัด มาเฝ้าปฏิบัติและถวายการรักษา เป็นประจ า จนเสด็จประชุมมหาเถรสมาคม และเสด็จไปกิจนิมนต์ได้ ครั นเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2516 มีพระอาการผิดปกติ แพทย์ประจ า พระองค์ได้มาถวายการตรวจและถวายยา วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2516 รู้สึก พระองค์ว่าความจ าเสื่อมผิดปกติไปมาก หลังจากที่เสด็จไปแสดงพระธรรม เทศนา ถึงกับรับสั่งว่า ต่อไปคงจะเทศน์ไม่ได้อีกแล้ว ความจ าไม่ดี แพทย์ ประจ าพระองค์ได้กราบทูลอาราธนาให้เสด็จไปประทับ ณ โรงพยาบาลเพื่อ ตรวจพระอาการก าหนดเสด็จไปวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2516 วันขึ น 15 ค่ า เดือน 10 หลังจากทรงท าอุโบสถสังฆกรรมแล้ว คณะแพทย์ได้ตรวจพระอาการ ปรากฏว่า โรคมะเร็งขึ นสมองด้านซ้าย จึงท าให้พระวรกายซีกขวาอ่อนแรง เคลื่อนไหวไม่ได้ ครั นเมื่อถวายการรักษา
ทางยา และฉายรังสีโคบอลท์พระอาการดีขึ นจนพระหัตถ์ข้างขวาเคลื่อนไหว ได้และทรงอักษรได้บ้าง วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ประชวรพระวาโย ต้องเชิญเสด็จประทับ ห้องฉุกเฉิน ตั งแต่นั นมา พระอาการก็มีแต่ทรงกับทรุด วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 มีพระโลหิตออกจากกระเพาะอาหาร คณะแพทย์ต้องถวายการ ผ่าตัด เมื่อเวลา 23.00 น. หลังจากนั น พระอาการดีขึ นเล็กน้อย วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 พระอาการน่าวิตก วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 เวลา 20.00 น. พระอาการทรุดหนักลง ต่อแต่นั นมาพระอาการมีแต่ ทรุดลงเป็นล าดับ และสิ นพระชนม์เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516 เวลา 22.25 น. โดยมีคณะแพทย์ พยาบาล และศาสตราจารย์ นายแพทย์อุดม โปษะกฤษณะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อม ด้วยพระเถรานุเถระ ศิษยานุศิษย์ เฝ้าพระอาการอยู่ตลอดเวลา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานพระ บรมราชานุเคราะห์ในการรักษาพยาบาลตลอดมา และมีคณะแพทย์กราบ บังคมทูลถวายรายงานการประชวรให้ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทุกระยะ ตั งแต่ยังสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระวันรัต ตราบจนกระทั่งสิ นพระชนม์
สิ นพระชนม์ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณฺณสิริ) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระ นางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช เสด็จพระราชด าเนินไปบ าเพ็ญพระราชกุศลออกเมรุพระศพ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณฺณสิริ) ณ หอประชุมสงฆ์ วัดพระเชตุ พนวิมลมังคลาราม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้มีแถลงการณ์แจ้งข่าวพระอาการตลอดมา ทุกระยะ แถลงการณ์ในการสิ นพระชนม์ มีดังนี
"สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณา ยก เสด็จเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั งแต่วันที่ 12 กันยายน 2516 ด้วยพระอาการเวียนพระเศียร ความจ าทรงเสื่อมลง พระ วรกายทางซีกขวาอ่อนเคลื่อนไหวไม่ได้ คณะแพทย์ลงความเห็นว่า พระ อาการทั่วไปทั งหมด เนื่องมาจากการที่พระองค์ทรงประชวรเป็นเนื องอกใน ปอดข้างซ้าย ซึ่งคณะแพทย์ได้ถวายการรักษาด้วยรังสีโคบอลท์ พระอาการดี ขึ นบ้าง ต่อมาวันที่ 14 ตุลาคม 2516 มีพระโรคแทรก คือ พระโลหิตออกจาก กระเพาะอาหาร คณะแพทย์ได้ถวายการผ่าตัดเพื่อระงับมิให้สูญเสียพระ โลหิตทางล าไส้อีก และถวายการผ่าตัดเพื่อมิให้มีพระอาการขึ นอีก นับตั งแต่ วันที่ 18 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมา พระอาการทางสมองมากขึ น จนครึ่งพระ วรกายซีกขวาเคลื่อนไหวไม่ได้ ทรงมีพระอาการไข้ขึ นสูงตลอดมา ปอดบวม มีพระอาการทั่วไปอ่อนเพลียลงตามล าดับ
นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.สุพรรณบุรี เป็นประธานในพิธีท าบุญ บ าเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน ถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระอริยวง ศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 (ปุ่น ปุณฺณสิริ) ในที่สุดสิ นพระชนม์ลงเมื่อวันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516 เวลา 22.25 น. ด้วยพระอาการอันสงบ คณะแพทย์ได้พยายามเยียวยาถวายการรักษาพระองค์อย่างสุด ความสามารถจนถึงสิ นพระชนม์ ในตอนกลางคืน วันสิ นพระชนม์ มีพระสงฆ์ เฝ้าเยี่ยมพระอาการประมาณ 300 รูป คฤหัสถ์ประมาณ 200 คน"
ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ หนึ่งในหนังสือที่ระลึกงานพระราชทาน เพลิงพระศพ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณ สิริ) ณ พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรด เกล้าฯ ให้จัดการพระศพตามโบราณราชประเพณีทุกประการ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2516 เวลา 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราช ด าเนินมาถวายน าสรงพระศพ ณ ตึกกวี เหวียนระวี แล้วทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระโกศประดิษฐานเหนือชั นแว่นฟ้าประกอบพระลอง
กุดั่นใหญ่ แวดล้อมด้วยเครื่องประดับพระเกียรติยศ ณ หอประชุมสงฆ์ วัด พระเชตุพน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระพิธีธรรมสวดพระ อภิธรรมทั งกลางวัน และกลางคืน รับพระราชทานฉันเช้าวันละ 8 รูป เพล วันละ 4 รูป ก าหนด 7 วัน ทั งได้เสด็จพระราชด าเนินมาทรงบ าเพ็ญพระราช กุศลทักษิณานุประทานถวาย เมื่อครบ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน พระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ก าหนดการพระราชกุศลออกพระเมรุ และ พระราชทานเพลิง วันที่ 22, 23 และ 24 เมษายน พ.ศ. 2517 ในการบ าเพ็ญกุศลถวายพระศพนี มหาเถรสมาคม คณะสงฆ์ ทั งใน กรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่าง ๆ ทั่วทุกภาค คณะรัฐบาล กระทรวง ทบวง กรม สมาคม พ่อค้า ประชาชน ศิษยานุศิษย์ คณะสงฆ์จีน คณะสงฆ์ ญวน สมาคมคาทอลิกแห่งประเทศไทย สมาคมศรีคุรุสิงห์สภา สมาคมฮินดู สมาช สมาคมฮินดูธรรมสภา และในต่างประเทศ ก็มีพระภิกษุสงฆ์พร้อม ด้วยพุทธบริษัทจากฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ได้โดยเสด็จพระราชกุศลมา จนถึงวันพระราชทานเพลิงพระศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชด ารัสถึงสมเด็จ พระสังฆราชพระองค์นี เมื่อ ศาสตราจารย์พิเศษ จ านงค์ ทองประเสริฐ ราช บัณฑิต เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทที่วัดเทพศิริน ทราวาส ในงาน พระราชทานเพลิงศพ พระธรรมวรนายก (สมบูรณ์) อดีตอธิการบดี มจร วันที่ 30 พ.ค. 2530 ตอนหนึ่งว่า สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น) เป็นสมเด็จ พระสังฆราชที่ทรงปรีชาญาณ เฉลียวฉลาด สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้เป็น อย่างดี เมื่อสมเด็จพระสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศ สิ นพระชนม์ มีผู้สนับสนุน
ให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช แต่ท่านซึ่งมีสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระวันรัต ปฏิเสธ บอกว่ายังไม่เหมาะสม ผู้เหมาะสมคือสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (จวน) วัด มกุฏกษัตริยาราม (จากหนังสือฟื้นอดีต พิมพ์ในงานท าบุญอายุ 7 รอบ ศ.พิเศษ จ านงค์ ทองประเสริฐ วันที่ 2 พ.ย. 2556) สมเด็จพระอริยวงศาคต ญาณ ทรงด ารงต าแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน องค์ที่ 11 เป็นเวลา 26 ปี 8 เดือน 30 วัน ทรงด ารงต าแหน่งสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 เป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน 18 วัน สิริพระชันษา 77 ปี พระเมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัด เทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2517 .........................................
แหล่งข้อมูลอ้างอิง โกวิท ตั งตรงจิตร. 19 สมเด็จพระสังฆราช กรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพ : สุวีริยาสาส์น, 2549. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ). สู่เมือง อนัตตา (พิมพ์ประกาศเกียรติคุณ วันอดีตเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน วิมลมังคลาราม). กรุงเทพมหานคร : สหธรรมิก, 2556. สุเชาว์ พลอยชุม, เรียบเรียง. พระเกียรติคุณสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุง รัตนโกสินทร์ : สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม. นครปฐม : โรงพิมพ์มหา มกุฏราชวิทยาลัย, 2541. https://th.wikipedia.org https://www.dharma-gateway.com https://www.posttoday.com http://www.dhammathai.org https://www.dailynews.co.th https://www.matichon.co.th ขอขอบคุณภาพและข้อความจากเว็บไซต์ต่างๆ