มนุษย์ที่เร่ิมรู้จักท่ีจะมีพิธีการเก่ียวกับการจัดการกับชีวิตหลัง
ความตายเพ่ือให้เป็นท่ีแน่ใจว่าบุคคลท่ีเสียชีวิตน้ันจะให้ประสบกับ
ความสขุ ความสบาย เชน่ เดียวกบั เมื่อยังมีชีวิตหรือดีกว่า การจัดงานให้กับ
ผ้ตู ายหรอื ทเี่ รยี กกนั ติดปากวา่ จัดศพหรอื จดั งานศพนั้นมีมานานมากต้ังแต่
มนุษยเ์ รม่ิ รู้จักทจ่ี ะประกอบพิธีกรรมให้กับผู้เสียชีวิต นับตั้งแต่ที่เอาสิ่งของ
ต่าง ๆ บรรดามีฝังรวมกับผู้ตายและค่อย ๆ พัฒนารูปแบบในที่สุดตาม
ความเชื่อของแต่ละกลุ่มชนจนกลายเป็นวัฒนธรรมของกลุ่มชนเหล่านั้น
การหล่ังไหลถ่ายเททางวัฒนธรรม หรือโลกาภิวัตน์ทาให้สภาพ
สังคมล้านนาเปลี่ยนไป ความเจริญในด้านต่าง ๆ ที่มากข้ึน รวมท้ัง
วัฒนธรรมไทยภาคกลางซึ่งเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักของประเทศได้เข้า
มามบี ทบาทมากข้นึ ทาให้สภาพการดารงอยู่ สง่ ผลให้รูปแบบพิธีกรรมงาน
ศพ การทาปราสาทศพ ได้ประยุกต์ไปตามกระแสการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ
ยังปรากฏในรูปแบบของปราสาท ท้ังรูปแบบ ศิลปกรรม ลวดลาย ความ
อ่อนช้อย ซึ่งเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมใหม่จากไทยภาคกลาง
จากความเป็นมาและความสาคัญข้างต้นจะเห็นได้ถึงความสาคัญ
ของการทาปราสาทศพแบบล้านนา คณะผู้จัดทาจึงมีความประสงค์ท่ีจะ
จัดสร้างโครงงานเรื่อง ปราสาทศพล้านนา สกุลช่างร่องบัวลอย เพื่อเป็น
การอนุรกั ษ์ภูมิปัญญาในการทาปราสาทใสศ่ พของสกุลช่างร่องบัวลอยและ
เผยแพร่ภูมิปัญญาดังกล่าวในรูปแบบของสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้เป็น
ประโยชน์แกผ่ ู้สนใจศึกษาต่อไป
ชญานติ ย์ กมลเพชร และคณะ
ปราสาทศพล้านนา
สกลุ ชา่ ง
รอ่ งบัวลอย
บ้านรอ่ งบวั ลอย ต. สิรเิ วยี งชยั
อ.เมอื ง จ.เชยี งราย
เร่ิมดาเนินการโดยนายพุฒ บุญวงค์ ซ่ึงได้ดาเนินการเม่ือปี
พ.ศ. 2530 จนถึงปจั จบุ ันไดด้ าเนนิ กิจการมาแล้ว 33 ปี โดยได้ไปศึกษา
เรียนรู้การทาปราสาทจากนายทา ศรีเป็ง นายมา ศรีเป็ง และนายมา
ลือชัย ซึ่งได้สืบทอดการทาปราสาทมาจากบรรพบุรุษที่อพยพมาจาก
บ้านดอนแก้ว อาเภอห้างฉัตร จงั หวดั ลาปาง
โดยได้มาต้ังรกรากท่ีบ้านร่องบัวลอย อาเภอเวียงชัย จังหวัด
เชียงราย ในการทาครั้งแรกเป็นการทาเพื่อช่วยเหลือกันและกันในหมู่
ญาตพิ นี่ ้องบา้ นใกล้เรอื นเคยี ง...
และชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันท่ีมีญาติพ่ีน้องตายในบ้านก็ช่วยกันทา
ปราสาทบรรจุโลงศพ
จากนั้นมาคนที่เป็นลูกมือทั้งหลายก็มีความชานาญขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะเป็นงานที่สามารถเรียนรู้ได้ และดูจากรูปแบบโครงสร้างก็
สามารถทาได้ หรือบางคนเป็นลักษณะครูพักลักจาบ้าง จนมีการเรียนรู้
และสืบทอดกันมาหลายๆ รุ่น และแตกแขนงออกเป็นหลายกลุ่ม ในยุค
ทเ่ี ฟื่องฟทู ีส่ ุดมมี ากถงึ 13 กลุ่ม แต่ละกลมุ่ จะมีช่างของตนเอง เช่น ช่าง
ตัดไม้ ช่างทาตัวปราสาท ช่างทาหลังคา ช่างทายอดปราสาท ช่างแกะ
ลาย ตอ้ งลาย ฉลุลาย ทาช่อฟ้า ใบระกา หรือช่าง 1 คน สามารถทาได้
ทุกอย่าง การทาปราสาทจะสวยงามประณีตเพียงใดอยู่ท่ีการพัฒนา
ฝีมือและการประยุกต์ของช่างแต่ละคน ความสวยงาม ความอลังการ
อยู่ท่ีงบประมาณของแต่ละคนท่ีมาสั่งทา งบประมาณตั้งแต่หลักพันไป
จนถึงหลกั หม่นื -หลกั แสน
ดาเนินการโดยนายรัตน์ เผ่าปินตา ซึ่งได้ดาเนินการเมื่อปี
พ.ศ. 2518 จนถงึ ปัจจุบนั ได้ดาเนนิ กิจการมาแลว้ 45 ปี
ตั้งต้นสืบทอดจากการทาปราสาทมาจากร้านร่องบัวลอย 1
เรมิ่ แรกไดเ้ ปน็ ลูกมืออยใู่ นรา้ น และฝากตัวเปน็ ศิษยไ์ ดเ้ รยี นรูว้ ิชาการทา
ปราสาทในรูปแบบต่าง ๆ จนสาเร็จ ซ่ึงได้ศึกษาและสั่งสม
ประสบการณ์การทาปราสาทจนมีความเชี่ยวชาญ จงึ ได้ลงทุนร่วมกัน 5
คน เพื่อทาการก่อตั้งร้านทาปราสาท แต่เน่ืองจากประสบปัญหาใน
หลาย ๆ ด้าน จงึ ไดอ้ อกมาเปิดร้านทาปราสาทเอง
พิ ธี ก ร ร ม ก า ร จั ด ง า น ศ พ ข อ ง ช า ว ล้ า น น า เ ป็ น พิ ธี ก ร ร ม ท่ี
ผสมผสานความเชื่อทางศาสนาระหว่างพุทธ ศาสนาพราหมณ์
ตลอดจนด้านไสยศาสตร์ จากการศึกษาพบว่าพิธีกรรมการจัดงานศพ
ของชาวลา้ นนาจะได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ โดยชาว
ล้านนาถือว่าการตายเป็นเรื่องท่ีสาคัญของคนในหมู่บ้านที่จะต้อง
ช่วยเหลือกัน ไม่ว่าจะเป็นงานศพของชาวบ้าน ตลอดจนงานศพของ
พระสงฆ์ และคนในชุมชนที่จะแสดงออกถึงบทบาทหน้าที่ที่พึงกระทา
ตอ่ ผู้ตายตามหลักทางพระพุทธศาสนา
สล่าเสริฐ ศรีเป็ง ได้กล่าวถึงความเชื่อเร่ืองการทาปราสาทศพไว้
การทาปราสาทศพนั้นเป็นเรื่องของการสร้างที่อยู่ให้กับคนตายโดยท่ี มี
จุดประสงค์ในการให้คนตายไปอยู่ในท่ีดี ๆ ก็อยู่ในปราสาท หรือเป็นการ
สร้างท่ีอยู่ในภพภูมิต่อไปที่เช่ือกันว่าวิญญาณที่ตายจะไปอยู่ในภพภูมิที่
สูงข้ึน บางคนเช่ือของคนล้านนาการตายคือการหลุดพ้นจากวงการที่ตน
ได้เคยทาไว้ลักษณะของภาษาศาสตร์ยังบ่งบอกถึงฐานะของผู้ท่ีตายเช่น
ลักษณะปราสาทของพระสงฆ์จะมีลักษณะท่ียิ่งใหญ่มากกว่าคนธรรมดา
และมลี กั ษณะทแี่ ตกตา่ งออกไปเนอื่ งจากได้รับการยกยอ่ งจากคนในสงั คม
นอกจากน้ีการทาภาษาศพน้ันยังมีความเช่ือและเร่ืองของการ
ยกขันครู และมีการเลี้ยงผีครูปีละ 1 คร้ังตามความเช่ือที่มีมาต้ังแต่
โบราณซ่งึ ปจั จบุ ันสล่าเสริฐก็ยังคงสบื ทอดความเช่ือนัน้ อยู่
สล่าเสริฐยังกลา่ วไว้วา่ การทาปราสาทศพในปัจจุบนั เป็นเรือ่ ง
ของการบ่งบอกฐานะ และการทาปราสาทศพเปน็ เรือ่ งของการทาธุรกิจ
ไปแลว้ ในสมยั น้ี ซึง่ สล่าเสริฐกเ็ ห็นความสาคัญในจดุ นีจ้ ึงเน้นการสรา้ ง
ปราสาทศพในเชิงพาณิชย์มากกว่า
การจัดพิธีกรรมศพของชาวพุทธล้านนาต้องปฏิบัติตามคติ ความ
เช่ือให้ถูกต้องตามประเพณี เพื่อความอยู่ดีมีสุข ของญาติพ่ีน้อง และผู้ท่ี
ลว่ งลับไปแล้วนอกจากความเชื่อเรอ่ื งศาสนาพทุ ธแล้วชาวล้านนามีพ้ืนฐาน
ความเชื่อจากอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ว่าด้วยเร่ืองของวิญญาณผู้ตาย
จะไปอาศัยร่างใหม่ พธิ ีกรรมการเผาศพจึงมุ่งเน้นความเช่ือในเร่ืองของโลก
หน้า โดยการทาใหว้ ิญญาณของผู้ตายไดร้ ับประโยชนม์ ากท่สี ุด
ความเชื่อเรื่องของการทาปราสาทศพนั้น ชีวิตหลังความตาย การ
ไปสู่ภพภูมิท่ีดีกว่า ดังน้ันปราสาทศพเปรียบเสมือนวิมานของสวรรค์ท่ีเชื่อ
ว่าคนตายจะไปสู่ภพภูมิที่สูงข้ึนหลังจากตายถ้าหากได้อยู่บนปราสาทศพ
โดยมีการกล่าวว่าประสาทสมดุลดังเดิมน้ันมีลักษณะของสัตว์ที่จะนาพา
ผู้ตายขึ้นไปสู่ภพภูมิท่ีดีกว่าหรือขึ้นไปสู่บนสวรรค์นั่นเองตัวอย่างเช่นนก
หัสดีลิงค์ หรือช้างเอราวัณและตามความเช่ือพื้นเมืองก็เป็นลักษณะของ
สัตวต์ ามความเชือ่ ของแต่ละพื้นถนิ่
สล่ารัตน์ยังกล่าวถึงขบวน
ท่ีแห่คนตายไปยังสถานท่ีฌาปนกิจ
การท่ีมีตุง 3 หางที่เปรียบได้ถึงไตร
ลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เ ป็ น ห ลั ก ธ ร ร ม ข อ ง ศ า ส น า พุ ท ธ
กล่าวถึงการเกิดแก่เจ็บตายเป็นวัฏ
จักรซ่ึงเชื่อว่าตรงสามทางนั้นจะ
เป็นการนาทางวิญญาณผู้ตายไปสู่
ปรโลกโดยมพี ระธรรมเป็นผูน้ าทาง
ความเชื่ออีกอย่างหนึ่งของชาวล้านนาคือการจะนาห่อข้าวใส่
ถุงจานวน 100 ห่อ (ถุงข้างด่วน) เพ่ือให้คนตายนาไปกินระหว่างการ
เดินทางเพราะความเช่ือของชาวล้านนาผู้ตายจะใช้เวลา 100 วันเพื่อ
ไปสู่ภพภูมิต่อไปนอกจากน้ีบางความเชื่อยังกล่าวถึงการปล่อยเงินเพ่ือ
เป็นขอแลกเปลี่ยนสาหรับการเดินทางอีกด้วย นอกจากน้ีการตกแต่ง
ปราสาทศพยังมีเร่ืองของยอดท่ีลาโพงบอกถึงสถานะทางสังคมของ
ผู้ตายอีกด้วยตัวอย่างเช่นประชาชนท่ัวไปปราสาทศพก็จะมีจานวน 1
ยอดพระสงฆ์มี 3 ยอดและบุคคลช้ันสูงชั้นเจ้านายมี 7 ยอด
พระพทุ ธเจ้ามยี อดทง้ั หมด 9 ยอดทถ่ี ือเปน็ วรรณะสูงสดุ ตามความเช่อื
สล่ารัตน์ เผ่าปินตา กล่าวว่าวิธีการสร้างปราสาททาอยู่ 2
รูปแบบคือ ปราสาทที่ทาด้วยไม้ ซ่ึงเป็นวัสดุดั่งเดิมส่วนใหญ่ทามาจาก
ไม้ตีนเป็ด ไม้ง้ิว เพราะมีน้าหนักเบาและเวลาเผาจะไหม้ไฟได้ง่าย และ
รูปแบบท่ีเป็นวิวัฒนาการของปราสาท สามารถนามาใช้ให้เกิด
ประโยชนไ์ ด้ โดยจะนาโต๊ะ เก้าอ้ีมาประดับในปราสาท เม่ือเวลาเผาศพ
แล้วก็จะนาโต๊ะโดยจานวนท่ีนิยมใช้ได้แก่ 6 ตัว 12 ตัว 18 ตัว 24 ตัว
30 ตัวอ้างอิงตามฐานะของผู้ตาย เก้าอี้เหล่าน้ันไปมอบถวายให้กับวัด
เพ่อื ใช้ในสาธารณประโยชน์ของชมุ ชนตอ่ ไป
สล่าเสริฐ ศรีเป็ง กล่าวว่าในการทาปราสาท มีกระบวนการ
ข้ันตอน รูปแบบและวิธีการสร้างปราสาท โดยในการทาส่วนประกอบ
แต่ละส่วนแยกออกจากกันและทาเตรียมไว้ล่วงหน้าเป็นจานวนมาก
เน่อื งจากการสงั่ ทาปราสาทไมม่ กี าหนดท่ีแน่นอน ข้ึนอยู่กับการเป็นการ
ตายของคนเรา การทาปราสาทจึงต้องจัดเตรียมวัสดุทุกอย่างไว้ให้
พรอ้ มตลอดเวลา ทีเ่ รียกกันวา่ สัง่ เชา้ ไดส้ าย ส่งั บ่ายไดเ้ ย็น
หลังคาและยอดปราสาท ส่วนท่ีเป็นหลังคาปราสาท ช่างทา
ปราสาทจะจัดทาส่วนหลังคาแยกไว้ต่างหาก เพื่อความสะดวกในการ
ขนย้าย และสามารถยกมาประกอบทีหลังได้ จึงมีการทาปราสาทแยก
แต่ละส่วนไว้เป็นจานวนมาก และพร้อมที่จะประกอบให้แล้วเสร็จ
ภายในวนั เดยี วได้
ในการทาส่วนท่ีเป็นโครงหลังคาจะมีขนาดเดียวกับทาเสา
ปราสาท โดยให้ได้สัดส่วนและมีความสัมพันธ์กันทั้งโครงปราสาทและ
หลังคา เช่น เสา 8 ต้น จะทามุม 4 เหล่ียม เสา 12 ต้น จะทามุม 6
เหลี่ยม เสา 24 ต้น จะทามุม 8 เหล่ียม เป็นต้น โดยช่างจะเน้นหลังคา
รูปทรงไทย มีลักษณะ 3 ชั้น 5 ชั้น 7 ช้ัน หรือ 9 ชั้น ข้ึนอยู่กับความ
ตอ้ งการของลูกค้า
ากการศึกษาท่ีมาและความเช่ือของสล่าในชุมชนบ้านร่องบัว
ลอย มีความคล้ายคลึงกันในส่วนของลวดลาย รูปแบบ ขั้นตอน
ตลอดจนระยะเวลา จึงทาการสรปุ ไดด้ ังนี้
การต้องลาย หรือการฉลุลายเป็นการพับกระดาษขนาดต่าง ๆ
เป็นขนั้ ๆ ตามทไี่ ดก้ าหนดไว้ จากน้ันเขียนลายตามแบบท่ีกาหนด ไว้ลง
บนกระดาษที่พับไว้และใช้ซ่ิวเจาะตามลวดลายที่ได้เขียนแบบไว้เพื่อ
ให้เกิดลวดลายท่ีสวยงามและนาไปติดประดับบนปราสาทศพลักษณะ
สา เป็นลวดลายท่ีเกิดจากการผสมระหว่างลายไทยและลวดลายการ
จินตนาการของสล่าแตล่ ะปราสาท ดังนั้นลวดลายของการต้องลายจึงมี
ความเปน็ เอกลกั ษณ์ เฉพาะของแต่ละสล่า
ระยะเวลาในการสรา้ งปราสาทศพ
ใชเ้ วลาการสรา้ งประมาณ 1-2 วันหรือน้อยกวา่ นนั้ แลว้ แต่ลูกค้าสงั่
ปราสาทศพ เป็นคาสามญั ชนใช้เรียกพิมาน หรือวิมาน ในอดีต
ปราสาทศพจะใช้กันในหมู่พระภิกษุและสามเณรก่อนแล้วจึงแพร่หลาย
ไป สู่ชาวบ้าน ปราสาทศพใช้สาหรับเรือนศพที่สามารถทาการ
เคลอ่ื นย้าย สู่สถานท่ฌี าปนกจิ สถานเพื่อทาการประชมุ เพลิง ในปัจจุบนั
การสร้า ปราสาทศพโดยท่ัวไปเป็นการจาลองรูปทรงของปราสาทราช
วังมาเป็นแบ ในการสร้างปราสาทศพที่มีความสอดคล้องกับคติชนของ
ล้านนามีความเชื่อว่าเม่ือได้อุทิศปราสารทศพให้กับคนตายและทาการ
เผาพร้อมกับศพจ ทาให้คนตายได้อยู่ในปราสาทราชวังในโลกหลัง
ความตาย
รูปทรงปราสาทศพทีป่ รากฏในปัจจบุ นั ออกเปน็ 3 รปู ทรง ดังน้ี
1. ปราสาทหลังคาทรงจตั รุ มุข
2. ปราสาททรงวมิ านหรอื ทรงต่างวิมาน
3. ปราสาทหงส์
1. เริ่มจากการสร้าง ฐานปราสาท โดยท่ัวไปฐานปราสาท
จาแนกได้เป็น 2 ลักษณะได้แก่ ฐานปราสาทธรรมดา และฐานแบบ
แท่นแกว้ โดนใช้ไม้ทีเ่ ตรยี มไวโ้ ดยมลี ักษณะเป็นเสาและเปน็ แผน่
2. จากนั้นทาการข้ึนโครงหลังคาหลังคา ซึ่งปราสาทศพจะเป็น
ลักษณะเฉพาะของแต่ละข้างรูปทรงของหลังคานั้นเป็นหลังคาทรง
จัตุรมุขหรือ ทรงวิหาร หรือทรงหน้าเปิด เป็นหลังคามีหน้าบันเปิดออก
ทั้งส่ที ศิ มจี านวนช้นั ของหลงั คา
3. ในสว่ นสุดทา้ ย ทายอดปราสาทเป็นส่วนบนสุดของปราสาท
ศพจึงตอ้ ง มีความเบาและแข็งแรงควบคู่กันทาเป็นชั้นลดหล่ันวางซ้อน
กันเป็นชั้น ๆ ประกอบด้วย ปลียอด บัวกลุ่ม และฉัตร และนาทั้ง 3
ส่วนมาประกอบเขา้ ด้วยกนั
4. ตกแต่งปราสาทศพดว้ ยผา้ และดอกไม้ประดิษฐ์