แบบทดÿอบชุดที่1 วิชาเครื่องทำความเย็น รĀัÿ 20104 - 2007 1.ÿมัยโบราณในแถบประเทýที่มีอากาýĀนาüเย็น มนุþย์รู้จักการเก็บรักþาและถนอมอาĀารอย่างไร ก. แช่ตู้เย็น ข. ตากแดด ค. แช่แข็งĀรือĀมกĀิมะ ง. Āมัก จ. รมคüัน 2. มนุþย์ได้ทำการทดลองผลิตน้ำแข็งขึ้นครั้งแรก เมื่อปี พ.ý. ใด ก. พ.ý. 2343 ข. พ.ý. 2363 ค. พ.ý. 2367 ง. พ.ý. 2377 จ. พ.ý. 2453 3. ผู้ประดิþฐ์ระบบคอมเพรÿเซอร์อัดไอ เป็นคนแรกคือใคร ก. จาคอบ เพอร์กินÿ์ ข. ไมเคิล ฟาราเดย์ ค. เจ.เอ็ม. ลาร์เซน ง. โจเซฟ แมคครีตี้ จ. ที.ซี. มอริชคอกต์ 4. ตู้เย็นที่ใช้ในบ้านถูกÿร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ý. ใด ก. พ.ý. 2343 ข. พ.ý. 2363 ค. พ.ý. 2367 ง. พ.ý. 2377 จ. พ.ý. 2453 5. ข้อใดกล่าüถึงคüามĀมายของ “การทำคüามเย็น” ได้ถูกต้อง ก. การลดและรักþาระดับอุณĀภูมิของเนื้อที่ü่างๆ ใĀ้ต่ำกü่าปกติ ข. การเพิ่มและรักþาระดับอุณĀภูมิของเนื้อที่ü่างๆ ใĀ้ÿูงกü่าปกติ ค. การเพิ่มĀรือลดอุณĀภูมิใĀ้เĀมาะÿมกับÿภาพอากาý ง. การเพิ่มĀรือลดอุณĀภูมิใĀ้เĀมาะÿมตามคüามต้องการ จ. ถูกทุกข้อ 6. ปัจจุบันได้มีการนำระบบทำคüามเย็นมาประยุกต์ใช้ในงาน ยกเü้นเรื่องใด ก. การผลิตอาĀาร ข. การเก็บรักþาอาĀาร ค. การปรับอากาý ง. การทำคüามเย็นเพื่อการขนÿ่ง จ. การตลาด 7. อุตÿาĀกรรมประเภทใด ที่ต้องอาýัยการทำคüามเย็นช่üยในกระบüนการผลิต ก. อุตÿาĀกรรมเคมี ข. โรงกลั่นน้ำมัน ค. โรงแยกก๊าซปิโตรเคมี ง. การขนÿ่งอาĀารแช่แข็ง จ. ถูกทุกข้อ
ตอนที่ 1 จงตอบคําถามต่อไปนี้ 1. การทําความเย็น หมายถึง การลดและรักษาระดับอุณหภูมิของเนื้อที่ว่างๆ ให้ตํ่ากว่าปกติเช่น การทําความเย็นในตู้เย็น ตู้นํ้าเย็น ตู้แช่ ห้องเย็น โรงนํ้าแข็ง เป็ นต้น ส่วนการปรับอากาศ (Air Conditioning) จะมีความหมายถึงการเพ ิ่มหรือลดอุณหภูมิให้เหมาะสมตามความต้องการ การปรับอากาศ หมายถึง เป็ นสาขางานที่อาศัยการทําความเย็นมาประยุกต์ใช้มากที่สุด โดยจะทํางานร่วมกับระบบ ควบคุมความชื้น การกรองอากาศ การทําให้อากาศหมุนเวียน การระบายอากาศ เพื่อความ สุขสบายของคน หรืองานปรับอากาศที่ใช้ในกระบวนการผลิตต่างๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงงานทอผ้า โรงพิมพ์โรงงานผลิตกระดาษ โรงงานผลิตยา เป็นต้น 2. อุณหภูมิเกี่ยวข้องกับการปรับอากาศอย่างไร ขณะที่อากาศโดยรอบมีอุณหภูมิลดตํ่าลง การถ่ายเทความร้อนจากแหล่งกําเนิดจะเกิดเร็ว ขึ้นและถ้าอากาศโดยรอบมีอุณหภูมิสูงขึ้น การถ่ายเทความร้อนจะถูกลดอัตราความเร็วให้ช้าลง อากาศเย็นจะทําให้อัตราการระเหยเป็ นไปได้เร็วขึ้น ถ้าอากาศร้อนอุณหภูมิใกล้ผิวสูงขึ้นอัตรา การระเหยจะลดลง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจํานวนความชื้นสัมพัทธ์ที่มีอยู่ในอากาศและความเร็วใน การเคลื่อนที่ของอากาศ 3. ความชื้นสัมพัทธ์เกี่ยวข้องกับการปรับอากาศอย่างไร ขณะที่ความชื้นสัมพัทธ์ตํ่าจะทําให้การถ่ายเทความร้อนเพิ่มมากขึ้น ที่เป็ นเช่นนี้ เพราะ อากาศมีความชื้นสัมพัทธ์ตํ่าจะแห้งพร้อมที่จะรับไอนํ้าได้อีกมาก อากาศที่มีความชื้นสัมพัทธ์สูง จะมีผลทําให้กระบวนการถ่ายเทอัตราความร้อนลดลง ภาวะที่เหมาะสมสําหรับร่างกายมนุษย์ ประมาณ 22-26 0 C และความชื้นสัมพัทธ์45-50 % 4. ระบบทําความเย็นถูกนํามาใช้งานด้านใดบ้าง 1. การผลิตอาหาร (Food Processing) 2. การเก็บรักษาอาหาร (Food Storage) 3. การผลิตในงานอุตสาหกรรม (Industrial Process) 4. การทําความเย็นเพื่อการขนส่ง (Transportation Refrigeration) 5. การปรับอากาศ (Air Conditioning) 1
2 5.จงอธิบายความแตกต่างกันระหว่างแหล่งความร้อนภายในและภายนอกตัวอาคารและสํานักงาน 1. แหล่งความร้อนจากภายใน (Indoor Heat Sources) ถ้าเป็ นภายในอาคาร หมายถึง ความร้อน จากคน จากไฟฟ้ า แสงสว่าง จากเครื่องใช้ไฟฟ้ า แต่ถ้าเป็ นภายในรถแล้วแหล่งความร้อน จากภายในก็หมายถึงคนเพียงอย่างเดียว คนจึงเป็ นแหล่งความร้อนที่ให้ทั้งความร้อนสัมผัส และความร้อนแฝง 2. แหล่งความร้อนจากภายนอก (Outdoor Heart Sources) หมายถึงแหล่งความร้อนจาก ภายนอก แหล่งความร้อนที่ใหญ่ที่สุดก็คือ ดวงอาทิตย์ความร้อนจากดวงอาทิตย์ผ่านเข้าใน อาคารหรือภายในรถได้2 ทาง คือ เข้ามาโดยตรงด้วยการส่งผ่านเข้ามาทางกระจก และ ทางอ้อมโดยการนําความร้อน (Conduction) ผานวัสดุที่ใช้ทําผนังของรถเข้ามา ่ เป็นต้น ตอนที่ 2 จงเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. สมัยโบราณบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นมีวิธีการถนอมอาหารอย่างไร ง. แช่แข็งหรือหมกหิมะ 2. ผู้ประดิษฐ์คอมเพรสเซอร์อัดไอสําเร็จเป็นคนแรกคือใคร ก. จาคอบ เพอร์กินส์ 3. การทําความเย็นเข้ามาเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมชนิดใดบ้าง ง. ถูกทุกข้อ 4. เกรน (Grain) เป็นหน่วยวัดของสิ่งใด ค. ความชื้น 5. ความชื้นสัมพัทธ์ที่ 50% หมายถึงอะไร ข. อากาศมีไอนํ้าอยู่ครึ่งหนึ่ง ณ จุดนั้น 6. อากาศอิ่มตัว (Saturatd) หมายถึง ค. ค่า WE =DE 7. ความร้อนสัมผัส หมายถึงอะไร ก. ปริมาณความร้อนที่ทําให้มนุษย์รับรู้รู้สึกได้ 8. Latent Heat หมายถึง ค. ความร้อนที่ใช้เปลี่ยนนํ้าให้เป็นไอ 9. อุณหภูมิที่มีความสบายต่อร่างกายมนุษย์นั้นอยู่ระหว่างกี่องศา ข. 23 -25 0 C 10. ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะมีปริมาณมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสิ่งใด ง. ถูกทุกข้อ ตอนที่ 1 จงตอบคําถามต่อไปนี้ 1. ระบบการทําความเย็นแบ่งออกได้อย่างไรบ้าง 1. ระบบใช้กลไก (Mechanical) เป็ นระบบการสร้างหรือทําความเย็นขึ้นโดยการทํางานของ กลไกต่างๆ เป็ นที่นิยมแพร่หลาย เรียกกันโดยทั ่วไปว่า การทําความเย็นแบบอัดไอ (Vapor Compression) 2. ระบบไม่ใช้กลไก (Non Mechanical) เป็ นระบบการสร้างหรือทําความเย็นโดยไม่ต้องอาศัย กลไกใดๆ การทําความเย็นระบบนี้ ได้แก่ การทําความเย็นแบบดูดซึม (Absorption) แบบใช้ไอนํ้า (Steam Jet) และระบบใช้การขยายตัวของอากาศ (Air Expansion) เป็นต้น 2. อุปกรณ์ที่สําคัญของระบบการทําความเย็นแบบอัดไอคืออะไร 1. คอมเพรสเซอร์ (Compressor) ทําหน้าที่ดูดนํ้ายาในสภาพที่เป็ นไอจากอิแวโพเรเตอร์ และอัด ให้มีความดันสูงขึ้นจนสามารถควบแน่นได้ที่คอนเดนเซอร์ 2
3 2. คอนเดนเซอร์ (Condenser) ทําหน้าที่ระบายความร้อนออกจากนํ้ายาหรือสารความเย็น เพื่อ ควบแน่นเป็นของเหลวและส่งเข้ารีซิฟเวอร์ 3. รีซิฟเวอร์ (Receiver) ทําหน้าที่สะสมของเหลวที่ออกจากคอนเดนเซอร์เพื่อจ่ายให้แก่อิแวโพเรเตอร์ได้ตลอดเวลาในการทํางาน 4. วาล์วลดความดัน (Expansion Valve) ทําหน้าที่ลดความดันของนํ้ายาที่ออกจากคอนเดนเซอร์ เพื่อจ่ายให้กับอิแวโพเรเตอร์ 5. อิแวโพเรเตอร์ (Evaporator) ทําหน้าที่ดูดความร้อนออกจากบริเวณรอบๆ เพื่อทําให้นํ้ายา เปลี่ยนสถานะเป็นไอ และทําให้บริเวณใกล้เคียงเกิดความเย็นขึ้น 3. ลักษณะการทํางานของระบบการทําความเย็นแบบอัดไอเป็นอย่างไร การทํางานเริ่มจากการที่คอมเพรสเซอร์ดูดนํ้ายาในสภาพที่เป็ นไอจากอิแวโพเรเตอร์เข้าทางด้านดูด (Suction) ของคอมเพรสเซอร์ และอัดออกให้มีความดันสูงขึ้นและส่งออกทางด้านส่ง (Discharge) ของ คอมเพรสเซอร์เข้าไปยังคอนเดนเซอร์ 4. จงยกตัวอย่างเครื่องมือเฉพาะช่างซ่อมเครื่องทําความเย็นพร้อมวิธีการใช้มา 5 ชนิด 1. คัตเตอร์(Cutter) เป็ นเครื่องมือที่ใช้ในการตัดท่อทองแดงและอะลูมิเนียม โดยจะมีร่องที่ ลูกกล ิ้ ง การตัดท่อกระทําได้โดยการหมุนมือหมุนจนกระทั ่งใบมีดสัมผัสกับท่อแล้วหมุนคัตเต อร์รอบท่อ หมุนมือหมุนให้ใบมีดกินเนื้อท่อแล้วหมุนคัตเตอร์รอบท่ออีก ทําสลับกันเช่นนี้ เรื่อยไปจนกระทั ่งท่อขาด 2. รีมเมอร์(Reamer) เป็ นเครื่องมือที่ใช้ในการคว้านปากท่อที่ตัดแล้วให้เรียบ การคว้านท่อ ควรควํ่าปากท่อลงเพื่อมิให้เศษท่อตกลงไปในท่อ 3. มีดตัดขอบตู้เย็น (Adjustable Door Gasket Notched) เป็ นมีดที่ใช้ตัดขอบยางขอบตู้เพื่อการ เข้ามุมต่างๆ ตามชนิดของมุมมีดชนิดปรับมุมได้ตามต้องการ 4. ลวดวัดขนาดของท่อแคพิลลารี(Capillary Tube Gauge) เป็ นลวดที่มีขนาดต่างๆ กันใช้ สอดใส่ในรูของท่อแคพิลลารีเพื่อต้องการทราบขนาดของท่อแคพิลลารี 5. เครื่องมือขยายท่อ (Swaging) เป็ นเครื่องมือที่ช่วยในการต่อท่อ เครื่องมือดังกล่าวจะประกอบด้วย ตัวจับและเหล็กขยายท่อ การขยายท่อทําได้โดยการใช้เครื่องมือจับท่อจับท่อที่ต้องการขยายแล้ว ใช้เหล็กขยายท่อใส่ในท่อใช้ค้อนตอกขยาย ท่อที่ขยายแล้วจะสวมเข้ากับท่อขนาดเดียวกันได้ 5. จงอธิบายการต่อแมนิโฟลด์เกจเข้ากับระบบ 1. ตรวจดูวาล์วหมุนของแมนิโฟลด์เกจทั้ง 2 ด้าน ต้องอยู่ในตําแหน่งปิดทั้งสองด้าน 2. คลายสายแมนิโฟลด์เกจออกจากปลั ๊กตัน ซึ่งมักอยู่ด้านหลังหรือด้านข้างของแมนิโฟลด์เกจ 3. เปิดฝาครอบวาล์วบริการทั้ง 2 ด้านที่คอมเพรสเซอร์นําที่เปิดมาเปิดครอบวาล์วบริการทั้ง 2 ตัว มาขันเก็บไว้ที่ปลั ๊กตันของแมนิโฟลด์เกจ 4. ต่อสายเกจเข้ากับวาล์วบริการที่คอมเพรสเซอร์โดยใช้มือข้างหนึ่งขันนอตล็อกสายเกจเข้า ไปในวาล์วบริการพร้อมกับใช้มืออีกข้างหนึ่งกดสายเกจเข้าไปให้แน่นและตรงตลอดเวลาใน ขณะที่ขันนอตล็อก 5. ขณะนี้แมนิโฟลด์เกจพร้อมที่จะใช้งานต่อไป
4 ตอนที่ 2 จงเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. ข้อใดไม่จัดอยู่ในระบบการทําความเย็นที่ไม่ใช้กลไก ก. การทําความเย็นแบบอัดไอ 2. ระบบการทําความเย็นแบบดูดซึมใช้สารชนิดใดเป็นสารทําความเย็น ข. แอมโมเนีย 3. สารความเย็นเมื่อถูกระบายความร้อนออกแล้วจะอยู่ในสภาพใด ค. ควบแน่นเป็นของเหลว 4. ช่างซ่อมเครื่องทําความเย็นส่วนมากวัดระบบไฟฟ้าชนิดใด ง. วัดกระแสสลับ 5. เครื่องมือชนิดใดจัดเป็นเครื่องมือเฉพาะ ค. ปั ๊มสุญญากาศ 6. เครื่องมือชนิดใดใช้ในงานคว้านปากท่อ ข. Reamer 7. อุปกรณ์ที่ใช้ตกแต่งโลหะเพื่อให้ผิวงานเรียบคืออะไร ก. ตะไบ 8. เกจแบบผสม (Compound Gauge) เป็นเกจที่ใช้วัดอะไร ก. ความดันตํ่า 9. ท่อของแมนิโฟลด์เกจที่ใช้ในการซ่อมและการบริการคืออะไร ง. ใช้ได้ทุกท่อของเกจ 10. การถอดสายเกจออกจากระบบต้องทําอย่างไร ก. ควรถอดสายเกจด้านความดันตํ่าก่อน ตอนที่ 1 จงตอบคําถามต่อไปนี้ 1. การทําความเย็นแบบอัดไอมีหลักการคือ การอัด (Compression) โดยคอมเพรสเซอร์ การควบแน่น (Condensing) โดยคอนเดนเซอร์ การขยายตัว (Expansion) โดยวาล์วลดความดันหรืออุปกรณ์ควบคุมอัตราการไหล การกลายเป็นไอ (Vaporizing) โดยอิแวโพเรเตอร์ 2. การควบแน่นเกิดขึ้นที่ขั้นตอนใด และมีหลักการอย่างไรบ้าง การควบแน่นเป็ นกระบวนการที่เกิดขึ้นเมื่อสารความเย็นผ่านคอนเดนเซอร์ โดยในช่วงแรก จะระบายความร้อนออกเพื่อลดอุณหภูมิสารความเย็น ทําให้สารความเย็นจากสภาวะไอร้อน เปลี่ยนเป็ นไออิ่มตัวก่อน จากนั้นจึงควบแน่นจนเป็ นของเหลวอิ่มตัว นั ่นคือคอนเดนเซอร์ทํา หน้าที่ลดความร้อนสัมผัส และความร้อนแฝง สารความเย็นในสภาวะของเหลวอ ิ่มตัวที่ได้จะถูก ส่งผานวาล์วลดความดันหมุนเวียนเข้าไปใช้ในระบบต ่ ่อไป 3. ท่อซักชันและท่อดิสชาร์จอยู่บริเวณส่วนใด และมีหน้าที่อย่างไร ท่อซักชัน (Suction Line) เป็ นท่อที่ต่ออยู่ระหว่างอิแวโพเรเตอร์กับทางดูดของคอมเพรสเซอร์ เป็ นท่อทางเดินนํ้ายาในสถานะก๊าซ อุณหภูมิตํ่าและความดันตํ่าจากอิแวโพเรเตอร์จะถูกดูดผ่าน ท่อซักชันเข้ายังคอมเพรสเซอร์ ท่อดิสชาร์จ (Discharge Line) เป็ นท่อที่ต่ออยู่ระหว่างท่อทางอัดของคอมเพรสเซอร์กับ คอนเดนเซอร์เป็ นท่อทางเดินนํ้ายาในสถานะที่เป็ นก๊าซซึ่งถูกคอมเพรสเซอร์อัดให้มีความดัน และอุณหภูมิสูงขึ้น แล้วจึงถูกส่งไปยังคอนเดนเซอร์ 3
5 4. คอนเดนซิงยูนิต คืออะไร ส่วนของระบบซึ่งทําหน้าที่ทําให้นํ้ายาภายในระบบกลั ่นตัวเปลี่ยนสถานะจากก๊าซเป็ นนํ้ายา เหลว รวมกันเป็ นส่วนหนึ่งของระบบ ประกอบด้วยคอมเพรสเซอร์ ท่อทางอัด คอนเดนเซอร์และ ท่อพักนํ้ายา คอนเดนซิงยูนิตแบ่งตามลักษณะของตัวกลางในการระบายความร้อน แบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ และแบบระบายความร้อนด้วยนํ้า 5. ฉนวนบุกันความร้อนเกี่ยวข้องกับการทําความเย็นอย่างไร ความร้อนจะถ่ายเทจากบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิตํ่ากว่าอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีการทําความเย็น นํ้ายาหรือสารความเย็นจะดึงเอาปริมาณความร้อนจากอากาศในตู้เย็น ในห้องปรับอากาศหรือในบริเวณที่ต้องการออกทิ้งภายนอกทําให้อุณหภูมิของอากาศภายในลด ตํ่าลงและต้องรักษาระดับของอุณหภูมินี้ ให้ตํ่ากว่าอุณหภูมิของอากาศภายนอกโดยรอบ จึงจําเป็ นต้องมีฉนวนกันความร้อนคอยป้องกันมิให้อากาศโดยรอบซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่าถ่ายเท ความร้อนกลับเข้ามาภายในตู้หรือภายในห้องได้อีก หรือถ้ากลับเข้าได้ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนที่ 2 จงเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. การดึงเอาปริมาณความร้อนออกจากพื้นที่เป็นหลักการข้อใด ก. การทําความเย็น 2. การอัดตัวของนํ้ายาเกิดขึ้นจากการทํางานของอุปกรณ์ใด ข. คอมเพรสเซอร์ 3. นํ้ายาจะกลายเป็นไอบริเวณใด ก. อิแวโพเรเตอร์ 4. อุปกรณ์ที่ทําหน้าที่ดูดอัดนํ้ายาคืออะไร ข. คอมเพรสเซอร์ 5. ท่อที่ต่อระหว่างท่อพักนํ้ายาเหลวกับเอกซ์แพนชันวาล์ว คือข้อใด ง. ท่อลิควิด 6. ท่อซักชันนํ้ายามีสภาพเป็นอย่างไร ค. ก๊าซอุณหภูมิตํ่าและความดันตํ่า 7. นํ้ายาจะถูกส่งผ่านท่อดิสชาร์จไปยังคอนเดนเซอร์ในสถานะใด ง. ก๊าซอุณหภูมิสูงและความดันสูง 8. ตัวกลางในการทําความเย็นมีหน้าที่สําคัญคืออะไร ค. ดูดรับปริมาณความร้อน 9. ฉนวนที่นิยมใช้ในระบบทําความเย็นคือข้อใด ค. โฟมและใยแก้ว 10. ความร้อนใดบ้างที่คิดเป็นภาระงาน (Heat Load) ง. ถูกทุกข้อ ตอนที่ 1 จงตอบคําถามต่อไปนี้ 1. ระบบการทําความเย็นแบบอัดไอมีวิธีการทํางานอย่างไร ระบบทําความเย็นเริ่มจากนํ้ายาเหลวในท่อพักสารความเย็น มีสถานะเป็ นของเหลวที่มี อุณหภูมิและความดันสูงถูกส่งเข้ายังเอกซ์แพนชันวาล์วผ่านทางท่อลิควิด โดยเอกซ์แพนชันวาล์วจะทําหน้าที่ควบคุมการไหลของนํ้ายาเหลวที่ผ่านเข้าไปยังอิแวโพเรเตอร์ลดความดันนํ้ายาเหลวให้มีความดันตํ่าลงจนสามารถระเหยเปลี่ยนสถานะเป็ นก๊าซดูดรับปริมาณความร้อนได้ที่ อุณหภูมิตํ่าภายในอิแวโพเรเตอร์ ขณะที่นํ้ายาเหลวภายในอิแวโพเรเตอร์ระเหยตัวเป็นก๊าซจะ ดูด รับปริมาณความร้อนจากอากาศโดยรอบ 4
6 2. หน้าที่ของคอมเพรสเซอร์มีอะไรบ้าง เพ ิ่มความดันของสารความเย็นที่อยู่ในสถานะที่เป็ นไอ โดยคอมเพรสเซอร์จะดูดสารความ เย็นที่เป็ นก๊าซความดันตํ่าและอุณหภูมิตํ่าจากอิแวโพเรเตอร์ผ่านเข้ามาทางท่อซักชันเข้ายังทางดูด ของคอมเพรสเซอร์ และอัดก๊าซนี้ให้มีความดันและอุณหภูมิสูงขึ้นส่งเข้าไปยังคอนเดนเซอร์โดย ผานเข้าทางท ่ ่อบรรจุเพื่อไปกลั ่นตัวเป็นของเหลวในคอนเดนเซอร์ด้วยการระบายความร้อน 3. สมรรถนะของคอมเพรสเซอร์ขึ้นอยู่กับสิ่งใดเป็นสําคัญ 1. วัฏจักรการอัด (Compression Cycle) คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบทํางานโดยอาศัยการเคลื่อนที่ ทั้งในลักษณะขึ้นลงของลูกสูบหรือเคลื่อนที่สลับระหว่างศูนย์ตายบน (Top Dead Center) และศูนย์ตายล่าง (Bottom Dead Center) ภายในกระบอกสูบ 2. การออกแบบคอมเพรสเซอร์เพื่อป้ องกันลูกสูบกระแทกกับแผ่นล ิ้นที่อยู่ด้านบนในจังหวะ สุดท้ายของการอัด จึงจําเป็ นต้องทําให้มีช่องว่างระหว่างลูกสูบและแผ่นล ิ้ น โดยจะต้อง พยายามให้ช่องว่างนี้ มีค่าน้ อยที่ สุด คือมีค่าประมาณ 0.010–0.020 น ิ้ ว (0.254–0.508 มิลลิเมตร) ช่องว่างนี้จะทําให้ในจังหวะที่ลูกสูบอัดสุดยังคงมีสารความเย็นในสถานะที่เป็ น ไอความดันสูงตกค้างอยู่ส่วนหนึ่ง ปริมาตรที่ตกค้างอยู่นี้คือปริมาตรที่เกิดจากช่องว่างซึ่งจะ มีผลต่อสมรรถนะของระบบทําความเย็น 4. ภาระงานของคอนเดนเซอร์มีอะไรบ้าง ค่าความร้อนรวมทั้งหมดที่สารความเย็นได้รับตั้งแต่เร ิ่มออกจากเอกซ์แพนชันวาล์ว จนกระทั ่งถึงช่วงที่ออกจากคอมเพรสเซอร์ โดยส่วนหนึ่งจะแปรสภาพตามลักษณะการทํางาน ของคอมเพรสเซอร์ 5. ชุดควบคุมนํ้ายาเครื่องทําความเย็นมีความสําคัญอย่างไร เป็ นอุปกรณ์ที่ทําหน้าที่ควบคุมการไหลของนํ้ายาเครื่องทําความเย็นก่อนที่จะผ่านเข้าไปยัง อิแวโพเรเตอร์ ลักษณะการทํางานคือ นํ้ายาที่ผ่านถูกลดความดันลงเพื่อให้นํ้ายาสามารถเดือด ได้ในอิแวโพเรเตอร์ และยังทําหน้าที่เป็ นตัวแบ่งความดันของระบบเป็ นด้านความดันสูงและด้าน ความดันตํ่าอีกด้วย ตอนที่ 2 จงเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. อุปกรณ์ชนิดใดที่มีหน้าที่ระบายความร้อนจากนํ้ายา ข. คอนเดนเซอร์ 2. อีวาพอเรเตอร์มีหน้าที่สําคัญคืออะไร ก. ดูดความร้อนบริเวณที่ต้องการ 3. Shaft Seal ของคอมเพรสเซอร์มีหน้าที่อะไร ค. ป้องกันสารความเย็นรั ่วไหลที่เพลา 4. ลูกสูบขณะอยู่ในตําแหน่งศูนย์ตายบน ข้อใดถูกต้อง ค. ล ิ้นทั้งสองด้านอยู่ตําแหน่งปิด 5. เมื่อลูกสูบเคลื่อนตัวลงในจังหวะดูด ข้อใดถูกต้อง ง. ถูกทุกข้อ 6. หน้าที่ของชุดควบคุมสารทําความเย็นคืออะไร ค. ของเหลวทั้งหมด 7. หน้าที่ของชุดควบคุมนํ้ายา คือ ก. ลดความดันสารความเย็น 8. แรงชนิดใดที่ควบคุมการทํางานของ TEV ค. แรงขยายตัวสารทําความเย็นในกระเปาะ 9. ถ้าลิ้นของเอกซ์แพนชันวาล์วเปิดมาก จะมีผลอย่างไร ง. ความชื้นในระบบลดลง 10. ท่อรูเข็มมีหน้าที่สําคัญอย่างไร ข. เพ ิ่มความดันของสารทําความเย็น
7 ตอนที่ 1 จงตอบคําถามต่อไปนี้ 1. ฟิลเตอร์ดรายเออร์มีความสําคัญอย่างไร ฟิลเตอร์ดรายเออร์จะติดตั้งอยู่ที่ท่อลิควิด ใกล้กับทางเข้าของชุดปรับอัตราการไหลของนํ้ายา เพื่อทําหน้าที่ดูดความชื้นไม่ให้ผ่านเข้าไปอุดตันที่เอกซ์แพนชันวาล์ว ตําแหน่งที่ติดตั้งจะต้องอยู่ ในบริเวณที่เย็น ไม่ถูกปะทะด้วยลมร้อน เพราะสารดูดรับความชื้นจะดูดรับความชื้นได้มากกว่าที่ อุณหภูมิตํ่า ถ้าอยู่ในที่ร้อนการดูดรับความชื้นจะลดลง ทําให้ความชื้นในระบบที่ดูดรับไว้ถูกคาย ออกมาบางส่วนและไปอุดตันที่เอกซ์แพนชันวาล์ว 2. โซเลนอยด์วาล์วมีหลักการหรือวิธีการทํางานอย่างไร โซเลนอยด์วาล์วประกอบด้วยขดลวดโซเลนอยด์ เมื่อป้อนกระแสไฟฟ้าเข้าในขดลวดจะเกิด อํานาจสนามแม่เหล็กที่มีคุณสมบัติดูดสารแม่เหล็กได้ ถ้านําแกนเหล็กไว้ที่ตรงกลางขดลวด เมื่อ ป้อนกระแสไฟฟ้าเข้าในขดลวดแกนเหล็กจะถูกดูดให้เคลื่อนที่ได้ และถ้าให้แกนเหล็กนี้เป็ นก้าน ของล ิ้นที่ปิดเปิดการไหลของนํ้ายาในระบบแล้ว ก็จะควบคุมการปิดเปิดวาล์วได้โดยการควบคุม ปิดเปิดไฟที่ป้อนเข้าในขดลวด 3. Oil Separator มีหน้าที่หรือวิธีการทํางานอย่างไร แยกนํ้ามันคอมเพรสเซอร์ที่ถูกอัดติดมากับนํ้ายาออกจากกัน นํ้ามันจะถูกส่งกลับเข้ายัง คอมเพรสเซอร์โดยตรง แสดงให้เห็นว่าขณะที่ก๊าซถูกลดความเร็วลงภายในอุปกรณ์แยกนํ้ามัน นํ้ามันคอมเพรสเซอร์จะตกลงสู่ก้นถัง และเมื่อระดับของนํ้ามันสูงขึ้น ก็จะยกลูกลอยทําให้ลิ้ นลูกลอย เปิด นํ้ามันจะถูกอัดกลับเข้ายังห้องเพลาข้อเหวี่ยงของคอมเพรสเซอร์ ทั้งนี้เพราะก๊าซภายใน ท่ออุปกรณ์แยกนํ้ามันเป็ นก๊าซทางด้านความดันสูง ส่วนห้องเพลาข้อเหวี่ยงของคอมเพรสเซอร์ เป็ นด้านความดันตํ่า การติดตั้งอุปกรณ์แยกนํ้ามันจะต้องติดตั้งให้อยู่ในตําแหน่งตั้งขึ้นเสมอ เพื่อให้การทํางานของลูกลอยเป็นไปโดยถูกต้อง 4. วาล์วปลดความดันมีหลักการทํางานอย่างไร จะมีสปริงดันลิ้นและปรับตั้งให้รับแรงดันได้ถึง 400 ปอนด์/ตารางน ิ้ว ระบบเครื่องทําความ เย็นทํางานเป็ นปกติ ความดันของนํ้ายาในระบบด้านความดันสูงจะมีค่าตํ่ากว่า 300 ปอนด์/ ตารางน ิ้ว ถ้าความดันของนํ้ายาด้านความดันสูงสูงเกิน 400 ปอนด์/ตารางน ิ้ว สปริงของวาล์ว ปลดความดันจะปล่อยให้ลิ้นเปิด ปล่อยนํ้ายาออกทิ้ งก่อนที่ระบบจะเกิดการชํารุดเสียหาย และ ล ิ้นของวาล์วปลดความดันจะปิดเองเมื่อความดันลดตํ่ากว่า 400 ปอนด์/ตารางน ิ้ ว 5. ปลั๊กหลอมละลายมีความสําคัญอย่างไร เป็ นอุปกรณ์ที่ป้องกันมิให้ระบบของเครื่องทําความเย็นเกิดความเสียหาย ในกรณีที่อุณหภูมิ และความดันของนํ้ายาในระบบด้านความดันสูงสูงขึ้นเกินกว่าปกติอุณหภูมิที่เป็ นมาตรฐาน สําหรับการหลอมละลายอยู่ที่720 C 1000 C และ 1350 C เมื่ออุณหภูมิของนํ้ายาในระบบสูงขึ้นมาก ผิดปกติจะทําให้ปลั ๊กนี้หลอมละลาย นํ้ายาในระบบจะถูกฉีดทิ้ งออก เพื่อป้ องกันมิให้อุปกรณ์ อื่นๆ ของระบบเสียหาย เมื่อต้องแก้ไขหรือต้องเปลี่ยนปลั ๊กหลอมละลายใหม่ทุกครั้ง ปลั ๊กที่ เปลี่ยนจะต้องเป็นปลั ๊กหลอมละลายซึ่งมีจุดหลอมละลายที่อุณหภูมิเท่าเดิมเสมอ 5
8 ตอนที่ 2 จงเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. สารดูดรับความชื้นที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป คือ ง. ถูกทุกข้อ 2. อุปกรณ์ชนิดใดป้องกันไม่ให้นํ้ายาถูกดูดกลับเข้าคอมเพรสเซอร์ ก. แอกคิวมูเลเตอร์ 3. นํ้ายาที่ถูกดูดเข้าคอมเพรสเซอร์จะอยู่ในสถานะใด ง. ซูเปอร์ฮีต 4. ถ้ามองเห็นฟองอากาศที่กระจกมองนํ้ายาหมายความว่าอย่างไร ค. นํ้ายาเหลวบางส่วนระเหยเป็นก๊าซ 5. ถ้ามีนํ้ามันคอมเพรสเซอร์ไหลผ่านเข้าระบบจะเกิดผลเสียอย่างไร ง. ท่อเกิดฉนวน การถ่ายเทความร้อนไม่ดี 6. หน้าที่ของอีวาพอเรเตอร์เพรสเซอร์เรกูเรเตอร์ คืออะไร ก. ควบคุมความดันนํ้ายา 7. วาล์วปลดความดันเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร ข. Safety Valve 8. วาล์วกันกลับแบบสปริงนั้น ทิศทางการไหลของนํ้ายามีลักษณะอย่างใด ค. นํ้ายาไหลในแนวดิ่ ง 9. โซเลนอยด์วาล์วมีหลักการควบคุมการปิด-เปิดวาล์วอย่างไร ข. ปิดเปิดไฟที่ป้อนเข้าขดลวด 10. อุปกรณ์ทําหน้าที่ปรับปริมาณนํ้าหล่อเย็นคอนเดนเซอร์คืออุปกรณ์ในข้อใด ง.Condenser Water Regulator ตอนที่ 1 จงตอบคําถามต่อไปนี้ 1. การเลือกใช้สารทําความเย็นมีวิธีการเลือกใช้อย่างไร 1. การกลายเป็นไอ 2. ปริมาตรจําเพาะของสารความเย็นในสถานะก๊าซ 3. ความร้อนจําเพาะของสารความเย็นในสถานะของเหลวมีค่าตํ่า 4. อัตราการอัดของลูกสูบ 2. การใช้สารทําความเย็นมีข้อควรระวังอย่างไร 1. อย่าปล่อยให้สารความเย็น R-12 ในสถานะของเหลวสัมผัสถูกผิวหนังหรือส่วนหนึ่งส่วนใด ของร่างกาย เพราะจะทําให้ผิวหนังพองเหมือนถูกไฟลวก 2. อย่าให้สารความเย็นเข้าตา เพราะสารความเย็นอาจทําให้ตาบอดได้ 3. ห้ามใช้ไฟลนท่อสารความเย็น เพราะสารความเย็นซึ่งบรรจุอยู่ในท่อเมื่อโดนความร้อน จํานวนมากๆ จะมีความดันสูงและเกิดระเบิ ดได้ 4. ห้ามปล่อยสารความเย็นทิ้งใกล้บริเวณที่มีการจุดไฟ 5. ขณะปล่อยสารความเย็นทิ้ งจากระบบ ควรปล่อยอย่างช้าๆ การเก็บและเคลื่อนย้ายท่อบรรจุ สารความเย็นจะต้องตั้งขึ้นเสมอ 6
9 3. คุณสมบัติที่ดีของนํ้ามันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์มีอะไรบ้าง 1. ความหนืด (Viscosity) 2. จุดไหลตัว (Pour Point) 3. จุดแข็งเป็นไข (Floc Point) 4. ความชื้น (Moisture) 4. การตรวจสอบการรั่วของระบบมีวิธีการอย่างไรบ้าง 1. การใช้ความดันทดสอบ เป็ นวิธีการใช้ความดันจากก๊าซอัดเข้าระบบ แล้วพิจารณาจากค่าของ ความดันที่ลดลง ก๊าซที่นํามาใช้จะต้องเป็ นก๊าซที่ไม่ติดไฟ ไม่มีพิษ ไม่มีความชื้นและต้องไม่เกิด การระเบิดเมื่อสารนั้นสัมผัสกับนํ้ายาและต้องไม่ทําอันตรายต่อช ิ้ นส่วนหรืออุปกรณ์ในระบบ 2. การใช้สุญญากาศ ช่างบริการมักเรียกกันว่า “การเช็คลมรั ่ว” วิธีนี้จัดเป็ นวิธีที่ประหยัดการ ทดสอบ เพียงแต่ใช้เครื่องทําสุญญากาศดูดอากาศออกจากระบบและตรวจสอบความดันที่ ปรากฏบนเกจเท่านั้น 5. วิธีการทดสอบการรั่วด้วยสารทําความเย็นมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง 1. ต่อแมนิโฟล์ดเกจ จากนั้นเปิดวาล์วที่หัวถังนํ้ายา 2. เปิดวาล์วแมนิโฟล์ดเกจทั้งสองตัวจนความดันได้ประมาณ 80 ปอนด์/น ิ้ ว2 แล้วปิดวาล์วของ เกจทั้งสองวาล์ว และท ิ้งไว้ประมาณ 2 1 ชั ่วโมง 3. ตรวจดูความดัน ถ้าความดันลดลงให้ตรวจหาจุดรั ่ว แต่ถ้าเข็มยังอยู่ณ จุดเดิมก็เปิดวาล์ว ของเกจเพื่อปล่อยนํ้ายาออกจนไม่มีความดันปรากฏอยู่บนเกจ จากนั้นก็จึงทําสุญญากาศ และบรรจุนํ้ายาตามลําดับต่อไป ตอนที่ 2 จงเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. สารทําความเย็นชนิดใดที่นิยมใช้กับห้องเย็นขนาดใหญ่ ง. Ammonia 2. สารทําความเย็นชนิดใดไม่จัดอยู่ในกลุ่มฟลูออโรคาร์บอน ก. NH3 3. ไดคลอโรไดฟลูออโรมีเทน มีสูตรทางเคมีตามข้อใด ค. CCL2F2 4. ข้อใดเป็นจุดเดือดของ R-12 ที่ความดันบรรยากาศ ค. -29.8 ° C 5. การหาจุดรั่วนั้นมีสิ่งสําคัญคืออะไร ง. ระบบต้องมีความดัน 6. สารทําความเย็นที่พัฒนาขึ้นมาใช้แทน R-12 คือข้อใด ง. R-134a 7. เครื่องตรวจรอยรั่วแบบใช้เสียงมีวิธีการบอกให้รู้ได้อย่างไร ข. เสียงดังรัวถี่ขึ้น 8. จุดไหลตัวของนํ้ามันคอมเพรสเซอร์ คืออะไร ข. นํ้ามันไหลตัวได้ที่อุณหภูมิตํ่า 9. ถ้าใช้ตะเกียงตรวจรอยรั่วจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดการรั่ว ง. ไฟตะเกียงเปลี่ยนเป็นสีเขียว 10. ก๊าซที่ใช้ทดสอบความดันระบบต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ง. ถูกทุกข้อ
10 ตอนที่ 1 จงตอบคําถามต่อไปนี้ 1. ถ้ามีความชื้นอยู่ในระบบ จะส่งผลอย่างไร อาจกลายเป็ นนํ้าแข็งอุดตันที่ลิ้นความดันหรือท่อรูเข็มได้ นอกจากนี้ไฮโดรเจน (H2) จากนํ้า จะทําปฏิกิริยากับคลอรีน (Cl) จากสารทําความเย็นแปรสภาพเป็นกรดเกลือ (Hydrochloric Acid) กัดกร่อนท่อทางเดินสารความเย็นและอุปกรณ์ภายในระบบ 2. การทําสุญญากาศมีขั้นตอนอย่างไร 1. ตรวจดูวาล์วของแมนิโฟลด์เกจต้องอยู่ในตําแหน่งปิดทั้งคู่ 2. ต่อสายเกจเส้นกลางเข้ากับปั ๊มสุญญากาศ เปิดวาล์วหมุนของแมนิโฟลด์เกจทั้งคู่จนสุดต้อง ไม่มีสารความเย็นอยู่ในระบบ 3. เดินเครื่องปั ๊มสุญญากาศ ให้สังเกตเข็มของเกจด้านความดันตํ่าจะเริ่มลดลงตํ่ากว่าตําแหน่ง 0 ส่วนเกจด้านความดันสูงจะลดลงมาอยู่ที่ตําแหน่ง 0 เท่านั้น 4. เมื่อเข็มของเกจด้านความดันตํ่าอ่านค่าได้ 30 น ิ้วปรอท ไม่เกิน 15 นาทีให้ปิดวาล์วของเกจทั้งคู่ 5. หยุดเดินเครื่องปั ๊มสุญญากาศทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีให้สังเกตที่เข็มเกจด้านความดันตํ่า ว่าเข็มตีขึ้นคืนหรือไม่ ถ้าเข็มตีขึ้นแสดงว่าเกิดการรั ่วภายในระบบ ให้ตรวจขันข้อต่อต่างๆ แล้วเดินเครื่องสุญญากาศใหม่อีกครั้ง 3. การบรรจุสารทําความเย็นในสถานะก๊าซมีขั้นตอนอย่างไร 1. ถอดสายเกจเส้นกลางออกจากปั ๊มสุญญากาศ 2. คลายสายเกจเส้นกลางด้านที่ติดกับตัวเกจเล็กน้อยประมาณ 3 วินาที 3. ขันสายเกจเส้นกลางให้แน่นตึงแล้วเปิดวาล์วเกจด้านความดันสูงช้า ๆ 4. ความดันในระบบจะเพิ่มสูงขึ้นจนอ่านค่าได้ประมาณ 70-90 psi 5. เปิดวาล์วของเกจด้านความดันสูงเมื่อเข็มเกจหยุดนิ่งทั้ง 2 ด้าน 6. เดินมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ของระบบเครื่องทําความเย็น 7. เปิดวาล์วเกจด้านความดันตํ่าช้าๆ ขณะที่วาล์วถังสารความเย็นได้เปิดไว้ก่อน 8. มองที่กระจกมองสารความเย็น จะเห็นฟองให้บรรจุสารความเย็นเข้าต่อไปเรื่อยๆ จนกว่า ฟองจะหายไปเมื่อมองเห็นไซต์กาสส์ใส 9. เกจความดันทั้ง2 ด้าน (ตรวจสอบขณะปิดวาล์ว) ควรอ่านค่าความดันได้ตามเกณฑ์ที่กําหนด 10. ให้ลองปรับสวิตช์ควบคุมความเย็นมาอยู่ในตําแหน่งความเย็นตํ่า คลัตช์แม่เหล็กจะต้องตัด การทํางานของคอมเพรสเซอร์ได้ปิดวาล์วเกจด้านความดันตํ่าและปิดวาล์วที่ถังสารความเย็น 11. อ่านค่าความดันบนเกจทั้ง 2 ด้าน รอจนกว่าค่าความดันทั้ง 2 ด้านเท่ากัน 7
11 4. การบรรจุสารทําความเย็นในสถานะก๊าซและของเหลวมีข้อแตกต่างกันอย่างไร การบรรจุแบบนี้จะแตกต่างจากการบรรจุในสถานะก๊าซเพียงเล็กน้อย การต่อสายแมนิโฟลด์ เกจและสารความเย็นเหมือนเดิม ต่างกันตรงที่วิธีนี้ทําได้อย่างรวดเร็วกว่าบรรจุในสถานะก๊าซ แต่อาจจะเกิดผลเสียหายต่อรีดวาล์วของคอมเพรสเซอร์ได้ง่าย จึงเหมาะที่จะใช้กับระบบ ทําความเย็นขนาดใหญ่ 5. การเชื่อมปิดระบบมีความสําคัญและวิธีการอย่างไร การเชื่อมปิดระบบมีวิธีการปฏิบัติ2 วิธีคือ 1. ระบบทําความเย็นที่มีวาล์วบริการ ถ้าเป็นวาล์วแบบลูกศรก็เพียงแต่ปลดสายของแมนิโฟลด์- เกจออกจากวาล์วบริการ แต่ถ้าเป็ นวาล์วบริการที่ปิดเปิดด้วยมือจะต้องขันวาล์วบริการให้ อยู่ในตําแหน่งที่ขันออกสุดแล้วจึงปลดสายแมนิโฟลด์เกจออกจากวาล์วบริการของระบบ 2. ระบบทําความเย็นไม่มีวาล์วบริการ จะต้องทําการเชื่อมปิดระบบด้านความดันตํ่า ควร กระทําในขณะที่เดินระบบเครื่องทําความเย็นอยู่เพราะนํ้ายาในระบบจะมีความดันตํ่ากว่า ในขณะที่หยุดเครื่อง ส่วนการเชื่อมปิดระบบทางด้านความดันสูงควรกระทําในขณะที่หยุด ระบบเครื่องทําความเย็น เพราะนํ้ายาในระบบจะมีความดันตํ่ากว่าในขณะที่เดินระบบซึ่งจะ เป็นการง่ายต่อการบีบท่อก่อนการเชื่อมปิด ลําดับขั้นตอนการเชื่อมปิดระบบท่อความเย็นมีดังนี้ 1. ใช้คีมบีบตรงท่อบรรจุสารความเย็นซึ่งต่ออยู่ระหว่างท่อบริการของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ และสายกลางของแมนิโฟลด์เกจ โดยบีบให้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้สารความเย็นออกไปได้ 2. คลายสายกลางของแมนิโฟลด์เกจทางด้านที่ติดกับตัวแมนิโฟลด์เกจ ปล่อยให้สารความเย็น ซึ่งค้างอยู่ในเกจทิ้งออกให้หมด เข็มเกจด้านความดันตํ่าอยู่ตําแหน่ง 0 ปอนด์/ตารางน ิ้ ว จากนั้นขันสายกลางให้แน่น 3. ดูที่เข็มเกจด้านความดันตํ่า ถ้าความดันเพิ่ มจาก 0 ปอนด์/ตารางน ิ้ ว แสดงว่ายังบีบท่อไม่ แน่นพอ ให้ปล่อยคีมออกแล้วตั้งบีบตําแหน่งใหม่ให้แน่น ตรวจซํ้าอีกครั้งจนแน่ใจว่า คีม บีบแน่นและนํ้ายาในระบบไม่สามารถผานออกมาได้ ่ 4. ใช้คัตเตอร์ตัดท่อบริการให้ห่างจากคีมอย่างน้อย 5-10 เซนติเมตร แล้วเชื่อมปิด เพราะถ้า ตัดชิด ความร้อนจากหัวเชื่อมแก๊สจะถ่ายเทไปยังคีม 5. ปลดคีมบีบท่อออกตรวจรอยรั ่วตรงบริเวณที่เชื่อมปิดอีกครั้ง ถ้าไม่รั ่วถือว่าเสร็จเรียบร้อย ส่วนการเชื่อมปิดระบบทางด้านความดันสูงให้หยุดระบบเครื่องทําความเย็นก่อนแล้วปฏิบัติ ตามขั้นตอนที่กล่าวมาแล้ว ตอนที่ 2 จงเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. ข้อใดเป็นการทําสุญญากาศ ก. การดึงอากาศและความชื้นออกจากระบบ 2. การทํางานสายเกจด้านความดันตํ่าให้ต่อเข้ากับอะไร ข. วาล์วบริการด้านดูด 3. การปล่อยสารทําความเย็นทิ้งจะต้องปิดวาล์วความดันตํ่าทันทีเมื่อใด ง. มีนํ้ามันหล่อลื่นคอมฯ ไหลออกมา
12 4. การบรรจุสารทําความเย็นจะกระทําเมื่อใด ค. ทําสุญญากาศเรียบร้อยแล้ว 5. ค่าความดันตํ่าโดยประมาณของเครื่องปรับอากาศที่ถูกต้องคือข้อใด ค. 65-75 psi 6. การคลายสายเกจเส้นกลาง มีวัตถุประสงค์อย่างไร ข. ไล่อากาศในสายออก 7. การทดลองปรับสวิตช์ควบคุมความเย็นเพื่ออะไร ง. ทดสอบการตัด-ต่อของระบบ 8. เมื่อบรรจุสารทําความเย็นจนกระจกดูสารทําความเย็นใส ข้อใดถูกต้อง ข. บรรจุสารความเย็นเต็มระบบ 9. ข้อใดเป็นการอุ่นถังสารทําความเย็นที่ถูกต้อง ก. อุ่นถังในนํ้าอุ่นไม่เกิน 40 0 C 10. ค่ากระแส FLA หมายถึงค่าใด ก. ค่ากระแสสูงสุดที่มอเตอร์ใช้ทํางานปกติ ตอนที่ 1 จงตอบคําถามต่อไปนี้ 1. สิ่งที่ต้องพิจารณาการใช้ท่อทางเดินสารทําความเย็นมีอะไรบ้าง 1. ขนาดท่อจะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะส่งสารทําความเย็นไปยังอิแวโพเรเตอร์ 2. วิธีการติดตั้งท่อจะต้องทําให้นํ้ามันหล่อลื่นกลับเข้าคอมเพรสเซอร์ 3. ท่อทางเดินสารความเย็นจะต้องมีขนาดเหมาะสม 4. ขนาดของท่อทางเดินสารความเย็นและความเร็วของสารทําความเย็นในท่อจะต้องเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจากเสียงดังภายในท่อ 5. ระบบทําความเย็นเป็ นระบบใด ใช้สารความเย็นหรือนํ้ายาชนิดใด 6. ราคาของท่อทางเดินสารทําความเย็นแต่ละชนิด 7. รูปแบบของลักษณะการต่อท่อที่ใช้ 2. ท่อส่งก๊าซร้อนจากคอมเพรสเซอร์มีข้อมูลที่ต้องนํามาพิจารณาอะไรบ้าง 1. ความเร็วสูงสุดของก๊าซร้อนไม่เกิน 1,200 เมตร/นาทีเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังภายในท่อ 2. ความดันลดในท่อไม่เกิน 4 ปอนด์/ตารางน ิ้ ว (สารทําความเย็น R-12) และไม่เกิน 6 ปอนด์/ ตารางน ิ้ ว (สารทําความเย็น R-22) 3. ความเร็วของก๊าซสําหรับท่อแนวนอนไม่น้อยกว่า 150 เมตร/นาที 4. กรณีที่คอนเดนเซอร์แยกจากคอมเพรสเซอร์และอยู่ระดับสูงมากกว่า 2.5 เมตร (8 ฟุต) ขึ้นไป จะต้องทําท่อดักนํ้ามันหล่อลื่นไว้ที่ด้านล่างของท่อในแนวดิ่ ง ส่วนท่อในแนวนอนจะต้องให้ ท่อมีความลาดเอียงออกจากคอมเพรสเซอร์ เพื่อป้ องกันนํ้ามันหล่อลื่นไหลย้อนกลับเข้า คอมเพรสเซอร์ในช่วงหยุดการทํางาน 5. กรณีคอนเดนเซอร์อยู่สูงกว่าคอมเพรสเซอร์น้อยกว่า 2.5 เมตร (8 ฟุต) ควรจะต้องติดตั้งท่อ ให้มีความลาดเอียงออกจากคอมเพรสเซอร์ในแนวนอนไม่น้ อยกว่า 1.5 เซนติเมตรต่อ ความยาวท่อในแนวนอนทุกๆ 3 เมตร 8
13 3. การวางผังท่อสารทําความเย็นมีวิธีการอย่างไร 1. คอนเดนเซอร์ติดตั้งอยู่สูงกว่าอิแวโพเรเตอร์ ระหว่าง 2.5-7.5 เมตร (8–25 ฟุต) จะต้องมีการ ติดตั้งท่อกักเก็บนํ้ามันหล่อลื่นไว้ด้านล่างของท่อในแนวดิ่ง เพื่อกักเก็บนํ้ามันหล่อลื่นที่ไหล ตกลงมาด้านล่าง ขณะที่คอมเพรสเซอร์หยุดทํางานและเมื่อเร ิ่มต้นทํางานใหม่ เพื่อให้นํ้ามัน ดังกล่าวถูกดูดกลับขึ้นไปใช้ใหม่ในคอมเพรสเซอร์ 2. อิแวโพเรเตอร์ติดตั้งอยู่สูงกว่าคอนเดนเซอร์ การติดตั้งแบบนี้จะต้องต่อท่องอให้ลักษณะ ควํ่าลง (Invert-Trap) ไว้ที่ท่อทางออกของคอนเดนเซอร์ เพื่อป้องกันสารความเย็นเหลวไหล กลับเข้าคอมเพรสเซอร์ขณะที่หยุดทํางาน ทําให้เกิดการอัดตัวของสารความเย็นเหลวรวมตัว กับนํ้ามันหล่อลื่นในคอมเพรสเซอร์ ทําให้คอมเพรสเซอร์เสียหายและคุณสมบัติของการ หล่อลื่นเสียไปขณะที่คอมเพรสเซอร์เริ่มทํางาน 4. การบานท่อสองชั้นมีวิธีการอย่างไร 1. ใส่ท่อที่ต้องการบานท่อเข้าในตัวจับท่อ ปลายท่อสูงกว่าตัวจับเท่ากับขนาดของตัวอะแดปเตอร์ 2. ขันยึดตัวจับให้แน่นแล้วสวมอะแดปเตอร์ลงในปลายท่อ 3. สวมตัวบานท่อเข้าในตัวจับท่อ หมุนให้กรวยของตัวบานท่อกดลงบนอะแดปเตอร์อย่างช้าๆ 4. คลายกรวยของตัวบานท่อ ดึงเอาอะแดปเตอร์ออก หมุนให้กรวยของตัวบานท่อกดลงบน ปลายท่ออีกครั้งหนึ่ง 5. เมื่อบานท่อสองชั้นเรียบร้อยแล้ว คลายเกลียว ถอนกรวยออก และถอนตัวบานท่อออกจาก ตัวจับท่อ คลายตัวจับท่อถอดเอาท่อที่บานท่อแล้วออก 5. การเชื่อมต่อท่อมีวิธีการอย่างไร 1. ตัดท่อตามความยาวที่ต้องการ ทํารีมเมอร์ให้เรียบร้อย จากนั้นทําความสะอาดผิวนอกท่อ ด้วยกระดาษทรายหรือผ้าทราย 2. ทําความสะอาดผิ วในของท่อต่อด้วยแปรง หรือกระดาษทราย หรือผ้าทราย 3. ทาฟลักซ์(Flux) ผิวในของท่อต่อและบนผิ วนอกของท่อ 4. ใช้หัวเชื่อมก๊าซเป่ าให้ความร้อนชิ้นงานจนแดงแล้วนําไปแตะลวดเชื่อม ดูการวิ่ งของเนื้อเงิน เชื่อม และต้องคอยดึงเปลวไฟออกให้พอดีเพื่อให้เนื้อเงินจับโดยรอบ 5. การต่อท่อขนาดใหญ่ต้องใช้ค้อนเคาะเบาๆ เพื่อช่วยในการจับตัวของเนื้อเงินเชื่อม ตอนที่ 2 จงเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. ท่อทางเดินสารทําความเย็นต้องมีขนาดพอเหมาะเพราะเหตุใด ค. เพื่อลดความดันในท่อให้น้อยที่สุด 2. คอนเดนเซอร์ติดตั้งอยู่สูงกว่าคอมเพรสเซอร์มากกว่า 2.5 ม. ข้อใดถูกต้อง ข. ทําท่อดักนํ้ามันที่ท่อแนวด ิ่งด้านล่าง 3. จะต้องติดตั้งท่องอเมื่อคอนเดนเซอร์ติดตั้งอยู่สูงกว่าคอมเพรสเซอร์ คือข้อใด ก. มากกว่า7.5 เมตร 4. การติดตั้งท่องอในแนวดิ่งทุก 7.5 เมตร คืออะไร ง. กักเก็บและแยกนํ้ามันหล่อลื่นที่ตกค้าง 5. ขณะหยุดทํางานถ้านํ้ายาเหลวไหลกลับเข้าคอมเพรสเซอร์จะมีผลอย่างไร ง. ถูกทุกข้อ 6. ท่องอลักษณะควํ่าลง (Invert-Trap) มีหน้าที่สําคัญอย่างไร ก. ป้องกันนํ้ายาไม่ให้ไหลกลับเข้าคอมเพรสเซอร์
14 7. มินิคัตเตอร์มักใช้กับท่อที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกเท่าใด ก. ไม่เกิน 2 1 น ิ้ ว 8. การคว้านปลายท่อจะกระทําเมื่อใด ค. ภายหลังการตัดท่อทุกครั้ง 9. การทาฟลักซ์ทั้งผิวด้านในและด้านนอกของท่อมีวัตถุประสงค์ตามข้อใด ค. ช่วยในการประสานรอยเชื่อม 10. การต่อท่อทองแดงด้วยการเชื่อมจะใช้วิธีใด ก. การเชื่อมเงิน ตอนที่ 1 จงตอบคําถามต่อไปนี้ 1. สวิตช์อัตโนมัติมีวิธีการทํางานอย่างไร เป็ นสวิตช์ที่อาศัยหลักการเปลี่ยนแปลงของความดันนํ้ายาอุณหภูมิหรือระดับของของเหลว ไปตัด-ต่อหน้ าสัมผัสของสวิตช์ให้ควบคุมการทํางานได้โดยอัตโนมัติ หน้ าสัมผัสของสวิตช์ อัตโนมัตินี้อาจเป็ นแบบใดก็ได้แล้วแต่การออกแบบวงจรการควบคุม อาจเรียกว่า สวิตช์แรงดัน หรือควบคุมแรงดัน มีทั้งควบคุมแรงดันสูงและควบคุมแรงดันตํ่า 2. หน้าสัมผัสแม่เหล็กไฟฟ้ามีวิธีการทํางานอย่างไร เมื่อป้อนกระแสไฟฟ้าเข้าในขดลวดจะเกิดสนามแม่เหล็กขึ้นรอบขดลวด มีอํานาจดูดเหล็ก อาร์มาเจอร์(Armature) หรือแกนเหล็กซึ่งปลายข้างหนึ่งต่ออยู่กับหน้าสัมผัสเคลื่อนที่ (Moving Contact) อีกข้างหนึ่งวางอยู่บนสปริงซึ่งจะคอยผลักแกนเหล็กอาร์มาเจอร์ให้หน้าสัมผัสจาก เมื่อ ขดลวดเกิดสนามแม่เหล็ก แกนเหล็กจะถูกดูดทําให้หน้าสัมผัสต่อกัน เมื่อตัดกระแสไฟฟ้ าที่ ป้อนเข้าขดลวด อํานาจแม่เหล็กจะหมดไป แรงดันสปริงจะผลักแกนเหล็กให้หน้าสัมผัสจากออก 3. ข้อแตกต่างระหว่างการใช้รีเลย์ควบคุมกับหน้าสัมผัสแม่เหล็กไฟฟ้า คืออะไร 1. หน้าสัมผัสแม่เหล็กไฟฟ้า จะทําหน้าที่ตัด-ต่อโหลดที่ต้องการกําลังสูง แต่หน้าสัมผัสของรีเลย์ ควบคุมจะทําหน้าที่ตัด-ต่อวงจรควบคุมเท่านั้น 2. หน้าสัมผัสของรีเลย์ควบคุมจะทนกระแสไฟฟ้ าได้ไม่เกิน 18 แอมแปร์ในขณะที่หน้าสัมผัส แม่เหล็กไฟฟ้าจะทนกระแสไฟฟ้าได้ตั้งแต่20 แอมแปร์ขึ้นไป 3. หน้าสัมผัสแม่เหล็กไฟฟ้าส่วนมากแล้วจะเป็นแบบปกติเปิด แต่หน้าสัมผัสของรีเลย์ควบคุมจะ มีทั้งปกติเปิดและปกติปิด 4. หลักการทํางานของอุปกรณ์ป้องกันมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ทํางานเกินพิกัด คืออะไร จะอาศัยหลักของโลหะสองชนิดที่มีสัมประสิทธ์ิการขยายตัวไม่เท่ากันมาตรึงติดกัน ขณะที่ มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ทํางานเป็ นปกติหน้าสัมผัสจะต่ออยู่และมีไฟเข้าเลี้ยงขดลวดของมอเตอร์ คอมเพรสเซอร์อยู่ตลอดเวลา ถ้ามอเตอร์คอมเพรสเซอร์ใช้กระแสมากเกินไปเกิดความร้อน โลหะ ทั้งสองชนิดจะขยายตัวไม่เท่ากันและจะเกิดการงอตัว ทําให้หน้าสัมผัสจากออก อุปกรณ์ที่ใช้ สําหรับคอมเพรสเซอร์โดยทั ่วไปมี2 ชนิด คือ ชนิดติดตั้งภายนอกและชนิดติดตั้งภายใน 9
15 5. อุปกรณ์ควบคุมความดันมีกี่ประเภท และมีวิธีการทํางานอย่างไร เป็นตัวควบคุมความดันที่ใช้ในงานเครื่องทําความเย็น หลักการทํางานจะทํางานคล้ายกับเทอร์ มอสแตตแบบกระเปาะ จะมีข้อแตกต่างกันก็ตรงที่แหล่งของความดันที่กระทําต่อเบลโลหรือ ไดอะแฟรม เทอร์มอสแตต ความดันจะเกิดจากความดันของนํ้ายาในกระเปาะกระทําต่อ เบลโล เพื่อตัดต่อหน้าสัมผัส เมื่ออุณหภูมิสูงความดันจะสูงและเมื่ออุณหภูมิตํ่าความดันก็จะตํ่า แต่ตัว ควบคุมความดันของนํ้ายาที่กระทําต่อเบลโลเพื่อตัดต่อหน้าสัมผัสจะเกิดความดันของนํ้ายาใน ระบบโดยตรง ตัวควบคุมความดันที่ใช้ในงานเครื่องทําความเย็นมี2 ชนิด คือ อุปกรณ์ ควบคุมความดันสูงและอุปกรณ์ควบคุมความดันตํ่า ตอนที่ 2 จงเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. คัตเอาต์(Cut Out) จัดเป็นสวิตช์แบบใด ค. 2 ขั้ว 1 ทาง 2. ข้อใดถูกต้องในการเลือกใช้หน้าสัมผัสแม่เหล็กไฟฟ้า ง. ถูกทุกข้อ 3. รีเลย์ชนิดใดที่ทํางานด้วยความต่างศักย์ไฟฟ้า ข. Potential Relay 4. อุปกรณ์ต่อไปนี้อุปกรณ์ชนิดใดป้องกันวงจรไฟฟ้าเมื่อเกิดการลัดวงจร ก. ฟิวส์ 5. ไทม์เมอร์รีเลย์มีหน้าที่อะไร ข. หน่วงเวลาควบคุมการทํางาน 6. หน้าที่ของเซอร์กิตเบรกเกอร์ คืออะไร ก. ตัดวงจรไฟฟ้าออก 7. หน้าที่สําคัญของคาพาซิเตอร์แบบสตาร์ต คืออะไร ข. ช่วยในการออกตัวมอเตอร์ 8. Lock Out จะติดตั้งอยู่กับอุปกรณ์ใด ค. ควบคุมความดัน 9. เหตุใดจึงต้องมีการติดตั้งชุดล็อก (Lock Out) ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข. 10. อุปกรณ์ควบคุมแรงดันนํ้ามันหล่อลื่นจะทํางานเมื่อใด ค. คอมเพรสเซอร์ขาดนํ้ามันหล่อลื่น ตอนที่ 1 จงตอบคําถามต่อไปนี้ 1. การต่อวงจรไฟฟ้ามีวิธีการต่ออย่างไรบ้าง 1. การต่อวงจรแบบอนุกรม (Series Circuit) หรือการต่อแบบเรียงลําดับ เป็นการต่อให้ กระแสไฟฟ้าไหลจากแหล่งจ่ายไฟฟ้าผานภาระงานตามลําดับก ่ ่อนไหลกลับแหล่งจ่ายไฟฟ้า 2. การต่อวงจรแบบขนาน (Paralleled Circuit) เป็ นการต่อวงจรให้กระแสไฟฟ้ าไหลจาก แหล่งจ่ายไฟฟ้าแล้วแยกไหลผานภาระงานแต่ ่ละงาน 3. การต่อวงจรแบบผสม (Mix Circuit) เป็ นการต่อวงจรทั้งแบบอนุกรมและแบบขนานอยู่ใน วงจรเดียวกัน หลักการเหมือนกันกับการต่อวงจรแบบอนุกรมและแบบขนาน 10
16 2. หม้อแปลงไฟฟ้ามีหลักการทํางานอย่างไร หม้อแปลงไฟฟ้าจะประกอบด้วยขดลวด 2 ขดพันอยู่บนแกนเหล็ก ได้แก่ ขดลวดปฐมภูมิและ ขดลวดทุติยภูมิ เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าสลับเข้าในขดลวดปฐมภูมิ จะเกิดอํานาจสนามแม่เหล็กขึ้น รอบๆ ขดลวดนี้ และเนื่องจากเป็นไฟสลับสนามแม่เหล็กจะเกิดการพองตัวยุบตัวกลับไปมาทุกๆ ครึ่งไซเกิล สนามแม่เหล็กนี้ จะถูกเหนี่ ยวนําผ่านแกนเหล็กให้ไปตัดขดลวดทุติยภูมิ เมื่อมี การเคลื่อนที่ของสนามแม่เหล็กตัดกับขดลวดจะเกิดกระไฟฟ้ าไหลขึ้นในขดลวด ดังนั้นจึงมี กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนําเกิดขึ้นที่ขดลวดทุติยภูมิ 3. มัลติมิเตอร์มีวิธีการใช้อย่างไร 1. ปรับตั้งเข็มชี้ค่าบนหน้าปัด (Pointer Adjustment) ให้ชี้ที่0 ก่อนปรับตั้งปุ่ มอื่นๆ ต่อไป 2. ปรับสวิตช์เลือกระบบการวัด (Function Switch) เพื่อเลือกระบบไฟที่ต้องการจะวัดเป็ นระบบ ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) หรือระบบไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) 3. ปรับสวิตช์เลือกย่านการวัด (Range Switch) โดยการเลือกช่วงในการวัดให้เหมาะสม ถ้าไม่รู้ ค่าที่จะทําการวัดให้เลือกย่านการวัดที่ลําดับสูงไว้ก่อน ภายหลังจากวัดและอ่านค่าได้ โดยประมาณแล้ว จึงเลือกปรับสเกลการวัดที่เหมาะสมภายหลัง 4. ปรับปุ่ มตั้งค่าความต้านทานเป็ น 0 โดยการเสียบสายวัดทั้งสองเส้นที่ช่องเสียบและแตะ ปลายสายเพื่อปรับค่าความต้านทานให้เข็มชี้ค่า 0 ก่อนนํามัลติมิเตอร์ไปใช้วัดค่า 4. วงจรไฟฟ้าแบบแยกส่วนมีวิธีการทํางานอย่างไร วงจรไฟฟ้าแบงออกเป็น ่ 2 ส่วน คือ วงจรไฟฟ้าชุดคอยล์เย็นจะประกอบด้วยขั้วพักสาย และสวิตช์ตัวเลือกซึ่งจะต่อเข้ากับมอเตอร์ พัดลมที่ความเร็วรอบช้า ปานกลาง และความเร็วสูง มอเตอร์พัดลมนี้จะทําหน้าที่ดูดเป่ าอากาศจาก ภายในห้องผานคอยล์เย็นโดยมีเทอร์ ่ มอสแตตคอยควบคุมการทํางานของชุดคอนเดนซิงยูนิต ส่วนวงจรไฟฟ้าของชุดคอนเดนซิงยูนิต วงจรไฟควบคุมจากเทอร์มอสแตตจะผ่านเข้าเลี้ยง คอยล์ของหน้าสัมผัสแม่เหล็กทําให้หน้าสัมผัสต่อ มอเตอร์คอมเพรสเซอร์และมอเตอร์พัดลม ระบายคอนเดนเซอร์จะทํางานพร้อมกัน และเมื่ออุณหภูมิของอากาศภายในห้องลดลงถึงจุดที่ ปรับตั้งไว้ หน้าสัมผัสของเทอร์มอสแตตจะจาก ทําให้หน้าสัมผัสจาก หยุดการทํางานของอุปกรณ์ ชุดคอนเดนซิงยูนิตทั้งหมด 5. การตรวจสอบการทํางานในวงจรไฟฟ้ามีวิธีการอย่างไร ใช้โอห์มมิเตอร์ โอห์มมิเตอร์สามารถใช้ตรวจสอบการทํางานของอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต่ออยู่ใน วงจร รวมทั้งสภาพของสายไฟที่ต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ โดยก่อนตรวจสอบจะต้องทําการ ตรวจวัดแรงดันไฟฟ้ าจากแหล่งจ่ายก่อนว่าระดับแรงดันไฟฟ้ าที่ป้อนเข้าระบบถูกต้อง เพื่อให้ มั ่นใจว่าเกิดการบกพร่องที่อุปกรณ์ใด เช่น สวิตช์ควบคุมการทํางาน เทอร์มอสแตต อุปกรณ์ ป้องกันมอเตอร์มอเตอร์พัดลม มอเตอร์ขับคอมเพรสเซอร์ เป็ นต้น ซึ่งการตรวจสอบจะต้องทํา การปลดไฟจากแหล่งจ่ายออกก่อนเสมอ
17 ตอนที่ 2 จงเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. แอมแปร์เป็นหน่วยวัดของสิ่งใด ก. กระแสไฟฟ้า 2. ข้อใดเป็นหลักการสําคัญของมอเตอร์ ข. เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล 3. การต่อฟิวส์ลวดตัวนําไฟฟ้ากับภาระงานจะต้องต่อแบบใด ค. ต่อเป็ นอนุกรม 4. ถ้าต้องการยึดมอเตอร์ที่ไม่มีขายึด ควรใช้วิธีการใด ค. ใช้เข็มขัดรัด 5. มอเตอร์ขนาดใหญ่ใช้กระแสไฟฟ้าตั้งแต่ 15 แอมแปร์ขึ้นไปจะควบคุมการทํางานโดยวิธีใด ง. ผานทางหน้าสัมผัสแม ่ ่เหล็ก 6. เข็มชี้ที่ค่าอนันต์หมายถึงข้อใด ง. วงจรในคาพาซิเตอร์ขาด 7. การต่อลัดวงจรของคาพาซิเตอร์ทําเพื่ออะไร ข. ให้คายประจุให้หมด 8. แอมมิเตอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้กับงานชนิดใด ง. ใช้วัดกระแสไฟในวงจร 9. เมกะโอห์ม คืออะไร ก. ค่าความต้านทานการเป็นฉนวน 10. เข็มชี้ค่า 0 โอห์ม และชี้ที่ค่าความต้านทานที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนสูงสุดหมายความว่าอย่างไร ก. คาพาซิเตอร์ปกติ ตอนที่ 1 จงตอบคําถามต่อไปนี้ 1. โครงสร้างของตัวตู้ชั้นนอกและชั้นในมีข้อแตกต่างกันอย่างไร โครงตู้ชั้นนอก ส่วนมากแล้วจะทําจากเหล็กแผ่นพับขึ้นรูปเป็ นตัวตู้ โดยตู้ชั้นนอกนอกจาก จะผ่านกรรมวิธีป้องกันสนิมแล้วยังพ่นทับด้วยสีรองพื้น โครงตู้ชั้นนอกของตู้แช่มักทําด้วยเหล็ก ไม่เป็ นสนิมพับขึ้นเป็ นรูป จะมีอยู่บ้างที่ทําด้วยเหล็กซึ่งผ่านกรรมวิธีป้ องกันสนิมและพ่นสี เช่นเดียวกันกับตู้เย็นโดยทั ่วไป โครงตู้ชั้นใน ส่วนมากจะทําจากพลาสติก ทั้งโครงตู้และฝาตู้ด้านใน ส่วนโครงตู้ชั้นในของตู้แช่ ส่วนมากจะทําจากอะลูมิเนียมหรือเหล็กไม่เป็นสนิม โดยท่อของนํ้ายาหรือสารทําความเย็นจะยึด ติดแนบกับโครงตู้ชั้นในเพื่อให้ผนังตู้ชั้นในเกิดความเย็น ตู้แช่ขนาดใหญ่บางชนิดใช้พัดลมเป่ าลม เย็นหมุนเวียนภายในตู้ผนังภายในตู้มักทําด้วยพลาสติก เพราะเป็ นฉนวนไปในตัว และมีนํ้าหนักเบา 2. วงจรเครื่องทําความเย็นมีอุปกรณ์สําคัญคืออะไร 1. คอมเพรสเซอร์ 2. คอนเดนเซอร์ 3. อิแวโพเรเตอร์ 4. ระบบวงจรนํ้ายาทําความเย็น 5. กระจกมองนํ้ายา 11
18 3. จงอธิบายวงจรสารที่ใช้กับเครื่องทําความเย็น วงจรนํ้ายาทําความเย็น หรืออาจเรียกว่า ชุดควบคุมนํ้ายาเครื่องทําความเย็นสําหรับตู้เย็น และตู้แช่ มีใช้กันอยู่2 ชนิด คือ 1. ท่อแคพิลลารี หรือท่อที่มีรูขนาดเล็ก ที่มีขนาดไม่เกิน 3 1 แรงม้าใช้ในตู้เย็น ตู้แช่หรือตู้นํ้าเย็น ทําหน้าที่ปรับการไหลของนํ้ายาทําความเย็นให้ไหลเข้าคอยล์เย็นแล้วระเหยให้ความเย็นสมํ่าเสมอ 2. เอกช์แพนชันวาล์ว เป็ นชุดควบคุมนํ้ายาเครื่องทําความเย็นที่ใช้ปรับการไหลของนํ้ายา ทําความเย็น สามารถปรับการไหลของนํ้ายาทําความเย็นได้ดีกว่าท่อแคพิลลารีส่วนมาก จะใช้ในตู้แช่ที่มีขนาดใหญ่ 4. การเลือกตําแหน่งที่ตั้งวางตู้เย็นมีหลักการอย่างไร 1. ควรตั้งวางตู้เย็นในที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดี 2. ไม่ตั้งตู้เย็นในที่แดดส่อง 3. บริเวณพื้นที่ที่นําตู้ไปตั้งควรเป็นฉนวนที่ดี 4. ตั้งวางตู้เย็นและตู้แช่ให้ได้ระดับและมีความมั ่นคงแข็งแรง 5. สวิตช์ปลั ๊กไฟฟ้าควรอยู่ในตําแหน่งใกล้กับตู้เย็น ห้ามใช้ปลั ๊กพ่วงร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ 5. ตู้นํ้าเย็นมีหลักการทํางานอย่างไร เร ิ่มจากมอเตอร์คอมเพรสเซอร์จะอัดนํ้ายาส่งไปยังคอนเดนเซอร์โดยมีมอเตอร์พัดลมช่วย ระบายความร้อน ชุดควบคุมอัตราการไหลของนํ้ายาจะเป็ นชนิดท่อแคพิลลารีส่วนอิแวโพเรเตอร์จะเป็ นท่อขดอยู่ภายนอกถังเชื่อมติดแน่นเพื่อให้มีการถ่ายเทดูดรับปริมาณความร้อนจาก นํ้าในถัง และจะมีฉนวนกันความร้อนหุ้มอีกชั้นหนึ่ งเพื่อป้ องกันมิให้ความร้อนจากอากาศ ภายนอกถูกดูดเข้ายังนํ้ายาภายในระบบ เทอร์มอสแตตจะควบคุมระดับอุณหภูมิของนํ้าในถังให้ อยู่ที่10 องศาเซลเซียส ขณะที่นํ้าในถังยังมีอุณหภูมิสูง มอเตอร์คอมเพรสเซอร์และมอเตอร์พัดลม ระบายความร้อนจะเริ่มทํางาน ทําให้นํ้าในถังมีอุณหภูมิลดตํ่าลงจนถึงจุดที่ตั้งเทอร์มอสแตตไว้ ตอนที่ 2 จงเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. ฉนวนกันความร้อนระหว่างโครงตู้ชั้นนอกและชั้นในที่นิยมใช้กัน คือข้อใด ก.วัสดุใยแก้ว 2. ข้อใดถูกต้อง ค. ยางขอบตู้เย็นมีเส้นแม่เหล็ก 3 ด้าน 3. ท่อรูเข็มทําหน้าที่อะไร ข. ปรับการไหลของสาร 4. ฟิลเตอร์ดรายเออร์ของเครื่องทําความเย็นทําหน้าที่อะไร ง. ดูดความชื้นและกรองสิ่ งสกปรก 5. กระจกมองสารทําความเย็น ถ้าสารมีสีเหลืองหมายถึงอะไร ก. มีความชื้นปนอยู่ 6. อุปกรณ์ใดป้องกันสารทําความเย็นเหลวไหลเข้าคอมเพรสเซอร์ ข. แอกคิวมูเลเตอร์ 7. หลอดไฟภายในตู้เย็นโดยทั่วไปมักจะมีขนาดกี่วัตต์ ค.15-25 วัตต์ 8. การตั้งวางตู้เย็นที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ก. ตั้งในที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี 9. สารข้อใดที่ใช้ในระบบตู้เย็น ก. R-134a 10. เทอร์มอสแตตจะควบคุมอุณหภูมิของนํ้าในถังนํ้าเย็นให้อยู่ที่ประมาณเท่าใด ค.10 ° C
แบบทดÿอบชุดที่2 วิชาเครื่องทำความเย็น รĀัÿ 20104 - 2007 1. ÿารดูดคüามชื้นที่นิยมใช้กันโดยทั่üไป คือข้อใด ก. ซิลิกาเจล ข. แคลเซียมซัลเฟต ค. อะลูมินาเจล ง. ข้อ ก. และ ค. ถูก จ. ถูกทุกข้อ 2. ÿารดูดรับคüามชื้นจะดูดรับคüามชื้นได้มากที่อุณĀภูมิใด ก. อุณĀภูมิต่ำ ข. อุณĀภูมิปกติ ค. อุณĀภูมิÿูง ง. ค่อนข้างร้อน จ. อากาýชื้น 3. อุปกรณ์ที่ใช้ÿำĀรับมองดูÿารทำคüามเย็นภายในระบบ คือข้อใด ก. Filter Dryer ข. Silica Gel ค. Calcium Sulphate ง. Alumina Gel จ. Sight Glasses 4. อุปกรณ์ที่ป้องกันไม่ใĀ้น้ำยาเĀลüดูดกลับเข้าÿู่คอมเพรÿเซอร์คือข้อใด ก. ฟิลเตอร์ดรายเออร์ ข. อีüาพอเรเตอร์ ค. แอกคิüมูเลเตอร์ ง. อิลิมิเนเตอร์ จ. üาล์üกันกลับ 5. ÿารทำคüามเย็นที่ถูกดูดกลับเข้าคอมเพรÿเซอร์จะอยู่ในÿถานะใด ก. ของเĀลüและน้ำ ข. ไอน้ำ ค. ก๊าช ง. ซูเปอร์ฮีต จ. ซูเปอร์ฮีตและไอน้ำ 6. ถ้ามองเĀ็นฟองอากาýที่กระจกมองÿารทำคüามเย็น Āมายคüามü่าอย่างไร ก. น้ำยาเĀลüบางÿ่üนระเĀยตัüเป็นก๊าซ ข. บรรจุน้ำยามากเกินไป ค. เกิดการรั่üของน้ำยา ง. น้ำยามีก๊าชผÿมอยู่ จ. มีฝุ่นเข้าไปในระบบ 7. ถ้ามีน้ำมันคอมเพรÿเซอร์ไĀลผ่านเข้าไปในระบบ จะเกิดผลเÿียอย่างไร ก. เกิดการดูดซับคüามร้อน ข. เกิดการระเĀยกลายเป็นไอ ค. เกิดการอุดตันของระบบ ง. ท่อเกิดฉนüน การถ่ายเทคüามร้อนไม่ดี จ. มีฝุ่นและÿิ่งÿกปรกในระบบ
8. อุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่แยกน้ำมันคอมเพรÿเซอร์คือข้อใด ก. Oil Separator ข. Accumulator ค. Sight Glasses ง. Filter Dryer จ. Heat Exchange 9. ระบบการทำคüามเย็นจะมีประÿิทธิภาพดีขึ้น ถ้าÿารทำคüามเย็นเĀลüอยู่ในÿถานะใด ก. ถูกทำใĀ้เป็นซูเปอร์ฮีตก่อนถูกดูด ข. ถูกทำใĀ้เป็นซับคูลก่อนÿ่ง ค. ถูกทำใĀ้เป็นก๊าชก่อนระบาย ง. ถูกทำใĀ้ระเĀยก่อนถูกดูด จ. ถูกทำใĀ้เป็นไอน้ำ 10. ÿำĀรับเครื่องทำคüามเย็นระบบใĀญ่จะต้องมีอุปกรณ์ชนิดใด ก. Oil Separator ข. Accumulator ค. Sight Glasses ง. Filter Dryer จ. Heat Exchange 11. โซเลนอยด์üาล์üที่ใช้ÿำĀรับเปลี่ยนทิýทางการไĀลของน้ำยา คือข้อใด ก. โซเลนอยด์üาล์üแบบปิด ข. โซเลนอยด์üาล์üแบบเปิด ค. โซเลนอยด์üาล์üแบบปกติ ง. โซเลนอยด์üาล์üแบบ 4 ทาง จ. ถูกทุกข้อ 12. üาล์üบริการที่นิยมใช้กันมากในเครื่องทำคüามเย็น คือข้อใด ก. üาล์üบริการแบบลูกýร ข. üาล์üบริการแบบปิดด้üยมือ ค. üาล์üบริการแบบเปิดด้üยมือ ง. üาล์üบริการแบบธรรมดา จ. üาล์üบริการแบบ 4 ทาง 13. üาล์üที่ใĀ้ÿารทำคüามเย็นไĀลผ่านได้ในทิýทางเดียü คือข้อใด ก. üาล์üบริการแบบลูกýร ข. üาล์üบริการ ค. üาล์üกันกลับ ง. üาล์üปลดคüามดัน จ. โฮลด์แบ็กüาล์ü 14. üาล์üกันกลับแบบÿปริง มีทิýทางการไĀลของน้ำยาอยู่ในลักþณะใด ก. ไĀลย้อนกลับทาง ข. ไĀลจากซ้ายไปขüา ค. ไĀลย้อนกลับ ง. ไĀลในแนüดิ่ง จ. ไĀลในแนüนอน 15. üาล์üปลดคüามดัน เรียกอีกอย่างü่าอะไร ก. Check Valve ข. Safety Valve ค. Schrader Valve ง. Hand Shut off Type จ. Evaporator Pressure Regulator
16. ถ้าระบบเครื่องทำคüามเย็นทำงานปกติ คüามดันในระบบด้านคüามดันÿูงจะมีค่าเท่าไร ก. ต่ำกü่า 300 ปอนด์/ตารางนิ้ü ข. เท่ากับ 300 ปอนด์/ตารางนิ้ü ค. เท่ากับ 400 ปอนด์/ตารางนิ้ü ง. ÿูงกü่า 300 ปอนด์/ตารางนิ้ü จ. ÿูงกü่า 400 ปอนด์/ตารางนิ้ü 17. ถ้ามีน้ำขังในüาล์üปลดคüามดัน จะเป็นอย่างไร ก. ระบบการทำงานล่าช้า ข. ระบบทำงานได้ปกติ ค. ระบบไม่ทำงาน ง. ทำใĀ้ทางเดินระบบลื่นไĀล จ. ระบบการทำงานเร็üขึ้น 18. üาล์üที่ทำĀน้าที่คüบคุมคüามดันของน้ำยาไม่ใĀ้ต่ำเกินกü่าเกณฑ์คือข้อใด ก. Check Valve ข. Safety Valve ค. Schrader Valve ง. Hold Back Valve จ. Evaporator Pressure Regulator 19. üาล์üที่ทำĀน้าที่คüบคุมคüามดันของน้ำยาไม่ใĀ้ÿูงเกินกü่าเกณฑ์ คือข้อใด ก. Check Valve ข. Safety Valve ค. Schrader Valve ง. Hold Back Valve จ. Evaporator Pressure Regulator 20. ปลั๊กĀลอมละลายจะติดตั้งอยู่ที่อุปกรณ์ใด ก. เอกซ์แพนชันüาล์ü ข. โฮลด์แบ็กüาล์ü ค. คอนเดนเซอร์ ง. คอมเพรÿเซอร์ จ. อีüาพอเรเตอร์ 21. อุณĀภูมิมาตรฐานÿำĀรับการĀลอมละลายจะอยู่ที่อุณĀภูมิเท่าใด ก. 73°C ข. 95°C ค. 101°C ง. 124°C จ. 135°C 22. ฮอตแก๊ÿบายพาÿเรกูเรเตอร์ทำĀน้าที่อะไร ก. ปรับปริมาณน้ำ ข. ปรับจำนüนก๊าซ ค. ปรับคüามดัน ง. ปรับจำนüนของเĀลü จ. ปรับน้ำยา 23. คอนเดนเซอร์üอเตอร์เรกูเรเตอร์ทำĀน้าที่อะไร ก. ปรับปริมาณน้ำ ข. ปรับจำนüนก๊าซ ค. ปรับคüามดัน ง. ปรับจำนüนของเĀลü จ. ปรับน้ำยา
24. ÿารทำคüามเย็นในระบบทำคüามเย็นจะเปลี่ยนเป็นÿถานะใด ก. ของเĀลü ข. ก๊าช ค. ไฮโดรเจน ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก จ. ข้อ ข. และ ค. ถูก 25. คุณÿมบัติข้อใดที่ÿ่งผลใĀ้การทำงานของคอมเพรÿเซอร์มีประÿิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ก. การกลายเป็นไอ ข. ปริมาตรจำเพาะของÿารทำคüามเย็นในÿถานะก๊าซ ค. คüามร้อนจำเพาะของÿารทำคüามเย็นในÿถานะของเĀลüมีค่าต่ำ ง. ลดอัตราการอัดของลูกÿูบ จ. ลดปริมาณน้ำยา 26. คุณÿมบัติข้อใดที่ทำใĀ้ประÿิทธิภาพของระบบทำคüามเย็นดีขึ้น ก. การกลายเป็นไอ ข. ปริมาตรจำเพาะของÿารทำคüามเย็นในÿถานะก๊าซ ค. คüามร้อนจำเพาะของÿารทำคüามเย็นในÿถานะของเĀลüมีค่าต่ำ ง. ลดอัตราการอัดของลูกÿูบ จ. ลดปริมาณน้ำยา 27. ÿารทำคüามเย็นที่ไม่อยู่ในกลุ่มฟลูออโรคาร์บอน คือข้อใด ก. Ammonia ข. R-134a ค. R-407C ง. R-22 จ. R-32 28. ÿารทำคüามเย็นที่นิยมใช้ในโรงงานทำน้ำแข็ง คือข้อใด ก. ก๊าซมีเทน ข. ก๊าชอีเทน ค. ฮาโลคาร์บอน ง. ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จ. แอมโมเนีย 29. ÿารชนิดใดที่นิยมใช้กันมากที่ÿุดÿำĀรับแอร์บ้าน ก. R-410A ข. R-404A ค. R-22 ง. R-407C จ. R-32 30. คุณÿมบัติของÿารจำพüก CFCs (Chlorofluorocarbon) คือข้อใด ก. ทนต่อคüามร้อน ข. ระบายคüามร้อนได้ดี ค. ไม่มีพิþ ไม่มีกลิ่น ง. ไม่มีÿารทำคüามเย็น จ. ดูดซึมได้ดี
31. จุดเดือดของÿาร Freon-22 จะอยู่ที่เท่าไร ก. 0°C ข. -20°C ค. -35°C ง. -40°C จ. -45°C 32. ข้อใดไม่ใช่ข้อดีของÿารทำคüามเย็น R-410A ก. ไม่ทำลายชั้นบรรยากาýโอโซน ข. แลกเปลี่ยนคüามร้อนดี ค. มีคüามเÿถียรของÿัดÿ่üน ง. ใช้ปริมาณน้ำยาน้อย จ. คุณภาพของเÿียงดีขึ้น 33. ข้อดีของÿาร R-32 คือข้อใด ก. ไม่ทำลายชั้นบรรยากาýโอโซน ข. แลกเปลี่ยนคüามร้อนดี ค. มีคüามเÿถียรของÿัดÿ่üน ง. ใช้ปริมาณน้ำยาน้อย จ. คุณภาพของเÿียงดีขึ้น 34. ÿารทำคüามเย็นประเภทใด ที่เĀมาะนำไปใช้กับเครื่องทำไอýกรีม ก. R-134a ข. R-407C ค. R-404A ง. R-32 จ. R-410A 35. ÿารผÿม R-407C มีอุณĀภูมิจุดเดือดที่คüามดันบรรยากาýเท่ากับเท่าใด ก. -43.6 °C ข. -46.4 °C ค. -48.5 °C ง. -49.6 °C จ. -49.9 °C 36. ÿารทำคüามเย็นในข้อใด ที่ได้รับการรณรงค์ใĀ้ใช้อย่างแพร่Āลายในปัจจุบัน ก. R-134a ข. R-407C ค. R-404A ง. R-32 จ. R-410A 37. R-134a เป็นÿารทำคüามเย็นที่พัฒนาขึ้นมาใช้ทดแทนÿารทำคüามเย็นประเภทใด ก. R-12 ข. R-22 ค. R-32 ง. R-405 จ. R-407 38. ÿารผÿม R-407C ไม่เĀมาะÿำĀรับพื้นที่ในข้อใด ก. อาคารขนาดกลาง ข. ที่พักอาýัย ค. โรงงานอุตÿาĀกรรม ง. ตู้เย็น จ. อากาýยาน
39. ข้อใดไม่ใช่คุณÿมบัติของÿารทำคüามเย็น R-134a ก. ไม่มีคüามเป็นพิþ ข. ละลายในน้ำได้ดี ค. ไม่ติดไฟในอากาý ง. มีประÿิทธิภาพÿูงมาก จ. ไม่ÿร้างผลกระทบข้างเคียง 40. ÿารผÿม R-404A มีอุณĀภูมิจุดเดือดที่คüามดันบรรยากาýเท่ากับเท่าใด ก. -43.6 °C ข. -46.4 °C ค. -48.5 °C ง. -49.6 °C จ. -49.9 °C 41. ข้อใดไม่ใช่ลักþณะของÿารทำคüามเย็นที่ดี ก. ไม่มีปฏิกิริยาทางเคมี ข. ไม่มีคüามร้อนแฝง ค. ไม่ไüไฟ ง. ไม่เกิดระเบิดง่าย จ. ไม่เป็นพิþ 42. ข้อคüรระüังในการปฏิบัติงานเกี่ยüกับÿารทำคüามเย็น คือข้อใด ก. อย่าใĀ้ÿารทำคüามเย็นเข้าตา ข. อย่าใĀ้น้ำยาเĀลüÿัมผัÿผิüĀนัง ค. Ā้ามใช้ไฟลนท่อÿารทำคüามเย็น ง. ปล่อยÿารออกจากระบบอย่างช้าๆ จ. ถูกทุกข้อ 43. ÿิ่งที่ไม่คüรปฏิบัติเมื่อถูกÿารทำคüามเย็นเข้าตา คือข้อใด ก. Ā้ามขยี้ตา ข. ใช้น้ำÿบู่ล้าง ค. ลืมตาในน้ำเย็น ง. ใช้ผ้าÿะอาดปิดตา จ. รีบนำผู้ป่üยÿ่งแพทย์ทันที 44. ÿารทำคüามเย็นที่เป็นอันตรายต่อระบบการĀายใจของคน คือÿารชนิดใด ก. กรดตะกรัน ข. ซิลิกาเจล ค. อะลูมินาเจล ง. แคลเซียมซัลเฟต จ. กรดแฮโลเจน 45. ข้อใดไม่ใช่คุณÿมบัติที่ÿำคัญของน้ำมันĀล่อลื่นคอมเพรÿเซอร์ ก. Viscosity ข. Pour Point ค. Chlorofluorocarbon ง. Floc Point จ. Moisture 46. น้ำมันที่ใช้ในระบบเครื่องทำคüามเย็นคüรมีค่าคüามĀนืดเท่าใด ก. 100 SUS ข. 200 SUS ค. 300 SUS ง. 400 SUS จ. 500 SUS
47. ขณะที่อุณĀภูมิค่อยๆ ลดลงจนกระทั่งถึงจุดĀนึ่งที่น้ำมันเริ่มเป็นไข เรียกü่าอะไร ก. จุดเดือด ข. จุดไĀลตัü ค. จุดเยือกแข็ง ง. จุดแข็งเป็นไข จ. จุดเกิดไข 48. ÿารที่นิยมใช้ในการทดÿอบการรั่üซึมของระบบ คือÿารชนิดใด ก. R-12 ข. R-22 ค. R-32 ง. R-407C จ. R-410A 49. ก๊าซที่นำมาใช้ในการทดÿอบการรั่üซึม จะต้องมีลักþณะใด ก. ไม่เกิดระเบิดง่าย ข. ไม่ติดไฟ ค. ไม่มีพิþ ง. ไม่มีคüามชื้น จ. ถูกทุกข้อ 50. การใช้ÿุญญากาý ในภาþาช่างเรียกü่าอะไร ก. การปล่อยÿุญญากาý ข. การดูดÿุญญากาý ค. การเช็คลมรั่ü ง. การใช้คüามดันทดÿอบ จ. การอัดคüามเย็น 51. ถ้าใช้ตะเกียงตรüจรอยรั่ü เมื่อมีรอยรั่üเปลüไฟจะเปลี่ยนเป็นÿีอะไร ก. ÿีน้ำเงิน ข. ÿีÿ้ม ค. ÿีเĀลือง ง. ÿีเขียü จ. ÿีแดง 52. การทำÿุญญากาý Āมายถึงข้อใด ก. ไล่อากาýและคüามชื้นเข้าระบบ ข. ดูดอากาýและคüามชื้นออกมาจากระบบ ค. ปล่อยของเĀลüและคüามชื้นออกมาจากระบบ ง. ไล่อากาýเข้าคอมเพรÿเซอร์ จ. ดึงคüามชื้นออกจากคอมเพรÿเซอร์ 53. เครื่องมือที่ใช้ÿำĀรับดูดอากาýและคüามชื้นออกจากระบบ คือข้อใด ก. Evacuating the System ข. Vacuum Pump ค. Leak Detector ง. Pinch off Tool จ. Flaring Tool 54. การทำÿุญญากาýÿายเกจด้านคüามดันต่ำ ต้องต่อเข้ากับอะไร ก. üาล์üบริการด้านดูด ข. üาล์üบริการด้านอัด ค. üาล์üบริการด้านบีบ ง. ถังÿารทำคüามเย็น จ. ท่อทางเดินÿารทำคüามเย็น
55. เมื่อบรรจุÿารทำคüามเย็นเข้าระบบก่อนที่จะทำการปิด เข็มเกจด้านคüามดันต่ำต้องอ่านค่าได้ประมาณ เท่าใด ก. 15-20 psi ข. 20-25 psi ค. 25-30 psi ง. 30-35 psi จ. 35-40 psi 56. ถ้าÿารทำคüามเย็นในถังเĀลือน้อยลง คüามดันที่เกจจะอ่านค่าได้คือเท่าใด ก. ต่ำกü่า 70 psi ข. เท่ากับ 70 psi ค. มากกü่า 70 psi ง. เท่ากับ 73 psi จ. มากกü่า 73 psi 57. ถ้ามองดูที่กระจกมองÿารทำคüามเย็นแล้üเĀ็นฟองผุดๆ คüรทำอย่างไร ก. เปิดüาล์üระบบ ข. ปิดüาล์üระบบ ค. บรรจุÿารทำคüามเย็น ง. ไล่อากาýออกจากระบบ จ. อัดก๊าชเข้าระบบ 58. อุปกรณ์เÿริมที่ÿำคัญในระบบเครื่องทำคüามเย็น คือข้อใด ก. คอมเพรÿเซอร์ ข. รีซีฟเüอร์ ค. üาล์üลดคüามดัน ง. อีüาพอเรเตอร์ จ. ท่อทางเดินÿารทำคüามเย็น 59. อุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่ÿ่งÿารทำคüามเย็นไปยังอุปกรณ์ต่างๆในระบบ คือข้อใด ก. คอมเพรÿเซอร์ ข. รีซีฟเüอร์ ค. üาล์üลดคüามดัน ง. อีüาพอเรเตอร์ จ. ท่อทางเดินÿารทำคüามเย็น 60. เพื่อไม่ใĀ้เกิดเÿียงดังภายในท่อ คüามเร็üÿูงÿุดของก๊าซร้อนต้องไม่เกินเท่าใด ก. 1,000 เมตร/นาที ข. 1,100 เมตร/นาที ค. 1,200 เมตร/นาที ง. 1,500 เมตร/นาที จ. 2,000 เมตร/นาที 61. การทำท่อดักน้ำมันĀล่อลื่นในท่อÿ่งก๊าซร้อนจากคอมเพรÿเซอร์เพราะเĀตุใด ก. ป้องกันน้ำมันĀล่อลื่นไĀลย้อนกลับ ข. ระบายคüามร้อนออกจากน้ำมันĀล่อลื่น ค. เพิ่มก๊าชในท่อน้ำมัน ง. คลายคüามเย็นออกจากน้ำมันĀล่อลื่น จ. ถูกทุกข้อ 62. ข้อมูลที่ใช้ในการออกแบบท่อÿ่งÿารทำคüามเย็นเĀลü จะต้องมีคüามเร็üÿูงÿุดในท่อไม่เกินเท่าใด ก. 100 เมตร/นาที ข. 105 เมตร/นาที ค. 108 เมตร/นาที ง. 115 เมตร/นาที จ. 125 เมตร/นาที
63. ท่อที่ทำĀน้าที่ÿ่งÿารทำคüามเย็นจากอีüาพอเรเตอร์ไปยังด้านดูดของคอมเพรÿเซอร์คือข้อใด ก. ท่อทางเดินÿารทำคüามเย็น ข. ท่อÿ่งก๊าซร้อนจากคอมเพรÿเซอร์ ค. ท่อระบายÿารทำคüามเย็นเĀลüจากคอนเดนเซอร์ ง. ท่อÿ่งÿารทำคüามเย็นเĀลü จ. ท่อÿารทำคüามเย็นด้านดูด 64. ข้อมูลที่ใช้ในการออกแบบท่อÿารทำคüามเย็นด้านดูด คüามเร็üท่อในแนüนอนและแนüตั้งเท่ากับเท่าใด ก. แนüนอนไม่น้อยกü่า 90 เมตร/นาที และในแนüตั้งไม่น้อยกü่า 100 เมตร/นาที ข. แนüนอนไม่น้อยกü่า 130 เมตร/นาที และในแนüตั้งไม่น้อยกü่า 130 เมตร/นาที ค. แนüนอนไม่น้อยกü่า 150 เมตร/นาที และในแนüตั้งไม่น้อยกü่า 200 เมตร/นาที ง. แนüนอนไม่น้อยกü่า 150 เมตร/นาที และในแนüตั้งไม่น้อยกü่า 300 เมตร/นาที จ. แนüนอนไม่น้อยกü่า 200 เมตร/นาที และในแนüตั้งไม่น้อยกü่า 300 เมตร/นาที 65. ท่อชนิดอ่อน ÿ่üนมากที่ใช้ในระบบทำคüามเย็นเป็นท่อแบบใด ก. ท่อทองแดงอย่างอ่อน ข. ท่ออะลูมิเนียม ค. ท่อเĀล็กÿเตนเลÿ ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก จ. ข้อ ก. และ ค. ถูก 66. ท่อชนิดแข็ง ที่ใช้ในระบบทำคüามเย็นคือข้อใด ก. ท่อทองแดงอย่างแข็ง ข. ท่ออะลูมิเนียม ค. ท่อเĀล็กÿเตนเลÿ ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก จ. ข้อ ก. และ ค. ถูก 67. เครื่องมือที่ใช้ÿำĀรับตัดท่อทางเดินÿารทำคüามเย็นชนิดท่ออ่อน คือข้อใด ก. คัตเตอร์ ข. ÿü่านมือ ค. เลื่อย ง. คีม จ. กรรไกร 68. การตัดท่อชนิดแข็งจะใช้เครื่องมือชนิดใด ก. Cutter ข. Hacksaw ค. Clamp ง. Reamed จ. Clippers 69. การตอกบานท่อ ไม่คüรทำในท่อชนิดใด ก. ท่อชั้นเดียü ข. ท่อÿองชั้น ค. ท่อชนิดอ่อน ง. ท่อชนิดแข็ง จ. ถูกทุกข้อ 70. การต่อท่อทองแดงเข้าด้üยกันจะใช้การเชื่อมแบบใด ก. เชื่อมด้üยเĀล็ก ข. การเชื่อมเงิน ค. การเชื่อมทองเĀลือง ง. การเชื่อมด้üยลüดเชื่อมไฟฟ้า จ. การเชื่อมไฟฟ้า
71. การทำคüามÿะอาดผิüในของท่อ คüรใช้อุปกรณ์ใด ก. ผ้าชุบน้ำ ข. กระดาþทราย ค. ผ้าขนÿัตü์ ง. ตะไบ จ. น้ำมันĀล่อลื่น 72. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์คüบคุมคüามเย็น ก. ÿüิตช์ ข. Āน้าÿัมผัÿแม่เĀล็กไฟฟ้า ค. รีเลย์คüบคุม ง. อุปกรณ์ป้องกัน จ. กระแÿไฟ 73. อุปกรณ์ที่คüบคุมการปิด-เปิดüงจรไฟฟ้า คือข้อใด ก. Switch ข. Magnetic Contactor ค. Control Relay ง. Overload Protector จ. Timer Relay 74. อุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่ในการĀน่üงเüลาในช่üงเüลาใดเüลาĀนึ่ง คือข้อใด ก. Switch ข. Magnetic Contactor ค. Control Relay ง. Overload Protector จ. Timer Relay 75. อุปกรณ์ที่ป้องกันไม่ใĀ้มอเตอร์คอมเพรÿเซอร์เกิดการชำรุดเÿียĀาย คือข้อใด ก. Switch ข. Magnetic Contactor ค. Control Relay ง. Overload Protector จ. Timer Relay 76. ÿüิตช์คüบคุมเตารีดไฟฟ้า คือข้อใด ก. ÿüิตช์อัตโนมัติ ข. ÿüิตช์แบบ 2 ขั้ü 2 ทาง ค. ÿüิตช์แบบกดชั่üคราü ง. ÿüิตช์แบบ 1 ขั้ü 2 ทาง จ. เทอร์มอÿแตต 77. ÿüิตช์ที่คüบคุมการทำงานโดยอาýัยระดับของของเĀลüทำการตัด-ต่อĀน้าÿัมผัÿ เรียกü่าอะไร ก. ÿüิตช์อัตโนมัติ ข. เทอร์มอÿแตต ค. เซลÿüิตช์ ง. ÿüิตช์ลูกลอย จ. ฮิüมิดÿแตต 78. ÿüิตช์ที่คüบคุมด้üยจำนüนการไĀลของอากาý เรียกü่าอะไร ก. ÿüิตช์อัตโนมัติ ข. ÿüิตช์คüบคุมระดับ ค. เซลÿüิตช์ ง. ÿüิตช์ลูกลอย จ. ฮิüมิดÿแตต
79. ÿüิตช์ที่คüบคุมด้üยคüามชื้น เรียกü่าอะไร ก. Float Switch ข. Thermister ค. Sail Switch ง. Humidstat จ. Automatic Switch 80. ขนาดของแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ป้อนเข้าขดลüด ข้อใดไม่ถูกต้อง ก. 6 โüลต์ DC ข. 12 โüลต์DC ค. 24 โüลต์ DC ง. 220 โüลต์ AC จ. 380 โüลต์ AC 81. รีเลย์ที่ทำงานด้üยคüามต่างýักย์ไฟฟ้า คือข้อใด ก. เคอร์เรนต์รีเลย์ ข. Āน้าÿัมผัÿของรีเลย์ ค. โพเทนเชียลรีเลย์ ง. แรงเคลื่อนไฟฟ้า จ. ฮอตไüร์รีเลย์ 82. อุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่ป้องกันไฟฟ้าเมื่อเกิดการลัดüงจร คือข้อใด ก. Circuit Breaker ข. Fuse ค. Timer Relay ง. Capacitors จ. Pressure Control 83. อุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่คอยตัดüงจรไฟฟ้าออก เมื่อเกิดการใช้กระแÿไฟฟ้าที่มากเกินกü่าปกติคือข้อใด ก. Circuit Breaker ข. Fuse ค. Timer Relay ง. Capacitors จ. Pressure Control 84. Āลักการทำงานของเซอร์กิตเบรกเกอร์แบ่งออกได้กี่ชนิด ก. 2 ชนิด ข. 3 ชนิด ค. 4 ชนิด ง. 5 ชนิด จ. 6 ชนิด 85. อุปกรณ์คüบคุมที่จะĀยุดการทำงานของคอมเพรÿเซอร์เมื่อขาดน้ำมันĀล่อลื่น คือข้อใด ก. อุปกรณ์คüบคุมคüามดันÿูง ข. อุปกรณ์คüบคุมคüามดันต่ำ ค. อุปกรณ์คüบคุมคüามดันรüม ง. อุปกรณ์คüบคุมแรงดันน้ำมันĀล่อลื่น จ. อุปกรณ์คüบคุมแรงดันระบบ
86. การต่อüงจรไฟฟ้าÿามารถต่อได้ทั้งĀมดกี่แบบ ก. 2 แบบ ข. 3 แบบ ค. 4 แบบ ง. 5 แบบ จ. 6 แบบ 87. Mix Circuit คือการต่อüงจรไฟฟ้าแบบใด ก. การต่อüงจรแบบอนุกรม ข. การต่อüงจรแนüดิ่ง ค. การต่อüงจรแบบขนาน ง. การต่อüงจรแบบเดี่ยü จ. การต่อüงจรแบบผÿม 88. แอมแปร์คือĀน่üยüัดอะไร ก. กระแÿไฟฟ้า ข. แรงดันไฟฟ้า ค. คüามต้านทาน ง. คüามต่างýักย์ไฟฟ้า จ. ÿนามแม่เĀล็ก 89. เครื่องมือที่ใช้üัดค่าคüามต่างýักย์ไฟฟ้า เรียกü่าอะไร ก. แอมมิเตอร์ ข. เทÿต์มิเตอร์ ค. มัลติมิเตอร์ ง. โüลต์มิเตอร์ จ. เทอร์โมมิเตอร์ 90. อุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่เพิ่มĀรือลดแรงดันไฟฟ้า คือข้อใด ก. Āม้อแปลงไฟฟ้า ข. มอเตอร์ ค. Āลอดไฟ ง. ปลั๊กไฟ จ. รางไฟ 91. อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานทางไฟฟ้าใĀ้เป็นพลังงานทางกล คือข้อใด ก. Āม้อแปลงไฟฟ้า ข. มอเตอร์ ค. Āลอดไฟ ง. ปลั๊กไฟ จ. รางไฟ 92. ข้อใดกล่าüไม่ถูกต้อง ก. üัดแรงดันไฟฟ้าเป็นโüลต์ ข. üัดคüามต้านทานเป็นโอĀ์ม ค. üัดกระแÿไฟฟ้าเป็นมิลลิแอมแปร์ ง. üัดแรงดันไฟฟ้าเป็นแอมแปร์ จ. üัดกระแÿไฟฟ้าเป็นแอมแปร์
93. ตัüย่อในภาþาอังกฤþของระบบไฟฟ้ากระแÿตรง คือข้อใด ก. BC ข. AC ค. DC ง. UC จ. YC 94. เครื่องมือที่ใช้üัดคüามต้านทานที่มีค่าÿูงมากเป็นเมกะโอĀ์ม คือข้อใด ก. มัลติมิเตอร์ ข. แอมมิเตอร์ ค. เครื่องมือทดÿอบฉนüนไฟฟ้า ง. โüลต์มิเตอร์ จ. ถูกทุกข้อ 95. ฉนüนกันคüามร้อนที่นิยมใช้กั้นระĀü่างโครงตู้ชั้นนอกและชั้นในของตู้เย็น คือข้อใด ก. พลาÿติก ข. ยาง ค. แก้ü ง. üัÿดุใยแก้ü จ. ไฟเบอร์กลาÿÿ์ 96. ฝาปิดช่องแช่แข็ง ÿ่üนมากทำจากอะไร ก. พลาÿติก ข. ยาง ค. โฟม ง. üัÿดุใยแก้ü จ. ไฟเบอร์กลาÿÿ์ 97. ข้อใดกล่าüไม่ถูกต้อง ก. ชั้นüางของภายในตู้เย็นเป็นตะแกรงโปร่งปรับระดับÿูงต่ำได้ตามต้องการ ข. โครงตู้ชั้นในนั้นทำจากüัÿดุที่ใช้ทั่üไปเป็นüัÿดุที่ไม่เป็นÿนิม ค. ฝาปิดช่องแช่แข็งของตู้เย็นĀรือช่องฟรีซเซอร์ÿ่üนมากทำจากโฟม ง. ถาดÿ่üนล่างของตู้เย็นจะถูกออกแบบใĀ้อยู่บริเüณที่มีอุณĀภูมิไม่เย็นจัดมากนัก จ. ฐานยึดคอมเพรÿเซอร์จะทำจากแผ่นเĀล็ก 98. ข้อใดไม่ใช่ระบบüงจรÿารทำคüามเย็น ก. ท่อรูเข็ม ข. เอกซ์แพนชันüาล์ü ค. ฟิลเตอร์ดรายเออร์ ง. แอกคิüมูเลเตอร์ จ. คอมเพรÿเซอร์ 99. ชุดคüบคุมที่ทำĀน้าที่ดูดคüามชื้นและกรองÿิ่งÿกปรก คือข้อใด ก. ท่อรูเข็ม ข. เอกซ์แพนชันüาล์ü ค. ฟิลเตอร์ดรายเออร์ ง. แอกคิüมูเลเตอร์ จ. คอมเพรÿเซอร์ 100. อุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่ตัดกระแÿไฟฟ้าเมื่อมอเตอร์คอมเพรÿเซอร์ทำงานเป็นปกติคือข้อใด ก. มอเตอร์ ข. เทอร์มอÿแตต ค. โอเüอร์โĀลด ง. ÿüิตช์ประตูตู้เย็น จ. รีเลย์
แบบทดÿอบชุดที่2 วิชาเครื่องทำความเย็น รĀัÿ 20104 – 2007 ข้อที่ เฉลย 1 ตอบ จ. ถูกทุกข้อ เพราะ ดรายเออร์Āรือÿารดูดรับคüามชื้นที่ใช้กันทั่üไป ได้แก่ ซิลิกาเจล แคลเซียมซัลเฟต และอะลูมิ นาเจล เป็นต้น ซึ่งจะมีคุณÿมบัติในการดูดคüามชื้น ตะกอน และกรดออกจากน้ำยาที่มีอยู่ในระบบ 2 ตอบ ก. อุณĀภูมิต่ำ เพราะ ÿารดูดรับคüามชื้นจะดูดรับคüามชื้นได้มากกü่าที่อุณĀภูมิต่ำ ถ้าอยู่ในที่ร้อนการดูดรับ คüามชื้นจะลดลง ทำใĀ้คüามชื้นในระบบที่ดูดรับไü้ถูกคายออกมาบางÿ่üนและจะไปอุดตันที่เอกซ์ แพนชันüาล์üได้ 3 ตอบ จ. Sight Glasses เพราะ กระจกมองÿารทำคüามเย็น (Sight Glasses) เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในตำแĀน่งที่ใกล้กับ ท่อพัก ÿารทำคüามเย็นเĀลü เพื่อใช้ÿำĀรับมองดูÿารทำคüามเย็นภายในระบบ 4 ตอบ ค. แอกคิüมูเลเตอร์ เพราะ แอกคิüมูเลเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ระĀü่างอีüาพอเรเตอร์และทางดูดของ คอมเพรÿเซอร์มีĀน้าที่ป้องกันไม่ใĀ้มีน้ำยาเĀลüจากอีüาพอเรเตอร์ดูดกลับเข้าÿู่คอมเพรÿเซอร์ โดยตรง 5 ตอบ ง. ซูเปอร์ฮีต เพราะ ÿารทำคüามเย็นที่ถูกดูดกลับเข้าคอมเพรÿเซอร์จะต้องเป็นซูเปอร์ฮีตเท่านั้น 6 ตอบ ก. น้ำยาเĀลüบางÿ่üนระเĀยตัüเป็นก๊าซ เพราะ ถ้ามองเĀ็นฟองอากาýที่กระจกมองÿารทำคüามเย็น แÿดงü่าÿารทำคüามเย็นเĀลü บางÿ่üนระเĀยตัüเป็นก๊าซ อันเนื่องมาจากคüามดันของÿารทำคüามเย็นในท่อลิคüิดต่ำมากเกินไป 7 ตอบ ค. เกิดการอุดตันของระบบ เพราะ การที่มีน้ำมันคอมเพรÿเซอร์ไĀลผ่านเข้าไปภายในท่อทางเดินÿารทำคüามเย็นของระบบ มีข้อเÿีย คือ น้ำมันที่เคลือบผิüภายในท่อจะเป็นฉนüน ทำใĀ้การถ่ายเทคüามร้อนเป็นไปไม่ÿะดüก แล้üน้ำมันที่ติดเข้าในระบบจะเริ่มแข็งตัü ทำใĀ้เกิดการอุดตันที่ลิ้นชุดปรับอัตราการไĀลของน้ำยา 8 ตอบ ก. Oil Separator เพราะ อุปกรณ์แยกน้ำมัน (Oil Separator) จะติดตั้งอยู่ระĀü่างคอมเพรÿเซอร์และ คอนเดนเซอร์ มีĀน้าที่แยกน้ำมันคอมเพรÿเซอร์ที่ถูกอัดติดมากับน้ำยาออกจากกัน น้ำมันจะถูก ÿ่งกลับเข้ายังคอมเพรÿเซอร์ 9 ตอบ ข. ถูกทำใĀ้เป็นซับคูลก่อนÿ่ง เพราะ ระบบของการทำคüามเย็นจะมีประÿิทธิภาพดีขึ้น ถ้าÿารทำคüามเย็นเĀลüในท่อลิคüิด ถูกทำใĀ้เป็นซับคูลก่อนÿ่งเข้ายังชุดคüบคุม 10 ตอบ จ. Heat Exchange เพราะ ÿำĀรับเครื่องทำคüามเย็นในระบบใĀญ่จะต้องมีอุปกรณ์แลกเปลี่ยนคüามร้อน (Heat Exchange)
11 ตอบ ง. โซเลนอยด์üาล์üแบบ 4 ทาง เพราะ การทำงานของโซเลนอยด์üาล์üแบบ 4 ทาง ใช้ÿำĀรับเปลี่ยนทิýทางการไĀลของÿาร ทำคüามเย็น เพื่อการทำดีฟรอÿต์ก็ได้ 12 ตอบ ก. üาล์üบริการแบบลูกýร เพราะ üาล์üบริการแบบลูกýร เป็นüาล์üบริการที่นิยมใช้กันมาก ตำแĀน่งของüาล์üบริการแบบนี้ จะทำงานอยู่ใน 2 ลักþณะ คือ ขันออกÿุดเปิดทางเดินÿารทำคüามเย็นระĀü่างทางอัดของ คอมเพรÿเซอร์ 3 และต่อเข้าในระบบ 2 อีกลักþณะĀนึ่งเป็นการเปิดท่อทางเดินÿารทำคüามเย็นทั้ง 3 ทาง 13 ตอบ ค. üาล์üกันกลับ เพราะ üาล์üกันกลับ เป็นüาล์üที่ยอมใĀ้ÿารทำคüามเย็นไĀลผ่านได้ในทิýทางเดียü แรงดันของ ÿารทำคüามเย็นในระบบจะดันลิ้นใĀ้เปิดและÿารทำคüามเย็นÿามารถไĀลผ่านได้ 14 ตอบ ง. ไĀลในแนüดิ่ง เพราะ แบบÿปริงนั้นจะใช้ติดตั้งในท่อทางเดินÿารทำคüามเย็นที่มีทิýทางการไĀลของน้ำยาอยู่ในแนüดิ่ง 15 ตอบ ข. Safety Valve เพราะ üาล์üปลดคüามดันĀรือรีลีฟüาล์üĀรือเซฟตีüาล์ü (Safety Valve) จะติดตั้งอยู่ทางด้าน คüามดันÿูงของระบบที่ท่อบรรจุĀรือที่ท่อพักÿารทำคüามเย็นเĀลü 16 ตอบ ก. ต่ำกü่า 300 ปอนด์/ตารางนิ้ü เพราะ ถ้าระบบเครื่องทำคüามเย็นทำงานเป็นปกติ คüามดันของÿารทำคüามเย็นในระบบด้าน คüามดันÿูงจะมีค่าต่ำกü่า 300 ปอนด์/ตารางนิ้ü 17 ตอบ ค. ระบบไม่ทำงาน เพราะ ปกติท่อทางบรรจุของüาล์üปลดคüามดันจะต้องปล่อยÿารทำคüามเย็นออกทิ้งในบริเüณที่ ปลอดภัย ท่อนี้จะต้องระüังอย่าใĀ้มีน้ำขังภายใน เพราะจะทำใĀ้เกิดÿนิมและüาล์üปลดคüามดัน ไม่ทำงาน 18 ตอบ จ. Evaporator Pressure Regulator เพราะ อีüาพอเรเตอร์เพรÿเชอร์เรกูเรเตอร์ (Evaporator Pressure Regulator) เป็นüาล์üที่ ทำĀน้าที่ คüบคุมคüามดันของน้ำยาในอีüาพอเรเตอร์มิใĀ้มีต่ำเกินกü่าเกณฑ์ที่ตั้งไü้ 19 ตอบ ง. Hold Back Valve เพราะ โฮลด์แบ็กüาล์ü (Hold Back Valve) เป็นüาล์üที่ทำĀน้าที่คüบคุมคüามดันของÿาร ทำคüามเย็นใน อีüาพอเรเตอร์ไม่ใĀ้ÿูงเกินไปในขณะที่ถูกดูดกลับเข้าคอมเพรÿเซอร์ 20 ตอบ ค. คอนเดนเซอร์ เพราะ ปลั๊กĀลอมละลาย มักติดตั้งอยู่ที่ท่อพักÿารทำคüามเย็นเĀลüĀรือที่คอนเดนเซอร์ รูปร่าง ของปลั๊กĀลอมละลายจะเĀมือนกับปลั๊กทั่üไป แต่ตรงกลางจะเจาะรูและบัดกรีไü้ด้üยโลĀะที่Āลอม ละลายง่าย 21 ตอบ จ. 135°C เพราะ อุณĀภูมิที่เป็นมาตรฐานÿำĀรับการĀลอมละลายจะอยู่ที่ 72°C, 100°C และ 135°C 22 ตอบ ข. ปรับจำนüนก๊าซ เพราะ ฮอตแก๊ÿบายพาÿเรกูเรเตอร์อุปกรณ์ชนิดนี้จะติดตั้งอยู่ที่ท่อบายพาÿ ซึ่งทำĀน้าที่ คอยปรับจำนüนก๊าซที่ถูกอัดจากคอมเพรÿเซอร์ผ่านท่อบายพาÿกลับเข้ามายังอีüาพอเรเตอร์
23 ตอบ ก. ปรับปริมาณน้ำ เพราะ คอนเดนเซอร์üอเตอร์เรกูเรเตอร์ อุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่ปรับปริมาณน้ำที่เข้าĀล่อเย็น ตัüคอนเดนเซอร์ Āลักการทำงานก็คือแรงดันÿปริงจะดันใĀ้ลิ้นปิด 24 ตอบ ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก เพราะ การเปลี่ยนÿถานะของÿารทำคüามเย็นในระบบทำคüามเย็นจะมีÿารทำคüามเย็น อยู่ 2 ÿถานะ คือ ของเĀลü (Liquid) และก๊าซĀรือไอ (Vapor) 25 ตอบ ข. ปริมาตรจำเพาะของÿารทำคüามเย็นในÿถานะก๊าซ เพราะ ปริมาตรจำเพาะของÿารทำคüามเย็นในÿถานะก๊าซ เมื่อคüามร้อนแฝงของการกลายเป็น ไอมากทำใĀ้ปริมาตรจำเพาะน้อย การขยายตัüเป็นก๊าซจะใช้เนื้อที่น้อยลง ÿ่งผลใĀ้การทำงานของ คอมเพรÿเซอร์มีประÿิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น 26 ตอบ ค. คüามร้อนจำเพาะของÿารทำคüามเย็นในÿถานะของเĀลüมีค่าต่ำ เพราะ คüามร้อนจำเพาะของÿารทำคüามเย็นในÿถานะของเĀลüมีค่าต่ำ เมื่ออยู่ในÿถานะก๊าซ ค่าคüามร้อนจำเพาะจะมีค่าÿูง จะเป็นผลดีต่อการแลกเปลี่ยนคüามร้อนเพื่อการทำซูเปอร์ฮีต และ ทำซับคูลของ ÿารทำคüามเย็นในระบบ ทำใĀ้ประÿิทธิภาพของระบบทำคüามเย็นดีขึ้น 27 ตอบ ก. Ammonia เพราะ แอมโมเนีย (Ammonia) เป็นÿารทำคüามเย็นที่ไม่อยู่ในกลุ่มฟลูออโรคาร์บอน เป็นน้ำยา ที่ดูดรับปริมาตรคüามร้อนแฝงของการกลายเป็นไอได้ÿูง 28 ตอบ จ. แอมโมเนีย เพราะ แอมโมเนีย นิยมใช้แพร่Āลายในโรงงานทำน้ำแข็ง โรงงานบรรจุอาĀาร Ā้องเย็นขนาดใĀญ่ และลานÿเกตน้ำแข็ง เป็นต้น 29 ตอบ ค. R-22 เพราะ R-22 ใช้กับงานซ่อมบำรุงระบบตู้Āรือตู้แช่และใช้เติมในเครื่องปรับอากาý โดยใช้กันอย่าง แพร่ĀลายในปัจจุบันÿำĀรับแอร์บ้านทั่üไป 30 ตอบ ค. ไม่มีพิþ ไม่มีกลิ่น เพราะ R-22 เป็นÿารจำพüก CFCs (Chlorofluorocarbon) ซึ่งมีคุณÿมบัติ คือ ไม่มีพิþ ไม่มีกลิ่น 31 ตอบ ง. -40°C เพราะ ÿารทำคüามเย็น R-22 (Freon-22) โดยมีจุดเดือดอยู่ที่ -40°C 32 ตอบ ก. ไม่ทำลายชั้นบรรยากาýโอโซน เพราะ ข้อดีของÿารทำคüามเย็นชนิด R 410A ได้แก่ มีการแลกเปลี่ยนคüามร้อนที่ดี มีคüาม เÿถียรของÿัดÿ่üนและคุณÿมบัติ ใช้ปริมาณน้ำยาน้อยลงและช่üยใĀ้ระบบปรับอากาýมีประÿิทธิภาพ การทำงาน และคุณภาพของเÿียงที่ดีขึ้น 33 ตอบ ก. ไม่ทำลายชั้นบรรยากาýโอโซน เพราะ R-32 ใช้กับงานซ่อมและใช้เติมในเครื่องปรับอากาý ข้อดีของÿารทำคüามเย็น R-32 คือ ไม่ทำลายชั้นบรรยากาýโอโซนมีค่าที่ทำใĀ้เกิดภาüะโลกร้อน 34 ตอบ ค. R-404A เพราะ ÿารผÿม R-404A เป็นÿารทำคüามเย็นที่มีคüามบริÿุทธิ์ÿูงและไม่ÿ่งผลกระทบต่อ ชั้นบรรยากาý คุณÿมบัติคือ ไม่มีÿี ไม่มีกลิ่น ไม่มีพิþ ด้üยคüามที่มีอุณĀภูมิจุดเดือดต่ำมาก จึงÿามารถทำคüามเย็นได้ดี เĀมาะÿำĀรับตู้แช่แข็ง ตู้เย็น และÿามารถนำไปใช้กับเครื่องทำไอýกรีม
35 ตอบ ก. -43.6 °C เพราะ ÿารทำคüามเย็นที่เป็นÿารผÿม R-407C มีอุณĀภูมิจุดเดือดเท่ากับ -43.6 °C ที่คüามดัน บรรยากาý 36 ตอบ ข. R-407C เพราะ R-407C ÿารทำคüามเย็นที่เป็นÿารผÿม R-407C มีอุณĀภูมิจุดเดือดเท่ากับ -43.6 °C ที่คüามดันบรรยากาý เป็นÿารที่มีคüามบริÿุทธิ์ÿูง ได้รับการรณรงค์ใĀ้ใช้อย่างแพร่Āลายมากขึ้น 37 ตอบ ก. R-12 เพราะ R-134a เป็นÿารทำคüามเย็นที่พัฒนาขึ้นมาใช้ทดแทนÿารทำคüามเย็น R-12 มีคุณÿมบัติ แตกต่างจากÿารทำคüามเย็นฟรีออนที่ใช้กันอยู่เดิม 38 ตอบ จ. อากาýยาน เพราะ ÿารทำคüามเย็นที่เป็นÿารผÿม R-407C เĀมาะÿำĀรับการทำคüามเย็นขนาดกลาง ทั้งระบบทำคüามเย็นในอาคาร ในที่พักอาýัย โรงงานอุตÿาĀกรรม และตู้เย็น 39 ตอบ ง. มีประÿิทธิภาพÿูงมาก เพราะ ÿารทำคüามเย็น R-134a มีคุณÿมบัติคือ ละลายในน้ำได้ดีกü่าÿารทำคüามเย็น R-12 ประมาณ 5 เท่า ไม่ติดไฟในอากาý ไม่มีคüามเป็นพิþและไม่ÿร้างผลกระทบข้างเคียง 40 ตอบ ข. -46.4 °C เพราะ ÿารทำคüามเย็นที่เป็นÿารผÿม R-404A มีอุณĀภูมิจุดเดือดเท่ากับ 46.4 °C ที่คüามดัน บรรยากาý 41 ตอบ ข. ไม่มีคüามร้อนแฝง เพราะ ÿารทำคüามเย็นที่ดีจะต้องไม่มีปฏิกิริยาทางเคมี ไม่ไüไฟĀรือเกิดระเบิดง่าย และไม่เป็น พิþโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำมันĀล่อลื่นคอมเพรÿเซอร์ 42 ตอบ จ. ถูกทุกข้อ เพราะ ข้อคüรระüังในการปฏิบัติงานเกี่ยüกับÿารทำคüามเย็นมีดังนี้ 1) อย่าปล่อยใĀ้ÿารทำคüามเย็นในÿถานะของเĀลüÿัมผัÿถูกผิüĀนัง 2) อย่าใĀ้ÿารทำคüามเย็นเข้าตา 3) Ā้ามใช้ไฟลนท่อÿารทำคüามเย็น 4) Ā้ามปล่อยÿารทำคüามเย็นทิ้งใกล้บริเüณที่มีการจุดไฟ 5) ไม่คüรเปิดÿารทำคüามเย็นทิ้งไปในÿถานะก๊าซออกจากระบบเครื่องทำคüามเย็น ในบริเüณที่ อับและการถ่ายเทอากาýไม่ÿะดüก 6) ขณะปล่อยÿารทำคüามเย็นทิ้งจากระบบ คüรปล่อยอย่างช้า ๆ 43 ตอบ ข. ใช้น้ำÿบู่ล้าง เพราะ ถ้าเกิดอุบัติเĀตุโดยถูกÿารทำคüามเย็นเข้าตา Ā้ามขยี้ตา แต่ใĀ้ปฏิบัติดังนี้ 1) ลืมตาในน้ำเย็นจำนüนมากๆ เพื่อทำใĀ้อุณĀภูมิของÿารทำคüามเย็นÿูงขึ้น 2) ใช้ผ้าÿะอาดปิดตาเพื่อกันÿิ่งÿกปรกอื่นๆ 3) รีบนำผู้ป่üยÿ่งจักþุแพทย์ทันที Ā้ามรักþาด้üยตนเอง
44 ตอบ จ. กรดแฮโลเจน เพราะ ถ้าÿารทำคüามเย็น ในÿถานะที่เป็นก๊าซถูกไฟเผาจะกลายเป็นคüันพิþ ทำใĀ้เกิดเป็นÿาร ประเภทกรดแฮโลเจน (Halogen Acids) ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อระบบการĀายใจของคน 45 ตอบ ค. Chlorofluorocarbon เพราะ คุณÿมบัติÿำคัญของน้ำมันĀล่อลื่นคอมเพรÿเซอร์ คือ Viscosity, Pour Point, Floc Point, Moisture 46 ตอบ ค. 300 SUS เพราะ ค่าคüามĀนืดของน้ำมันÿำĀรับเครื่องทำคüามเย็นโดยทั่üไปอยู่ระĀü่าง 150 SUS ที่ อุณĀภูมิ 37.8°C (100°F) ÿ่üนในระบบเครื่องทำคüามเย็นคüรใช้น้ำมันที่มีค่าคüามĀนืด 300 SUS 47 ตอบ ง. จุดแข็งเป็นไข เพราะ ในขณะที่อุณĀภูมิค่อยๆ ลดลงจนกระทั่งถึงจุดĀนึ่งที่น้ำมันเริ่มเป็นไข เรียกจุดนี้ü่า “จุดแข็งเป็นไข” 48 ตอบ ค. R-32 เพราะ ÿารทำคüามเย็น เป็นÿารที่นิยมใช้ในการทดÿอบการรั่üซึมของระบบ โดยเฉพาะงาน เครื่องปรับอากาýรถยนต์ จะใช้ÿารทำคüามเย็นเบอร์ R-32 49 ตอบ จ. ถูกทุกข้อ เพราะ การใช้คüามดันทดÿอบ เป็นüิธีการใช้คüามดันจากก๊าซอัดเข้าระบบ แล้üพิจารณาจาก ค่าของคüามดันที่ลดลง ก๊าซที่นำมาใช้จะต้องเป็นก๊าซที่ไม่ติดไฟ ไม่มีพิþ ไม่มีคüามชื้นและต้อง ไม่เกิดการระเบิด 50 ตอบ ค. การเช็คลมรั่ü เพราะ การใช้ÿุญญากาý ช่างบริการมักเรียกกันü่า “การเช็คลมรั่ü” üิธีนี้จัดเป็นüิธีที่ประĀยัด 51 ตอบ ง. ÿีเขียü เพราะ ตะเกียงตรüจรอยรั่ü จะใช้ก๊าซโพรเพนเป็นเชื้อเพลิงเพื่อใĀ้เกิดเปลüไฟ ใช้ในการ ตรüจÿอบการรั่üซึมของÿารทำคüามเย็น โดยอาýัยคุณÿมบัติÿารทำคüามเย็น R-12 คือ เมื่อถูก เผาไĀม้จะเปลี่ยนÿีเปลüไฟจากÿีเĀลืองÿ้มเป็นÿีเขียüตองอ่อน 52 ตอบ ข. ดูดอากาýและคüามชื้นออกมาจากระบบ เพราะ การทำÿุญญากาýระบบเครื่องทำคüามเย็น คือ การใช้เครื่องทำÿุญญากาýดูดอากาý และคüามชื้นออกมาจากระบบ 53 ตอบ ข. Vacuum Pump เพราะ เครื่องปั๊มÿุญญากาý (Vacuum Pump) คือ เครื่องมือที่ใช้ÿำĀรับดูดอากาýและคüามชื้น ออกจากระบบผ่านแมนิโฟลด์เกจ ที่ใช้ทั่üไปจะมี 2 แบบ คือ แบบใช้ÿายพานขับและแบบใช้มอเตอร์ ขับโดยตรง 54 ตอบ ก. üาล์üบริการด้านดูด เพราะ ÿายเกจด้านคüามดันต่ำใĀ้ต่อเข้ากับüาล์üบริการด้านดูด 55 ตอบ ก. 15-20 psi เพราะ การบรรจุÿารทำคüามเย็นเข้าระบบจนเข็มเกจด้านคüามดันต่ำอ่านค่าได้ประมาณ 15-20 psi แล้üจึงเปิดüาล์üของเกจด้านคüามดันÿูง
56 ตอบ ก. ต่ำกü่า 70 psi เพราะ ถ้าÿารทำคüามเย็นในถังเĀลือน้อยลง คüามดันที่เกจอ่านค่าได้จะต่ำกü่า 70 psi 57 ตอบ ค. บรรจุÿารทำคüามเย็น เพราะ ถ้ามองดูที่กระจกมองÿารทำคüามเย็นจะเĀ็นฟองผุดๆ ใĀ้บรรจุÿารทำคüามเย็นเข้าต่อไป เรื่อยๆ จนกü่าฟองจะĀายไป 58 ตอบ จ. ท่อทางเดินÿารทำคüามเย็น เพราะ เครื่องทำคüามเย็น นอกจากจะประกอบด้üยอุปกรณ์ที่ÿำคัญ เช่น คอมเพรÿเซอร์ รีซีฟเüอร์üาล์üลดคüามดัน และอีüาพอเรเตอร์แล้ü ท่อทางเดินÿารทำคüามเย็นจัดได้ü่าเป็น อุปกรณ์เÿริมที่ÿำคัญอีกชนิดĀนึ่งที่ทำใĀ้การทำงานของเครื่องทำคüามเย็นมีประÿิทธิภาพยิ่งขึ้น 59 ตอบ จ. ท่อทางเดินÿารทำคüามเย็น เพราะ ท่อทางเดินÿารทำคüามเย็นนี้ทำĀน้าที่ÿ่งÿารทำคüามเย็นไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบ 60 ตอบ ค. 1,200 เมตร/นาที เพราะ คüามเร็üÿูงÿุดของก๊าซร้อนไม่เกิน 1,200 เมตร/นาที เพื่อไม่ใĀ้เกิดเÿียงดังภายในท่อ 61 ตอบ ก. ป้องกันน้ำมันĀล่อลื่นไĀลย้อนกลับ เพราะ การทำท่อดักน้ำมันĀล่อลื่นไü้ที่ด้านล่างของท่อในแนüดิ่ง ÿ่üนท่อในแนüนอนจะต้องใĀ้ท่อ มีคüามลาดเอียงออกจากคอมเพรÿเซอร์ เพื่อป้องกันน้ำมันĀล่อลื่นไĀลย้อนกลับเข้าคอมเพรÿเซอร์ 62 ตอบ ค. 108 เมตร/นาที เพราะ ข้อมูลที่ใช้ในการออกแบบท่อÿ่งÿารทำคüามเย็นเĀลü คüามเร็üÿูงÿุดในท่อไม่เกิน 108 เมตร/นาที 63 ตอบ จ. ท่อÿารทำคüามเย็นด้านดูด เพราะ ท่อÿารทำคüามเย็นด้านดูด ท่อทางเดินÿารทำคüามเย็นช่üงนี้ทำĀน้าที่ÿ่งÿารทำคüามเย็น จากอีüาพอเรเตอร์ไปยังด้านดูดของคอมเพรÿเซอร์ 64 ตอบ ง. แนüนอนไม่น้อยกü่า 150 เมตร/นาที และในแนüตั้งไม่น้อยกü่า 300 เมตร/นาที เพราะ ข้อมูลที่ใช้ในการออกแบบท่อÿารทำคüามเย็นด้านดูด คüามเร็üในท่อในแนüนอน ไม่น้อยกü่า 150 เมตร/นาที และในแนüตั้งไม่น้อยกü่า 300 เมตร/นาที 65 ตอบ ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก เพราะ ท่อชนิดอ่อน ที่ใช้ในระบบทำคüามเย็นÿ่üนมาก มักเป็นท่อทองแดงอย่างอ่อน ท่ออะลูมิเนียม Āรือท่อที่ทำจากÿารอัลลอยพิเýþ 66 ตอบ จ. ข้อ ก. และ ค. ถูก เพราะ ท่อชนิดแข็งที่ใช้ในระบบทำคüามเย็น ได้แก่ ท่อทองแดงอย่างแข็ง ท่อเĀล็กÿเตนเลÿ Āรือท่อชนิดอื่นๆ ที่มีลักþณะคล้ายคลึงกัน 67 ตอบ ก. คัตเตอร์ เพราะ คัตเตอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้ÿำĀรับตัดท่อทางเดินÿารทำคüามเย็นชนิดท่ออ่อน 68 ตอบ ข. Hacksaw เพราะ การตัดท่อโดยใช้เลื่อย (Hacksaw) การใช้เลื่อยตัดท่อÿ่üนมากจะใช้ÿำĀรับตัดท่อชนิดแข็ง การตัดท่อจะต้องมีตัüจับท่อ ÿำĀรับจับยึดท่อเพื่อคüามÿะดüกในการเลื่อย 69 ตอบ ง. ท่อชนิดแข็ง เพราะ ถ้าเป็นท่อชนิดแข็ง การบานท่อทำไม่ได้เพราะท่อจะแตก ฉะนั้นจึงต้องใช้ข้อต่อแบบÿำเร็จรูป
70 ตอบ ข. การเชื่อมเงิน เพราะ การเชื่อมต่อท่อถ้าเป็นการต่อท่อทองแดงเข้าด้üยกันแล้ü มักจะใช้การเชื่อมเงิน (Silver Brazing) 71 ตอบ ข. กระดาþทราย เพราะ การปฏิบัติงานเชื่อมต่อท่อ ต้องทำคüามÿะอาดผิüในของท่อต่อด้üยแปรง กระดาþทราย ผ้าทราย 72 ตอบ จ. กระแÿไฟ เพราะ อุปกรณ์คüบคุมคüามเย็นที่ÿำคัญๆ มีดังนี้ ÿüิตช์ Āน้าÿัมผัÿแม่เĀล็กไฟฟ้า รีเลย์คüบคุม อุปกรณ์ป้องกัน และไทม์เมอร์ 73 ตอบ ก. Switch เพราะ ÿüิตช์ (Switch) ใช้ÿำĀรับคüบคุมการปิด-เปิดüงจรไฟฟ้า 74 ตอบ จ. Timer Relay เพราะ ไทม์เมอร์ (Timer Relay) เป็นอุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่ในการĀน่üงเüลาในช่üงเüลาใดเüลาĀนึ่ง ตามที่กำĀนด 75 ตอบ ง. Overload Protector เพราะ อุปกรณ์ป้องกัน (Overload Protector) เป็นอุปกรณ์ป้องกันไม่ใĀ้มอเตอร์คอมเพรÿเซอร์ เกิดการชำรุดเÿียĀายเมื่อระบบเครื่องทำคüามเย็นเกิดการขัดข้อง 76 ตอบ จ. เทอร์มอÿแตต เพราะ เทอร์มอÿแตต เป็นÿüิตช์ที่คüบคุมการทำงานโดยอาýัยĀลักการเปลี่ยนแปลงอุณĀภูมิ มีทั้งชนิดที่Āน้าÿัมผัÿจะจากออกเมื่ออุณĀภูมิÿูงเกินกü่าที่ตั้งไü้ เช่น ÿüิตช์คüบคุมเตารีดไฟฟ้า 77 ตอบ ง. ÿüิตช์ลูกลอย เพราะ ÿüิตช์ที่คüบคุมการทำงานโดยอาýัยระดับของของเĀลüทำการตัด-ต่อĀน้าÿัมผัÿ เรียกü่า ÿüิตช์ลูกลอย (Float Switch) 78 ตอบ ค. เซลÿüิตช์ เพราะ ÿüิตช์ที่คüบคุมด้üยจำนüนการไĀลของอากาý เรียกü่า เซลÿüิตช์ (Sail Switch) 79 ตอบ ง. Humidstat เพราะ ÿüิตช์ที่คüบคุมด้üยคüามชื้น เรียกü่า ฮิüมิดÿแตต (Humidstat) 80 ตอบ ค. 24 โüลต์ DC เพราะ ขนาดของแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ป้อนเข้าขดลüด จะมีขนาดตั้งแต่ 6 โüลต์ DC, 12 โüลต์DC, 24 โüลต์ AC, 220 โüลต์ AC และ 380 โüลต์ AC เป็นต้น 81 ตอบ ค. โพเทนเชียลรีเลย์ เพราะ โพเทนเชียลรีเลย์ (Potential Relay) รีเลย์ชนิดนี้ทำงานด้üยคüามต่างýักย์ไฟฟ้าใช้ใน üงจรที่มอเตอร์ของคอมเพรÿเซอร์ต่อแบบอนุกรม 82 ตอบ ข. Fuse เพราะ ฟิüÿ์ (Fuse) เป็นอุปกรณ์ทำĀน้าที่ป้องกันในüงจรไฟฟ้าเมื่อเกิดการลัดüงจร ฟิüÿ์จะตัด üงจรไฟฟ้าก่อนที่จะเกิดคüามเÿียĀายขึ้นกับอุปกรณ์อื่นๆ ในüงจร
83 ตอบ ก. Circuit Breaker เพราะ เซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker) เป็นอุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่คอยตัดüงจรไฟฟ้าออก เมื่อเกิดการใช้กระแÿไฟฟ้าที่มากเกินกü่าปกติ และป้องกันมิใĀ้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เกิดคüามเÿียĀาย 84 ตอบ ข. 3 ชนิด เพราะ Āลักการทำงานของเซอร์กิตเบรกเกอร์แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ 1) ชนิดที่ใช้คüามร้อน (Thermal) 2) ชนิดที่ใช้คüามร้อนและแม่เĀล็ก (Thermal Magnetic) 3) ชนิดที่ใช้แม่เĀล็ก (Magnetic) 85 ตอบ ง. อุปกรณ์คüบคุมแรงดันน้ำมันĀล่อลื่น เพราะ ตัüคüบคุมแรงดันน้ำมันนี้จะĀยุดการทำงานของคอมเพรÿเซอร์ทันทีเมื่อคอมเพรÿเซอร์ ขาดน้ำมันĀล่อลื่น 86 ตอบ ข. 3 แบบ เพราะ การต่อüงจรไฟฟ้าÿามารถต่อได้ 3 แบบ คือ 1) การต่อüงจรแบบอนุกรม 2) การต่อüงจรแบบขนาน 3) การต่อüงจรแบบผÿม 87 ตอบ จ. การต่อüงจรแบบผÿม เพราะ การต่อüงจรแบบผÿม (Mix Circuit) เป็นการต่อüงจรทั้งแบบอนุกรม และแบบขนาน อยู่ในüงจรเดียüกัน 88 ตอบ ก. กระแÿไฟฟ้า เพราะ จำนüนกระแÿไฟฟ้านี้ÿามารถüัดได้ในĀน่üยของแอมแปร์ (Ampere) 89 ตอบ ง. โüลต์มิเตอร์ เพราะ เครื่องมือที่ใช้üัดค่าคüามต่างýักย์ไฟฟ้า เรียกü่า โüลต์มิเตอร์ (Voltmeter) 90 ตอบ ก. Āม้อแปลงไฟฟ้า เพราะ Āม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำĀน้าที่เพิ่มĀรือลดแรงดันไฟฟ้า 91 ตอบ ข. มอเตอร์ เพราะ มอเตอร์(Motor) เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานทางไฟฟ้าใĀ้เป็นพลังงานทางกล 92 ตอบ ง. üัดแรงดันไฟฟ้าเป็นแอมแปร์ เพราะ เครื่องมือที่üัดค่าทางไฟฟ้า เช่น üัดแรงดันไฟฟ้าเป็นโüลต์ üัดคüามต้านทานเป็นโอĀ์ม และüัดกระแÿไฟฟ้าเป็นมิลลิแอมแปร์ 93 ตอบ ค. DC เพราะ ระบบไฟฟ้ากระแÿตรง (DC)
94 ตอบ ค. เครื่องมือทดÿอบฉนüนไฟฟ้า เพราะ เครื่องมือทดÿอบฉนüนไฟฟ้า (Insulation Tester) คือ เครื่องมือที่ใช้üัดค่าคüามต้านทาน ชนิดพิเýþ คือ ใช้üัดคüามต้านทานที่มีค่าÿูงมากเป็นเมกะโอĀ์ม (Mega Ohm) 95 ตอบ ง. üัÿดุใยแก้ü เพราะ ฉนüนกันคüามร้อนเป็นüัÿดุที่ใช้กั้นระĀü่างโครงตู้ชั้นนอกและชั้นในของตู้เย็น และตู้แช่ ฉนüนÿ่üนมากจะทำจากüัÿดุใยแก้ü โฟมแผ่นĀรือโฟมฉีด 96 ตอบ ก. พลาÿติก เพราะ ฝาปิดช่องแช่แข็งของตู้เย็นĀรือช่องฟรีซเซอร์ÿ่üนมากทำจากพลาÿติก เป็นÿ่üนที่ปิดช่อง แช่แข็งเพื่อใĀ้อุณĀภูมิในช่องแช่แข็งเย็นจัดกü่าบริเüณอื่น 97 ตอบ ค. ฝาปิดช่องแช่แข็งของตู้เย็นĀรือช่องฟรีซเซอร์ÿ่üนมากทำจากโฟม เพราะ ฝาปิดช่องแช่แข็งของตู้เย็นĀรือช่องฟรีซเซอร์ÿ่üนมากทำจากพลาÿติก 98 ตอบ จ. คอมเพรÿเซอร์ เพราะ ระบบüงจรÿารทำคüามเย็น Āรืออาจเรียกü่า ชุดคüบคุมÿารทำคüามเย็นÿำĀรับตู้เย็น และตู้แช่มีใช้กันอยู่ 4 ชนิด คือ 1) ท่อรูเข็ม 2) เอกซ์แพนชันüาล์ü 3) ฟิลเตอร์ดรายเออร์ 4) แอกคิüมูเลเตอร์ 99 ตอบ ค. ฟิลเตอร์ดรายเออร์ เพราะ ฟิลเตอร์ดรายเออร์ จะทำĀน้าที่ดูดคüามชื้นและกรองÿิ่งÿกปรกของÿารทำคüามเย็นก่อน เข้าชุดคอยล์เย็นเพื่อป้องกันการอุดตัน 100 ตอบ จ. รีเลย์ เพราะ รีเลย์ เป็นอุปกรณ์ทำĀน้าที่ช่üยต่อใĀ้กระแÿไฟฟ้าเข้าไปยังขดลüดÿตาร์ต และ ตัดกระแÿไฟฟ้าเมื่อมอเตอร์คอมเพรÿเซอร์ทำงานเป็นปกติแล้ü
8. ÿาขางานในด้านใด ที่ต้องอาýัยการทำคüามเย็นมาประยุกต์ใช้มากที่ÿุด ก. การผลิตอาĀาร ข. การเก็บรักþาอาĀาร ค. การผลิตในงานอุตÿาĀกรรม ง. การทำคüามเย็นเพื่อการขนÿ่ง จ. การปรับอากาý 9. จุดเยือกแข็งÿำĀรับองýาฟาเรนไฮต์จะเท่ากับเท่าใด ก. 0°F ข. 30°F ค. 32°F ง. 100°F จ. 212°F 10. พลังงานคüามร้อนจะĀยุดการถ่ายเท เมื่อใด ก. üัตถุĀนึ่งมีอุณĀภูมิที่ÿูงกü่า ข. üัตถุĀนึ่งมีอุณĀภูมิที่ต่ำกü่า ค. üัตถุทั้งÿองนั้นมีอุณĀภูมิเท่ากัน ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก จ. ข้อ ข. และ ค. ถูก 11. พลังงานคüามร้อนตามธรรมชาติที่ÿำคัญ เกิดจากอะไร ก. แÿงแดด ข. ดüงอาทิตย์ ค. การเผาไĀม้ ง. ภูเขาไฟ จ. ถูกทุกข้อ 12. ถ้าอุณĀภูมิของก๊าซชนิดĀนึ่งüัดได้เป็น 90°C ต้องการทราบü่าก๊าซนี้จะมีอุณĀภูมิเป็นเท่าใดในĀน่üยของ เคลüิน ก. 300 เคลüิน ข. 358 เคลüิน ค. 363 เคลüิน ง. 368 เคลüิน จ. 372 เคลüิน 13. ÿภาüการณ์ที่ไม่มีผลต่อการทำคüามเย็น คือข้อใด ก. คüามเย็น ข. คüามร้อน ค. อุณĀภูมิ ง. คüามชื้น จ. การเคลื่อนที่ของอากาý 14. อากาýที่มีคüามชื้นÿัมพัทธ์ 50% Āมายถึงข้อใด ก. คüามชื้นที่มีอยู่ในอากาý ข. คüามชื้นที่ÿัมพันธ์กับอุณĀภูมิ ค. การเคลื่อนที่ของคüามชื้นครึ่งĀนึ่ง ง. อากาýมีไอน้ำอยู่ครึ่งĀนึ่ง ณ จุดนั้น จ. คüามชื้นโดยทั่üไป 15. อุณĀภูมิÿมบูรณ์ มีĀน่üยüัดคือข้อใด ก. องýาเซลเซียÿ ข. องýาฟาเรนไฮต์ ค. เคลüิน ง. บีทียู จ. เกรน
16. อุณĀภูมิที่เĀมาะÿมÿำĀรับร่างกายมนุþย์อยู่ระĀü่างกี่องýา ก. 19 - 22°C ข. 22 - 26 °C ค. 23 - 27°C ง. 25 - 29°C จ. 30 - 34°C 17. ข้อใดกล่าüถึง ”แรง” ไม่ถูกต้อง ก. การทำใĀ้üัตถุเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ข. การทำใĀ้üัตถุĀยุดนิ่ง ค. การทำใĀ้üัตถุเปลี่ยนทิýทาง ง. การทำใĀ้üัตถุเคลื่อนที่เร็üขึ้นĀรือช้าลง จ. การทำใĀ้üัตถุมีคüามĀนาแน่น 18. Āน่üยการüัดของแรง คือข้อใด ก. นิüตัน ข. กิโลกรัม ค. เมตรต่อüินาที ง. นิüตันต่อตารางเมตร จ. ตารางเมตร 19. จงĀาค่าของแรงที่กระทำต่อมüลüัตถุ 22 กิโลกรัม ใĀ้เคลื่อนที่ด้üยคüามเร็ü 9 เมตรต่อüินาที ในทิýทางที่ แรงมากระทำ ก. 179 N ข. 188 N ค. 198 N ง. 205 N จ. 222 N 20. คüามดัน Āมายถึงข้อใด ก. ระดับĀรือคüามเข้มของคüามร้อน ข. พลังงานชนิดĀนึ่งซึ่งÿามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานรูปแบบอื่น ค. อำนาจชนิดĀนึ่งที่ÿามารถเปลี่ยนÿถานภาพของüัตถุ ง. แรงที่มากระทำต่อĀน่üยของพื้นที่ จ. เกิดขึ้นเมื่อมีแรงจำนüนĀนึ่งมากระทำต่อüัตถุ 21. Āน่üยของคüามดัน คือข้อใด ก. นิüตัน ข. กิโลกรัม ค. เมตรต่อüินาที ง. นิüตันต่อตารางเมตร จ. ตารางเมตร 22. คüามดัน 1 บาร์เท่ากับเท่าใด ก. 100 ปาÿกาล ข. 1,000 ปาÿกาล ค. 10,000 ปาÿกาล ง. 100,000 ปาÿกาล จ. 1,000,000 ปาÿกาล 23. ข้อใดกล่าüถึงคüามĀมายของงาน ได้ถูกต้อง ก. เกิดขึ้นเมื่อมีแรงจำนüนĀนึ่งมากระทำต่อüัตถุ ทำใĀ้üัตถุนั้นเคลื่อนที่เป็นระยะทางช่üงĀนึ่ง ข. แรงที่มากระทำต่อĀน่üยของพื้นที่ อาจกล่าüได้ü่าเป็นการüัดคüามĀนาแน่นของแรงที่จุดใดจุดĀนึ่ง
ค. อัตราการทำงานในช่üงระยะเüลาĀนึ่ง ง. คüามÿามารถในการทำงานได้ โดยที่พลังงานจะถูกÿะÿมไü้ในตัüüัตถุเมื่อถูกนำมาใช้จะได้เป็นงาน จ. ถูกทุกข้อ 24. Āน่üยüัดของ “กำลังงาน” คือข้อใด ก. จูล ข. üัตต์ ค. üินาที ง. นิüตัน จ. ปาÿกาล 25. เทอร์โมมิเตอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการüัดอะไร ก. พลังงาน ข. อุณĀภูมิ ค. กำลังงาน ง. คüามดัน จ. แรง 26. Āน่üยของคüามร้อน คือข้อใด ก. บียูที ข. องýาฟาเรนไฮต์ ค. องýาเซลเซียÿ ง. ปาÿกาล จ. ไม่มีข้อใดถูก 27. ค่าคüามร้อนจำเพาะของน้ำแข็ง มีค่าเท่ากับเท่าใด ก. 0.25 แคลอรี/กรัม/°C ข. 0.5 แคลอรี/กรัม/°C ค. 0.75 แคลอรี/กรัม/°C ง. 1 แคลอรี/กรัม/°C จ. 1.25 แคลอรี/กรัม/°C 28. ข้อใดคือแĀล่งคüามร้อนภายนอก ก. คน ข. ดüงอาทิตย์ ค. ไฟฟ้า ง. แÿงÿü่าง จ. เครื่องใช้ไฟฟ้า 29. ข้อใดเป็นแĀล่งคüามร้อนที่ใĀ้ทั้งคüามร้อนÿัมผัÿและคüามร้อนแฝง ก. คน ข. ดüงอาทิตย์ ค. ไฟฟ้า ง. แÿงÿü่าง จ. เครื่องใช้ไฟฟ้า 30. ถ้าใĀ้ปริมาณคüามร้อนแก่น้ำแข็ง 75 g ที่ 0°C จำนüน 3,700 cal จงĀาü่าน้ำแข็งจะถูกĀลอมละลายลง ไปจำนüนเท่าไร ก. 40.57 g ข. 43.50 g ค. 46.44 g ง. 49.35 g จ. 52.52 g 31. ข้อใดเป็นระบบการทำคüามเย็นที่ใช้กลไก ก. การทำคüามเย็นแบบอัดไอ ข. การทำคüามเย็นแบบดูดซึม
ค. การทำคüามเย็นแบบใช้ไอน้ำ ง. ระบบใช้การขยายตัüของอากาý จ. ถูกทุกข้อ 32. อุปกรณ์ชนิดใด ทำĀน้าที่ดูดคüามร้อนทำใĀ้น้ำยาเปลี่ยนÿถานะกลายเป็นไอและเกิดคüามเย็นขึ้น ก. คอมเพรÿเซอร์ ข. üาล์üลดคüามดัน ค. คอนเดนเซอร์ ง. อีüาพอเรเตอร์ จ. รีซีฟเüอร์ 33. อุปกรณ์ชนิดใด ทำĀน้าที่ระบายคüามร้อนออกจากÿารคüามเย็น เพื่อคüบแน่นเป็นของเĀลü ก. คอมเพรÿเซอร์ ข. üาล์üลดคüามดัน ค. คอนเดนเซอร์ ง. อีüาพอเรเตอร์ จ. รีซีฟเüอร์ 34. อุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่ดูดน้ำยาÿภาพที่เป็นไอและอัดใĀ้มีคüามดันÿูงขึ้นจนÿามารถคüบแน่นได้คือข้อใด ก. คอมเพรÿเซอร์ ข. üาล์üลดคüามดัน ค. คอนเดนเซอร์ ง. อีüาพอเรเตอร์ จ. รีซีฟเüอร์ 35. อุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่ลดคüามดันของน้ำยาที่ออกจากคอนเดนเซอร์คือข้อใด ก. คอมเพรÿเซอร์ ข. üาล์üลดคüามดัน ค. คอนเดนเซอร์ ง. อีüาพอเรเตอร์ จ. รีซีฟเüอร์ 36. อุปกรณ์ชนิดใด ที่ทำĀน้าที่ÿะÿมของเĀลüที่ออกจากคอนเดนเซอร์ ก. คอมเพรÿเซอร์ ข. üาล์üลดคüามดัน ค. คอนเดนเซอร์ ง. อีüาพอเรเตอร์ จ. รีซีฟเüอร์ 37. ระบบการทำคüามเย็นแบบอัดไอ ใช้ÿารชนิดใดเป็นÿารทำคüามเย็น ก. R-12, R-22 ข. น้ำ ค. ไฮโดรเจน ง. ออกซิเจน จ. แอมโมเนีย 38. ระบบการทำคüามเย็นแบบดูดซึม ใช้ÿารชนิดใดเป็นÿารทำคüามเย็น ก. R-12, R-22 ข. น้ำ ค. ไฮโดรเจน ง. ออกซิเจน จ. แอมโมเนีย 39. ข้อดีของระบบการทำคüามเย็นแบบดูดซึม คือข้อใด ก. ระบบดูดซึมคüามเย็นได้ดี ข. ระบบทำงานเงียบ ไม่ÿั่นÿะเทือน ค. ระบายคüามร้อนได้เร็üขึ้น ง. ระบบทำงานมีประÿิทธิภาพ จ. ถูกทุกข้อ
40. ตัüทำคüามเย็นของระบบแบบใช้ไอน้ำ คือข้อใด ก. R-12, R-22 ข. น้ำ ค. ไฮโดรเจน ง. ออกซิเจน จ. แอมโมเนีย 41. ระบบการทำคüามเย็นที่เĀมาะÿำĀรับใช้เป็นระบบปรับอากาýในอากาýยาน คือระบบใด ก. ระบบการทำคüามเย็นแบบอัดไอ ข. ระบบการทำคüามเย็นแบบใช้ไอน้ำ ค. ระบบการทำคüามเย็นแบบดูดซึม ง. ระบบการทำคüามเย็นแบบอากาýยาน จ. ระบบการทำคüามเย็นแบบใช้การขยายตัüของอากาý 42. ÿ่üนใĀญ่ช่างทำคüามเย็นจะใช้มัลติมิเตอร์üัดระบบไฟฟ้าชนิดใด ก. üัดค่าคüามต้านทาน ข. üัดแรงเคลื่อนไฟฟ้า ค. üัดกระแÿตรง ง. üัดกระแÿÿลับ จ. üัดกระแÿไฟฟ้า 43. จากรูปภาพที่กำĀนดใĀ้ เป็นเครื่องมือซ่อมในงานบริการเครื่องทำคüามเย็นข้อใด ก. เครื่องเป่าทำคüามÿะอาด ข. Āüีครีบคอนเดนเซอร์ ค. เลื่อยเĀล็ก ง. ตะไบ จ. ประแจ 44. เครื่องมือประเภทใดที่ใช้ในงานซ่อมเกือบทุกชนิด ก. คลิปแอมป์ ข. ประแจ ค. ไขคüง ง. คีม จ. ตะไบ 45. เครื่องมือที่ใช้ÿำĀรับตกแต่งผิüโลĀะเพื่อใĀ้ผิüงานเรียบ คือข้อใด ก. ตะไบ ข. ประแจ ค. เลื่อยเĀล็ก ง. ÿü่านไฟฟ้า จ. เครื่องเป่าทำคüามÿะอาด 46. ข้อใดไม่ใช่เครื่องมือเฉพาะช่าง ก. Āüีครีบคอนเดนเซอร์ ข. คัตเตอร์
ค. รีมเมอร์ ง. ลüดüัดขนาดของท่อรูเข็ม จ. ชุดเชื่อมขนาดเล็ก 47. เครื่องมือที่ใช้ในการคü้านปากท่อ คือข้อใด ก. เครื่องมือขยายท่อ ข. เครื่องมือบานท่อ ค. เครื่องมือดัดท่อ ง. รีมเมอร์ จ. คัตเตอร์ 48. เครื่องมือขยายท่อ ในภาþาอังกฤþĀมายถึงข้อใด ก. Reamer ข. Fin Comb ค. Swaging ง. Flaring Tool จ. Tube Bending 49. ถ้าต้องการปิดระบบĀลังจากการบรรจุÿารทำคüามเย็นเต็มระบบแล้ü จะต้องใช้เครื่องมือชนิดใด ก. เครื่องมือดัดท่อ ข. เครื่องมือบีบท่อ ค. ชุดเชื่อมขนาดเล็ก ง. เครื่องมือบานท่อ จ. เครื่องมือตรüจการรั่ü 50. เครื่องมือที่ใช้ตรüจการรั่üซึมของÿารทำคüามเย็น คือข้อใด ก. Leak Detector ข. Pinch off Tool ค. Tube Bending ง. Flaring Tool จ. Swaging 51. เครื่องตรüจอิเล็กทรอนิกÿ์แบบใช้เÿียง เมื่อพบรอยรั่üจะเป็นอย่างไร ก. มีแÿงออกจากĀลอดไฟ ข. มีเÿียงออกจากĀลอดไฟ ค. เÿียงดังเป็นช่üงĀ่าง ง. เÿียงดังรัüถี่ จ. ÿัญญาณไฟจะเตือน 52. ÿายแมนิโฟลด์เกจ ที่ใช้ต่อเข้ากับเกจüัดคüามดันด้านต่ำเพียงอย่างเดียü คือเÿ้นÿีอะไร ก. ÿีน้ำเงิน ข. ÿีแดง ค. ÿีเĀลือง ง. ÿีเขียü จ. ÿีดำ 53. แมนิโฟลด์เกจถูกออกแบบมาใĀ้ใช้กับÿารคüามเย็น ประเภทใด ก. R-12, R-22 ข. น้ำ ค. ไฮโดรเจน ง. ออกซิเจน จ. แอมโมเนีย 54. การขันÿายเกจใĀ้แน่น ต้องใช้üิธีการในข้อใด ก. ไขคüง ข. มือ ค. คีม ง. ประแจ จ. ÿü่านมือ
55. ขั้นตอนการถอดแมนิโฟลด์เกจออกจากระบบ ÿิ่งที่ต้องปฏิบัติคือข้อใด ก. คüรถอดÿายเกจด้านคüามดันต่ำก่อน ข. ÿüมชุดนิรภัย ค. คüรถอดÿายเกจด้านคüามดันÿูงก่อน ง. เปิดüาล์üบริการได้เลย จ. ถอดÿายเกจออกพร้อมกัน 56. กระบüนการถ่ายเทคüามร้อนออกจากพื้นที่Āมายถึงข้อใด ก. การปรับอากาý ข. การทำคüามเย็น ค. การระบายคüามร้อน ง. การเผาไĀม้ จ. การดูดซึมคüามเย็น 57. ข้อใดไม่ใช่Āลักการทำงานพื้นฐานของระบบคอมเพรÿเซอร์อัดไอ ก. การขยายตัü ข. การกลายเป็นไอ ค. การอัดตัü ง. การคüบแน่น จ. การอิ่มตัü 58. กระบüนการที่เกิดขึ้นจากการทำงานของüาล์üลดคüามดัน คือข้อใด ก. การขยายตัü ข. การกลายเป็นไอ ค. การอัดตัü ง. การคüบแน่น จ. การอิ่มตัü 59. การกลายเป็นไอเกิดขึ้นที่อุปกรณ์ในข้อใด ก. อีüาพอเรเตอร์ ข. ท่อพักน้ำยาเĀลü ค. คอมเพรÿเซอร์ ง. เอกซ์แพนชันüาล์ü จ. คอนเดนเซอร์ 60. อุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่ดูดอัดน้ำยา คือข้อใด ก. อีüาพอเรเตอร์ ข. ท่อพักน้ำยาเĀลü ค. คอมเพรÿเซอร์ ง. เอกซ์แพนชันüาล์ü จ. คอนเดนเซอร์ 61. คอนเดนเซอร์จะทำĀน้าที่ลดคüามร้อนÿัมผัÿและคüามร้อนแฝง คือกระบüนการใด ก. การขยายตัü ข. การกลายเป็นไอ ค. การอัดตัü ง. การคüบแน่น จ. การอิ่มตัü 62. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ÿำĀรับüงจรทำคüามเย็นแบบอัดไอ ก. Evaporator ข. Compressor ค. Condensing ง. Condenser จ. Expansion Valve 63. อีüาพอเรเตอร์ ทำĀน้าที่อะไร ก. ดูดรับปริมาณคüามร้อน ข. ดูดและอัดน้ำยา
ค. ทำใĀ้น้ำยามีอุณĀภูมิÿูง ง. พักน้ำยา จ. คüบคุมปริมาณการไĀลของน้ำยา 64. น้ำยาที่มีคüามดันÿูงและอุณĀภูมิÿูง ซึ่งกลั่นตัüมาแล้üจะถูกÿ่งไปที่อุปกรณ์ใด ก. เอกซ์แพนชันüาล์ü ข. ท่อพักน้ำยาเĀลü ค. คอนเดนเซอร์ ง. คอมเพรÿเซอร์ จ. อีüาพอเรเตอร์ 65. อุปกรณ์ที่ทำĀน้าที่ลดคüามดันของน้ำยาใĀ้มีคüามดันต่ำลงจนระเĀยเปลี่ยนÿถานะเป็นไอ คือข้อใด ก. เอกซ์แพนชันüาล์ü ข. ท่อพักน้ำยาเĀลü ค. คอนเดนเซอร์ ง. คอมเพรÿเซอร์ จ. อีüาพอเรเตอร์ 66. ท่อทางเดินน้ำยาเĀลüที่มีคüามดันÿูง อุณĀภูมิÿูง คือข้อใด ก. ท่อซักชัน ข. ท่อดิÿชาร์จ ค. ท่อลิคüิด ง. ท่อพักน้ำยา จ. ท่อระบายน้ำยา 67. อุปกรณ์ที่ต่อระĀü่างอีüาพอเรเตอร์กับทางดูดของคอมเพรÿเซอร์คือข้อใด ก. ท่อซักชัน ข. ท่อดิÿชาร์จ ค. ท่อลิคüิด ง. ท่อพักน้ำยา จ. ท่อระบายน้ำยา 68. อุปกรณ์ในข้อใดที่อยู่ระĀü่างท่อทางอัดของคอมเพรÿเซอร์กับคอนเดนเซอร์ ก. ท่อซักชัน ข. ท่อดิÿชาร์จ ค. ท่อลิคüิด ง. ท่อพักน้ำยา จ. ท่อระบายน้ำยา 69. ตัüกลางในการทำคüามเย็น ทำĀน้าที่อะไร ก. ดูดรับคüามร้อน ข. ปรับอุณĀภูมิ ค. ระบายคüามร้อน ง. ถ่ายเทคüามร้อน จ. ขยายตัüของคüามร้อน 70. ฉนüนกันคüามร้อนที่นิยมใช้ทำคüามเย็น คือข้อใด ก. โฟมและพลาÿติก ข. พลาÿติกและยาง ค. โฟมและใยแก้ü ง. ยางและใยแก้ü จ. แก้üและใยแก้ü 71. คüามร้อนที่คิดเป็นภาระงาน คือข้อใด ก. คüามร้อนที่ผ่านเข้ามาขณะเปิดตู้เย็น ข. คüามร้อนในüัตถุที่ถูกนำมาแช่ ค. คüามร้อนที่ถ่ายเทจากคนที่อยู่Ā้องทำคüามเย็น ง. คüามร้อนจากเครื่องใช้ไฟฟ้า จ. ถูกทุกข้อ
72. อุปกรณ์ชนิดใดทำĀน้าที่ระบายคüามร้อนออกจากน้ำยาเĀลü ก. เอกซ์แพนชันüาล์ü ข. ท่อพักน้ำยาเĀลü ค. คอนเดนเซอร์ ง. คอมเพรÿเซอร์ จ. อีüาพอเรเตอร์ 73. Shaft Seal ของคอมเพรÿเซอร์ทำĀน้าที่อะไร ก. ป้องกันการรั่üที่รอยต่อ ข. ป้องกันระบบการรั่üไĀล ค. ปรับการไĀลของน้ำยา ง. ปรับการรั่üของน้ำยา จ. ป้องกันการรั่üที่เพลา 74. ข้อเÿียของคอมเพรÿเซอร์แบบเปิด คือข้อใด ก. ราคาแพง ข. เÿียงดัง ค. ซ่อมยาก ง. ใช้เนื้อที่น้อย จ. ถูกทุกข้อ 75. คอมเพรÿเซอร์แบบใด ที่ตัüขับใช้ÿลักเกลียüเป็นตัüยึด ก. คอมเพรÿเซอร์แบบเปิด ข. คอมเพรÿเซอร์แบบกึ่งปิด ค. คอมเพรÿเซอร์แบบถาüร ง. คอมเพรÿเซอร์แบบĀุ้มปิด จ. คอมเพรÿเซอร์แบบชั่üคราü 76. ข้อดีของคอมเพรÿเซอร์แบบĀุ้มปิด คือข้อใด ก. ป้องกันการรั่üได้ดี ข. มีขนาดเล็ก ค. การทำงานเงียบ ง. คüามÿั่นÿะเทือนมีน้อย จ. ถูกทุกข้อ 77. คอมเพรÿเซอร์แบบใด ที่นิยมใช้กับเครื่องทำคüามเย็นที่ใช้ในบ้าน ก. คอมเพรÿเซอร์แบบเปิด ข. คอมเพรÿเซอร์แบบกึ่งปิด ค. คอมเพรÿเซอร์แบบถาüร ง. คอมเพรÿเซอร์แบบĀุ้มปิด จ. คอมเพรÿเซอร์แบบชั่üคราü 78. คอมเพรÿเซอร์แบบที่นิยมใช้งานมากที่ÿุด คือข้อใด ก. แบบลูกÿูบ ข. แบบโรตารี ค. แบบก้นĀอย ง. แบบÿกรู จ. แบบแรงเĀüี่ยงĀนีýูนย์กลาง 79. คอมเพรÿเซอร์ที่นำมาใช้กับระบบปรับอากาýในที่พักอาýัย ÿำนักงาน รüมทั้งในรถยนต์คือแบบใด ก. แบบลูกÿูบ ข. แบบโรตารี ค. แบบก้นĀอย ง. แบบÿกรู จ. แบบแรงเĀüี่ยงĀนีýูนย์กลาง 80. คอมเพรÿเซอร์แบบใด ที่ใช้กับเครื่องทำคüามเย็นขนาดใĀญ่ ก. แบบลูกÿูบ ข. แบบโรตารี