โรงพยาบาลสระบุรี แนวทางการปฏิบัติการพยาบาล เรื่อง แนวทางปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ (Hip Fracture in Elderly) จัดทำโดย หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกชาย ตรวจสอบโดย ………………………………………………….. (นางนารีวัลย์ ภูไพรัชพงษ์) ตำแหน่ง หัวหน้ากลุ่มงานพยาบาลผู้ป่วยออร์โธปิดิกส์ อนุมัติโดย ……………………………………………………… (นางวิไลวรรณ แสงธรรม) ตำแหน่ง หัวหน้าพยาบาลโรงพยาบาลสระบุรี วันที่ประกาศใช้ 1 มีนาคม 2565 วันที่ปรับปรุง .................
1 โรงพยาบาลสระบุรี หน้า: แนวทางปฏิบัติการพยาบาล ทบทวนทุก 1 ปี เรื่อง:การพยาบาลผู้ป่วยกระดูกสะโพกหัก ในผู้สูงอายุ (Hip Fracture in Elderly) วันที่: 1 มีนาคม 2565 วันที่เริ่มใช้ แผนก: ออร์โธปิดิกส์/ สาขาการพยาบาล ออร์โธปิดิกส์ กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลสระบุรี แผนกที่เกี่ยวข้อง: ศกช ศกญ ปกส หอผู้ป่วยพิเศษ (เฉพาะผู้ใหญ่) จัดท าโดย: หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกชาย ผู้อนุมัติ: นางวิไลวรรณ แสงธรรม แนวทางการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ (Hip Fracture in Elderly) 1.วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ ได้รับการพยาบาลแบบองค์รวมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่แรกรับ จนกระทั่งจำหน่ายได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ปลอดภัย ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน 2. เพื่อให้พยาบาลมีแนวทางปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักในผู้ป่วยสูงอายุ(Hip fracture in Elderly) ตามมาตรฐานทางการพยาบาลเป็นแนวทางเดียวกัน 2.ขอบข่าย แนวทางปฏิบัติการพยาบาลนี้ใช้กับผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ (Hip Fracturein Elderly)ทุกรายที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสระบุรี 3.คำจำกัดความ กระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ (Hip Fracture in Elderly) หมายถึง ผู้สูงอายุที่ได้รับการ วินิจฉัยว่ามีกระดูกสะโพกหักตรงตำแหน่งของ Femoral neck fracture, Intertrochanter fracture of femur, Subtrochanteric fracture of femur ซึ่งเป็นอาการบาดเจ็บที่มีความรุนแรง โดยที่อาจ มีภาวะแทรกซ้อนจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ กระดูกสะโพกหักจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นตามอายุ พบ ได้บ่อยมากขึ้นในผู้สูงอายุจากการพลัดตกหกล้มและมีแนวโน้มสูงขึ้นจากกระดูกมีความหนาแน่น ลดลง ได้แก่ โรคกระดูกพรุน ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนอาจมีกระดูกหักได้เนื่องจากเกิดจากการหกล้ม ธรรมดา ปัจจัยที่ทำให้เกิดการล้มได้แก่ สายตาไม่ดี (poor vision) กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง (decreased
2 muscle power) ความดันโลหิตไม่คงที่ (labile blood pressure) ปฏิกิริยาตอบสนองช้า (decreased reflexes) โรคของหลอดเลือด(Vascular diseases ) และมีโรคของระบบกระดูกและ กล้ามเนื้อ (Co-existing musculoskeletal pathology) การรักษายังมีแนวทางที่หลากหลาย สามารถรักษาได้ทั้งวิธีอนุรักษ์นิยมคือการดึงถ่วงน้ำหนัก และการรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งการรักษาทั้ง สองวิธีมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ต้องทำการผ่าตัดใส่เหล็กตรึง กระดูก ควรทำให้เร็วที่สุด ภายใน 24-48 ชั่วโมงภายหลังการเกิดกระดูกสะโพกหัก เพื่อลดอาการปวด ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และเพื่อให้ผู้สูงอายุฟื้นคืนสู่สภาพปกติให้เร็วที่สุด วัตถุประสงค์ในการรักษา เพื่อบรรเทาอาการปวดและมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ ข้อบ่งชี้ในการรักษา 3 วิธีคือ 1. การดึงถ่วงน้ำหนัก พิจารณาทำในผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคทางอายุรกรรม มีความเสี่ยงต่อการ ดมยาสลบและการผ่าตัด ผู้ป่วยไม่สามารถเดินได้อยู่แล้ว และที่มีความเจ็บปวดไม่มาก 2. การผ่าตัดแบบดามโลหะภายในซึ่งเป็นการรักษาที่ใช้เป็นส่วนใหญ่ 3. การผ่าตัดใส่ข้อสะโพกเทียม ทำในกรณีที่มีการหักของคอกระดูกต้นขาที่มีภาวะกระดูก พรุนมาก จนไม่สามารถใช้เครื่องยึดตรึงกระดูกได้อย่างมั่นคง แบ่งได้เป็น 2 ชนิดได้แก่ 3.1 ชนิดที่ใช้แทนเฉพาะหัวกระดูกต้นขา (hemiarthroplasty) 3.2 ชนิดที่ใช้แทนทั้งหัวกระดูกต้นขาและเบ้าของกระดูกสะโพก (total hip arthroplasty) ภาวะแทรกซ้อน หมายถึง อาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการรักษากระดูกสะโพกหัก ซึ่ง แบ่งภาวะแทรกซ้อนออกเป็น 2 ช่วง คือ 1. ภาวะแทรกซ้อนขณะนอนรักษาในโรงพยาบาล ได้แก่ การเกิดปอดอักเสบ การติดเชื้อใน ระบบทางเดินปัสสาวะ การเกิดแผลกดทับ และการเสียสมดุลของเกลือแร่ 2. ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นหลังผ่าตัด ได้แก่ การติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด กระดูกติดผิดรูป โลหะดามกระดูกหักหรือเคลื่อนหลุด ผู้สูงอายุ หมายถึง ผู้ป่วยทั้งเพศชายและหญิง อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป (ตามนิยามผู้สูงอายุคือ 60 ปีบริบูรณ์) เป้าหมาย (Goal) 1. เพื่อให้ผู้ป่วยสูงอายุที่มีกระดูกสะโพกหัก (Hip Fracture in Elderly ) มีความปลอดภัย จากภาวะแทรกซ้อนที่ป้องกันได้
3 2. เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการบรรเทาอาการรบกวนและเกิดความสุขสบาย 3. ผู้ป่วยและครอบครัวมีความรู้และทักษะในการปฏิบัติตนได้ถูกต้องขณะรับการรักษาและ เมื่อกลับบ้าน 4. เพื่อป้องกันกระดูกหักซ ้าภายหลังกระดูกสะโพกหัก (Re fracture) ตัวชี้วัด 1. ผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักได้รับการพยาบาลตามมาตรฐานที่ก าหนดร้อยละ 100 2. อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่สามารถป้องกันได้ < 3ครั้ง/1000วันนอน 3. คะแนนความพึงพอใจของผู้ป่วยต่อการบริการพยาบาล > 80 % 4. ร้อยละของการเกิดกระดูกสะโพกหักซ ้า (Re fracture) < ร้อยละ20 ผู้รับผิดชอบ หัวหน้าหอผู้ป่วยและพยาบาลวิชาชีพหอผู้ป่วย แนวทางปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วย กระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ (Hip Fracture in Elderly) การพยาบาลผู้ป่วยระยะแรกรับ และก่อนผ่าตัด 1. กิจกรรมการพยาบาลระยะแรกรับ 1.1 พยาบาลประจ าหอผู้ป่วยรับแจ้งข้อมูลผู้ป่วย จากแผนกผู้ป่วยนอกและแผนกฉุกเฉิน 1.2 จัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อรับผู้ป่วยอย่างเหมาะสม 1.3 พยาบาลประจ าหอผู้ป่วยจ าแนกประเภทผู้ป่วยตามอาการแรกรับ ตามแนวทางปฏิบัติการ แยกประเภทผู้ป่วยและจัดผู้ป่วยลงเตียงที่เหมาะสม 1.4 ดูแลรับผู้ป่วยใหม่ตาม แนวทางปฏิบัติการรับผู้ป่วย (WI) การรับใหม่ 1.5 ปรึกษานักกายภาพบ าบัด โภชนากร เภสัชกร 2. กิจกรรมการพยาบาลก่อนผ่าตัด 2.1 ประเมินปัญหาและความต้องการของผู้ป่วย 2.2 รวบรวมข้อมูลประเมินปัญหาและความต้องการ ตั้งข้อวินิจฉัยการพยาบาล วางแผนการ พยาบาล การปฏิบัติการพยาบาลและบันทึกทางการพยาบาล 2.3 ข้อบ่งชี้ที่ต้องรายงานแพทย์ 2.3.1 ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ผิดปกติ
4 2.3.2 ปรึกษาแพทย์อายุรกรรม วิสัญญีแพทย์ 3. กิจกรรมการพยาบาลระยะต่อเนื่อง / หลังการผ่าตัด 3.1 ให้การพยาบาลหลังการผ่าตัดป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่ป้องกันได้ 3.2 การพยาบาลผู้ป่วยระยะก่อนกลับบ้าน และการดูแลต่อเนื่อง 3.3 ให้ความรู้ผู้ป่วยและญาติในการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดและสอนทักษะการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการ ผ่าต้ดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมโดยพยายาลวิชาชีพญาติตั้งแต่แรกรับ การดูแลต่อเนื่องจนกระทั่ง จ าหน่าย และการดูแลต่อเนื่องที่บ้านโดยร่วมกับสหสาขาวิชาชีพ 3.3.1 ประเมินให้คะแนนความเสี่ยงโดยใช้แบบประเมินของ Thai Frat โดยพยาบาล 3.3.2 ส่งตรวจตาโดยจักษุแพทย์ ฟันโดยแพทย์ทันตกรรม 3.3.3 ประสานทีม IMC เมื่อ BI < 15 เพื่อไป IMC ward หรือ Bed ที่รพช.เพื่อไปดูแล ต่อเนื่อง 3.3.4 ส่งต่อ Smart COC เพื่อการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน 4. เอกสารอ้างอิง คุณัสปกรณ์ มัคคัปผลานนท์, และปุณฑรี ศุภเวช. (2559).การดูแลผู้สูงอายุหลังผ่าตัดเปลี่ยนข้อ สะโพกเทียม. วารสารวิชาการ Veridian E-Journal สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 3(6), 57-66. จารุณี ตั้งใจรักการดี. (2561). การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมในผู้ป่วยข้อสะโพก หลุดซ ้า: กรณีศึกษา. จิณพิชญ์ชา มะมม.(2558).การพยาบาลผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อ.กรุงเทพฯ:ส านักพิมพ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. จิตติมา เอกวิโรจนสกุล. (2562). การป้องกันกระดูกหักซ ้าในผู้ป่วยสูงอายุที่เคยกระดูกสะโพกหักใน โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 สุพรรณบุรี. วารสารแพทย์เขต 4-5, 38(1), 39-49. ธวัช ปราสาทฤทธา, พรทิพย์ ลยานันท์, และสุขใจ ศรีเพียรเอม, (บ.ก.). (2555). การพยาบาลออร์ โธปิดิกส์. กรุงเทพฯ: สหมิตรพริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. เปรมจิต เกตษา. (2561). การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดข้อสะโพกเทียมและมีโรคร่วม. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี, 26(3), 208-215. พรศิริ พันธสี. (2558). กระบวนการพยาบาลและแบบแผนสุขภาพ: การประยุกต์ใช้ทางคลินิก. กรุงเทพฯ: พิมพ์อักษร. เรณู สอนเครือ (บรรณาธิการ). (2553). แนวคิดพื้นฐานและหลักการพยาบาล เล่ม1(พิมพ์ครั้งที่ 9).
5 นนทบุรี: โครงการสวัสดิการวิชาการ สถาบันพระบรมราชชนก. สุปาณี เสนาดิสัย และวรรณภา ประไพพานิช (บรรณาธิการ). (๒๕60). การพยาบาลพื้นฐาน (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: จุดทอง. เสาวภา อินผา. (2557). การพยาบาลศัลยศาสตร์และศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์.คณะแพทย์ศาสตร์ศิ- ริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อัญชลี คันธานนท์. (2556). การพยาบาลผู้สูงอายุกระดูกข้อสะโพกหักที่มีโรคเรื้อรังร่วมด้วย. วารสารวิชาการแพทย์เขต 11, 7(2), 271-280. อินทิรา ปากันทะ, เอื้อมพร หลินเจริญ, และสิริลักษณ์ ทูลยอดพันธ์. (2561). การพัฒนารูปแบบการ ประเมินผลลัพธ์การจัดการความปวดในโรงพยาบาลตติยภูมิ. วารสารการวิจัยเพื่อพัฒนา ชุมชน(มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 11(1), 129-140. อรพรรณ โตสิงห์ และคณะ. (2559). การพยาบาลผู้ป่วยทางออร์โธปิดิกส์. กรุงเทพฯ: โครงการต ารา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. Meehan, A. M., Maher, A. B., Brent, L., Copanitsanou, P., Cross, J., Kimber, C., Hommel, A. (2019). The International Collaboration of Orthopaedic Nursing (ICON): Best practice nursing care standards for older adults with fragility hip fracture. International Journal of Orthopaedic and Trauma Nursing, 32(1), 3-26. Singh, S., Charles, L., Maceachern, C. F., & Changulani, M. (2016). Complication of sur- gical management of hip fracture. Orthopaedics and Trauma, 30(2), 137-144.
6 แนวปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ (Hip Fracture in Elderly) ระยะแรกรับ 1. ผู้ป่วยมีความเจ็บปวดลดลงจากกระดูกข้อสะโพกหัก (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1. ผู้ป่วยบอก ปวดสะโพก ระดับ…. คะแนน 2. มีสีหน้าแสดง ความเจ็บปวด 3. สะโพกผิดรูป 4. ผลการตรวจ ทางรังสีวิทยาพบ กระดูกข้อ สะโพกหัก 1. ปวด เฉียบพลัน เนื่องจาก กระดูกข้อ สะโพกหัก และได้รับ การถ่วง ดึงกระดูก 1.เพื่อให้ ผู้ป่วย บรรเทา อาการปวด 1. ประเมินความปวดของผู้ป่วย โดยใช้ pain scale โดยการ สอบถามผู้ป่วย ให้ตอบเป็น คะแนน 0 ถึง 10 คะแนน ทุก 4 ชั่วโมง และบันทึกเป็นสัญญาณ ชีพ 2. ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล พูดคุย ให้กำลังใจ เพื่อให้ผู้ป่วย ผ่อนคลาย 3. จำกัดการเคลื่อนไหวของ ผู้ป่วยด้วยการดึง skin traction หรือ skeletal traction ตาม แผนการรักษาของแพทย์ เพื่อ บรรเทาอาการปวด ลดการหด เกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณที่หัก และดูแลให้ traction ทำงาน อย่างมีประสิทธิภาพ - Counter traction คือ แรง ต้านทานในทิศทางตรงข้ามกับ แนวดิ่งที่เข้า traction ไว้ โดย 1. สัญญาณชีพ ปกติ 2. ระดับความ เจ็บปวดไม่เกิน 3คะแนน 3. Traction ทำงานอย่างมี ประสิทธิภาพ
7 1. ผู้ป่วยมีความเจ็บปวดลดลงจากกระดูกข้อสะโพกหัก (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ตัวของผู้ป่วยจะต้องไม่เลื่อนมา ชิดปลายเตียง - Friction คือ แรงเสียดทาน จะทำให้ประสิทธิภาพของ traction ลดลงจะต้องดูแลให้ ปุ่มเชือกอยู่บนลูกรอก น้ำหนัก ไม่แตะขอบเตียง - Line of pull แนวการดึงต้อง ผ่านตำแหน่งที่มีกระดูก หัก เชือกต้องตึง น้ำหนักที่ใช้ถ่วงต้องแขวนลอย อิสระ - Continuous จะต้องดึง ตลอดเวลา ไม่ควรเอาน้ำหนักที่ ใช้ถ่วงออก -แนะนำการออกกำลังกายอย่าง สม่ำเสมอ การเกร็ง กล้ามเนื้อ ต้นขา การกระดกและหมุน - Position ให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหว ได้เท่าที่จำเป็น และเป็นไปตาม แนวของ traction 4. ดูแลให้ได้รับยาแก้ปวดตาม แผนการรักษาของแพทย์ และ ความต้องการของผู้ป่วยพร้อม ทั้งสังเกตอาการข้างเคียงของยา
8 1. ผู้ป่วยมีความเจ็บปวดลดลงจากกระดูกข้อสะโพกหัก (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 5. พูดคุยเพื่อเบี่ยงเบนความ สนใจ ส่งเสริมให้ปฏิบัติกิจกรรม ที่ชอบและสามารถปฏิบัติได้บน เตียง 6. เปิดโอกาสให้แสดงความรู้สึก ที่เจ็บปวด รับฟัง แก้ไข ให้การ พยาบาลอย่างใกล้ชิด 7. อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงการ เจ็บปวดจากกระดูกที่หัก แนว ทางการ รักษาพยาบาล และ วิธีการ ปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง 8. จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม ลดสิ่งกระตุ้นที่ไม่สุขสบาย เงียบ สงบ เพื่อให้ผู้ป่วยพักผ่อนได้ดี 9.เฝ้าระวังและติดตามประเมิน ภาวะ ความดันในช่องกล้ามเนื้อ สูง (compartment syndrome) โดยการประเมิน เส้นประสาทและหลอดเลือด ตามหลัก 6Ps 9.1 Pain: เป็นอาการปวดที่ รุนแรง โดยจะปวดลึกๆปวด ตลอดเวลา และจะปวดมากเมื่อ มีการถูกจับให้เคลื่อนไหว เช่น
9 1. ผู้ป่วยมีความเจ็บปวดลดลงจากกระดูกข้อสะโพกหัก (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล การช่วยกระดกนิ้วเท้าหรือ เหยียดนิ้วมือผู้ป่วยออก อาการ รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ได้รับยาแก้ ปวดอาการก็ไม่ทุเลา 9.2 Paresthesia: อาการชา และความรู้สึกเจ็บลดลง เป็น การรับรู้ผิดปกติเนื่องจาก เส้นประสาททำงานผิดปกติ เช่น อาการปวดแสบปวดร้อน (burning) หรือคล้ายถูกเข็มแทง (prickling)หรือมีอาการชา (numbness) 9.3 Pallor: อาการซีด จะพบ ผิวหนังส่วนที่ขาดเลือดซีดเย็น กว่าปกติ บางรายอาจเขียวคล้ำ โดยเฉพาะในระยะแรก เนื่องจากการไหลเวียนเลือดไม่ดี และหากเป็นการอุดกั้นของ หลอดเลือดแดงจะซีดในระยะ ท้าย 9.4 Paralysis: การเคลื่อนไหว ไม่ได้ อ่อนแรง ซึ่งเกิดจาก กล้ามเนื้อขาดเลือดมาเลี้ยงจะ พบในระยะหลังเมื่อกล้ามเนื้อ และเส้นประสาทถูกทำลายหมด
10 1. ผู้ป่วยมีความเจ็บปวดลดลงจากกระดูกข้อสะโพกหัก (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 9.5 Pulseless: การคลำชีพจร ของอวัยวะส่วนปลายไม่ได้ หรือ คลำได้แต่เบากว่าอีกข้างใน ระดับเดียวกัน 9.6 Polar: อวัยวะส่วนปลาย เย็น 10. กระตุ้นให้ออกกำลังกาย อย่าสม่ำเสมอ เช่น การหายใจ อย่างมีประสิทธิภาพ (breathing exercise) การออก กำลังกล้ามเนื้อต้นขา (quadriceps exercise) การ กระดกละหมุนข้อเท้า 2. ผู้ป่วยปลอดภัยจากการเกิดภาวะไขมัน/ลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary Embolism) (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1. ผู้ป่วยหายใจ เหนื่อย แน่น 1. เสี่ยง ต่อการ เกิดภาวะ ไขมัน/ลิ่ม 1. ผู้ป่วย ปลอดภัย จากการเกิด ภาวะไขมัน/ 1. monitoring เพื่อ early detection 1.1 record vital signs, O2 saturation ทุก 1 ชั่วโมงจน 1. ไม่มีภาวะ หายใจเหนื่อย ไม่มีเจ็บแน่น
11 2. ผู้ป่วยปลอดภัยจากการเกิดภาวะไขมัน/ลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary Embolism) (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล หน้าอก หายใจ ลำบาก 2. อัตราการ หายใจ16-20ครั้ง/ นาที ชีพจรเต้นปกติ ชีพจร 60-100 ครั้ง/นาที 3. ผู้ป่วยมี O2 saturation ลดลงจากเกณฑ์ ปกติ (95- 100%) 4. ผู้ป่วยมีอาการ สับสน พูดคุยไม่ รู้ เลือดอุด ตันในปอด (pulmo nary embolis m) ลิ่มเลือดอุด ตันในปอด (pulmo nary embolism) ครบ 12 ชั่วโมง ทุก 2 ชั่วโมงจน ครบ 24 ชั่วโมง และทุก 4 ชั่วโมง จนครบ 72 ชั่วโมงหรือ ตามแผนการรักษา 1.2สังเกตระดับความรู้สึกตัว และสีผิว อาการแสดงเกี่ยวกับ อาการแน่นหน้าอก เหนื่อย หายใจลาบาก หายใจเร็ว ชีพจร เร็ว มีอาการสับสน มีไอหรือไอ เป็นเลือด สังเกตจุดเลือดออก ตามผิวหนัง (petechiae) 2. ป้องกันและแก้ไขภาวะขาด O2 2.1จัดท่านอนให้นอนศีรษะสูง 45 องศา เพื่อให้ปอดมีการ ขยายตัวเพิ่มพื้นที่ในการ แลกเปลี่ยนก๊าซกระตุ้นให้ผู้ป่วย บริหารกล้ามเนื้อและข้อ ก่อน ผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง 2.2ให้ O2 cannula 3 L/min หรือ O2 mask with bag 6-10 L/min เพราะจะได้ความเข้มข้น ของออกซิเจน 95-100% หน้าอก หรือ หายใจลำบาก. 2. อัตราการ หายใจและชีพ จรเต้นปกติ (ชีพจร 60- 100/min อัตราการ หายใจ 16-20 ครั้ง/นาที 3. O2 saturation room air 95- 100% 4. ผู้ป่วยไม่มี อาการสับสน พูดคุยรู้เรื่อง ไม่ มีเหงื่อออกหรือ อาการ กระสับกระส่าย
12 2. ผู้ป่วยปลอดภัยจากการเกิดภาวะไขมัน/ลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary Embolism) (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 2.3 เตรียมใส่ท่อช่วยหายใจ เครื่องช่วยหายใจ ตามมาตรฐาน การพยาบาล 2.4 กรณีที่ผู้ป่วยหยุดหายใจ เตรียมความพร้อมในการทา CPR ตามมาตรฐานการพยาบาล 3. รายงานอาการให้แพทย์ทราบ เมื่อพบอาการผิดปกติเพื่อให้การ ดูแลได้อย่างทันท่วงที 4. ดูแลให้ได้รับยาละลายลิ่ม เลือดตามแผนการรักษา 5. ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจาก การเกิดภาวะ free fatty acid เตรียมยา steroid ตามแผนการ รักษา เช่น methylprednisolone ช่วยลด การ อักเสบจาก free fatty acid 6. การให้ข้อมูลและการ สนับสนุนทางด้านอารมณ์แก่ ครอบครัว 6.1ให้ข้อมูลญาติก่อนผ่าตัดเรื่อง ภาวะแทรกซ้อนอาจเกิดภาวะ pulmonary embolism
13 2. ผู้ป่วยปลอดภัยจากการเกิดภาวะไขมัน/ลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary Embolism) (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 6.2 เมื่อเกิดภาวะ pulmonary embolism บอกเหตุผลการ ช่วยเหลือ การรักษาแก่ญาติ 6.3 Support ทางด้านอารมณ์ 3. ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจ าวันเท่าที่ปฏิบัติได้และปลอดภัยไม่เกิดอุบัติเหตุพลัดตกหก ล้ม (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1. ผู้ป่วยปวด สะโพก 2. ผู้ป่วย on traction และ นอนบนเตียง ตลอดเวลา 1.ความ สามารถ ในการ ปฏิบัติ กิจวัตร ประจ าวัน ลดลง เนื่องจาก ถูกจ ากัด การ กิจกรรม 1. ผู้ป่วย สามารถ ปฏิบัติ กิจวัตร ประจ าวัน เท่าที่ปฏิบัติ ได้ 2. ผู้ป่วย ปลอดภัยไม่ เกิดอุบัติเหตุ ขณะท า 1. จัดเตียงให้เหมาะสมกับผู้ป่วย รวมทั้งตรวจสอบความสมบูรณ์ ความพร้อมของเตียงยกราวกั้น เตียงขึ้นทุกครั้งภายหลังการให้ การพยาบาลเพื่อป้องกันการตก เตียง 2. จัดเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ที่ จ าเป็นเช่น แก้วน ้า ขวดน ้า ยาสี ฟัน และแปรงสีฟัน ไว้ใกล้ ตัว ผู้ป่วยเพื่อสะดวกในการหยิบใช้ 3. ดูแลให้ได้ปฏิบัติกิจวัตร ประจ าวัน เกี่ยวกับการท าความ 1. ผู้ป่วย สามารถท า กิจวัตร ประจ าวันเท่าที่ ปฏิบัติได้ 2. ผู้ป่วย ปลอดภัยไม่เกิด อุบัติเหตุขณะ ท ากิจวัตร ประจ าวัน
14 3. ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจ าวันเท่าที่ปฏิบัติได้และปลอดภัยไม่เกิดอุบัติเหตุพลัดตกหก ล้ม (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล กิจวัตร ประจ าวัน สะอาดร่างกาย การรับประทาน อาหาร การขับถ่ายโดยให้ความ ช่วยเหลือในส่วนที่ผู้ป่วยไม่ สามารถปฏิบัติเองได้ 4. กระตุ้นให้ผู้ป่วยปฏิบัติกิจวัตร ประจ าวันเท่าที่จะสามารถ ปฏิบัติได้ 5. ให้ก าลังใจและให้ค าชมเชย ผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยสามารถปฏิบัติ กิจกรรมต่างๆได้ด้วยตนเอง 6. ป้องกันอุบัติเหตุโดยกราวกั้น เตียงขึ้นทุกครั้งหลังให้การ พยาบาล 4. ผู้ป่วยและญาติคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม มีความพร้อม ในการทำผ่าตัด (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1. ผู้ป่วย และญาติ มีความ 1. ผู้ป่วย และญาติมี ความรู้ 1. แนะนำตนเองกับผู้ป่วยและ ญาติ สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับ ผู้ป่วยและญาติด้วยท่าทางที่เป็น 1. ผู้ป่วยคลาย ความวิตกกังวล
15 4. ผู้ป่วยและญาติคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม มีความพร้อม ในการทำผ่าตัด (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 1. ผู้ป่วยบอกว่า วิตกกังวล นอน ไม่หลับ 2. ผู้ป่วยสีหน้า กังวลบอก ไม่มี ประสบการณ์ เกี่ยวกับการ ผ่าตัดมาก่อนทำ ให้มีความรู้สึก กลัวและวิตก กังวล 3. ผู้ป่วยบอกว่า ไม่รู้วิธีการปฏิบัติ ตนก่อนและหลัง ผ่าตัดเปลี่ยนข้อ สะโพกเทียม วิตกกังวล เกี่ยวกับ การผ่าตัด เนื่องจาก ขาด ความรู้ เกี่ยวกับ การปฏิบัติ ตนก่อน และหลัง ผ่าตัด เปลี่ยนข้อ สะโพก เทียม เกี่ยวกับการ ปฏิบัติตน ก่อนและ หลังผ่าตัด 2. ผู้ป่วย คลายความ วิตกกังวล เกี่ยวกับการ ผ่าตัด 3. ผู้ป่วย สามารถ ปฏิบัติตน ก่อนและ หลังผ่าตัด เปลี่ยนข้อ สะโพกเทียม ได้ถูกต้อง มิตร เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติ ไว้วางใจ 2. ประเมินความเครียดและ ความกลัวของผู้ป่วย 3. แนะนำให้ญาติมาเยี่ยมและ ให้กำลังใจผู้ป่วยบ่อยๆ เพื่อให้ ญาติมีส่วนร่วมในการดูแล 4. ให้ความรู้เรื่องโรคกระดูกข้อ สะโพกหัก การรักษาด้วยการ ผ่าตัด ให้ผู้ป่วยและญาติมีส่วน ร่วมในการตัดสินใจในแผนการ รักษา 5. จัดโอกาสให้ญาติได้พบกับ แพทย์เจ้าของไข้เพื่อสอบถาม เกี่ยวกับข้อสงสัยต่างๆ ประกอบการตัดสินใจ 6. ติดตามผลการตรวจทาง ห้องปฏิบัติการต่างๆ ที่ สำคัญมี ดังนี้ CBC BUN Cr Electrolyte การถ่ายภาพรังสีทรวงอก (Chest X-ray) การตรวจ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) และสบายใจขึ้น นอนหลับได้ 2. ผู้ป่วยมีสี หน้าสดชื่นขึ้น 3. ผู้ป่วย สามารถบอก การปฏิบัติตน ก่อนและหลัง ผ่าตัดเปลี่ยนข้อ สะโพกเทียมได้ ถูกต้อง 4. ผู้ป่วย สามารถปฏิบัติ ตนก่อนและ หลังผ่าตัด เปลี่ยนข้อ สะโพกเทียมได้ ถูกต้อง
16 4. ผู้ป่วยและญาติคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม มีความพร้อม ในการทำผ่าตัด (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล การตรวจหากลุ่มเลือด (blood grouping) และการเตรียมเลือด ไว้ หากเสียเลือดมาก 7. ปรึกษาแพทย์อายุรกรรมและ วิสัญญีแพทย์ร่วมรักษาและ ประเมินก่อนผ่าตัด 8. แนะนำผู้ป่วยให้รู้จักกับผู้ป่วย ข้างเตียง เพื่อแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ที่ดีต่อกัน 9. การเตรียมความพร้อมของ ผู้ป่วยด้านร่างกาย จิตใจผิวหนัง ผ่าตัด งดน้ำงดอาหารหลังเที่ยง คืนก่อนผ่าตัด อธิบายเหตุผล 9.1 อธิบายให้ทราบสภาพหลัง การผ่าตัด เช่น จะมีสายระบาย เลือด ที่แผลผ่าตัด หลังผ่าตัด 3 วัน จะเอาสายเลือดออกได้ของ การผ่าตัด 9.2อธิบายขั้นตอนการเตรียม ร่างกายก่อนผ่าตัด ได้แก่ การใช้ ยาระงับความรู้สึกขณะผ่าตัด ชนิดการดมยาสลบ หรือ ฉีดยา ชาเข้าไขสันหลัง การงดน้ำงด
17 4. ผู้ป่วยและญาติคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม มีความพร้อม ในการทำผ่าตัด (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล อาหาร การให้สารน้ำทดแทน การใส่สายสวนปัสสาวะ 9.3ทำความสะอาดร่างกาย อาบน้ำ สระผม ตัดเล็บให้สั้น เย็นวันก่อนผ่าตัด 9.4สอนการบริหารร่างกายก่อน การเตรียมผ่าตัด ดังนี้ 9.4.1 การบริหารปอด การหายใจ และการไออย่างมีประสิทธิภาพ โดยหายใจเข้าลึกๆทางจมูก แล้ว ค่อยๆผ่อนออกทางปาก (Deep breathing exercise) หรือใช้ Tri flow ทำ 10 ครั้งทุก 1 ชม. จะ ช่วยให้ปอดขยายตัวและลด ภาวะแทรกซ้อนของระบบหายใจ เช่น ภาวะปอดแฟบหลังผ่าตัด 9.4.2 แนะนำการออกกำลังกาย Isometric ด้วยการเกร็ง กล้ามเนื้อและกระดกปลายเท้า ขึ้นลง อย่างน้อย 50 ครั้ง /วัน 9.4.3 แนะนำและฝึกกิจกรรม การฟื้นฟูสมรรถภาพ การ บริหารกล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อ สะโพก
18 4. ผู้ป่วยและญาติคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม มีความพร้อม ในการทำผ่าตัด (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 9.4.4 แนะนำการเตรียมสภาพ สิ่งแวดล้อมที่บ้านให้เหมาะสม เมื่อผู้ป่วยกลับบ้าน 10. เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้ ซักถามซักถามข้อสงสัยให้ผู้ป่วย และญาติมีส่วนร่วมในการวาง แผนการดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องจาก โรงพยาบาล 11.แนะนำครอบครัวและญาติ ให้ช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำ กิจวัตรประจำวัน ให้กำลังใจ และชมเชยเมื่อผู้ป่วยปฏิบัติตัว ได้เหมาะสม ระยะต่อเนื่อง - ระยะหลังผ่าตัด 5. ผู้ป่วยปลอดภัยจากการเสียเลือด/ไม่เกิดภาวะช็อก (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน ได้รับการทำ ผ่าตัดเปลี่ยนข้อ 1. เสี่ยง ต่อการ 1.ผู้ป่วย ปลอดภัย จากการเสีย 1. ประเมินและบันทึกสัญญาณ ชีพ จำนวนปัสสาวะทุก 1 1.สัญญาณชีพ อยู่ในเกณฑ์ ปกติ
19 5. ผู้ป่วยปลอดภัยจากการเสียเลือด/ไม่เกิดภาวะช็อก (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล สะโพกเทียม หรือการผ่าตัด เพื่อการยึดตรึง กระดูก 1. แผลผ่าตัด active bleed 2. content Radivac drain > 200 cc/hr. 3. ชีพจร เบา เร็ว > 100 ครั้ง/นาที การหายใจเร็ว > 20 ครั้ง/นาที - ความดันโลหิต SBP < 90 mmHg 4.O2 sat room air < 95% 5. urine < 30 cc/hr. 6. hematocrit < 30% 7. ผู้ป่วยมีภาวะ ซีด ปลายมือ เสียเลือด/ ภาวะช็อก เลือด/ไม่เกิด ภาวะช็อก ชั่วโมง จนกว่าจะคงที่หรือตาม แผนการรักษา 2. ประเมินการเสียเลือดจาก แผลผ่าตัดและจากขวด สุญญากาศที่ระบายเลือดจาก แผลผ่าตัดถ้ามากกว่า 200 ซีซี ต่อชั่วโมง รายงานแพทย์ 3. สังเกตอาการผิดปกติจากการ เสียเลือดหลังผ่าตัด เช่น อาการ ซีด ปลายมือปลายเท้าเย็น อาการหน้ามืดหรือเวียนศีรษะ ของผู้ป่วย 4. ดูแลเกี่ยวกับการให้สารน้า ทางหลอดเลือดดำ และการให้ เลือดตามแผนการรักษา 5. ติดตามผลการตรวจจาก ห้องปฏิบัติการ เช่น Hct และ รายงานแพทย์เมื่อพบอาการ ผิดปกติ 6. แนะนำให้ผู้ป่วยสังเกตอาการ เสียเลือดหลังผ่าตัด เช่น อาการ ซีด ปลายมือปลายเท้าเย็น หน้า มืดเวียนศีรษะ และให้รายงาน ให้พยาบาลทราบเมื่อพบความ ผิดปกติ - อุณหภูมิ ร่างกาย 36.5C – 37.4C - ชีพจร 60– 100 ครั้ง/นาที - การหายใจ 18–20 ครั้ง/ นาที - ความดัน โลหิต 90/60 – 130/90 mmHg 2. ค่าความ อิ่มตัวของ ออกซิเจนใน เลือดแดง ≥ 95% 3. การขยาย ของทรวงอก เท่ากันสองข้าง ฟังเสียงหายใจ โล่ง
20 5. ผู้ป่วยปลอดภัยจากการเสียเลือด/ไม่เกิดภาวะช็อก (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ปลายเท้าเย็น หน้ามืด เวียน 6. ผู้ป่วยสุขสบายและอาการปวดแผลผ่าตัดลดลง (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1.ผู้ป่วยบอก ปวดแผลผ่าตัด ความเจ็บปวด ระดับ 7-10 ใน 10 1. ไม่สุข สบาย เนื่องจาก ปวดแผล ผ่าตัด แบบ เฉียบพลัน 1. เพื่อให้ ผู้ป่วยสุข สบายมาก ขึ้น ปวด แผลผ่าตัด บริเวณข้อ สะโพกลดลง 1. ให้ยาบรรเทาปวดตาม แผนการรักษา และสังเกต อาการข้างเคียงของยา 2. ประเมินอาการปวดโดยใช้ pain scale 3. จัดให้ผู้ป่วยนอนท่าที่สุข สบายกางขาด้วยหมอน สามเหลี่ยมคางหมู หรือยกขา บนหมอนตามแผนการรักษาของ แพทย์ ทำด้วยความนุ่มนวล อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติทราบ เหตุผลการจัดท่า 4. ประเมินอัตราการหายใจทุก 15 นาทีในชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด และทุก 30 นาทีในชั่วโมงต่อมา 1. ผู้ป่วยไม่บ่น ปวด บอกว่าสุข สบายมากขึ้น ปวดลดลง ระดับความ เจ็บปวด (pain score) ≤3 2. สีหน้าแจ่มใส สดชื่นขึ้น ไม่ แสดงความ เจ็บปวด 3. vital signs อยู่ในเกณฑ์ ปกติ (อุณหภูมิ<37.5
21 6. ผู้ป่วยสุขสบายและอาการปวดแผลผ่าตัดลดลง (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 5. ประเมินระดับความง่วงซึม ทุก 1 ชั่วโมง 6. ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย คลาย (relaxation and imagery technique) โดยการ กระตุ้นให้หายใจเข้า–ออก ลึกๆ ลูบบริเวณที่ปวดเบาๆ การสอนหรือการให้ข้อมูล การ ออกกำลังกาย(exercise) การ เปลี่ยนท่าทาง/จำกัดการ เคลื่อนไหว (repositioning/immobilizati on) การเบี่ยงเบนความสนใจ (cognitive distraction) สำหรับการจัดการความ เจ็บปวดด้วยยากลุ่ม opioids ทางหลอดเลือดดำ พยาบาลต้อง มีความรู้ในการประเมินระดับ ความง่วงซึม (sedation score) ซึ่งจะทำให้การเฝ้าระวังอาการ ผู้ป่วยรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และผู้ป่วยมีความปลอดภัย ระดับความง่วงซึม (sedation score) มีดังนี้ ºC ชีพจร 60- 100/min อัตราการ หายใจ 16- 20/min และ ความดันโลหิต SBP อยู่ ระหว่าง 90- 140 mmHg และ DBP อยู่ ระหว่าง 60-90 mmHg) 4. นอนหลับ พักผ่อนได้ ไม่ กระสับกระส่าย 5. ให้ความ ร่วมมือในการ ปฏิบัติกิจกรรม ต่างๆ
22 6. ผู้ป่วยสุขสบายและอาการปวดแผลผ่าตัดลดลง (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 0 = ไม่ง่วงเลย ตื่นอยู่ อาจนอน หลับตา พูดคุยโต้ตอบได้อย่าง รวดเร็ว 1 = ง่วงเล็กน้อย นอนหลับๆ ตื่นๆ ปลุกตื่นง่าย ตอบคาถามได้ อย่างรวดเร็ว 2 = ง่วงพอควร อาจหลับอยู่ แต่ ปลุกตื่นง่าย ตอบคาถามได้ช้า หรือไม่ช้าก็ได้ แต่พูดคุยได้สักครู่ ผู้ป่วยจะอยากหลับมากกว่า อยากคุยด้วย หรืออาจสัปหงก ให้เห็น 3 = ง่วงอย่างมาก ปลุกตื่นยาก มาก หรือไม่ตื่น ไม่โต้ตอบ S = หลับปกติ ปลุกตื่นได้ไม่ยาก การพยาบาลเมื่อผู้ป่วยมีระดับ ความง่วงซึมเปลี่ยนแปลงถ้า sedation score ≥ 2 + อัตรา การหายใจ > 10/min เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง ถ้ายัง ไม่โล่งให้จับผู้ป่วยนอนตะแคงใน ท่าพักฟื้น (recovery position) ถ้าไม่มีข้อห้าม 1) ให้ O2 mask & adequate ventilation
23 6. ผู้ป่วยสุขสบายและอาการปวดแผลผ่าตัดลดลง (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 2) ดูขนาด pupil 3) แจ้งแพทย์ให้ทราบ ถ้า sedation score=3 อัตราการ หายใจ≤10 /min 1) เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง ถ้า ยังไม่โล่งให้จับผู้ป่วยนอนตะแคง ในท่าพักฟื้น (recovery position) ถ้าไม่มีข้อห้าม 2) ให้ O2 mask & adequate ventilation 3) ดูขนาด pupil 4) เตรียม mask with selfinflating bag และ ET tube ไว้ใกล้มือพร้อมใช้ 5) แจ้งแพทย์ให้ทราบ 6) เตรียมผสม ยา naloxone (0.4mg/cc/amp) โดยใช้ NSS หรือ sterile water 3 cc+ ยา 1 cc concentration = 0.1 mg/cc
24 7. ผู้ป่วยปลอดภัยจากการติดเชื้อแผลผ่าตัด (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1. มีแผลผ่าตัด สะโพกปิดก๊อซ และพลาสเตอร์ แบบติดแน่น 2. มีขวดระบาย เลือด 1 ขวด เป็นระบบ สุญญากาศ 1. เสี่ยง ต่อการติด เชื้อแผล ผ่าตัดที่ สะโพก 1. ผู้ป่วยไม่ เกิดการติด เชื้อที่แผล ผ่าตัด 1. ประเมินภาวะติดเชื้อที่แผล ผ่าตัด โดยสังเกตลักษณะบวม แดง รอบๆแผล และ discharge ที่ซึมจากแผลผ่าตัด 2.ดูแล Redivac drain ให้ ทำงานมีประสิทธิภาพ สังเกตลักษณะของสารคัดหลั่ง จากท่อระบาย 3.Dressing แผล หลัง Off Redivac drain โดยใช้หลัก Aseptic technique 4.บันทึกสัญญาณชีพ โดยเฉพาะ อุณหภูมิ ถ้า>37.5°C ให้ประเมิน ทุก 4 ช.ม. 5.ดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย ของผู้ป่วย 6.แนะนำผู้ป่วยไม่ให้แผลเปียกน้ำ และห้ามแกะเกาแผล 7.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะ ตามแผนการรักษาของแพทย์ 8.ติดตามผลการตรวจของ ห้องปฏิบัติการ เช่น CBC ดูค่า WBC ถ้ามีค่า > 5,000- 10,000/cu.mm. แสดงว่ามีการ ติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด 1. บริเวณแผล ผ่าตัดไม่มี อาการบวม แดง ร้อน หรือ เป็นไข้ 2. ไม่มีอาการ ผิดปกติ ภายหลังได้ยา ปฏิชีวนะ 3. สารคัดหลั่ง จากท่อระบาย ไม่มีหนอง
25 7. ผู้ป่วยปลอดภัยจากการติดเชื้อแผลผ่าตัด (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 9.ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับอาหารที่มี ประโยชน์ และส่งเสริมการหาย ของแผล เช่น ไข่ นม เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ 8. ผู้ป่วยปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง เพื่อการป้องกันการเคลื่อนหลุดของข้อสะโพกเทียม (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3) เป้าหมาย การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1. ภายหลังผ่าตัด เปลี่ยนข้อสะโพก เทียม ข้อยังไม่มี ความมั่นคงอยู่ ระหว่างการหาย ของแผลผ่าตัด 1. มี โอกาสเกิด ข้อสะโพก เทียม เคลื่อน หลุด 1. ข้อ สะโพก เทียมอยู่ใน ตำแหน่งที่ ถูกต้องไม่ เคลื่อนหลุด 2. ผู้บอกวิธี ปฏิบัติตัว เพื่อป้องกัน ข้อสะโพก เทียมหลุด ได้ถูกต้อง 3. ป่วย สามารถ 1.กระตุ้นให้ผู้ป่วย บริหาร กล้ามเนื้อและข้อก่อนผ่าตัด อย่างต่อเนื่อง 2.ให้การพยาบาล เพื่อป้องกัน ไม่ให้ผู้ป่วยเกิดข้อสะโพก เคลื่อนหลุดดังนี้ วันแรกหลังผ่าตัด 1.จัดให้ผู้ป่วยนอนราบ 2.กระตุ้นให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกลึกๆอย่างน้อย 10-20ครั้ง ทุก1-2ชม. ขณะที่ตื่นนอน 3. ช่วยพลิกตะแคงตัวเปลี่ยน ท่าทุก 2 ชม. โดยใช้หมอนรอง 1.ผู้ป่วยนอน กางขา ไม่งอข้อ สะโพกเกิน 90 องศา หรือหุบ และหมุนขาเข้า ด้านใน 2.ผู้ป่วยบอกวิธี ปฏิบัติตัวเพื่อ ป้องกันข้อ สะโพกเทียม หลุดได้ถูกต้อง อย่างน้อย 4 ใน 5 ข้อ
26 8. ผู้ป่วยปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง เพื่อการป้องกันการเคลื่อนหลุดของข้อสะโพกเทียม (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3) เป้าหมาย การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล เคลื่อนย้าย ตนเองโดย ใช้อุปกรณ์ ช่วยเดินได้ ถูกต้อง ขาข้างที่ผ่าตัดเพื่อให้ขาข้างที่ ผ่าตัดกางออกตลอดเวลา วันที่2-3 หลังผ่าตัด 1.ออกกำลังกล้ามเนื้อโดยการ เกร็งกล้ามเนื้อต้นขากดเข่าลง บนที่นอน 2.ออกกำลังกล้ามเนื้อก้นและ สะโพกโดยการขมิบก้น 3.ออกกำลังข้อเท้าทั้ง2ข้างด้วย การกระดกข้อเท้าขึ้น-ลงและ หมุนข้อเท้าเป็นวงกลม ทำข้าง ละ 5 รอบ วันละ 3-4 ครั้ง 4.กระตุ้นให้ผุ้ป่วยนั่งโดยไขหัว เตียงสูง 30-40 องศา วันที่ 4-7 หลังผ่าตัด 1. กระตุ้นให้ผู้ป่วยนั่งบนเตียง โดยไขเตียงนั่งได้ 60-90 องศา ขณะนั่งห้ามโน้มตัวไปข้างหน้า และงอข้อสะโพกเข้าหาลำตัว เกิน 90 องศา 2.ให้ผู้ป่วยเริ่มหัดยืนโดย พยาบาลช่วยพยุงขาข้างที่ ผ่าตัดให้กางอออกและลง น้ำหนักบางส่วน(Partial 3.ผู้ป่วย สามารถ เคลื่อนย้าย ตนเอง จาก เตียงมานั่งเก้าอี้ ข้างเตียง ยืน ข้างเตียง และ เดินได้ โดยใช้ อุปกรณ์ช่วย เดินได้ถูกต้อง
27 8. ผู้ป่วยปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง เพื่อการป้องกันการเคลื่อนหลุดของข้อสะโพกเทียม (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3) เป้าหมาย การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล weight bearing) หรือตาม แผนการรักษา 3.สอนการใช้เครื่องพยุง (Walker หรือCrutches)ตาม แผนการรักษา 4.ออกกำลังข้อสะโพกและข้อ เข่าข้างที่ผ่าตัดโดยยืนเกาะ เครื่องช่วยพยุงให้ลำตัวตั้งตรง และให้ผู้ป่วยเหยียดขาไป ด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง 5.แนะนำผู้ป่วยหลังผ่าตัด 6 สัปดาห์แรก แนะนำการพลิก ตะแคงตัวที่ถูกวิธี ควร หลีกเลี่ยงการงอข้อสะโพก มากกว่า 90 องศา การบิด หรือหมุนข้อสะโพกออกนอก หรือเข้าในมาก เกินไป 6.แนะนำญาติเตรียมส้วมแบบ ชักโครก หรือดัดแปลงให้ เหมาะสมกับผู้ป่วย หลีกเลี่ยง การใช้ส้วมแบบนั่งยอง 7.แนะนำญาติให้ดูแลผู้ป่วย ใกล้ชิดและอย่าปล่อยผู้ป่วยอยู่ คนเดียว ยกไม้กั้น เตียงขึ้นทุก ครั้งที่ไม่อยู่
28 8. ผู้ป่วยปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง เพื่อการป้องกันการเคลื่อนหลุดของข้อสะโพกเทียม (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3) เป้าหมาย การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 8.แนะนำให้ผู้ป่วยนอนกางขา ไม่งอข้อสะโพกเกิน 90 องศา หรือหุบและหมุนขาเข้าด้านใน 9.ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนย้าย ตนเอง จากเตียงมานั่งเก้าอี้ข้าง เตียง ยืนข้างเตียง และเดินได้ โดยใช้อุปกรณ์ช่วยเดินได้ ถูกต้อง 9. ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะผนังหลอดเลือดดำอักเสบและภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ส่วนลึก (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1. ผู้ป่วยได้รับการ ผ่าตัดหลังผ่าตัด ผู้ป่วยมีอาการ ปวดแผลผ่าตัด มาก จึงไม่ ต้องการ เคลื่อนไหวขาข้าง ที่ทำผ่าตัด 1. เสี่ยง ต่อการ เกิดภาวะ หลอด เลือดดำ ส่วนลึกอุด ตันอาจ เกิดภาวะ Thromb o1. ผู้ป่วยไม่ เกิดภาวะ ผนังหลอ เลือดดำ อักเสบ และ ภาวะลิ่ม เลือดใน หลอดเลือด ส่วนลึก 1.การออกกำลังกายกล้ามเนื้อ บริเวณเท้าและข้อเท้าตั้งแต่ ก่อนผ่าตัด 2.การให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวและ ลุกขึ้นยืนโดยเร็วหลังผ่าตัด 3.การพิจารณาใช้เครื่องบีบรัด ด้วยลมเป่า 4.ประเมินการไหลเวียนของ โลหิตที่ไปเลี้ยงอวัยวะส่วน ปลาย โดยการทำ Blanching 1. Blanching test negative 2. สีผิวหนังของ ส่วนปลายเท้าสี ปกติปลายเท้า ไม่บวม 3. คลำชีพจรที่ หลังเท้า (Dorsalis
29 9. ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะผนังหลอดเลือดดำอักเสบและภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ส่วนลึก (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 2. ผู้ป่วยถูกจำกัด ท่านอน มีการ เคลื่อนไหวขา น้อยลง 3. เป็นผู้ป่วย สูงอายุช่วยเหลือ ตัวเองได้น้อย phlebitis / Deep vein thrombo sis ของขา เนื่องจาก การ เคลื่อนไห วขา น้อยลง Testบริเวณเล็บของนิ้วหัวแม่ เท้า ค่าปกติคือการไหล เวียน โลหิตไปและกลับ ไม่เกิน 2 -3 วินาทีถ้าพบว่าผิดปกติเล็บมีสี ซีดหรือเขียวคล้ำ ให้รีบรายงาน แพทย์ทราบ 5.ประเมินสีของผิวหนังบริเวณ ส่วนปลายเท้า และประเมินสี ของผิวหนังทั่วร่างกาย เช่น เปลือกตา ริมฝีปาก เล็บ ถ้ามีสี ซีดผิดปกติต้องบันทึก และ ติดตามประเมินต่อ 6.ประเมิน Dorsalis pedis pulse ที่หลังเท้า ทั้งอัตรา และ จังหวะของชีพจร 7.ประเมิน Homan’s sign โดยเหยียดเข่าให้ตึง กระดก ปลายเท้าขึ้น หากมีอาการปวด น่องขณะกระดกปลายเท้า ให้ รายงานแพทย์ทราบทันที 8.ดูแลการพัน Elastic bandage ไม่ให้แน่นเกินไป pedis pulse) ได้ปกติ 4.Homan’s sign negative
30 9. ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะผนังหลอดเลือดดำอักเสบและภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ส่วนลึก (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 9.ดูแลให้นอนยกขาสูง เพื่อช่วย ให้มีการไหลเวียนโลหิตกลับได้ สะดวก 10. ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนจากการนอนนานๆ (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1. ภายหลังผ่าตัด เปลี่ยนข้อสะโพก เทียม ข้อยังไม่มี ความมั่นคงอยู่ ระหว่างการหาย ของแผลผ่าตัด 2. ผู้สูงอายุ ช่วยเหลือตนเอง ได้น้อย 1. เสี่ยง ต่อการ เกิด ภาวะแทร กซ้อนจาก การนอน นานๆ เช่น กล้ามเนื้อ ลีบและข้อ ติด แผล กดทับ และ Hypostat ic 1. ข้อ สะโพกเทียม อยู่ใน ตำแหน่งที่ ถูกต้องไม่ เคลื่อนหลุด 2. ผู้ป่วย สามารถ เคลื่อนย้าย ตนเองโดย ใช้อุปกรณ์ ช่วยเดินได้ ถูกต้อง การป้องกันการเกิดแผลกดทับ 1.ประเมินลักษณะของผิวหนัง บริเวณที่ถูกกดทับว่ามีรอยแดง รอยถลอก มีแผลหรือมีการ ลอกหลุดของผิวหนังโดยเฉพาะ ผิวหนังบริเวณปุ่มกระดูกทุก ส่วน 2.ดูแลความสะอาดของผิวหนัง โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณหลัง และก้นกบให้แห้ง และสะอาด อยู่เสมอ 3.ดูแลให้สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ผ้าปูที่นอนสะอาด และปูให้ เรียบตึงไม่ควรให้ผิวหนังผู้ป่วย สัมผัสกับผ้ายางโดยตรง เพื่อ 1. ผู้ป่วยนอน กางขา ไม่งอข้อ สะโพกเกิน 90 องศา หรือหุบ และหมุนขาเข้า ด้านใน 2. ผู้ป่วย สามารถ เคลื่อนย้าย ตนเอง จาก เตียงมานั่งเก้าอี้ ข้างเตียง ยืน ข้างเตียง และ เดินได้ โดยใช้
31 10. ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนจากการนอนนานๆ (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล Pneumo nia ภาวะแทรก ซ้อนจาก การนอน นาน เช่น แผลกดทับ กล้ามเนื้อ ลีบ ข้อยึด ติด และโรค ปอดอักเสบ ป้องกันการ อับชื้น และป้องกัน การเสียดสี 4. ลดแรงกดทับที่บริเวณปุ่ม กระดูกต่าง ๆ โดยการกระตุ้น ให้ขยับตัวยกก้นลอยพ้นจาก พื้นเตียง หรือช่วยพลิกตะแคง ตัวทุก 2 ชั่วโมง 5.ใช้ที่นอนลมปูรองนอน เพื่อ ลดแรงกดทับที่ผิวหนังส่วนต่าง ๆ 6.กระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลัง กายบนเตียง ในอวัยวะส่วนที่ ไม่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหว เพื่อให้มีการเคลื่อนไหวไม่เกิด การกดทับตลอดเวลา การป้องกันการเกิดภาวะ กล้ามเนื้อลีบ ข้อยึดติด 1.กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีการปฏิบัติ กิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง เท่าที่จะสามารถปฏิบัติได้ 2.แนะนำและกระตุ้นให้ออก กำลังกล้ามเนื้อต้นขา ข้อ สะโพก (ข้างที่ไม่ได้หัก) และข้อ เท้า เพื่อให้กล้ามเนื้อมีการหด อุปกรณ์ช่วย เดินได้ถูกต้อง ไม่เกิด ภาวะแทรกซ้อ นจากการนอน นานเช่น การ เกิดแผลกดทับ กล้ามเนื้อลีบ ข้อยึดติด การ ติดเชื้อในระบบ ทางเดิน ปัสสาวะ และ Hypostatic Pneumonia 3. สัญญาณชีพ ปกติ
32 10. ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนจากการนอนนานๆ (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล คลายตัว เพิ่ม muscle tone และความแข็งแรงของ กล้ามเนื้อ ข้อต่าง ๆ ได้มีการ เคลื่อนไหวซึ่งมีวิธีปฏิบัติดังนี้ 2.1การออกกำลังกล้ามเนื้อต้น ขา (Quadriceps Setting Exercise) คือการเกร็ง กล้ามเนื้อต้นขา โดยข้อไม่มี การเคลื่อนไหว เพื่อให้ กล้ามเนื้อต้นขาแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักตัวได้เมื่อ เริ่มหัดยืน และหัดเดิน 2.2 การออกกำลังข้อสะโพก คือ การยกขาขึ้นแรง ๆ (Straight Leg Raising Exercise) ขณะเดียวกันก็เกร็ง กล้ามเนื้อต้นขาไว้ด้วย เป็นการ ป้องกันการงอของข้อสะโพก และทำให้กล้ามเนื้อต้นขา แข็งแรง 2.3การออกกำลังข้อเท้า คือ การให้ผู้ป่วยกระดกข้อเท้าขึ้น ปล่อยข้อเท้าลง หมุนข้อเท้าเข้า ด้านใน และหมุนข้อเท้าออก
33 10. ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนจากการนอนนานๆ (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ด้านนอก เป็นการป้องกันข้อ เท้าตก ซึ่งจะทำให้เดินไม่ได้ การป้องกันการเกิดการติดเชื้อ ระบบทางเดินปัสสาวะ 1.ดูแลให้ผู้ป่วยไม่กลั้นปัสสาวะ ไว้ควรถ่ายปัสสาวะทุก4-6 ชม. 2.กระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ วันลิ1500-2000 มล. ประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน 3.รักษาความสะอาดของ อวัยวะสืบพันธุ์ ป้องกันการติด เชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ 4.สังเกตและบันทึกสัญญาณ ชีพ ประเมินอาการไข้ 5.สังเกตอาการปัสสาวะแสบ ขัด กระปริดกระปรอย ขุ่นมี กลิ่นเหม็น 6.เก็บปัสสาวะส่งตรวจตาม แผนการรักษา รายงานแพทย์ เมื่อมีอาการผิดปกติ การป้องกันการเกิดภาวะ Hypostatic Pneumonia 1.ประเมินลักษณะการหายใจ และฟังเสียงปอดอย่างน้อยวัน ละ 2 ครั้ง
34 10. ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนจากการนอนนานๆ (ม.1)การ ประเมินปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 2.ดูแลจัดท่านอนให้ศีรษะสูง เล็กน้อย เพื่อช่วยให้หายใจได้ สะดวก 3.แนะนำเรื่อง Breathing Exercise และ Effective Cough 4.ดูแลให้ผู้ป่วยได้ดื่มน้ำสะอาด อย่างเพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วเพื่อช่วยให้เสมหะอ่อน ตัว และสามารถขับออกได้ง่าย พร้อมทั้งสังเกตลักษณะของ เสมหะที่ออก 5.ดูแลให้มีการพลิกตัว หรือ ขยับตัว โดยไม่นอนอยู่ท่าเดียว นาน ๆ เพื่อให้มีการเคลื่อนไหว ของร่างกาย 6.บันทึกสัญญาณชีพ เพื่อดู อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ถ้า สูงขึ้นอาจมีการติดเชื้อในปอด ให้ประเมินชีพจร และอัตรา การหายใจร่วมด้วย
35 11. ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะเครียด (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1. สีหน้า ท่าทาง กังวล 2. นอนไม่หลับ 3. ไม่ให้ความ ร่วมมือในการ รักษา 1. ผู้ป่วย เสี่ยงต่อ การเกิด ภาวะ เครียด ผู้ป่วยไม่เกิด ภาวะเครียด ให้ความ ร่วมมือใน การรักษา 1.สร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วย และญาติเพื่อให้เกิดความ ไว้วางใจ การยิ้ม การทักทาย ด้วยความเป็นกันเอง ให้ข้อมูล เกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยให้ ญาติรับทราบ 2.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและญาติ ระบายความรู้สึกที่ทำให้ไม่ สบายใจ พยาบาลรับฟังอย่าง ตั้งใจ 3.ดูแลทางด้านจิตใจ เปิด โอกาสให้ผู้ป่วยปฏิบัติกิจกรรม ทางศาสนาและหาสิ่งยึดเหนียว จิตใจตามความเหมาะสม 4.จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ตามความต้องการของผู้ป่วย และความเหมาะสม เช่น ปิดไฟ 5.สร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วย โดยแนะนำให้พูดคุยกับผู้ป่วย กลุ่มโรคเดียวกัน และจัดให้ ผู้ป่วยได้เข้าร่วมผู้ป่วยได้เข้า ร่วมกิจกรรมกลุ่ม group support 6.ให้คำแนะนำญาติหรือผู้ดูแล ให้สังเกตอาการถ้ามีอาการ 1. สีหน้า ท่าทางผ่อน คลาย 2. การพักผ่อน ของผู้ป่วยปกติ 3. การให้ ความร่วมมือ ในการรักษา ด้วยดี
36 11. ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะเครียด (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ดังต่อไปนี้ควรรีบแจ้งแพทย์ พยาบาลทราบทันทีเพื่อป้องกัน การเกิดปัญหาที่รุนแรงเพิ่มขึ้น 6.1 มีอากาเปลี่ยนแปลงของ อารมณ์อย่างรวดเร็ว เช่น ร้องไห้ในขณะที่กำลังหัวเราะ 6.1.1 ไม่ทำกิจวัตรประจำวัน 6.1.2 ต้องการอยู่คนเดียว 6.1.3 เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การนอน นอนมากเกินไปหรือ น้อยเกินไป 6.1.4 มีอาการแสดงออกที่มาก เกินปกติ เช่น หวาดกลัวมาก เกินปกติ 7. ติดตามปัญหาและให้ข้อมูล เป็นระยะ ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับ ยาลดความเครียดตาแผนการ รักษา รวมทั้งประเมินภาวะ เครียดอย่างต่อเนื่อง(โดยใช้ แบบประเมินความเครียดของ กรมสุขภาพจิต)
37 ระยะจำหน่าย 12. ผู้ป่วยไม่มีกระดูกหักซ้ำ (Re fracture) จากการล้ม (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1. ผู้ป่วยสูงอายุ มี ประวัติการล้ม 1. เสี่ยง ต่อการ กลับมา รักษาซ้ำ ด้วย กระดูกหัก ซ้ำจาก การล้ม (ใน ตำแหน่ง กระดูกสัน หลัง กระดูก สะโพก กระดูก ข้อมือ กระดูกต้น แขน กระดูก ปลายต้น ขา กระดูก หน้าแข้ง ส่วนต้น 1.ป้องกัน การหกล้ม ซ้ำใน ผู้สูงอายุที่ เข้ารับการ ผ่าตัดรักษา กระดูก สะโพกหัก 1.มีการประเมินและจัดการ ความเสี่ยงต่อการพลัดตกหก ล้ม เน้นการคัด กรองหาสาเหตุ ทางร่างกายที่ส่งผลให้หกล้ม และแก้ไขภาวะดังกล่าว เช่น การ ใช้ยาที่เพิ่มความเสี่ยงการ หกล้ม (Inappropriate medication use), ภาวะเป็น ลมหมดสติ(Syncope), ภาวะ ความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยน ท่า (Orthostatic hypotension), ภาวะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle weakness), โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) เป็น ต้น 2.การให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและ ญาติในเรื่องสารอาหารที่ จำเป็น การปรับปรุงสภาพบ้านและ การดูแลต่อเนื่องเพื่อป้องกัน การหกล้มซ้ำ 3.ให้คำแนะนำผู้ดูแลตั้งแต่แรก รับเรื่องการจัดเตรียมบ้าน การ 1. ผู้ป่วยได้รับ การดูแล ต่อเนื่องเมื่อ กลับบ้านไม่ กลับเข้ารักษา ซ้ำด้วย กระดูกหักซ้ำ จากการล้ม
38 12. ผู้ป่วยไม่มีกระดูกหักซ้ำ (Re fracture) จากการล้ม (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล กระดูกข้อ เท้า) ปรับปรุงสภาพแวดล้อม ทั้ง ภายในและรอบบริเวณบ้าน เช่น เลือกวัสดุพื้นที่ไม่ลื่น ไม่ ต่างระดับ ดูแลแสง สว่างให้ เพียงพอ เลือกเฟอร์นิเจอร์ให้ เหมาะสมกับสรีระ เป็นต้น 3.1การมีผู้ดูแลใกล้ชิด 3.2การแนะนำกิจกรรมที่ควร หลีกเลี่ยง 3.3การให้สารอาหารเสริม เช่น แคลเซียม วิตามินดี โปรตีน 3.4การออกกำลังกายเพื่อ เสริมความแข็งแรงของ กล้ามเนื้ออย่างเหมาะสม 3.5ส่งเสริมการป้องกันความ เสี่ยงต่อการหกล้ม เช่น การ เลือกรองเท้า ไม้เท้าที่ เหมาะสม การปรับปรุง สิ่งแวดล้อมภายในบ้านและ รอบบ้าน 4.ก่อนกลับบ้านประเมินให้ คะแนนความเสี่ยงโดยใช้แบบ ประเมินของ Thai Frat โดย
39 12. ผู้ป่วยไม่มีกระดูกหักซ้ำ (Re fracture) จากการล้ม (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล พยาบาล ประเมิน Barthel index โดยนักกายภาพบำบัด 5.ส่งตรวจตาโดยจักษุแพทย์ ส่ง ตรวจฟันโดย ทันตแพทย์ 6.ดูแลให้ได้รับยาแคลเซียม และ วิตามินดีเสริมที่เพียงพอ ตามแผนการรักษา 13. ผู้ป่วยมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1.ผู้ป่วย/ญาติ ผู้ดูแลสอบถาม ข้อมูลในการเตรียม จำหน่าย-- ผู้ป่วย/ ญาติผู้ดูแลไม่ มั่นใจในการดูแล ผู้ป่วยเมื่อกลับไป บ้าน 1.มีความ พร้อมใน การรับ การ ส่งเสริม ความรู้ ความ เข้าใจใน การดูแล ตนเอง 1.ผู้ป่วยและ ญาติมี ความรู้ใน การฟื้นฟู สมรรถภาพ และสามารถ ดูแลตนเอง เมื่อกลับไป อยู่บ้านได้ 1.ประสานทีมสหสาขาวิชาชีพ เพื่อวางแผน จำหน่ายผู้ป่วย และการดูแล ต่อเนื่อง ร่วมกัน (Discharge planning) ดังนี้ 1.1ระบุผู้ดูแลหลักหลัง จำหน่าย 1.2มีการประเมินและ คาดการณ์ADLs หลังผ่าตัด 1.3ให้ข้อมูลและพิจารณา เตรียมสถานที่ดูแลหลัง จำหน่ายผู้ป่วยอย่างเหมาะสม 1. ผู้ป่วยและ ญาติสามารถ บอกวิธีปฏิบัติ ตัวเมื่อกลับ บ้านได้ถูกต้อง อย่างน้อย 8 ใน 10 ข้อ 2.ผู้ป่วยได้รับ การดูแล ต่อเนื่องเมื่อ กลับบ้านไม่
40 13. ผู้ป่วยมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 2.สีหน้าของผู้ดูแล แสดงความวิตก กังวล 3.ผู้ป่วย/ญาติ ผู้ดูแลไม่สามารถ ตอบคำถามเรื่อง การดูแลหลัง จำหน่ายได้อย่าง ถูกต้อง ต่อเนื่องที่ บ้าน โดยประสานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อ การเยี่ยมบ้านและประเมิน ต่อเนื่อง 1.4 มีการให้คำปรึกษาทุกด้าน ครบถ้วน ได้แก่ โภชนาการ การฟื้นฟู การใช้ยา อย่าง เหมาะสม การป้องกันหกล้มซ้ำ การประเมินและการรักษา ภาวะกระดูกพรุน ส่งเสริม สภาพแวดล้อมที่ป้องกันการหก ล้ม 1.5หลังกลับบ้าน ให้มี กระบวนการส่งเสริมให้ลุกเดิน โดยเร็ว 1.6 สอนผู้ดูแลหลักหรือ สถานพยาบาลที่รับดูแล ต่อเนื่อง และประเมิน ศักยภาพในการช่วยฟื้นฟูผู้ป่วย ต่อเนื่อง 1.7ผู้เกี่ยวข้องมีการเยี่ยมบ้าน และประเมินต่อเนื่อง โดยให้คำแนะนำผู้ป่วย ดังต่อไปนี้ 1.การใช้เครื่องช่วยเดิน เช่น walker ไม้ค้ำยัน ต้องขึ้นอยู่กับ เกิด ภาวะแทรกซ้อ น/กลับเข้า รักษาซ้ำ
41 13. ผู้ป่วยมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ความเห็นของแพทย์ว่าควรจะ เลิกใช้เมื่อใด 2.บริหารกล้ามเนื้อต้นขา, กล้ามเนื้อตะโพก,การงอและ เหยียดตะโพก ควรทำอย่าง สม่ำเสมอทุกวันแต่ไม่ควรหัก โหม 3.แนะนำการหลีกเลี่ยง เช่น การคุกเข่า การนั่งยองๆ การ ขึ้นลงบันไดการยกของหนัก การเดินบนพื้นที่ขรุขระ การนั่ง พับเพียบ หรือนั่งขัดสมาธิ การ เล่นกีฬาที่หักโหมการออกกำลัง กายโดยการกระโดด การนั่ง หรือนอนบนพื้นทำให้ลุกขึ้น ลำบาก หลีกเลี่ยงการเดินขึ้นลง บันไดบ่อยๆ 4.การเตรียมสถานที่ สิ่งแวดล้อมภายในบ้าน เช่น การจัดที่นอนให้ผู้ป่วยควรจัด อยู่ชั้นล่างหลีกเลียงการขึ้นลง บันไดและการใช้ทางต่างระดับ ดูแลไม่ให้มีสิ่งกีดขวางภายใน บ้าน
42 13. ผู้ป่วยมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 5.การเตรียมห้องน้ำควรปรับ ห้องน้ำเป็นแบบนั่งโดยใช้ส้วม ชักโครกหรือใช้เก้าอี้สุขภัณฑ์ ครอบบนโถส้วมซึม พื้นบ้านพื้น ห้องน้ำไม่ลื่น มีราวสำหรับยึด เกาะ ในเวลากลางคืนเปิดไฟให้ ส่องสว่างเพียงพอโดยเฉพาะ ทางเดินไปห้องน้ำ 6.พยายามควบคุมน้ำหนักตัว อย่าให้อ้วนเกินไปหรือห้ามยก ของหนักหรือทำงานหนัก 7.ถ้าพบอาการผิดปกติ เช่น มี ไข้สูง มีอาการบวม แดงร้อน บริเวณแผล มีน้ำเหลืองหรือ หนองไหล ออกจากแผล อาการปวด บริเวณข้อตะโพกข้างที่ผ่าตัด มาก หรือมีการเคลื่อนไหวของ ข้อตะโพกได้น้อยลง ควรมาพบ แพทย์ทันทีแม้จะยังไม่ถึงเวลา นัดก็ตาม 8.การรักษาความสะอาดของ ร่างกาย สวมเสื้อผ้าที่สะอาด และดูแลความสะอาดของที่ นอน
43 13. ผู้ป่วยมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 9.การรับประทานอาหารที่มี ประโยชน์ครบ 5 หมู่ 10.การพักผ่อนนอนหลับให้ เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ช.ม. 11.การมาตรวจตามแพทย์นัด เพื่อการรักษา 12.ให้คำแนะนำเกี่ยวกับ กิจวัตรประจำวัน 12.1.การนั่งบนเก้าอี้ นั่งแล้ว เท้าวางพอดีแขนเพื่อสะดวกใน การลุกยืน 12.2.หากจำเป็นต้องเก็บ ของที่พื้นควรใช้อุปกรณ์ช่วยใน การหยิบจากพื้นหรือให้คนอื่น ช่วยหยิบ 13.ประสานทีม IMC (Intermediate care) เมื่อ (Barthel Index )BI<15 เพื่อ ไป IMC ward หรือ Bed ที่ รพช.เพื่อไปดูแลต่อเนื่อง 14.ประสานพยาบาลเวชกรรม สังคมร่วมเตรียมความพร้อม ก่อนจำหน่ายผู้ป่วย
44 13. ผู้ป่วยมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 15.แนะนำแหล่งประโยชน์ บุคคลหรือสถานบริการ สาธารณสุขใกล้บ้านเมื่อเกิด เหตุฉุกเฉิน เพื่อขอความ ช่วยเหลือหรือคำปรึกษา 16.สำหรับผู้ป่วยที่มีข้อจำกัด ด้านการเงิน ควรติดต่อขอ ความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง ประสานต่อไปยัง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอรับการสนับสนุนการ ปรับปรุงสภาพบ้านผู้ป่วย รวมถึงมีการจัดทีมเพื่อดูแล ต่อเนื่อง - แนะนำหมายเลข 1669 กรณี เกิดเหตุฉุกเฉินเรียกรถพยาบาล รับผู้ป่วยที่บ้าน 17.ส่งต่อ Smart COC เพื่อ การดูแลต่อเนื่องที่บ้านให้แก่ สถานบริการสาธารณสุขใกล้ บ้าน หรือโทรศัพท์ประสานงาน ส่งต่อข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่สถาน บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ก่อนผู้ป่วยจำหน่าย
45 13. ผู้ป่วยมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3)การ วางแผน การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 18.โทรศัพท์เยี่ยมบ้าน (Phone F/U) ภายใน 2สัปดาห์หลัง จำหน่าย 14. ผู้ป่วยและญาติได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนจำหน่าย ด้วยขั้นตอน D METHOD (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3) เป้าหมาย การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล ข้อมูลสนับสนุน 1 ประเมินปัญหา ความต้องการของ ผู้ป่วยซ้ำก่อน จำหน่าย 1.เตรียม ความ พร้อม ผู้ป่วย ก่อน จำหน่าย ด้วย ขั้นตอน D METHOD 1.ผู้ป่วยและ ครอบครัว ได้รับการ เตรียมความ พร้อมก่อน จำหน่าย ผู้ป่วยไม่ กลับมา รักษาซ้ำ ด้วยปัญหา เดิม ขั้นตอน D METHOD D:ให้ความรู้เรื่องโรคที่เป็นอยู่ ถึงสาเหตุอาการ การปฏิบัติตัว ที่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นผู้ป่วย สูงอายุที่มีกระดูกสะโพกหัก หลังให้การรักษาแล้วต้องมีการ ฟื้นฟูสภาพร่างกาย ผู้ป่วยให้ เร็วลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน ที่เป็นอันตรายแก่ผู้ป่วย ไม่เป็น ผู้ป่วยติดเตียง เพื่อลดภาระ ของครอบครัว M:ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาที่ผู้ป่วย ต้องรับประทานต่อวันที่บ้าน และต้องรับยาโรคกระดุกพรุน อย่างต่อเนื่อง 1.ญาติเข้าใจ และฝึกทักษะ ตาม Home program ได้ 2.อัตราการ กลับเข้ารักษา ซ้ำใน โรงพยาบาล ภายใน 28 วัน จากาการดูแล ตนเองไม่ ถูกต้อง
46 14. ผู้ป่วยและญาติได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนจำหน่าย ด้วยขั้นตอน D METHOD (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3) เป้าหมาย การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล -ชื่อยา ฤทธิ์ของยา วัตถุประสงค์ของการใช้ยา วิธีการใช้ -ข้อระวังในการใช้ยา ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น จากการใช้ยา -อาการผิดปกติจากการใช้ยาที่ ต้องการกลับมาพบแพทย์ เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ผื่น คัน เป็นต้น E :แนะนำให้จัดสภาพแวดล้อม ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิด อุบัติเหตุซ้ำ เช่น ดูแลพื้นบ้าน ให้แห้ง สะอาดอยู่เสมอ เพื่อ ป้องกันการลื้นหกล้ม -ให้คำแนะนำข้อปฏิบัติในการ ใช้สิทธิบัตรต่างๆ T:อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึง เป้าหมายของการรักษา คือ ให้ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ เป็นภาระ หรือเป็นผู้ป่วยติดตี ยง ไม่มีการเคลื่อนหลุดของข้อ สะโพกเทียม ไม่มีการติดเชื้อที่ บาดแผล และป้องกัน กระดูกหักซ้ำ
47 14. ผู้ป่วยและญาติได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนจำหน่าย ด้วยขั้นตอน D METHOD (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3) เป้าหมาย การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล - แนะนำการป้องกันการพลัด ตกหกล้ม - ป้องกันภาวะแทรกซ้อนเช่น แผลกดทับ ปอดบวม เป็น ผู้ป่วยติดเตียง - แนะนำการปฏิบัติตัว เรื่อง การดูแลบาดแผล ได้แก่ ระมัดระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ ไม่ เกาะ เกาแผล การป้องกันการ ล้ม - การสังเกตความผิดปกติที่ต้อง กลับมาพบแพทย์ ได้แก่ ซึมลง ไม่รับประทานอาหาร มีไข้ หายใจเหนื่อยหอบ แผลบวม แดง มีหนอง ปวดข้อสะโพก มาก ข้อสะโพกผิดรูป H : อธิบายแนะนำให้เดินโดย ใช้เครื่องช่วยเดิน เช่น ไม้ค้ำยัน จนกว่าแพทย์จะอนุญาตให้เลิก ใช้ - แนะนำการออกกำลังกายเพื่อ ป้องกันจข้อติด กล้ามเนื้อลีบ
48 14. ผู้ป่วยและญาติได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนจำหน่าย ด้วยขั้นตอน D METHOD (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3) เป้าหมาย การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล โดยเกร็งกล้ามเนื้อขา กระดูก ข้อเท้า เหยียบงอเข่า O :เน้นให้ผู้ป่วยมาตรวจตาม นัด - ทำแผล และ/หรือ ตัดไหมที่ สถานบริการณสุขใกล้บ้าน D : แนะนำรับประทานอาหาร ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่ มีโปรตีนและแคลเซียมสูง 15. ผู้ป่วยและญาติได้รับการส่งต่อข้อมูลปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยอย่างครบถ้วน (ม.1)การประเมิน ปัญหาฯ (ม.2)การ วินิจฉัย ทางการ พยาบาล (ม.3) เป้าหมาย การ พยาบาล (ม.4)การปฏิบัติการพยาบาล (ม.6)การ ประเมินผล 1.การประเมิน ปัญหาความ ต้องการของผู้ป่วย ซ้ำก่อนส่งต่อการ รักษา 1.เตรียม ความพร้อม ผู้ป่วยเพื่อ การส่งต่อ การรักษาได้ ถูกต้อง ครอบคลุม 1.มีการส่ง ต่อข้อมูล ปัญหาและ ความ ต้องการของ ผู้ป่วยอย่าง ครบถ้วน 1.ประสานการดูแลต่อเนื่องกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2..จัดเตรียมการเคลื่อนย้าย อุปกรณ์ ใบส่งต่อ ข้อมูลผู้ป่วย ผลการตรวจต่างๆครบถ้วน
49 โรงพยาบาลสระบุรี หน้า............................... แนวทางการปฏิบัติการพยาบาลศัลยกรรม ออร์โธปิดิกส์ ทบทวนทุก 1 ปี เรื่อง การพยาบาลผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักใน ผู้สูงอายุ (Hip Fracture in Elderly) วันที่ 1 มีนาคม 2565 จัดทำโดย : หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกชาย กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลสระบุรี ผู้อนุมัติ : นางวิไลวรรณ แสงธรรม - การให้ความรู้ด้านสุขภาพ สร้างโปรแกรมการให้ความรู้ผู้ป่วยผ่าตัดดามกระดูกยึดตรึงภายในด้วยโลหะดามกระดูก ผู้ป่วยผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม การให้ความรู้โดยพยาบาลวิชาชีพ สำหรับผู้ป่วยและญาติ ตั้งแต่แรกรับ ดูแลต่อเนื่อง จำหน่ายและต่อเนื่องที่บ้าน(มาตรฐานที่ 6 ,7,8,10) โดยวิธี 1. กำหนดเนื้อหา ของชุดความรู้เรื่อง การดูแลตนเองหลังผ่าตัดยึดตรึงด้วยโลหะดามกระดูก , การป้องกันการเคลื่อนหลุดของข้อสะโพกเทียม การป้องกันการพลัดตกหกล้ม เพื่อป้องกัน การหักซ้ำ 2. จัดทำเอกสาร คู่มือการให้ความรู้ เรื่อง การดูแลตนเองหลังผ่าตัดยึดตรึงด้วยโลหะดาม กระดูก ,การป้องกันการเคลื่อนหลุดของข้อสะโพกเทียม การป้องกันการพลัดตกหกล้ม เพื่อ ป้องกันการหักซ้ำ 3. กำหนดวิธีการให้ความรู้ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายเช่น 3.1 จัดบอร์ด 3.2 ให้ความรู้รายบุคคล 3.3 ให้ความรู้รายกลุ่ม 4. กำหนดวิธีประเมินผลหลังให้ความรู้ - การพิทักษ์สิทธิผู้ป่วย พยาบาลผู้ให้บริการตามแนวปฏิบัตินี้ จะดำเนินการพิทักษ์สิทธิ์ของผู้มารับบริการโดย ปฏิบัติดังนี้ 1.ให้การพยาบาลโดยใช้ความรู้ในวิชาชีพและวิจารณญาณในการตัดสินใจดูแลผู้ใช้บริการเป็นรายๆ ตามความเหมาะสมและรู้สิทธิพึงมี พึงได้ของผู้ใช้บริการทุกลักษณะเพื่อให้การดูแลที่ถูกต้อง เหมาะสม 2.ให้การพยาบาล ผู้ใช้บริการทุกรายอย่างเท่าเทียมกันไม่มีการเลือกปฏิบัติ