แหล่งน้ำบนโลก
วทิ ยน์ ำ่ รัก
CuTE SCIENCE
น้ำเป็นทรัพยำกรธรรมชำติที่มีควำมจำเป็นต่อกำรดำรงชีวิต
ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั้งในด้ำนบริโภคและอุปโภค น้ำบนโลกปกคลุม
พื้นที่ 3 ใน 4 ส่วนของผิวโลกทั้งหมด เรำสำมำรถพบในน ้ำได้
ในทกุ หนทกุ แหง่ บนโลก
วทิ ยน์ ำ่ รัก
พื้นดิน 1 สว่ น
พ้ืนนำ้ 3 ส่วน
บนโลกมีน้ำ
3 ใน 4 ส่วนของพ้นื ผวิ โลก
วทิ ยน์ ่ำรกั
ถ้ำสมมตใิ ห้นำ้ ท้ังหมดบนโลกเปน็ ร้อยละ 100 สำมำรถแบ่งเปน็
นำ้ เค็ม ประมำณรอ้ ยละ 97.5 ซ่งึ อย่ใู นทะเลและมหำสมุทร
น้ำจืด ประมำณร้อยละ 2.5 ซึ่งเป็นน้ำในแม่น้ำ ทะเลสำบ น้ำใต้ดิน
นำ้ แข็งข้วั โลก เปน็ ตน้
วทิ ยน์ ำ่ รัก
นำ้ จืด 2.5 ส่วน
น้ำเคม็ 97.5 สว่ น
วทิ ยน์ ำ่ รัก
นำ้ จืด เกดิ จำกไอนำ้ ในบรรยำกำศควบแนน่ กลำยเปน็ เมฆตกลงมำเปน็ ฝน
แลว้ สะสมอยูบ่ ริเวณผิวดนิ และไหลลงมำขงั ในบรเิ วณท่ตี ่ำกลำยเปน็ แอ่งนำ้
อ่ำงเกบ็ น้ำหรอื เขื่อน ทะเลสำบ แมน่ ำ้
วทิ ยน์ ่ำรัก
เรำสำมำรถเรียงลำดับปริมำณนำ้ จดื จำกมำกไปน้อยได้ ดังนี้
1. ธำรน้ำแข็งและพดื น้ำแขง็ 4.ทะเลสำบ 7.บึง
2. น้ำใต้ดนิ 5.ควำมชื้นในดนิ 8.แมน่ ำ้
3.ช้นั ดนิ เยอื กแขง็ คงตัวและน้ำแข็งใตด้ นิ 6.ควำมชน้ื ในบรรยำกำศ 9.น้ำในสิ่งมชี วี ิต
วทิ ยน์ ่ำรกั
นำ้ เคม็ เกิดจำกเกลอื และแรธ่ ำตุที่เกดิ จำกกำรผุพังทลำยลงของหนิ เชน่ เกลือหิน ยิปซมั
ถกู พัดพำมำและไหลรวมกัน เปน็ น้ำทีม่ ีควำมเคม็ มำกกว่ำร้อยละ 30 เรยี กวำ่ น้ำทะเล
ทะเล มหำสมทุ ร วทิ ยน์ ่ำรกั
โลกมที งั้ นำ้ จืดและน้ำเค็มซ่ึงอยูใ่ นแหล่งน้ำตำ่ ง ๆ ที่มที ้ัง
แหล่งน้ำผิวดนิ เช่น ทะเล มหำสมทุ ร บงึ แม่น้ำ และ
แหลง่ น้ำใต้ดิน เชน่ น้ำในดิน และนำ้ บำดำล
วทิ ยน์ ำ่ รัก
น้ำผิวดิน คือ แหล่งน้ำที่เกิดขึ้นเองตำมธรรมชำติเป็นส่วนมำก
น้ำผิวดินเกิดจำกฝนที่ตกลงมำแล้วดินนั้นไม่สำมำรถดูดซับน้ำฝน
เหล่ำนั้นเอำไว้ได้หมด ตัวอย่ำงแหล่งน้ำผิวดิน เช่น ทะเล มหำสมุทร
บึง แมน่ ้ำ คลอง ลำธำร เปน็ ตน้
วทิ ยน์ ำ่ รัก
แมน่ ้ำ ทะเล บึง
วทิ ยน์ ำ่ รกั
นำ้ ตก ลำธำร คลอง
วทิ ยน์ ำ่ รกั
น้ำผิวดินตำมธรรมชำติ เช่น น้ำคลอง แม่น้ำ ทะเล บึง ฯลฯ
เปน็ แหลง่ น้ำทเ่ี กดิ ขึน้ เองตำมธรรมชำติ
น้ำผิวดินที่มนุษย์สร้ำงขึ้น เช่น เขื่อน ฝำยน้ำ อ่ำงเก็บน้ำ
เป็นแหล่งน้ำทม่ี นษุ ยไ์ ดท้ ำกำรขดุ เจำะ เพื่อใหไ้ ดแ้ หลง่ นำ้ ผิวดนิ ประเภทนี้มำ
วทิ ยน์ ำ่ รัก
แหลง่ น้ำผวิ ดนิ
ถอื วำ่ เปน็ แหลง่ นำ้ ทีอ่ ยบู่ นพ้นื โลกในปรมิ ำณท่ีเยอะมำก ๆ
วทิ ยน์ ำ่ รกั
น้ำใต้ดิน เป็นน้ำที่ค่อย ๆ ซึมลงไปในดินอย่ำงช้ำ ๆ ผ่ำนช่องโหว่
ในดนิ หรือรอยแตกในดินและรพู รุนในดิน น้ำเช่นนี้บำงทีก็ลงไปลึกจำกผิวดิน
ไดห้ ลำยร้อยเมตร น้ำใตด้ นิ จะลงไปขังอยู่ตำมแนวหนิ
วทิ ยน์ ำ่ รกั
แหลง่ น้ำใตด้ ิน
วทิ ยน์ ำ่ รกั
นำ้ ตก ลำธำร
วทิ ยน์ ่ำรกั
แหลง่ น้ำมคี วำมสำคัญกับมนุษย์ เช่น นำมำใชใ้ นกำรบริโภคและอปุ โภค
ใช้สำหรับกำรคมนำคมขนส่ง เป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์น้ำ ซึ่งมนุษย์นำมำเป็น
อำหำร เป็นแหล่งทอ่ งเท่ยี ว เปน็ ต้น
วทิ ยน์ ำ่ รกั
วทิ ยน์ ำ่ รกั
น้ำจะมีกำรหมุนเวียนของน้ำอยู่ตลอดเวลำ เกิดจำกกำรเปลี่ยนสถำนะ
ของน้ำทำใหเ้ กิดเปน็ วัฏจักรนำ้ โดยมีข้ันตอน ดงั น้ี
วทิ ยน์ ่ำรกั
เมื่อน้ำจำกแหล่งน้ำต่ำง ๆ เช่น มหำสมุทร ทะเล
แมน่ ำ้ ได้รับควำมรอ้ นจำกดวงอำทิตย์
วทิ ยน์ ำ่ รกั
น้ำละเหยกลำยเป็นไอน้ำขึ้นลอยไปในอำกำศ
กระทบกับควำมเย็นในอำกำศจะควบแน่นกลำยเป็น
ร่องน้ำเลก็ ๆ รวมตวั กันเปน็ ก้อนเมฆ
วทิ ยน์ ่ำรกั
ก้อนเมฆมีจำนวนมำกขึ้นจนอำกำศไม่สำมำรถรับ
นำ้ หนกั ไดจ้ ะตกลงมำเป็นฝน
วทิ ยน์ ่ำรกั
ฝนบำงส่วนจะละเหยกลับสู่บรรยำกำศ
บำงส่วนไหลลงสู่แหล่งน ้ำตำมธรรมชำติหรือ
ซึมลงใต้ดิน บำงส่วนมนุษย์ สัตว์ หรือพืชนำน้ำไป
ใช้ในกำรบรโิ ภคและอปุ โภค
วทิ ยน์ ่ำรัก
จำกนั้น น้ำจำกแหล่งต่ำง ๆ ก็จะละเหยกลำยเป็น
ไอน้ำขึ้นไปในอำกำศและตกลงมำเป็นฝนหมุนเวียน
กันอยู่เช่นนี้ไม่สิ้นสุดปรำกฏกำรณ์ดังกล่ำวนี้ เรียกว่ำ
วฏั จักรน้ำ
วทิ ยน์ ่ำรกั
3. เมอื่ ละอองน้ำในเมฆมีจำนวนมำกข้ึน
จนอำกำศไมส่ ำมำรถรบั น้ำหนัก
ไมส่ ำมำรถพยุงไวไ้ ด้จะตกลงมำเปน็ ฝน
4. น้ำฝนไหลกลับสู่แหล่งน้ำตำ่ ง ๆ 2. ไอน้ำควบแน่นเป็นละอองนำ้ เลก็ ๆ 1. นำ้ ในแหล่งน้ำได้รับควำมร้อน
หรอื ซมึ ลงใตด้ ิน และรวมตัวเป็นเมฆ จำกแสงอำทติ ย์
แล้วระเหยเป็นไอน้ำลอยขน้ึ ไปในอำกำศ
วทิ ยน์ ำ่ รกั
ควำมรอ้ น
เมอ่ื นำ้ ไดร้ ับควำมรอ้ นจำกแสงอำทิตย์ จะเปล่ียนสถำนะเป็นไอกระทบกับควำม
เยน็ และเกดิ กำรคำยควำมร้อน แล้วเปลี่ยนเปน็ สถำนะของเหลว คอื น้ำ
วทิ ยน์ ำ่ รัก
ลม
ถ้ำในแหล่งน้ำระเหยกลำยเป็นไอน้ำลอยขึ้นไปในอำกำศ ก็จะทำให้ไอน้ำ
มจี ำนวนมำก และเม่อื มลี มพัดไอนำ้ ไปยังบริเวณอนื่ นำ้ ในแหลง่ น้ำก็จะละเหยไดม้ ำกข้นึ
วทิ ยน์ ่ำรกั
ปำ่ ไม้
บริเวณป่ำไม้จะมีกำรสะสมน้ำในปริมำณมำก เพรำะต้นไม้จะช่วยชะลอกำรไหล
ของน้ำฝน ทำให้พื้นดินดูดซับน้ำได้ดี จึงมีปริมำณน้ำในดินมำก เกิดเป็นแหล่งน้ำ
ต้นลำธำร
วทิ ยน์ ำ่ รัก
ใชส้ ำหรับกำรอปุ โภคและบรโิ ภค
วทิ ยน์ ำ่ รกั
ใช้เพำะปลกู พชื และเลย้ี งสตั ว์
วทิ ยน์ ำ่ รกั
ใชเ้ ปน็ แหลง่ ทอ่ี ยอู่ ำศยั ของปลำและสตั วน์ ้ำอน่ื ๆ
วทิ ยน์ ำ่ รกั
ใช้ในด้ำนอตุ สำหกรรมตำ่ ง ๆ ทั่วไปของมนษุ ย์
วทิ ยน์ ำ่ รกั
น้ำจืด บนโลกที่มนุษย์สำมำรถนำมำใช้ ตัวอย่ำง กำรใชน้ ำ้ อยำ่ งประหยดั และคุ้มคำ่
ใชฝ้ กั บวั อำบน้ำแทนกำรใชข้ นั ตกั น้ำ
ได้นั้น มีปริมำณน้อยมำก ซึ่งสิ่งมีชีวิตต่ำง ๆ
ล้วนต้องใช้น ้ำในกำรด ำรงชีวิตทั้งสิ้น
ดังนั้น เรำจึงควรใช้น้ำอย่ำงประหยัด คุ้มค่ำ
และร่วมกนั อนุรักษน์ ำ้
วทิ ยน์ ่ำรกั
ตวั อยำ่ ง กำรใช้น้ำอยำ่ งประหยดั และคุ้มค่ำ ตัวอยำ่ ง กำรใชน้ ้ำอยำ่ งประหยดั และคุ้มค่ำ
ใช้แก้วรองนำ้ ขณะแปรงฟนั รวบรวมผ้ำให้มำกพอตอ่ กำรซักแตล่ ะคร้ัง
วทิ ยน์ ำ่ รกั
ตัวอยำ่ ง กำรใชน้ ำ้ อยำ่ งประหยดั และคุ้มคำ่ ตัวอยำ่ ง กำรใช้นำ้ อยำ่ งประหยดั และคุ้มคำ่
ปดิ กอ๊ กนำ้ ให้สนิทหลงั ใช้งำน นำน้ำสดุ ท้ำยทใ่ี ชซ้ กั ผำ้ มำรดต้นไม้
วทิ ยน์ ำ่ รกั