สง่ิ มชี ีวิตกบั ส่ิงแวดล้อม
วิทยน์ ่ารัก
CuTE SCIENCE
โครงสรา้ งและลกั ษณะของสง่ิ มชี ีวติ ในแหลง่ ท่ีอย่
มีโคนก้านพองออก ลอยนา้ ไดด้ ี
ภายในมีโพรงอากาศมาก ลาตน้ มีนา้ หนกั เบา
ขึ้นในน้า
โครงสร้างของพืชทเี่ หมาะสมต่อการดารงชีวติ ในแหล่งท่ีอย่
วิทย์นา่ รกั
โครงสรา้ งและลกั ษณะของสิ่งมชี ีวติ ในแหลง่ ที่อย่
มกี ารปรบั ตัวใหล้ อย ทาให้มนี วมสขี าวลกั ษณะ
อย่เหนอื ผิวนา้ คล้ายฟองน้าห้มุ เอาไว้
ขึน้ ในนา้
โครงสร้างของพชื ที่เหมาะสมตอ่ การดารงชวี ติ ในแหลง่ ท่ีอย่
วิทย์นา่ รกั
โครงสรา้ งและลกั ษณะของสง่ิ มชี วี ติ ในแหลง่ ที่อย่
จะปรับลกั ษณะใบให้เปน็ ปล่อยนา้ ย่อยออกมาย่อยแมลง
อวยั วะดกั จับสตั ว์ขนาดเล็ก เพือ่ รบั ธาตอุ าหารมาทดแทน
ธาตอุ าหารจากดนิ
โครงสร้างของพืชท่เี หมาะสมต่อการดารงชวี ติ ในแหล่งที่อย่
วทิ ย์นา่ รกั
โครงสรา้ งและลกั ษณะของสง่ิ มชี วี ิตในแหล่งท่ีอย่
จะปรับลกั ษณะใบให้เปน็ เหยอื่ แมลงจะใหไ้ นโตรเจน
อวัยวะดกั จับสตั ว์ขนาดเลก็ สาหรับการสร้างโปรตนี ซ่งึ หา
ไม่ไดใ้ นดนิ
โครงสร้างของพชื ที่เหมาะสมตอ่ การดารงชวี ติ ในแหล่งทอ่ี ย่
วทิ ย์นา่ รกั
โครงสร้างและลกั ษณะของสิ่งมชี ีวิตในแหลง่ ที่อย่
มลี าตน้ หนาเพือ่ กกั เกบ็ นา้ เปลี่ยนใบเปน็ หนาม
เพ่ือลดการคายนา้
มรี ากแผก่ ระจายไปไกล ผวิ ลาตน้ จะพบวา่ มลี ักษณะเป็นขผ้ี ้ึง
เพ่ือดดซมึ นา้ ไดม้ าก เคลอื บอย่ กเ็ พ่อื ช่วยลดการคายนา้
โครงสร้างของพืชท่เี หมาะสมต่อการดารงชีวติ ในแหล่งที่อย่
วทิ ย์นา่ รกั
โครงสร้างและลกั ษณะของสง่ิ มชี ีวิตในแหลง่ ท่ีอย่
มรี ากค้าจนุ ต้นเพอ่ื ป้องกันไมใ่ ห้ลาตน้ โคน่ ล้มไดง้ ่าย
เมอื่ มนี ้าทะเลซดั ชายฝงั หรือเมื่อน้าทะเลขึน้ -ลง
มีรากเพอ่ื การหายใจ ซงึ่ เป็นเสมอื นหลอดดดเพ่ือออกมารบั
ออกซเิ จน และยงั มรี บรเิ วณรอบลาตน้ เพ่อื รบั ออกซิเจนมากข้ึนด้วย
โครงสร้างของใบยงั หนาเพือ่ ทาให้สามารถเกบ็ กกั น้าไว้ได้มากขน้ึ
โครงสร้างของพชื ที่เหมาะสมต่อการดารงชีวติ ในแหลง่ ท่อี ย่
วทิ ย์นา่ รกั
โครงสร้างและลกั ษณะของส่ิงมชี ีวิตในแหล่งที่อย่
ข้ึนไดด้ ใี นดินเหนียวและ มีลาต้นเป็นโพรงอากาศ เพอ่ื ให้
มนี า้ ทว่ มขงั ตลอดเวลา ลาตน้ เบา และลอยน้าได้
โครงสร้างของพชื ทีเ่ หมาะสมตอ่ การดารงชวี ติ ในแหล่งทีอ่ ย่
วทิ ย์น่ารกั
โครงสร้างและลกั ษณะของสง่ิ มชี วี ิตในแหลง่ ที่อย่
เปน็ แมลงทอี่ าศยั อยบ่ นตน้ ไม้ ลาตัวมสี ีเขยี วหรอื มรี ปรา่ ง
และใบไม้ เหมือนใบไม้ทีเ่ กาะอย่
โครงสรา้ งของสตั วท์ เี่ หมาะสมตอ่ การดารงชวี ติ ในแหล่งทอี่ ย่
วทิ ย์นา่ รัก
โครงสรา้ งและลกั ษณะของสง่ิ มชี ีวิตในแหล่งท่ีอย่
เปน็ แมลงท่อี าศัยอยบ่ นตน้ ไม้ ลาตัวมสี ีนา้ ตาลหรอื มรี ปรา่ ง
และใบไม้ เหมือนก่ิงไม้ทเี่ กาะอย่
โครงสร้างของสตั วท์ เ่ี หมาะสมต่อการดารงชวี ติ ในแหล่งทอี่ ย่
วิทย์นา่ รกั
โครงสร้างและลกั ษณะของสิ่งมชี ีวิตในแหลง่ ที่อย่
เปล่ียนสีขนจากสีนา้ ตาล สรา้ งชน้ั ขนหนาเพ่ือให้ร่างกาย
เปน็ สีขาว อบอุ่นในฤดหนาว
โครงสร้างของสัตวท์ ่ีเหมาะสมตอ่ การดารงชีวิตในแหล่งทอี่ ย่
วิทย์น่ารกั
โครงสร้างและลกั ษณะของสิ่งมชี วี ิตในแหลง่ ท่ีอย่
มขี นหนาฟ อุ้งเท้าหนา มไี ขมนั สะสมอยใ่ ตช้ ั้นผิวหนงั มาก
ทาให้ทนทานต่อสภาพอากาศหนาวเย็น
โครงสร้างของสัตวท์ ีเ่ หมาะสมตอ่ การดารงชวี ิตในแหล่งท่ีอย่
วทิ ย์นา่ รกั
โครงสร้างและลกั ษณะของสิง่ มชี วี ติ ในแหล่งท่ีอย่
มีลายและสขี นคลา้ ยเปลือกไม้ เพอ่ื ซ่อนตัวเวลาออกลา่ เหยื่อ
โครงสร้างของสตั วท์ ีเ่ หมาะสมต่อการดารงชวี ิตในแหล่งทอ่ี ย่
วิทย์น่ารัก
โครงสรา้ งและลกั ษณะของสิง่ มชี ีวิตในแหลง่ ที่อย่
มขี นตายาว มขี ายาวสงและกีบเท้า
ทาให้ทรายเข้าตาไดย้ าก แบนไวเ้ ดินบนทราย
มีหนอกสะสมไขมนั มขี นเกรียนทาให้
ไว้สาหรับดงึ มาใชไ้ ด้ ระบายความรอ้ นไดด้ ี
โครงสร้างของสตั วท์ ี่เหมาะสมต่อการดารงชีวติ ในแหลง่ ทอ่ี ย่
วิทย์นา่ รกั
โครงสรา้ งและลกั ษณะของสิ่งมชี วี ติ ในแหลง่ ท่ีอย่
มตี าหนง่ึ ค่ต้ังอย่สว่ นบนสดุ ของหัวโปน สามารถเคลอ่ื นท่ีบนบกได้ โดยใชค้ รีบ
ออกมาเห็นได้ชดั ดวงตาสามารถกรอก อกท่แี ขง็ แรงไถลตวั ไปตามพ้นื เลนและ
ไปมาได้ จงึ ใช้มองเห็นได้ดีเมอื่ พ้นนา้
สามารถกระโดดได้ด้วย
สามารถใชช้ วี ติ อยบ่ นบกได้เปน็ เวลานานเน่ืองจากมีอวัยวะพิเศษอย่ขา้ งเหงือกที่
สามารถเก็บความชุม่ ชื้นจากน้าได้ และจะสดอากาศบนบกเข้าปาก เพอื่ นาออกซิเจน
เขา้ ไปผสมกบั น้าเพ่ือหายใจผา่ นเหงือกเหมือนปลาท่ัวไป
โครงสร้างของสตั วท์ ่ีเหมาะสมต่อการดารงชวี ิตในแหลง่ ที่อย่
วิทย์น่ารกั
โครงสรา้ งและลกั ษณะของสง่ิ มชี วี ติ ในแหล่งท่ีอย่
เปน็ สัตว์ทอ่ี าศยั อย่ในนา้ มีทัง้ ปลาน้าจดื และปลานา้ เค็ม
มีรปรา่ งเรยี วยาว ลาตัวแบน เพอื่ ใหเ้ หมาะสม
กบั การเคลื่อนทใี่ นน้า
ครีบและกลา้ มเน้อื ลาตวั เพือ่ เคลอื่ นท่ีในน้า
โครงสร้างของสัตวท์ ีเ่ หมาะสมตอ่ การดารงชวี ติ ในแหลง่ ที่อย่
วทิ ย์นา่ รัก
ความสมั พนั ธใ์ นสง่ิ แวดลอ้ ม วิทย์นา่ รกั
ความสมั พนั ธใ์ นสง่ิ แวดลอ้ ม วิทย์นา่ รกั
ความสมั พนั ธใ์ นสง่ิ แวดลอ้ ม วิทย์นา่ รกั
ความสมั พนั ธใ์ นสง่ิ แวดลอ้ ม วิทย์นา่ รกั
ความสมั พนั ธใ์ นสง่ิ แวดลอ้ ม วิทย์นา่ รกั
ความสมั พนั ธใ์ นสง่ิ แวดลอ้ ม วิทย์นา่ รกั
ความสมั พนั ธใ์ นสง่ิ แวดลอ้ ม วิทย์นา่ รกั
ความสมั พนั ธใ์ นสง่ิ แวดลอ้ ม วิทย์นา่ รกั
ความสมั พนั ธใ์ นสง่ิ แวดลอ้ ม วิทย์นา่ รกั
ความสมั พนั ธใ์ นสง่ิ แวดลอ้ ม วิทย์นา่ รกั
ความสมั พนั ธใ์ นสง่ิ แวดลอ้ ม วิทย์นา่ รกั
ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งส่งิ มชี ีวติ กบั ส่งิ ไมม่ ชี วี ติ
ในการดารงชวี ติ ของส่งิ มชี ีวติ จาเป็นต้องอาศัยสง่ิ แวดล้อมต่างๆ ทเ่ี ป็นส่ิงไมม่ ชี ีวิตเพื่อการดารงชวี ติ เช่น
1. แสง เป็นปัจจัยสาคญั ในการสร้างอาหารของพืช
วิทย์น่ารกั
ความสัมพนั ธ์ระหว่างสงิ่ มชี วี ิตกบั สิง่ ไมม่ ชี วี ติ
ในการดารงชวี ติ ของสิง่ มชี วี ิตจาเป็นตอ้ งอาศยั สงิ่ แวดล้อมต่างๆ ท่เี ป็นสิ่งไมม่ ชี ีวติ เพื่อการดารงชีวิต เชน่
2. อากาศ เป็นปัจจัยสาคญั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การดารงชีวติ ของสิ่งมีชวี ิต
เชน่ สง่ิ มชี วี ติ ใชแ้ ก๊สออกซิเจนในการหายใจ
วทิ ย์นา่ รัก
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมชี วี ติ กบั สิง่ ไมม่ ีชวี ติ
ในการดารงชวี ติ ของส่ิงมชี วี ิตจาเปน็ ต้องอาศัยสงิ่ แวดลอ้ มต่างๆ ท่ีเปน็ ส่งิ ไมม่ ชี ีวติ เพอ่ื การดารงชีวติ เชน่
3. อณุ หภมิ เปน็ ปจั จยั สาคญั ในการดารงชวี ิตของสง่ิ มชี วี ติ และมีผลตอ่ โครงสรา้ งหรอื
ลกั ษณะของส่ิงมีชวี ิต เช่น หมขี ั้วโลก ปรับตวั ให้เหมาะสมกับแหล่งท่ีอย่
วทิ ย์นา่ รกั
ความสัมพนั ธ์ระหว่างสิ่งมชี วี ติ กบั สิ่งไมม่ ีชวี ติ
ในการดารงชีวติ ของสง่ิ มีชวี ิตจาเป็นต้องอาศัยสง่ิ แวดลอ้ มตา่ งๆ ทเี่ ป็นสง่ิ ไม่มชี ีวิตเพื่อการดารงชวี ติ เช่น
4. นา้ เป็นปจั จัยสาคญั ในการดารงชีวติ ของส่งิ มชี ีวิต เป็นแหลง่ ท่อี ย่อาศยั
เปน็ แหลง่ อาหารใหก้ ับสง่ิ มีชวี ิตต่าง ๆ
วิทย์นา่ รกั
ความสมั พันธร์ ะหวา่ งส่งิ มชี วี ติ กบั ส่ิงไมม่ ชี วี ติ
ในการดารงชวี ติ ของส่ิงมชี ีวิตจาเป็นต้องอาศัยสง่ิ แวดล้อมตา่ งๆ ท่เี ป็นส่งิ ไม่มีชีวติ เพื่อการดารงชีวิต เช่น
5. ดินและแรธ่ าตุ เป็นปจั จัยสาคัญท่ีช่วยในการเจริญเตบิ โตของพชื เพราะเป็นแหล่งแรธ่ าตุที่สาคัญของพชื
เป็นแหล่งทอ่ี ยอ่ าศยั และแหลง่ อาหารของสัตวบ์ างชนดิ เช่น มด
วิทย์น่ารกั
สิ่งมีชวี ิตชนิดตา่ งกันทมี่ าอยร่ วมกัน จะมี
ความสมั พนั ธใ์ นรปแบบใดรปแบบหนึง่
โลก ระบบนเิ วศ กลมุ่ สงิ่ มชี วี ติ ประชากร ส่งิ มีชีวติ
(Biosphere) (Ecosystem) (Community) (Population) (Organism)
โลกเป็นระบบนเิ วศทม่ี ี หน่วยความสมั พันธร์ ะหว่าง สง่ิ มชี วี ติ หลายชนดิ มา สง่ิ มีชวี ติ ชนิดเดยี วกนั มา ส่งิ มชี วี ติ ตอ้ งการอาหาร
ขนาดใหญ่ทส่ี ดุ สิง่ มีชวี ติ กบั สงิ่ แวดล้อม อาศยั อยใ่ นแหลง่ ทอี่ ย่ อาศยั อยร่ ว่ มกนั ในบรเิ วณ นา้ และปจั จยั ทางกายภาพ
ทง้ั ที่เปน็ สง่ิ มชี วี ติ และ เดียวกนั และชว่ งเวลาเดยี วกัน
ประกอบดว้ ยสงิ่ มชี วี ติ และ ส่ิงไมม่ ชี วี ติ เดยี วกนั และมี ในการดารงชวี ติ
สงิ่ ไมม่ ชี วี ติ ความสมั พนั ธก์ นั
วิทย์น่ารัก
ระบบนเิ วศ
คือ กลมุ่ ส่ิงมชี วี ติ ทีอ่ าศัยอยใ่ นบริเวณเดียวกนั และมีความสมั พนั ธ์กันและสัมพันธ์
กับสง่ิ ไมม่ ีชีวติ ในสิ่งแวดล้อมน้นั ๆ อย่างเป็นระบบ
ของระบบนิเวศ
องคป์ ระกอบท่ีมีชีวติ องค์ประกอบท่ีไม่มชี วี ิต
วทิ ย์นา่ รกั
องคป์ ระกอบที่มชี ีวติ “ผ้บริโภค” “ผย้ อ่ ยสลายสารอินทรยี ์”
“ผ้ผลิต” ผ้บริโภคพืช เช่น กระตา่ ย รา แบคทเี รีย
พชื ผ้บรโิ ภคสตั ว์ เช่น เสือ วิทย์นา่ รกั
ผ้บริโภคท้งั พืชและสตั ว์
เชน่ มนษุ ย์
ผ้บรโิ ภคซากสตั ว์ เชน่ แรง้
องคป์ ระกอบที่ไมม่ ชี ีวิต
”อนนิ ทรียสาร” “อินทรยี สาร” “สภาพแวดล้อมทางกายภาพ”
Sunlight - แร่ธาตุ เชน่ N, P, K - ซากพืชซากสัตว์ - แสงสวา่ ง - อุณหภมิ
- แกส๊ ต่าง ๆ เช่น CO2, O2, N2 - ความเป็นกรด-เบส - ความชืน้
- ความเคม็ - กระแสลม
- นา้ N2
Co2 K o2
H2o
N H2o
P
วิทย์น่ารกั
การถ่ายทอดพลังงานในระบบนเิ วศ
เมื่อสัตว์กินพืช และสัตว์กินสัตว์ต่อไปอีกทอดหนึ่ง พลังงานจากผ้ผลิตจะถ่ายทอดไปยังผ้บริโภค
ผ่านการกินของสิ่งมีชีวิตเรียกความสัมพันธ์นี้ว่า โซ่อาหาร (food chain) ธรรมชาติสิ่งมีชีวิตไม่ได้กินสัตว์
เพียงชนิดเดียว แต่อาจกินมากกว่า 1 ชนิด จึงทาให้เกิดโซ่อาหารหลายโซ่ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
เรยี กความสัมพันธ์นีว้ ่า สายใยอาหาร (food web)
พชื เปน็ ผผ้ ลิตที่สามารถสร้างอาหาร
เองได้ด้วยการสังเคราะห์ด้วยแสง
โดยเปลีย่ นพลังงานแสงให้เปน็
พลงั งานเคมี
วิทย์นา่ รัก
การเขยี นแผนภาพหว่ งโซอ่ าหาร เร่ิมจากผผ้ ลิตอยข่ า้ งหนา้ และผ้บรโิ ภคอยข่ า้ งหลงั ตอ่ กันไป โดยเริ่มจาก
ผ้บริโภคลาดับที่ 1 และตอ่ ไปเรือ่ ย ๆ จนถึงผ้บริโภคลาดับสดุ ทา้ ย ซึ่งจะเขยี นลกศร
แทนการถา่ ยทอดพลงั งาน โดยให้หวั ลกศรชี้ไปทางผบ้ รโิ ภคเสมอ
ผ้ผลิต ผ้บริโภค ผ้บริโภค ผ้บริโภค
ลาดบั ที่ 1 ลาดบั ท่ี 2 ลาดบั ท่ี 3
(สุดทา้ ย)
วทิ ย์นา่ รัก
โซ่อาหาร คอื ความสัมพนั ธ์ของกล่มุ สง่ิ มชี ีวิตทมี่ กี ารกนิ ตอ่ กนั เปน็ ทอด ๆ จากผผ้ ลติ ส่ผบ้ รโิ ภคทาให้
มกี ารถา่ ยทอดพลังงานในอาหารต่อเนือ่ งกนั เป็นลาดบั จากการกินต่อกัน
ตัวอยา่ ง โซอ่ าหาร
แคร์รอต กระตา่ ย สุนขั จงิ้ จอก สงิ โต
(ผ้ผลติ ) (ผ้บรโิ ภคลาดบั ท่ี 1) (ผบ้ รโิ ภคลาดบั ที่ 2) (ผ้บรโิ ภคลาดบั สดุ ทา้ ย)
ผ้ผลติ คือ สิ่งมีชีวติ ทสี่ ร้างอาหารไดเ้ อง ผ้บรโิ ภค คือ สิง่ มชี ีวติ ท่ีสร้างอาหารเองไม่ได้
จงึ ต้องกนิ สง่ิ มีชวี ิตอ่นื เป็นอาหาร
วทิ ย์นา่ รกั
ตัวอยา่ ง โซอ่ าหาร
ข้าวโพด ตกั๊ แตน กบ ง เหยยี่ ว
(ผ้ผลติ ) (ผบ้ รโิ ภคลาดบั ท่ี 3) (ผ้บรโิ ภคลาดบั สดุ ทา้ ย)
(ผบ้ รโิ ภคลาดบั ท่ี 1) (ผบ้ รโิ ภคลาดบั ท่ี 2)
วทิ ยน์ ่ารกั
ตัวพลงั งานที่ไดร้ บั จากผ้ผลติ ทุก ๆ 100 ส่วน จะมเี พียง 10 สว่ นเทา่ น้ันที่ผ้บริโภคนาไปใช้ในการดารงชวี ิต
และการเจริญเติบโต และพลังงานในผ้บริโภคแตล่ ะลาดับทุก 100 ส่วน กจ็ ะถกนาไปใชแ้ ค่ 10 สว่ นเชน่ กนั
เรียกว่า
“กฎ 10 เปอรเ์ ซน็ ”
วิทยน์ า่ รัก
พลังงาน (J) 100 10 1 0.1
สารเคมี (ppm) 0.1 1 10 100
--สารเคมีสะสมสงสดุ ใน ผบ้ รโิ ภคอันดบั สุดทา้ ย--
วิทย์นา่ รกั
การสะสมสารพษิ ในโซอ่ าหาร มาก นอ้ ย
ผบ้ ริโภคลาดบั ท่ี 4 น้อย มาก
ผบ้ ริโภคลาดบั ท่ี 3 ปรมิ าณสารพษิ ปริมาณพลงั งาน
ผ้บรโิ ภคลาดบั ท่ี 2 วทิ ยน์ า่ รกั
ผ้บริโภคลาดับท่ี 1
ผ้ผลติ
โซ่อาหารท่มี ีความซบั ซอ้ นมากขึ้น
ความสัมพนั ธ์ของสิง่ มีชีวิตในบริเวณเดียวกัน
ที่มีการถ่ายทอดพลังงานผ่านการกินต่อกัน
เปน็ ทอด ๆ เช่น
หญ้า = ผ้ผลิต
ตก๊ั แตน = ผบ้ ริโภคลาดับท่ี 1
กบ = ผบ้ รโิ ภคลาดบั ท่ี 2
ง = ผ้บริโภคลาดับที่ 3
เหยยี่ ว = ผ้บริโภคลาดบั ที่ 4
โดยปริมาณพลงั งานท่ีถกถ่ายทอดจะ
ลดลงไปทลี ะข้นั ตามลาดบั ของผบ้ ริโภค
ทส่ี งข้ึน
วิทยน์ า่ รัก
หว่ งโซอ่ าหารมีท้งั หมดกี่หว่ งโซ่?
“4 หว่ งโซ”่
วทิ ยน์ ่ารัก
หว่ งโซ่อาหารมีท้ังหมดกี่หว่ งโซ่?
“4 หว่ งโซ”่
1. ข้าวโพด ตก๊ั แตน กบ ง เหยี่ยว
2. ขา้ วโพด แมลง กบ ง เหย่ยี ว
3. ข้าวโพด
4. ขา้ วโพด ไก่ ง เหยย่ี ว
วัว สิงโต
วทิ ยน์ ่ารัก
มนุษย์และสิ่งมีชวี ติ ต่าง ๆ สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติต่างๆเพอ่ื การดารงชีวติ หากเราใช้
ทรัพยากรธรรมชาตโิ ดยไมร่ ะวงั อาจเกดิ ผลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อมและการดารงชีวิตของสิง่ มชี วี ิตต่างๆได้
เนื่องจากทรพั ยากรธรรมชาติบางประเภทเช่น ปา่ ไม้ หมุนเวยี นกลับมาใชใ้ หมไ่ ด้อกี แต่ตอ้ งใชร้ ะยะเวลานาน
ดังน้นั เราจึงตอ้ งชว่ ยกันรกั ษาทรพั ยากรและสิ่งแวดล้อม
ตวั อยา่ ง การทาลายทรัพยากรและสงิ่ แวดลอ้ ม
ทงิ้ ขยะในแหล่งนา้ โรงงานปล่อยควันพษิ
วิทย์นา่ รกั
ตวั อย่าง การรกั ษาทรพั ยากรและสง่ิ แวดล้อม
ปลกต้นไม้ ช่วยกนั รณรงคใ์ ห้รกั ษาส่งิ แวดล้อม
วิทย์นา่ รัก
วทิ ย์น่ารกั
CuTE SCIENCE