The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปูทูลกระหม่อม ป่าดูนลำพัน อำเภอนาเชือก
จังหวัดมหาสารคาม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาย อิศรา วิชาชัย, 2023-01-31 03:59:18

ปูทูลกระหม่อม

ปูทูลกระหม่อม ป่าดูนลำพัน อำเภอนาเชือก
จังหวัดมหาสารคาม

ปูทูลกระหม่อม ห้องสมุดประชาชนและศูนย ์ICT อ าเภอนาเชือก เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดูนล าพัน ต าบลนาเชือก อ าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม


ข้อมูลสถานที่ ป่าดูนล าพันเป็นป่าพรุน้ าจืดที่มีตาน้ าผุดขึ้นมากลางป่า การผุดของตาน้ าเป็นที่มาของค าว่า "ดูน" ในภาษาอีสาน และในหนองน้ านั้นก็เต็มไปด้วยต้นธูปฤาษี ซึ่งภาษาอีสานเรียกว่า "ต้นล าพัน" เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า เช่น ปูทูลกระหม่อม กระรอกขาว นก แลน และอุดมไปด้วย พืชสมุนไพร เช่น เถาพันซ้าย กวาวเครือ องุ่นป่า ว่านแผ่นดินเย็นฯ ในป่านี้มีเส้นทางเดินป่าศึกษา ธรรมชาติที่สร้างด้วยคอนกรีตยาว 2 กิโลเมตร ท าให้นักท่องเที่ยวเดินเที่ยวชมได้อย่างสะดวก ปู ทูลกระหม่อมเป็นสัตว์เฉพาะถิ่น สีสันสวยงาม มีสีส้มหรือสีม่วงเปลือกมังคุด ก้ามใหญ่ปูพันธุ์นี้มีที่นี่ที่ เดียวในโลก จัดว่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองล าดับที่ 14 ชื่อ "ปูทูลกระหม่อม" ได้รับพระราชธาน ชื่อจาก "สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี" ถือได้ว่าป่าดูนล าพันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ที่สุดของจังหวัดมหาสารคาม


ประวัติ "ได้มีการค้นพบปูน้ าจืดซึ่งมีสีสันสวยงามชนิดใหม่ของโลกในปี พ.ศ. 2536 ในพื้นที่ป่าดูน ล าพัน ต าบลนาเชือก อ าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม ภายหลังได้ขอพระราชทานชื่อว่า ""ปูทูลกระหม่อม"" ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งเดียวที่พบปูชนิดนี้ ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ผืนป่าดูนล าพัน แห่งนี้ ตลอดจนทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่ารวมทั้งเพื่อเป็นการป้องกันภัยคุกคามและปัญหาการบุก รุกพื้นที่และระบบนิเวศ ซึ่งจะส่งผลให้ปูทูลกระหม่อมสูญพันธุ์ได้ ทางจังหวัดมหาสารคามและ กระทรวงวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมจึงร่วมกัน พิจารณาประกาศให้พื้นที่ป่าดูนล าพัน เป็นพื้นที่ คุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยออกเป็นประกาศกระทรวงฉบับที่ 7 เมื่อปี พ.ศ.2539 ตามพระราชบัญญัติ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535"


ป่าดูนล าพัน มีเนื้อที่ทั้งหมด ประมาณ 311 ไร่ แตกต่างจากป่าทั่วไป คือ เป็นป่าน้ าซับ หรือป่าพรุน้ าจืด กล่าวคือ มีน้ าผุดขึ้นมาจากใต้ดินตลอดปี ดูน เป็นภาษาท้องถิ่น หมายถึง การดันของน้ าใต้ดิน ล าพัน คือ พืชตระกูลหญ้า คล้ายต้นกก บางท้องที่ เรียกว่า ธูปฤๅษี ซึ่งมีมากในป่าดูนล าพัน โดยเฉพาะ บริเวณที่มีน้ าขัง ป่าดูนล าพัน


สถานที่ตั้งและอาณาเขต เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดูนล าพัน ตั้งอยู่ในท้องที่ ต าบลนาเชือก อ าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม ระหว่างเส้นละติจูดที่ 103 องศา 01 ลิปดา 30 ฟิลิปดา เส้นลองติจูดที่ 15 องศา 45 ลิปดา 57 ฟิลิปดา ระวางที่ 5640 IV พิกัด 48 QUC 891442 พิกัด 889445 อยู่ห่างจาก ที่ว่าการอ าเภอนาเชือกประมาณ 3 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมด 343 ไร่


สภาพพื้นที่โดยทั่วไป พื้นที่ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าดูนล าพันเป็นพื้นที่ขนาดเล็กสูงจากระดับน้ าทะเล 180 ถึง 200 เมตรลักษณะ โดยทั่วไปเป็นที่ลุ่มสลับที่ดอนมีคลองชลประทานตัดผ่านกลางพื้นที่ ส่วนบนของพื้นที่ที่อยู่ติดกับทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 219 (บรบือ-นาเชือก-พยัคฆภูมิพิสัย)มีลักษณะของพื้นที่เป็นที่ดอนลาดเท ลงสู่แนวคลอง ชลประทาน ลักษณะของดินเป็นดินร่วนปนทรายความเค็มสูงมีสีแดง ความอุดมสมบูรณ์ต่ า เนื่องจาก ผิวหน้าดินถูกน าไปก่อสร้างถนนแผ่นดินหมายเลข 219 พื้นที่บริเวณนี้จึงจัดเป็นพื้นที่บริการไว้คอยบริการ ต้อนรับนักท่องเที่ยวมีอาคาร ส านักงาน และบ้านพักของเจ้าหน้าที่ๆ ส่วนพื้นที่ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของ คลองชลประทานคิดเป็น 60%ของพื้นที่ลักษณะเป็นที่ราบลุ่มมีหนองน้ าขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "หนองดูน" ซึ่งมีตาน้ าไหลผุดขึ้นมาตามธรรมชาติ ดินบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์มีและความชื้นสูงระดับน้ าใต้ดินมี ความลึกจากผิวดินโดยเฉลี่ยประมาณ 1-2 เมตรพื้นที่บริเวณนี้จึงเป็นที่อยู่อาศัยของปูทูลกระหม่อม


ลักษณะภูมิอากาศ ในฤดูร้อนอากาศร้อนอบอ้าวเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม-มิถุนายน โดยอุณหภูมิสูงสุดวัดได้ ประมาณ 37 องศาในเดือนเมษายน ความชื้นสัมพัทธ์ สูงสุด 93% ต่ าสุด 73% ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือน พฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม มีปริมาณน้ าฝนโดยเฉลี่ย 1,280 มิลลิเมตร/ปี โดยเดือนที่มีฝนตกมากที่สุดคือ เดือนกันยายน เฉลี่ย 386 มิลลิเมตรความชื้นสัมพัทธ์ สูงสุด 93% ต่ าสุด 84% (สถิติปี พ.ศ.2545) ฤดูหนาว อุณหภูมิค่อนข้างเย็นอากาศแห้งแลงและมีลมแรง


พืชพันธุ์และสัตว์ป่า สภาพพื้นที่ป่าของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าดูนล าพันมีลักษณะค่อนข้างพิเศษคือพื้นที่ที่อยู่ด้านทิศ ตะวันออก ของคลองชลประทาน มีสภาพป่าเป็นป่าเต็งรังไม้เด่นได้แก่ ไม้แสบงหรือไม้กราด และต้นรวงไซ พืชสมุนไพรที่พบเช่นโด่ไม่รู้ล้ม ขี้อ้น หยาดน้ าค้าง เป็นต้น ส่วนพื้นที่ป่าที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตก ของคลองชลประทาน มีสภาพป่าที่มีลักษณะเป็น ป่าผสมกล่าวคือป่ากึ่งดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณและสภาพ คล้ายป่าพรุ ไม้เด่นที่พบมากได้แก่ ต้นเชือกหรือต้นรกฟ้า ต้นผลู ต้นหว้า ไผ่ป่า ต้นข่อย ต้นแคทุ่ง เฟิน นอกจากนี้ยังมีพืชที่จัดเป็นพืชสมุนไพรมากมายหลายชนิด ได้แก่ เครือเอ็นอ่อน เถาเอ็นอ้า แก้วมือไว ว่าน แผ่นดินเย็น กวาวเครือ เท้ายายหม่อม กล้วยไม้ที่พบในป่าดูนล าพันมีหลายชนิด เช่น กะเรกะร่อน คูลู เป็น ต้น


ชนิดสัตว์ป่า พบส่วนใหญ่เป็นสัตว์ขนาดเล็ก ได้แก่สุนัขจิ้งจอก อีเห็น พังพอน ตะกวด จิ้งเหลนน้อยหางยาวหรือ ที่เรียกว่างูขา เป็นต้นส่วนสัตว์จ าพวกนกพบมากที่สุดทั้งจ านวนชนิดและจ านวนปริมาณโดยเฉพาะช่วงฤดู หนาวจะมีนกอพยพ ที่หนีความหนาวมาจากประเทศจีนเป็นจ านวนมากเช่น นกยางโทนน้อย นกยางโทน ใหญ่ นกยางกอกพันธุ์จีน นกแขวก นกเป็ดแดง เป็นต้น


ลักษณะนิเวศวิทยาอันสวยงามของ ปูทูลกระหม่อม ลักษณะนิเวศวิทยาอันสวยงามของปูทูลกระหม่อม และลักษณะเด่นที่สุดคือสีของกระดองที่เป็นสี ม่วงเปลือกมังคุด บริเวณขอบเบ้าตาขอบกระดอง ขาเดินทั้ง 4 คู่ และก้ามหนีบทั้ง 2 ข้างมีจะเป็นสีเหลืองส้ม ปลายขาข้อสุดท้ายและปลายก้ามหนีบมีสีขาวงาช้าง และขนาดของปูมีความกว้างของกระดองประมาณ 3.5 เซนติเมตร ปูเพศผู้และเพศเมียจะมีลักษณะที่คล้ายกัน โดยจะมีส่วนที่กันคือส่วนท้องหรือที่เรียกว่าตะปิ้ง การด ารงชีวิตของ ปูทูลกระหม่อมจะขุดรูอยู่ในที่ชื้นในบริเวณที่มีต้นไม้ปกคลุมและมีแสงแดดร าไร ความลึกของรูขึ้นอยู่กับระดับน้ าใต้ดิน จะออกหากินในเวลากลางคืน และจะออกมาดักเหยื่อที่บริเวณรอบๆ ปากรูในรัศมีไม่เกิน 1 เมตร โดยอาหารจะเป็นพืชและสัตว์ เช่น เศษใบไม้ ไส้เดือน แมลงชนิดต่างๆ


ลักษณะนิเวศวิทยาอันสวยงามของ ปูทูลกระหม่อม ช่วงเวลาผสมพันธุ์ของปูทูลกระหม่อม จะเริ่มมีการผสมพันธุ์เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน - เดือน กันยายน ที่จะเป็นช่วงฤดูฝน เเละในฤดูการผสมพันธุ์สีสันของปูทูลกระหม่อมจะเห็นได้เด่นชัดและมีความ สวยงามยิ่งขึ้นอีกด้วย หลังจากการผสมพันธุ์ประมาณ 4 เดือน ที่หน้าท้องของตัวเมียจะเริ่มมีไข่ประมาณ 10-35 ฟอง ในช่วงต้นเดือนมกราคมถึงเมษายน ไข่อ่อนเมื่อออกมาใหม่ๆ จะมีสีเหลืองอมส้มมองแล้วคล้ายๆ ไข่ปลาแซลมอน และเมื่อไข่แก่เต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ าตาลเข้มปนเทาจนเกือบด า ตัวอ่อนจะฟักออกจากไข่ ในช่วงประมาณปลายเดือนเมษายน - เดือนพฤษภาคม และตัวอ่อนจะติดอยู่ที่หน้าท้องแม่ระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งเข้าสู่ฤดูฝน ลูกปูก็จะออกจากท้องแม่และไปขุดรูใหม่อยู่อาศัยเอง


Click to View FlipBook Version