กรีก
โดย นางสาวเสาวลักษณ์ หมัดเต๊ะ
ประวัติศาสตร์สากล
ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
อารยธรรมกรีกเริ่มขึ้นเมื่อประมาณ
750 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีศูนย์กลางอยู่ที่
กรุงเอเธนส์ (Athens) เมืองหลวงของ
ประเทศกรีซในปัจจุบันเป็นอารยธรรมที่
เจริญรุ่งเรืองและมีอิทธิพลต่อโลกตะวันตก
มาก
การกำเนิดอารยธรรมกรีก
อารยธรรมกรีกที่เป็นมรดกตกทอดมาถึงปัจจุบันนี้ ประกอบ
ด้วยอารยธรรมหลัก 2 ส่วน ได้แก่ อารยธรรมของชาวกรีกโบราณหรือ
อารยธรรมเฮลเลนิก (Hellenic Civilizaton, ปี 750-336 ก่อนคริสต์
ศักราช) และ อารยธรรมเฮลเลนิสติก (Hellenistic Civilization, ปี
336-31 ก่อนคริสต์ศักราช) ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กรีกอยู่ภายใต้การ
ปกครองของจักรวรรดิมาซิโดเนีย (Macedonia) และเป็นอารยธรรมที่
ผสมผสานกับความเจริญที่รับจากดินแดนรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดอารยธรรมกรีกโดยรวม คือ ที่ตั้งทาง
ภูมิศาสตร์ ชาวกรีกโบราณ และระบอบนครรัฐกรีก
ที่ตั้ง อารยธรรมกรีกเกิดขึ้นในบริเวณตอนใต้
ของคาบสมุทรบอลข่านและชายฝั่งทะเลอีเจียน ซึ่งกั้น
ระหว่างคาบสมุทรบอลข่านและเอเชียไมเนอร์ บริเวณ
เหล่านี้อยู่ในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งรายรอบด้วย
อารยธรรมสำคัญของโลก คืออารยธรรมอียิปต์และเม
โสโปเตเมีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ใกล้กับเกาะครีตซึ่ง
เป็นศูนย์กลางของอารยธรรมไมนวน (Minoan
Civilization ประมาณปี 2000-1400 ก่อนคริสต์
ศักราช) ที่เกิดจากการผสมผสานอารยธรรมของดิน
แดนในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้ชาวกรีก
สมัยโบราณมีโอกาสรับและแลกเปลี่ยนความเจริญ
ด้านต่างๆ ของอารยธรรมเมโสโปเตเมียและอียิปต์
จากเกาะครีต
อนึ่ง พื้นที่ในคาบสมุทรบอลข่านตอนใต้ยัง
ประกอบด้วยภูเขาและที่ราบสูงซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการ
รวมศูนย์อำนาจปกรอง ทำให้ชาวกรีกสมัยโบราณมี
การปกครองแบบนครรัฐและมักเกิดสงครามระหว่าง
นครรัฐ เช่น กรณีนครรัฐสปาร์ตา (Sparta) ทำ
สงครามรุกรานกรุงเอเธนส์ นอกจากนี้กรีกยังมีพื้นที่
ราบสำหรับการเพาะปลูกไม่มากนัก ทำให้ไม่สามารถ
พึ่งพาการประกอบอาชีพเกษตรกรรมเพียงอย่างเดียว
ได้ แต่สภาพที่ตั้งซึ่งมีชายฝั่งทะเลและท่าเรือที่เหมาะ
สมจำนวนมาก
ชาวกรีกจึงสามารถประกอบอาชีพประมงและเดิน
เรือค้าขายกับดินแดนต่างๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
รวมทั้งมีโอกาสขยายอิทธิพลไปยึดครองดินแดนอื่นๆ
ในเขตเอเชียไมเนอร์ด้วย ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน
และถ่ายทอดอารยธรรมต่อกัน โดยเฉพาะการนำ
อารยธรรมของโลกตะวันออกไปสู่ตะวันตก
ชาวกรีกโบราณ ชาวกรีกโบราณเรียกตัวเองว่า “เฮลลีน”
(Hellene) เป็นพวกอินโด-ยูโรเปียนกลุ่มหนึ่งที่อพยพมาจากทางตอนเหนือ
ของประเทศกรีกปัจจุบัน เมื่อประมาณ 2000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในระยะแรก
กระจายอยู่เป็นเผ่าต่างๆ ในคาบสมุทรบอลข่านและเขตทะเลอีเจียน ที่สำคัญ
ได้แก่ พวกไอโอเนียน (Ionians) และพวกไมซีเนียน (Mycenaeans) โดย
ทั่วไปชาวกรีกโบราณประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเดินเรือ ต่อมาเผ่าที่มี
ความเจริญได้ขยายอำนาจและก่อตั้งเป็นนครรัฐ ที่สำคัญได้แก่นครรัฐของพวก
ไมซีเนียนซึ่งยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ และมีอำนาจสูงสุดประมาณปี 1600-
1100 ก่อนคริสต์ศักราช โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองไมซีเน ทางตอนใต้ของ
ประเทศกรีซในปัจจุบัน พวกไมซีเนียนเป็นนักรบที่มีความเก่งกล้า สามารถยึด
ครองดินแดนของนครรัฐอื่นๆ รวมทั้งเกาะครีต และรับอิทธิพลของอารยธรรม
ต่างๆ โดยเฉพาะอารยธรรมไมนวนของชาวเกาะครีต
ต่อมาประมาณปี 1100 ก่อนคริสต์ศักราช พวกกรีกอีกกลุ่มหนึ่ง
เรียกว่า ดอเรียน (Dorians) ซึ่งอพยพมาจากทางเหนือและขยายอำนาจครอบ
ครองดินแดนของพวกไมซีเนียน พวกนี้ได้สร้างนครรัฐสปาร์ตาเป็นศูนย์กลาง
ปกครองของตน พวกดอเรียนมีความเจริญน้อยกว่าไมซีเนียนและไม่รู้หนังสือ
จึงไม่มีหลักฐานที่กล่าวถึงดินแดนกรีกภายใต้อิทธิพลของพวกดอเรียนในช่วงปี
1100-750 ก่อนคริสต์ศักราชมากนัก จนกระทั่งประมาณปี 750 ก่อนคริสต์
ศักราช ได้มีการประดิษฐ์อักษรซึ่งรับรูปแบบมาจากอักษรและพยัญชนะของ
พวกฟีนิเชียนที่เข้ามาติดต่อค้าขายในช่วงนั้น อย่างไรก็ตามแม้พวกดอเรียนจะ
มีอำนาจเข้มแข็งแต่ก็ไม่สามารถรวมอำนาจปกครองนครรัฐกรีกได้ทั้งหมด
หลังจากนครรัฐสปาร์ตาเสื่อมอำนาจ เมื่อปี 371 ก่อนคริสต์ศักราช
นครรัฐกรีกอื่นๆ ก็พยายามรวมตัวกันโดยมีนาครรัฐทีบีส (Thebes) เป็นผู้นำ
แต่ในที่สุดก็ถูกกษัตริย์ฟิลิปแห่งมาซิโดเนียซึ่งอยู่ในเขตเอเชียไมเนอร์รุกราน
และครอบครองเมืื่อปี 338 ก่อนคริสต์ศักราช ต่อมาเมื่อพระเจ้า
อะเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great, ปี 336-323 ก่อนคริสต์
ศักราช) โอรสของพระเจ้าฟิลิปได้ปกครองจักรวรรดิมาซิโดเนีย พระองศ์ได้
ขยายอาณาจักรออกไปอย่างกว้างขวางจนถึงเขตลุ่มแม่น้ำสินธุและได้ครอบ
ครองแหล่งอารยธรรมต่างๆ ของโลก ได้แก่ อียิปต์ เมโสโปเตเมีย และ
เปอร์เซีย จึงมีการรับความเจริญจากแหล่งต่างๆ เหล่านั้นมาผสมผสานกับ
อารยธรรมกรีก เรียกว่า อารยธรรมเฮลเลนิสติกตามชื่อสมัยเฮลเลนิสติก
(Hellenistic) ซึ่งเริ่มตั้งแต่สมัยของพระเจ้าอะเล็กซานเดอร์มหาราชจนกระทั่ง
สิ้นสลายเมื่อประมาณปี 146 ก่อนคริสต์ศักราช จากนั้นดินแดนกรีกได้ตกอยู่
ใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมัน ความเจริญต่างๆ ที่ชาวกรีกสั่งสมไว้ก็
กลายเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมโรมัน
ระบอบนครรัฐกรีก การปกครองแบบนครรัฐของกรีกที่มีความหลาก
หลาย ส่งเสริมให้นครรัฐแต่ละแห่งมีโอกาสพัฒนารูปแบบและวิธีการปกครอง
ของตนเอง นครรัฐสำคัญที่มีบทบาทพัฒนาอารยธรรมด้านการปกครอง ได้แก่
สปาร์ตาและเอเธนส์
นครรัฐสปาร์ตา มีการปกครองแบบทหารนิยม คณะผู้
ปกครองมีอำนาจสูงสุดและเด็ดขาด พลเมืองชายทุกคนที่มีอายุ
ตั้งแต่ 20-60 ปี ต้องถูกฝึกฝนให้เป็นทหาร เรียนรู้วิธีการต่อสู้
และเอาตัวรอดในสงคราม แม้แต่พลเมืองหญิงก็ยังต้องฝึกให้มี
สุขภาพแข็งแรงเพื่อเตรียมเป็นมารดาของทหารที่แข็งแกร่งใน
อนาคต และพวกสปาร์ตายังต่อต้านความมั่งคั่งฟุ่มเฟือย เพราะ
เกรงว่าอำนาจของเงินตราจะทำลายระเบียบวินัยทหาร รวมทั้ง
ยังไม่สนับสนุนการค้าขายและการสร้างสรรค์ศิลปกรรมใดๆ
การปกครองของพวกสปาร์ตานับเป็นการขัดขวางสิทธิของ
ปัจเจกชน และเป็นต้นกำเนิดของระบอบการปกครองแบบ
เผด็จการเบ็ดเสร็จ (Totalitarianism)
นครรัฐเอเธนส์ เป็นต้นกำเนิดของรัฐ
ประชาธิปไตย นครรัฐเอเธนส์ปกครองโดยสภาห้า
ร้อย ซึ่งได้รับเลือกมาจากพลเมืองเอเธนส์ที่มีสิทธิ
ออกเสียง สภานี้มีหน้าที่ตรวจสอบร่างกฎหมายและ
บริหารกภารปกครอง นอกจากนี้ยังมีสภาราษฎร ซึ่ง
เป็นที่ประชุมของพลเมืองที่มีสิทธิออกเสียงทุกคนและ
ทำหน้าที่พิจารณาร่างกฎหมาย การที่เอเธนส์ให้สิทธิ
และเสรีภาพแก่ปัจเจกชน ทำให้เกิดนักคิดและนัก
ปราชญ์ที่เรียกว่าพวกโซฟิสต์ (Sophists) สำนักต่างๆ
ในสังคมเอเธนส์ แนวคิดและปรัชญาของนักปรัชญา
คนสำคัญ ได้แก่ โซเครติส และเพลโต และยังเป็น
หลักปรัชญาของโลกตะวันตกด้วย
ความรุ่งเรืองของอารยธรรมกรีก
ชาวกรีกได้สร้างสรรค์ความเจริญให้เป็น
มรดกแก่ชาวโลกจำนวนมาก ที่สำคัญได้แก่ ความเจริญ
ด้านศิลปกรรม ปรัชญา การศึกษา วรรณกรรมและ
วิทยาการต่างๆ
ศิลปกรรม ความเจริญด้านศิลปกรรมเป็นจุด
เด่นอย่างหนึ่งของอารยธรรมกรีกซึ่งได้รับการยกย่องว่า
เป็นต้นแบบของงานศิลปกรรมของโลก ส่วนใหญ่เป็นงาน
สร้างสรรค์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความศรัทธาทาง
ศาสนา โดยสร้างขึ้นเพื่อแสดงความเคารพบูชาและ
บวงสรวงเทพเจ้าของตน ผลงานที่ได้รับการยกย่องมี
จำนวนมากที่สำคัญได้แก่ ด้านสถาปัตยกรรม
ประติมากรรม จิตรกรรม และศิลปะการแสดง
ด้านสถาปัตยกรรม ชาวเอเธนส์ได้สร้างสรรค์งานด้าน
สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นให้แก่ชาวโลกจำนวนมาก ส่วนใหญ่
เป็นการก่อสร้างอาคารเพื่อกิจกรรมสาธารณะ เช่น วิหาร สนาม
กีฬา และโรงละคร ความโดดเด่นของงานสถาปัตยกรรมไม่ได้
ขึ้นอยู่กับความใหญ่โตของสิ่งก่อสร้าง แต่เป็นความงดงามของ
สัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น วิหารพาร์เธนอน
(Parthenon) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาอะโครโพลิส (Acropolis)
เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีสัดส่วนงดงามทั้งความยาว ความกว้างและ
ความสูง จัดว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของโลก
ด้านประติมากรรม ผลงานด้านประติมากรรมจัดว่าเป็นสิ่งที่
โดดเด่นที่สุดในงานศิลปกรรมของกรีก ชาวกรีกสร้างงาน
ประติมากรรมจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นรูปปั้นเทพเจ้าของกรีก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชาวกรีกยอมรับและเชื่อมั่นในคุณค่าของ
มนุษย์ ผลงานประติมากรรมจึงดูเป็นธรรมชาติ ลักษณะของ
สรีระกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นคล้ายมนุษย์ที่มีชีวิต ผลงานชิ้นเยี่ยม
ได้แก่ รูปปั้นเทพีอะทีนา ที่วิหารพาร์เทนอน และเทพเจ้าซุส ที่
วิหารแห่งโอลิมเปีย
ด้านจิตรกรรม ที่ปรากฏอยู่ส่วนใหญ่เป็นลวดลายที่เขียนบน
เครื่องปั้นดินเผา เช่น แจกัน คนโท ฯลฯ และจิตรกรรมฝาผนังที่พบใน
วิหารและกำแพง
ศิลปะการแสดง ชาวกรีกได้คิดค้นศิลปะการแสดงประเภทต่างๆ
ส่วนใหญ่เป็นการแสดงเพื่อเฉลิมฉลองพิธีบวงสรวงเทพเจ้าของตน เช่น
ละครกลางแจ้งซึ่งเป็นต้นแบบของการแสดงละครในปัจจุบัน ดนตรีและ
การละเล่นอื่นๆ
ปรัชญา ความเจริญด้านปรัชญาได้รับการยกย่องว่าเป็นความเจ
ริญรสูงสุดของภูมิปัญญากรีกเช่นเดียวกับความเจริญด้านศิลปกรรม
นักปรัชญากรีกที่มีชื่อเสียงโดดเด่น ได้แก่ โซเครติส เพลโต และ
อริสโตเติล
การศึกษา การศึกษามีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของชาวกรีก
เพราะทำให้ชาวกรีกมีสถานะที่ดีในสังคม ผู้ที่ได้รับการศึกษาสูงจะมี
ส่วนร่วมทางการเมืองการปกครอง โดยเฉพาะชาวเอเธนส์เชื่อว่าระบอบ
ประชาธิปไตยจะประสบความสำเร็จได้ถ้าหากผู้นำมีการศึกษา ดังนั้น
จึงจัดการศึกษาขั้นประถมให้แก่เด็กชายโดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน
วิชาที่สอนในระดับประถมศึกษา ได้แก่ ไวยากรณ์กรีก ซึ่งรวมถึงมหา
กาพย์ อีเลียด (Iliad) และ โอเดสซี (Odyssey) ของโฮเมอร์ (Homer)
ดนตรี และยิมนาสติก หลักสูตรนี้เน้นการฝึกฝนความรู้ด้านภาษา อารมณ์
และความแข็งแกร่งของร่างกาย ส่วนเด็กโตจะศึกษาวิชากวีนิพนธ์ การ
ปกครอง จริยศาสตร์ ตรีโกณมิติ ดาราศาตร์ วาทกรรม เมื่อสำเร็จหลักสูตร
แล้ว เยาวชนชายเหล่านี้ก็มีความสมบูรณ์ทั้งสติปัญญาและร่างกายและพร้อม
เป็นพลเมืองกรีกเมื่ออายุครบ 19 ปี
วิธีจัดหลักสูตรที่สร้างความพร้อมให้แก่พลเมืองทั้งด้านสติปัญญา
อารมณ์ และร่างกายนี้ เป็นแบบอย่างที่นักการศึกษาของโลกตะวันตกนำมา
พัฒนาและใช้มาจนถึงปัจจุบัน
วรรณกรรม วรรณกรรมของกรีกได้รับการยกย่องอยู่ในกลุ่มวรรณกรรมที่ดี
ที่สุดของโลก วรรณกรรมที่โดดเด่นได้แก่ มหากาพย์ของโฮเมอร์เรื่อง อีเลียด
และโอเดสซี ซึ่งแต่งขึ้นประมาณช่วงศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสต์ศักราช เพื่อ
สะท้อนความรู้สึกของกวีต่อโศกนาฏกรรมในสงครามกรุงทรอย (Troy)
นอกจากความงดงามของภาษาและการดำเนินเรื่องแล้ว มหากาพย์ทั้งสอง
เรื่องนี้ยังให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวิถีชีวิต ประเพณีและความคิด
ของชาวกรีกในช่วง 1000-700 ปีก่อนคริสต์ศักราช นอกจากผลงานที่ยิ่งใหญ่
นี้แล้ว กรีกยังมีผลงานด้านวรรณกรรมอีกจำนวนมาก เช่น โศลก กวีนิพนธ์
วรรณคดี และบทละคร ซึ่งมีทั้งประเภทโศกนาฏกรรมและสุขนาฏกรรม จัด
เป็นต้นแบบของการแสดงละครของชาวตะวันตกที่สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ความเจริญของวิทยาการต่างๆ กรีกเป็นต้นแบบของโลกตะวันตกในการ
พัฒนาความเจริญด้านวิทยาการต่างๆ
ประวัติศาสตร์ กรีกเป็นชาติแรกในโลกตะวันตกที่เริ่มศึกษาประวัติศาสตร์ตาม
แบบวิธีการทางประวัติศาสตร์ซึ่งได้แก่ การสืบค้นข้อมูล การตรวจสอบหลักฐาน และ
การเลือกใช้ข้อมูล นักประวัติศาสตร์กรีกคนแรกที่เริ่มเขียนงานประวัติศาตร์ใน
ลักษณะนี้คือ เฮโรโดตัส (Herodotus) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่ง
ประวัติศาสตร์ของโลกตะวันตก นอกจากนี้ยังมี ทูซิดิดีส (Thucydides) นัก
ประวัติศาสตร์ที่ได้รับการยกย่องด้านการสร้างผลงานทางประวัติศาสตร์และ
มาตรฐานของวิธีการศึกษาค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ยึดถือกันอยู่
ในปัจจุบั
คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เจริญรุ่งเรืองมากตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสต์ศักราช
นักคณิตศาสตร์ชาวกรีกค้นพบทฤษฎีทางเรขาคณิตและพีชคณิต ซึ่งเป็นพื้นฐานของ
การคำนวณและประมวลผลขั้นสูง นอกจากนี้กรีกยังมีความก้าวหน้าทางด้าน
วิทยาศาสตร์ โดยมีอริสโตเติลเป็นผู้วางรากฐานการศึกาษวิชาพฤกษศาสตร์
สัตวแพทย์ และกายวิภาค
ด้านการแพทย์ ฮิปโปเครตีส (Hippocrates) เป็นแพทย์ชาวกรีกที่มีชื่อเสียง
และค้นพบว่าโรคร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากธรรมชาติไม่ใช่การลงโทษของ
เทพพระเจ้า เขาเชื่อว่าวิธีการรักษาที่ดีที่สุดคือการควบคุมด้านโภชนาการและการ
พักผ่อน นอกจากนี้ ฮิปโปเครตีสยังเป็นผู้ริเริ่มวิธีการรักษาโรคด้วยการผ่าตัด และ
กำหนดหลักจรรยาบรรณแพทย์ที่ถือปฏิบัติต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ดาราศาตร์และภูมิศาสตร์ ความก้าวหน้าด้านคณิตศาสตร์ ช่วยให้นักดาราศาต
ร์ชาวกรีกคำนวณตำแหน่งของดวงดาวและระบบสุริยจักรวาล นักดาราศาตร์กรีกบาง
คนเชื่อว่าโลกและดาวเคราะห์ดวงอื่นหมุนรอบดวงอาทิตย์ อย่างไรก้ตาม พวกเขาไม่
สามารถโน้มน้าวให้ชาวกรีกยอมรับการค้นพบนี้ อนึ่ง นักภูมิศาสตร์กรีกยังเชื่อว่า
โลกกลมซึ่งทำให้สามารถเดินเรือจากกรีกไปถึงอินเดียได้ รวมทั้งยังค้นพบว่าการขึ้น
ลงของกระแสน้ำเกิดจากอิทธิพลของดวงจันทร์
สรุปสาระสำคัญ
ที่ตั้งและภูมิศาสตร์
ตั้งอยู่บริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลอีเจียน มีต้นกำเนิดมาจาก
อารยธรรมไมนวน (ไมชีนี) บนเกาะครีต
การเมืองการปกครอง
สภาพการเมืองการปกครองมีรูปแบบเป็นนครรัฐ เรียกว่า โพลิส และมี
นครรัฐที่สำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ เอเธนส์ สปาร์ตา และไมซีเนียร์ และมีการ
ปกครองแบบประชาธิปไตย ในเมืองเอเธนส์
ระยะเวลาสงคราม
499 - 449 ปีก่อนคริสตกาล
•สงครามกรีก-เปอร์เซีย
•เกิดสงครามระหว่างกรีกและเปอร์เซียเป็นเวลากว่า 40 ปี สุดท้ายกรีกชนะสงคราม
•เกิดสนธิสัญญาสันติภาพคัลลิอัส
431 - 404 ปีก่อนคริสตกาล
•สงครามเพโลพอนนีเซียน หรือสงครามเพโลพอนนีส
เกิดสงครามระหว่างเอเธนส์และสปาร์ตา
ส่งผลให้โรมันเริ่มมีอำอาจมากขึ้นจากการเสื่อมอำนาจของเอเธนส์และสปาร์ตา
การสลายของกรีก
•พระเจ้าออเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาชิโดเนียได้เข้ายึดครองกรีก
ทำให้กรีกขยายดินแดนออกไปได้อย่างกว่างขวาง
•หลังการสิ้นพระชนของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช เมื่อประมาณ
146 ปีก่อนคริสตกาลจักรวรรดิกรีกก็แตกแยก
•หลังจากการแตกแยกของกรีก จักรวรรดิโรมันที่เริ่มเรืองอำนาจมากขึ้น
ได้เข้ายึดกรีก และผนวกกรีกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน
เทพในตำนานของชาวกรีก
ชาวกรีกโบราณนับถือเทพมากมายหลายองค์ โดยมีเทพสุดสุง 3 องค์ ได้แก่
•ซุส (Zeus) เทพผู้เป็นราชาแห่งเทพทั้งมวล ไม่เว้นเเม้เเต่เหล่ามนุษย์ ซึ่งมี
สายฟ้า (Thunderbolt) หรือ อัศนีบาตเป็นอาวุธ
•โพไซดอน (Poseidon) เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ผู้เป็นน้องชายของซุส มี
ตรีศูล หรือ สามง่ามเป็นอาวุธ
•ฮาเดส หรือ ฮีเดส (Hedes) เทพแห่งยมโลกใต้ดิน ผู้ซึ่งเป็นความหวังของ
ชาวเหมืองแร่
มรดกของกรีก ด้านปรัชญาและการศึกษา
ด้านสถาปัตยกรรม
• นิยมสร้างด้วยหินอ่อน • มหากาพย์ที่สำคัญ คือ อีเลียด และ โอดิสชีย์
หลังคาหน้าจั่ว เสาเรียงราย เช่น ซึ่งเชื่อกันว่าแต่งขึ้นโดย มหากวี โฮเมอร์
วิหารพาร์เธนอน
•ด้านประวัติศาสตร์
• หัวเสาแบบกรีก -The Histories เขียนโดยบิดาแห่ง
ประวัติศาสตร์ เฮโดโรตัส ผู้วางรากฐานการ
เขียนประวัติศาสตร์
-ทูชิดิดีส ผู้เขียนเรื่องประวัติศาสตร์ของสง
ครามเพโลพอนนีเซียน
• ด้านปรัชญา
-โสคราตีส ผู้วางรากฐานปรัชญาตะวันตก
-เพลโต บิดาแห่งวิชาปรัชญาการเมือง
-อริสโตเติล บิดาแห่งวิชารัฐศาสตร์
• ด้านการเเพทย์
-ฮิปโปคราตีส บิดาแห่งการแพทย์
ตะวันตก ผู้วางรากฐานการแพทย์
• ด้านคณิตศาสตร์
-อาร์คีดีมีส ค้นพบค่าพาย และการหา
ปริมาตรโดยการแทนที
-ยูคลิด แต่งหนังสือ The Elements และ
วางรากฐานวิชาเรขาคณิต
-พีทาโกรัส คิดค้นทฤษฎีพีทาโกรัส
ความรู้เพิ่มเติม
https://youtu.be/pVl9ytgcU4w
https://youtu.be/KNj1LMHOegs
คำถามทบทวน
1.อารยธรรมกรีกมีศูนย์กลางอยู่ที่ใด
ก.อีเจียน
ข.เอเธนส์
ค.ไมนวน
2.ปัจจัยใดที่ส่งเสริมให้เกิดอารยธรรมกรีกโดยรวม
ก.ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ชาวกรีกโบราณ และระบอบนครรัฐ
กรีก
ข.ระบอบนครรัฐกรีก
ค.ที่ตั้งภูมิศาสตร์
3.อินโด-ยูโรเปียอพยพมาจากทางตอนใดของประเทศกรีก
ก.ใต้
ข.เหนือ
ค.ตะวันตก
4.นครรัฐสำคัญมีบทบาทพัฒนาอารยธรรมด้านใด
ก.ด้านการเมือง
ข.ด้านการเกษตร
ค.ด้านการปกคอรง
5.นครรัฐสปาร์ตามีการปกครองแบบใด
ก.ประชาธิปไตย
ข.ทหารนิยม
ค.ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา
6.การปกครองของพวกสปาร์ตาเป็นต้นกำเนิดของระบอบการ
ปกครองแบบใด
ก.ระบอบการปกครองเเบบเผด็จการเบ็ดเสร็จ
ข.ระบอบการปกครองแบบจักรวรรดิ
ค.ระบอบการปกตรองแบบเผด็จการ
7.งานศิลปกรรมสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ใด
ก.เพื่อใช้แสดงในงานบวงสรวง
ข.เพื่อแสดงให้เห็นถึงความงดงามของงานศิลปกรรม
ค.เพื่อแสดงความเคารพ และบวงสรวงเทพเจ้า
8.งานประติมากรรมส่วนใหญ่เป็นรูปปั้นใด
ก.รูปปั้นสถานที่
ข.รูปปั้นสิ่งสำคัญ
ค.รูปปั้นเทพเจ้า
9.ศิลปะการแสดงเป็นการแสดงเพื่อจุดประสงค์ใด
ก.เพื่อเฉลิมฉลองพิธีบวงสรวงเทพเจ้า
ข.เพื่อเฉลิมฉลอง
ค.เพื่อเคารพเทพเจ้า
10.การศึกษามีความสำคัญตรอวิถีชีวิตของชาวกรีกเพราะ
อะไร
ก.เพราะทำให้คนในครอบครัวยอมรับ
ข.เพื่อทำให้มีสถานะที่ดีในสังคม
ค.เพื่อให้ผู้คนยอมรับ
https://docs.google.com/forms/d/1pLANjq9DVL
hJzzg2eb1HaEZrrbDtoLPIqTscjwvlGtw/edit
บรรณานุกรม
https://sites.google.com/site/prawatisastrsaklyuk
hklang/yukh-klang/krik
https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/
1776091
https://sites.google.com/a/samakkhi.ac.th/sux-
kar-reiyn-ru-wicha-prawatisastr-sakl/xarythrrm-
krik-boran